[Side Story] ล่ารักหัวใจมาเฟีย : วิคเตอร์ x เจย์ : ตอนที่ 3 (จบบริบูรณ์) : 11/4/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Side Story] ล่ารักหัวใจมาเฟีย : วิคเตอร์ x เจย์ : ตอนที่ 3 (จบบริบูรณ์) : 11/4/59  (อ่าน 95926 ครั้ง)

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ทำไมแต่งออกมาได้น่ารักน่าหยิกขนาดนี้
ขอถามคำนึง สมหวังป่ะ

ออฟไลน์ booboos

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
น้อยใจอยากให้เขาสน พอเขาทำหวานใส่ก็ออกปากไล่ เจย์จ๋าอย่าเขินมากสิโดดใส่ไปเลย

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เจย์น่ารักมากเลยอ่า :-[

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
จีบกันแบบแข็งๆ  :o8: :o8: แต่ก็มีหวานนะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Ginseng

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ชอบคู่นี้มาก จริงๆ ก็ชอบทุกคู่ในเรื่องนี้

ขอบคุณที่มาลงให้อ่านนะคะ ติดตามๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Chrysan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เวลาอยู่กันสองคนแล้วมันมุ้งมิ้งงุ้งงิ้งจริง ๆ เลย
เจย์น่ารัก ขี้น้อยใจ
เฮียวิคเตอร์ก็ช่างแกล้งช่างแหย่
คู่นี้ต้องสมหวังนะ
       o13

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4

ออฟไลน์ loverken

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เขิลเฮียวิคเตอร์

ออฟไลน์ ZeeKiN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ยน่ารักกกกกกกกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
5555 ตลกเจย์อ่ะ
ขี้งอนนะ

ออฟไลน์ Maxshu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อร๊ายยย คิดถคนอ่านมาก ทำไมเราเพิ่งเห็นว่าวิคเตอร์เจย์เปิดเรื่องแล้ว โอ๊ยยยยย รอตอนต่อแทบไม่ไหวเลยค่ะ

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น่ารักก เจย์เด็กน้อยมากเลย ขี้งอนจริงๆ แต่น่ารักสุดใจ  :กอด1:

ออฟไลน์ kittisak Intarasarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาต่อหน่อยสิคราฟฟฟ...รออยู่

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ baipai_bamboo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ PaTtO

  • อาซามิซามะ.. ทาคาบะ4ever
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1638
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
อาเฮีย หยอดทำไม มันน่าคิดนะคะ

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ยังเฝ้ารอคอยยังห่วงหาาาาาา ยังคิดถึงการกลับมาเรื่อยไป   :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ allmysecret

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ jyube

  • written by jyube
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
    • Jyube's Page
กริ้ดดด ชอบคู่นี้มากเลยง่ะ

รีบมาต่อเถอะนะเตงงงงงงง  :monkeysad:  :monkeysad:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
วิคเจย์น่ารักอ่ะ อยากให้มาอัพต่อจังเลยค่ะ

ออฟไลน์ Kalamall

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
 :hao7:น่ารักน่าลุ้น

ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4
Love runs out





ฮ่องกงยังคงดำรงตนอยู่ แต่ความรู้สึกที่มีมาตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาค่อยๆเปลี่ยนไป...
   เจย์ไม่แน่ใจนักว่าเขาเริ่มต้น 'รู้สึก' อะไรแบบนี้กับวิคเตอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ มันค่อนข้างพิเศษ...ไม่สิ มันพิเศษ ดังนั้นในทุกๆครั้งที่หัวใจโบยบินกลับบ้าน เจย์จะรู้สึกว่ามันพิเศษเสมอไป...
   ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เชียงราย ความสัมพันธ์ของวิคเตอร์และเจย์ก็...ไม่ค่อยคืบหน้า จะว่าอย่างเช่นนั้นก็ได้ เอาเข้าจริงเหมือนต่างคนต่างมีงานและภาระหนักหน่วงที่ต้องรับผิดชอบ ได้เจอกันบ้างเวลาอาหารเย็น วิคเตอร์คอยตามประกบมิถุนา ส่วนเจย์ก็หัวปั่นกับปัญหางานและศัตรูการค้าที่ไม่รู้จะมาไม้ไหนอีก
   ฮ่องกงยังเป็นบ้านเกิดที่เขาโหยหาเสมอและคงเป็นเช่นนี้ตลอดไป เมื่อใดก็ตามที่ย่างก้าวเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลหวัง ความรู้สึกต่างๆ รวมถึงความทรงจำก็ทะลักทลายเข้ามาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาเจอวิคเตอร์ที่นี่ ทุกความสัมพันธ์ในวัยเยาว์ดำเนินที่นี่ วันที่วิคเตอร์ต้องไปอเมริกาเพื่อเรียนต่อ เจย์ร้องไห้หนักหนาแค่ไหนตอนมาส่งพี่ชายทั้งสองขึ้นรถ เขายังจำได้ดี ตอนนั้นเขายังไม่สิบขวบดีด้วยซ้ำ เป็นเด็กเนิร์ดๆที่ก้าวกระโดดข้ามชั้นด้วยความเป็นอัจฉริยะ
   แต่สำหรับจอมทัพและวิคเตอร์ เจย์ก็ยังเป็นเจย์ที่เป็นเด็กอยู่เสมอ วันนั้นทั้งจอมทัพและวิคเตอร์ปลอบเขาอยู่เป็นชั่วโมงๆ เป็นครั้งแรกที่เจย์รู้สึกถึง 'ความสูญเสีย' อะไรบางอย่างเข้าจริงๆ
   ตอนนั้นยังเด็กนัก ไม่รู้ว่าวิคเตอร์คิดอย่างไร แม้กระทั่งความรู้สึกที่มีอยู่เป็นเช่นไร มาตระหนักเข้าใจจริงๆก็ตอนที่อีกหลายปีให้หลังที่พวกเขากลับมาเจอกันอีกครั้ง วิคเตอร์ในวัยยี่สิบสองหรือยี่สิบสามนี่แหละ สูงใหญ่ ผิวแทน หน้าตาคมคร้าม ดูเงียบขรึมและเย็นชา แต่เอาเข้าจริง พอเริ่มต้นสนิทกันใหม่...อีกครั้ง...วิคเตอร์ก็ยังทะเล้นตึงตังเสมอ
   ตอนนั้นเจย์ยังเรียนอยู่ เขาอายุประมาณสิบหกปี เรียนปริญญาตรีปีสุดท้าย จากนั้นก็มีความคิดว่าจะต่อโท รวมถึงปริญญาเอก แน่ละ...ตอนนี้เขาเป็น ด็อกเตอร์เจย์ ฟาน แต่หากถามว่าจำเป็นต้องให้ใครรู้ไหม เจย์คิดว่าวินาทีมันไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่นัก
   จอมทัพเริ่มทำงานที่ฮ่องกง เฮียแจ็คกี้ของเขาไม่มีความคิดไปทำงานที่ประเทศไทยตั้งแต่ต้น (จนกระทั่งเกิดเรื่องของ ทาเคยามะ จุน ที่ทำให้เจย์รู้สึกสงสารจอมทัพจับใจ มาเฟียที่เสียหลัก ปีกหักเช่นนั้น...เขานึกไม่ถึงเลยจริงๆ และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้มาเฟียหนุ่มย้ายฐานทัพไปยังประเทศไทย) ในขณะนั้นเฮียมีวิคเตอร์เป็นมือซ้าย วิคเตอร์เป็นมือซ้ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาเป็นเด็กกุ๊ยที่โดนพวกจอมทัพซ้อมยับ แต่จอมทัพเกิดถูกชะตาจึงนำมาชุบเลี้ยง กับมือขวา...เอเลน
   ให้พูดถึงบางที...ก็นึกสมเพชตัวเองไม่น้อย จนกระทั่งบัดนี้ เจย์ก็ไม่แน่ใจว่าเขากำลังเป็นเงาของเอเลนอยู่หรือเปล่า คนที่จะได้ไปประเทศไทยในทีแรกกับแจ็คกี้ หวัง ก็คือเอเลนเพื่อนซี้ แต่เพราะบิดาของมาเฟียหนุ่มต้องการตัวเอเลน เอเลนจึงอยู่ที่ฮ่องกงต่อเพื่อเป็นเลขาให้ประมุขตระกูลหวัง ส่วนเจย์นั้นได้สานงานต่อจากเอเลน
   เจย์คือที่สองมาตลอด เขาคิดเช่นนี้จริงๆ...
   จริงๆก็ไม่อยากจะน้อยใจหรอกนะ แต่มันก็อดไม่ได้ในบางที การกลับมาฮ่องกงในแต่ละครั้ง แน่นอนว่ามันอบอุ่นหัวใจ ได้เจอพ่อ แม่ คนในครอบครัวได้กลับมาในสถานที่เก่าๆ กินร้านอาหารร้านเดิมที่โหยหา แต่กระนั้นเอง...ทุกครั้งที่กลับมาเจอเอเลน...คนที่เขาเองก็เคารพ มันกระอักกระอ่วนทุกครั้งไป
   เพราะสายตาของคนๆนั้นที่มองเอเลนอย่างเคารพบูชาเสมอไป...
   สายตาของวิคเตอร์

   
   “นายไปพักเถอะเจย์"   
   คำพูดของวิคเตอร์ทำให้คนที่ยังบาดเจ็บจากรอยกระสุนที่แขนและกำลังนั่งเหม่ออยู่หน้าห้องผ่าตัดต้องหันไปมอง วิคเตอร์ โหลว ยืนเอนกายพิงกับกำแพงอาคารพร้อมดวดกาแฟกระป๋องไปด้วย ในขณะที่มาเฟียแจ็คกี้นั่งก้มหน้าอยู่ที่เบาะแถวหน้าสุดด้วยอาการไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยังไม่ไหนไม่ได้ อาการของคนในห้องไม่อนุญาตให้มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัวไปไหน
   เจย์จำหน้าเจ้านายของเขาได้ดี ใบหน้าเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด...ตอนได้รู้ว่าทาเคยามะ จุน กำลังจะจากตนไป คำว่าเสียหลักเป็นเช่นไร เจย์รับรู้และตีความได้จากสายตาและสีหน้าของคนที่เคารพและเทิดทูนไว้ราวกับพี่ชาย
   มิถุนายังอยู่ในห้องฉุกเฉิน อาการไม่สู้ดีนัก ตลอดทางบนเฮลิคอปเตอร์ มิถุนาไม่ได้สติ ไม่มีการตอบสนอง ชีพจรอ่อนมากด้วยเพราะเสียเลือดมาก เจย์อยากจะกรีดร้อง เขาทำได้เพียงเอนไหล่ซบวิคเตอร์ด้วยความอ่อนเพลีย เอเลนเองดูคุมสติได้ดีที่สุด ซึ่งตอนนี้เหมือนคนๆนั้นหายตัวไปแล้ว เจย์รู้ได้ทันทีว่าคนๆนั้นคงไปจัดการที่เกิดเหตุ ไม่ต้องให้ใครบอกหรอก เอเลนน่ะจัดการได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว ชั่วโมงบินคนๆนั้นสูง แถมยังเป็นที่พึ่งของจอมทัพในหลายๆเรื่องอีกต่างหาก เขาอาจจะไม่ฉลาดเท่าเจย์ แต่เขาเฉลียว สุขุม เล่ห์เหลี่ยมรอบด้าน รู้จักการต่อรองเพื่อให้ได้มา
   ในขณะเดียวกัน เขาก็มีเสน่ห์อย่างคาดไม่ถึง ร้อนแรงราวกับไฟ และหอมหวานราวกับดอกไม้หอมที่คอยดักล่อให้ผีเสื้อบินมาติดกับ คนแบบนี้แหละที่วิคเตอร์ชอบ หมอนั่นชอบความท้าทาย ยิ่งถ้าได้เอเลนมาล่ะก็...
   เจย์จำต้องหยุดความคิดเพ้อเจ้อของเขาเมื่อฝ่ามืออุ่นทาบลงมาที่ข้างแก้ม มือขวาถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยความเหนื่อยล้า เขาเอนกายพิงพนักพิงอย่างเมื่อยขบ
   “ไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ ยิ่งมีแผลอยู่ด้วย" มือซ้ายดุราวกับเขาเป็นเจย์ เจย์ทำหน้าตึง
   “รอมิออกมาก่อนไม่ได้หรือ" เจย์ถามกลับ "อีกอย่าง ต้องไปเคลียร์สถานที่ด้วย"
   “เอเลนไปแล้วล่ะ"    วิคเตอร์ว่า เขาถอนหายใจเบาๆให้กับเด็กดื้อ แต่กระนั้นก็ไม่รู้ตัวว่าชื่อของใครบางทีคนเขาเอ่ยออกไปจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจเล็กๆ
   มันไม่ดี เจย์รู้เขางี่เง่า ระหว่างที่อยู่ที่ฮ่องกงนั้น วิคเตอร์ใส่ใจเขาดีมาตลอด เคยเป็นอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น แต่ติดอยู่อย่างเดียวที่หมอนั่นก็ยังมอง    เอเลนด้วยสายตาชื่นชมอยู่ตลอดนั่นแหละ เจย์น่ะอยากจะเคลียร์ๆไปให้มันรู้เรื่องไปเลยแต่ก็ไม่กล้า อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าควรจะเอาความมั่นใจหรือเอาสถานะอะไรไปทำเช่นนั้น
   “กลับไปพักเถอะ แล้วพรุ่งนี้จะให้มาเฝ้ามิถุนาแต่เช้าเลย" วิคเตอร์ต่อรอง
   “...ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย" เจย์เบือนหน้าหนี
   “ไปพักเถอะนะ เดี๋ยวจะรีบตามกลับไป"
   วิคเตอร์ย้ำอีกที มือหนารั้งศอกข้างที่ไม่เจ็บของเจย์ให้ลุกขึ้น เจย์ดูขัดขืนในทีแรก แต่เป็นเพราะวิคเตอร์ส่งสายตาหารือให้เจ้านายหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ จอมทัพจึงหันกลับมามองเจย์แล้วพยักเพยิดอีกคน
   “ไปพักเถอะเจย์ เหนื่อยมามากแล้ว ยังไม่ได้พักเลยไม่ใช่หรือตั้งแต่บาดเจ็บ"
   เจย์อยากจะเถียงว่าเขาไม่เหนื่อย แต่ตาที่จะปิดและแผลที่เริ่มจะระบมเล็กๆทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้
   “ครับ"
   “กินยา ทานข้าวให้ครบทุกมื้อ แล้วนอนพักยาวๆเลยนะ ไม่มีงานแล้วล่ะ"  จอมทัพว่า เขาอิดโรย แต่สายตาก็ยังสื่อว่าเขาขอบคุณมือขวาของเขาจริงๆ
   “แล้วเอเลน...” เจย์พึมพำถามถึงคนที่หายตัวไป
   “ไม่ต้องห่วงหรอก เอเลนไปจัดการเรื่องพื้นที่ให้ เจ็บขนาดนี้แล้ว เลิกคิดถึงเรื่องงานเสียที"
   จอมทัพถอนหายใจ เขาโคลงศีรษะคนที่เป็นเหมือนน้องชายของเขาไปมา
   "กลับไปเจอกันที่บ้านนะ"
   เจย์จำยอมต้องพยักหน้ารับ "อย่าหักโหมนะครับ"
   เขาเหลือบมองหน้าวิคเตอร์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินลากเท้าออกมาพร้อมกับคนขับรถที่จอมทัพเรียกตัวไว้ให้ เขารู้สึกอ่อนเพลียก็ตอนที่เดินออกจากอาคารมายังลานจอดรถ พอเจออากาศด้านนอกที่ร้อนกว่าด้านใน เจย์รู้สึกอึดอัดกับการหายใจเล็กๆ และพอขึ้นรถ ทันทีที่เครื่องปรับอากาศทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ แอร์เย็นๆที่เป่าเข้าหาตัวทำให้เขาค่อยๆเอนหัวพิงและปิดตาลงช้าๆ ก่อนจะจมสู่นิทราไปโดยไม่รู้ตัว...


   เจย์ลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกุกกักบางอย่างในห้อง เขาหลับยาวตั้งแต่กลับมาถึงบ้านพัก ผลัดผ้า เช็ดตัว ล้างหน้าพอให้สบายร่างกาย แล้วก็กระโจนเข้านอนโดยไม่ได้กินยาหรือข้าวสักมื้อตามที่จอมทัพกำชับสั่งไว้เลย สักนิด มือขวาค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก เขากระพริบตาเบาๆ ปรับสายตามองไปยังมุมห้องที่มีแสงสลัวๆ เขาเห็นแผ่นหลังของคนคุ้นเคยยืนอยู่ตรงนั้น
   ที่ฮ่องกง เจย์พักอาศัยอยู่ห้องเดียวกับวิคเตอร์ในตัวบ้านที่แยกมาของจอมทัพที่ปีกซ้าย เขานอนจนรู้สึกปวดหัวไปหมด แผลที่แขนก็ระบมหนักจนแทบยกไม่ขึ้น เจย์ใช้มืออีกข้างยันตัวขึ้นแล้วพิงหัวเตียงเอาไว้ เขาไม่รู้ว่านี่มันกี่โมงเข้าไปแล้ว แต่วิคเตอร์คงเพิ่งถึงบ้าน...
   “วิค...” เจย์พึมพำเรียกอีกฝ่ายเสียงแหบแห้ง วิคเตอร์ที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่หันขวับมามอง
   “อ้าว ตื่นแล้วเหรอ" มือซ้ายตัวโตถามกลับ เขาหาววอด ท่าทางเหนื่อยอ่อน
   “อืม" เจย์พยักหน้า "กี่โมงแล้ววิค" เขาถามกลับ
   วิคเตอร์เหลือบสายตามองนาฬิกาที่แขวนไว้บนผนังห้องเหนือโทรทัศน์แอลซีดี ชายหนุ่มสวมกางเกงผ้าทับบ็อกเซอร์กับเสื้อยืดสีพื้นพอดีตัว
   “ตีสองกว่าแล้ว...ยังเจ็บแผลอยู่ไหม"
   “นิดหน่อย" เจย์ว่า จริงๆแล้วเจ็บเลยล่ะ
   วิคเตอร์ถอนหายใจ ดูท่าทางขยับตัวพิลึกของคู่หูก็พอรู้ได้ด้วยตนเองว่าหมอนั่นยังเจ็บแผลแค่ไหน คงไม่ได้กินยาตามที่สั่งไว้ด้วยแน่ๆ
   ชายหนุ่มสาวเท้าเข้ามาใกล้ ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างของเตียง ช่วยพยุงร่างเล็กขึ้นนั่ง พอมาสัมผัสตัวกันจะๆแบบนี้ เจย์ผอมลงมาก จากที่ผอมอยู่แล้วนี่แทบจะผอมเทียบมิถุนาได้แล้วด้วยซ้ำ เขาเห็นคนเจ็บนิ่วหน้า ก่อนจะทำหน้าดุใส่
   “ทำไมไม่กินยา" วิคเตอร์คาดคั้น
   เจย์เบือนหน้าหนีเหมือนเด็กดื่้อ "เพลียไม่ไหวแล้ว"
   “ใช่คำแก้ตัวไหม" เขาเอื้อมมือแกะถุงยาที่วางอยู่บนหัวเตียงออก ก่อนจะแกะยาส่งให้เจย์ แล้วก็ต้องชะงักมือไว้
   "ยังไม่ได้กินอะไรด้วยใช่ไหม"
   เจย์พยักหน้าออกมาจนได้ นั่นทำให้วิคเตอร์หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก อยากจะตะคอกดุ แต่พอเห็นใบหน้าอิดโรยของคนป่วยก็จำต้องเงียบปาก
   ชายหนุ่มตัวสูงเดินออกไปด้านนอก สักพักก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในถ้วย เจย์มองร่างสูงใหญ่นั้น แล้วนึกขอบคุณไม่ได้
   “มีแค่นี้แหละ เขาหลับกันไปหมดแล้ว" วิคเตอร์ว่า เขาทิ้งตัวนั่งลงข้างเจย์ แล้วประคองถ้วยให้ "ร้อนนะ ระวังหน่อย"
   เจย์พยักหน้าหงึกหงัก พอบะหมี่คำแรกลงท้องไป เขาถึงได้รู้ว่าตนเองหิวแค่ไหน
   “เฮียล่ะ" เจย์ถามถึงจอมทัพ
   “ค้างคืนที่โรงพยาบาล"
   “แล้วมิ...?” เจย์ถามอย่างเป็นห่วง
   “ยังไม่พ้นขีดอันตราย แต่หมอบอกว่าไม่น่าจะทรุดลงไปกว่านี้ คืนนี้ดูอาการในห้องไอซียูต่อ ถ้าพรุ่งนี้เช้าดีขึ้น จะย้ายเข้าห้องปกติ"
   หัวใจเจย์กระตุกวูบเมื่อได้ยินดังนั้น เขาสูดจมูก วิคเตอร์เห็นดังนั้นได้แต่ส่ายหัวเบาๆ ก่อนวางมือบนศีรษะเล็ก
   "ไม่มีอะไรหรอกน่า มิถุนาต้องไม่เป็นอะไร" เขาปลอบ
   เจย์เหลือบมองหน้าคนตัวโตกว่า ก่อนเอื้อมมือแตะที่หางคิ้วของ       วิคเตอร์เบาๆ สะเก็ดระเบิดเป็นทางยาว คราบเลือดถูกชำระออกไปแล้ว แต่แผลยังเหลืออยู่ วิคเตอร์มีรอยสะเก็ดระเบิดกี่ที่แล้วนะ เขาเคยพยายามจำมาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในฐานะคู่หูมาด้วยกัน แต่บาดแผลมันก็มากเกินไปจนจำไม่หวาดไหว วิคเตอร์เจ็บตัวตลอด เป็นเจย์ที่แทบไม่เคยได้เลือดเลย...
   “เจ็บไหมเนี่ย"
   “ไกลหัวใจตั้งเยอะ" วิคเตอร์ยิ้มแล้วส่ายหัว "กินเร็ว จะได้กินยา"
   เจย์กินได้อีกสามคำ ก่อนทำตัวเป็นเจ้าหนูจำไมอีกครั้ง เขาไม่ได้เป็นคนที่ใส่ใจไปทั่วนักหรอก แต่สำหรับคนที่สำคัญของเขา เขามักจะกังวลใจยิ่งกว่าเรื่องของตนเอง
   “ทำไมกลับดึกจัง"
   “กว่าจะผ่าตัดเสร็จก็บ่ายแล้ว...เฮียอยู่โรงพยาบาลตลอด ช่วงบ่ายฉันแวะไปหาเอเลนมา" วิคเตอร์ตอบราบเรียบ "ไปช่วยจัดการอะไรๆ แล้วก็รอรับกลับมานี่แหละ"
   จู่ๆคำตอบของมือซ้ายก็ทำให้เจย์นึกกินไม่ลงเข้าเสียแล้ว เขาเม้มปากแน่น คีบเส้นบะหมี่กินเงียบๆ
   “อิ่มแล้วล่ะ"
   เจย์ผลักถ้วยออก วิคเตอร์รับบะหมี่ที่เหลือค่อนถ้วยมา ก่อนจะบ่นที่เจย์กินน้อย เจย์ทิ้งตัวลงนอน แต่ก็ถูกวิคเตอร์ที่เดินกลับเข้ามาในห้องหลังจากเอาขยะไปทิ้งสะกิดเรียก
   “กินยาก่อน" คนตัวโตว่า เจย์เม้มปากแน่น ยอมให้อีกคนประคองตัวให้ลุกขึ้นนั่ง เจย์รีบกลืนยาอย่างรวดเร็ว แล้วล้มตัวนอนอีกครั้ง
   "เดี๋ยวนอนเป็นเพื่อน"
   วิคเตอร์สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ทำให้เจย์แปลกใจเล็กๆ แต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะพูดคุย ปกติแล้วพวกเขาแยกเตียงกัน เตียงเจย์อยู่ฝั่งซ้าย วิคเตอร์อยู่ฝั่งขวา พวกเขาเคยนอนด้วยกันตอนเด็กๆ อยู่ที่ไทยก็ก็แยกห้องมาตลอด พอมาอยู่ร่วมห้องที่ฮ่องกง เจย์รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร...นี่เป็นคืนแรก ที่พกวเขานอนด้วยกัน...
   เจย์นอนหันหลังให้ มือซ้ายค่อยๆเบียดชิดร่างเล็กกว่า ก่อนเอื้อมมือลูบหัวเล็กเบาๆ
   “ทำไมจู่ๆมานอนด้วยล่ะ" เจย์ถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ
   วิคเตอร์เงียบไปพักหนึ่ง เหมือนหาคำตอบ
   "ก็เปล่า" เขาตอบในที่สุด "เห็นเจ็บอยู่ เผื่อจะอยากได้คนนอนเป็นเพื่อน"
   “......”
   “ตอนเด็กๆเวลาป่วยก็ชอบอ้อนไม่ใช่หรือไง" วิคเตอร์ว่ายิ้มๆ
   “ประสาท" เจย์ด่ากลับ แล้วก็เงียบไป
   “เป็นอะไร ง่วงอีกแล้วเหรอ"
   เจย์ไม่ตอบ เขานิ่ง ไม่ง่วงเท่าไหร่แล้ว แต่อะไรบางอย่างยังวนเวียนอยู่ในหัว
   "เปล่าหรอก"
   “นอนเถอะ พรุ่งนี้พักยาวๆอีกสักวัน"
   “ให้นอนต่อไม่ไหวหรอก มีเรื่องต้องจัดการเยอะแยะ" เจย์เถียงกลับ แต่วิคเตอร์กลับไม่เห็นด้วย
   “อย่าห่วงเลย มีเอเลนอยู่ทั้งคน"
   เอเลนอีกแล้ว...
   เจย์เม้มปากแน่น   “ทำไมต้องเอเลนด้วยล่ะ มันหน้าที่ฉันแท้ๆ" เจย์ท้วงด้วยรู้สึกน้อยใจขึ้นมาเล็กๆ
   “ก็เจ็บอยู่ขนาดนี้"
   “ไม่ได้เจ็บแล้ว โอ๊ย!” เจย์ร้องขึ้นเมื่อวิคเตอร์แกล้งขยับตัวโดนแผลที่แขนเบาๆ
   “โกหกชัดๆ" วิคเตอร์ว่า ทำเอาเจย์หน้าตึง "ฉันทำงานกับเอเลนได้ ดีด้วยซ้ำ ไม่ต้องห่วงหรอก"
   เจย์เม้มปากแเน่นขึ้น เขารู้สึกแย่กับความไม่แน่นอนแบบนี้
   "พูดเหมือน...ไม่อยากจะทำงานด้วยกัน"
   “อะไรนะ" วิคเตอร์ร้องออกมา เขาหรี่ตามองอีกคนในความมืด "เปล่าสักหน่อย"
   เขาปฏิเสธ เจย์เงียบ ไม่ได้ต่อความยาวอะไรอีก
   “แต่จริงๆ...ถ้าเราไม่ได้เป็นคู่หูกัน...อาจจะดีกว่านี้ก็ได้นะ" วิคเตอร์เปรยเบสๆ ทำเอาเจย์ขมวดคิ้วฉับ
   “ทำไม"
   เขาถามเสียงแข็ง ได้ยินเสียงวิคเตอร์หัวเราะเบาๆในลำคอ แต่ก็ไม่ยอมตอบ ทำให้เขาต้องย้ำถาม
   "ทำไมถึงบอกว่าเราไม่ควรทำงานด้วยกัน"
   “ก็เปล่า" วิคเตอร์ถอนหายใจแรง "ก็ทะเลาะกันบ่อย ความเห็นไม่ลงรอยกัน"
   “พูดจริงเหรอ" เจย์ถามอย่างใจไม่ดีนัก
   “จริงสิ...ถ้าไม่ได้เป็นคู่หูกัน อะไรๆอาจจะง่ายกว่านี้เยอะ" วิคเตอร์ว่า แล้วหลับตาลง ทิ้งให้เจย์นอนทบทวนคำพูดเหล่านั้นพร้อมกับใจดวงน้อยที่หล่นหายวับไปไกล
   เจย์เม้มปากแน่น ไม่...เขาไม่ยอมร้องไห้หรอกนะ
   เขารู้...เขาเป็นคนสำคัญของวิคเตอร์ แต่วิคเตอร์ไม่ได้บอกว่าสำคัญที่สุด...และหมอนั่น ก็คงมีใครในใจแล้ว...
   เจย์หลับตาลงช้าๆ...เจ็บปวกแต่ไม่ใช่เวลามาทำตัวอ่อนแอ เขาจะแสดงท่าทีโง่เง่าออกไปไม่ได้ งานคืองาน และเขาต้องเป็นคู่หูของวิคเตอร์ต่อไป      บางทีเขาควรจะกลับไปอยู่บ้านสักพัก รอให้รู้สึกดีขึ้น
   ค่อยกลับมาที่นี่ คงจะดีกว่า



ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4
   เจย์ตื่นแต่เช้าหลังจากที่นอนหลับมาตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้ เขาระบมแผลตอนที่ยันตัวลุกขึ้น วิคเตอร์หายไปแล้ว ไม่มีโน้ตหรือข้อความอะไรบอกทั้งนั้น หมอนั่นคงไปโรงพยาบาล หรือไปไหนสักแห่ง...เจย์ไม่รู้หรอก เขาตามหลังวิคเตอร์อยู่เสมอ และถ้าเขาไม่วิ่งตามให้ทัน ก็จะไม่มีวันได้รู้ว่าวิคเตอร์จะทำอะไรในก้าวต่อไป
   แต่วันนี้เขาเหนื่อยเหลือเกิน เจย์จ้องตัวเองในกระจก ใบหน้าอิดโรย ร่องใต้ตาลึก เขาสูดลมหายใจ วักน้ำล้างหน้า แปรงฟันอย่างเก้ๆกังๆ ก่อนจะซับหน้า และเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตออกมาจากตู้
   เขานึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดีวันนี้ จอมทัพสั่งให้เขาหยุดงานเพราะบาดเจ็บ แต่จะให้อยู่บ้านเฉยๆก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่เขาถนัดสักเท่าไหร่ เจย์คิดจะไปโรงพยาบาล ไปหามิถุนา อย่างน้อยเห็นว่าคนตัวเล็กปลอดภัยดีเขาคงรู้สึกดีขึ้น
   มือขวาเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร โดยปกติแล้วเมดจากบ้านใหญ่จะมาตั้งโต๊ะให้พวกเขาตลอด อยู่ที่นี่จอมทัพไม่ค่อยมีพิธีรีตรองอะไรกับการกินเท่าไหร่นัก พวกเขาร่วมโต๊ะกันเหมือนปกติ มีเอเลนด้วยอีกคนในบางทีที่เขาว่าง
   บนโต๊ะอาหารในเช้าวันนี้มีมื้อเช้าเป็นขนมปังบันกับเนยและสเปรดหลากหลายประเภท กาแฟ ชา รวมถึงแซนด์วิชไส้ทูน่าที่ถูกจัดตกแต่งและ    แพ็คอย่างสวยงาม เจย์ยังสวมเสื้อไม่เสร็จ เขาคิดว่ามันทุลักทุเลเหลือเกินสำหรับคนพิการชั่วคราวเช่นเขาจึงได้แต่ใช้เสื้อเชิ้ตคลุมช่วงไหล่เพียงลวกๆ เขาจัดการชงกาแฟให้ตัวเอง หยิบขนมปังขึ้นทาแยม จากนั้นจึงทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้แล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน
   หน้าแรกพาดหัวเกี่ยวกับเหตุการณ์เรือบรรทุกสินค้าไฟไหม้ล่มกลางอ่าวฮ่องกง เจย์กวาดตาอ่านเนื้อหาคร่าวๆ เอเลนจัดการปกปิดเรื่องราวได้อย่างมืออาชีพอีกครั้ง ไม่มีชื่อของใครปรากฏทั้งสิ้น ไม่มีแม้กระทั่งเหตุการณ์การลักพาตัว มีแต่ชื่อของเจิ้งเสี้ยวชุนที่พบเป็นศพในฐานะเจ้าของเรือบรรทุกเพียงเท่านั้น...
   เจย์ปิดหนังสือพิมพ์ลง ก่อนชะงักเมื่อเห็นซองยาวางอยู่ข้างๆโถกาแฟ เขาหยิบมาดูก่อนพบว่าเป็นยาของเขา คงไม่ใช่ฝีมือใครอื่นหรอกนอกจาก       วิคเตอร์ เจย์เผยรอยยิ้มเล็กๆออกมาทั้งๆที่ในใจยังคงขุ่นมัว
   เสียงเคาะขอบประตูห้องอาหารดังขึ้น เจย์เหลือบตาขึ้นมองก่อนพบว่าเป็นลูกน้องผู้ติดตามของเขา จริงๆแล้วทั้งเขาและวิคเตอร์จะมีลูกน้องประจำตัวที่สั่งการได้โดยตรงสองคน คล้ายๆกับผู้ช่วยนั่นแหละ หน้าที่ไม่ได้ระบุชัดเจนนัก แต่ขึ้นตรงกับทั้งคู่ และบางทีก็ทำหน้าที่ติดตามจอมทัพและมิถุนาตามแต่จะได้รับคำสั่ง
   “ว่าไงเจด" เจย์จิบกาแฟพลางเอ่ยถามบอร์ดี้การ์ดตัวโตที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง "ไม่ได้ตามนายท่านไปเหรอ" เขาหมายถึงจอมทัพ
   “วิคเตอร์บอกให้ผมรอคุณที่นี่" เจดตอบ "จะไปไหนไหมวันนี้"
   “ก็คงไปเยี่ยมมิถุนา" เจย์ตอบ จริงๆแล้วกับลูกน้อง พวกเขาไม่ได้ถือยศถืออย่างมาก พูดคุยกันด้วยภาษาปกติ เพียงแต่รู้กันตามลำดับขั้นเท่านั้นเอง
   “ผมไปส่งนะครับ" เจดว่า เจย์ทำท่าจะท้วง "สภาพการณ์นี้คุณขับรถไม่ไหวหรอกเจย์"
   เจดพูดถูก เจย์ได้แต่ถอนหายใจมองสภาพคนป่วยของตนเอง "เออ แล้ววิคล่ะ ไปไหนแล้ว"
   “วิคเตอร์ไปแต่เช้าแล้วล่ะครับ ไปตั้งแต่ผมเข้าเวรตอนหกโมง ไปกับคุณเอเลน" เจย์ได้ยินชื่อของใครบางคนถึงกับหัวใจกระตุก "น่าจะไปที่อ่าวน่ะครับ"
   “งั้นหรือ"
   “จะไปเมื่อไหร่บอกนะครับ" เจดทิ้งท้าย เจย์พยักหน้ารับก่อนเอนกายพิงพนักอย่างเหนื่อยอ่อน
   เขาเป็นคนคิดมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ เหรือเพราะเขาได้พักมากจนเกินไปเขาถึงฟุ้งซ่าน จริงๆแล้วเรื่องของวิคเตอร์กับเอเลนมันค้างคาในใจเขามาตั้งนานแล้ว...เหมือนสองคนนั้นจะเคย...ชอบพอกันเล็กๆล่ะมั้ง แม้ตอนนี้จะไม่ได้มีภาพอะไรแบบนี้อีกแล้ว แต่สำหรับเจย์มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะลืม
   สองคนนั้นเคยเป็นคู่หูกันมาก่อน เจย์เองก็รู้ แต่เพราะนายท่านใหญ่ต้องการตัวเอเลนมาช่วยงาน ตำแหน่งมือขวาจึงเป็นของเจย์ ให้ตายเถอะ นี่เขาพูดซ้ำซากเรื่องนี้มากี่ครั้งแล้วนะ แล้วนี่เขาเป็นบ้าอะไร จากมิถุนา ก็มาเอเลน...ห้วงก้างชะมัด
   น่าสมเพชสุดๆ
   เจย์กินขนมปังหมดไปแค่ชิ้นเดียว เขาลุกขึ้นแล้วสวมเสื้ออย่างทุลักทุเลก่อนกลัดกระดุมด้วยมือเดียว จากนั้นจึงเดินกลับไปที่ห้องนอน เขาหยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กออกมา แล้วเอาของใช้จำเป็นและเสื้อผ้าเล็กน้อยใส่ลงไปอย่างลวกๆ เขาถอนหายใจให้กับตัวเอง แต่ก็คิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้ว...
   เจย์ลากกระเป๋าออกไปยังหน้าบ้าน เจดยืนสูบบุหรี่คุยกับบอร์ดี้การ์ดคนอื่นๆอยู่ใต้ต้นปาล์มพัดเยื้องตัวบ้านออกไป พอชายหนุ่มตัวโตเห็นเจย์เดินออกมา เขาจึงพยักหน้ารับแล้วเดินมาช่วยยกกระเป๋าเดินทาง
   เจดไม่ใช่คนสอดรู้ เขาไม่ได้ถามอะไรให้มากความ เขาเปิดกระโปรงหลังของรถยุโรปคันหรูแล้วยัดกระเป๋าลงใบ เจย์เปิดประตูข้างคนขับแล้วสอดตัวขึ้นนั่ง จากนั้นเจดจึงประจำที่คนขับแล้วสตาร์ทรถ
   “ไปโรงพยาบาลเลยแล้วกัน"
   เจย์รวบรัด เจดพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่จะสตาร์ทรถแล้วขับออกจากรั้วบ้านสูงใหญ่ของตระกูลหวัง
   รถค่อนข้างติดในช่วงสายของวัน กว่าจะถึงโรงพยาบาลก็กินเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง เจย์ลงจากรถที่หน้าโรงพยาบาลในขณะที่เจดต้องนำรถเข้าไปจอดในลานจอดรถของโรงพยาบาล
   “เดี๋ยวเจอกันที่หน้าห้องฉุกเฉินนะ" เจย์ว่า "แล้วก็รอหน่อยแล้วกันเจด คงต้องรบกวนไปส่ง"
   “ที่ไหนครับ" บอร์ดี้การ์ดวัยกลางคนถามกลับ
   “ที่บ้านฉัน"
   เจย์ว่าก่อนเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ในขณะที่บอร์ดี้การ์ดหนุ่มได้แต่เก็บงำความสงสัยเอาไว้ ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า น่าแปลกใจที่จู่ๆเจย์จะกลับไปอยู่บ้าน ทั้งๆที่บ้านของเจย์กับบ้านตระกูลหวังห่างกันออกไปแค่นิดเดียว อยู่ในบริเวณใกล้ๆกัน จะให้เดินไปก็แค่หนึ่งเหนื่อยด้วยซ้ำ แต่กระนั้นบอร์ดี้การ์ดตัวใหญ่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาเข้าเกียร์เดินหน้าก่อนขับรถไปยังอาคารจอดรถของโรงพยาบาล
   เจย์เดินไปตามทางเดินเชื่อมตึกเพื่อไปยังห้องฉุกเฉินของแผนกศัลยกรรม เขาหอบเอาท่อนแขนเจ็บปวดไปด้วย คงต้องทำแผลใหม่ แต่นั่นอาจจะเป็นหลังจากที่เขาไปดูว่ามิถุนาปลอดภัยดีแล้ว เจย์เดินทอดน่องไปเรื่อยด้วยรู้สึกซึมเซาเล็กน้อย ใครเล่าจะรู้ว่ามือขวาผู้ฉลาดเฉลียวและเจ้าเล่ห์เจ้ากลคนนี้จะมีช่วงเวลาที่อ่อนแอและสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองอย่างหมดเปลือกเช่นนี้ เจย์เคยคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนอ่อนไหวหรือคิดมาก แต่คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่
   เพราะพอเป็นวิคเตอร์ อะไรๆก็ไม่เคยเหมือนเดิม เขาคงแพ้ทางหมอนั่นจริงๆ...
   ร่างขาวจัดหมุนตัวที่มุมตึก เขาเห็นบอร์ดี้การ์ดในชุดสูทยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ไม่เห็นเงาของจอมทัพ เจย์เลิกคิ้วน้อยๆก่อนเดินไปหยุดอยู่หน้าห้อง ประตูห้องเป็นกระจกขาวขุ่น หากจะเข้าไปเยี่ยมด้านในต้องเปลี่ยนชุดและฆ่าเชื้อ เจย์มองนาฬิกา ยังเป็นเวลาเยี่ยมอยู่ เขาคิดจะเข้าไปด้านในหลังจากที่พูดคุยถามไถ่อาการของมิถุนาเรียบร้อยแล้ว
   “อรุณสวัสดิ์ครับคุณเจย์"
   บอร์ดี้การ์ดร่างสูงใหญ่คนที่นั่งอยู่หน้าห้องผุดลุกขึ้นทันทีที่เห็นเจย์เดินเข้ามา
   “อรุณสวัสดิ์ครับ" เจย์ตอบ "นายท่านล่ะ"
   “นายท่านกลับตระกูลหวังไปเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะครับ คงสวนกับคุณ" บอร์ดี้การ์ดร่างยักษ์ตอบด้วยใบหน้าเงียบขรึม
   “งั้นหรือ" เจย์พึมพำ "แล้วมิล่ะ...เป็นยังไงบ้าง" เขาถามถึงอีกคนที่ยังนอนอยู่ในห้องไอซียู
   “เมื่อเช้าปลอดภัยแล้วครับ แต่แพทย์บอกว่าให้อยู่ดูอาการให้พ้นคืนนี้ก่อน ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วจะย้ายเข้าห้องพักปกติ" ชายร่างสูงรายงาน เจย์พยักหน้ารับน้อยๆ
   “จะเข้าไปเยี่ยมมิ ต้องติดต่อด้านในหรือเปล่า"
   บอร์ดี้การ์ดผายมือไปยังเคาน์เตอร์แผนกศัลยกรรม เจย์จึงเดินไปติดต่อและลงบันทึกผู้เข้าเยี่ยม หลังจากนั้นนางพยาบาลจึงนำเขาไปเปลี่ยนชุดและฆ่าเชื้อ จากนั้นจึงได้เข้าไปด้านใน...
   เจย์ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องไอซียูที่กั้นผ่านด้วยกระจกใส ภายในห้องมีร่างเล็กนอนหลับตาอยู่บนเตียง มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ใบหน้าน่ารักนั่นซีดเผือด ริมฝีปากก็ช้ำ เจย์เห็นภาพของมิถุนาที่เขาคอยดูแลมาตลอดเช่นนี้ถึงกับใจหาย เขาไม่นึกโกรธอะไรมิถุนาเลย...ไม่เลยสักนิด ทุกคนมีเหตุผลของการ กระทำ มีความรู้สึกที่ขึ้นลงตลอดเวลา มิถุนาสำหรับเจย์ยังเป็นคนที่น่ารักและจิตใจดีเสมอ เขาอยากให้มิถุนาฟื้นขึ้นมา กลับมาคุยเล่น หยอกล้อกับเขาดังเดิม
   เจย์หลุบตามองปลายเท้า...เขาได้เห็นมิถุนาแล้ว แล้วก็คิดว่าคงพอเท่านี้ดีกว่า อยู่นานไปเดี๋ยวเขาจะรู้สึกเจ็บปวดกับสภาพของคนตรงหน้าไปมากกว่านี้ รอเวลาที่มิถุนาลืมตาคงจะดีกว่านี้ และเขาเชื่อมั่นว่ามิถุนาต้องลืมตาแล้วส่งยิ้มให้เขาอีกครั้งอย่างแน่นอน...
   มือขวาเอ่ยขอบคุณพยาบาล ก่อนจะเดินไปถอดชุดคืน เขาเดินออกจากห้องฉุกเฉินมาจนถึงระเบียงด้านหน้า บอร์ดี้การ์ดสองคนยังยืนอยู่ด้านหน้าห้องเช่นเดิม เจดนั่งรอไม่ห่างออกไปจากบริเวณหน้าห้อง เขานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เงียบๆ
   “นายท่านจะมาเมื่อไหร่ครับ" เจย์เอ่ยถาม
   บอร์ดี้การ์ดร่างสูงใหญ่หมุนนาฬิกาข้อมือดู "น่าจะไม่เกินครึ่งชั่วโมงน่ะครับ คุณเจย์จะรอพบไหม"
   เจย์คิดเล็กน้อยก่อนผงกหัว "อืม เดี๋ยวคงเดินกลับมา จะไปทำแผลก่อน"
   “ครับ"
   บอร์ดี้การ์ดรับคำ ก่อนชะงักเหมือนจะรายงานอะไรบางอย่างเมื่อเจย์ทำท่าจะก้าวเดินออกมา
   "แต่คุณวิคเตอร์กับคุณเอเลนมาถึงแล้วนะครับ เห็นเดินไปมุมสูบบุหรี่" เขารายงาน
   เจย์ชะงัก แต่ก็ทำแค่เพียงพยักหน้ารับน้อยๆแล้วเดินออกมา เจดจึงลุกจากที่นั่งแล้วเดินตามมาด้วย เจย์รู้สึกว่าตนเองงี่เง่าชะมัด เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆแต่เขากลับทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่และบ้าบอคอแตกได้ถึงเพียงนี้
   เขาเดินไปที่แผนกศัลยกรรมอีกครั้ง แจ้งความจำนงว่าต้องการทำแผล เจย์เดินตามนางพยาบาลไปยังห้องทำแผล ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่กับแผลถากๆนี้ แต่การทำแผลก็เล่นเอาเจ็บจนบอกไม่ถูก เขาไม่ชินกับบาดแผล ไม่เลยสักนิด น่าแปลกเหมือนกันทั้งๆที่เขาทำงานสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ ทั้งจอมทัพและวิคเตอร์ต่างก็ได้รับบาดเจ็บตลอด จอมทัพไม่มากเท่าไหร่ และวิคเตอร์น่ะ มักจะมีร่องรอยแผลเป็นให้ระลึกถึงเสมอ
   จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกยิงจังๆ
   เจย์อดคิดไม่ได้ว่าจริงๆแล้วเพราะเขาได้รับการปกป้องจากคนรอบตัวมากไปหรือเปล่า ทำให้เขาปลอดภัยจากการปะทะเสียทุกครั้ง นั่นสิ ทุกครั้ง    วิคเตอร์จะคอยเป็นเกราะกำบังให้เขาอยู่เสมอ ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าเมื่อไหร่ และเอาเข้าจริง มันก็เป็นเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว ทั้งวิคเตอร์ ทั้งจอมทัพ ก็คอยปกป้องเขาเสมอๆ ตั้งแต่เขายังเป็นเด็กตัวเล็ก เจย์ยังนึกถึงวันที่ความสัมพันธ์นี้สิ้นสุด แต่ให้ตายก็คิดไม่ออก มันก็คงจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
   เจย์เดินออกจากห้องทำแผล ป่านนี้คงได้เวลาที่จอมทัพกลับมาถึงที่นี่แล้ว เขาพยักหน้าบอกเจดให้ไปที่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยกัน และก็เป็นเช่นนั้น จอมทัพเดินมาจากอีกฝั่งหนึ่งของตัวตึก เจย์ก้มหัวทักทายเจ้านายของตัวเองมาแต่ไกล ก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้านายท่านที่มีสีหน้าอิดโรยไม่แพ้กัน
   “ไม่พักผ่อนหรือไง เจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ" จอมทัพเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็เจือความเอ็นดูอยู่ในนั้นเหมือนทุกครั้ง ทำไมเจย์จะไม่รู้
   “เพิ่งทำแผลเสร็จน่ะครับ" เจย์รายงาน
   จอมทัพพยักหน้ารับน้อยๆอย่างเหนื่อยอ่อน เขาสวมเชิ้ตขาวกับ        สแล็กสีดำตัวใหม่ ท่าทางอิดโรย เขาวางมือลงบนศีรษะเจย์
   "พักผ่อนเยอะๆ ไว้หายค่อยกลับมาทำงาน ไม่ต้องมาโหมงานหรอกนะ เราจัดการกันได้"
   “มันก็...ไม่ได้เจ็บเท่าไหร่หรอกครับ" เจย์กลืนน้ำลายแทบจะทันทีที่ขยับแขนเล็กน้อยแล้วมันเสียดขึ้นมา
   “กลับไปพักเถอะ" จอมทัพกล่าวคล้ายจะเป็นคำสั่ง "เข้าไปหามิถุนามาหรือยังล่ะ"  เขาถามต่อ เจย์พยักหน้าหงึก
   "ครับ เข้าไปแล้ว"
   “อืม"
   “งั้นพรุ่งนี้เช้าผมจะมาใหม่นะครับ"
   เจย์กล่าว จอมทัพพยักหน้ารับน้อยๆ แววตาของมาเฟียหนุ่มรวดร้าวและเจ็บปวด ไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูดเจย์ก็คิดว่าเขารู้ดี การรอคอยให้มิถุนาลืมตาตื่นขึ้นมันทรมานยิ่งนัก
   “พรุ่งนี้ฉันต้องไปจัดการเรื่องราวนิดหน่อย---”
   มาเฟียหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง "...กับตระกูลเจิ้ง ถ้านายมาอยู่เป็นเพื่อนมิถุนาได้จะขอบใจมาก"
   เจย์ไม่ลังเลเลยที่จะตอบรับ
   "ครับ ผมจะมา"
   จอมทัพพยักหน้ารับอย่างขอบใจ เจย์รอจนนายท่านเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉินเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเตรียมจะเดินไปที่รถ
   “กลับเลยใช่ไหมครับ"
   เจดถาม เจย์พยักหน้าน้อยๆ ระหว่างนั้นเสียงฝีเท้าจากมุมตึกอีกฝั่งก็ดังขึ้น มือขวาหันไปมอง ก่อนพบว่าเป็นร่างสูงใหญ่ของวิคเตอร์ เดินเคียงคู่มากับเอเลนแต่ไกล
   เจย์ชะงักปลายเท้าเล็กน้อย เขาสบตากับวิคเตอร์--- เจย์รู้สึกเช่นนั้น เขาคิดว่าเขาควรหยุดเผชิญหน้ากับคนทั้งคู่มากกว่าที่จะเดินหนีไปทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายมาถึงแล้ว แต่กระนั้นความขุ่นหมองในใจก็ทำให้เขาตัดสินใจอีกอย่าง
   “ไปเลยหรือครับ" เจดท้วงขึ้น เจย์ยังคงหมุนตัวและออกเดิน
   “อืม ไว้ค่อยคุยกันทีหลังก็ได้"
   วิคเตอร์เห็นเขาแน่ๆ แต่กระนั้นเจย์ก็ยังสาวเท้าเดินออกมาเรื่อยๆไม่หยุด หัวใจเขาเต้นแรงเหมือนคนทำผิด จนกระทั่งถึงร้านจอดรถ เขารอเจดปลดล็อค แล้วจึงสอดตัวเข้านั่งเบาะข้างคนขับด้วยความเหนื่อยอ่อน...



   เจย์กลับถึงบ้านพร้อมกับความประหลาดใจของมารดา บิดาของเขาเพิ่งเดินทางไปบ้านตระกูลหวัง สงสัยคงมีเรื่องที่จะต้องพูดคุยอย่างซีเรียสและจริงจังกับประมุขตระกูลหวังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ความขัดแย้งอย่างรุนแรงเกิดขึ้น บิดาของเจย์มักจะถูกเรียกไปพูดคุย รวมถึงวางแผน บิดาของเขายังคงเป็นมือขวาและที่ปรึกษาชนิดตลอดกาลของหวังหย่งหมินและเจย์ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าประมุขตระกูลหวังยังคงรู้สึกเช่นนั้นเสมอ...
   เจย์จำไม่ค่อยได้เท่าไหร่นักว่าทำไมพ่อเขาจึงเกษียณตนเองออกมาทั้งๆที่ยังมีแรงพอที่จะทำได้ เขาเคยคิดเล่นๆเหมือนกันว่า อาจจะเป็นเพราะคนอีกรุ่นหนึ่งกำลังเติบโตขึ้น และทั้งหวังหย่งหมิน รวมถึงบิดาของเขาก็คิดว่าควรจะวางมือให้พวกเขาทำงานด้วยกันและเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน เจย์ไม่มั่นใจนักหรอก แต่พ่อเขาเกษียณตัวเองเมื่อตอนที่จอมทัพลั่นวาจาว่าจะไปประเทศไทย มันอาจจะมีเหตุผลมากกว่านั้น แต่เจย์ไม่เคยเซ้าซี้พ่อ เพราะการได้ทำงานกับแจ็คกี้ หวัง เป็นสิ่งที่เจย์ปรารถนามาตลอดตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ
   เรื่องอาการบาดเจ็บของเขามารดายังไม่รู้มาก่อน เพราะฉะนั้นมันเลยดูเป็นเรื่องใหญ่มากประจำวันนี้ ทั้งๆที่เธอควรจะชินได้แล้วด้วยซ้ำเพราะตลอดมาชีวิตทั้งครอบครัวก็อยู่ในดงมาเฟีย แถมยังต้องคอยระวังอันตรายตลอดเวลา เจย์เป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัว พี่สาวของเขาอายุห่างกันหลายปี ปัจจุบันแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ที่เยอรมันได้หลายปีแล้ว จึงไม่แปลกเท่าไหร่ที่เจย์กลับมาบ้านทีไรจะได้รับการต้อนรับเอิกเริกเสียทุกครั้ง
   “เจย์ ไปโดนอะไรมาน่ะลูก"
   มารดาของเขาเอ่ยถามอย่างเสียจริต สีหน้ากังวลปิดไม่มิด เธอเป็นหญิงกลางคนรูปร่างเล็ก สวมชุดแคชชวลร่วมสมัย แม่ของเขาเป็นผู้หญิงละเอียดอ่อน แต่ขณะเดียวกันเจย์ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเธอเป็นคนที่ใจเด็ดในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถร่วมหอลงโรงกับบิดาของเขามาได้สามสิบกว่าปีเช่นนี้หรอก
   เจย์ได้แต่ดึงแขนออก เพราะความกังวลของมารดาจะทำให้เขาเจ็บแผลเพิ่มขึ้นไปอีก เจย์ลากกระเป๋ามาวางไว้ข้างตัว
   "แผลนิดหน่อยน่ะครับ ไปทำแผลมาแล้ว" เจย์ว่า เสียงเหนื่อยอ่อน
   “แม่ได้ยินว่าเกิดเรื่อง---" มารดารำพึงเบาๆอย่างไม่สบายใจ "พ่อเขาก็อยู่ที่ตระกูลหวังตอนนี้"
   เจย์ถอนหายใจเบาๆก่อนจ้องมารดาด้วยสายตาอ่อนโยน "ไม่มีอะไรหรอกครับ เรื่องเล็กน้อย ทุกคนปลอดภัยดี"
   “แล้วนี่...ลูกจะมาอยู่บ้านเหรอ" เธอขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ แต่ไหนแต่ไรเจย์ก็ไม่ค่อยกลับมานอนบ้าน ทุกครั้งที่กลับมาฮ่องกงก็อาศัยตระกูลหวังหลับนอนเพราะเจ้าตัวบอกว่ามันสะดวกในการทำงานมากกว่า เธอกับสามีก็ไม่ได้ว่าอะไร บ้านก็ใกล้กันแค่นี้ เจย์แวะเวียนกลับมาบ้านบ่อยๆ บางครั้งก็เจียดเวลามาค้างสองสามคืนช่วงสุดสัปดาห์ที่ว่างงาน
   “เฮียให้พักน่ะครับ" เขาเอ่ยถึงจอมทัพ "คงว่างงานไปจนกว่าแผลจะหาย"
   “อ้าว งั้นหรือ"
   “ครับ เอเลนดูแลให้อยู่" เจย์กล่าว "ขอตัวไปนอนก่อนได้ไหมครับ ผมปวดแผลนิดหน่อย แต่เดี๋ยวมื้อเย็นจะลงมาทาน"
   “ได้สิจ๊ะ ห้องทำความสะอาดให้แล้วนะ"
   คนเป็นแม่กล่าว เธอให้เด็กรับใช้มาช่วยลูกชายยกกระเป๋า เพราะดูเจย์จะไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ในเวลานี้
   เจย์ทิ้งตัวลงนอนกับเตียงกว้างในห้องนอนของเขา มันไม่ค่อยมีอะไรมากนัก ข้าวของส่วนใหญ่ของเขาอยู่ในห้องพักที่กรุงเทพฯ บางส่วนอยู่ในบ้านของจอมทัพ ที่บ้านนี้มีไว้เพื่อเก็บข้าวของในความทรงจำเท่านั้น ตำราสมัยเรียน เกียรติบัตร ผลงานต่างๆ รวมถึงข้าวของเล็กๆน้อยๆสมัยวัยเยาว์
   เจย์ปิดผ้าม่าน หรี่แอร์ลง ก่อนจะดับไฟ เขาปิดตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน มือถือและกระเป๋าเงินถูกวางทิ้งระเกะระกะไว้ที่ข้างตัว เขาจมสู่นิทราไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัว แต่ก็รู้สึกหลับสนิทเป็นระยะเวลานานเหลือเกิน
   

   

ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4


เขาลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งเมื่อฟ้ามืดสนิท เจย์รู้สึกว่าแผลยังคงระบมอยู่แต่ก็ดีขึ้นแล้ว ท้องเขาร้องหน่อยๆ เขาพาร่างตัวเองเข้าไปที่ห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งพร้อมซับหน้าด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น
   เจย์เดินไปทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียง เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู มือขวาถูกยกขึ้นขยี้ตาด้วยความงัวเงีย ก่อนที่เบอร์โทรของใครบางคนบนนั้นจะทำให้เขาชะงักงัน
   วิคเตอร์โทรมา เจย์นั่งมองหน้าจอโทรศัพท์นั่นอยู่นานจนกระทั่งมันเงียบไป ความรู้สึกแปลกๆหลากหลายก่อเกิดขึ้นมาในอกซ้าย เขาชักจะไม่เข้าใจตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กดโทรกลับ มันเริ่มงี่เง่า และงี่เง่ามากขึ้นเรื่อยๆ ช่างเถอะ จนกว่าความรู้สึกบ้าๆนี่จะหมดไป เขาจะไม่กลับไปเจอหน้าวิคเตอร์ ไม่สิ...ไอ้ความรู้สึกเฮงซวยนี่จะต้องจบลงก่อนที่เขาจะกลับไปพบหน้าวิคเตอร์ เขาพอมีเวลาจัดการกับความรู้สึกพังๆเหล่านี้ แล้วตอนนั้นพวกเขาคงจะเล่นหัวกันได้เหมือนเดิม
   มือขวาคนเก่งถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะตัดสินใจเดินลงไปที่ชั้นล่างของบ้าน โดยทิ้งโทรศัพท์เอาไว้ด้านบน
   บิดาของเขายังไม่กลับมา บนโต๊ะทานอาหารจึงมีแค่มารดาและเขาเท่านั้น อาหารมื้อนี้ดูจะพิเศษกว่าปกติ ไม่รู้เจย์คิดไปเองหรือเปล่า อาจจะเพราะมารดายินดีที่เขากลับมา หรือไม่อะไรก็ตามแต่ ช่างมันเถอะ เจย์เริ่มต้นมื้ออาหารเย็นเงียบๆ แม่ช่วยเขาตักอาหารหลายอย่างด้วยเห็นว่าเขาขยับมือไม่ค่อยได้นัก เจย์จึงทำได้แค่เพียงกินไปเงียบๆเท่านั้น
   เจย์วางตะเกียบลง เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่บ้านเดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับโทรศัพท์บ้านไร้สาย คุณนายฟาน หรือแม่ของเจย์เลิกคิ้วเล็กน้อย
   “มีอะไรหรือจ๊ะ" เธอถาม
   “สายจากคุณวิคเตอร์ค่ะ ต้องการพูดคุยกับคุณเจย์"
   เจย์ชะงัก เขาส่ายหัวให้มารดาแทบจะทันที คุณนายฟานเลิกคิ้ว มีท่าทีประหลาดใจ แต่กระนั้นเธอก็รับสายมาพูดและมองเจย์ที่ลุกจากโต๊ะอาหารแล้วเดินหมุนตัวไปยังทิศประตู
   “สวัสดีจ้ะวิคเตอร์ เจย์หรือ...ตอนนี้ขึ้นห้องไปแล้วจ้ะ ไม่รู้หลับไปแล้วหรือเปล่า---”
   
   
   เจย์ปิดประตูห้องนอนลงก่อนเอนตัวพิงมันอย่างอ่อนแรง เขาถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนพาตัวเองไปล้มตัวลงนอนที่เตียง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มีสายเข้ามาห้าหกสาย เป็นของวิคเตอร์ทั้งหมด ไม่นับรวมเมสเสจอีกสองฉบับ เจย์ตั้งท่าจะกดเข้าไปดู แต่เขาก็เหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะทำเช่นนั้น
   เขาหลับตาลง ไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้หลับหนีความวุ่นวายในตอนนี้ไปก็คงจะทำได้ เจย์นอนนิ่งๆบนเตียงปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ กระทั่งอีกครู่เดียวเขาคงจมสู่นิทรา แต่ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นฉุดทุกสติให้กลับคืนมา
   มือขวาคนเก่งร้องโอยเมื่อเผลอใช้แขนข้างที่เจ็บยันกายขึ้นนั่ง เขานั่งนิ่งๆอยู่ที่ขอบเตียงสองสามวิ ก่อนลุกขึ้นเดินไปยังประตู ไม่ต้องส่องตาแมวให้ยุ่งยาก คงมีแค่แม่คนเดียวเท่านั้นแหละที่กล้ามาเคาะห้องเขาในยามค่ำคืนเช่นนี้ คงจะมาดูว่าเขาเป็นอย่างไร ทานยาเรียบร้อยหรือยัง
   “มีอะไรครับแม่"
   เจย์เอ่ยถาม ในขณะที่มือก็เอื้อมบิดลูกบิดประตู เขาคิดความเป็นไปได้ในทุกกรณีแล้ว แต่ก็คงขาดไปอีกกรณีเดียว...
   “วิคเตอร์..."
   เจย์พึมพำชื่อของคู่หูที่มาปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้องนอน วิคเตอร์หน้าตาดูหงุดหงิดพิกล เจย์ไม่ได้ยื้อประตูให้ปิดเหมือนในละครน้ำเน่าไทยที่เคยดูผ่านตาหรอก เขายังคงเปิดประตูค้างไว้เช่นนั้น แต่เรื่องมันเลวร้ายกว่าตรงที่เขาไม่สามารถสบตาหรือมองหน้าวิคเตอร์ได้เลยสักนิดเดียว
   “ม--- มาทำไม"
   เจย์ถามตะกุกตะกัก วิคเตอร์ยังยืนเอาไหล่ค้ำประตูเอาไว้ เจย์รู้สึกเขาตัวลีบเล็กนิดเดียวแบบไม่มีสาเหตุ
   “ทำไมไม่รับโทรศัพท์" วิคเตอร์ยิงคำถาม ถ้าเป็นกระสุนปืนคงเข้าเป้าเจาะขั้วหัวใจไปแล้ว
   “โทรมาเหรอ" เจย์บ่ายเบี่ยง เขารู้สึกว่าเขามันงี่เง่าพิลึก ทั้งๆที่เขาฉลาดเฉลียวกับเรื่องงาน แต่พอมาเป็นเรื่องของตัวเอง เขาไปไม่เป็นเอาเสียเลย
   วิคเตอร์ยังทำหน้าถมึงทึงอยู่ตรงหน้า เขาไม่ได้สวมสูท เนคไทด์ก็ถูกคลายไว้หลวมๆ เสื้อเชิ้ตชายก็หลุดลุ่ย
   “สิบสายแล้วมั้ง" วิคเตอร์ตอบอย่างเสียอารมณ์
   “ก็นอนอยู่" เจย์ยังคงยืนกรานแก้ตัวต่อไป นั่นทำให้มือซ้ายต้องถอนหายใจอย่างหน่ายใจ
   “เจย์" เขาเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ "...เป็นอะไรน่ะ"
   วิคเตอร์ถามออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เขายังคงจ้องเจย์โดยตรงเหมือนเป็นการบังคับเจย์กลายๆให้อีกฝ่ายมองเขากลับ เจย์เม้มปากแน่น ได้แต่เบือนหน้าหนี
   “เปล่านี่...เจ็บแผล จะนอน" เขาตอบปัด
   “โกหก" วิคเตอร์ซัดอย่างไม่ลังเล
   “ไม่ได้โกหก นอนอยู่จริงๆ" เจย์ยังคงเดินหน้าแก้ตัวทั้งๆที่รู้ว่ามันไร้ประโยชน์โคตรๆ
   “ตอนแรกที่ไม่รับโทรศัพท์ก็เชื่ออยู่หรอกนะ แต่เมื่อครู่โทรเข้าบ้าน แม่บ้านบอกว่านายกินข้าวอยู่ แต่พอจะส่งโทรศัพท์ให้นาย กลับเป็นแม่นายรับสายแทน"  วิคเตอร์กอดอก ยืนมองเจย์ด้วยใบหน้าที่เริ่มจะไม่พอใจขึ้นเรื่อยๆ
   "จะแก้ตัวว่าอะไรอีก คนเรามันเดินขึ้นบันไดเร็วขนาดนั้นเลยไหม"
   “ก็...”
   “จะหลบหน้ากันทำไม ตั้งแต่โรงพยาบาลแล้ว" วิคเตอร์ขุดเรื่องเมื่อกลางวันขึ้นมา
   เจย์อ้าปากเถียงฉับ "ไม่ได้หลบ"
   “อย่าโกหกฉัน นายคิดเหรอว่าฉันจะจับไม่ได้" วิคเตอร์เสียงแข็ง เจย์ได้แต่เบือนหน้าหนี
   “ก็...” เจย์หลุดออกมาหนึ่งคำ จากนั้นก็นิ่งเงียบ
   “ 'ก็' อะไร" วิคเตอร์ยังคงคาดคั้น
   “ก็"
   เจย์เม้มปากแน่น เขาจนคำพูดตัวเอง "ก็...ยังไม่อยากเจอหน้าตอนนี้"
   คำตอบของเจย์ทำให้วิคเตอร์รู้สึกหงุดหงิดถึงขีดสุด เขาทุบประตูดัง ปัง! เจย์ยังสะดุ้งตกใจหลับตาปี๋ ข้อมือเล็กๆของเขาถูกวิคเตอร์รั้งเอาไว้ ก่อนลากให้เดินออกไปด้วยกัน
   “จะไปไหนน่ะวิค" เจย์ร้อง แต่วิคเตอร์ไม่ตอบ
   "วิค! วิคเตอร์!”
   “ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ"
   เจย์ถูกลากมาตั้งแต่ห้องนอนจนถึงรถสปอร์ตคันหรูสีขาวมุกที่จอดไว้อยู่ที่ลานหน้าบ้าน วิคเตอร์ปลดล็อค เขาเปิดประตูข้างคนขับแล้วดันเจย์ขึ้นไปนั่ง ก่อนที่จะอ้อมมายังที่คนขับแล้วสอดตัวขึ้นนั่งตามอย่างรวดเร็ว วิคเตอร์ตวัดตามองหน้าเจย์ ก่อนสั่งเสียงดุ
   “ยกแขนขึ้น"
   เจย์ยังดื้อด้านในคราแรก แต่พอเสียงทุ้มสั่งอีกครั้งด้วยน้ำหนักเสียงที่แข็งกร้าวกว่าเดิม เขาจึงต้องยกแขนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
   วิคเตอร์เอื้อมมือ--- จริงๆเรียกกระชากอาจจะถูกกว่า เขากระชากสายเข็มขัดนิรภัยล็อคให้เจย์ ก่อนจะจัดการฝั่งตัวเองบ้าง จากนั้นรถคันหรูจึงถูกกระชากตัวออกจากตัวบ้านไปอย่างรวดเร็วจนเจย์ตั้งตัวแทบไม่ทัน
   “วิค! อย่าขับเร็วแบบนี้!”
   เจย์ร้องท้วง เขานั่งตัวติดเบาะด้วยเพราะอารมณ์โกรธของคนข้างตัวทะยานสูงลิบ มาเซอราติคันหรูแล่นโลดไปตามถนนริมชายทะเล คนขับเหยียบคันเร่งนิ่งไม่พูดอะไรทั้งนั้น ภายในห้องโดยสารแม้จะเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ที่อุณหภูมิที่พอเหมาะ แต่เจย์รู้สึกว่าเขาเริ่มจะไม่มีอากาศหายใจ
   ไม่รู้วิคเตอร์จะพาเขาไปที่ไหน แต่ตอนนี้เจย์รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาให้ดังๆ
   นี่เขาควรจะเป็นฝ่ายโกรธไม่ใช่หรือไง!
   “จอดรถแล้วคุยกันดีๆได้ไหม อย่าทำแบบนี้!"
   เจย์ร้องขอออกมาในที่สุด จากนั้นรถสปอร์ตคันหรูก็หักเลี้ยวอย่างรวดเร็ว ก่อนพุ่งไปจอดลงตรงหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งติดกับศูนย์อาหารริมชายหาด ร่างเจย์แทบพุ่งหลาว ดีที่เข็มขัดนิรภัยยังทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เขาเอนตัวพิงเบาะนั่งนิ่ง น้ำตาเหมือนจะเอ่อออกมาแต่เจย์คิดว่าตัวเองเข้มแข็งได้มากกว่านั้น
   เขาได้ยินเสียงถอนหายใจยาวเหยียดของคนข้างตัว วิคเตอร์ค่อยๆเย็นลงจากเหตุการณ์เสี่ยงตายเมื่อครู่ และเมื่อหันกลับมาหาคนข้างตัวก็ได้สติ มือซ้ายที่มักเอาแต่ใจและชอบใช้กำลังได้แต่เงียบด้วยพูดไม่ออก เขามองหน้าเจย์ที่เบือนหน้า ก่อนเอื้อมมือแตะแขนข้างที่เจ็บเบาๆ
   “เจ็บไหม"
   เจย์ดึงแขนหนีแทบจะทันที วิคเตอร์ได้แต่พรูลมหายใจออกมาพร้อมกับตั้งสติ “ขอโทษ"
   เจย์ยังคงเงียบ ไม่ยอมตอบ
   “เจย์...เจ็บแขนไหม" วิคเตอร์ถามซ้ำ แต่คำตอบก็ยังคงเป็นศูนย์
   "เจย์...” เขาทอดเสียงเรียกชื่ออีกฝ่าย
   เจย์มองออกไปนอกหน้าต่าง เขาพยายามไม่ให้น้ำตาร่วงออกมา แต่แสงไฟจากรถบนถนนที่สวนกันไปมาก็ดูพร่าเลือนเหลือเกิน
   “แค่พยักหน้าก็ได้...”
   เจย์เม้มปากแน่น ส่ายหัวเบาๆออกมาในที่สุด นั่นทำให้วิคเตอร์รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก
   “จะไปซื้อน้ำให้ อยากดื่มอะไร" วิคเตอร์ถาม เจย์ยังคงเงียบราวกับว่าความเงียบมันไม่มีที่สิ้นสุด...
   มือซ้ายรู้สึกหมดหวัง เขาหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาก่อนเปิดประตูรถแล้วลุกออกไป
   “รออยู่นี่นะ เดี๋ยวมา"
   เจย์ไม่หือไม่อือ เขานั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างเงียบๆ คนไม่พลุ่กพล่านเท่าไหร่ในคืนนี้ หรืออาจจะเฉพาะที่บริเวณหน้าคอนวีเนียน สโตร์ แห่งนี้ก็เป็นได้ เจย์รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อประตูรถถูกเปิดออก วิคเตอร์ลดกระจกลงทั้งสองข้าง ก่อนที่เขาจะบิดกุญแจดับแค่เฉพาะเครื่องยนต์
   มือซ้ายเดินอ้อมรถมาหาคนที่นั่งนิ่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ เจย์เม้มปากแน่นเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายเต็มๆตาโดยไม่มีกระจกกั้น วิคเตอร์ย่อตัวลงจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน
   “ลงมาไหม"
   เจย์ส่ายหัว วิคเตอร์จึงส่งเครื่องดื่มให้ เป็นโค้ก เลมอนดาษดื่นทั่วไป แต่สำหรับเจย์และวิคเตอร์มันเหมือนเป็นเครื่องดื่มแห่งความทรงจำ เป็นเครื่องดื่มโปรดของพวกเขาตั้งแต่ยังเด็กๆ   
   เจย์นั่งถือกระป๋องน้ำนิ่ง ในระหว่างที่วิคเตอร์เปิดกระป๋องแล้วกระดกดื่มอั้กๆ มือขวานั่งมองปลายนิ้วของตัวเองนิ่ง เขาไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอะไร แล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะบอกวิคเตอร์ว่าอะไรดีสำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น...
   “เจย์ไม่พอใจอะไรเหรอ" จนเป็นวิคเตอร์ที่เอ่ยถามขึ้น นั่นทำให้เจย์ยอมช้อนตามองเขาเล็กน้อย ก่อนเบือนหน้าอีกอีกครั้งด้วยทิฐิที่เกาะกุมหัวใจ "...บอกหน่อยได้ไหม" วิคเตอร์ใช้ไม้อ่อน
   “ก็เปล่า...”
   พวกเขาเงียบอีกครั้ง และเหมือนวิคเตอร์ก็ยังไม่ยินยอมกับคำสารภาพโง่เง่าของเจย์
   “อย่าโกหก...” วิคเตอร์ดุ เจย์ไม่ยอมสบตาเขาเลย แต่กระนั้นวิคเตอร์ก็รู้ว่าดวงตาของเจย์วูบไหวเพียงใด...
   “...ถ้าพูดไปมันคงไร้สาระสุดๆไปเลย" เจย์เปิดปากพูดประโยคที่ยาวที่สุดสำหรับวัน  "แต่เอาเข้าจริง ฉันก็รู้สึกอึดอัด แปลกแยก"
   “......”
   วิคเตอร์ยืนคร่อมตัวรถฟังเงียบๆอย่างตั้งใจ
   “ยังไงก็ลังเลใจอยู่ดี ว่าถ้าพูดออกไปแล้ว เราจะเปลี่ยนไปไหม"
   วิคเตอร์ขมวดคิ้ว "เปลี่ยนไปคือยังไง"
   “...นายไม่เข้าใจ" เจย์บอกด้วยน้ำเสียงหมดแรง วิคเตอร์ยังคงมองอย่างไม่เข้าใจอยู่เช่นนั้น
   “เอาเถอะ ฉันก็อยากจะพูดเรื่องนี้เหมือนกัน ขืนเก็บไว้ต่อไป เราคงทำงานกันต่อไม่ได้" เจย์ว่า นั่นทำให้วิคเตอร์ขมวดคิ้วมุ่นเข้าไปอีก "หรือไม่...เราก็คงทำงานด้วยกันไม่ได้อีกเลย"
   “อย่างี่เง่าน่ะเจย์" วิคเตอร์สวนขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดังแบบที่แทบไม่ต้องคิด
   เจย์หลับตานิ่ง "มันไม่งี่เง่านะวิค ฉันปล่อยให้มันคาราคาซังมานานแล้ว"
   เขาเถียงกลับ ก่อนรวบรวมความกล้าที่จะพูดมันออกมา นึกถึงตอนที่เขาฉะกับคู่ค้า ยืนเคียงข้างกับจอมทัพ ทำไมวันนี้ ในตอนนี้ มันถึงไม่ง่ายแบบนั้นบ้างนะ
   “ฉันมาคิดๆดูแล้ว ชักไม่แน่ใจว่าเราควรเป็นคู่หูกันแบบนี้ต่อไปหรือเปล่า อย่างที่นายบอกเมื่อคืน...”
   เจย์เว้นวรรค
   "บางทีถ้าเราไม่ได้เป็นคู่หูกัน อะไรมันอาจจะง่ายกว่านี้"
   “นายหมายความว่ายังไง" วิคเตอร์ถามเสียงเครียด เขารู้สึกถึงเส้นเลือดในสมองที่เต้นตุบๆ
   “จริงๆแล้วถ้าเป็นนายกับเอเลนตั้งแต่ต้น มันอาจจะดีกว่านี้" เจย์ก้มหน้านิ่ง "ทุกอย่างอาจจะสมบูรณ์แบบกว่านี้"
   วิคเตอร์หงุดหงิดจนแทบจะขยี้หัว "เฮ้ย สมองกลับมาจากไหนน่ะเจย์"
   “ไม่---”
   “โลกนี้มันไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอกนะจะบอกให้ แล้วทำไมจู่ๆถึงเอาตัวเองไปเทียบกับเอเลน!? เอาเอเลนมายุ่งด้วยทำไม” วิคเตอร์ถามเสียงจริงจัง ทำให้เจย์รู้สึกเหมือนโดนกีดกันอีกครั้ง เมื่อคิดไปเองว่าวิคเตอร์ไม่อยากให้เขาดึงเอเลนมายุ่งเกี่ยว
   เจย์ตัดสินใจถามออกไปในที่สุด
   "นายชอบเอเลนใช่ไหม"
   “ถามอะไร" วิคเตอร์งุนงง
   “ก็แค่ตอบคำถาม" เจย์คาดคั้น "ชอบเอเลนใช่ไหม"
   วิคเตอร์ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างสุดกลั้น เขาหัวเสียสุดๆ แต่กระนั้นร่างสูงใหญ่ก็เอนตัวพิงหลังกับรถ แล้วกอดอกนิ่ง
   "ถ้าชอบแล้วจะทำไม"
   “ก็ตอบมาสิ!!” เจย์ตะโกนอย่างอดไม่อยู่ เขากำหมัดแน่น
   วิคเตอร์เหลือบตามองคนที่สติแตกเป็นบ้าเป็นหลัง เขาเบือนหน้าหนีออกไปยังถนนสายตรงหน้า
   "ชอบ"
   วิคเตอร์ออกมา และนั่น เหมือนกับมีมือมากระชากหัวใจของเจย์ฉีกออกเป็นพันทิศ
   “---แต่พูดว่าเคยชอบคงจะดีกว่า"
   วิคเตอร์หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าเจย์ เขายืนกอดอก ยืนมองเจย์จากตรงนอกรถ
   "แค่นี้เหรอที่อยากรู้"
   เจย์เม้มปากแน่นไม่ตอบ เขาเงียบ วิคเตอร์จึงหลับตา และพรูลมหายใจออกมา
   "ไอ้เรื่องเคยเฟลิร์ตกันมันก็ใช่ ฉันชื่นชมเอเลน แต่แม่งเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด"
   “เอเลนมีเส้นแบ่งชัดเจนมาก โอเค--- จะเล่าให้ฟังก็ได้" วิคเตอร์หัวเสียสุดขีด
   "เราเคยจูบกัน เรื่องมันเกิดตอนช่วงแรกๆที่ฉันกลับมาจากอเมริกานั่นแหละ แล้วแม่งก็ไม่มีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้น ฉันชื่นชมเขา และเราต่างมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนจนทำให้เราสามารถทำงานต่อได้อย่างไม่คิดอะไร"
   เจย์นั่งฟังอีกฝ่ายนิ่ง นิ่งจนแทบไม่ขยับตัว
   “แต่กับนายน่ะเจย์...”
   วิคเตอร์เงียบไปพักใหญ่ ได้ยินเสียงกระแทกลมหายใจของเขา ราวกับว่าเป็นเรื่องยากที่เขาจะพูดออกมา "แต่กับนายน่ะ มันไม่มีเส้นแบ่งเหี้ยอะไรเลย ฉันเลยกลัวไง!”
   เจย์นิ่งอึ้ง เหมือนเรื่องราวมันกลับตาลปัตรแบบที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน แต่กระนั้นก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี
   “นี่ ไอ้เรื่องที่เราเคยพูดกัน หรือฉันพูดกับนาย มันไม่ใช่เรื่องหมาหยอกไก่ไปวันๆหรอกนะ" วิคเตอร์กระแทกเสียง "ฉันพูดจริงๆ ใช่ ถ้าเราไม่ได้เป็นคู่หูกันเรื่องมันอาจจะง่ายกว่านี้"
   เจย์กำมือแน่น เขาไม่กล้าพูดอะไรออกไป แต่ก็พยายามเค้นจนวินาทีสุดท้าย
   "...หมายความว่ายังไง"
   “อย่าซื่อบื้อนักสิวะ" วิคเตอร์ขึ้น "บ้าฉิบ นายคิดว่าฉันทะนุถนอมนายมาเป็นสิบๆปีเพื่อที่จะแยกกันในตอนสุดท้ายงั้นหรือไง"
   “......”
   “ถ้าฉันปล่อยให้เรื่องราวมันเลยเถิดจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เราทำงานด้วยกันไม่ได้ แล้วต้องโดนแยกจากกันเป็นรอบที่สอง" วิคเตอร์เอนตัวกระแทกรถจนเจย์สะดุ้ง "จะเข้าใจได้หรือยัง เจย์"
   น้ำเสียงอ่อนแรงจากผู้ชายตัวโตตรงหน้าทำให้เจย์น้ำตาร่วง เขายกมือปาดมันลวกๆแล้วก้มหน้าหนี
   “...กลับเถอะ"  เจย์เหมือนหัวใจจะระเบิด เขาพูดอะไรมากกว่านั้นไม่ได้จริงๆ
   “นี่ พูดตั้งนานแล้วเข้าใจอะไรขึ้นมาหรือยัง ถ้าจะคิดไปเองฝ่ายเดียวก็คิดให้มันตรงกันหน่อยเข้าใจไหม"
   วิคเตอร์บ่นยาวเหยียดราวกับคนแก่ เจย์รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาบีบมือตัวเองแน่น จู่ๆก็รู้สึกไม่อยากจะเผชิญหน้าจนกระทั่งรู้ทุกอย่างชนิดหมดเปลือก ถึงตอนนั้น ไม่แน่ใจว่าจะดีใจหรือเสียใจดี
   เพราะใช่...เขาเองก็กลัวเหมือนกัน การที่จะต้องแยกกันไปเช่นนั้น
   “พอแล้วล่ะวิค" เจย์เลื่อนกระจกปิด นั่นทำให้คนที่ยืนอยู่นอกรถต้องหันมามองอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนถอนหายใจหัวเสียเฮือกใหญ่
   วิคเตอร์หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า มองคนหลังบานกระจกแล้วจึงค่อยๆย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกัน เขาเคาะกระจกเบาๆให้เจย์หันมามอง
   เจย์ทำใจแข็งได้แค่ครู่เดียวเท่านั้น มือขวาคนคิดมากก็ต้องค่อยๆหันกลับมาแล้วจ้องมองคนด้านนอกเต็มๆตา ไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่เห็นตรงหน้า เขาจ้องหน้าวิคเตอร์ ดวงตาคู่นั้นบอกทุกอย่างออกมาอย่างหมดเปลือก มันเต็มไปด้วยความรู้สึก ทั้งวาบหวาม หวามไหว และอุ่นหัวใจแบบที่อธิบายไม่ถูก มันเป็นช่วงเวลาที่มีพลังมากที่สุดในชั่วชีวิตของพวกเขา
   วิคเตอร์โน้มตัวเข้ามาช้าๆ และแรงดึงดูดระหว่างกันก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ พวกเขาสบตากัน ผ่านกระจกใส วิคเตอร์ทาบทับริมฝีปากลงมา และเจย์เอง ก็ค่อยๆเลื่อนมือแตะกระจกบานนั้น และกดริมฝีปากแนบทับลงไปจากอีกด้าน...
   หลังจากนั้นเหมือนกับโลกจะระเบิดลงตรงหน้าเป็นเสี่ยงๆ หัวใจของเจย์เต้นแรงราวกับพายุที่บ้าคลั่ง เขาหลับตาอยู่เช่นนั้นนานตราบเท่านาน...และมันก็เหลือเชื่อเหลือเกิน...
   พวกเขากำลังจับมือกันก้าวข้ามอะไรบางอย่าง กำแพงสูงตระหง่านที่ไม่เคย ล้ ม ล ง
   เจย์เปิดเปลือกตาขึ้น วิคเตอร์ถอยใบหน้าออกไป เจย์ค่อยๆลดกระจกลงช้าๆ เหมือนกับว่าช่องว่างระหว่างพวกเขาถูกทำลายลง
   “หายบ้าหรือยัง"
   วิคเตอร์ถาม เจย์เห็นว่าเขาหน้าแดง และก็คงไม่มีสิทธิ์ไปหัวเราะ เพราะเขาก็คงแก้มแดงไม่แพ้กัน
   “เราทำถูกแล้วใช่ไหม" เจย์ถามเหมือนละเมอ เขาเห็นวิคเตอร์หน้าบึ้งอยู่ครู่เดียว ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนใจ    
   "หันหลังกลับไม่ได้แล้วล่ะ"
   เจย์หลุบตาลงเล็กน้อย เขารู้สึกขลาดเขินแปลกๆ "...กับเอเลนน่ะ แค่จูบใช่ไหม"
   “ถามอะไร" วิคเตอร์คิ้วขมวด
   “ก็ตอบสิ" เจย์คั้นราวกับเด็กเอาแต่ใจ
   วิคเตอร์ทำหน้าเบื่อหน่ายอีกครั้ง "แค่นั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น"
   “......”
   “จะให้พูดอีกไหมว่าฉันชอบนาย ชอบมานานแค่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน และคิดว่าเรื่องของเรามันก้าวข้ามคำนั้นมานานแล้ว" วิคเตอร์สารภาพออกมาหมดสิ้น เขาทำให้หัวใจของเจย์พองโต
   "เพราะไม่แน่ใจ ว่าถ้าเป็นมากกว่านั้นแล้ว นายจะจากไปตลอดกาลหรือเปล่า"
   เจย์ก็กลัว...
   เจย์ก็กลัว แต่เขาไม่ได้พูดออกไป เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกมันออกไปเช่นกัน
   “ฉันก็ชอบนายวิค ชอบที่สุดในโลกเลยด้วย"
   สิ้นคำสารภาพ เขาเห็นรอยยิ้มของวิคเตอร์จุดที่มุมปาก และริมฝีปากของเจย์ก็ถูกทาบทับลงมาอีกครั้งโดยไม่มีกระจกกางกั้นเหมือนคราวก่อน มันคือจูบแรกของเจย์ ประสบการณ์ที่ทรงพลังที่ทำให้เขารู้สึกว่าเขามีชีวิตมากกว่าวันไหนๆ กับคนตรงหน้า ผู้ชายที่เป็นตลอดกาลของเขา
   รสสัมผัสหวานซ่านวาบเข้ามาในใจ เจย์อยากจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ทำ ริมฝีปากเขาถูกดูดดึงซ้ำๆ ย้ำจนกว่าที่วิคเตอร์จะพอใจในรสสัมผัสที่เขามอบให้
   พวกเขาละริมฝีปากออกจากกัน รสหวานของโคล่ามะนาวยังติดปลายลิ้น
   พวกเขาจ้องตากัน มันทรงพลังอีกแล้ว ไม่ว่าจะตอนไหนมันก็ทรงพลังเหลือเกิน และเจย์ก็ไม่กลัวการสบตากับวิคเตอร์อีกแล้ว เขานึกชอบมันด้วยซ้ำในเวลานี้
   “แล้วต่อจากนี้ เราควรเป็นอะไรดี" เจย์กระซิบถาม มันอาจจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุดของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
   “...ไม่รู้สิ"
   วิคเตอร์ยิ้ม ดวงตาพราวระยับนั่นก็ยิ้มไปด้วย
   "เป็นเหมือนเดิม"
   “......”
   “คู่หู"
   วิคเตอร์บอก และประโยคถัดมาก็ทำให้เจย์ยิ้มออกมาในที่สุด
   “ก็คู่หูน่ะ คือสิ่งที่เราจะเป็นกันตลอดไปไม่ใช่หรือไง"
   “แต่---” เจย์ท้วง "เฮียบอกว่าตลอดไปมันไม่มีจริงไม่ใช่หรือ"

   วิคเตอร์ได้แต่ยิ้ม เขาไล่จูบปลายนิ้วที่เกาะที่ขอบหน้าต่าง "ก็ให้นานเท่าที่จะเป็นไปได้ จำไว้แค่ว่าฉันไม่มีวันปล่อยมือนาย...ก็แค่นั้นเอง"














END



จบแล้วค่า


ออฟไลน์ kawee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-0
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ถ้าไม่ระเบิดใส่กันคงยังคลุมเครือสินะ หึหึ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด