11 Libra’s heart : Finale
“อ้า อรุณสวัสดิ์ท่านดาวิส ตื่นเช้าเหมือนเดิมนะคะท่านดาวิส ทั้งๆที่ไม่ได้นอนมาตั้งสองคืน” เด็กสาวคลี่ยิ้มเอ่ยทักทายรองเจ้าเมืองหนุ่ม ที่นั่งพักผ่อนจิบชาชมวิวสวนในยามเช้าอย่างสบายอารมณ์อยู่
“พอจบเรื่อง ได้หลับลึกๆสักสองชั่วโมงก็พอแล้ว” ดาวิสตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี ดูจะดีกว่าปกติตั้งแต่ก่อนจะมีเรื่องเสียอีก พอได้คุยกับดาวิสที่เพิ่งกลับมาจากการเดินทางเมื่อวานนี้ ก็เริ่มหันซ้ายหันขวามองหาลีนัส
“ท่านลีนัส ยังไม่ลงมาเหรอคะ” เรเชลถามขึ้นมาดาวิสก็กระตุกยิ้มที่มุมปากขึ้นมา
“ท่านเจ้าเมืองก็มีวันที่ตื่นสายบ้างเหมือนกันแหละน่า เจออะไรๆมาเยอะ ให้พักผ่อนเสียบ้างเถอะ” ดาวิสว่าพลางยกชาขึ้นจิบ พลันก็มีเสียงเด็กหนุ่มโวยวายวิ่งเข้ามาหา
“ท่านดาวิส!! แย่แล้วขอรับ ท่านลีนัสไม่ได้อยู่ที่ห้อง!!” ความสงบยามเช้าพังทลายลงทันทีที่ลุคซ์วิ่งหน้าตื่นเข้ามา ทำเอาดาวิสแทบสำลักชาที่เพิ่งจิบเข้าไปเมื่อกี้ออกมา เขาไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเข้าไปรบกวนเจ้าเมืองถึงห้อง ในเช้าวันนี้หลังจากที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึง
เรเชลได้ยินเช่นนั้นก็เอียงคอตัวเองนิดๆถามหาลีนัสเอากับภูติระแวกนั้นทันที พลันเธอก็หรี่ตากลับไปมองที่ดาวิส
“เดี๋ยวนะ ข้าไม่รู้จริงๆว่าภูติบอกอะไรเจ้าได้บ้าง แต่เอาไว้เราค่อยคุยกันได้ไหมถ้าเจ้ามีเรื่องอยากจะถาม” ดาวิสรีบยกมือขึ้นมาหยุดเรเชลที่ทำท่าเหมือนจะเอ่ยอะไรออกมา
“โดยกฏของลีบลาแล้ว ข้าจะไม่ถามเรื่องส่วนตัวคนอื่นเอากับภูตินะคะ….แต่…” เรเชลเว้นช่วงไปเพื่อจะก้มตัวลงไปทำเสียงเบาถามรองเจ้าเมืองหนุ่มที่นั่งทำหน้าลำบากใจอยู่
“...ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ มันเกิดอะไรขึ้นที่บริงไฮด์คะ” แววตาเปล่งประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเด็กสาวทำให้ดาวิสต้องแปลกใจกับเจ้าตัวอยู่ไม่น้อย เจ้าเมืองหนุ่มร่างเล็กนิสัยนุ่มนวลใบหน้าหวานอย่างลีนัสในสายตาของเรเชลเอง การที่เจ้านายเธอจะมีคนรักเป็นผู้ชายไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้เธอแต่อย่างใด แค่ไม่คิดว่าเป็นคนใกล้ๆตัวที่เจ้าตัวทำเพิกเฉยมาตลอด
“ไหนว่าไม่ถามไง” ดาวิสขมวดคิ้วถามกลับไป
“ข้าถามกับท่านไม่ได้ถามกับภูตินี่คะ ไม่ผิด”
“........”
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น นี่ท่านลีนัสหายไปทั้งคน สนใจกันหน่อยได้ไหมขอรับ? ดูเหมือนจะหายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะขอรับ เตียงก็ปูไว้เหมือนไม่ได้นอนเลย!!” ลุคซ์ที่ยืนรอฟังคำตอบจากเรเชลทนไม่ไหว จึงเร่งเร้าขึ้นมา ทำให้ดาวิสลำบากใจหนักกว่าเดิม
“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกลุคซ์ ข้าเจอท่านลีนัสแล้ว ปลอดภัยดีเจ้าไม่ต้องห่วง” เรเชลหันไปตอบการ์เดี้ยนหนุ่มที่กำลังร้อนรนอยู่
“แล้วตอนนี้ท่านลีนัสอยู่ไหนขอรับ” คำถามถัดไปเป็นคำถามที่เรเชลยังไม่ได้เตรียมคำตอบที่เหมาะสมเอาไว้
“เอ่อ…..” เรเชลกรอกตาไปหาดาวิสเพื่อจะให้อีกฝ่ายช่วยหาคำตอบ แล้วเจ้าตัวที่เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดก็เดินเข้ามาในห้องอาหารที่เปิดโล่งบริเวณนั้น
“ขอโทษทีลุคซ์ข้าลืมบอกเจ้าไป เมื่อคืนนี้ข้ากลับไปที่บ้านมาเพิ่งกลับมาเมื่อเช้านี้” ลีนัสที่อาบน้ำแต่งตัวพร้อมสรรพ เดินเข้ามาพร้อมอ้างเหตุผลที่ดูแนบเนียนที่สุดออกมา
“ท่านลีนัส” ลุคซ์รีบปรับท่ายืนและก้มหัวทักเจ้านายตัวเองทันที ลีนัสพยักหน้ารับเบาๆแล้วก็เคลื่อนสายตาไปหยุดที่ใบหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มของเรเชล ทำให้เจ้าตัวต้องเมินหลบไปมองทางอื่นพลางกระแอมไอออกมาเบาๆ
“เอาล่ะ ข้าว่าเจ้าหมดคำถามแล้วนะลุคซ์ เจ้าไปทำอย่างอื่นได้แล้วไป” เรเชลหันไปเดินออกจากห้อง พร้อมกับไล่เด็กหนุ่มให้ออกไปพร้อมๆกัน ทั้งๆที่ลุคซ์ยังไม่เข้าใจเหตุผลที่เขาจะต้องไปทำอย่างอื่นที่เรเชลว่ามา แต่ก็ยอมเดินตามออกมาด้วยแต่โดยดี
เมื่อเหลือเพียงสองคนในบริเวณนั้น สีหน้านิ่งเรียบของเจ้าเมืองหนุ่มที่ดูอ่อนโยนเมื่อครู่ ก็ตีหน้ายุ่งขมวดคิ้วใส่อีกฝ่ายที่กำลังรินน้ำชาใส่ในแก้วชาอีกใบอย่างไม่ใส่ใจใบหน้ายุ่งๆนั้น
“เชิญนั่งก่อนสิขอรับท่านลีนัส” ดาวิสว่าพลางวางแก้วชาที่รินให้วางบนโต๊ะฝั่งตรงข้าม แล้วผายมือเชิญให้อีกฝ่ายมานั่งลง
ลีนัสถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเดินไปนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม แล้วเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆขมวดคิ้วทำเสียงไม่พอใจเบาๆว่าอีกฝ่าย
“ทำไมไม่ปลุกข้าขอรับ” ดาวิสเห็นหน้ายุ่งๆของเจ้าเมืองที่ปกติคนทั่วไปไม่ค่อยได้เห็นก็ยิ้มมุมปากขึ้นมา
“ตื่นสายสักวันจะเป็นอะไรไปขอรับ พักผ่อนไม่พอจะไม่มีแรงทำงานนะขอรับ” ดาวิสตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงปกติเพื่อรักษาภาพพจน์เบื้องหน้าเอาไว้ให้ดูเป็นปกติ ทำให้ลีนัสดึงตัวเองกลับมานั่งตรงๆเป็นปกติ แล้วหยิบนมอุ่นๆมารินใส่ในถ้วยชาของตน พลางเอ่ยเตือนอีกฝ่ายเบาๆ
“....คราวหน้าก็ปลุกข้าด้วยนะขอรับ ข้าไม่ได้จะอ้างแบบนี้ได้บ่อยๆ” เอ่ยเสร็จจะยกชาขึ้นมาจรดริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นดาวิสที่กำลังทำสีหน้าประหลาดใจออกมา ทำให้เจ้าตัวนิ่งคิดไปสักพักว่าเขาพูดอะไรผิดไปหรืออย่างไร สีหน้าไม่เข้าใจของลีนัสทำให้ดาวิสคลี่ยิ้มกว้างขึ้นมาแล้วก็ขำออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
“คราวหน้านะขอรับ รับทราบขอรับ” ดาวิสตอบรับด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มทำให้ลีนัสรู้สึกตัว ว่าได้พูดอะไรออกมา ทำให้เจ้าตัวหน้าแดงขึ้นมาทันที
“เอ่อ...ข้า…” ลีนัสไม่รู้จะแก้ตัวยังไงที่เผลอทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วอย่างลืมตัว ดาวิสนั่งมองอีกฝ่ายที่พยายามหาข้อแก้ตัวอยู่ด้วยความเอ็นดู
“ไม่ต้องห่วงนะ คราวหน้าข้าจะเพลามือลงหน่อยแล้วกันขอรับ จะได้ไม่หมดแรงแบบวันนี้”
“ …….” ลีนัสตกอยู่ในสภาพที่พูดอะไรไม่ออก แถมยังอายจนอยากจะมุดดินหนีหายไปจากตรงนี้เสียเดี๋ยวนี้ ในใจเฝ้าตำหนิตัวเองว่าทำเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาได้อย่างไรกัน
“ลีนัส….รู้ไหมว่าตอนนี้ข้าอยากจะจูบเจ้ามากแค่ไหน” เห็นใบหน้าแดงระเรื่อตรงหน้า ดาวิสจำต้องกลั้นใจไม่เอื้อมมือออกไป แต่ก็ไม่วายกระซิบบอกอีกฝ่ายไปเบาๆ ทำให้ลีนัสรีบถอยตัวออกห่างกลับมานั่งหลังตรงพิงพนักเก้าอี้
“...ท่านดาวิส” ลีนัสหลบตาลงหลบสายตาคมสีน้ำเงินเข้มที่จ้องมองเขากลับมา พลันก็มีเสียงกระแอมไอแว่วมาจากข้างหลัง
“อย่าทำให้ท่านพี่ข้าลำบากใจนักเลยท่านดาวิส”
“........ซีมัส เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกมีนิสัยแย่ๆชอบแอบฟังคนอื่นคุยกันเสียที” ดาวิสถอนหายใจหนักๆออกมาแล้วหันกลับไปมองผู้ที่เข้ามาขัดจังหวะ
“ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้ตั้งใจ” ซีมัสตอบกลับมาด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำให้ดาวิสต้องทำเสียงเดาะลิ้นไม่พอใจออกมา
“เจ้าจะมาทำอะไรอีก...”
“ข้าก็มาหาท่านพี่ ไม่ได้รึไง เมื่อคืนข้าก็ให้เวลาท่านเต็มที่แล้วนะขอรับ” ซีมัสตอบกลับมาทำใให้ลีนัสลุกพรวดยืนขึ้นมาทันที
“ซีมัส…มีเรื่องอะไรก็พูดมา” ลีนัสรีบเอ่ยปรามก่อนที่บทสนทนาของทั้งคู่จะเลยเถิดไปกว่านี้
“ท่านพี่ ข้ามาขอตำแหน่งการ์เดี้ยนของข้าคืนขอรับ”
“ว่าไงนะ เจ้ามีสิทธิ์อะไร...” ลุคซ์รีบเดินหลังซีมัสเข้ามาในห้องอาหารทันที เมื่อได้ยินบทสนทนาที่พาดพิงถึงตำแหน่งของเจ้าตัว พลันแววตาสีฟ้าอ่อนก็เคลื่อนมามองเด็กหนุ่มอย่างเย็นชาก็ทำให้เจ้าตัวเงียบกลืนน้ำลายลงคอไป
“ข้าก็อยากจะถามเหมือนกันนั่นแหละว่าคนไม่ได้เรื่องอย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมายืนบนตำแหน่งนี้” ลุคซ์ที่เหมือนจะโดนข่ม แต่เมื่อถูกดูถูกเช่นนั้นก็ไม่ยอมถอยง่ายๆ ยืนกอดอกมองอีกฝ่ายกลับไปอย่างพร้อมจะมีเรื่องได้ทุกเมื่อ
“เอ่อ...ซีมัส...ลุคซ์” ลีนัสที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมาก็เจอแต่เรื่องอะไรมากมายเต็มไปหมดยังคิดอะไรไม่ออกไม่รู้จะพูดอะไรยังไง ดาวิสจึงลุกขึ้นมาแก้ไขสถานการณ์ให้
“ซีมัส ตอนนี้เจ้าไม่ได้เป็นแม้กระทั่งพลทหารของเวลเฮมมิน่าด้วยซ้ำ อยู่ๆจะให้ขึ้นมาเป็นการ์เดี้ยนเลยไม่ได้ เห็นแก่หน้าเจ้าเมืองบ้าง”
“แต่ข้าเป็นคนพาท่านพี่กลับมานะขอรับ”
“เจ้าห่างหายไปสามปี มีกฏมีระเบียบ และคนที่เจ้าต้องทำความรู้จักและเรียนรู้อีกมาก เจ้าเข้าใจใช่ไหม” ดาวิสอธิบายปิดช่องทางข้อแก้ตัวของเด็กหนุ่มทันที
“.......ข้าต้องทำยังไงบ้างขอรับ” ซีมัสหันไปมองที่ลีนัสที่ทำสีหน้าเป็นห่วงอยู่ตรงนั้น ก็ยอมพยักหน้าตอบรับดาวิสกลับไป
“ข้าเปิดรับสมัครทุกต้นเดือน แค่นี้เจ้ายังลืมเลย”
“......ขอรับ” ซีมัสทำเสียงอ่อยตอบรับกลับไป ทำให้ลุคซ์ที่ยืนอยู่ข้างๆแอบยิ้มอยู่ในใจ แต่เหมือนว่าดาวิสจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ถึงได้เรียกเขาขึ้นมา
“ลุคซ์….”
“ขอรับ?”
“ไม่เกินสองเดือนหรอกนะ ที่ตำแหน่งของเจ้าจะยังปลอดภัยอยู่ ข้ารู้ว่าซีมัสเรียนรู้เร็ว ถ้าเจ้ายังไม่เก่งขึ้นกว่านี้ ข้าคงจะต้องยึดตำแหน่งเจ้าจริงๆนะลุคซ์” เขาสาบานได้ว่าดาวิสต้องอ่านใจเขาออกแน่ๆ ลุคซ์เหลือบไปมองที่ซีมัสอีกครั้ง ก็เห็นรอยยิ้มของนักล่าที่มองเห็นเหยื่อง่ายๆตัวหนึ่งกลับมา
“รับทราบขอรับ” ลุคซ์ไม่ยอมให้ซีมัสข่มเขาอยู่ฝ่ายเดียว จึงตอบรับดาวิสไปเสียดังฟังชัด
“เข้าใจแล้วก็ไปรอข้างนอกนะ ข้าขอเวลากินข้าวสงบๆได้ไหมลุคซ์”
“ขอรับ” ลุคซ์รับคำแล้วตบเท้าจากไป
“ส่วนซีมัส ถ้าไม่อยากถูกปฏิบัติให้พิเศษในฐานะน้องชายเจ้าเมืองล่ะก็ อย่าใช้ตำแหน่งน้องชายเจ้าเมืองเข้าๆออกๆที่ว่าการแบบนี้อีกล่ะ เข้าใจไหม”
“...ขออภัยขอรับ”
“ไม่มีอะไรก็กลับไปได้แล้วไป” ซีมัสที่ถึงแม้จะปากดีกับดาวิสอยู่บ่อยครั้ง แต่พอเป็นเรื่องการเรื่องงานขึ้นมา ก็ไม่มีครั้งไหนที่ซีมัสจะเถียงดาวิสอย่างไม่มีเหตุผลสักครั้ง จึงได้ยอมจากไปแต่โดยดี
ลีนัสยืนมองดาวิสที่พลิกแพลงสถานการณ์ให้จบลงอย่างง่ายดาย ก็คลี่ยิ้มขึ้นมาอย่างชื่นชม ลีนัสไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า ดาวิสที่ช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้เสมอๆคนนี้ทำให้เขาตกหลุมรักได้อีกครั้ง
“...ยิ้มอะไรขอรับ” ดาวิสหันกลับมาเจอลีนัสที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่คนเดียวก็เอ่ยถามขึ้นมา ลีนัสก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอยิ้มออกนอกหน้านอกตามาขนาดนั้น จึงหุบยิ้มแล้วกลับลงมานั่งที่เก้าอี้ พลางนึกหาเหตุผลมาเอ่ยอ้างตอบกลับไปยังไงไม่ให้อีกฝ่ายได้ใจเกินไป
“ภูมิใจที่มีข้าเป็นคนรักล่ะสิ” ดาวิสวางมือเท้าโต๊ะแล้วโน้มตัวเข้าไปหาลีนัสแล้วกระซิบถามสั้นๆ แล้วทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ คลี่ยิ้มหวานส่งให้คนที่กำลังนั่งหน้าแดงอยู่ฝั่งตรงข้าม เพราะที่ดาวิสพูดมาไม่ได้ผิดไปจากที่ลีนัสคิดอยู่ในใจลึกๆ พอถูกจี้ตรงๆมาแบบนั้นก็หน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันที
“....พูดอะไรของท่าน ข้าภูมิใจได้ท่านเป็นรองเจ้าเมืองของข้าต่างหากล่ะ” ลีนัสก้มลงหยิบแก้วชาของตนขึ้นมาจิบ เพื่อจะหลบแววตาสีน้ำเงินคมเข้มที่จับจ้องที่เขาไม่วางตา
“หึหึ แค่นั้นก็นับเป็นเกียรติแล้วขอรับ ท่านลีนัส” ดาวิสหัวเราะออกมาเบาๆในลำคออย่างพออกพอใจ แค่ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของชายหนุ่มตรงหน้า ก็เพียงพอแล้วสำหรับคำตอบที่เขาต้องการ
ดาวิสยังคงคลี่ยิ้มมองลีนัสที่นั่งดื่มชาอย่างเขินๆไม่ยอมวางตา เขาอยากจะเก็บรายละเอียดของความสุขในตอนนี้ไว้ให้มากที่สุด ก่อนที่ช่วงเวลาสงบสุขเช่นนี้จะผ่านเลยไป เพราะเขารู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าทุกอย่างไม่ได้เพิ่งจะจบไป แต่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นต่างหาก ภายใต้แววตาที่ยิ้มแย้มขอดาวิส ปรากฏความรู้กังวลใจแอบซ่อนอยู่ลึกๆ
ลีนัสที่มองเห็นความกังวลใจที่ซ่อนอยู่ในแววตาของคนตรงหน้า ก็คลี่ยิ้มจางๆกลับไปพร้อมเอื้อมมือไปจับอุ้งมือหนาของดาวิสขึ้นมากุมไว้แน่น แล้วเอ่ยขึ้นด้วยแววตาที่ฉายแววความมั่นใจ
“ท่านดาวิส ข้าหวังว่าท่านจะภูมิใจที่มีข้าเป็นเจ้าเมืองของท่านนะขอรับ”
-END-
จบแล้วนะ จริงๆจะเขียนเรื่องของซีมัสต่อ แต่ไม่ลงต่อละ พอ คนอ่านเยอะมาก 555555 งอนค่ะ งอนออกสื่อ เรียกร้องความสนใจ
อ่านจบแล้วก็เม้นกันมาบ้างงงงค่า
