★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58  (อ่าน 55944 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หาโอกาสได้เป็นหยอด

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
55555 น้องสองคนนิก็เเผนสูงใช่ย่อยนะ ตัวยุเต็มที่ขนาดนี้พี่น้ำต้องรุกหนักเท่านั้นจริงๆ

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 12)




ตอนที่ 12 กาแฟที่ชงผิด





น้ำเงยหน้าขึ้นมาอีกที สองสาวที่นั่งคุยเล่นไปทำต้นไม้ในมือไปก็หลับปุ๋ยไปเสียแล้ว เหลือบตามองนาฬิกาบนผนังเหนือโทรทัศน์ก็ล่วงเข้าวันใหม่มาได้เกือบสองชั่วโมง


กระดาษชานอ้อยถูกประกอบขึ้นเป็นอาคารสูงรูปร่างทันสมัยสองอาคารขนาดประมาณหนึ่งฟุต กรอบหน้าต่าง ระเบียงและกระจกใส่ที่ตัดมาจากแผ่นพลาสติกถูกติดอย่างประณีตไม่มีคราบกาวให้เห็น โมเดลอาคารนี้วางอยู่บนกระดาษชานอ้อยอีกทีหนึ่ง รอนำไปจัดวางบนโมเดลใหญ่จึงเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ เห็นเวลาแล้วเจ้าของผลงานก็ยิ้มในใจ เพราะงานวันนี้บรรลุตามที่เขาตั้งเป้าไว้


ออกจะเหนือความคาดหมายด้วยซ้ำเมื่อได้แรงงานเพิ่มมาอีก 2 ชีวิต มองไปทางซ้ายมือเขาเห็นต้นไม้ประดิษฐ์วางเรียงอยู่ในแผ่นโฟมเป็นแถว แยกขนาดและชนิดอย่างเป็นระเบียบเพื่อความสะดวกและง่ายต่อการจัดลงโมเดลใหญ่ตามแปลนที่เขียนไว้


ชายหนุ่มขยับตัวไล่ความปวดร้าวบริเวณไหล่และหลัง สะบัดคอสองสามครั้งเพื่อระบายความง่วง สายตาก็มาหยุดตรงร่างของชายหนุ่มอีกคนที่นั่งทำตาปรือ มือผอมเอื้อมมาหยิบคัดเตอร์เพื่อตัดสายไฟออกแล้วใช้ลวดทำต้นไม้ หยิบครั้งที่สามแล้วก็ยังไม่ถูกสักทีจนคนมองอยู่สงสารเอ่ยบอกให้ไปนอน 

“ดี ง่วงแล้วก็เข้าไปนอนเถอะ ปลุกสองสาวให้เข้าไปนอนในห้องนอนด้วยกันเลย”

ได้ยินเสียงตอบรับ ลุกขึ้นขยับแข้งขา แล้วปลุกสองสาวให้เข้าไปนอนในห้องนอน น้ำใช้สองมือไล่กวาดเศษต่างๆ แล้วจัดระเบียบแยกสิ่งที่ต้องใช้และไม่ใช้ กวาดพื้นพอสะอาดแล้วก็จัดของอีกรอบเตรียมทำส่วนต่อไป แม้ว่างานวันนี้จะเสร็จตามวางไว้ แต่เขาก็ไม่ชะล่าใจพักผ่อน รีบทำส่วนอื่นทันที




“ทำอะไร”

เสียงประตูปิดทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้าห้องไปเมื่อครู่กลับออกมาจากห้องนอนของหวาน ดีไม่ตอบคำถามเหมือนเคย เขาเดินมายังโซฟาซึ่งเดิมวางอยู่กลางห้องหน้าโทรทัศน์และถูกย้ายไปอยู่ชิดผนังเพื่อให้เขามีพื้นที่ในการทำงานกว้างขึ้น ดียกของที่วางเกะกะบนโซฟาไปไว้บนโต๊ะอาหาร ตอนเดินกลับมายังเห็นเขาจ้องด้วยความสงสัยเต็มแก่จึงตอบคำถาม
 
“นอน” เสียงง่วงงุน ดวงตาชั้นเดียวปรือเสียจนมองไม่ออกว่าลืมตาอยู่หรือไม่
“มานอนทำไมข้างนอก ไม่เข้าไปนอนในห้องล่ะ” คืนนี้เขาคงทำงานเปิดไฟทั้งคืน ออกมานอนข้างนอกแสงจะแยงตานอนไม่หลับเอาได้ 
“ให้นอนตรงไหน แค่หวานกับซีก็เต็มเตียงแล้ว” น้ำเสียงมีแววหงุดหงิดเมื่อโดนรบกวนตอนที่กำลังจะนอน
“นอนในห้องพี่ไง” เห็นว่าอีกคนยืน หยีตาไม่หือไม่อือนิ่งเฉยจึงเดินไปคว้าข้อมือนำไปยังห้องนอนของตนเองที่อยู่ลึกเข้าไปข้างใน คนถูกลากได้สติจึงรีบโวยวาย
 

“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวก่อนสิโว้ย” ดีทั้งบิดและสะบัดข้อมือ พลางยั้งตัวเองไม่ให้เดินตามแรงดึงแต่กลับไม่เป็นผล
“อะไร” เขาพูดโดยที่ยังเดินต่อไปไม่สนใจที่คนท้วงสักนิด จนน้ำเปิดประตูห้องนอนนั่นแหละ ดีจึงสะบัดข้อมือหลุดออกมาได้
“ไม่เอา จะนอนโซฟา”
“โซฟามันเล็กจะตาย นอนในห้องสบายกว่าเยอะ แสงไม่แยงตาด้วย”
“ไม่เอา” ดีเตรียมจะหมุนตัวกลับ แต่เขาไวกว่าคว้าไหล่ไว้ทันจึงแกล้งแหย่ไป
“ทำไม กลัวเหรอ” นัยน์ตาสีดำสนิทมีประกายหยอกเย้า ดีขมวดคิ้วมองเขา ตีหน้ายุ่งแล้วตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ปลอดภัยไว้ก่อน ไม่ผิดหรอก” 

 “ฮะ ฮะ คิดไปได้นะเรา พี่ทำงานอยู่ข้างนอกทั้งคืนแหละ ไปนอนเถอะ อีกอย่างสองสาวก็อยู่จะให้ทำอะไรหรือไง” คำตอบที่ได้ทำเอาหลุดขำ

“ก็พี่เล่นจ้องจะงาบอย่างเปิดเผยขนาดนี้ ดีไม่ดีสองสาวนั่นอาจจะยินดีด้วยซ้ำไปถ้าพี่จะทำอะไรผม”

แม้คนตรงหน้าจะมีใบหน้าเคร่งเครียด แต่เขากลับยิ้มกว้างออกมา ไม่ต่อล้อต่อเถียงอย่างเคย จนดีต้องเป็นฝ่ายถามบ้าง

“ยิ้มอะไร”
“ชอบ” เว้นระยะให้อีกคนหลุดเหวอแล้วจึงพูดต่อ “ก็เรียกพี่ว่า ‘พี่’ และแทนตัวเองว่า ‘ผม’ แล้ว ดีใจจัง”
“ประสาทว่ะ” ทำหน้าเหม็นเบื่ออีกแล้ว


“ตกลงเข้าไปนอนในห้องนะ มาสิ” เขาเดินนำเข้าไป เปิดไฟ เปิดเครื่องปรับอากาศ ปิดม่านที่เปิดกว้างหน้าระเบียงให้ด้วย เดินไปเก็บหนังสือที่วางไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียงไว้บนชั้น เดินวนไปมา แล้วจึงแสร้งหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดกระจกก็โดนขัดเสียก่อน



“ไหนว่าจะทำงานไง” รู้สึกเหมือนโดนรู้ทัน ที่เดินไปมาทำเป็นเก็บห้องนี่ไม่เนียนหรอกหรือ ยอมเดินไปใกล้ประตูทำท่าผายมือเชื่อเชิญเข้าห้องเต็มที่
“นอนให้สบายนะครับ หรือถ้ายังไม่นอนจะค้นอะไรเล่นก็ได้นะ พี่ไม่ถือ” เขาหันมาพูดยิ้มๆ ให้คนที่ยังไม่กล้าเดินเข้ามาในห้อง ดีกอดอกอยู่ตรงประตูห้องมองเขาเฉย

“ฝันดีครับ”

เขาบอกเมื่อลากอีกฝ่ายเข้ามาในห้องนอนได้ หมุนตัวออกไปยืนนอกห้องแทนที่แล้วปิดประตูเบาๆ ตาม



.
.
.



นอนไม่หลับเว้ย!


โชคดีบอกกับตัวเองเป็นรอบที่สามสิบแปดว่านอนซะ พรุ่งนี้จะได้รีบกลับบ้านแต่เช้า แต่ก็ไม่สำเร็จ ความรู้สึกง่วงจนแทบลืมตาไม่ขึ้นหายเกลี้ยง ในห้องนอนที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์วาดภาพ กระดาษและกลิ่นสีเหล่านี้ทำให้เขาตื่น ไม่เกี่ยวกับกลิ่นเจ้าของห้องที่ติดอยู่บนเครื่องนอนแม้แต่น้อย และใช่...เพราะแปลกที่ด้วยอีกอย่างแน่ๆ ที่ทำให้เขาตาค้างอยู่อย่างนี้


โว้ย ถ้านอนไม่หลับก็อย่าหลับเลยดีกว่า !


ชายหนุ่มลุกขึ้นมาจากเตียงเมื่อความพยายามในการสะกดตัวเองให้นอนในรอบที่สี่สิบล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง




แกร็ก

เสียงประตูเปิดออกอีกครั้งทำเอาคนที่นั่งทำงานอยู่เงียบๆ หันมอง ไอ้พี่น้ำจืดที่กำลังก้มหน้าก้มตาตัดบางอย่างด้วยคัดเตอร์เลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัย

“มีอะไร เข้าห้องน้ำหรอ”

เขาไม่ตอบ เดินเลี่ยงไปทางห้องครัว หยิบแก้วขึ้นมารินน้ำดื่ม จะทำตัวคุ้นเคยไปหน่อยไหม! เขาต่อว่าตนเอง



เห็นหน้าคนที่นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดแล้วบอกกับตัวเองที่กำลังเทกาแฟสำเร็จรูปลงในแก้ว ว่าหยิบผิด ความจริงแล้ว เขาจะกินไมโลต่างหาก กาแฟผสมกับน้ำร้อนส่งกลิ่นไปทั่วครัวเล็ก เติมน้ำตาลและครีมจนพอใจเสร็จแล้วจึงมองหาไมโลชงให้กับตนเอง

กาแฟร้อนๆ ที่มีมือผอมยื่นมาวางให้ตรงหน้าส่งกลิ่นหอม เขาเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มกว้างกำลังจะกล่าวขอบใจ แต่โดนอีกฝ่ายพูดมาก่อนว่า

“ชงผิดเลยเอามาให้กิน อย่าคิดอะไรบ้าๆ นะเว้ย”
“ยังไม่ได้ว่าอะไร ทำไมดีรู้ใจพี่จังละครับ” เขาจึงเปลี่ยนมาแกล้งอีกคนแทน
“ฮึ่ย ทำไมถึงชอบพูดอะไรอุบาทว์ๆ แบบนี้นะ ฟังแล้วจะอ้วก” ดีนั่งลงถัดจากเขา วางแก้วของตนเองไว้บนพื้น
“ไม่ชอบหรอ”
“พี่แม่งบ้าหรือเปล่า ใครที่ไหนจะชอบกันวะ”
“สองสาวไง” พูดจาแบบนี้กับดีทีไร สองสาวกรี๊ดกร๊าดมีความสุข ‘ฟิน’ ทุกที
“สองคนนั้นมันบ้า”


เขาหัวเราะเบาๆ แล้วจิบกาแฟที่มีคนบอกว่าชงผิด กาแฟแก้วนี้หวานจัดทั้งยังมันจนเลี่ยน บอกกับตัวเองว่าคราวหน้าคงต้องบอกคนชงว่าไม่เพิ่มน้ำตาลหรือครีมใดๆ แต่วันนี้ดื่มหวานแบบนี้ก็ได้เพราะร่างกายต้องการพลังงาน ทั้งกาแฟแก้วนี้ยังหอมกว่าปกติที่เขาชงเองเสียอีก


“นี่”

“หืม?” ดีพูดกับเขาหลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมห้องพักใหญ่

“ที่ทำอย่างนี้ คือ พี่ชอบผม จริงๆ เหรอ” สบตากับอีกฝ่ายที่ทำหน้านิ่งราวกับเรื่องที่เป็นประเด็นการพูดคุยครั้งนี้เป็นเรื่องลมฟ้าอากาศ

“คงงั้นนะ” นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ทั้งคู่ได้คุยกันแบบจริงจัง ไม่ใช่การหยอกล้อหรือด่าโวยวายอย่างทั่วๆ ไปที่เกิดขึ้นประจำ

“หมายความว่ายังไง” ดีถามต่อทันที

“ยังไม่แน่ใจ แต่ใช้คำว่าประทับใจล่ะมั้ง เห็นดีให้อาหารหมา ก้มลงเก็บขยะบนพื้นแล้วรู้สึกว่า โห คนนี้เป็นคนดีจัง อยากเข้าไปรู้จัก ประมาณนี้แหละนะ”

“พี่อยากรู้จักใครแล้วทำอย่างนี้หรอวะ เดินเข้าไปบอกว่าจะ ‘จีบ’ เนี่ยนะ”

“นั่นมันสำหรับดีโดยเฉพาะต่างหาก คนอื่นไม่มีหรอก ไม่ต้องหึงหรอกน่า”

“หยุดพูดอย่างนี้เลย เดี๋ยวเจอต่อย”

“อ่า พูดไม่เพราะอีกแล้ว”

“ใครให้กวนตีน อารมณ์เสียอีกล่ะ”

“ถึงไหนแล้วนะ กับดี ความรู้สึกมันต่างไปจากคนอื่นนะ”

“ยังไง”

“มันเหมือนเวลาวาดภาพน่ะ” ดีมองหน้าผม มีคำถามอยู่บนใบหน้าเขา


“รู้สึกมีความสุข เวลาที่ค่อยๆ ลากดินสอขึ้นมาถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในจินตนาการลงในกระดาษ ค่อยๆ ปรับแก้ เพิ่มแสงเงา แตะแต้มสีน้ำที่ผสมเองลงไป จากภาพร่างดินสอกลายเป็นภาพในจินตนาการของเราที่คนอื่นมองเห็นได้เหมือนกัน แบ่งปันความฝัน จรรโลงจิตใจ”


โชคดีนั่งกะพริบตา พยายามเข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดให้ได้มากที่สุด มันเหมือนจะเข้าใจ แต่ทำไมเขาไม่เข้าใจวะ
“จะพยายามเข้าใจละกันนะ” เขาพึมพำกับตนเอง เมื่อเห็นว่าคนตัวสูงจิบกาแฟ แล้วหันไปสนใจทำงานต่อไป













“ให้ช่วยอะไรไหม”


สองมือของคนตัวสูงวุ่นวายกับการตัดพลาสติกใส ทั้งวัดขนาดและกรีดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ





“ความจริงอยากให้ไปนอนมากกว่า....
 แต่ถ้าจะช่วยละก็ตัดพลาสติกนี่ให้หน่อยละกันนะ.... กระรอกน้อย” 



To be continued…


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 13:37:00 โดย Wendy »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ประทับใจขึ้นหรือยังดี

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ชงกาเเฟ 555
เเต่ดูๆเเล้วคงต้องจีบอีกนานนะพี่น้ำ

ออฟไลน์ mynamejnkf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พี่น้ำรุกหนักๆเลยเจ้าค่ะ น้องดียอมแน่นอน ปากแข็งแต่จริงๆก็ชอบเขาล่ะเซ่ กิ๊วๆ :laugh:

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 13)



ตอนที่ 13 ครอบครัวหมู



ตลอดทั้งสัปดาห์หลังเลิกเรียนซีเซ้าซี้ ชักแม่น้ำทั้งห้า ล่อลวง (?) ให้ผมไปช่วยทำโปรเจ็คไอ้พี่น้ำจืดจนได้ (ผู้มีพระคุณนะ ไปเรียกงั้นได้ไง! ซีเหว) ก็พูดกรอกหูทุกวัน ไอ้คนมารับก็มารอรับทุกวัน เหลือแต่โปะยาสลบเท่านั้นแหละที่พวกนั้นไม่ได้ทำ


นอกจากปลูกต้นรัก เอ้ย ต้นไม้หลายชนิดแล้ว ยังได้ปลูกหญ้า ทำก้อนหิน ตัดโฟม ตัดกระดาษชานอ้อย จนผมบ่นกับยัยซีว่าคงไปสอนพิเศษความถนัดสถาปัตย์ฯ ได้อีกคอร์สสบาย (เป็นความคิดที่ดีนะ สนปะ เดี๋ยวซีหาเด็กให้ : ซี)


เย็นวันหนึ่งหลังจากที่ไอ้พี่น้ำจืดรีบออกจากคอนโคแต่เช้าเพื่อเอาโปรเจ็คไปส่ง ซีนัดผมให้มาเจอมันที่คณะ ‘พี่น้ำจะพาไปเลี้ยง’ ดวงตากลมๆ นั้นเป็นประกาย เห็นแก่ของฟรีเชียวนะ ไหนมันเคยบอกว่าสองพี่น้องเป็นผู้มีพระคุณยังไงล่ะ
แน่นอน ผมไปรอซีที่คณะ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปครับ เดี๋ยวเสียน้ำใจคนเลี้ยง



.
.
.



“อยากกินสลัด ไปกินสลัดร้านเขียวๆ กันนะ” ยัยหวานจูงข้อมือซี เดินนำอยู่ข้างหน้าทิ้งผมและไอ้พี่น้ำจืดตามหลัง

“ไม่เห็นชอบกินผักเลย จะกินทั้งทีไปกินเนื้อกันเถอะ”

ซีขืนตัวไม่เดินตามหวานที่กำลังจะก้าวเข้าไปในร้านสลัด ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับซี จะจ่ายเงินกินของแพงๆ ทั้งทีก็ต้องไปกินเนื้อกินหมู จะไปกินสเต็กชิ้นเล็กๆ กับสลัดผักขมๆ ทำไมไม่คุ้มเอาเสียเลย





“ยินดีต้อนรับค่ะ กี่ท่านคะ”

ไอ้พี่น้ำจืดที่เดินนำมาร้านสุกี้บุฟเฟ่ต์ที่มีจานเลื่อนๆ ไม่ตอบพนักงานที่ยิ้มแย้มเข้ามาถามกลับยกมือขึ้นโชว์สี่นิ้ว “สี่ท่านเชิญด้านนี้เลยค่ะ”

ยัยหวานเดินผ่านไม่สนใจโต๊ะที่พนักงานบอก

“นั่งตรงโน้นได้ไหมคะ” โต๊ะที่หวานถามเป็นโต๊ะที่นั่งติดเคาเตอร์ครัว ทำเลดีสุดๆ อยากทานอะไรก็บอกคนจัดอาหารด้านในได้เลย รับรองไม่พลาดสักรายการแต่เราก็ต้องผิดหวัง

“โซนนั้นยังไม่เปิดนะคะ ลูกค้าจะรับจานพิเศษเป็นชุดหมูหรือเนื้อดีคะ” พนักงานรีบถามทันทีที่พวกเรานั่งลงเรียบร้อยแล้ว
“หมู” ยัยซีตอบไวกว่าใครเพื่อ “น้ำซุปเป็นซุปสาหร่ายกับต้มยำค่ะ” ไม่ต้องให้ถามซีจัดไป


“ปลาหมึกซี”

“กุ้งๆ หยิบเลยๆ”

“หมูสไลด์”

ผมและยัยหวานบอกซีให้หยิบอาหารในรางเลื่อน ก่อนที่มันจะผ่านโต๊ะของเราไปไม่ได้สนใจพนักงานที่ยืนยิ้มกร่อยอยู่สักคน

“ลูกค้ามีบัตรสมาชิกไหมคะ” พนักงานที่ถูกลืมไปเมื่อครู่แย่งพื้นที่ของตนกลับมาได้


“ปลา”

“สาหร่ายด้วย”

“ไม่มี” ไอ้พี่น้ำจืดคงเห็นว่าไม่มีใครสนใจพนักงานแล้วจึงเป็นฝ่ายเจรจาเอง

“ผักกาดขาว ข้าวโพดด้วย”

“สนใจสมัครสมาชิกไหมคะ ลด 10 เปอร์เซ็นต์ เดือนเกิดลด 25 เปอร์เซ็นต์ค่ะ”

“...” ผมหันไปมองเห็นไอ้พี่น้ำจืดส่ายหน้า พนักงานยิ้มให้อีกครั้งและเดินไป ก่อนจะกลับมามองที่โต๊ะ หม้อสุกี้ยังไม่มาตั้งแต่พื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยเนื้อและผักนานาชนิด แทบไม่เหลือที่ว่าง



“หนุ่มๆ ไปบริการน้ำหน่อยสิ” ยัยหวานเลิกสั่งซีให้หยิบอาหารเมื่อโต๊ะเต็มไม่มีที่วางจานเล็กๆ แล้ว
ซีและหวานนั่งข้างกัน ให้ไอ้พี่น้ำจืดและผมนั่งฝั่งตรงข้ามด้วยกัน ผมหยิบแก้วขึ้นมาสองใบ เลิกคิ้วถามซี ว่าจะกินน้ำอะไร
“พั้น-ชุๆ ส่วนหวานชามะนาวปะ” ซีหันหน้าไปถาม หวานพยักหน้ายิ้มให้ซี
“เอาไข่ตุ๋นด้วยนะเฮียน้ำ” ยัยหวานบอกเพิ่มเมื่อผมและไอ้พี่น้ำจืดเดินไปโซนอาหารและเครื่องดื่ม


ผมกดน้ำแข็ง เติมน้ำ พั้น-ชุ ที่ซีเรียกให้ตัวเองและน้องสาว หันไปเห็นคนตัวสูงกดชามะนาวสองแก้ว จึงหยิบหลอดสี่หลอด พยักหน้าให้คนที่ยืนรออยู่กลับไปที่โต๊ะ ยัยซีและหวานกำลังเทของจากจานเล็กๆ ที่วางอยู่เต็มโต๊ะลงไปในหม้อสุกี้ จำนวนจานเปล่าวางซ้อนกันเกือบท่วมหัวสองสาว
 

“เพิ่งเอาลง ยังไม่สุก” ระหว่างที่ผมกำลังกินกุ้งเทมปุระ ซีกินไข่ตุ๋น ยัยหวานเอาตะเกียบไปคนในหม้อทำท่าจะหยิบปลาหมึกขึ้นมา น้ำร้องเตือน
“ก็มันหิวแล้วง่า เฮียน้ำ หวานยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยน้า” ยัยหวานโอดครวญ
“ไม่กินเพราะกะจะล้างท้องไว้รอตอนเย็นใช่ปะ” ซีแซวเพื่อนตนเองเรียกรอยยิ้มจากทุกคนบนโต๊ะ
“อ๊ะ ปลาหมึก” ยัยซีหันไปเห็นปลาหมึกเลื่อนห่างระยะเอื้อมมือของตนเอง กำลังจะเลยผ่านน้ำไป
“...ของโปรดพี่ดีซะด้วยสิ” น้ำเอื้อมมือไปคว้าทันที เอามาวางไว้ข้างจานผม
“อิอิ เฮียอะ กับน้องไม่สนเลยน้า”
“ฮ่าๆ ความจริงแล้ว ของโปรดซีเองแหละ” สองสาวได้จังหวะแซวทันที ผมหยิบปลาหมึกในจานเทลงหม้อ ไม่ได้ชอบกินเท่าไร หยิบมาให้แล้วก็ต้องกินละนะ

“กุ้งไหม”

ผมพยักหน้า กุ้งถูกส่งมาให้และปลาหมึกอีกจาน สงสัยว่าสองสาวเงียบไหม ก็เห็นว่ากำลังเดินหนุงหนิงไปตักซูชิ ลองคนดูในหม้อปรากฏว่ามีแต่กุ้ง ปลา ปลาหมึกและผัก ขาดของโปรดเขาไปได้ไง


“หมูด้วย”


บอกคนที่นั่งใกล้สายพานแล้วก็ต้องรีบใช้ทัพพีเขี่ยของลงหม้อ เพราะมีจานหมูสไลด์มาวางตรงหน้า ตามด้วยหมูเด้งข้าวโพด หมูเด้งสาหร่าย สามชั้น หมูนุ่ม หมูพริกไทยดำ ใส่ไปได้สามจานก็ยังไม่หมด เยอะจนผมต้องเงยหน้ามองคนที่หยิบมาเต็มโต๊ะอีกครั้ง

คนผมยาวใส่ที่คาดผมเล็กๆ สีดำ แว่นตากรอบใหญ่สีเดียวกันส่งยิ้มกว้างมาให้ ลูกตาสีดำวาววับราวกับถูกใจอะไรอยู่ เห็นหน้าตาเอาเรื่องแล้วก็รีบบอกเสียงอ่อย “ก็ไม่บอกว่าจะเอาหมูอะไร เลยหยิบมาให้หมดเลย”

ไม่รู้จะเรียกว่าซื่อหรือกวนตีนดี เงียบไว้จึงปลอดภัยสุด ผมเทครอบครัวหมูทั้งหลายลงในหม้อ

“เอาเห็ดอีกไหม” ไอ้พี่น้ำจืดชะโงกหน้ามองในหม้อ
“เห็ดนางฟ้ากับเห็ดเข็มทอง” ต้องบอกก่อนที่ตระกูลเห็ดอื่นๆ จะตามมาทั้งครอบครัว ไอ้พี่น้ำจืดจัดการเทเห็ดสองชนิดลงในหม้อ
“กินเนื้อป่าว”  สองสาวมาช้าจังนะ
“ได้” ถามแล้วก็เทเนื้อใส่ลงไปสองจาน ผมทานกุ้งทอดหมดแล้ว มองหาสองสาวโซนอาหารและเครื่องดื่ม ปรากฏว่าโซนนั้นว่างเปล่า มีแค่พนักงานเติมซูชิยืนอยู่หนึ่งคน

“หายไปไหนนะ” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง น้ำซุปในหม้อเริ่มเดือดส่งควันและกลิ่นหอมฟุ้ง
“ไปเข้าห้องน้ำมั้ง สุกแล้ว กินก่อนเถอะ” ไอ้พี่น้ำจืดใช้ทัพพีตักอาหารให้ผม และก้มหน้ากินของตนเอง









“พี่เป็นเกย์หรอ?”


ผมถามออกไป ขณะที่กำลังเติมอาหารอีกครั้ง คิดว่าไอ้พี่น้ำจืดจะตอบว่าไงครับ ใช่ หรือ ไม่


“อืม..จะตอบว่าไงดี..." ไอ้พี่น้ำจืดนิ่งไปอย่างหาคำอธิบายความคิด มันเป็นคำถามปลายปิด ตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ ก็แล้วพอเหอะ เอาจริง


“สำหรับพี่ มนุษย์ไม่ได้มีแค่ผู้ชายหรือผู้หญิงหรอกนะ เพราะ ‘หญิง’ หรือ ‘ชาย’ ก็เป็นคำที่เราบัญญัติขึ้นเรียกเองอยู่แล้ว และเราก็คิดกันเองต่อมาว่า ชายต้องคู่กับหญิงเท่านั้น คนที่ทำนอกกรอบจึงโดนมองว่าผิด เลยมีคำเรียกสำหรับเพศที่ไม่ใช่เพศหลักแยกออกมา มันเป็นนัยยะซ่อนเร้น แสดงถึงความแปลกแยก... แต่ว่านะพี่เชื่ออย่างที่เช็คสเปียร์บอกไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ดีหรือเลว มีก็แต่ความคิดของเราเท่านั้นที่ทำให้เกิดความดีและความเลว” 

* "There is nothing either good or bad but thinking makes it so."  - W.Shakespeare


ฟังมาตั้งนาน ทุกคนคิดว่าไอ้พี่น้ำจืดมันตอบว่าอะไรครับ


“พี่จะบอกว่าพี่รักได้หมดทุกคนว่างั้น” ผมสรุปของผมได้อย่างนี้จึงถามมัน


“พี่จะบอกว่า..” ทำเสียงเลียนแบบผมต้นประโยค ดวงตาสีดำสนิทวาววับอย่างเคยเห็นแล้วผมก็รู้ตัวว่า....
     


“พี่ รักคน ‘ดี’ น่ะ”  พูดคำว่า คน เบาๆ และเน้นหนักๆ ตรงคำว่า ดี



ผมถามคำถามฆ่าตัวตายหรือเปล่านะ
กุ้งนี่สุกหรือยังไม่สุกเนี่ย ยัยซีก็ไม่อยู่ให้ถามอีก เว้ย







สองสาวกลับมาพร้อมกับถุงชอปปิ้งในมือ

“พี่ดีหน้าแดงจัง เผ็ดหรือคะ” ยัยหวานนั่งลงและถามผมทันที
“...” พยักหน้าให้ เข้าใจอย่างนั้นก็ดีแล้ว อืม สุกี้ต้มยำเผ็ดมากแล้วก็ร้อนมากเลยด้วยนะ
“หึ” ผมตวัดมองต้นเสียง ปกติก็นั่งเงียบๆ จะมาหัวเราะทำไมตอนนี้วะ!?
“อ๊ะ ! เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า” ซีนอกจากจะกินเก่งแล้ว ยังจับผิดเก่งด้วยนะ สัญชาติญาณผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ
“อะไร ทำอะไรกันสองคน เราไปแปบเดียวเองนะ” ยัยหวานแทบจะข้ามโต๊ะมานั่งแทรกระหว่างผมกับไอ้พี่น้ำจืด ยัยซีหรี่ตามองผมและน้ำ “หรือว่าพี่น้ำจะ---”

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ พวกแกก็มาไปไหนมา นี่ไงสุกแล้ว กินๆ ไปเลย”

ผมพูดขัดซี ตักอาหารให้สองสาว ถลึงตาจ้องสองสาว ให้นั่งเงียบๆ กินอาหารไป

“นั่นแน่ มีจริงด้วยใช่ปะ ทำไรกันน้า” ยัยซีนอกจากจะไม่กลัวแล้ว ยังลอยหน้าลอยตาล้อผมต่อ ไม่ได้การณ์แล้วต้องหาตัวช่วย
“หยิบครอบครัวหมูมาหน่อย” ผมหันไปบอกคนที่นั่งข้างๆ ซึ่งก็ได้ของที่สั่งทันใจ เทครอบครัวหมูลงในหม้อ ยิ้มโหดๆ ให้สองสาว “ถ้ายังพูดมาก กินไม่หมดโดนยีหัวแน่พวกแก”

สองสาวหัวเราะให้ผม ยกมือยอมแพ้ยังไม่วายล้อเลียนอีกนิดหน่อย ก่อนจะลงมือจัดการอาหาร



.
.
.



...คิดว่าเป็นใคร เรียนปีสูงแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรอ...


ข้อความนี้ปรากฏขึ้นในเฟสบุคของผมตรงหน้าข่าวใหม่ ผมขมวดคิ้วสงสัย มองชื่อเจ้าของข้อความ เป็นคนไม่รู้จักแต่เหตุที่มีปรากฏบนกระดานข้อความของผมได้ก็เพราะมีเพื่อนคนอื่นๆ ของผมไปกดถูกใจแล้วเขียนโต้ตอบกัน


ผมไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า?
ปกติก็ไม่ยุ่งกับใครนะ แล้วเพื่อนก็มีแค่ไอ้เก่ง ไอ้แชมป์แล้วก็ไอ้ท็อป หรือว่าจะเป็น...






“พี่ดี ส่งหัวใจให้หน่อย”


ยัยซีที่นั่งอยู่ข้างๆ กันทำให้ผมละความสนใจจากข้อความตรงหน้า สายตามองหน้าจอเลปท็อปของน้องสาว

“อ่อนเอ้ยยย ด่านนี้กูเล่นครั้งเดียวก็ผ่านละ มึงเล่นมากี่วันละเนี่ยยังตามกูไม่ทันเลย”

เกมส์ลูกกวาดขนมหวานสีหวานสดใสในเฟสบุคที่ยัยซีเซ้าซี้ให้ผมเล่นกับมัน ‘เอาไว้ส่งของให้ซีไง นะนะนะ’ ในตอนแรก กลายเป็นว่าตอนนี้เป็นผมมีเลเวลสูงกว่าคนชวนไปแล้ว
 
“ก็ตัวเองว่างนิ เล่นวันละสามสี่รอบ ซีเล่นวันละครั้งได้แค่นี้ก็ดีแล้วเหอะ ไหนตอนแรกว่าไร้สาระ ปัญญาอ่อนไง” ยัยซีแก้ตัวก่อนจะมาหาเรื่องผม


“งั้นเลิกเล่นละ เบื่อ” แกล้งทำหน้ายู่ใส่

“เอ้ย อย่าเพิ่งเด้ เล่นกับซีก่อนน้า”

ฮ่าๆ ยังไงคนเป็นน้องก็ต้องแพ้คนเป็นพี่อยู่วันเย็นค่ำละนะ จะมาขู่กูยังเร็วไปเว้ย



ซีมันรู้หรอกว่าแกล้งแต่ก็ยังตามมาอ้อนกันแบบนี้

ช่วงเวลาที่ผมเรียกมันว่า ‘ความสุข’



เรื่องไม่เป็นเรื่องในเฟสบุคก็ช่างมันเถอะ





To be continued…
-----------------------------------

[11/11/2015]
นอนตกหมอน ทรมานดีแท้น้อ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :กอด1:
Lavender's blue : )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 13:45:27 โดย Wendy »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เลือกความสุขดีกว่าเนอะพี่ดี อะไรที่ทำให้ปวดจิตอย่าไปคิดมัน

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ดีน่ารักดีนะ ถึงจะขี้เหวี่ยงไปหน่อย แต่ก็เป็นเพราะใช้กลบเกลื่อน หึหึ พี่น้ำก็ใจเย็นดี
ตามอ่านรวดเดียว สนุกๆ
ปล. เรื่องนี้ของกินเยอะจัง อ่านไปนี่หิวตาม  :katai1:

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 14)


ตอนที่ 14 ข้อเท้าและบะหมี่




“พี่ดี มากินหนมเร็ว”
“อือ แปบหนึ่ง”
“ช้าหมดไม่รู้ด้วยนะ วันนี้ขอบอกว่าอร่อยมาก ห้อม หอม”


ดีเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษตรงหน้า ถอดแว่นสายตาออก ยืดแขนบิดตัว มองนาฬิกาตรงผนังห้องแล้วก็พบว่าเป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น ขยับตัวเพื่อคลายความปวดเมื่อย สัปดาห์สอบปลายภาคใกล้เข้ามาแล้ว มันหมายถึงการส่งโครงร่างโปรเจ็คของเขาด้วย


ซีอมยิ้มเมื่อพี่ชายเดินมาหยิบขนมในมือเข้าปาก วันนี้เป็นอีกวันที่ดีไม่ออกไปไหน นั่งทำงานจมอยู่ท่ามกลางกองเอกสารหน้าโทรทัศน์ตั้งแต่เช้าจนดึกดื่น เห็นพี่ชายตั้งใจทำงานแล้วเธอก็ทำได้เป็นฝ่ายเสบียง คอยส่งข้าวส่งน้ำเป็นกำลังใจให้เท่านั้น อ้อ แถมหน้าที่พิเศษบริการส่งขนมด้วยอีกอย่าง   

“คนซื้อมาฝากคงมีความสุขแล้วละ”

ไม่พอแถมอวดสรรพคุณเจ้าของขนมอีกต่างหาก

“ไม่สนเว้ย ขนมอร่อย หิวด้วย” พี่ชายของเธอหยิบชิ้นต่อไปทานอย่างรวดเร็ว ทำเป็นไม่สนใจล่ะเก่งนักนะ
“ใจร้ายจังน้า ไม่ฝากอะไรบอกหน่อยเหรอ เนี่ยซื้อขนมให้กำลังใจคนขยันตั้งหลายวันแล้วน้า” 
“ขอเรอะ” ขนมอร่อยๆ เริ่มฝืดคอเพราะคำพูดกวนประสาทของยัยซีคนเดียวเลย
“เชอะ ถ้าไม่มีมาให้แล้วอย่ามานั่งเสียใจนะ” ซีทั้งปลอบทั้งขู่พี่ชายปากแข็งของตนเอง แล้วแอบขำในใจเมื่อเห็นคนเคี้ยวขนมตุ้ยๆ ชะงักไปชั่ววินาทีเพราะคำพูดของเธอ 

“ไม่มีทาง แค่ขนม ซื้อเองได้เหอะ”
บอกอย่างนั้น กินขนมอร่อยชิ้นที่ห้าหมดแล้วจึงเดินกลับมานั่งทำงานของตนเองต่อไป 




พอไม่มีแล้วจะเสียใจงั้นเหรอ

เหอะ ตลกล่ะ



ตานั่งมองเอกสารในมือ แต่ในสมองคิดเรื่องเจ้าของขนมอร่อยซึ่งคงจะเร่งทำงานทั้งวันและคืนเหมือนเคย ไม่ได้มาหาเหมียวเล็กหลายอาทิตย์แล้วเหมือนกันนะ แต่ก็มีขนมติดไม้ติดมือฝากมาทุกวัน เขาเองก็กินขนมทุกวันเหมือนกัน ไม่ได้คิดถึงน้ำใจคนฝากอะไรหรอกนะ แต่ขนมอร่อยมากจริงๆ

แล้วไอ้เรื่องที่จะต้องฝากเจ้าซีไป ‘ขอบใจ’ เห็นจะไม่ต้อง ที่เขากินขนมทุกวันนี่ก็เพียงพอสำหรับเป็นคำตอบดีพอสำหรับซีที่จะไปบอกคนซื้อให้แล้วล่ะ




“พี่ดี พรุ่งนี้ต้องไปมหา’ลัยใช่ปะ” ยัยซีเดินหัวเปียกเข้ามาในห้อง
“อือ ปลุกด้วย”  ผมบอกซีขณะที่สายตายังคงจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งแทนที่หน้าจอจะแสดงโปรแกรมพิมพ์เอกสารอย่างที่ควรจะเป็น กลับเป็นหน้าต่างเวปโซเชียลเน็ตเวิร์คสีน้ำเงินขาว   
“พี่ดี อ่านหนังสือมากๆ แล้วยังจะมานั่งเล่นเฟซอีกนะ” ซีแกล้งทัก
“ขี้บ่นจังวู้ ยังไม่ทันแก่เลยนะมึง”
“นี่ แล้วคนนั้นที่มาว่าพี่ดีอะ จบยัง” ยัยซีนั่งลงข้างๆ ผมที่นั่งเล่นคอมพ์อยู่บนพื้นข้างเตียง
“ไม่รู้ดิ กู unfriend ไอ้บ้าพวกนั้นไปละ” ผมไล่ลบคนที่ผมไม่สนิทออกไปอีก จนตอนนี้เฟซบุคที่มีคนน้อยอยู่แล้วน้อยลงไปอีก
“อือ ดีแล้วละ ไม่อยากให้หมกมุ่นเลย ออกไปทำอะไรบ้างดิ ไม่ใช่แค่อ่านหนังสือแล้วก็เล่นเฟซอะ”  ซีพูดอย่างห่วงใยพี่ชาย
“ไว้เสร็จโปรเจ็คก่อนดิ นี่เกือบละ มึงล่ะ สอบเป็นไง” เอื้อมมือไปคว้าเหมียวเล็กที่กำลังเดินนวยนาดผ่านผมและซีไป ลูบขนเบาๆ ก่อนจะค่อยแรงขึ้นอย่างมันเขี้ยว
“เหมียวเล็กๆ แมวอ้วนๆ” ผมฟัดพุงแมวสีส้ม
“โหย สบายมากพี่ดี ซีไม่เหลวไหลแล้วละ” ยัยซียื่นมือมาเกาคางให้เหมียวเล็ก
 “อือ ดีแล้วละ สู้ๆ นะเว้ย แล้วก็ไปอ่านหนังสือต่อได้ละ อย่าลืมปลุกกูนะ” ผมพูดย้ำอีกครั้งก่อนยัยซีจะพยักหน้าเดินออกจากห้องไป


 
.
.
.





“ดี อยากทานอะไร”



ยังไม่ตื่นดีเลยไม่ได้ตอบ




ทำไมผมถึงได้มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถกับไอ้พี่น้ำจืดนี่วะเนี่ย !

แล้วยัยน้องสาวที่อ้อนว่าอยากกินไอติมพาไปหน่อยอยู่ไหนวะ !







ย้อนไปเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว ผมมารอยัยซีที่คณะตามที่มันบอกตอนเช้าก่อนจะแยกกันเพราะน้ำเสียงอ้อนๆ ที่ว่า  ‘สอบเสร็จแล้ว พาหนูไปเลี้ยง ‘ติม’ หน่อยนะคะ ป๋าขา’
มันอ้อนด้วยน้ำเสียงกวนๆ ตามสไตล์ ผมเองก็อยากจะให้กำลังใจน้องจึงตกลงและนัดเวลาไว้เรียบร้อย
ไปขอข้าวมาจากแม่ค้าเอามาให้แต้มและลูกหมาทั้งหลายก็แล้ว เดินเก็บขยะที่ไปทิ้งก็แล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงาของน้องสาว จะโทรไปหาก็เปลืองโดยใช่เหตุจึงได้แต่รอ

โว้ยย นี่มันเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะเว้ย ไอ้ซีไปไหนวะ

มือผอมที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าออกมาจากกระเป๋า ต้องชะงักเมื่อรู้สึกถึงแรงกระแทกจากด้านหลังจนเสียหลักล้มลงไป

“เชี่ย!”

เจ็บแปลบขึ้นมาที่บริเวณข้อเท้า หัวเข่าถึงต้นขา


“ขอโทษ เป็นอะไรไหม” เสียงทุ้มที่เหมือนจะคุ้นหูดังขึ้น ยังไม่ทันที่เขาจะได้สำรวจตัวเองก็ถูกดึงให้ยืนขึ้น หันไปมองคนที่ชนตัวเองทันที

คนตัวสูง ผมดำยาวระต้นคอ ใส่แว่นตากรอบสีขาว ติดกิ๊ฟสีเขียว คนประหลาดแบบนี้ เป็นใครไปไม่ได้เลย เชี่ยเอ้ย !!

“ไอ้พี่น้ำจืด ชนมาได้ไงวะ แม่งเอ้ย” ลองขยับข้อเท้าแล้วรู้สึกเจ็บแปล๊บ 

“ขอโทษนะดี พี่รีบมาหาดีนั่นแหละ” ทำไมกลายไปความผิดเขาละเว้ย

“มาหา?”

“อือ ก็สองสาวบอกว่าดีรอ จะไปกินไอติมไม่ใช่หรอ?” หน้าของผมและของไอ้พี่น้ำจืดคงงงพอๆ กัน ก่อนที่คนตัวสูงกว่าจะเริ่มเข้าใจและหัวเราะออกมา

“หัวเราะพ่อง!”

“กำลังคิดอยู่”

“อย่าเพิ่งคิด ช่วยก่อนดิ ปวดข้อเท้าชะมัด” รู้สึกเหมือนข้อจะพลิก ไม่น่าจะละครน้ำเน่าขนาดนั้น ไอ้พี่น้ำจืดพยุงผมมานั่งรอที่ม้าหินอ่อนข้างถนน ก่อนที่จะไปขับรถมารับ



“ไปให้หมอดูสักหน่อยนะ” ประโยคอะไรที่เหมือนจะเป็นประโยคชักชวน แต่ทำไมมันกลายเป็นประโยคคำสั่งล่ะ ถ้าไม่คิดจะฟังก็ไม่น่าจะพูดนะเว้ย ไม่นานรถยนต์ก็มาหยุดที่คลินิกหลังมหาวิทยาลัย

ผมเดินด้วยตนเองมาจนได้ ไม่สนใจคนที่พยายามเข้ามาช่วยแม้แต่น้อย


“น้องดี มาหาหมอเหรอครับ”  ไม่ได้มาเก็บผ้าอะ เอาจริง  ใครถามคำถามแบบนี้กับผมที่กำลังนั่งรอคิวในคลินิกแบบนี้วะ
“อ้าว พี่กุ้ง หวัดดีพี่ เป็นไร” อ๋อ..พี่กุ้ง รุ่นพี่ที่คณะนี่เอง ประโยชน์ของการคิดในใจคือไม่มีใครรู้นอกจากตนเองใช่ไหมล่ะครับ
“มีดบาดนิดหน่อยตอนทำแล็ป เราล่ะ ทำไรมา ไม่ใช่ว่าโดนตีมานะเว้ย”  โห พูดงี้พี่ลองก่อนคนแรกเลยไหม
“ล้มเหอะพี่ ไม่รู้จะเท้าพลิกหรือเปล่าเนี่ย” พี่กุ้งก้มมองข้อเท้าผม

“ดูหน่อย” 

แล้วพี่แกก็จับข้อเท้าผม ถอดรองเท้า ถุงเท้าออกอย่างรวดเร็ว จะห้ามก็ไม่ฟังหันซ้ายหันขวาเห็นไอ้พี่น้ำจืดที่ตอนแรกนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์อยู่เก้าอี้ทางซ้ายมือเงยขึ้นมามองพี่กุ้งที่ดูเท้าผมอย่างสนใจ

“โอ้ย! พี่ ทำไรวะ” แกเล่นขยับปลายเท้าแล้วกดๆ ตรงที่เริ่มนูนออกมา

“เฉยๆ น่า ไม่น่าเป็นไรมากหรอก แค่อักเสบ”


อ่า พี่กุ้งเป็นนักฟุตบอลคณะผมเองแหละครับ มันเลยคุ้นเคยกับอาการบาดเจ็บพวกนี้ดี หมอเรียกพี่กุ้งเข้าไปตรวจ เมื่อออกมามันเดินเข้ามาขยี้หัวผม แล้วกลับไปแอบทำหน้าสงสัยโดยการแหล่มองคนข้างผม แต่มันก็ไม่ถามออกมา ในเมื่อไม่ถามก็ไม่จำเป็นต้องร้อนตัวตอบออกไปนิ ใช่ปะ

“ดูสนิทกันจัง” ไอ้คนที่มัวแต่เล่นเกม ละสายตาจากหน้าจอเสี้ยววินาทีมองที่ข้อเท้าเปลือยเปล่า ก่อนจะก้มหน้าเล่นเกมต่อไป
“เคยสนิท” อะไรไม่รู้ดลใจให้ผมบอกมันเบาๆ ไม่ได้กวนโอ้ยมันเหมือนปกติ
“งั้นเหรอ”  แล้วเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก

หมอบอกว่าแค่อักเสบจริงตามที่ไอ้พี่กุ้งบอกไว้ พักแค่สามสี่วัน พยายามไม่ลงน้ำหนัก ระวังอย่าให้อักเสบขึ้นมาอีก เดี๋ยวก็หาย พร้อมกับยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวดอีกนิดหน่อย


เมื่อเราออกมาจากคลินิกรถติดมาก ผมคิดว่ามันจะไปส่งผมกลับบ้านจึงเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
สัมผัสอุ่นๆ บริเวณกกหูทำให้ผมลืมตาขึ้น



“ดี อยากทานอะไร”
 








“บะหมี่หมูแดงนะอาเจ้”

ผมสั่งอาหารและค่อยเดินไปนั่งที่โต๊ะ ร้านบะหมี่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ มันตั้งอยู่ในซอยหลังตลาดเก่า ถึงลูกค้าจะเรียกคนขายว่า ‘อาเจ้’ แต่อายุและรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ทั้งผมสีดอกเลาก็บอกให้ทราบว่า ‘อาเจ้’ นั้นถ้าจะเรียกให้ถูกจริงๆ ก็คงเป็น ‘อาม่า’ ได้สบาย

“สองเลยครับ”

คนที่เดินตามมาสั่งเพิ่ม และนั่งลงฝั่งตรงข้าม เวลาเกือบสองทุ่มใกล้ร้านปิดคนจึงบางตา ไม่มีบทสนทนาระหว่างคนนั่งโต๊ะเดียวกัน จนอาหารที่สั่งถูกยกมาวางตรงหน้า บะหมี่หมูแดงชามโตราคาย่อมเยาส่งกลิ่นชวนน้ำลายสอ ลูกค้าประจำปรุงบะหมี่ตรงหน้าด้วยน้ำส้มสายชูและพริกป่น ใส่น้ำปลาเล็กน้อย ต่างกับลูกค้าใหม่ที่ไม่ปรุงอะไรเลย

เมื่อปรุงเสร็จดีหยิบทิชชูออกมาวางข้างชามบะหมี่ ค่อยใช้ช้อนเขี่ยต้นหอมผักชีโรยหน้าออกจนหมดแล้วจึงลงมือทาน

“ดีไม่กินหอมเหรอ”  คนไม่ปรุงบะหมี่เลยถามขึ้น
“อือ”




“งั้นพี่ขอ ‘หอม’ นะ”





รถยนต์คันนั้นจอดนิ่งอยู่หน้าบ้าน ซีมองออกมาทางหน้าต่างแสงไฟจากเสาไฟฟ้าบนถนนส่องให้เห็นพี่ดีของเธอเดินหน้าแดงก่ำออกมาจากรถก่อน ปิดประตูเสียงดัง ท่าทางเดินแปลกพิกล พอเธอเปิดประตูให้ก็รีบขึ้นห้องไปโดยไม่สนใจเธอที่ถามพี่ชายว่าเท้าเป็นอะไรเลยสักนิด


พี่น้ำยกมือขึ้นทักทายแล้วออกรถไป



อ๊ะ ยังไงกันนะสองคนนี้




To be continued…

------------------------------------
[13/11/2558]

เรื่องนี้เราตั้งใจเขียนให้เป็นตอนเดียวจบค่ะ
แบบให้มีฉากมุ้งมิ้งฟินๆ จบแบบตอนๆ ไป
เลยดำเนินเรื่องช้าหน่อยนะคะ

ฺคุณ B52 อยากให้ดีคิดแบบนี้ไปตลอดเหมือนกันเนอะ
คุณ tiew93 ไม่เคยสังเกตเลยค่ะ พอทักก็เยอะจริงๆ นะเนี่ย ตอนนี้ก็มีอีกละ 555

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :L1:
Lavender's blue : )
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 13:56:35 โดย Wendy »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ไปตามอ่านในเด็กดีมาเรียบร้อยค่ะ
ชอบมากเลย
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
 :mew1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หอมแบบไหนหนอที่ทำให้คนหน้าแดงได้

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 15)


ตอนที่ 15 กอด


ปิดเทอมเป็นช่วงเวลาที่สองพี่น้องดีซีกอบโกยเงินจากการไปสอนพิเศษตามสถาบันต่างๆ แต่ปีนี้ต่างออกไปเพราะอาการข้อเท้าอักเสบ ดีจึงต้องอยู่พักรักษาตัวที่บ้านขาดรายได้สำคัญไปอย่างน่าเสียดาย

“พี่ดี ซีซื้อโจ๊กวางไว้ในครัวนะ อุ่นก่อนแล้วค่อยกินนะรู้ป่าว ไปละนะ”

ตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังปัง ซีออกจากบ้านตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมงทุกวันโดยเตรียมอาหารให้คนอยู่บ้านไว้เรียบร้อย เที่ยงกว่าดีจึงค่อยๆ เขย่งขาจากชั้นสองลงบันไดมาที่ห้องครัว อุ่นโจ๊กที่น้องสาวซื้อให้ตอนเช้าเป็นอาหารกลางวัน
เปิดเฟสบุค เปิดทีวี มือซ้ายเกาหลังเหมียวเล็ก มือขวาถือช้อนตักโจ๊กเข้าปาก


Notthatbad Sirichai ...เหมียวเล็กเป็นแมวกินโจ๊ก....

ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็มีคนเข้ามาคอมเม้นท์ขณะที่ดีกำลังเล่นเกมในเฟสบุค คนที่เข้ามายุ่งกับเฟสเขาเร็วที่สุดคราวนี้ไม่ใช่เก่ง...

Narut Kitchareon ... อาหารหมดหรอ? รอเดี๋ยวนะ... 

ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง

หลังจากนั้นคอมเม้นท์ ไอ้เก่ง ก็ตามมาติดๆ 

Krit Thebest...ซื้ออาหารไปให้แมวหรือคนเลี้ยงแมวอะพี่น้ำ ฮิ้วววววว.... เมื่อสามวินาทีที่แล้ว
Wisit Top of the world ...อย่าลืมซื้อยาคุมนะพี่...
Champion Wanasarn ...ซื้ออาหารแมวแล้วทำไมต้องซื้อยาคุมวะครับ... เมื่อสองนาทีที่แล้ว
Wisit Top of the world ...ก็เผื่อเจ้าของเหมียวเล็ก เอ้ยย เหมียวเล็กท้องก่อนแต่งไง 555...
Sweetie Chonlada ...คนป่วยอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวให้พี่ชายสุดหล่อซื้อไปให้ กิ้วๆ...
Krit Thebest...ไอ้ท็อป มึงกินยังละ....
Wisit Top of the world ...กินไร? ข้าวเที่ยงกินแล้ว...
Champion Wanasarn ...ไอ้เก่งหมายถึงยาคุมอะ มึงกินยัง 555...
Wisit Top of the world ...ไอ้เชี่ยยยยยยยยยย...



ดีหัวเราะกับการโต้ตอบของเพื่อน ไม่สนใจคำแซว กดไปหน้าเกมอีกรอบจนหัวใจหมดแล้วจึงกลับมาที่หน้าเฟซบุคอีกครั้ง



… รำคาญไอ้พวกเรียกร้องความสนใจ ...



เขาขมวดคิ้ว มองรายชื่อคนโพสข้อความดังกล่าว กดซ่อนข้อความ แล้วจึงปิดคอมพิวเตอร์ เขาบอกตัวเองว่าที่ออกมาเปิดประตูบ้าน เปิดม่าน เพราะอยากให้แสงแดดส่องเข้ามาในบ้านจะได้ประหยัดไฟ กวาดระเบียงเล็กๆ หน้าบ้านที่มีฝุ่นจับหนา ซีไม่ได้กวาดมาหลายวัน

...ไม่ได้จะรอใครซื้ออาหารมาให้เจ้าเหมียวเล็กหรอกนะ จริงๆ...

กวาดระเบียงเสร็จ เข้าไปกวาดบ้าน ถูพื้น จนบ่ายสี่โมงแล้วก็ยังไม่มีรถยนต์เจ็ดที่นั่งสีดำเข้ามาจอดริมรั้วอย่างที่บอกไว้ ดีเดินวนเวียนอยู่หน้าบ้านนานจนเริ่มปวดขาข้างที่ใช้เขย่งไปมา กลับเข้ามาในบ้าน เจ้าเหมียวเล็กที่นอนอยู่บนโซฟาเงยหน้าขึ้นมามองแวบเดียวก่อนจะนอนต่อไป เปิดดูหนังเรื่อง Forrest Gump

ที่ถึงจะดูรอบที่แปดก็ยังสงสารตัวเอกจนน้ำตาไหลออกมา...






ดีสะดุ้งตื่นเมื่อเวลาโพล้เพล้แสงสีส้มผ่านมุ้งลวดเข้ามากระทบพื้นไม้เกิดแสงสว่างเรืองไปทั่วบ้าน มันดูอบอุ่นแต่ทว่าเขารู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก เสียงรถยนต์ใกล้เข้ามา ขยับตัวลุกจากโซฟา มองออกไปทางหน้าต่าง เป็นรถยนต์สีบรอนซ์เงินที่ขับผ่านหน้าบ้านไป มองไปยังโทรทัศน์ขึ้นจอสีฟ้าเพราะหนังจบลงไปนานแล้ว จึงเปลี่ยนเป็นช่องโทรทัศน์ปกติ สงสัยว่าทำไมวันนี้น้องสาวกลับบ้านช้ากว่าเคย


หนึ่งทุ่ม เขาปิดบ้าน ปิดไฟ ปิดโทรทัศน์ เขย่งเท้ากลับขึ้นห้อง อุ้มเหมียวเล็กไปพร้อมกัน เขาเปิดคอมพิวเตอร์อีกครั้งเพื่อเล่นเกม ไม่ได้สนใจการแจ้งเตือนในเฟสบุคว่ามีข้อความเข้าแม้แต่น้อย



...เจ็บขา แค่นี้ก็ต้องสำออย ออดอ้อนให้คนเอาข้าวไปให้ เป็นง่อยรึไง...




ปิดเฟสบุค

ปิดไฟ

นอนกอดเหมียวเล็ก


เมื่อไหร่ซีจะกลับมา



.

.

.








“พี่ดี”

สัมผัสเบาๆ ที่ต้นแขนทำให้เขาตื่น ซีนั่นเอง

“ทำไมกลับบ้านดึก มึงไปไหนมา”  ดีลุกขึ้นคว้าต้นแขนแล้วเค้นถามน้องเสียงเข้ม ซีเดินลงบันไดกลับมาที่ห้องนั่งเล่นโดยมีดีตามมาไม่ปล่อย
“เอ้ย พี่ดี ใจเย็นดิ ทำไมตัวร้อน เป็นไข้นี่” ซีรู้สึกถึงความร้อนจากที่โดนสัมผัส จึงยื่นมือไปวัดไข้
“ตอบมาก่อนมึงไปไหนมา” ดีไม่ยอมปล่อย ปัดมือซีที่จับหน้าผากตัวเองทิ้ง
“ไม่ได้ไปไหน ตอนนี้ก็เพิ่งสองทุ่มเอง วันนี้รถติดเลยมาช้า เนี่ยซื้อข้าวมาด้วย กินยังอะ” ซีชูถุงกับข้าวในมือ ดีมองนาฬิกาที่แขวนบนผนังที่บอกเวลาสองทุ่มนิดๆ เขาคลายมืออกก
น้องสาวมองหน้าพี่ชาย

“อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้กิน ทำไมไม่กินล่ะ ขาเจ็บแล้วก็มีไข้นิดๆ ด้วย ยังไม่ดูแลตัวเองอีกนะพี่ดี แล้วโจ๊กที่ซื้อให้ตอนเช้ากินหรือยัง อ้อ กินแล้ว แล้วทำไมไม่ล้างจาน...

พี่ดีรู้ไหมวันนี้ซีเหนื่อยมากเลยนะ ไปสอนหนังสือแล้วยังตอนกลับมาทำงานบ้านอีกหรอ พี่ดีอยู่บ้านทำไมไม่ช่วยกันบ้าง กินแล้วก็ไม่ล้าง ผ้าก็ต้องรอซีซัก อย่างน้อยก็น่าจะกวาดบ้านถูบ้านบ้างก็ได้นะ ซีเหนื่อย

ซีเหนื่อย เข้าใจไหม!!


ซีเดินเข้าไปในครัว เสียงบ่นดังขึ้น ดังขึ้น แสดงถึงอารมณ์ของผู้พูดที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อเห็นครัวเต็มไปด้วยจานชามที่ใช้แล้ว จนท้ายประโยคตะโกนออกมาอย่างทนไม่ไหว

คนที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าบ้าน หันหลังให้น้องสาว ล้มตัวลงนอนบนโซฟา คว้าเหมียวเล็กมากอด

น้ำตามากมายไม่รู้มาจากไหนร่วงเผาะ คงเริ่มจากประโยคของน้องสาวที่ว่า ‘ทำไมไม่ล้างจาน’  แล้วค่อยๆ หนักขึ้นเมื่อถึงประโยค ‘อย่างน้อยก็น่าจะกวาดบ้านถูบ้านบ้างก็ได้นะ’ จึงปล่อยโฮออกมา


“พี่ดี!!”


ซีวิ่งกลับมาหน้าบ้าน เห็นพี่ชายนั่งร้องไห้ กอดเหมียวเล็กจนเหมียวเล็กร้องเสียงดัง ข่วนแขนขาวสองข้างเป็นรอยแดง เลือดซิบ

“พี่ดี พี่ดี”

เรียกชื่อคนที่ไม่ได้สติ ซีเข้าไปแกะเหมียวเล็กออกจากมือผอมเกร็งนั้นสำเร็จ เจ้าแมวอ้วนส้มวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ซีกอดพี่ชายตัวเองแน่น สองมือลูบหลังคนที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก ปากก็พร่ำบอกคนในอ้อมแขนว่า

“ซีขอโทษ ซีขอโทษนะ พี่ดี พี่ดีจ๋า ซีมาแล้ว ซีกลับมาแล้วไง ซีไม่ได้ทิ้งพี่ดีไปไหนนะ คนดี พี่ชายจ๋า ซีกลับมาแล้วนะ พี่ดีเห็นซีไหม โอ๋ๆ พี่ดี กอดแน่นๆ ซีกลับมาแล้วนะ นะ”

นานกว่าคนในอ้อมแขนจะสงบลง สองแขนของน้องสาวลูบหลังพี่ชายเบาๆ ในใจก็พร่ำโทรตัวเองเพราะเธอสะเพร่าเองแท้ๆ ที่แอบไปเดินตลาดนัดซื้อของนานไปหน่อย ทิ้งให้พี่ชายที่ไม่สบายอยู่บนตอนเย็นจนค่ำมืดคนเดียว กลับมาแล้วยังจะใส่อารมณ์กับคนป่วยขี้อ้อนอย่างพี่ดีอีก ไหนหวานโทรมาเล่าให้ฟังช่วงบ่ายว่าพี่น้ำจะมาหา มาอยู่เป็นเพื่อนคนป่วยไง

“ ฮึก.. เขาไม่ชอบล้างจาน ซีก็รู้ ฮือ...” คนในอ้อมแขนพูดปนสะอื้น
“จ้าๆ ซีขอโทษนะพี่ดี ซีคงเหนื่อยเกินไป”
“แล้ววันนี้เขาก็กวาดบ้าน กวาดระเบียง แล้ว ฮึก...”
“แล้วก็ถูบ้านแล้วด้วยใช่ไหม โอ๋ๆ ขอโทษนะคะ พี่ดี ซีไม่ทันมอง นี่ยังว่าจะถามอยู่เลยน้าว่าทำไมพื้นบ้านลื่นๆ ขอโทษน้า”
“ฮือ...กอดแน่นๆ เลย”  ซีหัวเราะกับคำอ้อนของพี่ชาย กอดแน่นๆ จนคนในอ้อมแขนดิ้นไปมาเมื่อทนร้อนไม่ไหว
“ขอโทษน้า มามะ ไปล้างหน้าเลย คนอะไรขี้แงจังวุ้ย แล้วมากินข้าว กินยาเลยนะ” ดีเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำตามคำบอกของน้องสาว




“นี่กินเยอะๆ ซีซื้อก๋วยจั๊บของโปรดมาฝาก” ชามก๋วยจั๊บร้อนๆ ยื่นมาให้ปรุงเครื่องปรุงเรียบร้อย
“ไม่เอาต้นหอม คื่นช่ายด้วย”
“โอ๊ะ ขอโทษๆ” ซีตักออกเลื่อนถ้วยคืน


“พี่ดี”
“อือ” ดีกำลังเคี้ยวไข่ต้มอยู่เงยหน้าขึ้นมอง
“พี่น้ำไม่ได้มาหาเหรอ?” ดีไม่ตอบ หันหน้ากลับไปมองโทรทัศน์ต่อไปราวกับไม่ได้ยินคำถาม
“อ่า...” ซีเริ่มเข้าใจอาการของพี่ชายขึ้นมาอีกนิดหน่อย ผิดสัญญากับพี่ดีสินะ
“...มีเต้าฮวยด้วย กินเสร็จแล้วทานยาด้วยนะ” ซีเดินไปหยิบถ้วย เทเต้าฮวย ใส่น้ำแข็ง และหยิบยาออกมาเตรียมให้
“อือ”
“ต้องกินนะ ไม่งั้นซีไม่กอดพี่ดีแล้ว”
“..ไม่ได้ง้อหรอก” คนตาบวมบ่นเบาๆ น้องสาวที่กำลังดูโทรทัศน์ไม่ทันได้ยิน













วันนี้เป็นอีกวันที่ซีไม่อยู่บ้าน ดีอยู่บ้านลำพังกับเหมียวเล็ก ก๋วยจั๊บที่ซีซื้อมาเมื่อวานสำหรับตอนเช้านี้ ถูกอุ่นเป็นอาหารเกือบเที่ยงของดีอีกเช่นเคย

วันนี้เขาไม่เปิดประตูบ้าน ไม่เปิดม่าน ไม่เปิดไฟ ปล่อยให้ตัวเองนั่งอยู่ในห้องแสงสลัวจากจอโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ เขาไม่เปิดคอมพิวเตอร์ แต่ดูหนังที่ซื้อมาจนจบไปสองเรื่อง กำลังจะเปลี่ยนแผ่นเป็นเรื่องที่สาม ก็ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาใกล้ก่อนจะเงียบไป



เสียงกริ่งดังขึ้น

ดีนั่งดูหนัง




เสียงกริ่งรัวเร็ว

ดีนั่งดูหนัง





โทรศัพท์มือถือสั่น

ดีนั่งดูหนัง






โทรศัทพ์หยุดสั่น

เสียงกริ่งเงียบไปแล้ว

ดีหยิบมือถือขึ้นมาดู







ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูบ้าน

เข้ามาได้ยังไง


“พี่ปีนรั้วเข้ามา ดีเปิดประตูหน่อย”

“...”

“จะไม่เปิดเหรอ”

“...”




กริ๊ก!



ประตูเปิดออกอย่างง่ายดาย

พวกกุญแจรูปกระต่ายของซีห้อยอยู่คากลอนประตู

“ซีให้พี่มา”

ดีไม่พูดอะไร เขากลับไปนั่ง ดูหนังต่อไป
หนุ่มผมยาวประบ่า นั่งลง
ใกล้จนรู้ถึงไออุ่นจากคนข้างๆ


“ขอโทษนะ”

“...”

“เมื่อวาน พี่---”

“กลับไป”

“ดี”

“ออกไป”

“พี่ขอโทษ”


คนตัวผอมนั่งนิ่ง สายตามองดูภาพเคลื่อนไหวบนจอโทรทัศน์ไม่สนใจอีกคนสักนิด
ชายหนุ่มผู้มาเยือนลุกขึ้น เดินกลับออกไปเงียบๆ



...ไม่มีข้อแก้ตัว อีกหน่อยเหรอ ถ้าเป็นคนนี้อาจจะไม่...



ดีกอดเข่า ซบหน้าลง

เสียงประตูเปิดออกอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นมอง



“พี่ซื้ออาหารมาฝากเหมียวเล็กเยอะแยะเลย ให้เอาไปเก็บที่ไห— ดี!” น้ำรีบวางถุงที่หิ้วมาเต็มสองมือลง เดินเข้ามาดูคนนั่งบนโซฟาซบหน้าลงกับเข่า


“ดีครับ พี่ขอโทษนะ” เอื้อมมือไปลูบหลังคนผอมเบาๆ แผ่นหลังกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่คุ้นชินกับสัมผัสก่อนจะนิ่ง

“โอ๋ๆ ยอมให้อ้อนเลยนะคนนี้” เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ ข้างหู

“พี่แค่กลับไปเอาของในรถ ไม่ได้จะทิ้งดีไปไหนหรอกนะ” มืออุ่นๆ สองมือลูบเบาๆ ที่แผ่นหลังเล็ก

“ดีครับ พี่มาแล้ว ขอโทษนะ ที่เมื่อวานไม่ได้มา พูดไปไม่อยากจะแก้ตัว คราวหลังจะไม่ผิดสัญญาอีกแล้วนะ”
สองมือเล็กที่จิกเข่าไว้จนข้อมือขาวถูกมือใหญ่กว่ากุมไว้ บีบเบาๆ

“..ฮือ ถ้าจะมาไม่ได้แล้วบอกทำไม” เสียงนั้นเบาทำให้ต้องก้มหน้าชิดริมฝีปากบาง

“ขอโทษนะ ตัวยังรุมๆ อยู่เลย อย่าร้องไห้เลยนะ เดี๋ยวจะปวดหัว”
ข้อแก้ตัวคงไม่จำเป็นสำหรับเด็กขี้แยคนนี้

“ฮึก..ถ้าไม่มา ก็จะไม่ต้อง ฮือ ..รอ”

“ไม่มีอีกแล้วนะ พี่จะมา มาหาดีนะ”

“...”

สองมือที่ลูบหลังชะงักไปสักครู่ ชายหนุ่มเม้มริมฝีปาก ก่อนจะก้มตัวรวบคนตรงหน้ามากอดไว้ กระซิบเบาๆ ที่ข้างหู


“ไม่ต้องขอ พี่กอดดีเอง”









“หิวแล้ว อยากกินอะไร” น้ำเดินไปเปิดประตูบ้าน เปิดหน้าต่าง เปิดไฟ เห็นคนตัวเล็กนั่งกอดเหมียวเล็กไม่ขยับ

“มีข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู เกาเหลา ต้มยำทะเล ผัดไทย อ้อ ส้มตำด้วยนะ” น้ำไล่ดูอาหารที่ซื้อมา เขาไม่รู้จริงๆ ว่าคนตรงหน้าอยากทานอะไร เห็นอันไหนดูน่าอร่อย ดูน่าทานก็ซื้อมาจนเต็มมือ

“เกาเหลา”

“ไม่มีคื่นช่าย แต่มีหอม” ดีที่กำลังตักเกาเกลาเข้าปากชะงัก แก้มที่แดงเรื่อจากการร้องไห้เมื่อครู่แดงก่ำขึ้นกว่าเดิม

“...”

“ต้องบอกไหมว่า พี่ขอ ‘หอม’ ดีนะ” น้ำแหย่คนป่วยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ่งป่วยแบบนี้นั่งเงียบไม่เถียงหน้าแดงตลอดยิ่งดูน่ารัก

“นิสัยเสีย”

“ฮะฮะ ฮ่าๆ ดีขึ้นแล้วละสิ กินเยอะๆ นะ เดี๋ยวต้องกินยาด้วย วันนี้ซีจะกลับดึกหน่อยนะ”

“ไปไหน?” ดีขมวดคิ้ว ทำไมซีไม่บอกเขาแต่คนตรงหน้ากลับรู้

“ไปเดินเล่นกับหวานน่ะ”







หลังจากทานอาหารเย็น น้ำล้างจาน ดีมานั่งดูหนังต่อหน้าบ้าน
น้ำเดินมานั่งข้างๆ
ดีเปลี่ยนแผ่น ให้น้ำเลือกหนังที่อยากดู
ทั้งคู่นั่งดูหนังด้วยกันจนซีกลับ


จะบอกว่า ‘ทั้งคู่นั่งดูหนังจนซีกลับ’ คงไม่ถูกนักเพราะเมื่อซีและหวานเดินเข้ามาในบ้านนั้น
คนตัวผอมก็หลับไปเรียบร้อย ศีรษะเล็กๆ เอนไปพิงไหล่หนาของหนุ่มผมยาวที่เอื้อมมือมาประคองตัวไว้
หลับตาพริ้ม ริมฝีปากมีรอยยิ้มน้อยๆ



To be continued…
--------------------------------------

[14/11/2558]
คนที่ทำเป็นเข้มแข็งจริงๆ แล้วก็เปราะบางเหลือเกิน
ดีเป็นอย่างนั้นค่ะ พอป่วยแล้วก็แสดงอารมณ์ออกมาทุกอย่าง
จริงๆ แล้วน้องเก็บกดมากเลยนะเนี่ย
หวังว่าคนอ่านจะเข้าใจคนขี้อ้อนคนนี้นะคะ

คุณ 205arr ตามไปอ่านในโน้นด้วย ขอบคุณค่ะ
คุณ B52 สงสัยคงไม่ใช่ต้นหอมผักชีแน่เลยเนอะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเช่นเคยค่ะ
We stand together. #JesuisParis
 :กอด1:
Lavender's blue 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 14:04:35 โดย Wendy »

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 16)


ตอนที่ 16 ปลา



“ข้อเท้าหายดีแล้ว ไปเที่ยวกันไหม”



น้ำมาถึงบ้านหลังเล็กในตอนเช้าตรู่พร้อมกับน้องสาวที่ตอนนี้คงเข้าไปนอนหลับต่อในห้องของสาวซีเรียบร้อยแล้ว ทิ้งเขาไว้กับดีซึ่งนั่งสัปปะหงกอยู่บนโซฟาเพราะโดนปลุกแต่เช้า


“ตอนนี้เนี่ยนะ ยังเช้าอยู่เลย นี่ก็เพิ่งได้นอนตอนตีสองเองนะเว้ย ทำไมไม่นัดก่อนอะ เกิดมาแล้วไปด้วยไม่ได้ทำไง อะไรเนี่ย นิสัยอะนิสัย” บ่นทั้งๆ ที่ยังปิดตา

“สายสืบของพี่ดีน่า วันนี้ดีไม่ติดธุระอะไรไม่ใช่เหรอ”

“ไม่มีอะ แต่ก็...”

“ไปเถอะ..นะ”

คงเป็นเพราะว่าเขากำลังสะลึมสะลือ ไม่ได้สติแน่ๆ เลยเดินไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างว่าง่าย ไม่ใช่เพราะหน้าอ้อนๆ ของใครเลย ดีคิดหาเหตุผลให้กับตนเอง



“ซีกับหวานล่ะ”  ดีแต่งตัวเสร็จแล้ว เดินลงมาถามหาสองสาว
“ไปไม่ได้” น้ำพูดหน้าเคร่ง
“อ้าว เป็นไรอะ ไม่สบายกันหรอ”
“เปล่า”
“งั้นเป็นไร” ดีทำท่าจะเดินกลับไปเคาะเรียกสองสาว น้ำจึงเดินเข้ามาคว้าข้อมือไว้

“ก็พี่ชวนดีไปเดท สองสาวจะไปด้วยได้ไงล่ะ ปะสายแล้วเดี๋ยวไม่ทันนะ”

ว่าแล้วเลยถือโอกาสจับมือผอมๆ เดินออกมาขึ้นรถไปด้วยกัน ไม่ฟังคำทัดทานหรือท่าทีขัดขืนของเจ้าของมือสักนิด




“ไปทำบุญกัน”

คำพูดสุดท้ายของน้ำก่อนที่ทั้งสองจะจมอยู่กับความเงียบตลอดการเดินทาง
มันเป็นความเงียบที่ทั้งคู่ไม่รู้สึกอัดอัดอย่างเคย




เวลาเกือบสองชั่วโมงรถจึงเข้ามาจอดในบริเวณวัดแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยร่มรื่นซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดเล็กๆ ไม่ไกลจากเมืองหลวง เสียงธรรมชาติแว่วมาตามลม ดีรู้สึกได้ถึงความเงียบสงบ น้ำไปหยิบของที่เตรียมมาแล้วจึงเดินนำไปยังกุฏิทางด้านหลัง



“นมัสการครับหลวงพ่อ”

น้ำและดีก้มกราบพระรูปหนึ่งกำลังเดินออกมาจากกุฏิ หลวงพ่อนำพวกเขามาที่ศาลาใต้ต้นไม้ใหญ่
“มาเร็วดีจริง” ใบหน้าเอิ่มอิ่มและท่าทางนุ่มนวลเต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมนั้นสร้างความเลื่อมใสให้แก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก
“ออกมาแต่เช้าครับหลวงพ่อ นี่ดีครับ” น้ำแนะนำคนที่มาด้วยกันอย่างง่ายๆ ดีก้มกราบสบเข้ากับดวงตาสีดำสนิทที่เปี่ยมด้วยความเมตตาทำเอาเขาเต็มตื้นก้มลงกราบนมัสการอีกรอบ
“นมัสการครับหลวงพ่อ”
“เจริญพร”
หลวงพ่อนิ่งมองดีครู่หนึ่งแล้วจึงพูดคุยกับน้ำ
“แล้วหวานไม่มาด้วยกันหรือ”
“ไม่มาครับ ทำงานกับเพื่อน หลวงพ่อสบายดีไหมครับ คราวก่อนที่อาพาสดีขึ้นหรือยัง”
“หายแล้วล่ะโยม ฝนตกอากาศชื้น โรคเก่าเลยกำเริบ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ”
“ผมเอาหลอดไฟมาถวาย เดี๋ยวจะเปลี่ยนให้นะครับ”
“ขอบใจมาก เชิญตามสบาย”



น้ำเดินถือของทั้งหมดกลับมาที่กุฏิโดยมีดีตามมาเงียบๆ
“คิดอะไรอยู่” น้ำกำลังปืนเก้าอี้เพื่อเปลี่ยนหลอดไฟถามขึ้น
“ดูคุ้นเคยกับที่นี่” ดีรับหลอดไฟจากน้ำ
“หลวงพ่อเป็นพ่อของพี่เอง”
“อืม”
“เสร็จแล้ว ไปให้อาหารปลากันไหม”



ทางทิศตะวันออกของวัดเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ต้นก้ามปูขนาดสองคนโอบเด่นตระง่านทอดเงายาวไปตามพื้น พวกเขาเดินเข้าไปในศาลาไม้เก่าแต่สภาพแข็งแรง สระน้ำสีเขียวมรกตสะท้อนภาพท้องฟ้าสีฟ้าใส ปุยเมฆกระจายอยู่ทั่วไป แล้วภาพสะท้อนก็แตกกระจายเพราะอาหารเม็ดตกลงกระทบ
 

“โห ปลาตัวใหญ่มาก” ดีอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น ปลาตัวน้อยใหญ่เข้ามารุมกินอาหารที่เขาเพิ่งโยนลงไปเมื่อครู่
“มีหลายสีด้วย ปลาดุกใช่ไหมตัวนั้น” เขาไม่มีความรู้เรื่องปลาอะไรหรอก ที่รู้เพราะได้ทานบ่อยๆ ก็เท่านั้น
“อือ ตัวแบนๆ สีแดงๆ ส้มๆ นั่นปลาตะเพียน” น้ำชี้บอกแล้วหยิบอาหารเม็ดมาโปรย
“เฮ้ย อย่าแย่งไอ้ตัวเล็กสิ นิสัยไม่ดีอะ” ดีขยับเท้าไปมาอย่างขัดใจเมื่อเห็นว่าปลาดุกตัวใหญ่เข้ามากินขนมปังที่เจ้าตัวจงใจโยนให้ปลาตัวเล็กริมสระ
“พูดกับมันรู้เรื่องด้วยหรอ”
“พูดด้วยได้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจไหม”
บรรยากาศระหว่างสองคนเริ่มผ่อนคลายลงจากเดิมที่คนผอมกว่านิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลย
“ตัวใหญ่นั่นปลาสวาย”
“เห็นเหมือนปลานิลด้วย” อาหารเม็ดหมดแล้ว ดีโยนขนมปังลงไปก้อนใหญ่
“กาพย์เห่เรือ จำได้ไหม” น้ำบิดขนมปังเป็นชิ้นเล็กๆ ค่อยทิ้งลงไปทีละน้อย หันหน้ามาพูดกับดี
“หือ อารมณ์ไหน เรียนตั้งนานละจำได้แต่ ฮ้า ไฮ้”

“พี่ท่องได้นะ ได้รางวัลด้วย” น้ำยิ้มเบาๆ ที่มุมปาก ก่อนเสียงนุ่มทุ้มจะท่องออกมาเป็นจังหวะ


“พิศพรรณปลาว่ายเคล้า           คลึงกัน
ถวิลสุดาดวงจันทร์                      แจ่มหน้า
มัตสยาย่อมพัวพัน                      พิศวาส
ควรฤพรากน้องช้า                      ชวดเคล้าคลึงชม”

*กาพย์เห่เรือ บทชมปลา เจ้าฟ้ากุ้ง




เป็นเพราะอากาศร้อนแน่ๆ ที่จู่ๆ เมื่อสบนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นแล้ว แก้มของเขาถึงร้อนซู่ขึ้นมา



หลังจากหลวงพ่อฉันท์เพลทั้งสองจึงลากลับ ระหว่างทางนั้นเองขามาดีเห็นตลาดนัดข้างทาง
“หิวข้าว” ออกกรุงเทพฯ มาตั้งแต่เช้า ได้ทานขนมไปนิดเดียวเอง
“ครับ”
“เห็นเหมือนมีตลาดนัดข้างหน้าด้วย ไปเดินกันนะ” ดีคงจะหิวจัด น้ำรู้สึกได้ถึงเสียงอ้อนๆ
“อยากเดินตลาดนัดหรอ”
“อื้อ จอดเถอะ หิวแล้ว”
“แวะก็ได้ แต่อย่ากินเยอะนะ พี่จะพาไปกินของอร่อย” ดีไม่ตอบรับ เมื่อรถจอดสนิทเขารีบเปิดประตูและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว


คนตัวผอมๆ ผมสีดำยุ่งๆ หาได้ยากท่ามกลางผู้คนในตลาดนัด น้ำจึงรีบเดินตามไป สายตาจับจ้องมองที่เป้าหมายไม่ให้คลาดตา ดีหยุดซื้อขนมแทบทุกร้าน จนสองมือหิ้วไม่ไหว น้ำจึงรวบถุงทั้งหมดมาถือไว้เอง อีกคนได้ใจ เดินซื้อของไปอย่างมีความสุข


“กล้วยทอดน่ากินมาก” ดีหยิบกล้วยทอดสีเหลืองกรอบดูน่ารับประทานขึ้นมา คนตัวสูงกว่าเหลือบมองหน้าคนพูด
“โห อร่อยมาก กินป่าว”  เอากล้วยที่กัดแล้วเหลืออีกครึ่งหนึ่งมาล่อคนที่สองมือเต็มไปด้วยถุงขนม น้ำหมั่นไส้คนขี้แกล้งจึงคว้ามือผอมนั้นแล้วก้มลงกัดกินกล้วยทอดครึ่งอันนั้น

“เฮ้ยยย” มือผอมพยายามจะสะบัดออกจากมือใหญ่

“อะไร พี่กินกล้วยทอดแค่นี้หน้าแดงเลยหรอ”
ไม่รอให้คนโวยวาย หน้าแดงก่ำได้เถียง น้ำพูดต่อทันที

“คิดอะไรกับเค้าป่าวเนี่ยตะเอง”

.
.

“คิด”

.
.

“เฮ้ย จริงดิ” เป็นคนแกล้งถามกลับตกใจเอง


“อืม” 


รอยยิ้มบนใบหน้าของน้ำกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนตาหยี


“คิดว่าพี่แม่ง...เลววะ”


“...”

ดีพูดจบอาศัยจังหวะที่น้ำเผลอ สะบัดมือออกแล้วเดินหายไปท่ามกลางฝูงชน


“... ดี.. รอพี่ก่อนดิ”

จังหวะการเต้นของหัวใจของน้ำยังเร็วกว่าการจ้ำเดินของคนผมยุ่งตัวผอมเสียอีก



 





ฝนโปรยลงมาระหว่างที่สองคนกำลังเดินกลับรถ

“ตกทำไมเนี่ย” น้ำบ่นงึมงำ ขณะติดเครื่องรถ แผนที่วางไว้ กว่าจะหลอกล่อคนข้างๆ ออกมาข้างนอกด้วยกันได้ ไม่ใช่ง่ายนะเว้ย

“ดีเลย กำลังร้อนๆ” ดีลูบเนื้อตัวที่โดนฝน คาดเข็มขัดนิรภัย

“เลยไม่ได้ไปกินข้าวกับดีเลย” ร้านอาหารกลางแจ้งใกล้แม่น้ำเป็นอีกที่ที่เขาจะพาดีไป แต่ฝนตกแบบนี้

“ทำไม ฝนตกแล้วกินไม่ได้หรอ”

“แหนะ อยากกินข้าวกับเค้าอะดิ ถึงฝนตกยังไงบ้านพี่ก็ต้อนรับดีอยู่แล้วละ” ว่าแล้วก็กดโทรศัพท์ไปบอกปลายสายทันที




“อะไร ยังไม่ได้บอกสักคำว่าจะไปกินด้วย” พอวางสายดีก็โวยวายขึ้น

“อ้าว ก็เมื่อกี้บอกว่าฝนตกก็ไม่เป็นไรไง”

“หมายถึงกลับบ้านเว้ย”

“อืมใช่ กลับบ้าน บ้านพี่นะ พี่บอกแม่ไว้แล้ว” น้ำออกรถไปทันทีที่พูดจบ

“เอาจริงดิ” ดีปั้นหน้าไม่ถูก

“ให้เอาปะล่ะ..โอ้ย เชี่ย..” รถเสียจังหวะเซไปข้างๆ

“นิสัยวะ แม่ง คนกำลังพยายามทำใจอยู่” กำปั้นของดีที่ทุบไหล่ของน้ำไปแบบไม่ออมแรงเมื่อครู่ยังคงวางอยู่ที่เดิมราวกับจะเตือนว่าถ้าพูดแมวๆ อีกครั้ง โดนแน่

“พยายามทำใจอะไร เรื่องพี่หรอ” ถ้อยคำสุภาพระหว่างสองคนหายไป ตั้งแต่เมื่อไหร่ ดีเพิ่งจะเอะใจ

“จะเรื่องไรละ แม่ง อยู่ดีๆ แท้ๆ มายุ่งทำเชี่ยไรเนี่ย”

“เอ้า ก็ชอบไง” หน้าแดง คนพูดขับรถอยู่จะเห็นไหมนะ

“ไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ย”

“พี่ก็ไม่ได้เป็นนะ”

“ไปจีบผู้หญิงไป”

“โอ๋ๆ อย่าเพิ่งงอนดิ จะบอกว่าพี่ก็ไม่ได้เป็น แค่คนที่พี่ชอบคือดี แค่นั้นเอง”

“พี่แม่ง...กล้าพูด”

“มันไม่เห็นมีอะไรน่าอายเลย พี่ไม่ได้ไปขโมยของหรือก่ออาชญากรรมนะ”

“เงียบไปเลย ขับรถตาก็มองถนนดิวะ”



น้ำหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขับรถต่อไป
เอาน่า...ดีเวอร์ชั่นโดนว่าโดนด่าก็ยังดีกว่าเวอร์ชั่นเจ้าชายน้ำแข็งคนเดิมที่เขาเจอเมื่อครั้งแรกละว้า...
เจ้ากระรอกที่นิ่งอยู่บนต้นไม้ ตอนนี้กล้าที่จะไต่ต้นไม้ลงมากินขนมปังที่เขาวางให้ทุกวันแล้วใช่ไหม



To be continued
---------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 14:09:45 โดย Wendy »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เดี๋ยวนี้ดีอ้อนเยอะๆๆๆๆๆ น่ารักเว่อร์เลยอะ พี่น้ำคนนี้จะไปไหนพ้นละแบบนี้

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 17)



ตอนที่ 17 แม่




รถยนต์เข้ามาจอดในบ้านสองชั้นสีนวลลออตา บริเวณบ้านร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ดอกไม้หลากสีสันบานอยู่ในแปลงดอกไม้สองข้างทางที่รถแล่นผ่าน

หญิงวัยกลางคนรูปร่างอวบท่าทางใจดีคาดผ้ากันเปื้อนสีแดงสดเดินออกมาจากหลังบ้านซึ่งคาดว่าเป็นห้องครัว ส่งยิ้มกว้างมาให้ มือขวาถือตะหลิว มือซ้ายกวักมือเรียกพวกเขาให้เดินเข้าไปหา


“คิดถึงคนสวยจัง” น้ำเดินเข้าไปกอดหญิงท้วมคนนั้นแน่น ก้มลงหอมแก้มจนได้ยินเสียงฟอด
“ปากหวาน คิดถึงแล้วไม่ยอมกลับมาหาแม่บ้างนะเรา” คนเป็นแม่ต่อว่าลูกชายพลางบีบแก้มเบาๆ
“สวัสดีจ้ะ น้องดีใช่ไหมลูก?” ดียิ้มเก้อๆ เมื่อถูกทักและยกมือไหว้
“หน้าตาน่ารักอย่างนี้เองสินะ  หิ้วของเต็มสองมือเลย แม่บอกแล้วไม่ต้องซื้ออะไรมา เอาเข้าไปเก็บในบ้านก่อนเลย น้ำพาน้องไปสิ เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวก่อน ใกล้เสร็จแล้วละ”


แม่พูดอย่างรวดเร็วแล้วเดินไปทำอาหารต่อ น้ำจึงพาดีเข้ามาในบ้าน พอเข้าไปข้างในบ้านไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าเจ้าของบ้านชอบต้นไม้มากเพียงใด ห้องรับแขกตกแต่งด้วยโทนสีเขียว ไล่ตั้งแต่ผ้าม่านสีเขียวอ่อนปักลวดลายดอกไม้หลากสีสันขยับยามต้องลม ชุดเก้าอี้หวายรับแขกสีขาวหุ้มเบาะนุ่มด้วยผ้าดิบสีเขียวแก่ โต๊ะรับแขกตัวเล็กมีขวดโหลเตี้ยบรรจุพลูด่าง ตู้อัดแน่นไปด้วยหนังสือเล่มน้อยใหญ่ตั้งอยู่ทางด้านหนึ่งข้างกันนั้นมีกระถางต้นวาสนาอวดใบสีเขียวสด เมื่อมองตรงไปบนผนังด้านในมีผ้าปักลายทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่ใส่กรอบแขวนอยู่

“เป็นไงบ้านพี่” น้ำถามเมื่อเห็นคนผอมมองรอบๆ บ้านด้วยความสนใจ

“ต้นไม้เยอะมาก” ...และบ้านก็อบอุ่นมาก ดีไม่ได้พูดออกไป

“ชอบไหม” น้ำชวนให้แขกคนพิเศษนั่ง แล้วเปิดโทรทัศน์

“ชอบอะไร” ถ้าเป็นคนอื่นคนจะแปลว่าชอบบ้านไหม แต่กับไอ้พี่น้ำเนี่ยต้องถามก่อน

“พี่ไง”  ...นั่นไง หยอดได้หยอดดีจริงๆ ... ยังมีหน้ามายิ้มตาปิดใส่

“ไม่”  ตอบทันที

“ฮ่าๆ คิดหน่อยก็ดีนะ”




.

.

.





“แม่ครับ น้ำจีบดีอยู่แหละ”



“เฮ้ย! แค็ก แค็กๆ”



ดีสำลักแกงจืดที่เพิ่งตักเข้าปาก ทั้งสามคนกำลังรับประทานอาหารเย็นกันอยู่ โต๊ะอาหารขนาดกลางเต็มไปด้วยอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ ควันฉุย แขกที่เพิ่งหายประหม่าและกำลังเริ่มกินข้าวได้อย่างเอร็ดอร่อยกลับถูกไอ้พี่น้ำขัดจังหวะการกินเอาเสียได้

ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น ดูที่มันพูดเด้ เชร็ดดดดดดดด


“คะ อะ ฮะ แค็กๆๆๆๆๆ”

“กินน้ำก่อนๆ” น้ำหยิบแก้วน้ำให้ดีพลางตบหลังเบาๆ “อะไรพูดแค่นี้สำลักเลยหรอ”

“ก็พูดอะไรเล่า ใช่เรื่องไหมเนี่ย โอ้ยยย อะ พี่น้ำ” กำลังจะสบถด่าตามความเคยชินแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแม่ของพี่น้ำที่มองมายิ้มๆ เล่นทำเอาพูดไม่ออก

“อ่า คุณป้าครับ เรื่องมันไม่ใช่....” แม่ของไอ้พี่น้ำสายหน้ากับคำพูดที่ได้ยิน

“ไม่เรียกป้าสิ เรียกใหม่” เจ้าของบ้านเอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้ายิ้มแย้มกลับเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย ทำเอาคนที่กำลังจะแก้ตัวชะงัก    

“เออ..คุณน้า” ผู้หญิงอาจไม่ชอบให้เรียกด้วยคำสรรพนามที่แสดงอายุก็ได้


“ไม่ใช่ เรียกใหม่”
 


“...”

คำปฏิเสธรอบสองทำเอาแขกเริ่มกลืนน้ำลายอย่างประหม่า

...เขาน่ะไม่ได้เป็นที่รักของใครจริงๆ หรอก...

เมื่อจนปัญญาจึงหันไปมองหน้าของน้ำที่ยิ้มกริ่ม ส่งสายตาขอความช่วยเหลือ น้ำก้มลงกระซิบ ริมฝีปากชิดกับหูเล็ก ใบหน้าที่ตอนแรกแสดงความหวาดหวั่นค่อยๆ เปลี่ยนสีจากขาวซีดเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วจนเจ้าตัวสัมผัสถึงความร้อนจากใบหน้าของตัวเองได้


“กระซิบอะไรกัน เร็วน้องดี เรียกว่าไงคะ” นายหญิงของบ้านเรียกเสียงเข้มเร่ง 

“เอ่อ...คุณ..มะ แม่” ดีตอบอย่างตะกุกตะกัก ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะเรียกมารดาของเพื่อนของพี่ด้วยคำเดียวกันนี้ ...แต่ว่านี่เป็นแม่ของไอ้พี่น้ำเนี่ยสิ คนที่จู่ๆ ก็พูดโพล่งขึ้นมาว่ากำลังจีบเขาอยู่เนี่ยนะ

“อะไรนะคะ พูดชัดๆ สิ” ใบหน้านิ่งเฉยนั้น หากสังเกตดีๆ จะเห็นแววตาวิบวับ   คล้ายกับลูกชาย

“คะ คุณแม่ครับ”


“ต๊าย น่ารักจริงๆ นั่นแหละนะน้ำ น้องดีมาอยู่บ้านกับแม่ไหมลูก”


เมื่อได้ฟังคำตอบที่ถูกใจ แม่ของน้ำลุกจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเข้ามากอด พลางลูบหลังอย่างรักใคร่ ดีเกรงตัวเพราะไม่ชินสัมผัส และความอบอุ่นที่ได้รับเขาก็ยอมโอนอ่อนรับสัมผัสแต่โดยดี



“เรียกแม่ซิ น้องดี”  น้ำกระซิบเบาๆ ชิดใบหูเล็ก




ไอ้นิสัยช่างแกล้งของทั้งน้ำและหวานไม่ได้มาจากใครที่ไหนเลย ก็จากแม่ของพวกเขานี่ไงละ แม่ทราบเรื่องของลูกชายตัวเองกับดีอย่างละเอียดอยู่ก่อนแล้วจากลูกสาวที่รายงานทุกเรื่องยิ่งกว่าสำนักข่าวใด และการพาคนตัวเล็กมาบ้านนี่ก็เพราะคำสั่งของคุณนายที่ ‘อยากจะเจอน้องดี’ แล้วยิ่งเมื่อเห็นว่าดีเขิน ก็ยิ่งแกล้งเข้าไปใหญ่ น้ำแอบเห็นด้วยกับแม่ตัวเองเหมือนกันเรื่องขี้แกล้งเพราะพอได้มองไอ้ตัวขาวซีดเปลี่ยนสี มันก็ทำให้เขายิ้มออกมาได้



หลังอาหารเย็นไม่รู้ว่าดีไปเอาความกล้ามาจากไหนขัดใจแม่เขาแย่งล้างจานได้สำเร็จทั้งๆ ที่ก่อนหน้ายังดูเกรงๆ อยู่เลย



เมื่อถึงเวลาบอกลา แม่ดึงคนตัวผอมเข้าไปกอดพักใหญ่ คุยกันอย่างกระซิบกระซาบ น้ำเห็นดีกอดตอบแม่ของตนแน่นแล้วค้างไว้ครู่หนึ่งจึงผละออกมา บรรยากาศอุ่นๆ ในบ้านคงตามติดคนทั้งสองกลับขึ้นมาบนรถ เสียงเพลงจากวิทยุในรถดูไพเราะน่าฟังกว่าที่เคย


“ชอบบ้านไหม”

“มาก”

“ชอบแม่ไหม”

“มากๆ”

“แล้วลูกล่ะ”

“...” ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายทางซะงั้น

“ว้า ไม่หลงกลเลยอะ ยอมๆ มั่งก็ได้นะ...น้องดี”  คำสุดท้ายทอดเสียงอ่อน

“หยุดเลย ไอ้พี่น้ำ ให้แม่เรียกคนเดียวพอแล้ว” สะบัดปลายเสียง จากที่ว่าจะไม่โกรธเพราะแม่แล้ว ลูกยังมาทำให้ไอ้อารมณ์น้อยใจที่โดนแกล้งกลายเป็นหงุดหงิดขึ้นมาอีก


“เอ้า ใจเย็นสิครับ”
“นิสัยเสียว่ะ แม่ออกจะใจดี น่ารักแท้ๆ” ย้อนเข้าให้
“ยอมมาเป็นลูกแม่แล้วใช่ป่าว พี่ไม่หวงแม่หรอกนะ แบ่งให้ๆ”
“แม่น่ารักจริงๆ อะแหละ ฝากขอบคุณด้วยนะ”  น้ำอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปขยี้หัวคนข้างๆ
“คราวหลังมาหาแม่ด้วยกันอีกนะ น้องดี”
“อื้อ มาสิ” 


รถมาจอดที่หน้าบ้านหลังเล็กเวลาสามทุ่มกว่า สองสาวแอบมองออกมาจากกระจกห้องนั่งเล่นได้เห็นน้ำที่กำลังขยี้หัวดี ก็ออกอาการกรี๊ดกร๊าด

“อ้ายยยย มีลูบหัวด้วยอะซี” หวานหันหน้ามาคุยกับซีที่กำลังพยายามแยกผ้าม่านกว้างขึ้นอีกนิดโดยไม่ให้คนภายนอกรู้ว่ามีคนแอบมอง
“พี่ดีหน้าแดงด้วย ว้าว ไม่เคยเห็นเลยนะเนี่ย” แสงไฟจากรถที่สวนมาทำให้เห็นใบหน้าของคนในรถ
“ใช่ไหมละ สองคนนี้ไปด้วยกันได้ดีแน่ๆ เลย” สองสาวยิ้มน้อยใหญ่กับความคิดของตนเอง
“อื้อ อยากให้เป็นอย่างนั้นแหละนะ” ซียิ้มกว้างให้กับภาพของชายหนุ่มสองคนที่กำลังเดินเข้ามาในบ้าน





พี่ชายของเธอน่ะ ดีจริงๆ นะ



To be continued…
-------------------------
[18/11/2558]
คุณ B52 น้องดีน่ารักจะตายเนอะ คิคิ
 :mew1:
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
Lavender's blue

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 14:14:35 โดย Wendy »

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 18)




ตอนที่ 18 ป่วย




   
“...ด....ด...”




ในม่านหมอกสีขาว มีเพียงแสงสลัว พยายามมองผ่านกลุ่มควันสีขาวนั้นก็ไม่เห็นอะไร เสียงลมหวีดหวิวพัดมาพร้อมกับเสียงนั้น

เสียงใครกันนะ




“..ดะ...”


เรียกผมหรือเปล่า
สองเท้าที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าชะงัก หันซ้ายขวาหาต้นเสียง


“......ดี...”
   

ใกล้เข้ามา
เสียงนั้นใกล้เข้ามา


เรียกผมจริงๆ ใช่ไหม

เงาตะคุ่มอยู่หลังม่านหมอกสีขาว
ใกล้เข้ามาแล้ว





“..ดี”





“ปัง ปัง ปัง!!!”



“พี่ดีตื่นได้แล้ว”





เฮือก!


ผมสะดุ้งตื่น พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียง เสียงตบประตูและเสียงแปดหลอดของยัยซียังคงดังอยู่ต่อเนื่องซึ่งถ้าผมไม่ไปเปิดประตูภายในหนึ่งนาทีต่อจากนี้ ยัยซีอาจพังประตูเข้ามาก็ได้

“มาแล้วๆ มีอะไร เรียกแต่เช้าเลย” ยัยซีอยู่ในชุดนักศึกษา ถือกระเป๋าเตรียมพร้อมออกไปเรียน
“วันนี้กลับค่ำนะ มีธุระ” ยัยซีเหลือบสายตามองในห้อง
“อื้อ  แล้วหาอะไร” ผมเบี่ยงตัวให้ซีเห็นห้องชัดๆ คงจะมาขอยืมอะไรสักอย่าง
“อ่า ไม่มีไรล่ะ แล้วพี่ดีเป็นไร หน้าซีดๆ นะ”
“นอนไม่พอ” ว่าแล้วก็หาววอดใหญ่
“ทำไรนอนไม่พอ งานก็ส่งไปแล้วไม่ใช่หรอ ไม่สบายหรือเปล่า” ซียกมือแตะหน้าผากวัดอุณหภูมิผม อืม...มือซีอุ่นดีจัง
“ตัวเย็นจัง ระวังจะไม่สบายนะ ตอนเช้าซีซื้อโจ๊กมาด้วย อุ่นกินตอนร้อนๆ ด้วยนะ” เอียงหน้าตามมือ
“กลับมาไวๆ นะ ไม่อยากอยู่คนเดียว”
“อ่า คงไม่เกินสี่ทุ่มมั้ง”
“ฝันร้ายด้วย”

ซีมองหน้าผม ไม่พูดอะไร เดินมากอดผมแน่น

“ซีจะรีบกลับนะ พี่ดีอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”
“อื้อ”
“ว่าง่ายผิดปกตินะเนี่ย เอ๊ะ นึกออกแล้ว ให้พี่น้ำมาอยู่ด้วยดีไหม” ซีทำเสียงทะเล้น ผมผลักซีออกจากอ้อมแขน ผลักต่อไปที่บันได

“ไม่ต้องเลย จะไปเรียนก็รีบไป อยู่คนเดียวได้เว้ย”

“ฮ่าๆ รับรองไม่เหงาแน่เลย งั้นไปละนะ กินโจ๊กด้วยล่ะ”


.

.

.

หลังจากกินโจ๊ก แกล้งเหมียวเล็กจนพอใจแล้ว ผมก็มานั่งดูโทรทัศน์
เหลือบมองนาฬิกาบนผนังเหนือโทรทัศน์บอกเวลาแปดโมง ยี่สิบนาที
   

ยังเช้าอยู่เลย อุตสาห์ได้พักหลังจากส่งโครงร่างงานที่อดหลับอดนอนทำตั้งหลายวันแทนที่จะได้พักผ่อนนอนยาวๆ ดันตื่นเพราะ ‘เสียง’ นั่นซะได้


คงเพราะเหนื่อยเกินไปแน่ๆ เลยฝันอีก


ไม่ได้ฝันมาหลายปีแล้วจนเกือบลืมความรู้สึกนั้นไปแล้ว


   


‘ความรู้สึกที่ถูกใครสักคนรัก’


   


เหมียวเล็กกระโดดขึ้นมานอนบนตัก

“เหมียวเล็กมาอ้อนพ่อใหญ่เลยนะ”
   

เจ้าแมวที่ตอนนี้ตัวโตกว่าตอนแรกที่เข้ามาอยู่ในบ้านเอียงคอให้เกา เหมียวน้อยที่เมื่อก่อนเคยผอม มีแต่กระดูก ตอนนี้กลายเป็นแมวตัวอ้วนแทบหากระดูกไม่เจอ 
   
“นี่ ตอนที่อยู่คนเดียว เหงาหรือเปล่า”

เอียงคอซ้ายขวา ล้มตัวลงนอนผึ่งพุง ดีเกาพุงขาวๆ

“ไม่เหงาใช่ไหม”

เหมียวเล็กหลับตาพริ้ม มันขยับถูหัวไปมากับมือผอมๆ เมื่อเจ้าของมือหยุดเกาคางแล้วค้างมือไว้เพราะคิดถึงเรื่องบางอย่าง


“เมื่อก่อนก็อยู่ได้ แล้วทำไมตอนนี้จะต้องมาเหงาเนอะ นี่แนะ แมวอ้วนนนนน”



ยกแมวอ้วนขึ้นมาฟัด

แมวขี้อ้อน
พุงขาวๆ

ขนนุ่มๆ

ไม่เหงาหรอก...จริงๆ นะ







เฮ้อ! ทำไมตอนนี้ยังเก้าโมงเช้าอยู่เลยล่ะ

ดูโทรทัศน์จนเบื่อแล้ว ดีจึงเอาผ้ามาซัก ถ้าซีกลับมาอยู่คงต้องดีใจมากแน่ๆ ที่ไม่ต้องบ่นเสียยืดยาวก่อนที่พี่ชายจะซักผ้า มองนาฬิกาเข็มยาวเลื่อนมาอยู่ที่เลขสิบเอ็ด เข็มสั้นใกล้เลขสิบสอง ดีเดินเข้าไปในครัว เห็นแค่ไข่อยู่สองฟองแล้วบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

“จะออกไปซื้ออะไรกินดีไหมนะ เหมียวเล็กกินไรดี”

คนถามเดินขึ้นไปหยิบกระเป๋าสตางค์ในห้องนอน บอกเหมียวเล็กว่าให้เฝ้าบ้านดีๆ แล้วจึงเดินออกมาปิดประตูบ้านเพื่อที่จะไปซื้ออาหารหน้าปากซอย



ดีซื้อของกินมาหลายอย่าง ตุนไว้สำหรับตอนเย็นและพรุ่งนี้เช้าจนเต็มสองมือ

“ซื้อปลาทูมาฝากเหมียวเล็กด้วย”


ก้มมองดูอาหารที่ซื้อมา พูดกับตัวเองเบาๆ ใกล้ถึงบ้านแล้ว เห็นรถยนต์คันหนึ่งที่เริ่มค้นตาจนอยู่ชิดประตูรั้ว


...ยัยซีไปบอกจริงๆ หรือเนี่ย...



เจ้าของรถยืนพิงอยู่ประตูรั้วที่หน้าบ้าน ผมหน้าถูกมัดเป็นจุกทรงน้ำพุ เสื้อผ้าก็แค่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ดวงตาดำขลับนั้นปิดสนิท ตอนที่เดินผ่านเหมือนได้ยินเสียงกรนเบาๆ ด้วย


ดีพยายามเปิดประตูบ้านให้เบาเสียงที่สุด แต่ด้วยความที่สองมือเต็มไปด้วยถุงใส่อาหารที่เพิ่งซื้อมาจากตลาด ถุงพลาสติกที่แกว่งไปมาจึงมีเสียงดัง กรอบแกรบ อยู่ตลอดเวลา ประตูบ้านที่ไม่เคยได้รับการดูแลหยอดน้ำมันส่งเสียงเอี้ยดอ้าด ร่างสูงที่ยืนพิงรั้วอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาจนได้


“ฮ้าวววว ดีมาแล้ว” อ้าปากกว้างเชียว
   
“อืม”   

มือของคนที่เพิ่งตื่นยื่นเข้ามาหมายว่าจะช่วยสองมือผอมๆ ที่หิ้วถุงพะรุงพะรังทั้งสองข้าง

“ไม่ต้อง..” น้ำชะงัก เหลือบมองหน้าคนพูด


“ไม่หนักหรอก ปิดประตูรั้วแล้วก็ไปเปิดประตูบ้านให้หน่อยแล้วกัน”


ดียื่นนิ้วก้อยที่เกี่ยวพวงกุญแจบ้านให้หลังจากเปิดประตูรั้วแล้ว น้ำเหลือบมองมือผอมที่หิ้วของเต็มมือจนต้องใช้นิ้วก้อยเกี่ยวพวงกุญแจยื่นให้ จุดประสงค์คือให้หยิบกุญแจจากนิ้วเล็ก แต่ว่า...


 หมับ


“เฮ้ยยย ทำไร”

“เกี่ยวก้อย” ยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากมือนิ้วก้อยที่เกี่ยวกันอยู่ ดีขยับบิดมือซ้ายขวาแต่เพราะถุงหิ้วจึงทำอะไรไม่สะดวกนัก

“ให้หยิบกุญแจบ้านเนี่ย ไปเปิดประตูเลย ปล่อยมือ”

“อ้าว นึกว่าจะเกี่ยวก้อยพี่ซะอีกนะเนี่ย” ยังตีหน้าซื่อได้อีก

“ถ้าไม่เปิดก็กลับไปเลย”

“โอ๊ะ โหดแท้วันนี้” แกล้งจนพอใจแล้วนั่นแหละจึงยอมปล่อย

น้ำจัดการเปิดประตูบ้านและรวบของที่ดีซื้อมาทั้งสองมือมาถือไว้เองแล้วเดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เจ้าของบ้านบ่นงึมงำอยู่คนเดียว

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ เที่ยงนี้จะทานอะไรครับ” น้ำมองดูอาหารที่ดีซื้อมา เห็นก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ สองถุง

“ก๋วยเตี๋ยวใช่ป่าว เอาใส่ชามละนะ” น้ำจัดก๋วยเตี๋ยวใส่ชาม ยกไปวางที่โต๊ะญี่ปุ่นหน้าบ้าน ดีที่กำลังเล่นกับเหมียวเล็กถึงได้รู้ว่าอาหารพร้อมทานแล้ว มองหน้าคนที่ยกอาหารมาให้ กล่าวขอบคุณเบาๆ แล้วก็ได้รับรอยยิ้มจนตาเป็นขีดกลับมา





“นี่”


ดีกำลังคีบก๋วยเตี๋ยวเข้าปากนึกอะไรขึ้นได้แล้วจึงถามคนที่นั่งบนโซฟามีเหมียวเล็กนอนตัก


“นี่”


“คนมีชื่อ เรียกชื่อสิ นี่น่ะ ชื่ออะไร” น้ำหันมามองคนเรียกตัวเอง ใช้นิ้วชี้ๆ ที่ตัวเอง

“อ่า..โอเค... พี่น้ำ” เรียกไอ้พี่น้ำก็ไม่ไหวมั้ง คนอุตสาห์เตรียมข้าวให้

“ครับ”

น้ำยิ้มดวงตาแววระยับ

“กินข้าวหรือยัง”

ดีทนรอยยิ้มกว้างนั้นไม่ไหว เสมองชามก๋วยเตี๋ยวแทน
 
“นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว ... ยังเลยครับ”

“ซื้อมาตั้งสองถุง มากินด้วยกันสิ” พูดจบแล้วต้องหดคอเมื่อน้ำเดินมาลูบผมพร้อมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินไปหยิบชามก๋วยเตี๋ยวที่เทใส่ชามไว้แล้ววางลงข้างๆ คนผอม

“ความจริงเห็นแล้วล่ะ” น้ำพูดมองหน้าดียิ้มๆ

เป็นดีเองที่แปลกใจ ก็รู้อยู่แล้วว่ามีก๋วยเตี๋ยวสองถุง เทใส่ชามไว้แล้วด้วยนะ

“อ้าว แล้วทำไมไม่มากินด้วยกันแต่แรกล่ะ” ถามด้วยความสงสัยสุดๆ
 
“รอให้น้องดีชวน อ่า ดีใจจังเลยนะ ก๋วยเตี๋ยวต้องอร่อยมากแน่ๆ เลย”




“นั่งกินเงียบๆ ไปเลย”





จนก๋วยเตี๋ยวหมดชาม น้ำก๋วยเตี๋ยวยังไม่เหลือ ไม่รู้ว่าเพราะวันนี้ป้าทำอร่อยหรือเพราะมีคนมากินเป็นเพื่อนกันแน่

“ขอบคุณนะครับ”
 
น้ำยิ้มอีกแล้ว

“อื้อ”

“ซีโทรไปบอกว่าไม่สบาย ไปหาหมอกันไหม”

...เป็นยัยซีจริงๆ นั่นแหละ...

“ไม่ต้องหรอก แค่เวียนหัว ตัวเย็นๆ ตอนเช้านิดหน่อย สงสัยความดันต่ำ”

“ช่วงนี้ทำงานดึกใช่ไหม พักผ่อนเยอะๆ นะ”

“อื้อ”


ไม่จำเป็นต้องถามว่ารู้ได้ไง ยัยซีคงไม่พลาดให้ข้อมูลสำคัญกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว ให้ตาย



“พี่เป็นห่วงนะครับ”



...โอเค จากตอนเช้าที่ตัวเย็น ตอนนี้ถ้าไปหาหมอคงต้องบอกว่าตัวร้อน ร่างกายเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเร็วเกินไป จะไม่สบายจริงๆ เพราะอย่างนี้หรือเปล่าเนี่ย...




...To be continued...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 14:19:25 โดย Wendy »

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
บรรยากาศละมุน น้องดียอมอ่อนแล้วว พี่น้ำต้องรักน้องดีมากๆนะ   :-[

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
นึกว่าจะป่วยหนัก อยากเห็นคนอ้อนอีก

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
ไม่หวือหวา ดูอบอุ่นดีครับ แต่ก็มีลุ้นว่าใครมาโพสหน้าวอลลของน้องดีน่ะ  มาลุ้นครับ อ่านแล้วเริ่มติดล่ะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ปลื้ม........น้องดีน่ารัก

ออฟไลน์ 98NooNid0831

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอนะเธอ :katai4: :katai5:

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 19)




ตอนที่ 19 สิ่งเร้า



ซีตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์ พบว่าพี่ชายของตนตื่นก่อนแล้วกำลังนั่งเล่นเจ้าเหมียวเล็กและดูโทรทัศน์ด้วยอาการเหม่อลอย ขนาดเธอลงบันได เดินมาหยุดบังโทรทัศน์หวังจะแกล้งพี่ชายของเธอยังไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ


“จ๊ะเอ๋ พี่ดี” ซีแกล้งชะโงกหน้าเข้าไปใกล้คนเหม่อ
   
“ทำอะไรปัญญาอ่อน” ดีไม่ตกใจสักนิด ทั้งๆ ถ้าเป็นแต่ก่อนคงโวยวายว่าเธอยกใหญ่

“มัวแต่เหม่อ เป็นไรอะ” ซีทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างๆ กัน

“ง่วง” เหมียวเล็กก้าวลงจากตักพี่ชายมานอนขดตัวบนตักน้องสาว

“ไปนอนต่อดิ ตื่นเช้าทำไม” ซีเกาคอให้เจ้าเหมียวขี้อ้อน

“นอนไม่หลับ” ดีนั่งมองโทรทัศน์ ตอบน้องสาว

“หื้อ ไม่สบายยังไม่หายอีกหรือไง” ซีละมือจากแมว เอามาวัดอุณหภูมิของพี่ชาย ก็ปกติดี ไม่ร้อนไม่เย็นเหมือนวันก่อนแล้ว

“ไม่รู้สิ” ดีพูดจบก็ถอนหายใจ ซีนั่งสังเกตอาการพี่ชายของตนเองเงียบๆ


ดีเป็นคนพูดน้อย แต่ถ้ากับคนสนิทจะพูดมาก ขี้เล่น กวนไปทั่ว ที่สำคัญคือขี้อ้อน แต่ถ้ากับคนอื่นที่ไม่สนิทจะนิ่ง เงียบ เป็นคนละคน อาการเงียบที่ซีเห็นดีเป็นอยู่นี้ ถือว่าเป็นอาการผิดปกติ

“พี่ดีเป็นไร” ซียังคงพยายามต่อไปที่จะทราบสาเหตุ
      
“เฮ้อ ไม่รู้ อย่าถามดิ” ดีกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ

“งั้นมาเล่นยี่สิบคำถามกัน ตอบแค่ใช่หรือไม่ใช่นะ”
   
“ไม่เอา ยังไม่อยากคิด ยังไม่แน่ใจ เฮ้อ” ดีไม่ยอมเล่นด้วย

“เอ้า แล้วจะมานั่ง ถอนหายใจทิ้งเล่นหรือไงเล่า เบื่อพี่ดีล่ะ ไปหาไรกินดีกว่า” ซีเลิกเซ้าซี้ เดินเข้าไปหาอะไรทานในครัว จนอิ่มท้องแล้วก็ขึ้นห้อง หยิบโทรศัพท์ กดหาเพื่อนซี้ทันที ปลายสายยังไม่ตื่นดี แต่เมื่อเธอโทรไปเล่าเรื่องของพี่ชายให้ฟังก็ยอมตื่นมาฟังแต่โดยดี สองสาวคุยโทรศัพท์กันเกือบชั่วโมงแล้วจึงวางสาย

...ก็พี่ชายทั้งคน น้องสาวทั้งสองคนจะไม่ห่วงได้ไงเล่า...







ดีเหลือบมองนาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลาบ่ายสองโมงกว่าๆ ปกติยังไม่ทันถึงเที่ยง หน้าบ้านก็จะมีรถยนต์แล่นเข้ามาจอด ตามด้วยเสียงของสองสาว ยัยซีกับเพื่อนคุยกันเสียงดัง พี่ชายของยัยหวานจะต้องเข้ามานั่งเล่นแหมียวเล็ก ถึงจะมาไม่ทุกอาทิตย์เพราะก็มีช่วงสอบบ้าง ทำโปรเจ็คบ้างก็จะโทรมาบอกไม่ก็ยัยซีจะต้องมาคอยรายงานประจำ แต่นี่ทำไมหายเงียบไปเลยล่ะ   
   
อะไร ไม่ได้คิดถึงอะไรทั้งนั้นแหละ อย่ามั่วเฟ้ย



“พี่ดีเป็นไร จะไปไหนป่าว เห็นมองนาฬิกาหลายครั้งละนะ” ซีถามพี่ชายเมื่อเห็นเหลือบมองนาฬิกาที มองไปทางรั้วหน้าบ้านที มองอย่างนี้มาตั้งแต่เที่ยง แม้ว่าดีจะพยายามแอบมองไม่ให้เธอจับได้ก็ตาม

“ป่าว ไม่ไปไหนหรอก” ปากแข็งมากพี่ชาย

“อ่า โอ๊ะใกล้บ่ายสามแล้ว พี่ดีเปลี่ยนช่องเลยเร็ว” ซีมองพี่ชายตัวเองยิ้มๆ ในเมื่อไม่ยอมพูดไม่ยอมบอก เธอก็จะขอแกล้งอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เลยละกันนะ
   


เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที เป็นซีเองที่ทนไม่ได้เมื่อเห็นพี่ชายเอาแต่นั่งถอนหายใจมองนาฬิกาทีมองประตูบ้านที



“วันนี้พี่น้ำไม่มาหรอก”
ดีที่นั่งเหม่อหันขวับมาอย่างรวดเร็ว

“ทำไม...เอ่อ หมายถึงซีบอกทำไม ไม่ได้อยากรู้เลยเถอะ” เผลอถามออกไปเมื่อนึกได้ก็แก้ตัวอย่างเงอะงะ

“อ้าวหรอ นี่ซีก็นึกว่าพี่ดีรอพี่น้ำมาหา เห็นมองที่รั้วบ้านบ่อยๆ”

“ไม่ได้รอเหอะ ... แล้วมันไปไหน” โธ่เอ้ย นี่ขนาดบอกไม่ได้รอ ซีเหนื่อยใจกับคนปากแข็ง

“ไม่รู้ อยากรู้ก็ถามเองสิ” ซีพูดแค่นั้นแล้วหันกลับไปสนใจโทรทัศน์ต่อ ทิ้งให้ดีนั่งทำหน้ายุ่ง


...อยากรู้ก็ถามเอาเองละกันนะพี่ดี...








คอนโดของสองพี่น้อง น้ำ –หวาน วันนี้วุ่นวายกว่าปกติ เมื่อน้ำกำลังแต่งตัวจะออกไปพบดีที่บ้านตามปกติ อยู่ๆ น้องสาวก็วิ่งมาเคาะประตูห้องแล้วห้ามให้เขาออกไปที่ไหนเพราะเจ้าหล่อนจะทำขนม ให้อยู่เป็นลูกมือ

“น่านะ พี่น้ำ อยู่ช่วยหวานทำขนมก่อนนะ เนี่ยกะว่าจะทำไปให้พี่ดีกับซีทานด้วย” หวานเกาะแขนอ้อนพี่ชายสุดฤทธิ์เมื่อเห็นน้ำมองมาอย่างไม่สบอารมณ์

“แล้วทำไมไม่ทำตั้งแต่ตอนเช้าล่ะ”

“เอ้า ก็เพิ่งนึกออก แล้วอีกอย่างซีโทรมาเม้าท์ว่าเห็นพี่ดีบ่นอยากกินขนม”

“ก็ไม่เห็นต้องทำเองเลย ไปหาซื้อเอาก็ได้ ร้านมีออกเยอะแยะ” น้ำพยายามเอามือน้องสาวออก เมื่อทำสำเร็จก็ยกมือทั้งสองข้างกอดอกตัวเอง ยืนหรี่ตามองดูท่าทางพิรุธของน้องสาวตัวเอง

“เหอะ ขนมของหวานอร่อยสุด พี่ดีชอบจะตาย ซื้อมาให้มันก็ไม่จริงใจเท่ากับทำให้เองกับมือหรอกนะพี่น้ำ” ถ้าหวานสะบัดผมบ็อบได้คงทำไปแล้ว นี่บอกเลย

“แค่นี้?”

หวานชอบทำขนม น้ำได้ทานทุกครั้งที่น้องสาวทำตั้งแต่เธอยังหัดทำใหม่ๆ ที่อบขนมสุกบ้างไม่สุกบ้าง จนตอนนี้ทำออกมาได้อร่อยเทียบได้กับร้านโฮมเมดดังๆ เลยทีเดียว เธอทำขนมเองทุกครั้งไม่ต้องให้เขาไปช่วยอะไร เหตุผลที่ขอให้เขาคอยเป็นลูกมือจึงไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่

ตอนนี้น้ำเริ่มจับทางได้ว่าต้องมีเหตุผลอะไรมากกว่าแน่นอนจึงพยายามถามน้องสาวให้ได้

“เฮ้อ เกลียดคนรู้ทัน” แล้วสุดท้ายหวานต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

“เล่ามาเลย”

“ซีอยากแกล้งพี่ดี” หวานเดินเข้าไปเตรียมอุปกรณ์ทำขนมในครัว พลางเล่าแผนการของซีให้ฟัง

“พี่น้ำเคยเรียนจิตวิทยาปะที่ว่าอะไรที่มันซ้ำๆ เดิมๆ มันจะน่าเบื่อ ตามทฤษฎีการเสริมแรงของ
สกินเนอร์ ถ้าเวลาในการเสริมแรงมันคงเดิม อัตราการตอบสนองต่อพฤติกรรมมันก็จะคงเดิม”   

“ไม่เคยเรียน อธิบายอะไรที่มันรู้เรื่องหน่อยดิ” น้ำเดินเข้าไปช่วยหวานที่กำลังร่อนแป้งเพื่อเตรียมทำขนม

“เอาง่ายๆ ก็แบบ พี่น้ำไปหาพี่ดีทุกบ่ายวันอาทิตย์มาตลอดใช่ปะ”

“อื้อใช่” น้ำร่อนแป้งรอบที่สอง

“ร่อนแป้งสักสามรอบนะพี่น้ำ...พฤติกรรมการตอบสนองของพี่ดีก็จะเกิดความเคยชินไง แบบไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวพี่น้ำก็มา อัตราการตอบสนองก็จะลดต่ำลงเรื่อยๆ”

“หมายถึงว่าดีก็จะเคยชินกับเรื่องที่พี่มาหา”

“แม่นแล่ว...ดังนั้นเพื่อกระตุ้นให้พี่ดีแสดงพฤติกรรมบางอย่างออกมาเราจึงต้องเปลี่ยนเวลาของสิ่งเร้า” 

“เดี๋ยวนะ สิ่งเร้านี่คือพี่หรอวะ”  น้ำชะงักการร่อนแป้งรอบสุดท้าย

“ช่ายยยย...เปลี่ยนเวลาให้พี่น้ำไปพบพี่ดี เพื่อให้พี่ดีแสดงพฤติกรรมบางอย่างออกมา” หวานตอบน้ำพลางตอกไข่สองฟองลงในชามและตีแรงๆ อย่างคล่องแคล่ว

“พฤติกรรมบางอย่างที่ว่าคืออะไร”

“ในทางบวกก็คือคอย ถามว่าพี่น้ำไปไหนทำไมไม่มา ไม่สบายหรือเปล่า ต้องรีบไปเฝ้าไข้เหมือนที่ใครบางคนเคยทำให้หรือเปล่า...” หวานล้อเลียนพี่ชายตนเอง

“พอๆ แล้วในทางลบล่ะ” หูของน้ำเป็นสีชมพูหน่อยๆ

“ก็ไม่รู้สึกอะไรเลยไง”

“อันนี้เจ็บมาก เฮ้อ” น้ำถอนหายใจเสียงดัง

“เอาน่า หวานว่าพฤติกรรมยังไงก็เป็นทางบวกอะ พี่ดีอ่อนให้ขนาดนี้แล้วแท้ๆ” เมื่อเห็นว่าไข่ขึ้นฟูนิดหน่อย ก็เทเนยละลายและน้ำตาลลงไป ก่อนจะยื่นชามให้น้ำตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน

“ดีอ่อนยังไง พี่เห็นว่าเปลี่ยนไปนิดเดียวเอง”

“แค่พี่ดียอมไปไหนมาไหนโดยไม่มีซีด้วยก็ถือว่าเปิดใจมากแล้วเหอะพี่น้ำ เมื่อก่อนถ้าเป็นคนอื่นที่พี่ดีรู้ว่ามาจีบนะ แค่มองยังจะไม่มองเลย ทำเหมือนเป็นธาตุอากาศอะ อยากลองไหม จะบอกพี่ดีให้”

น้ำละมือจากส่วนผสม ผลักหัวน้องสาวเบาๆ

“ไม่ยอมหรอก คนนี้จีบแล้วไม่ถอยง่ายๆ หรอกน่า”

“ฮ่าๆ เขิน พี่น้ำบ้า รู้งี้แนะนำใหรู้จักกันตั้งนานละ”


“จ้ะๆ มาทำขนมต่อครับแม่สื่อ เย็นนี้จะได้กินไหม”

เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง กลิ่นหอมหวานของเนยและช็อกโกแล็ตก็ฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง นาฬิกาบนผนังบอกเวลาบ่ายสามโมงสามสิบนาที หวานขอตัวไปอาบน้ำอีกรอบก่อนจะออกไปบ้านของดีและซี และสั่งให้น้ำรอจนคุกกี้เย็นแล้วจึงจัดใส่กล่องเอาไปให้สองพี่น้องที่บ้าน


ระหว่างที่น้ำกำลังนั่งดูโทรทัศน์ รอเวลาให้หวานเตรียมตัวและรอให้คุกกี้เย็นตัวลง เสียงโทรศัพท์มือถือของตนเองก็ดังขึ้น
ครั้งแรกที่ได้ยิน น้ำคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เนื่องจากเบอร์นี้เป็นเบอร์ที่ตั้งเสียงเรียกเข้าไว้เฉพาะ ตั้งแต่ตั้งเสียงไว้ก็ไม่เคยได้ยินเสียงเพลงนี้เลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ดีโทรหาเขา



...แค่อยากมีใครมาเดินด้วยกัน อยากมีคนกอดฉัน เวลาหวั่นไหว
อยากให้เขา มาคอยปลอบใจเมื่อยามเราเหงา
อยากมีคนนั้นคอยเคียงข้างกัน แบ่งปันความฝัน ที่มีของเรา
และความทุกข์ ก็คงแบ่งเบา แค่เราเดินด้วยกัน...
(เพลง เดินด้วยกันไหม – Past Tales)





น้ำจ้องมือถือของตนเองค้างอย่างนั้น จนปลายสายเกือบถอดใจกดวางแต่แล้วในเสี้ยววินาทีสุดท้าย

“สวัสดีครับ” เพราะพูดออกไปทั้งๆ ที่ยังยิ้มกว้าง เสียงที่ออกมาจึงแปลกๆ อยู่บ้าง

// ......  // คนที่โทรมาเงียบ

“ดีได้ยินไหม พี่น้ำเองนะ”

// เอ่อ...ได้ยินแล้ว// น้ำอยากจะเห็นหน้าคนโทรมาตอนนี้ชะมัด

“ดีโทรหาพี่”

//อื้อ...เอ่อ...ซีฝากมาถามว่าไม่สบายหรือเปล่า”

“ฮะ ไม่นะ ปกติ สบายดี แล้วดีล่ะไม่สบายหายหรือยัง”

//หายแล้ว...แล้วทำไม...//

“ทำไม...?”

น้ำยิ้มกว้างคุยกับโทรศัพท์ ถ้ายัยหวานมาเห็นเข้าคงจะโดนล้อไปอีกหลายวันแน่ๆ เขารู้ว่าคนผอมจะถามอะไร แต่ครั้งนี้ของแกล้งทำเป็นไม่รู้สักหน่อย

//...ไปไหน//

น้ำร้อง เยส เสียงดังในใจพร้อมกับเหวี่ยงมือซ้ายต่อยอากาศสุดแรง

“ไม่ได้ไปไหน อยู่คอนโดครับ”

ถามแค่นี้ก็ของตอบแค่นี้ละกันนะคนดี ขออีกสักประโยคเถอะ ถ้าเป็นประโยคนั้นประโยคเดียว ต่อให้ต้องเป็นสิ่งเร้าที่มาตรงเวลาเสมอจนดีเคยชิน อัตราการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่ำลงไปก็ยอมละว่ะ

//...แล้ววันนี้จะไม่มานี่หรอ..//

“...ไปสิ เนี่ยกำลังจะออกแล้วละ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันนะครับ”

//...เอ่อ นี่ไม่ได้ขอนะ ถามเฉยๆ //

“ครับๆ พี่อยากมาเอง”

//..อื้อ แค่นี้นะ//

ยังไม่ทันที่น้ำจะตอบปลายสายก็ตัดสายไปเสียก่อน



น้ำไม่เสียเวลามานั่งดีใจ กระโดดลุกจากโซฟา ปิดโทรทัศน์ เคาะประตูห้องเร่งหวานเสียงดัง เก็บคุกกี้ใส่ถุง รีบขับรถออกมาจากคอนโด ไม่สนใจเสียงล้อเลียนของหวานเมื่อขึ้นมาบนรถแล้วถูกบังคับให้เล่าให้ฟัง



...กลัวไม่ทันครึ่งชั่วโมงอย่างที่บอกคนทางโทรศัพท์ไปนะสิ...






.
.
.





แล้วก็มาถึงบ้านพี่น้องดีซีภายในเวลาสามสิบนาทีจนได้

ซียืนยิ้มอยู่บ้านประตูรั้วบ้านที่เปิดไว้ ทำมือบอกให้น้ำเอารถเข้ามาจอดในบ้านได้ เมื่อจอดรถเสร็จ หวานรีบเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับซี ทิ้งให้น้ำปิดประตูรั้วแล้วเดินตามเข้าไป

“ถ้ารู้ว่าเปลี่ยนเวลาให้สิ่งเร้าแล้วจะเกิดการแสดงพฤติกรรมที่ต้องการออกมานี่ทำไปนานแล้วอะซี” หวานพูดกับซี พร้อมมองมาที่พี่ชายทั้งสองคน


ดีนั่งเกาคอให้เหมียวเล็ก พยายามไม่สนใจสองสาว น้ำเดินไปนั่งข้างดี เอื้อมมือไปอุ้มเหมียวเล็กมาเล่นเอง

“ฮ่าๆ พฤติกรรมแสดงออกชัดเจนมากถึงมากที่สุด ขอคาราวะอาจารย์สกินเนอร์”

น้ำยิ้มกว้างกับคำพูดของสองสาว เกาคอให้เหมียวเล็ก  ก่อนจะหันหน้ามามองคนข้างเต็มตา

“พี่มาแล้ว”

ดีนั่งมองโทรทัศน์นิ่งไม่กระดิก

“อื้อ”

“สามสิบนาทีไม่เกินด้วยนะ”

“อื้อ” รู้แล้วน่า เพราะเขาก็มองนาฬิกาอยู่ตลอด

ก่อนที่น้ำจะพูดอะไร หวานก็พูดขึ้นมา

“พี่ดี ที่มาช้าไม่ใช่ว่าพี่น้ำไปเถลไถลที่ไหนหรอกนะ” ซีหัวเราะเบาๆ กับคำพูดของเพื่อน

“พูดดีๆ หน่อยหวาน เดี๋ยวพี่เสียหายหมด”

“ฮ่าๆ เอาจริงๆ มาช้าเพราะทำคุกกี้ให้พี่ดีอยู่น่ะ” หวานยื่นกล่องคุกกี้ส่งให้ดี

“เนี่ย พี่น้ำมาช่วยหวานทำเลยนะ พอบอกว่าจะทำมาให้พี่ดี ของซีกล่องนี้ ธัญพืช ของพี่ดีช็อกโกแล็ตชิพ”

“เอ่อ...หวาน...ขอบใจนะ” ดีหันมายิ้มขอบคุณเพื่อนน้องที่มักจะมีขนมฝากมาให้เขาประจำตั้งแต่สองคนนี้เป็นเพื่อนกันมา

“ค่ะ แต่ขอบใจหวานคนเดียวไม่ได้นะคะ เราขึ้นไปข้างบนละนะ” ซีและหวานเดินขึ้นบันได เข้าไปในห้องซีทิ้งพี่ชายไว้ข้างล่าง




เมื่อสองสาวขึ้นไปแล้ว ดียังคงนั่งมองกล่องคุกกี้ในมือ เม้มปากแล้วคลายออกเหมือนอยากจะทำอะไรสักอย่างแต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ 

“ลองชิมดูสิ” น้ำเอื้อมมือไปเปิดกล่อง หยิบคุกกี้ขึ้นมาให้ชิมหนึ่งชิ้น ดีรับมา


“อร่อยไหม”

“อื้อ กินได้”

“โธ่ แค่กินได้เองหรอ พี่ตีไข่ ตีส่วนผสมจนปวดแขนเลยนะเนี่ย” น้ำแกล้งบบีบแขนสะบัดข้อมือไปมา พยายามเรียกร้องความสนใจขั้นสุด

“อร่อยดิ ลองชิมดู” เอาคุกกี้ที่กัดไปหนึ่งคำใส่ปากคนโอดครวญ คนเจ้าเล่ห์มือไวคว้าข้อมือขาวไว้ทันแล้วค่อยๆ ละเลียดกัดคุกกี้

“พี่ว่าตอนชิมที่คอนโดไม่ค่อยหวาน แต่ทำไมชิ้นนี้หวานจัง ...โอ๊ะ”

ดีต่อยเข้าที่ไหล่คนขี้แกล้งอย่างอดไม่อยู่

“เงียบเลย”

“พูดอีกประโยคได้ป่าว”

“อะไร”

“ทานให้หมดนะครับ ถ้าไม่รัก ไม่ทำหรอกนะ”

“เชี่ยยยยยยยย”

น้ำปล่อยให้ดีชกไหล่ตนเองอยู่อย่างนั้น แทนที่จะร้องโอดครวญกลับหัวเราะเสียงดัง ให้คนผอมๆ หน้าแดงแล้วแดงอีก




…To be continued…
--------------------------------------

[22/11/2558]
ตอนนี้ก็มีของกินอีกแล้ว สมควรเปลี่ยนชื่อเรื่อง "Hungry กินเยอะกว่านี้ไม่มีแล้ว" อาจจะเวิร์คกว่า 5555
ดีใจมีคนหลงเข้ามาอ่านเพิ่มขึ้นแล้ว เย้
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 14:27:05 โดย Wendy »

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ Map

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
น่ารักจังเลยยยย  :-[
อยากรู้ว่าใครโพสต์เฟสแบบนั้น  :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ปลื้มแทนน้ำเลยเนี่ย ดีเริ่มแสดงออกมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อ่านแล้วมุ้งมิ้ง

หวังว่าน้ำจะไม่ทำให้ดีเสียใจนะ

(ส่วนสองสาวนั่น...... เป็นคู่เลสกันเถิดน้อง 555555)

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 20)





บทที่ 20 คำถาม – คำตอบ



“เฮ้ย ไอ้แชมป์ ทำไรวะ” ดีหันขวับไปทางต้นเหตุที่ต่อยแขนเขาอย่างแรง

“ต่อยแขน” แชมป์ตอบพลางยักคิ้ว ท่าทางยียวน

“พ่องงงงง” ดีหันจะไปต่อยคืน โดนแชมป์ปัดมือทิ้งอย่างไม่สนใจ

“พวกกูเรียกมึงตั้งนานละ นั่งเหม่ออยู่ได้”  แชมป์พูดพลางคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย

“เรียกทำไม” ดียังคงงงอยู่

“เอ้า ไอ้นี่ คลาสเลิกตั้งนานแล้วปะ ไอ้สองตัวนั้นไปโรงอาหารก่อนแล้วเว้ย รีบเก็บของเลยสัด ให้ไว”

ดีมองไปรอบๆ ห้องจึงเห็นว่าโปรเจ็คเตอร์ที่ฉายอยู่หน้าห้องปิดไปแล้ว และนักศึกษาหลายคนก็กำลังเก็บของเตรียมจะออกจากห้อง เขาจึงรีบเก็บของและเดินตามแชมป์ไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงโรงอาหารเก่งกับท็อปนั่งรอทั้งสองคนอยู่แล้วที่โต๊ะประจำ

“ไอ้ดีแม่งชักช้า นั่งเหม่อไรไม่รู้” เก่งบ่นขณะกำลังเล่นโทรศัพท์

“ไม่ต้องบ่นเลยไอ้เก่ง กูไปซื้อข้าวละ” ดีรีบหยุดเพื่อนก่อนจะลุกไปซื้ออาหารกลางวัน ไอ้เก่งมันเป็นคนขี้บ่น ถ้าให้มันได้บ่นนะ สองชั่วโมงมันยังทำได้ จับเวลากันมาแล้ว   
   

“ไอ้เก่ง หยุดเลยมึง”  ระหว่างที่กำลังทานข้าวกันอยู่นั้น ท็อปก็ผลักหัวเก่งที่นั่งอยู่ข้างกัน

“ห่าท็อป เจ็บนะเว้ย” ไอ้เก่งโวยวาย

“มึงทำเชี่ยไรละ” ดีนั่งมองสองคนอยู่เงียบๆ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่พวกมันจะทะเลาะกันเอง กำลังคิดอยู่เลยว่าทำไมวันนี้มันเงียบกันจัง เรื่องที่ทะเลาะกันระหว่างทานข้างคงไม่พ้น...

“แครอทอร่อยนะเว้ย มีแบตาแคโรทีน” ไอ้เก่งจะชอบเอาผักเขี่ยใส่จานคนอื่น ใครนั่งข้างมันก็ซวยไป

“อร่อยดีมีประโยชน์แล้วทำไมมึงไม่แดกเองเล่า” ไอ้ท็อปตักแครอทจะคืนใส่จานให้

“เอ้า ของดีๆ ใครมีก็ต้องแบ่งปันไงมึง ไม่ต้องเอามาคืนเลย” ไอ้เก่งพูดพลางเอามือป้องปิดจานตัวเองไม่ให้ท็อปเอาแครอทคืน

“ไอ้สัด มึงไม่แดกผักก็ว่ามาเถอะ” ไอ้ท็อปเริ่มนิ่ง เมื่อขวาที่ถือช้อนใส่แครอทค้างไว้ระดับอก ดีแอบเห็นมันประสานสายตากับไอ้แชมป์ที่นั่งเงียบอยู่จนเขาแอบๆ เอามือป้องจานตัวเองบ้าง

“ไม่จริง มึงดูกูแดกไร ผัดผักรวมนะเว้ย แค่กูไม่กินแครอทเอง” ไอ้เก่งยกจานขึ้นมาให้เพื่อนๆ ดูว่ามันผักกินอะไรบ้าง ระหว่างนั้นเองไอ้แชมป์เอื้อมมือไปตักไข่ดาวที่ไอ้เก่งกินไข่ขาวหมดเหลือแต่ไข่แดงไว้กินสุดท้าย

“ไอ้แชมป์ มึงหยุดเลย ไข่แดงกะ...” ไอ้เก่งที่กำลังโวยวายเงียบเสียงลงทันใด เพราะไอ้ท็อปที่รอจังหวะอยู่นั้น เอาช้อนที่มี
แครอทยัดใส่ปากมันลงไปเต็มคำ พร้อมทั้งเอามือปิดปากเมื่อเห็นว่าไอ้เก่งทำท่าจะคายออกมา

“เคี้ยว!” ไอ้ท็อปโหดสัด

“แดกลงไปให้หมดนะมึง” ไอ้แชมป์สำทับ และนั่งหัวเราะกันสองคนเมื่อเห็นว่าไอ้เก่งสำลักหน้าดำหน้าแดง ดีหัวเราะเบาๆ ยื่นน้ำให้เพื่อนที่ตอนนี้กำลังไอจนตัวโยก

“แค็กๆ ไอ้สัด” เก่งดื่มน้ำไปค่อนขวด สูดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะ...

“ไอ้แชมป์ มึงก็รู้ว่ากูไม่กินแครอท มึงยังบอกมันแกล้งกูอะ ยังไม่พอ มึงยังจะขโมยไข่แดงกูอีกนะ เชี่ย กูอุตสาห็จะเก็บไว้กินสุดท้าย นี่เพื่อนกันจริงป่าววะ แม่งเอ้ย ไอ้ดีมึงอีกคนนะ เห็นพวกมันแกล้งกูมึงยังจะนั่งหัวเราะอีก เดี๋ยวกูไปบอกพี่น้ำให้แกล้งมึงบ้างหรอก ส่วนมึงนะไอ้ท็อปกะ...”

ท็อปแย่งช้อนของแชมป์ที่ตักไข่แดงไป เอามาจ่อปากคนพูดมาก

“อะ เนี่ยไข่แดงของมึง ไม่มีใครกินสักหน่อย เลิกบ่นแล้วกินข้าวให้หมดเลย ไอ้ขี้บ่นเอ้ย”

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ไอ้ท็อปคิดว่าแค่นี้แล้วกูจะหายโกรธหรอ ถ้าเกิดแครอทติดคอกู กูหายใจไม่ออก ตายไปทำไงวะ เนี่ยๆ มึงเอาผักไปให้หมดเลย เอาหมูในจานมึงมาแลก เร็ว”

ท็อปวางไข่แดงลงในจานเก่งแล้วอยู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้น เดินดุ่มๆ ออกไปไม่พูดไม่จา ทิ้งให้ไอ้เก่งที่กำลังเขี่ยผักใส่จานท็อปชะงัก

“มันเป็นไรวะดี”

“ไม่รู้ว่ะ สงสัยมันโกรธมึงแล้วมั้ง” ดีขยับจานตัวเอง และรีบกินข้าวให้เร็วขึ้นก่อนที่ไอ้เก่งจะเปลี่ยนใจเอาผักมาใส่จานเขาแทน

“กินข้าวไปไอ้เก่ง เดี๋ยวมันก็มา” แชมป์พูดอย่างไม่สนใจ ก้มหน้ากินข้าวต่อไป เก่งตักหมูใส่จานตัวเองจนพอใจแล้วก็ลงมือทานข้าวต่อ








ปึก!

กระป๋องน้ำอัดลมสีแดงถูกวางลงตรงหน้าเก่ง ทำให้ทั้งสามคนที่กำลังนั่งทานข้าวเงยหน้าขึ้นมาทันที

“กว่าจะหาชื่อมึงได้  แดกให้หมดนะมึง”

ท็อปกลับมานั่งที่เดิม ตักข้าวกินไม่สนใจไอ้เก่งที่นั่งอ้าปากพะงาบๆ พูดไม่ออก พูดอุบอิบออกมาเบาๆ ว่า “ขอบใจ” แล้วก็นั่งเงียบไปตลอดการกินข้าว

ดีเหลือบมองข้างตัวเห็นไอ้แชมป์ยิ้มมุมปาก เขากำลังสงสัยตัวเองว่านี่อยู่กับสองสาวตัวดีจนทำให้เขาติดโรคจิ้นบ้าบออะไรมาหรือเปล่า

ทำไมไอ้สองคนฝั่งตรงข้ามเขาถึงมีออร่าแปลกๆ ว่ะ




.

.

.


เหมียวเล็กวิ่งเข้ามาอ้อนเมื่อเขาเปิดประตูบ้านเข้ามา
ซีนั่งดูโทรทัศน์อยู่เหลือบมองเขาแล้วหันไปสนใจโทรทัศน์ต่อ
เขาจึงขึ้นไปเก็บของบนห้อง สักพักซีก็มาเคาะประตู

“พี่ดี ตอนนี้ซีเก็บเงินได้เยอะละนะ” ดีพิจารณาน้องสาว ซีดูแปลกไปเหมือนกล้าๆ กลัวๆ ที่จะพูด

“อื้อ ก็ดีแล้วไง”

“เราไปเอาสร้อยของแม่คืนมาจากพี่น้ำกันไหม” ซีมองหน้าเขาอย่างหวาดๆ แม้ว่าเวลาจะผ่านไป ความรู้สึกผิดของซีที่มีต่อเรื่องนี้ก็ยังคงมีอยู่ เขาเอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยอย่างแผ่วเบา

“ไปสิ เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก ไม่มีอะไรแล้วน่า ไม่ต้องคิดมาก”

ซีกอดเขาไว้แน่น พูดอู้อี้กับบ่า

“ถ้าไม่มีพี่น้ำ เราจะเป็นไงกันบ้างไม่รู้เนอะพี่ดี”


.

.

.


วันอาทิตย์บ่ายๆ สองพี่น้องซีดีจึงมาที่คอนโดของน้ำกับหวานแทนที่สองคนนี้จะไปที่บ้าน

“มาแล้ว ดีใจจัง” หวานออกมารับสองพี่น้องที่ประตูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“โทษทีนะหวาน มาช้าไปหน่อย พอดีรอรถเมล์น่ะ” ซีพูดกับเพื่อน ขณะที่หวานเดินนำทั้งสองคนไปห้องนั่งเล่น

“โอ้ย ไม่ต้องขอโทษหรอกน่า ดีใจออกที่มาที่นี่บ้าง เราไปกวนพี่ดีกับแกตั้งเยอะแล้ว”

ไอ้ซีปากบอกขอโทษ เดินไปนั่งบนโซฟา เปิดโทรทัศน์เลือกช่องตามใจเฉย ทำอย่างกับบ้านตัวเองซะงั้น



“พี่ดีหิวไหม พี่น้ำทำกับข้าวไว้แต่เช้าก่อนออกไปข้างนอก เดี๋ยวหวานตักมาให้นะ”

หวานเดินเข้าไปในครัว ตักข้าวผัดหน้าตาน่าทานมาสองจานให้สองพี่น้อง อย่างไม่สนใจคำทัดทาน แถมยังยิ้มๆ ให้พร้อมทั้งบอกทานให้หมดเมื่อเจ้าซีโวยวาย ดีจึงได้แต่นั่งลงทานเงียบๆ ถ้าไม่บอกว่าน้ำทำเขาก็คงจะชมออกไปว่าข้าวผัดนี้อร่อยมากอยู่หรอกนะ นั่งทานกันไปสักพัก ซีนึกขึ้นได้จึงถามหวานที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ข้างกัน


“แล้วที่บอกว่าพี่น้ำออกไปข้างนอกนี่ไปไหนอะ” ดียังคงทานข้างต่อไป แค่เงี่ยหูฟังสองสาวคุยกันมากกว่าเดิม

“ไปส่งงานให้ลูกค้าอะ เพิ่งไปรับจ็อบพิเศษมาอาทิตย์ก่อน อีกเดี๋ยวก็กลับแล้วล่ะ ออกไปแต่เช้าแล้ว”

“มิน่า นี่คงไม่ได้บอกใช่ไหม ฮ่าๆ” ยัยซีพูดพลางหัวเราะ ...บอกอะไรวะ

“อ๋ออออ ไม่ได้บอกหรอก กะเซอร์ไพรส์ อิอิ” ...เซอร์ไพรส์อะไร ดีแอบฟังสองสาวจนหยุดทานข้าวลงดื้อๆ

“คงถูกใจน่าดูนะ เบื่ออะหวาน ดูหนังเถอะมีเรื่องใหม่บ้างป่าว” ซีเดินเอาจานเข้าไปล้างในครัว ก่อนจะเดินตามหวานเข้าไปในห้องเพื่อเลือกหนังมาดู ทิ้งให้ดีอยู่ข้างนอก เขี่ยข้าวเล่นไปมา


กริ๊ก


เสียงประตูเปิด ตามมาด้วยเสียงถอดรองเท้า

“เฮ้อ โคตรเหนื่อยเลยหวาน ลูกค้าเรื่องมากชะมัด หิวน้ำจัง ขอน้ำให้พี่หน่อยสิ” น้ำเดินเข้ามาในบ้านเหลือบเห็นทางหางตาเห็นว่ามีคนนั่งทานข้างอยู่บนโต๊ะนึกว่าเป็นน้องสาว ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ

ดีนั่งเงียบสักพัก จึงเดินเข้าไปในครัว รินน้ำเย็นใส่แก้ว จังหวะที่หันกลับไปปิดตู้เย็นนั้นก็เจอน้ำยืนมองอยู่ใกล้ๆ

“...”

“น้ำนี่ เอามาให้พี่หรอ” สองมือขาวที่ประคองแก้วไว้สั่นน้อยๆ ...จะหลบไปไหนก็ไม่ได้

“เปล่า”

“ว้า เสียใจจัง” น้ำมองหน้าคนปากแข็ง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วขึ้นมารินน้ำเอง ดีเห็นดังนั้นจึงสะกิดแขนน้ำเบาๆ

“ไม่หิวแล้ว...อะ” ดียื่นแก้วน้ำให้ น้ำยิ้มที่มุมปากแวบหนึ่ง ข้อมือขาวที่มือถือแก้วน้ำจึงถูกจับยกขึ้นมา น้ำในแก้วค่อยๆ ไหลลงปากของคนตัวสูงอย่างช้าๆ ตามจังหวะการขยับมือของเจ้าตัว

ดีขยับมือหวังจะดึงมือให้หลุดจากมือของน้ำ ก็ต้องหยุดไปปล่อยให้น้ำดื่มน้ำไปจนหมด เมื่อน้ำมองมาด้วยสายตาอ้อนๆ




“ชื่นใจ” น้ำเดินมานั่งข้างๆ ดีที่หนีออกมาจากห้องครัวมานั่งตรงโซฟาหน้าโทรทัศน์

“...” คนข้างตัวยังเงียบ

“หายเหนื่อยเลย”

“...”

“มาหานี่ แปลว่าคิดถึงพี่หรอ”

“ไม่ใช่เหอะ จะมาเอาสร้อยคืน” ดีเลิกจ้องโทรทัศน์ หันมามองหน้าคนพูดด้วย

“อ่า...งั้นสินะ” น้ำนิ่งไปสักพักแล้วพูดต่อ



“แต่ที่พี่ไปหาที่บ้าน แปลว่าคิดถึงนะ”



ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนตัวผอมหน้าแดงแค่ไหน

“ไม่หยอดสักวันจะตายไหม” กว่าดีจะเลิกเขิน หันมาว่าน้ำได้ก็หลายนาทีอยู่

“ฮ่าๆ”



“อย่านอกเรื่อง มีเงินครบแล้ว มาเอาสร้อยคืน” ดีลุกขึ้นเดินกลับไปที่โต๊ะทานข้าว เปิดกระเป๋าหยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่ง ส่งให้น้ำที่เดินตามมา

เจ้าของห้องอยากจะบอกดีสุดใจว่า ไม่ต้องคืนเงินก็ได้ แค่บอกว่าอยากได้สร้อยคืนเขาก็พร้อมจะเอาคืนให้ แต่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าถ้าทำอย่างนั้น อย่าว่าแต่หน้าเลย แค่ชื่อเขาดีคงไม่อยากได้ยิน

เมื่อเห็นสายตาแน่วแน่ของดีที่ยื่นเงินมาให้น้ำรีบเก็บคำพูดของตนเองลงไป รับเงินมาโดยไม่นับใดๆ ทั้งสิ้น

“มาหยิบสร้อยด้วยกันสิ”

น้ำเดินนำดีเข้าไปในห้องพระ เมื่อทั้งสองกราบพระเรียบร้อยแล้ว น้ำจึงเดินไปหยิบตลับเล็กๆ ที่วางถัดลงมาจากหิ้งพระ ส่งให้ดี

“พี่เอาสร้อยไปทำความสะอาด แล้วก็เอามาเก็บไว้ในนี้แหละ เปิดดูสิ” น้ำบอกดี

ดีเปิดตลับออกมา สร้อยยังคงเป็นสร้อยเส้นเดิมกับที่เขาเคยเห็นแม่ใส่ตอนเขาเล็กๆ แต่มันสดใส เปล่งประกาย มองดูก็รู้ว่าได้รับการดูแลอย่างดีอย่างที่บอก ผิดจากเดิมที่เขาเอามาฝากน้ำไว้  ดีค่อยๆ หยิบสร้อยออกมา พบว่ามีพระองค์เล็กๆ อยู่ด้วย ดีมองน้ำอย่างสงสัย

“หลวงพ่อฝากมาให้ พี่เลยเอาไปใส่กรอบแล้วก็เอามาใส่ให้นี่แหละ”

ดียกมือขึ้นไหว้พร้อมกับขอบคุณน้ำอย่างจริงใจ
น้ำไม่พูดอะไร เพียงแต่ยกมือขึ้นลูบไหล่เล็กเบาๆ




สองสาวกลับมายึดโซฟาหน้าโทรทัศน์แล้ว เมื่อสองหนุ่มคนเดินออกมาจากห้องพระ ซีมองพี่ชายเห็นถือตลับเล็กๆ ติดมือมาด้วยจึงลุกขึ้นไหว้ขอบคุณน้ำอีกคน

“ไม่เป็นไรหรอก พี่เต็มใจช่วยเราอยู่แล้ว” น้ำตบบ่าซีเบาๆ  หวานยิ้มให้ทั้งสามคนก่อนเหลือบมองนาฬิกา

“เกือบสี่โมงเย็นแล้ว วันนี้ทานข้าวด้วยกันที่นี่นะคะพี่ดี แล้วค่อยให้พี่น้ำไปส่งกลับบ้านนะซี”

“เอ่อ..พี่ว่า...” ดีกำลังจะปฏิเสธ ซีรีบชิงพูดก่อน

“ได้เลยหวาน ไม่รบกวนพี่น้ำใช่ไหมคะ”

“ไม่หรอก พี่โอเคมาก”







ไม่ไกลจากคอนโดมีตลาดนัดขนาดเล็กอยู่ ทั้งสี่คนจึงมาเดินซื้อของสดสำหรับทำอาหารเย็น หวานกับซีแยกไปเดินอย่างรู้หน้าที่ตามเคย ทิ้งให้น้ำและดีเดินตามลำพัง เดินไปสักพักอย่างไม่รู้จะซื้ออะไร เพราะสองสาวตกลงกันเองไม่ได้บอกไว้ น้ำจึงหันมาชวนคนข้างๆ คุย

“ดี”

“...” เงียบ ดีไม่เคยขานรับเวลาน้ำเรียกเลยสักครั้ง เพียงแต่เงยหน้าขึ้นมามองเวลาพูดด้วยเท่านั้น ก็ยังดีกว่าตอนแรกๆ ที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

“ถ้าให้เลือกระหว่างภูเขากับทะเล ดีชอบที่ไหนมากกว่ากัน” ทั้งสองเดินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงจอแจของตลาด

“ทำไมอะ” ดีที่ถูกหยอดบ่อย เริ่มจะจับทางได้ จึงถามออกไปก่อนเพื่อความปลอดภัย ...ของหัวใจ



“เมื่อมีคำถาม ถามให้ลองตอบ
ว่าชอบภูเขาหรือทะเล
ไม่อยากใช่ไหมถ้าใครจะตอบ
เพราะสิ่งที่ชอบรู้อยู่แก่ใจ


... ก็อยากรู้ไง บอกหน่อย” น้ำร้องเพลงแล้วอมยิ้ม รู้ทันว่าคนข้างตัวคงกลัวเขาจะหยอดแน่ๆ

“...ทะเล” ถึงจะรู้ว่าต้องโดนแกล้งให้เขินแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตอบออกไป อยากรู้ว่าคราวนี้จะหาวิธีอะไรมาทำให้เขินได้อีก

“ทำไมชอบทะเล” น้ำไม่รู้ว่าที่ดีตอบนั้นจริงหรือเปล่า เพราะตอนนี้ทั้งคู่เดินบริเวณแผงขายอาหารทะเลพอดี คนตัวผอมคอยมองซ้ายขวาไม่หยุด ก็ของโปรดทั้งนั้นเลยเนอะ

“มันไม่มีที่บ้านไง”  ถ้ายังจำกันได้ สองพี่น้องดีซีเป็นคนเหนือ เห็นภูเขากันจนเบื่อแล้วละ


“ทะเล แสนงาม ยิ่งในยาม ที่มีสายลม
แดดงามจะแต้มตามไรผม
ชอบสายลมพัดเส้นผมเธอปลิว”



“เหอะ” ดีถอนหายใจออกมาอย่างแรง ..ว่าแล้วไง ว่าต้องโดนหยอดอีกแล้ว คราวนี้ร้องมาเป็นเพลงเลย

“แล้วถ้าตอบภูเขาจะร้องว่าไง” ..ไหนๆ จะร้องเพลงแล้ว ร้องทั้งเพลงเลยนะไอ้พี่น้ำจืด!



“ภูเขา แสนงาม
ยิ่งในยามที่มีฝนพรำ
ผีเสื้อดอกไม้ร่ายรำ ชอบฝนพรำทำให้ผมเธอเปียก”

   

ไม่รู้อะไรดลใจให้ดีถามน้ำกลับไป

“แล้วชอบอะไร”



“เฮ้ย ไปไหน”


น้ำยิ้มกว้างอย่างถูกใจ แต่ไม่ตอบคำถาม เขาคว้าข้อมือขวาซีดแล้วพาเดินมาข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม





สวนสาธารณะขนาดย่อมเงียบสงบราวกับอยู่คนละโลกกับตลาดที่เขาเพิ่งจากมาเมื่อครู่ ต้นหูกวางยืนต้นตระหง่านให้ร่มเงา ดอกเข็มพุ่มใหญ่พราวไปด้วยดอกเล็กจิ๋วรวมกันเป็นช่อใหญ่กระจายทั่ว สนามหญ้าบ้างเขียวสดบ้างแห้งจนเหลือง ทางเดินเล็กนั้นทอดยาวขนานไปกับคลองสะอาด ทั้งคู่มาหยุดอยู่ในร่มต้นหูกวางนั่นเอง

เห็นท่าทางจะเอาเรื่องของดีแล้ว น้ำจึงจุ๊ปากให้เงียบ


“ฟังดีๆ นะ” แล้วจึงร้องเพลงต่อ


“เมื่อมีคำถามถามกันบ่อย บ่อย
ต้องคอยตอบเธอเรื่อยไป
ว่าบนภูเขาหรือทะเลไกล
ชอบที่ไหน ชอบที่มีเธอ
ที่ไหนที่มีเธอ ที่ไหนที่ฉันจะเจอเธอได้
บอกมาจะอย่างำเก็บไว้
จะได้แอบไปใกล้ ใกล้เธอ”      
(ภูเขาหรือทะเล – ศุ บุญเลี้ยง)

เพลงประกอบ https://www.youtube.com/watch?v=yYZiBHJSGxo



น้ำปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมพวกเขาทั้งสองไว้สักครู่ เสียงรถแล่นแว่วมาเป็นระยะ แต่เมื่อน้ำได้พูดออกมา โลกทั้งโลกของดีก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลยนอกจากเสียงทุ้มที่หนักแน่นและมั่นคง




“ที่พี่ไปหาดีบ่อยๆ ที่คอยหยอดให้เขิน ที่พูดบ่อยๆ ไม่รู้ว่าดีจะเชื่อหรือเปล่า แต่จะพูดอีกครั้ง ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าดีไม่ตอบพี่คงไม่ไปรบกวนดีอีก...




“พี่ชอบดี เป็นแฟนพี่นะครับ”




To be continued...
-------------------------------------
[25/11/2558]
เฮียน้ำเลือกถามได้ถูกวันมาก
ดูสิพอถามจบทุกคนจุดพลุฉลองใหญ่เลย #ฮะ!! 5555
มีความสุขวันลอยกระทงและทุกๆ วันนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเช่นเคยค่ะ
 :mc4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 14:45:00 โดย Wendy »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เอา ตอบมาเลยดี

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด