ตอนที่ ๒๘
ผมตื่นเช้ามาก็โดนคนที่นอนข้างๆแย่งผ้าห่มไปผมเกือบหมดผืนจึงลุกขึ้นไปปิดแอร์แล้วเปิดระเบียงให้อากาศระบายก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ ออกมาบอยก็ไม่อยู่บนเตียงแล้วแต่ได้ยินเสียงทีวีข้างนอกห้องเปิดอยู่
“ เราปลุกบอยหรือเปล่า นอนอิ่มไหม ”
“ อืม เราดีขึ้นแล้ว ”
“ ไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวออกไปหาอะไรกินแถวนี้กัน พอดีของในตู้เย็นมันหมด ”
บอยว่าง่ายเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำก่อนจะแต่งตัวออกมาใช้เวลาไม่เกินสิบห้านาที
“ กินอาหารตามสั่งแถวๆคอนโดแล้วกัน ” ผมเดินนำบอยลงลิฟต์มาชั้นล่างก่อนจะเดินไปกินข้าวแถวๆคอนโด
หลังจากสั่งอาหารกันเสร็จผมก็รินน้ำให้บอยและตัวเองก่อนที่บอยจะพูดขึ้นว่า
“ คิดถึงตอนที่เรายังเรียนด้วยกันนะ ตอนนั้นเย็นๆถ้าไม่ได้ทำกับข้าวเราก็จะมากินที่นี่ ”
ผมยิ้มให้บอยที่ดูท่าทางสภาพจิตใจจะดีขึ้นกว่าเมื่อวานนี้มาก “ ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันแล้วนี่ ”
“ บอยตัดสินใจแล้วนะบีน บอยว่าจะรอให้เด็กคลอดออกมาแล้วขอตรวจดีเอ็นเอ ถ้ามันไม่ตรงจริงๆตามที่เราคิดก็คงจะขอหย่า ” ลืมไปว่าบอยจดทะเบียนสมรสด้วยแฮะ
“ แล้วทางพ่อตาจะไม่ว่าอะไรหรอ ”
“ ไม่รู้สิ บอยจะลองสู้ดูสักครั้ง ยังไงมันก็เป็นความจริง ”
“ แล้วถ้าหย่าแล้วจะไปอยู่ไหนพ่อแม่บอยก็แก่แล้วนะ ”
“ พ่อแม่น่าจะอยู่ได้ บอยว่าจะกลับมาสมัครงานที่บริษัทคุณบิ๊กนี่แหละ บอยอยากให้บีนช่วยพูดให้หน่อยเพราะกลางๆปีบอยก็มาแล้ว บอยอยากกลับมาหาบีน ” บอยไม่พูดเปล่าแต่เอามือมากุมมือผมที่วางอยู่บนโต๊ะไว้
ผมค่อยๆดึงมือตัวเองออกมาจากมือบอย “ บอย ตอนนี้ระหว่างเรามันเป็นได้แค่เพื่อนนะ ” ระหว่างที่พูดแม่ค้าก็มาเสิร์ฟข้าวพอดี “ กินข้าวก่อนเถอะแล้วค่อยคุยกัน ”
“ บีน ” บอยเรียกผมทันทีที่เรากลับมาถึงห้อง
“ มาๆ มานั่งคุยกันก่อน ” ผมเรียกบอยให้ไปนั่งคุยที่โซฟา
“ บอยยอมรับว่าบอยทิ้งบีนไปแต่บีนให้โอกาสบอยได้กลับมาแก้ตัวอีกครั้งได้ไหม ขอแค่รอเราหน่อยสักห้าหกเดือน ” ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาที่อ้อนวอนของบอย
“ คงไม่ทันแล้วล่ะบอย ”
“ หมายความว่ายังไงบีน บีนมีคนอื่นแล้วหรอ มันเป็นใคร ” ดุท่าแล้วบอยก็น่าจะเดาออก
“ โอ๊ต ตอนนี้บีนคบกับโอ๊ต ” บอยหยุดนิ่งไปทันทีที่ผมเฉลยความจริงออกไป “ บอย ไม่ต้องเสียใจหรือตกใจหรือจะไปคิดว่ามันเป็นความผิดของใครหรอกนะ ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ”
“ คบกันมานานแล้วหรอ ”
“ จะสองเดือนแล้ว ”
บอยก้มหน้าลงมองพื้น ผมจึงเอื้อมมือไปจับที่ปลายคางให้เงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้บอย
“ ไม่ต้องเศร้า บอยคิดดีแล้วใช่ไหมที่จะกลับมาหรืออยากกลับมาเพราะว่าเรา ”
“ ก็มันไม่ใช่ลูกของบอย บอยเหมือนถูกหลอก ”
“ แล้วบอยจะปฏิเสธไหมว่าถ้าในท้องนั้นเป็นลูกของบอย บอยก็คงจะอยู่ที่หนองคายอย่างมีความสุข เราอยากให้บอยกลับไปที่นั่นนะเพราะมันอยู่ง่าย กลับมานี่มันลำบาก ไปอยู่ที่หนองคายดีไม่ดีบอยอาจได้สืบทอดกิจการของทางพ่อตาก็เป็นได้ เรื่องลูกมันไม่สำคัญหรอกถ้าเด็กเกิดมาแล้วเรียกเราว่าพ่อ บอยก็คือพ่อ ”
บอยพยักหน้าตามผมอย่างเนือยๆ “ บอยกลับไปนะ ไปคุยกับดาให้รู้เรื่อง คุยตอนที่คลอดก็ได้ถ้ากลัวทะเลาะกัน เราอยากให้บอยบอกไปว่าบอยรู้ความจริงหมดแล้วแต่บอยก็ยอมรับเด็กคนนั้นเป็นลูก แค่นี้ก็ยิ่งมีแต่ได้กับได้นะบอยเพราะทางนั้นเขาก็ดูรักและเอ็นดูบอย ”
น้ำตาจากการที่อัดอั้นตันใจของบอยไหลมาเต็มหน้าอย่างไม่ขาดสาย
“ เราเป็นห่วงบอยนะและหวังว่าบอยจะเข้าใจ ”
“ ขอบคุณมากนะบีน เอาเป็นว่าเราจะจองตั๋วกลับพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ไม่อยากรบกวนบีนนาน ”
“ สู้ๆนะบอย มีปัญหาอะไรก็โทรหาเรา คืนนี้ก็นอนที่นี่ต่ออีกคืนแล้วกัน ” ความใจดีของผมก็ลืมไปว่าบอกกับโอ๊ตไปว่าพรุ่งนี้จะกลับจากบ้าน ถ้าโอ๊ตเกิดดันมาหาที่คอนโดตั้งแต่เช้าล่ะ
ผมจึงรีบโทรไปหาโอ๊ตว่าจะกลับมาจากบ้านเย็นๆ ไม่อยากให้รถไฟชนกันโดยไม่มีเหตุจำเป็น
........................................................................................
ผมเดินลงมาส่งบอยขึ้นแท็กซี่ที่หน้าคอนโดตั้งแต่เก้าโมงเช้าเพราะบอยเองก็ดูอยากรีบกลับบ้านเมื่อได้รับคำแนะนำจากผม ผมมองบอยที่นั่งอยู่ในแท็กซี่ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป ตอนนี้เราอยู่ในสถานะเพื่อน ผมจึงกล้ามองบอยจากไปจนกว่าจะลับสายตา สักวันก็ต้องได้เจอกัน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว กลางเดือนธันวาคมอากาศในกรุงเทพก็หนาวได้ไม่กี่วัน ผมอยู่ในคอนโดกับโอ๊ตที่งอแงอ้อนผมให้ช่วยติวหนังสือให้ แต่ผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้เท่าไหร่เพราะมันสอบคนละแบบกันกับที่ผมเคยสอบมาจริงๆพูดง่ายๆรุ่นผมมันแก่แล้วบวกกับเด็กมันพัฒนาขึ้นเยอะมากๆครับ ข้อสงสัยหรือคำถามที่น้องมันไม่ได้ อันนี้มันก็เกินความสามารถผมและผมก็หาคำตอบให้น้องไม่ได้เช่นกัน
เกรดที่เห็นว่าได้เยอะขึ้นตอนเรียนด้วยกันตอนนี้โอ๊ตขึ้นมาติดหนึ่งในสิบของห้องแล้วนั่นมันคือสัญญาณที่ดีและมันก็ดีมากขึ้นไปอีกเมื่อโอ๊ตสอง GAT/PAT ไปเมื่อต้นเดือนก็เห็นบอกว่าทำได้นะ ผมจึงทำได้แค่เป็นกำลังใจให้กับการเตรียมสอบ ๗ วิชาสามัญในต้นปีหน้าก็คงพอ
ในส่วนของงานของผม คุณบิ๊กก็ให้ผมไปเป็นผู้ช่วยของเลขาแกอีกทีหนึ่งก็คือ พี่ปุ๋ย นั่นเอง งานก็ไม่หนักไม่เบามากแค่นั่งประจำออฟฟิศช่วยงานพี่ปุ๋ย ถ้าพี่ปุ๋ยไปข้างนอกกับคุณบิ๊กผมก็ต้องนั่งรับงานดูงานแทนทั้งสองที่ออฟฟิศ ผมสบายใจขึ้นนะได้ทำงานแบบจริงๆจังๆไม่ต้องปกปิดปลอมตัวให้เหนื่อยอีก
แต่บางวันนั่งทำงานก็ไม่วายมีเด็ก ม.๖ มานั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆไม่ก็มากวนผมทั้งๆที่เมื่อก่อนโอ๊ตไม่เห็นเข้ามาในออฟฟิศเลยจนผมโดนเพื่อนร่วมงานแผนกอื่นแซวกันเกือบทุกวันว่าเส้นใหญ่บ้างล่ะ หลานสะใภ้บริษัทบ้างล่ะ โดยหัวโจกในการมาแซวกันอย่างสนุกปากก็คือป่านนั่นเอง ตอนแรกก็อายๆหลังเฉยๆครับ มีแค่โอ๊ตที่โดนอาดุบ้างว่าอย่ามากวนบีนเขา
แต่ถึงที่สุดแล้วความตั้งใจในการเรียนของโอ๊ตก็ไม่สูญเปล่า โอ๊ตสอบได้ในคณะและสาขาบริหารธุรกิจบัณฑิตตามที่อยากเรียนแถมยังเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังด้วย ผมกับไบท์ อ๊อฟ ก็มาฉลองกันที่บ้านโอ๊ต คุณปู่คุณย่าท่านดีใจมากๆ เมื่องานเลี้ยงใกล้จะจบคุณบิ๊กจึงเรียกผมกับโอ๊ตไปนั่งคุยในห้องทำงานด้านบนของบ้าน
“ มาแล้วครับ ” ผมกับโอ๊ตเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณบิ๊ก
“ ที่เรียกมาคุยตอนนี้เพราะมีเรื่องอยากให้บีนทำนะ คือ ผมจะให้บีนหยุดทำงานไปก่อนนะเพราะมีหน้าที่อยากให้ทำ ”
“ ทำอะไรครับ ”
“ ผมอยากให้บีนไปเรียนต่อเกี่ยวกับบริหารธุรกิจเหมือนๆกับโอ๊ตนี่แหละ ต่อโท จะเรียนไหม ”
“ เอ่อ ” เอายังไงดี
“ เรียนเถอะบีน นะๆ เรียนไปด้วยกัน อาบิ๊กจะให้เราไปเรียนที่เดียวกันเลยจะให้บีนหยุดทำงานไปก่อน ”
โอ๊ตเองก็ช่วยอาโน้มน้าวจิตใจผมอีกคน แต่ถ้าเรียนก็ไม่เสียหายนะ มีความรู้ติดตัวเพิ่มขึ้นอีก
“ ได้ครับ ผมจะเรียน ”
“ เย้ๆ ” โอ๊ตกระโจนเข้ามากอดผมอย่างดีใจ
“ เฮ้ยๆใจเย็นโอ๊ต ” คุณบิ๊กเบรคหลานก่อนจะพูดต่อว่า “ เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวผมจะออกให้หมด แต่ถ้าไปเรียนกับโอ๊ตก็ขอฝากหลานผมไว้กับคุณเหมือนเดิมนะบีน ”
“ ได้ครับ ” ตายแล้ว ทำไมสองปีมานี้ผมโชคดีจังเลย
“ แล้วโอ๊ตไปอยู่กับบีนได้ไหมครับอาบิ๊ก ”
“ ไม่ได้ โอ๊ตก็อยู่บ้านนี่แหละ คิดถึงค่อยไปหากันเข้าใจไหม ยังไงในหนึ่งอาทิตย์ก็คงมีเรียนตรงกันอยู่หรอก”
“ ครับ ” โอ๊ตตอบไปอย่างเสียดาย ดีแล้วล่ะครับ แยกกันอยู่จะดูดีกว่าเพราะถ้าอยู่ด้วยกันคงเบื่อกันแน่ๆ
“ อีกเดือนโอ๊ตก็จะจบ ม.๖ แล้ว บีนก็เหลือเวลาทำงานอีกหนึ่งเดือนเหมือนกันนะ ระหว่างที่ปิดเทอมก็พักผ่อนให้เต็มที่แล้วกัน จะไปเที่ยวกันก็ได้แต่ต้องปลอดภัยนะ ”
วันนี้เป็นวันดีจริงๆครับ นอกจากโอ๊ตจะมีที่เรียนต่อแล้ว ผมก็จะได้เรียนต่อปริญญาโทด้วย มหาลัยเดียวกันอีกต่างหาก
“ นอนกันดีกว่าบีน มาๆมากอดกัน พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาเลือกที่เที่ยวตอนปิดเทอมกันโอเคไหม ”
ผมนอนหลับไปในอ้อมกอดของว่าที่นิสิตใหม่ป้ายแดง ต่อจากนี้ก็เป็นการเริ่มต้นในอีกเส้นทางแล้วสินะผมเองก็สัญญากับตัวเองว่าจะตั้งใจสอบเข้าเรียนแล้วก็จะตั้งใจเรียนให้จบไม่ให้คนส่งเรียนต้องผิดหวังเป็นอันขาด
...
ปลายหน้าหนาวและต้นฤดูร้อน ผมกับโอ๊ตนั่งศึกษาข้อมูลการเดินทางและวางแผนกันว่าจะไปเที่ยวอันไหนก่อนหลังดี ผมนั่งมองโอ๊ตที่ดูจริงจังกับการแบ็คแพ็คไปเที่ยวกันสองคนโดยเราตกลงกันว่าจะไปภาคเหนือกันก่อน ทั้งจังหวัดแพร่และน่าน ดูแล้วโอ๊ตดูจะตื่นเต้นกว่าผมอีกที่จะได้ออกผจญภัย
“ เราต้องจัดกระเป๋ากันนะบีน โอ๊ตไปอ่านมาในเน็ตแล้วต้องมี ยา แผนที่ ไฟฉาย มีดพกเอนกประสงค์ พวกของใช้ส่วนตัว ”
“ อย่างนั้นก็จัดกันเลย ขาดเหลืออะไรจะได้ไปหาซื้อตอนเย็น ”
การที่ผมกับโอ๊ตไปเที่ยวภาคเหนือครั้งนี้โดยผมก็แกล้งโง่ ทำเป็นไม่หาข้อมูลหรือไม่ค่อยได้แสดงบทบาทการเป็นผู้นำก็เพราะอยากเห็นโอ๊ตได้ฝึกในเรื่องการวางแผนการเป็นผู้นำศึกษาเส้นทาง มันเป็นการฝึกอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ให้เจ้าตัวนั้นรู้ตัวซึ่งก็ได้ผลออกมาดีมาก อีกทั้งโอ๊ตไม่เห็นจะบ่นจะเรื่องมากเหมือนสมัยแต่ก่อน กินนอนอยู่แบบวิถีชาวบ้านก็ยังได้ กลายเป็นผมเสียอีกที่บางครั้งต้องเดินแบ็คแพ็คไกลๆก็เป็นฝ่ายที่ขอหยุดพักเสียหรือไม่ก็อู้เสียเอง
“ ต่อไป ไปไหนดี ” ปลายเดือนมีนาหลังจากผมสอบภาษาอังกฤษเพื่อเอาคะแนนไปยื่นสมัครเรียนปริญญาโทเสร็จโอ๊ตก็ถามถึงการเดินทางของเราต่อ
“ ไปใกล้ๆนี่แหละโอ๊ตเมืองกาญไหมล่ะ ไปเที่ยวรถไฟสายมรณะ ช่องเขาขาดอะไรแบบนี้ ได้ความรู้ด้วย ”
“ เออดีๆ ครั้งนี้จะชวนไบท์ไปด้วยแล้วกัน เสียดายไอ้อ๊อฟว่ะแต่ก็หมั่นไส้มัน มันหนีไปเที่ยวกับญาติมันที่สิงคโปร์โน่น ”
ครั้งนี้ไปเที่ยวกาญจนบุรีสามสี่วันก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งและผมก็ยังเป็นตัวถ่วงเด็กอีกสองคนเหมือนเดิมในการที่ต้องเดินไกลๆ นี่กลับมาครั้งนี้ต้องออกกำลังกายให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงเหมือนตอนที่เรียนป.ตรีเสียแล้ว
“ นี่ถ้าไม่ได้ลุงชัยไปรับมาผมก็ไม่รู้ว่าจะออกมาจากซอยหน้าบ้านผมยังไงเหมือนกันครับ รถก็ไม่ค่อยมี เดินไปอีกนิดก็คงเปียก ” ลุงชัยแกรับคำสั่งจากโอ๊ตว่าให้ไปรับผมจากบ้านที่นนท์ให้ไปส่งที่คอนโดซึ่งโอ๊ตก็ไปรอผมที่คอนโดอยู่แล้ว
“ ไปเล่นเถอะนะๆบีน ”
“ แล้วถ้าไปเจอเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันล่ะโอ๊ต ”
“ ก็ไม่เห็นยาก ก็บอกว่ากลับมาเที่ยวกรุงเทพก็แค่นั้น ”
โอ๊ตยังไม่หยุดอ้อนให้ผมไปเล่นสงกรานต์ด้วยตั้งแต่ก่อนผมกลับไปบ้านเมื่ออาทิตย์ก่อน กลับมาที่คอนโดก็ยังตามตื้ออยู่
“ ไม่เอา ไม่อยากเปียก ” ผมตอบออกไปก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว
โอ๊ตก็เดินตามก้นผมมา “ ถ้าไม่ไปเดี๋ยวโอ๊ตโดนสาวที่ไหนดึงไปปะแป้งหรือดึงไปกอดไม่รู้ด้วยนะบีน ” จริงด้วยสิ เด็กสมัยนี้ยิ่งกล้าๆกันอยู่
“ อย่างนั้นก็ไป โอเคไหม ” ผมรีบตอบกลับไปทันทีที่คิดได้
“ เย้ๆ ”
“ เออ บีนเปลี่ยนชุดก่อน ”
ผมเปลี่ยนใส่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นแทนกางเกงในก่อนจะใส่กางเกงผ้าขาสั้นทับอีกรอบ แบบนี้ค่อยไม่คันไม่ชื้นเวลาเปียกน้ำนานๆ เรื่องอุปกรณ์เล่นน้ำไม่ต้องห่วงครับทางโอ๊ตเตรียมปีนฉีดน้ำมากดดันผมให้ไปด้วยตั้งแต่แรกแล้ว
“ แล้วจะไปกี่โมงล่ะ นี่พึ่งสิบเอ็ดโมงเอง ”
“ เถอะน่าบีนไปเล่นที่ข้าวสารก่อนแล้วกัน มีถุงใส่มือถือแล้วใช่ไหม ”
“ เออจริงไม่มี เดี๋ยวค่อยไปซื้อ ”
เราไปเล่นน้ำที่ถนนข้าวสารกันก่อน เดินๆฉีดน้ำใส่คนโน้นคนนี้ไปเรื่อยๆก็เย็นและสนุกดีครับ ส่วนโอ๊ตนั้นจะเป็นที่สนใจของสาวๆเป็นพิเศษถึงผมจะคิดว่าดูไปดูมาโอ๊ตก็ไม่ได้หล่ออะไรเหมือนสมัยที่เจอกันครั้งแรกๆก็ตาม
“ หาอะไรกินกันบีนหิวแล้ว ”
“ กี่โมงแล้วล่ะ ”
“ บ่ายโมง อย่างนั้นไปกินไก่กัน กินเสร็จแล้วไปเล่นที่สีลมแล้วกัน ”
การเล่นสงกรานต์ก็เหมือนการผจญภัยในฝูงชนขนาดใหญ่ครับ ไปสองคนนี่กลัวหลงกันมากจนบางครั้งต้องจับมือกันไว้ บางคนก็มองเราด้วยสายตาแปลกๆไม่ก็มองยิ้มๆ เอาจริงๆก็อายนะเพราะเวลามีแฟนผมไม่ค่อยชอบจูงมือกันเท่าไหร่
หลุด
ในที่สุดตรงสีลมมันเบียดเสียดกันมากจนมือเราหลุดจากกันครับ ผมจึงเดินออกมาตรงข้างทางมองดูโอ๊ตที่ไหลไปกับผู้คน รอสักพักคงโทรมา
“ เดี๋ยวบีนรออยู่หน้าซอยแล้วกันโอ๊ต ” ผมรับสายโอ๊ตก่อนจะเดินย้อนกลับไปยืนรอใกล้ๆหน้าซอย
“ มาคนเดียวหรอครับน้องหรือว่าหลงกับเพื่อน ” ผมหันไปทางพี่ผู้ชายสองสามคนที่นั่งกินเบียร์อยู่ตรงเก้าอี้ทางเดิน ท่าทางคงจะเมานิดๆ ด้วยความที่ไม่อยากพูดกับคนแปลกหน้าและกลัว ผมเลยยิ้มๆแล้วจะเดินเลี่ยงออกแต่โดนหนึ่งในนั้นลุกขึ้นมาดึงแขนไว้เสียก่อน
“ จะไปไหนครับถามไม่ตอบ มากินเบียร์กับพี่ก่อนเร็ว ” นี่ไม่ใช่ดึงแขนแล้วครับเรียกว่าลากมากกว่า พี่ผู้ชายกอดอกผมด้วยแขนข้างเดียวจากข้างหลังแล้วดึงผมไปนั่งตักตัวเองที่เก้าอี้ก่อนจะขยำนมผมแรงๆหนึ่งที
“ ปล่อยก่อนพี่ ผมรอเพื่อนผมอยู่ ”
“ มาให้หอมแก้มก่อนนะมาๆ ” ฟอด หอมไปแล้วหนึ่งที “ ท่าทางอ้อนแอ้นแบบนี้มีจู๋ไหมนี่ มึงลองจับดูซิ ” ไม่นะมันบอกให้เพื่อนเอื้อมมือมาจับที่เป้าผมแต่ผมยังคงมีบุญอยู่เมื่อมีเสียงทักขึ้นมาก่อน
“ ไอ้ตี๋ มึงทำอะไร ”
“ อ้าว สวัสดีครับพี่กฤช ”
“ มึงปล่อยน้องเขาก่อนสิวะ กูรู้จักน้องเขา ” พี่กฤชจริงๆไม่ได้เจอกันนานอยู่นะ พี่แกมากับเพื่อนอีกสามสี่คนท่าทางดูมีอำนาจถึงกล้าสั่งพี่พวกนี้ได้
“ ปล่อยแล้วครับพี่ ”
“ แล้วมึงไปทำเหี้ยอะไรน้องเขาวะ ”
“ ก็ผมเห็นน้องมันน่ารักดีเลยอยากแกล้งเสียหน่อยก็แค่นั้นเองพี่ ขอโทษครับ ”
ท่าทางพี่ผู้ชายที่ชื่อตี๋คงกลัวพี่กฤชเอามากๆ
“ ลูกน้องเก่าพี่เอง ขอโทษด้วยนะบีน ” เป็นหัวหน้าฟิตเนสนี่มีอำนาจขนาดนี้เลยหรอวะ
“ ขอบคุณครับ ”
ผมยกมือไหว้ก่อนจะหันหน้าไปมองดูโอ๊ตว่าออกมาหรือยัง นั่นไงเดินมาพอดีอยู่ห่างๆไปประมาณ๑๐๐เมตร โอ๊ตมองมาทางผมแล้ววิ่งเหยาะๆมาก่อนที่ผมจะโดนพี่กฤชดึงตัวไปกอดคอแล้วขู่กับลูกน้องเก่าอีกว่า
“ คนนี้เด็กกู เห็นที่ไหนก็ห้ามยุ่ง เข้าใจตรงกัน ” พี่กฤชพูดออกมาอย่างไม่เกรงกลัวใคร เสียงดังฟังชัด นี่มันนักเลงขึ้นมากเลยนะนี่ไม่เหมือนสมัยก่อนเลย
“ บีนไปก่อนนะพี่ ” ผมบอกพี่กฤชแค่นั้นก็วิ่งไปหาโอ๊ตที่หยุดยืนห่างจากผมไม่ไกล หวังว่าคงจะไม่ได้ยินนะว่าใครเป็นเด็กใคร
“ โอ๊ต คือ เราเจอคนรู้จักน่ะเลยคุยกันนิดหน่อย ป่ะ ”
โอ๊ตมองหน้าผมนิ่ง เหมือนจะโกรธอะไรสักอย่าง
“ กลับ เรามีเรื่องต้องคุยกันนะบีน ” กำข้อมือผมแน่นแล้วพาเดินออกไปขึ้นรถกลับคอนโด
เฮ้ย นี่โอ๊ตจะไปเข้าใจผิดเรื่องที่ผมเป็นเด็กพี่กฤชไม่ได้นะ จะว่าไปก็ไม่กล้าอธิบายหรอกครับหน้าโอ๊ตตอนนี้จะกินผมไปทั้งคนก็ยังได้ หน้าโหดเย็นชาสุดๆ ถึงคอนโดค่อยพูดกันดีๆจะดีกว่า
.........................................................................................
บีนมาแล้วพร้อมเคลียร์ปัญหาชีวิตให้บอย ได้เรียนต่อโทอีกแต่ก็ยังไม่วายมีปัญหาเล็กๆน้อยๆเข้ามาอีก
อย่างนี้แหละนะคนเป็นแฟนกัน ฮ่าๆ
วันนี้มาไม่ดึกมาก ไม่ดึกสำหรับเรานะ ยังไงก็ขอบคุณที่คอยติดตามกันมาตลอดนะครับ เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วนะครับ
ฝากเม้นแสดงความคิดเห็นกันได้เลยเดี๋ยวเราจะมาตอบกลับ คืนนี้ฝันดีครับ ส่วนเราแอบไปอ่านนิยายคนอื่นต่อก่อนแล้วกัน จุ๊บๆ