ที่... (01) โรงหนัง2 (จบตอน)
“ภูมิ... ภูมิ...” เจ้าของเสียงเอ่ยเรียกชื่อของผู้ชายอีกคนที่มาด้วยกัน แต่น่าแปลกที่ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ
ร่างผอมเพียวลุกขึ้นยืนคว้าไปฉายส่องหาเจ้าของชื่อที่ตนเรียก แต่ก็ไร้วี่แวว เขาเปิดประตูห้องน้ำเก่าๆ นั่น
แล้วส่องไฟฉายหาไปทีละห้องๆ เสียงซาวด์แอฟเฟ็กสร้างบรรยายกาศลุ้นระทึกใขณะที่ตัวเอกแสดงความกลัว
ถึงขีดสุด ก้าวถอยหลังจนแทบจะติดกำแพง
“!!!” บันบันตกใจในฉากที่มีมือปริศนาปรากฏขึ้นมาจะโอบรอบคอของตัวเอกในหนัง เสียงซาวด์ดังขึ้นมา
ในจังหวะพอดีกัน และปฏิกิริยาของบันบันนั้นก็ไม่รอดพ้นสายตาของคนที่นั่งข้างๆ
แชร์ละสายตาออกจากหนังแล้วหันมามองบันบันแทน รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าหล่อคมคายตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ
“ฮะๆ”
บันบันหันมองฉับก่อนจะกระซิบถามอย่างหัวเสีย “อะไรเล่า!”
“อ่ะฮะๆ เปล่าๆ ว่าแต่.. มึงกลัวเหรอ?” แชร์กระซิบตอบไป แล้วยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเล่น
((ส่ายหน้า))
“เหรอ---- อ้ะ โอเคๆ” แชร์เป็นฝ่ายต้องยอม เลิกต่อล้อต่อเถียงเพราะโดนบันบันหยิกแขนไปทีหนึ่ง
+กับเริ่มเกรงใจเพราะตัวเองอยู่ในโรงหนัง จึงจำต้องหันกลับไปให้ความสนใจกับหนังต่อ
เพราะโรงหนังค่อนข้างมืด ทั้งยังเป็นฉากหนังในตอนกลางคืนเลยทำให้แชร์ไม่ได้สังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย
ใบหน้าที่เริ่มจะแสดงสีหน้าไม่ดี คิ้วทั้งสองมุ่นลงเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างปิดลง และตัวเริ่มเกร็ง...
ที่บันบันสะดุ้งเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะหนัง ที่บันบันมีอาการแบบนี้ไม่ใช่เพราะกลัว.. แต่เป็นเพราะผู้ชายที่นั่งข้างๆ ทางด้านขวา
หรือก็คือ ที่นั่ง G3
มือใหญ่ๆ ของอีกฝ่าย ที่กำลังตีเนียนลูบขาบันบันอยู่ แน่นอนว่าเมื่อกี้ก็ตกใจเพราะอยู่ๆ ก็มีคนมาจับที่ขา
ตอนคุยกับแชร์เจ้าของมือนั่นก็ยังไม่หยุด ที่บันไม่บอกก็เพราะไม่อยากให้แชร์มีเรื่อง แถมในโรงหนังที่มีคนเยอะ
ขนาดนี้ด้วยแล้ว...
สารภาพว่าตั้งแต่เกิดมา บันบันยังไม่เคยโดนผู้ชายลวนลามอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้มาก่อน เลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
ในใจก็ได้แต่นึกโทษตัวเอง ที่วันนี้ใส่กางเกงขาสามส่วนมา เพราะถ้าใส่กางเกงขายาวมา ยิ่งเป็นยีนส์ด้วยแล้ว
คงไม่โดนแบบนี้หรอก(มั้ง?)
“...!”
บันสะดุ้งอีกรอบเมื่อมือใหญ่ๆ นั่นเลื่อนขึ้นลูบไล้บริเวณต้นขา และด้วยสัญชาตญาณการเอาคตัวรอดก่อนที่อะไรๆ
มันจะแย่ลง มือเล็กจับหมับลงไปบนมือของคนที่ลูบไล้ขาของตัวเอง จังหวะที่เเชร์จะหันมาถาม บันก็หันไปกระซิบ
อีกฝ่ายใกล้ๆ หู
"เดี๋ยวกูไปห้องน้ำแป๊บหนึ่ง"
"งั้นเดี๋ยวกูไปด้วย"
"ไม่ต้อง มึงอยู่นี่แหละ ฝากดูหนังด้วย เดี๋ยวกูกลับมาถาม"
สุดท้ายเเล้วเเชร์ก็ตื้อไม่สำเร็จ ถึงแม้ใจจะเป็นห่วงแต่ก็ยอมปล่อยให้คนตัวเล็กไปห้องน้ำคนเดียว
ก่อนที่บันจะลุกออกไป เสียงนุ่มก็เอ่ยกระซิบย้ำอีกรอบแล้วเลื่อนจมูกแตะแก้มเขาเบาๆ
"แป๊บเดียว"
เเชร์พยักหน้าอย่างว่าง่าย เห็นทีคงจะเคลิ้มไปอีกพักใหญ่ๆ
ฝ่ายบันบันที่ปลีกตัวออกมาจากโรงหนังได้สำเร็จก็เริ่มโล่ง เพราะในที่สุดก็ออกมาจากสถานการณ์อันตรายได้
ถึงแม้จะรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกแชร์ก็ตาม แต่ก็อดชื่นชมตัวเองไม่ได้ เพราะถ้าเกิดบอกไปฉะกันกลางโรงหนังแน่ๆ
"เฮ้ออ" แค่จินตนาการว่าจะเกิดเหตุการแบบนั้นก็เหนื่อยแล้ว
บันส่ายหัว แล้วก้าวขาเร็วๆ เดินตรงไปยังห้องน้ำที่เห็นอยู่ใกล้ๆ เพราะไหนๆ ก็ออกมาจากโรงหนังแล้ว
แวะเข้าหน่อยก็ไม่เสียเที่ยว
หลังจากทำธุระเสร็จขาเรียวก็เดินตรงยังอ่างล้างมือเลเซอร์ใกล้ๆ ประตูทางออกห้องน้ำ ขณะที่กำลังล้างมือดวงตาพลัน
สังเกตเห็นคนที่เดินเข้าห้องน้ำสะท้อนผ่านกระจกเงาระนาบ ตอนแรกบันบันไม่ได้ตั้งใจจะสนใจชายหนุ่มร่างสูงลิ่วที่พึ่ง
เข้ามาสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ติดที่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาจากอ่างล้างมือแล้วเห็นอีกฝ่ายยืนคร่อมอยู่ข้างหลังล่ะก็นะ...
บันบันกลืนน้ำลายลงคอ จ้องตาอีกฝ่ายผ่านกระจกเงาข้างหน้าตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูออกไปทางเจ้าเล่ห์น้อยๆ
ส่งยิ้มให้พลางขยับร่างบึกบึนเต็มไปด้วยมัดกล้ามเข้าใกล้คนตัวเล็ก บันพยายามตั้งสติแล้วค่อยๆ หันหลังกลับไปหาคราวนี้
ดวงตาใสๆ สบมองอีกฝ่ายตรงๆ ก่อนจะรวบรวมความกล้าถามไป
“พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ?”
“พูดงี้หมายความว่าไงหือ? ก็เราเป็นคนชวนพี่ออกมาอีกไม่ใช่เหรอ?”
“....” คนตัวเล็กเงียบกับคำตอบที่ได้รับ แล้วค่อยนึกไปเรื่อยๆ ว่าตัวเองไปทำอย่างที่คนตรงหน้านี่พูดตอนไหน...
...หรือว่าจะเป็น... ตอนที่จับมืออีกฝ่ายให้หยุด แล้วลุกออกมา???
“..!” ในจังหวะที่คิดออก มือหนาใหญ่ก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนบางๆ บันบันตกใจเลยตั้งใจจะสะบัด
แต่สู้แรงผู้ชายตัวใหญ่ไม่ได้ ต้นแขนถูกรั้งก่อนจะดึงแล้วผลักไปติดกับแพงห้องน้ำ...
บันบันกัดฟันสกัดกั้นเสียงร้องเพราะความเจ็บที่ต้นแขนกับหลังที่ถูกกระแทก และยังไม่ทันจะหายเจ็บ ใบหน้าหล่อคมคาย
ที่แฝงความเจ้าเล่ห์น้อยๆ ก็เลื่อนเข้ามาใกล้หน้าของเขา ก่อนที่ปากจะสัมผัสกัน บันหลับตาลงแล้วร้องบอกออกมา
“เดี๋ยวครับ! ผมว่าคงมีการเข้าใจผิดอะไรนิดหน่อย…”
“เข้าใจผิดเหรอ? พี่ว่าไม่ผิดมั้ง หรือว่า..”
บันบันตาโต พยักหน้าหงึกงักเมื่ออีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะเริ่มเข้าใจ
“ใช่ๆ พี่เข้าใจผิด---”
“ที่แท้น้องเป็นรุกสินะครับ”
“???”
“...แต่น่าเสียดายนะพี่ก็เป็นรุกเหมือนกัน เพราะงั้นครั้งนี้ยอมพี่เถอะนะ”
“ห้ะ! เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่แบบนั้น---”
คนตรงหน้าไม่สนใจ มือแกร่งจับต้นจนทั้งสองข้างของบันบันแน่น ดันติดกับกำแพงไม่ให้เขาได้ขยับ
สุดท้ายคนตัวเล็กจึงต้องจำใจหลับตาปี๋ไม่ยอมลืมตามองภาพที่คนตรงหน้าเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
แอ๊ดดดดดดดดดดดดดด เสียงบานประตูห้องน้ำดังเรียกให้คนที่เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้หยุดชะงักแล้วหันไปมอง
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมไอดังเบาๆ เรียกให้คนที่หลับตาปี๋จนถึงเมื่อครู่ลืมมอง บันบันอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอลดแรงจับ
ที่แขนสลัดออกจนหลุด แล้ววิ่งผ่านร่างบึกบึนเค้าไปหลบหลังของคนที่เข้ามาใหม่...
แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่น
“แชร์... กู--” ยังไม่ทันที่เสียงนุ่มจะเอ่ยอธิบาย เสียงทุ้มต่ำก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน
“ ’โทษทีพี่ ที่คนของผมมารบกวน” ไม่รออะไรให้เสียเวลา แชร์จับข้อมือแล้วลากคนตัวเล็กออกมาอย่างรวดเร็ว ทางที่แชร์ลากเขาให้เดินตาม
ไม่ใช่ทางเข้าโรงหนัง แต่เป็นทางออก ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าด้านซ้ายของแชร์ ใบหน้าดูดีที่ตอนนี้ดูนิ่งเฉย
ซะจนบันเดาไม่ออก แต่ดูเหมือนว่าบันบันจะรู้สถานการณ์ตอนนี้ แล้วก็รู้ด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
แชร์จับข้อมือเล็กแน่นขึ้นกว่าเดิมจนบันบันรู้สึกเจ็บ นอกจากนั้นแล้วยังเดินเร็วจนขาเล็กๆ แทบจะก้าวตามไม่ทัน..
“แชร์...”
“...”
“ช้าๆ หน่อยได้ไหม” บันบันเริ่มออกแรงฉุดรั้งอีกฝ่าย นอกจากไม่ได้ผลแล้วยังทำให้ตัวเองเจ็บข้อมือเพิ่มขึ้นอีก
คนตัวเล็กถอนหายใจเลิกล้มความคิดที่จะทำให้อีกฝ่ายเดินช้าลง แล้วพยายามก้าวขาตามให้ทัน
“แชร์ คือว่าเรื่องเมื่อกี้--”
“มึงไม่ต้องพูด ไว้คุยกันที่ห้อง”
-------------
และแล้วในที่สุดผมก็ลากมันกลับมาห้องได้อย่างปลอดภัย ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แล้วตลอดเวลาที่เดินทางกลับมา
ผมกับมันก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลย ถึงแม้จะมีบางช่วงที่มันเป็นฝ่ายเริ่มชวนคุยก็เถอะ แต่ผมก็เมินมัน งอนครับ หึงครับ
โกรธครับ มากๆ ด้วย นอกนั้นยังไม่มีอารมณ์จะคุย
พอผมเข้าห้องได้ ก็เดินกระแทกเท้าตึงๆ ไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟากลางห้อง ทำหน้าบูดบึ้งให้รู้ว่าตอนนี้ผมอารมณ์เสีย
มันเองก็ปิดประตูห้องแล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งข้างๆ ด้วย ผมแอบเหล่มองด้วยหางตา......
“แชร์~” บันบันเรียกผม แถมยังเอาคางมาวางบนไหล่ของผมจากด้านข้างอีก พอหันกลับไปมองก็จะสบเข้ากับดวงตาใสแป๋ว
สีน้ำตาลจะช้อนขึ้นมามองแบบอ้อนๆ แล้วทำเสียงอ่อยๆ เรียกชื่อผมอีกรอบ...
เห๊อะ! แต่ก็เถอะ ผมรู้แผนมันหมดแล้ว ท่าง้อของมัน มันง้อแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่ผมกับมันยังไม่คบกัน
และปัจจุบันก็ยังง้อแบบนี้อยู่.... ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนผมจะไม่ได้คิดว่ามันน่ารักขนาดนี้ก็เถอะ แต่โกรธก็คือโกรธครับ
“...”
“แชร์~~”
“...”
“ไหนบอกจะคุยกันที่ห้องไง----- แชร์ฟังหน่อยสิ” คราวนี้มือบางๆ เลื่อนมาจับหมับที่แขนผมแล้วเขย่าแรงๆ ให้หันไปสนใจ
ผมตวัดสายตามอง
“ไหนมึงลองพูดมาสิ.. มึงอ่อยเขาเหรอ? หรือเป็นการเข้าใจผิด? หรืออย่างอื่น?”
“แชร์มึงฟังก่อนดิ มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้ชอบผู้ชาย แล้วกูจะไปอ่อยเขาทำไม?”
“ใครจะรู้ มึงอาจจะทำไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้” เออ ก็ใครใช้ให้มันเกิดมาหน้าตาดึงดูดทั้งเพศตรงข้ามทั้งเพศเดียวกันเล่า
“กูไม่รู้ แต่มึงฟังนะ.....”
แล้วบันบันก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่มีผู้ชายมาเดินมานั่งที่ G3 เรื่องที่มันสะดุ้งตกใจไม่ใช่เพราะหนังแต่เพราะ
ถูกลวนลามตอนหนังเข้ากลางๆ เรื่อง แถมยังรุกหนักจนบันไม่โอเคแล้วเลยลุกออกไปจากเก้าอี้แล้วอ้างว่าไปเข้าห้องน้ำ
และจุดที่แย่ที่สุดคือ...
“ทำไมมึงไม่พูด” ผมเค้นเสียงถามมัน แล้วจับไหล่เล็กๆ ดันให้นอนลงไปที่โซฟาแล้วก้มมองใบหน้าขาวๆ
จากมุมที่สูงกว่า
“แชร์... คือกูไม่อยากให้มีเรื่องกัน อยากให้มึง---”
“แล้วถ้ากูไม่ตามมึงไปจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ากูไปไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น” ผมถามต่อใช้น้ำเสียงแบบเดิม เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้
จนอีกฝ่ายไม่กล้ามองมาตรงๆ
บันบันหลบสายตา ริมฝีปากสีแดงเม้มแน่นก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“ขอโทษ” อืม เป็นคำสั้นๆ คำเดียว แต่ความหมายของคำๆ นั้นมากพอให้ผมอารมณ์เย็นลง ผมสอดมือของตัวเองไปใต้แผ่นหลังเล็กๆ
ของคนใต้ร่างก่อนออกแรงรั้งให้ยกขึ้นแล้วโอบไว้ ผมวางหน้าลงบนไหล่เล็กๆ นั่น
“บันบัน กูรักมึงมากนะ รักมากๆ เพราะงั้นกูจะไม่ยอมให้ใครมองมึงแบบที่กูมอง คุยกับมึงแบบที่กูคุย สัมผัสมึงแบบที่กูสัมผัส
รู้สึกกับมึงแบบที่กูรู้สึก...” “...” ฝ่ายที่เงียบไปไม่ได้ขัดขืนอะไร ผมเลยกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นไปอีก
“อย่ายอมให้ใครทำแบบนี้กับมึงนะ... บัน”“...แล้ว....”
“??”
“แล้วถ้าเป็นแม่กูล่ะ?”
“ถ้ากอดแบบนี้อ่ะได้ แต่.. ที่กูจะทำในขั้นต่อไป แม่มึงคงไม่ทำมั้ง...” ผมว่าแล้วยิ้มๆ คิดว่าตอนนี้บันบันคงจะทำหน้าเหวอ
อยู่แน่ๆ แต่ก็นะ...ผมเลื่อนหน้าเข้าหาซอกขาวๆ ก่อนจะลากลิ้นเลียช้าๆ ขึ้นไปจนถึงใบหู...
“.......”
ไม่แปลกใจหรอกครับที่อีกฝ่ายเงียบ เพราะว่าบันบันมันเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เวลามันโดนทำอะไรแบบนี้มันจะเงียบและ
หลับตา แปลกดี ที่มันไม่ส่งเสียงร้องอะไรออกมา และก็น่าเสียดายที่ผมก็พลอยไม่ได้ฟังเสียงครางของมันไปด้วย...
ผมขบใบหูที่เริ่มแดงนั่นเบาๆ ก่อนจะเลื่อนลงไปที่กระดูกไหปลาร้า แต่ก็ได้แค่นั้นล่ะครับ บันบันเป็นฝ่ายเลื่อนมือมาผลักผม
ให้ออกห่าง
คนตัวเล็กกว่ากระแอมไอเบาๆ แล้วจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย
“วันแม่ นัดแม่กับป๊าแชร์ไว้ตอนทุ่มครึ่งไม่ใช่เหรอ ไปสายโดนบ่นเอานะ” แน่นอนว่านี่เป็นประเด็นเบี่ยงเบนความสนใจ
แต่ก็ถือว่าเข้าท่าดีเหมือนกัน เพราะคำนวณเวลาคร่าวๆ แล้ว ตอนนี้ผมกับบันบันสมควรจะออกเดินทางได้แล้ว...
“บันบัน แชร์ยังไม่ยกโทษให้เลยนะ...” ผมแกล้งแหย่แล้วมองตามอีกฝ่ายที่ลุกออกจากโซฟาไปแล้ว
“อยากไปสายก็ตามใจ”
ผมจำต้องลุกจากโซฟาไปด้วย ในระหว่างที่กำลังเดินตามหลังอีกฝ่าย
“ไว้จะใช้คืนให้ ไปดูหนังด้วยกันอีกนะ” โอย คนบ้าอะไรน่ารักขนาดนี้...
ผมยิ้มก่อนจะจับข้อมืออีกฝ่ายให้หันมาหา ในจังหวะที่กำลังหันกลับมาก็ทาบริมฝีปากแล้วบกจูบแรงๆ ครู่หนึ่งแล้วถอนออก
“มัดจำ~”
แน่นอนว่าอีกฝ่ายโกรธจนเดินหนีผมไปไกลเลย... แต่ไม่เป็นไร ผมรู้ว่ามันโกรธได้ไม่นานหรอก
อืมมมม ว่าแต่.... คราวหน้าดูหนังเรื่องไรดีล่ะ?
-------------------ที่... (01) โรงหนัง2 (จบตอน)-----------------------เย้ ! สวัสดียามดึกค่า ตอนนี้ถือว่าเป็นตอนที่สองได้หรือเปล่านะ อ้ะ ตอนที่ 1 อยู่ล่ะนะคะ
เกิดเรื่องที่... (01) อยู่น้า แต่เป็นโรงหนัง2 ซึ่งจบตอนโรงหนัง รู้สึกว่าคงได้เจอกันอีกในตอนต่อไปค่า!
//หลังจากที่ผ่านสัปดาห์การปั่นงานมาได้ Orz ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ ^^
***แถมพิเศษ***
"บันบัน..."
"หืม?"
"พอกูมาลองคิดดูแล้ว..."
"??"
"ถ้าพี่คนนั้นแมร่งใช้กำลังขึ้นมากูคงช่วยอะไรมึงไม่ได้นะ"
"..."
"ก็พี่เข้าบึกขนาดนั้น สูงขนาดนั้น ตัวใหญ่ขนาดนั้น กูคงไม่ไหวอ่ะ กูไม่ใช่แบบไอ้ควีนมัน..."
"..."
"เพราะงั้นต่อจากนี้มึงต้องระวังตัวเองด้วยแล้วกันนะ!"++++++++++++++++++
เอวัง สรุปว่าถ้าไม่หนี แชร์ก็ไม่ไหวเหมือนกันนั่นล่ะ ลำบากหน่อยนะคะบันบัน เเชร์เขาบู๊ไม่เก่ง อิอิ
#แก้ไขคำผิดค่ะ