ตอน จะไม่มีคำว่าความลับ หาก...ฝากโทรศัพท์ไว้กับเพื่อน เสียงอาจารย์วัยกลางคนที่กำลังสอนอยู่หน้าชั้นเรียนไม่ได้เข้าหัวผมเท่าไหร่ เนื่องจากใจผมตอนนี้มันลอยไปอยู่ในสนามบอลที่เต็มไปด้วยเด็กช่างกำลังเชียร์บอลประหนึ่งมวยคู่เอก(?) นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องเผลอลอบมองนาฬิกาอยู่บ่อยครั้ง ภาวนาในวิชากระบวนการจัดทำบัญชีที่แสนน่าเบื่อผ่านพ้นไปสักที แต่เหมือนยิ่งอยากให้เวลาผ่านไปเร็วๆมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ผมนั่งไม่ติดมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากหมดคาบที่กินเวลาตั้งแต่แปดโมงครึ่ง จนถึงสิบเอ็ดโมงครึ่งไป อุปกรณ์การเรียนทุกชิ้นถูกจับสุมใส่กระเป๋าอย่างมักง่าย ผมแทบอยากจะกระโจนออกจากห้องถ้าเป็นไปได้ แต่หากติดที่เสียงเอ่ยทักของรองหัวหน้าห้องก่อน
"การบ้านพรุ่งนี้นินทร์จะให้เราไปส่ง หรือนินทร์จะไปส่งเอง" เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอ ผมอยากจะถามออกไป แต่ด้วยนิสัยห้ามหยาบคายกับผู้อื่นที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก จึงตอบกับไปเสียงเรียบ
"ถ้านิ้งจะเอาไปส่งก็รวมเอาไป ถ้าไม่อยากเดินไปไกลก็รวมไว้หน้าห้อง เดี๋ยวเราเอาไปส่งเอง ขอตัวก่อนนะ" ผมบอกอย่างขอไปที ไอ้เรื่องส่งรวมการบ้านไปส่ง มันคือกิจวัตรของหัวหน้า หรือรองหัวหน้าห้องไปแล้ว หากหัวหน้าห้องไม่เอาไปส่ง ผมซึ่งเป็นหัวหน้าห้องก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว
เอาไปโยนทิ้งได้มั้ย ตำแหน่งแบบนี้
ผมไม่ได้อยากจะเป็นสักหน่อย
แต่ตอนนี้ช่างมันก่อนเถอะ ผมอยากจะไปดูที่สนามบอลจะแย่อยู่แล้ว ผมรีบจ้ำก้าวออกจากห้องโดยไม่สนใจเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในห้องที่กำลังวิ่งตามมา เพราะผมอยากไปให้ถึงสนามบอลให้เร็วที่สุด ใกล้เที่ยงแล้วคงใกล้เวลาเริ่มเกมแล้ว
เสียงเชียร์สนั่นแม้จะยังไม่ได้เริ่มเตะ ผมเดินแทรกเข้าไปท่ามกลางเด็กช่างเสื้อช็อปสีกรมท่า และสีน้ำตาลเข้มมากมาย รวมถึงเด็กพาณิชย์ที่เข้ามาร่วมเชียร์อีกยกโขยง ผมไม่แปลกใจนักที่คนจะเยอะขนาดนี้ เพราะวันนี้มีการแข่งขันฟุตบอลภายใน นัดชิงระหว่างไฟฟ้ากำลัง กับช่างก่อสร้างคู่ปรับเก่าแก่ของวิทยาลัย รอบขอบสนามจึงแบ่งเป็นสองฝั่ง ทีมของช่างไฟจะอยู่ฝั่งทิศตะวันออก ส่วนช่างก่อสร้างจะอยู่ทิศตะวันตก
ผมมองหาร่างโปร่งที่คุ้นเคยอยู่นาน เมื่อเห็นจึงรีบแทรกไปให้ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใจจริงอยากจะเดินไปเข้าไปให้กำลังใจอย่างใกล้ชิอย่างที่กลุ่มเพื่อนอีกคนทำบ้าง ขืนผมเข้าไปคงได้โดนโกรธอีกแน่ๆ เพราะเรื่องของผมกับเก่ง ยังคงเป็น ‘ความลับ’ ถึงผมจะไม่ได้อยากลับด้วยเท่าไหร่ก็ตาม
ผมพยายามหลีกเลี่ยงการเบียดเสียดกับเด็กช่าง เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมา จึงอยู่ไกลพอสมควร ไม่รู้ว่าเก่งจะเห็นผมหรือเปล่า เจ้าตัวเอาแต่คุยจ้อกับเพื่อนจนไม่ได้สนใจคนรอบข้างเท่าไหร่
“อ้าว ไอ้นินทร์ใช่เปล่าวะ” เสียงหนึ่งเอ่ยทัก ผมจึงหันไปมองทางต้นเสียง อ้อ... เพื่อนเก่งนี่เอง หากจำไม่ผิดคนเตี้ยๆ ผิวขาวจัด เจ้าเนื้อหน่อยๆ ไม่เหมาะกับการเรียนช่าง นี่ชื่อบอย ส่วนอีกคนผิวสีแทน สูงเท่าๆเก่งชื่อต๋อง เสียงเมื่อครู่ที่ทักผมน่าจะเป็นคนชื่อบอยมากกว่า
“ครับ?”
“กูชื่อบอย ไอ้เหี้ยนี่ชื่อต๋อง” ชี้ไปที่อีกคน “เพื่อนไอ้เก่งนะเว้ย จำได้ป่ะวะ” คนชื่อบอยยิ้มกว้างเดินเข้ามาถามผมเหมือนสนิทกันนานแรมปี เชื่อที่เก่งบอกแล้วว่าคนตัวขาวเฟรนลี่
“จำได้ครับ” จำไม่ได้ก็แปลกแล้ว เก่งมีเพื่อนสนิทแค่กลุ่มนี้กลุ่มเดียวนี่นา
“มาดูเหมือนกันเหรอวะ?” คนชื่อต๋องถาม
“ครับ จะมาดูเก่ง...” อยากตอบมากกว่านี้ แต่กลัวบอกอะไรไปแล้วจะกลายเป็นเก่งมาโกรธผมทีหลัง
“มึงจะเห็นเหรอวะ ไปนั่งเชียร์ไอ้เก่ง ไอ้เอกับพวกกูดีกว่า” คนชื่อต๋องบอก กอดคอเพื่อนตัวขาว
“ครับ!”ผมตอบตกลงแบบไม่ต้องสงสัย เรื่องอะไรจะปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ไป ผมเดินตามคนทั้งสองไปทางนักกีฬา
“ไม่ต้องพูดเพราะกับพวกกูก็ได้ เอาแค่ไม่ปีนเกลียวให้ระคายเคืองก็พอแล้ว” พี่บอยบอกขณะเดินฝ่าดงเด็กช่างเข้าไป
“เออ คุยแบบคุยกับไอ้เก่งก็ได้” พี่ต๋องเสริม
“ผมก็คุยกับเก่งแบบนี้ครับ” ผมตอบตามความจริง
ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วยักไหล่ แล้วรีบจ้ำเข้าไปหานักกีฬาที่กำลังวอร์มร่างกายอยู่ข้างสนาม เก่งเงยหน้าขึ้นหลังจากยืดเส้นยืดสายไปสักพักมองมาทางผมก่อนจะตาเหลือกขึ้น อ้าปากค้าง เหมือนจะถามว่าผมมาได้ยังไง
“เป็นเหี้ยอะไรไอ้เก่ง” ไอ้ต๋องเดินไปตบหัวนักกีฬาเบอร์แปด ก่อนพูดต่อ “เออ กูพาไอ้นินทร์มาเชียร์มึงด้วย เห็นชะเง้ออยู่ข้างสนามถามบอกจะมาเชียร์มึง สงสารเลยพามาด้วย”
ต้องขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
ไม่ทันได้ยืนนานพวก ปวส. เสื้อสีน้ำตาลก็เรียกให้พวกผมไปนั่งตรงโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ให้ ผมเดินตามคนพวกพี่เขาไปแถวๆกองเชียร์ โดยมีนักฟุตบอลเบอร์แปดกับเบอร์สิบ (เก่งเบอร์แปด เอเบอร์สิบ) เดินตามมา เห็นมีเด็กช่างรุ่นน้องลุกขึ้นเสียวละเก้าอี้ออกมาให้รุ่นพี่นั่งกันเป็นแถวเหลือผมคนเดียวที่ยังไม่มีที่นั่ง
อ้อ เสื้อขาวสะอาด ผมเป็นเด็กพาณิชย์นี่ครับ
“ไอ้กิจ มึงหาเก้าอี้ให้น้องไอ้เก่งนั่งดิ๊” เสียงนักฟุตบอลใส่เสื้อเบอร์สิบดังขึ้น ไอ้เจ้าของชื่อกิจทำหน้าเซ็ง แต่ก็แยกตัวออกไป “มึงชื่อนินทร์ใช่มั้ย? กูชื่อเอ เพื่อนไอ้เก่ง”
รู้ครับรู้
วินาทีนั้นผมจำหน้าคนชื่อเอได้แม่นกว่าใครเพื่อน ตอนเก่งไม่ตอบไลน์ ผมจึงเดินไปยังสามแยกปากหมาที่มีพวกเก่งนั่งอยู่ และตอนนั้นผมเห็นเขากอดคอเก่ง ซึ่งผมไม่ชอบ ถ้าเอาลึกๆจากใจก็อิจฉาครับ บางทีก็อยากจะกอดคอเก่งต่อหน้าคนมากมายเหมือนกัน
“ครับ” ผมตอบสั้นๆ ลอบมองหน้าเก่งที่นั่งนิ่งเงียบเลย
“มึงพูดแต่ครับๆ จนกูสงสัยว่ามึงพูดได้คำเดียวเหรอวะ” พี่ต๋องว่า
“เปล่าครับ” ผมตอบสั้นๆไปอีก ทั้งสามคนจึงพากันส่ายหัวกับการกวนตีนแบบไม่ตั้งใจของผม จริงๆแล้วผมไม่ใช่คนพูดน้อย หรือพูดได้แต่คำซ้ำๆ แต่ผมไม่ถนัดสนทนากับคนที่ไม่สนิทเฉยๆ
“ไอ้เหี้ยเก่งครับ เป็นส้นอะไร เงียบเป็นเป่าสากเลย ตื่นสนามไงมึง?” พี่บอยเอ่ยถามเมื่อเห็นเก่งเงียบไปนาน
“พ่อมึงสิ” เก่งด่ากลับไป ก่อนจะหันมาถามผม “อะ..เออ มาดูเหมือนกันเหรอวะ” แอบถลึงตาใส่ด้วย อยากจะหัวเราะกับท่าทางตื่นกลัวเกินเหตุของเก่งจริงๆ หารู้ไม่ว่าความมันจะแตกก็เพราะท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดวิสัยของเก่งนั่นแหละ
“ครับ เจอพี่บอยกับพี่ต๋อง เลยตามมาด้วย” ผมบอกก่อนนั่งเก้าอี้ที่คนชื่อกิจหามาให้ นั่งห่างกับเก่งโดยมีพี่บอยกั้นกลางไว้
“อะไรวะ ทีมันสองตัวมึงเรียกพี่ ทำไมกูเรียกเก่งเฉยๆวะ”
จากท่าทีตื่นกลัวเปลี่ยนเป็นโวยวายเฉย เมื่อได้ยินสรรพนามที่ผมเรียกเพื่อนของตัวเอง ถึงแม้ว่าเก่งจะให้ผมเรียกตัวเองว่าพี่นำหน้าชื่อขนาดไหน แต่ผมก็เรียกเก่ง ว่า ‘เก่ง’ เหมือนเดิม
“ฮ่าๆๆ น้องมันไม่ชอบมึงอ่ะดิ” พี่บอย และเพื่อนพากันหัวเราะครืน เก่งทำหน้ามุ่ย แต่ผมมองว่าน่ารัก
“พวกมึงเงียบเลย สัด” สั่งเพื่อน “ไอ้นินทร์มึงเรียกกูว่าพี่เลย” เสียงแข็งใส่ แต่ผมไม่กลัวหรอก
“เรียกทำไมครับ? เก่งไม่ใช่พี่ผมสักหน่อย” เป็นแฟนต่างหาก ผมชะเง้อบอกแอบต่ออีกประโยคไว้ในใจ พี่บอยคงรำคาญที่ผมชะโงกทะเลาะกันมั้งครับ เลยสลับที่กับเก่งให้ผมนั่งติดกัน
“แล้วพวกมันเป็นพี่มึงเหรอวะ?” เท้าเอวถามผม
“เปล่าครับ แต่อายุมากกว่า”
“กูก็อายุมากกว่า” ทำหน้ามุ่ย เบะปาก
“รู้ครับ” ผมบอก “แต่ไม่เรียก”
“ไอ้ห่านินทร์!”
มะเหงกเขกเข้าที่หัวผมหนึ่งทีเป็นการลงโทษ ผมยิ้มกว้างจนตาหยี โดยไม่สนใจตัวประกอบอย่างพวกเพื่อนของเก่ง และเด็กช่างที่กำลังสนใจกับบรรยากาศสีชมพูอมม่วงที่อยู่ขอบสนาม
เอาจริงผมก็จงใจให้บรรยากาศมันดูแหววๆแบบนี้แหละ บางคนเริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่บางคนที่ไม่คิดอะไรก็เฉยๆ โดยเฉพาะเก่งที่ไม่ค่อยทันกับการโดนรุกแบบไม่ทันตั้งตัวหรอก ซึ่งเป็นข้อดีมากๆ สำหรับผมที่ชอบแสดงออกให้คนอื่นรู้ว่า เก่งน่ะ เป็นของผม
“ไอ้เก่ง ไปวอร์มโว้ย เพราะสมองมึงมีเท่านี้ไงน้องมันเลยไม่เรียกพี่” พี่เอมันลุกขึ้นยืน เนื่องจากใกล้ถึงเวลาเตะแล้ว
“ไอ้สัดเอ! กูไปวอร์มก่อนนะ” ประโยคหลังหันมาบอกผม
“ครับ สู้ๆครับ” ผมยกมือขึ้นทำไฟท์ติ้ง เก่งยิ้มกว้างก่อนจะเดินไล่เตะพี่เอไปวอร์มข้างสนามอีกครั้งกับคนอื่นๆ
“ดูมึงสนิทกับไอ้เก่งมันดีเนอะ” พี่ต๋องว่า
“รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” พี่บอยถาม
“ตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ ผมกับเก่ง และก็กิ่งเล่นด้วยกันตั้งแต่เด็ก”
ผมบอก แต่สายตามองไปหาแต่ร่างสูงโปร่งที่กำลังฉีกขาข้างหนึ่งออก แล้วย่อตัวลงด้วยฝั่งเพื่อให้ขายืดหยุ่นได้อย่างเต็มที่ทำให้กางเกงกีฬาขาสั้นฟลายฮอว์คเลิกขึ้นสูงจนเห็นโคนขาขาวๆ หากอยู่ด้วยกันสองคนก็ชอบนะ แต่ต้องมาแบ่งคนอื่นดูแบบนี้มันอดที่จะกัดฟันไม่ได้
หวง!!
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด’ “แหม่ กูหมั่นไส้พวกเบ้าหน้าดี ดีกรีนักกีฬาจริงๆ” พี่บอยคว่ำปากค่อนแคะเพื่อนตัวเอง แต่คนโดนคงไม่ได้ยิน
“เออ กูมีเรื่องอยากแลกเปลี่ยน” พี่ต๋องไม่สนใจพี่บอยหันมาพูดกับผม “มึงสนิทกับไอ้เก่งแบบนี้แสดงว่ามึงต้องรู้ดี”
จะบอกว่ารู้ทุกเรื่องของเก่งก็จะหาว่าโม้ไป
“ที่กูพามึงมาดูแบบใกล้ชิดแบบนี้ กูถามอะไรมึงต้องตอบ...โอเคมั้ย?”
ผมไม่โอเคได้มั้ยวะครับไอ้พี่ต๋อง ขืนถามเรื่องผมกับเก่งขึ้นมาจะทำยังไง โกหกใครไม่เก่งครับ(เหรอ)
“มึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธนะ ที่นี่มีแต่เด็กช่างนะโว้ย” พี่บอยหันมารุมผมอีกคน ผมจำต้องพยักหน้าเล่นเกมยี่สิบคำถามอย่างช่วยไม่ได้ พี่ต๋องจึงเริ่มถาม
“พี่นิ่ม เป็นพี่ของมึงใช่มั้ย”
“ครับ”
“ไอ้เก่งมันกำลังจีบพี่มึง มึงรู้ใช่มั้ย?”
“ไม่ได้จีบครับ” ผมตอบแทบจะในทันที ก็พี่นิ่มพี่สาวของผมมีแฟนอยู่แล้วนี่ครับ ถึงไม่มีแฟนพี่นิ่มก็ไม่ชอบเก่งหรอก และผมก็ไม่ยอมให้ชอบกันหรอก
“กูว่าแล้ว” พี่ต๋องมันทำท่าทางบิงโก “ไอ้เหี้บบอยไม่ต้องทำท่าหมางงเลย กูบอกแล้วว่ามึงมโนไปเอง ไอ้เหี้ยเก่งมันไม่ได้จีบพี่นิ่มเว่ยยย”
ลองจีบดูสิครับ ผมเอาตายนะ บอกไว้ก่อน
“แล้วมึงรู้มั้ยว่ามันกำลังจีบใครอยู่” พี่ต๋องถามเสียงไม่ดังมากนัก ขยับเข้ามาใกล้ผมจนเหมือนจับกลุ่มนินทา แบบผู้หญิงในห้องผมทำบ่อยๆ
“ไม่มีครับ” ผมตอบตามความจริง คบกับผมแล้วไม่ให้จีบใครหรอกนะครับ
“ไม่มีแล้วไอ้เก่งมันคุยกับใครวะ” พี่บอยหันไปถามเพื่อนผิวเข้ม
คุยกับผมไงครับ อยากบอกแต่ขอเก็บไว้ก่อนแล้วกัน
ในขณะที่ฟุตบอลเริ่มไปแล้วพักหนึ่ง พี่ต๋องก็ยังไม่เชื่อว่าผมไม่รู้ว่าเก่งกำลังจีบใครอยู่ ผมบอกไปว่าไม่รู้ก็ไม่เชื่ออีก เชื่อที่เก่งบอกแล้วว่าพี่แกเรียนรั้งท้ายเพื่อนๆ ก็เพราะว่าเชื่อคนยากแบบนี้นี่เอง อาจารย์สอนอะไรไป ก็คงจะไม่เชื่อ
“เอางี้ กูเลี้ยงเหล้ามึงหนึ่งกลม บอกมาไอ้เก่งคุยกับใคร” พี่บอยใจป๋าสุด แต่เสียดาย
“ผมไม่ดื่มครับ”
“เออๆ ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก ดูบอลโว้ย”
ไอ้พี่ต๋องทำหน้าเซ็งเป็ดไปแล้วเรียบร้อยแล้ว พี่บอยจึงไม่สนตาม พากันดูบอลในสนามแทน ผมจึงดูเก่งได้แบบสบายๆ ไม่ต้องมีเสียงอะไรมารบกวนสมาธิ
เก่งเล่นอยู่ในตำแหน่งกองหน้า คู่กับพี่เอ ผมรู้เพราะเก่งบอกไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากผมไม่ดูบอล และเล่นบอลไม่เป็น ผมจำได้ดีว่าตอนเด็กก็ถูกเก่งลากมาเล่นกับกิ่งเสมอ หลังจากผมหกล้มเป็นแผลเพราะวิ่งตามบอลไม่ทัน เก่งก็ไม่บังคับผมเล่นบอลด้วยอีกเลย
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“พี่เก่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
“พี่เออออออออออออออออออออออออ” “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” ผมตวัดสายตามองกลุ่มผู้หญิงที่กรี๊ดกร๊าด เรียกชื่อเก่งอยู่ข้างสนาม ผมได้ยินมันทุกครั้งเวลาเก่งเช็ดเหงื่อบนใบหน้า เวลายิ้ม หรือเวลาตะโกนบอกเพื่อนในทีมก็ตาม หรือถ้าล้มก็จะมีเสียงกรี๊ดปนกับสาปแช่งดังขึ้นพร้อมๆกัน ผมเข้าใจว่าเก่งหล่อ และป๊อปปูล่าในหมู่สาวๆตั้งแต่เรียน ปวช.แล้ว ได้ข่าวว่าแฟนแต่ละคนก็สวยๆ น่ารักๆทั้งนั้น
ผมไม่กลัวว่าผู้ชายคนไหนจะมาจีบเก่ง เพราะคู่แข่งของผมมีแต่สาวๆทั้งนั้นเลย
แบบนี้ไงผมถึงอยากบอกกับทุกคนว่าเก่งเป็นแฟนผม!
หลังจบครึ่งแรก ช่างไฟ และช่างก่อสร้างยังคงอยู่ที่สกอร์ 0 - 0 ผมอยู่ดูต่อไม่ได้ เพราะถูกปาล์ม เด็กผู้ชายใส่แว่นท่าทางเรียบร้อยกว่าผมซึ่งเพื่อนสนิทคนเดียวในห้องโทรตามให้ไปกินข้าวและเตรียมตัวออกนอกพื้นที่เพื่อทำโครงการกลุ่มได้แล้ว ปาล์มต่อว่าผมยกใหญ่เมื่อเจอหน้า เพราะผมวิ่งไปสนามบอลโดยไม่รอเจ้าตัวแม้แต่นิด ปาล์มเดินตามหาผมไม่เจอ จึงทำให้ถูกเด็กช่างแกล้ง แต่ไม่ร้ายแรงเท่าไหร่แค่ให้จับถอดแว่นทำให้มองอะไรไม่ชัด ยึดโทรศัพท์ไปเล่นเกมส์ และนั่งอยู่ด้วยกันจนขอแว่น กับโทรศัพท์คืนจากนั้นก็แยกตัวออกมากินข้าวกับผมนี่แหละ
ผมส่งไลน์ไปหาเก่งแทบจะทันทีที่กินข้าวเสร็จ เรื่องของเก่งปาล์มรู้เพราะตอนจีบเก่งผมปรึกษาปาล์มตลอด และอีกคนที่ลืมไม่ได้เลยคือกิ่ง น้องชายของเก่ง พ่วงด้วยตำแหน่งเพื่อนสนิทของผม รายนี้คอยเปิดทางให้ผมตลอด เพราะผมรับปากไว้แล้วว่าถ้าเก่งชอบผม ผมก็จะทำให้เก่งมีความสุขเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำให้ได้ แต่เรื่องนี้เก่งไม่รู้หรอกครับ คิดว่าไม่มีใครรู้ ตอนกิ่งเปิดประตู้เข้ามาตอนจังหวะที่กำลังจะไปได้สวย เก่งถึงกับโวยลั่น ทุบผมใหญ่ทั้งที่กิ่งมันก็รู้อยู่เต็มอกอยู่แล้ว
‘สู้ๆ ครับ’
‘ครึ่งหลังผมต้องไปทำโครงการข้างนอก’
‘แต่ผมส่งใจไปเชียร์นะครับ’
ตามด้วยสติ๊กเกอร์รูปส่งจูบเป็นการตบท้าย
ผมยิ้มให้กับโทรศัพท์ ก่อนจะออกจากแอพฯ กดล็อคหน้าจอ แล้วเอาใส่กระเป๋ากางเกงไว้ ที่เหลือก็รอให้เจ้าตัวเปิดอ่าน และตอบกลับมาเท่านั้นเอง
_______________________________________________________________
โดยหารู้ไม่ว่าตัวของนายกรวิชญ์นั้นได้ลงสนามไปแล้ว ส่วนโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของบอย โดยถูกเจ้าของฝากฝังให้ดูแลนั้นหน้าจอขึ้นแจ้งเตือนหลา
“ไอ้ต๋องๆ!!” คนตัวขาวจัดเสียงตื่น
“เหี้ยอะไร” คนผิวเข้มตวัดสายตามองเพื่อนสนิทอย่างรำคาญ
“โทรศัพท์ไอ้เก่งมีไลน์ส่งมาจากซีเคร็ทว่ะ”
“แล้ว?” ต๋องเว้นระยะให้พูดต่อ
“มันลงท้ายว่าครับว่ะ” เอ่ยเสียงแผ่ว
บอยส่งไอโฟน5S สีขาวให้ต๋องดูข้อความที่ขึ้นเตือนอยู่ในขณะยังล็อคหน้าจอ คนผิวเข้มทำตาโตก่อนจะคิดชื่อที่อยู่ในใจขึ้นพร้อมเพียงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
‘ ไอ้นินทร์!! ’
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาต่อแล้วเน้ออออออ
เป็นพาร์ทน้องนินทร์บ้าง 555555555555555
เรื่องคำผิด เราว่าทุกคนควรชินนะ เพราะเราขี้เกียจจริงๆ
(โดนเตะ)
เอนจอยรีดดิ้งค่า