ตอนที่ 08
กุญแจมือช่วยได้
กริ๊งก่อง!
กดกริ่งไม่นานประตูหน้าบ้านก็เปิดออกด้วยหญิงวัยกลางคนที่ยังเห็นถึงเค้าลางของความสวยเมื่อครั้งอดีต ผมยกมือไหว้ก่อนจะถูกเชิญเข้าไปข้างในตัวบ้าน
จากประตูรั้วเดินอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงที่จอดรถและข้างๆกันคือประตูบ้านบานพอประมาณ เงยหน้าขึ้นมองชั้นบนก็เห็นหน้าต่างของห้องเต้พอดีและคิดว่าอีกคนคงยังไม่ตื่นนอนเพราะยังเช้าอยู่มาก
“หนูพีมมาเช้าจังนะ เต้กับตาลยังไม่ตื่นเลยเนี่ย ไม่ไหวๆลูกสองคนนี้” เธอสายหน้าไปมา
“ไม่ต้องว่าพวกเขาหรอกครับคุณแม่ ผมไม่ได้นัดเวลาให้แน่นอนเอง”
“จ้าๆ งั้นหนูไปปลุกเต้ให้แม่หน่อยนะจะได้ลงมากินข้าวพร้อมกัน”
ยกมือไหว้อีกครั้งเพราะเห็นพ่อของเต้เดินลงบันได้มา แม้สายตาของอีกฝ่ายจะจ้องเขม็งมองมาอย่างไม่ค่อยพอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากแค่พยักหน้าให้แล้วเดินเลี่ยงไปที่ห้องนั่งเล่น ผมก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะที่ท่านเป็นแบบนั้นด้วยนิสัยบางส่วนที่เหมือนเต้จะลอกแบบมาก็พอจะทำให้สนิทใจกับท่านมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นฝ่ายผมคนเดียวก็ตาม
ก๊อกๆ
ผมยืนเคาะห้องอยู่นานแต่เสียงจากข้างในก็ยังคงเงียบกริบ ทักทายน้องตาลที่เดินผ่านไปก่อนจะเคาะอีกสองสามทีแต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากเจ้าของห้อง เต้ออกจะเป็นคนขี้รำคาญถ้าหากว่าผมเคาะนานขนาดนี้เขาต้องออกมาต่อว่าแน่ๆแต่นี่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนชักรู้สึกแปลกๆ เมื่อตัดสินใจได้ผมจึงหยิบกุญแจสำรองที่มีไขเข้าไป
ข้างในไม่มีอะไรนอกจากเตียงยัยย่นที่ลองจับดูแล้วเย็นจัดเนื่องจากแอร์ที่เปิดทิ้งไว้ ไร้วี่แววของเจ้าของห้องและกระเป๋าเสื้อผ้าที่ผมนั่งมองเขาจัดการเมื่อวานนี้
“คิดจะเล่นอะไรกันครับ”
สิ่งที่เตรียมไว้นานแล้วแต่พึ่งได้ใช้ถูกควักออกมาจากกระเป๋ากางเกง โทรศัพท์สีขาวที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปแอปเปิ้ลที่เห็นได้ทั่วไปแต่นั่นไม่ได้หมายความถึงสิ่งที่ผมบอก โปรแกรมพิเศษที่ผมกำลังเปิดนี่ต่างหากที่ให้พี่เตรียมให้เมื่อสามเดือนก่อน
หอพักเก่าๆสูงเพียงสองชั้นไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนั่นคือที่ๆผมอยู่ตอนนี้
ผมกำลังตามหาคนๆหนึ่งที่หนีหายไปเมื่อห้าวันก่อน ในวันที่ผมไปรับเพื่อนำของใช้ส่วนตัวมาเก็บไว้ในคอนโดที่พึ่งซื้อใหม่เพื่อเขาโดยเฉพาะ ออกจะเป็นการลงทุนที่มากไปหน่อยแต่การมีสองห้องนอนคงจะดีกับอีกคนมากกว่า
แต่เขาหนีไป!
รออีกคนอยู่นานจนต้องไปตามที่ห้อง เคาะอยู่แบบนั้นจนสุดท้ายก็เลยใช้กุญแจที่เคยได้มาเปิดเข้าไป
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมแต่สิ่งที่หายไปคือกระเป๋าใบโตที่วางไว้ปลายเตียงและไม่มีใครอยู่ในห้อง แม้ว่าผมจะเดาเอาไว้แล้วว่าอีกคนไม่น่าจะยอมไปกับผมง่ายๆแบบนั้นก็เถอะแต่นี่ก็เกินความคาดหมายไปนิดหน่อย
แต่ใช่ว่าผมจะตามตัวเขาไม่เจอ...
วิธีที่จะทำให้คนผิดเข็ดหลาบที่สุดคือการปล่อยให้ได้ใจไปก่อนแล้วมอบจุดจบให้ในวันที่คิดว่าตัวเองรอดพ้นแล้ว
สิ่งที่ทำได้ในตอนนั้นคือรอ... แล้วเตรียมของที่คิดว่าจะต้องใช้เพื่อรับมือกับความเกรี้ยวกราดที่จะแสดงออกมาของอีกคนหนึ่ง ซึ่งมันก็น่าสนุกดีไม่น้อยเลยทีเดียว
ความไม่พอใจคือความรู้สึกส่วนหนึ่งแต่รอยยิ้มที่แต้มริมฝีปากก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกส่วนหนึ่งกำลังสนุกไปกับมัน ผมเคยบอกใช่ไหมว่าเขาเหมือนสิงโต เขาแข็งแกร่ง เขาพยศ แต่ถึงแม้จะมีศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่เพียงใดแต่สิงโตตัวนี้ก็ยังเล็ก การเลี้ยงให้เชื่องก็ควรจะทำแต่เนิ่นๆเช่นกัน
ติ๊ดๆ!
จุดสัญญาณสีแดงในโทรศัพท์กระพริบถี่นั่นหมายถึงอีกคนกำลังใกล้เข้ามาทำให้ต้องแอบหลบหลังต้นไม้ใหญ่หน้าหอพักนั้น
สร้อยข้อมือที่ผมให้ไปไม่ใช่แค่เพื่อระบุความเป็นเจ้าของ ในแผ่นโลหะสลักชื่อมีเครื่องติดตามเล็กๆอยู่ด้วยซึ่งไม่ได้ยากเย็นอะไรที่จะทำเพราะมีพี่เป็นเจ้าพ่อทางด้านเทคโนโลยีแบบนี้ อยากจะขอบคุณกิจการที่พ่อแม่สร้างขึ้นมาก็ตอนนี้นี่แหละ
เห็นเต้เดินผิวปากขึ้นบันไดไปชั้นที่สองก็แอบย่องตามไปเงียบๆข้างหลัง จากที่สำรวจเมื่อสักครู่ก่อนหน้าดูเหมือนว่าถึงแม้ที่นี่จะเก่ามากแล้วแต่ผนังก็หนาพอที่จะเก็บเสียงทั้งจากภายนอกและภายใน
ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้วจริงไหม หึหึ...
เขาเปิดประตูเข้าห้องตัวเองแต่ไม่เห็นผมแม้ว่าจะอยู่ข้างๆก็ตาม อาจจะเพราะกำลังก้มลงพิมพ์ตอบอะไรสักอย่างในโทรศัพท์อยู่จึงไม่ได้สังเกตรอบข้างมากนัก
เต้เดินเข้าประตูไปและก่อนที่จะได้ปิดประตูผมใช้มือดันเอาไว้ก่อน อีกฝ่ายชะงักแล้วเงยหน้ามามอง ออกจะเป็นภาพที่ตลกอยู่สักหน่อยเมื่อเห็นเขาทำตาโตด้วยความตกใจแบบนั้นแต่ก็ไม่นานนักก่อนตาคมสวยนั้นจะเปลี่ยนเป็นขวาง
“ปล่อยดิ” เขาดันประตูมาทางผมเพื่อจะปิดแต่มีเหรอที่ผมจะยอมง่ายๆ
“ผมเอาของมาฝากจะไล่กันแบบนี้ได้ยังไงครับ” พูดแล้วก็ชูถุงกระดาษสีเขียวให้ดู
“กูไม่ได้ขอร้อง มึงเอาของมึงกลับไปเถอะ!”
“คนกันเองน่า อย่าใจร้ายกับผมแบบนี้สิ”
ผมผลักประตูเข้าไปอย่างแรงจนอีกฝ่ายต้องขยับถอยหลังเพราะต้านไม่อยู่ อีกทั้งเขาใช้มือข้างเดียวดันประตูเอาไว้เพราะอีกข้างยังคงถือโทรศัพท์อยู่ หลังจากนั้นผมก็เข้าไปข้างในจนได้แล้วทำการปิดประตูเองแล้วล็อก มองดูเต้ที่นิ่วหน้าอย่างไม่พอใจก่อนจะกดรับสายที่พึ่งโทรเข้ามาแล้วเดินเข้าไปข้างใน
“เปล่าครับ ... ผมไปเข้าห้องน้ำมาครับ ... ไม่มีอะไรจริงๆน่า ... อืม...”
ปล่อยให้เจ้าของห้องคุยสายกับคนที่โทรเข้ามาและคาดได้ว่าคงเป็นผู้หญิงถึงได้สุภาพแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ลดดีกรีการกระชากเสียงหน่อยๆตามแบบฉบับของเจ้าตัว
ห้องขนาดไม่ใหญ่มากมีห้องน้ำในตัวเตียงห้าฟุตตู้เย็นและตู้เสื้อผ้า ไม่มีแม้กระทั่งโต๊ะที่จะใช้เขียนหนังสือ ผมเดาไม่ออกจริงๆว่าถ้าให้เขาอยู่ที่นี่เขาจะตั้งใจเรียนได้จริงหรือเปล่าแล้วดูเหมือนว่าจะมีสถานบันเทิงที่ไม่ไกลอีกแห่งด้วย ปกติแล้วการเรียนของเจ้าตัวก็ไม่ได้ดีนักเพราะแม่ของเขาชอบพูดให้ฟังเสมอ และนั่นเป็นเหตุผลที่เธออยากให้เขาเองไปอยู่คอนโดเดียวกันกับผมเพื่อให้ช่วยดูแล
เต้หนีบโทรศัพท์ไว้ระหว่างหูกับไหล่ก่อนจะเปิดตู้เย็นเอาขวดน้ำออกมาเทใส่แก้วที่ตั้งอยู่บนตัวตู้เย็นช้าๆ เห็นแล้วก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้นี่ขนาดว่ามีผมอยู่ด้วยทั้งคนยังสนแต่จะคุยกับผู้หญิงอยู่
“เฮ้ย!” เต้ร้องลั่นแล้วมองโทรศัพท์ที่ไปนอนอยู่ในแก้วน้ำ
ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่ตกใจ ผมเองก็ตกใจมากไม่ต่างกัน...
ผมมักจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีเพราะถูกฝึกมาตั้งแต่เล็กเนื่องจากเกิดจากครอบครัวที่ต้องใช้มารยาททางสังคมบ่อยครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะแสดงออกว่ารู้สึกอะไรนอกจากยิ้มให้ทั้งๆที่ข้างในร้อนเป็นไฟ ส่วนนี่ก็แค่เรื่องการโทรศัพท์ที่ออกจะผิดกาลเทศะเล็กน้อยเท่านั้นแต่ทำไม...
นั่นสิ ทำไม...
“มึงจะมากไปแล้วนะ”
ผลัก!
เต้พูดแล้วผลักอกผมจนเซ มือข้างที่หิ้วถุงกระดาษชนเข้ากับขอบตู้จนเจ็บแปรบทำให้ต้องปล่อยมือให้ถุงหล่นลงพื้น จากนั้นตามมาด้วยหมัดที่พุ่งตรงมาข้างแก้มแต่ผมรู้ทันก็เลยใช้มือรับไว้ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป็นมืออีกข้างที่ยังว่างสวนกลับมาบ้าง พยายามหลบหลีกแต่ก็โดนไปเฉียดๆคิ้วทีนึงจนชาหนึบก่อนจะหลบหมัดที่เตรียมจะเสยปลายคางอีกครั้งได้อย่างเฉียดฉิว
ยอมรับว่าผมมีแรงมากกว่าแต่ที่เห็นจะต่างคงเป็นประสบการณ์การต่อสู้ล่ะนะ
ผมยอมรับว่าแพ้ครับ ...ประสบการณ์มันผิดกัน
แต่ก็ใช่ว่าผมจะไร้ฝีมือซะทีเดียวแต่ก็ไม่อยากทำร้ายอีกฝ่ายอยู่ดี
ผัวะ!
อีกหนึ่งหมัดที่ผมโดนเต็มๆข้างแก้มแต่ครั้งนี้ตั้งใจให้โดนเองก็เลยกัดฟันไว้ไม่ให้กระทบกระพุ้งแก้มมากนักและกะจังหวะไม่ให้โดนมุมปาก ความแม่นยำในการกะจังหวะนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ ผมเรียนยิงปืนมาแบบหนักหน่วงพอสมควรแค่นี้ไม่ยากเท่าไหร่
แอบเห็นรอยยิ้มสะใจเมื่อผมโดนหมัดของเขาและนั่นทำให้เขาชะล่าใจ!
ในห้องแคบๆสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการกังวลว่าแขนขาจะไปโดนสิ่งที่อยู่โดยรอบ และนั่นเขาก็คงจะลืมอีกอย่างที่อยู่ข้างหลังเพราะไม่คิดว่าสิ่งนั้นจะเป็นตัวกำหนดชัยชนะ
“เฮ้ย!”
ตุบ!
ผมขยับเข้าไปหาด้วยท่าตั้งหมัดจะชกคืนทำให้อีกคนถอยหลังจนสะดุดกับเตียงแล้วหงายหลังล้มลง ต้องที่นี่ถึงจะเป็นสนามต่อสู้ของผม!
ผมก้าวเข้าไปหาโดยที่อีกคนยังไม่หายตกใจเมื่อเห็นแบบนั้นเขาจึงขยับเข้าไปใกล้หัวเตียงเหมือนที่ผมหมายตาไว้พอดิบพอดี เมื่อผมหยุดข้างเตียงอีกคนก็หยุดตาม จ้องตากันแบบนั้นอยู่นานสายตาของเขาก็ยิ่งจ้องผมด้วยความหวาดระแวง
ตอนอยู่บนเตียงนี่ต่างกับเมื่อกี้เป็นคนละคน!
หมับ!
“เชี่ย! แบบนี้กูไม่เล่นด้วยนะเฮ้ย!” เต้โวยวายแล้วผลักผมออกห่างแต่ผมบอกแล้วนะว่าถ้าแค่เรื่องกำลังกายผมเป็นต่อ
“นี่... มาเล่นกันเถอะ หึหึ”
“เล่นไรวะกูไม่เล่น” เต้พยายามจะขืนตัวออกแต่ผมก็กดน้ำหนักทั้งหมดลงไปทับบนตัวเขา จับมือข้างขวาที่เขาจะชกใส่อีกครั้งยกขึ้นเหนือหัวแล้วก้มลงไปใกล้
“มาเล่นกันน่า”
“มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอไงเนี่ย” มองมาตาขวางเชียว น่ารักจริงๆ หึหึ
“ผมก็พูดภาษาคนครับ เรามาเล่นโซ่กันเถอะ!” ผมชูของที่อยู่ในมือข้างที่ว่างให้ดู แอบหยิบจากถุงเมื่อครู่นี้เอง
กริ๊ก!
ไม่ต้องรอให้อีกคนตั้งตัวทันผมก็รีบล็อกแขนข้างหนึ่งของเขาไว้กับซี่เหล็กบนหัวเตียง ผมชักจะชอบห้องพักที่นี่ขึ้นมาจริงๆเสียแล้วล่ะ
เห็นเต้สบถพร้อมกับดึงข้อมือออกจากสิ่งที่กำลังจองจำ หวา... ลูกสิงโตของผม
“มึงจะทำอะไรอีกเนี่ย แล้วนี่เชี่ยไรล่ะ บ้านกูเขาเรียกกุญแจมือเถอะสัด! โซ่บ้านมึงห่วงใหญ่แบบนี้เหรอไง ไปเอาของแบบนี้มาจากไหนวะ” เขามองผมด้วยความระแวงผมก็เลยเดินไปหยิบถุงกระดาษสีเขียวที่เอามาให้เมื่อกี้ชูขึ้นให้เขาดู
“ของเล่นนิดหน่อยครับ ฝากพี่ซื้อมาจากญี่ปุ่น”
“เชี่ย! มีอะไรมั่งวะกูไม่เล่นกับมึงหรอกนะ!”
“ผมว่าคุณไม่อยากรู้หรอก หึหึ”
“ปล่อยกูนะมึง!”
“ถ้าปล่อยคุณก็ชกผมอีกสิครับ”
“ไม่ปล่อยกูก็จัดการมึงได้” เขาพูดแล้วพยายามจะถีบผมออกไปผมก็เลยจับขาเขาไว้ก่อนจะยื้อยุดอยู่นาน พออีกฝ่ายเผลอก็แทรกตัวเข้าไปตรงกลางระหว่างขาสองข้าง
ท่าทางล่อแหลมไม่เบา...
“ไม่รู้จักจำเลยนะครับว่าครั้งก่อนคุณก็พยายามจะถีบผมแบบนี้แต่ก็ไม่ได้ผล”
“แล้ว... แล้วมึงหากูเจอได้ยังไงวะ” เหมือนอีกคนจะพยายามเปลี่ยนเรื่อง เห็นอีกฝ่ายตกเป็นเบี่ยล่างแบบนี้ทำไมผมมีความรู้สึกว่ามีความสุขจังนะ
คำถามที่เขาถามผมไม่ได้ตอบไปหรอกครับแค่ยิ้มให้กว้างกว่าเดิมไปแค่นั้น เขาดูจะไม่พอใจมากเมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ผมคิดว่าเขากำลังถ่วงเวลาอยู่แต่ไม่รู้ทำไปเพื่ออะไรในเมื่อผมไม่คิดว่าเขาจะรอดอยู่แล้ว
“เอาแบบนี้ดีกว่า... ผมจะให้กุญแจกับคุณแต่ต้องสัญญากับผมเรื่องหนึ่งก่อน ตกลงไหมครับ”
“พูดอย่างกับกูมีสิทธิเลือกงั้นแหละ”
“งั้นเป็นอันว่าตกลงนะครับ เรื่องง่ายๆแค่ยอมเป็นแฟนกับผมจริงๆ อย่ามองแบบนั้นครับ ตอนนี้คุณจะมาอ้างว่าเมาไม่ได้แล้วนะ” ต้องดักทางไว้ก่อนเมื่อเห็นอีกคนเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แต่พอผมพูดไปคิ้วเขาก็ขวมดเป็นปม ผมว่าผมทำถูกแล้วล่ะ
“ไม่มีทาง!”
“งั้นกุญแจดอกนี้ก็ไม่จำเป็น” ผมชูกุญแจสีเงินดอกเล็กให้ดูเขาก็พยายามจะใช้มืออีกข้างมาคว้าไว้แต่เรื่องอะไรจะให้ไปง่ายๆแบบนั้นกันล่ะ
“กูเป็นผู้ชายนะสัด”
“แต่เป็นแฟนผมด้วยไง”
“มึงเข้าใจความหมายที่ตัวเองพูดออกมาหรือเปล่าเนี่ย” เขาพูดออกมาแบบนั้นแล้วก็ยิ้มมีเลสนัยมาให้ คิดอะไรพิเรนอีกล่ะสิท่า
“มีอะไรครับ”
“กูยอมเป็นแฟนมึงก็ได้แต่มีข้อแม้ ถ้ามึงทำได้กูยอมเป็นแต่ถ้าทำไม่ได้มึงก็ไม่สมควรได้รับคำนั้น”
“อืม... ก็ได้ครับลองว่ามาสิ”
“ให้มึงเลิกยุ่งกับคนที่ควงด้วยตอนนี้ทั้งหมด กูรู้หรอกว่ามึงไม่ได้มีคนเดียวอย่ามายิ้ม! แล้วตอนเป็นแฟนกูเนี่ยห้ามมีคนอื่นอีกไม่งั้นเลิกทันที พอดีถ้ากูมีแฟนทุกทีกูรักเดียวใจเดียวตลอดน่ะนะ แฟนกูก็ต้องเป็นแบบนั้นเหมือนกัน” เป็นคำขอที่ดูยุ่งยากดีแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับผมเท่าไหร่
ช่วงที่เริ่มรู้จักกับเต้ผมเพลาๆการควงคนนั้นคนนี้ลงบ้างแล้ว ก็คงจะเบื่อด้วยส่วนหนึ่งล่ะ แต่ประเด็นสำคัญคือทุกครั้งที่ผมจะไปกับคนอื่นหน้าของเขาจะลอยมาให้คิดถึงตลอด อีกอย่างผมก็อยากลองมีแฟนแบบจริงๆจังๆบ้าง
เต้ยิ้มทันทีเมื่อผมเงียบไป เขาคงคิดว่าผมทำไม่ได้แน่ๆก็เลยขมวดคิ้วให้อีกคนดูและดูเหมือนว่าเต้จะยิ้มกว้างขึ้นไปอีก ติดกับง่ายจริงๆ แต่เดี๋ยวนายพรานคนนี้จะเอากับดักออกแล้วรับเลี้ยงลูกสิงโตกินจุตัวนี้เอง
“ก็ได้ครับ” ผมพูดแล้วยิ้มกว้างให้
ดูอีกฝ่ายที่หน้าตาเหลอหลาขึ้นมากับบุคลิกที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของผมแต่ก็เพียงไม่นานเพราะดูเขาจะเตรียมรับมือไว้แล้วเหมือนกัน
“แล้วจะให้กูแน่ใจได้ยังไงล่ะ” พูดแล้วยักคิ้วข้างเดียวใส่ผม
หน้าหมั่นเขี้ยวจริงๆเลย แถมน่ารักสุดๆ
เต้สูงนั่นก็ใช่ ตัวโตหรือก็ถูกอีกอาจจะเพราะความสูงนั่นแหละที่ทำให้ดูเหมือนเป็นแบบนั้น เขาเคยบอกว่าพอผมใส่เสื้อแล้วจะดูตัวเล็กลงแต่นั่นก็ไม่ต่างจากเขาหรอกที่ใส่เสื้อแล้วดูตัวใหญ่ขึ้น
เขามีกล้ามเนื้อบ้างจากการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาผมก็ไม่แน่ใจแต่ก็ไม่ได้มีมากมายจนแข็งเป็นก้อน ก็รูปร่างแบบคนแข็งแรงทั่วไป ไหล่ตรง เอวสอบ ตัวบางหน่อยแต่กล้ามเนื้อที่มีก็พอกลบเกลื่อนกันไปได้ ส่วนลุคการแต่งตัวก็ช่วยเสริมให้มีราศีของความเข้มแข็งมากขึ้นไปอีก
แต่เขาก็ยังน่ามองในสายตาผมอยู่ดี
ผมนี่ชักจะเป็นหนักแล้วจริงๆ คิดว่าคงอีกไม่นานที่คำว่าชอบจะเปลี่ยนเป็นคำว่ารักสักที
“จะให้แน่ใจได้ยังไงน่ะเหรอ... ” ผมพูดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์ต่อหน้าเขา
“อะไร” ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เขาจะส่งสัยในสิ่งที่ผมส่งให้ดู รายชื่อคนสี่คนที่ถูกแมมไว้ในรายการพิเศษ
“ตอนนี้คนที่ผมไปมาหาสู่บ่อยๆมีแค่สี่คนนี้ พวกเขารู้ว่าผมเป็นยังไงและรับได้ แต่ถ้าคุณจะให้ผมเปลี่ยนผมก็พร้อมที่จะเปลี่ยน เพื่อให้แน่ใจผมจะโทรไปบอกเลิกทั้งหมดตอนนี้เลย” พูดจบก็กดโทรไปหารายชื่แรกทันที
“เดี๋ยวๆ นี่มึงเอาจริงเหรอ” เขาใช้แขนข้างที่ว่างรั้งแขนผมไว้ตอนกดโทรออกพอดี
“แน่นอนครับ ...ฮัลโหลครับ กิ่งเหรอ ... ” เปิดลำโพงให้อีกคนฝังไปด้วยเพื่อให้หมดข้ออ้างที่ว่าผมโกหก ดูแล้วอีกฝ่ายจะทำหน้าเซ็งๆไปเหมือนกันที่อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ
สามคนผ่านไปโดยที่ไมม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็แค่จากกันด้วยดีล่ะครับเพราะเราตกลงกันไว้แบบนั้น แต่ปัญหาอยู่ที่คนสุดท้ายที่พึ่งคุยกันได้ไม่นานแต่ก็เคยไปจบลงบนเตียงมาแล้ว
“อีกเบอร์ไง ไม่รีบโทรวะหรือเสียดาย ถ้างั้นก็ปล่อยกูไปแล้วไปอยู่กับคนของมึงซะ” นี่ถ้าไม่ติดว่ากำลังจ้องผมอย่างติดจะดีใจนิดๆที่ผมตัดใจโทรไม่ได้ผมจะคิดว่าเขาหึงผมอยู่ แต่เมื่อไม่ได้เป็นแบบนั้นก็น่าเสียดาย
“สวัสดีครับนนท์”
‘สวัสดีครับพีท ดีใจจังที่พีทโทรหา นนท์กำลังคิดถึงพีทอยู่พอดีเลย นี่แสดงว่าเราใจตรงกัน อิอิ’ เริ่มเหงื่อตกที่คนปลายสายดีใจจนออกนอกหน้าแบบนั้น ผมคิดว่าผมกำลังสงสารเขา
“พีทแค่จะมาบอกว่าพีทจะไม่ไปหานนท์อีกแล้วนะ” ตรงประเด็นก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดเข้าข้างตัวเองไปมากกว่านั้น
‘พีทอย่าพูดเล่นแบบนี้สิ นนท์เสียใจนะ’
“พีทไม่ได้พูดเล่น ตอนนี้พีทมีแฟนแล้ว เราจบกันแค่นี้เถอะนนท์” ผมไม่อยากโหดร้ายแบบนี้จริงๆ
แต่เพื่อสิงโตของผม... สิงโตดีกว่าแมวป่าแบบนั้นเยอะเลย
‘ไม่เอานะนนท์ไม่เลิก! พีททำแบบนี้กับนนท์ไม่ได้’ เสียงตวาดกลับมาจากปลายสายดังลั่นจนต้องขยับออกห่างแต่หนักสุดคงจะเป็นเต้ที่หันหน้าหนีไปเลยเพราะผมวางมือถือไว้ข้างๆหัวเขา
“เราตกลงกันแล้วนะครับนนท์”
‘ไม่! ยังไงนนท์ก็ไม่เลิก ถ้าพีทมีแฟนได้พีทก็เลิกได้ อย่าคิดว่านนท์จะจบแค่นี้นะ พีทเป็นของนนท์คนเดียว!’
“พีทว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ งั้นแค่นี้นะครับ เดี๋ยวพีทต้องไปคุยกับแฟนต่อ”
‘พีทททททท!’
ติ๊ด! วางโดยด่วนไม่งั้นคงได้หูพังกันไปข้าง
หลังจากนั้นมีสายจากนนท์โทรเข้ามาอีกผมจึงปิดโทรศัพท์ทันที และเห็นทีหลังจากนี้คงได้เปลี่ยนเบอร์ด้วย
“แล้วตกลงว่าตอนนี้เป็นแฟนผมแล้วนะ” เต้ส่ายหน้าพรืดเห็นแล้วก็น่าขำดีที่คนกล้าได้กล้าเสียแบบนี้ทำตัวไม่ถูก
“ไม่!”
“ลูกผู้ชายต้องไม่ผิดสัญญาสิครับ หรือว่าคุณไม่ใช่” พูดพลางยิ้มล้อจนเห็นเต้กัดฟันแน่น แอบได้ยินเสียงฟันเสียดสีกันเบาๆด้วยสิเนี่ย หวังว่าคงไม่พยศไปมากกว่านั้น
“ฮึ่ม! ... เออ ก็ได้ กูไม่ผิดสัญญาหรอก แต่บอกไว้ก่อนนะว่าถ้ามึงไปควงกับใครอีกกูเลิกทันที”
“โอเคครับ ฟอดดดด!”
“เชี่ย! กูเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้หอมแก้มน่ะ” หึหึ ผมชอบปฏิกิริยาของเขาจริงๆ ไม่ใช่แค่มือไม้ที่พยายามจะทำร้ายผมอีกครั้งแต่สายตาก็เหมือนกับพยายามกรีดแทงให้ตายกันไปข้าง แค่เลี้ยงให้เชื่องคงไม่พอ ผมคงต้องถอดเขี้ยวเล็บที่พร้อมจะทำร้ายออกด้วยเสียเลย
“หึหึ ผมล้อเล่นน่า คราวหน้าพยายามจะไม่ทำครับผม”
“นี่มึงคิดว่ายังจะมีคราวหน้าอีกเหรอไงวะ แล้วลูกกุญแจกูล่ะ เอามาเดะ” เห็นแบมือมาจ่อหน้าเสียขนาดนั้นจะใจไม้ไส้ระกำก็ใช่ที่ก็เลยหยิบกุญแจดอกเล็กยื่นให้ซึ่งอีกคนก็รีบกระชากไปเหมือนกับผมจะล้อเล่นแล้วริบคืน
ผมไม่ได้ใจร้ายซะหน่อยใช่ไหม
หรือไม่ใช่นะ...
กริ๊ก!
“เชี่ย!”
ถ้าคุณไขกุญแจมือที่พันธนาการคุณออกได้คุณจะสบถแบบเขาไหม แต่ผมคิดว่าไม่นะ สำหรับเต้เองก็เหมือนกันหากว่าเขาไขออก
“ปล่อยกูนะมึงจะเล่นอะไรอีกเนี่ย” เขามองหน้าผมตาเขียวปั๊ด ดุแบบจริงจัง
ผมดึงกุญแจดอกเล็กออกจากมือเขาแล้วก็ยิ้มหวานให้ตามเคยถึงแม้ว่าอีกคนจะไม่เล่นด้วยก็ตาม ถ้าหากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น อืม... ผมต้องอธิบายหรือเปล่า? ความจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรมากผมแค่แอบใส่กุญแจมือข้างที่ว่างของเขาอีกข้างขณะที่กำลังพยายามไขกุญแจมืออันแรกก็เท่านั้น
“ผมหยิบลูกกุญแจให้ผิดน่ะครับ”
“ก็เอาอันที่ถูกมาสิ! แล้วนี่มึงจะใส่อีกข้างทำไมเนี่ย มึงโกหกกูใช่ไหม! นี่มึงไม่ได้คิดจะให้กุญแจกูจริงๆสินะ!” เจ้าตัวพูดไปก็กระชากแขนทั้งสองข้างไปจนโซ่กระทบกับลูกกรงหัวเตียงเสียงดัง
“คนเป็นแฟนกันเขาไม่โกหกกันหรอกครับ ผมปล่อยคุณแน่ แต่ผมต้องขอทำโทษคนที่คิดจะหนีไปจากผมให้หลาบจำซะก่อน ทั้งๆที่ผมไปรับตั้งแต่เช้าแต่ก็ต้องไปเสียเที่ยวเพราะคนที่ไปหาดันหายไปเสียนี่ คุณว่าคนแบบนั้นสมควรได้รับโทษแบบไหนกันครับ”
“มึงควรปล่อยคนๆนั้นไปเพราะมันโดนบังคับให้ไปกับมึงโดยไม่เต็มใจโว้ย!”
“แต่คนๆนั้นทำให้คนอื่นเป็นห่วงกัน แม่ของเขาเป็นกังวลสุดๆแถมน้องสาวยังตามขอโทษผมเพราะพี่ทำตัวไม่ดี”
“อึก!” เต้กัดปากตัวเองจนอดที่จะเอามือไปคลายออกให้ไม่ได้ ผมว่าเขาก็คงเสียใจไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น สงสัยว่าคงยังไม่ได้ติดต่อกับที่บ้านอีกเลยนับตั้งแต่วันที่หายตัวออกมา
“ถ้าสำนึกผิดแล้วก็มารับโทษซะดีๆนะครับ”
“คนละเรื่องกันเว้ย! เดี๋ยวแม่กับน้องกูไปขอโทษก็คงจะหายแต่มึงคนนอกไม่เกี่ยวด้วยซะหน่อย”
“ผมเหรอคนนอก ...คนใกล้ตัวเลยต่างหากครับ คุณ! แฟน!” ผมก้มลงไปกระซิบสองคำนั้นหนักๆข้างหูเขา อีกคนดูจะพยายามออกห่างผมก็เลยงับใบหูนั้นเข้าให้ด้วยความหมั่นเขี้ยว
“มึงเป็นหมาหรือไงวะกัดมาดะ อึก!” ปิดปากไว้ก่อนเป็นดีที่สุด ผมน่าจะคิดได้ตั้งแต่ทีแรก
ผมบดเบียดปากเข้าหาเพราะอีกคนพยายามเม้มริมฝีปากไว้เต็มที่ไม่ให้ผมได้ชิมรสข้างในก็เลยเอื้อมมือไปบีบจมูกเขาไว้จนอีกฝ่ายหายใจไม่ออกแล้วเปิดปากขึ้นมาแทน
ผมไม่เคยบังคับใครแบบนี้เลยจริงๆไม่ชอบด้วย แต่กับเขามันสนุกดี...
เมื่อเปิดปากของอีกคนได้ผมก็กวาดต้อนลิ้นของเขาไปด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเคยชินหรืออะไรเพราะเต้เองก็จูบตอบกลับมาเหมือนกัน สักพักเหมือนเขาจะรู้สึกตัวว่าไม่ควรทำเลยทำให้ชะงักไปนิดหน่อยแต่ผมรู้สึกได้ก็เลยเอาลิ้นหลบออกมาก่อน น่าเสียดายที่ฟันคมกระทบโดนริมปากปากล่างจนได้เลือดไปแทน
เปลี่ยนเป้าหมายจากริมฝีปากมาที่ลำคอที่เบี่ยงหนีการสัมผัส เขาลืมไปแล้วหรือเปล่าว่ายิ่งทำแบบนั้นผมก็ยิ่งฝากรอยไว้ได้ง่ายขึ้น
“มึง... มึงบอกว่ากูกับมึง อึก เป็นแฟนกันนี่ สัด!เจ็บ แม่ง! ละ แล้วมาบังคับกันแบบนี้เขาไม่เรียกว่าแฟนหรอกนะ” ได้ฟังประโยคนี้ก็ต้องชะงักไปนิดหน่อย ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรหรอกครับ ดีใจที่เขายอมรับว่าผมเป็นแฟนมากกว่าเล่นเอาหน้าร้อนขึ้นมานิดๆ
“เป็นแฟนกันก็ทำแบบนี้ไม่ถูกหรือไงกันครับ”
“บางคู่เขาไม่ทำกันยังอยู่ได้เลยนะมึง” ก็จริงอย่างที่ว่า แต่ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะสามารถหยุดผมได้เลยจริงๆ
“งั้นผมถามคุณกลับ อืม... ไม่สิ พูดแบบนี้ห่างเหินกันชอบกล ...งั้นพีทขอถามเต้กลับว่ามีไหมคนที่เต้เคยคบด้วยแล้วไม่มีอะไรเกินเลยไปถึงขั้นนั้น” พอถามจบเขาก็เงียบ
ผมรู้ว่าเต้เป็นคนตรงๆดูจากนิสัยแล้วคงไม่ชอบโกหกเท่าไหร่ด้วย แต่จะว่าไปสีหน้ากลืนไม่เข้าคาบไม่ออกแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ
มองไปยิ้มไปจนเผลอหัวเราะออกมาเบาๆให้อีกคนหันมามองตาขวางก็เลยได้แต่ยิ้มแหยๆให้ ก็คนมันลืมตัวนี่น้า
“สัดเอ้ย! งั้นจะทำอะไรก็ทำ แม่ง!” รู้ทั้งรู้ว่าอีกคนพูดประชดชีวิตแต่รอยยิ้มที่มุมปากแทบจะหุบไม่ลง
จะน่ารักเกินไปแล้ว!
“ห้ามกัดนะครับ” เอ่ยเตือนคนข้างล่างก่อนที่จะได้รับหน้าตาที่ไม่พอใจตามมาแต่ก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
ประกบปากจูบกับอีกคนเบาๆก่อนจะเพิ่มแรงขึ้นแล้วค่อยๆสอดแทรกลิ้นเข้าไปหาความหวานภายใน แม้มันจะไม่ได้ละมุนนุ่มเหมือนคนที่เคยผ่านมาแต่กลับทำให้หัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ
เหมือนเมื่อไม่นานนี้ผมจะบอกว่าอีกหน่อยคำว่าชอบของผมคงกลายเป็นคำว่ารัก
มันก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆเพราะผมรู้สึกคำนั้นมันพุ่งออกมาจนหยุดไม่อยู่
อยากให้คนที่มอบรสจูบปนกลิ่นเลือดนี้รู้สึกเหมือนกัน การกระชากและสัมผัสจาบจ้วงราวกับพายุที่ประเคนให้กันไม่ได้ลดทอนความอิ่มเอมใจที่ลอยวนอยู่ให้หายไป ยิ่งรุนแรงก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงการเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหาย ตอนนี้แม้อีกฝ่ายจะรู้สึกต่างกันแต่ความพยายามของผมจะไม่หยุดจนกว่าคำว่ารักจะออกจากปากเขา
ผมชอบการได้จับจองเป็นเจ้าของ... และเขาเป็นของๆผม
“ปลดกุญแจมือหน่อยสิ” น้ำเสียงปนหอบพูดออกมาพร้อมกับสายตาแห่งความต้องการที่สื่อชัด ลิ้นของอีกฝ่ายแลบเลีบริมฝีปากอย่างเผลอตัวจนอดไม่ได้ที่จะต้องบดจูบลงไปอีกครั้ง
“สัญญานะครับว่าจะไม่ชก”
“อืม... เร็วดิวะ” เหมือนตอนแรกจะพูดกันดีๆแต่เมื่อผมชักช้าก็ดูว่าเขาจะของขึ้นอีกก็เลยไขกุญแจให้จริงๆ
ถ้าเขาชกผมตอนนี้ผมก็ไม่ได้ว่าหรอกนะ จริงๆทั้งหมดก็แค่แกล้งขู่เขาไปก็แค่นั้น สิ่งที่ผมต้องการผมได้มาแล้ว
‘แฟน’ คำจำกัดความของคนสองคนที่รักกัน ผมต้องการแค่นี้
หมับ!
ผิคาดจนทำอะไรไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายดึงคอผมลงไปจูบเองดื้อๆ ยอมรับว่าดีใจแต่ก็แปลกใจพอๆกัน
มือบีบเคล้นไปตาเนื้อตัวที่บัดนี้เปลือยเปล่า ไล้ไปตามเอวสอบที่แอ่นเอนขึ้นมารับสัมผัสแต่โดยดี ปากละออกจากกันก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปยังลำคอและแผ่นอกจนเกิดเป็นรอยจ้ำสีแดงสด
แต่ผมยังมีข้อสงสัย...
“นี่ เต้ครับ”
“อะไร” เสียงแหบทุ้มต่ำจนใจสั่นไปด้วย ผมไม่อยากจะทน! แต่ความสงสัยมันมีมากกว่า
“ไม่รังเกียจผมเหรอที่ทำแบบนี้”
“มาถามอะไรตอนนี้วะ”
“ก็แค่อยากรู้ เต้ไม่ได้ชอบผู้ชายนี่”
“อย่ามาถามมากได้ไหม ตอนนี้กูยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่ะ สัดเอ้ย! เป็นไรไปวะแม่ง!” เหมือนเต้จะไม่เข้าใจตัวเองอย่างที่พูดจริงๆเพราะเห็นคิ้วขมวดเป็นปมแน่น
ผมดีใจ... ดีใจสุดๆที่เขาไม่ได้รังเกียจผม นั่นหมายความว่าเขาชอบผมอยู่เหมือนกันหรือเปล่า
คำว่ารัก! ผมอยากฟังคำนี้เต็มแก่แล้ว
“หึหึ งั้นวันหลังผมจะเป็นคนทำให้เต้เข้าใจเองว่าเพราะอะไร”
tbc
--------------------
กลัวว่าหายไปนานก็เลยมาลงให้ก่อนแต่ยังไม่เสร็จ T____T ขออภัยเป็นอย่างสูงจ้า
งานรุมไปจนถึงวันที่4สิงหาโน่นวันหยุดก็ไม่เว้น ...ช้ำใจจริงๆ
วันที่5คงได้แต่งมาลงอีกที
ผู้เขียนไม่ได้ตั้งใจแกล้งนะคะ
รอเค้านี้ดดดดด เนอะ!
..........
พีท : เห็นหลายรีพลายเลยว่ารอดูของเล่น ผมว่ายังดีกว่าครับเดี๋ยวลูกสิงโตของผมจะตื่นแล้วหนีเข้าป่าไป
...
เต้ : ผมเป็นตัวเอกแต่รู้สึกบทน้อยกว่าอีกคนชอบกล ตอนหน้าเจอกันครับ (หวังว่าผมคงไม่ได้เล่าฉากอัศจรรย์)
...