"ครับ น้ำเหนือคนรักของผมนั่นแหละครับ" บท16“นี่คือแบบเครื่องประดับในโปรเจคใหม่ของผมอย่างที่ผมได้เคยเสนอเรื่องโปรเจคนี้กับทุกคนไปแล้ว ผมเลยนำตัวอย่างมาให้ได้ดูกันครับ ซึ่งเครื่องประดับในโปรเจคนี้ผมมุ่งเน้นไปกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นและวัยทำงาน สามารถสวมใส่เครื่องประดับได้ในทุกๆ วัน กับทุกๆ ชุด ทุกๆ แฟชั่นซึ่งจะแตกต่างจากเดิมที่เน้นเครื่องประดับสำหรับออกงาน” เสียงของอชิตพลดังขึ้นในห้องประชุม วันนี้เขามีประชุมเรื่องโปรเจคที่เคยเสนอไปก่อนที่จะถูกคุณหญิงมรกตสั่งพักงานเรื่องของน้ำเหนือ พอหลังจากที่กลับมาทำงานอีกรอบเขาจึงได้เอาเรื่องนี้มาเข้าที่ประชุมอีกรอบ
บนจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ในห้องประชุมฉายสไลด์ภาพสเก็ตช์ของเครื่องประดับ ซึ่งเครื่องประดับเหล่านี้ก็ได้น้ำเหนือและโอ๊ตช่วยออกแบบให้
“ราคาของเครื่องประดับก็จะถูกลงเพราะว่าเราไม่ได้ใช้จิลเยอะ จะเน้นที่ดีไซต์ที่สมัยใหม่แล้วก็สามารถประยุกต์ใส่กับชุดได้หลากหลายครับ” คราวนี้เป็นโอ๊ตที่ยืนอยู่ข้างๆ กันพูดขึ้นต่อก่อนจะอธิบายถึงแนวความคิดของผลงานแต่ละชิ้น
“ดิฉันชอบนะคะเป็นแนวความคิดที่ดีทีเดียว บางทีการที่เราเปิดกลุ่มลูกค้าใหม่ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้” ทีมงานที่เข้าร่วมประชุมด้วยพูดอย่างเห็นด้วยก่อนจะมีเสียงสนับสนุนอื่นๆ ตามมา แม้จะยังมีบางคนที่ยังไม่แน่ใจว่าโปรเจคนี้จะโอเคดีหรือเปล่า แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนน้อย
“ถ้าอย่างนั้น... เราจะเอาเครื่องประดับพวกนี้ไปวางขายที่ร้านเพชรเพทายอย่างนั้นเหรอ”
ควอตซ์หันไปมองเมื่อได้ยินคำถาม คุณโทมัสที่นั่งเงียบมาตลอดการประชุมเอ่ยถามกับคนเป็นลูก ซึ่งเมื่อถูกถามแบบนั้นควอตซ์ก็ตอบกลับไป “ไม่ครับ ผมตั้งใจจะเปิดร้านใหม่ในชื่อใหม่เพื่อขายเครื่องประดับพวกนี้โดยเฉพาะ”
“แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องออกแบบเครื่องประดับคอลเลคชั่นต่อๆ ไปละ โอ๊ตมีงานของร้านสาขาใหญ่ไม่ใช่หรือ” คราวนี้เป็นผู้บริหารอีกคนที่เป็นฝ่ายถามคำถาม
อชิตพลหันไปมองโอ๊ตที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันกลับไปตอบคำถาม “คนที่จะรับผิดชอบเรื่องออกแบบเครื่องประดับคอลเลคชั่นต่อไปคือน้ำเหนือครับ ที่จริงแล้วแบบสเก็ตช์ที่ผมเอามาให้ดูส่วนหนึ่งก็เป็นฝีมือของน้ำเหนือ ส่วนโอ๊ตผมจะให้คอยช่วยน้ำเหนืออีกทีครับ”
“น้ำเหนือ?” หลายคนต่างทวนชื่อออกมาเหมือนกับเป็นการถามคำถาม
“น้ำเหนือ... คนรักของคุณนะเหรอ”
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพยักงานหน้ารับก่อนจะตอบ “ครับ น้ำเหนือคนรักของผมนั่นแหละครับ เขาจบด้านออกแบบเครื่องประดับมาเป็นรุ่นน้องของโอ๊ตครับ”
“แล้วทำไมวันนี้ไม่พาเขามาด้วยละคะ ไหนๆ เขาก็เป็นคนออกแบบนี่คะ”
“ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะพามาเหมือนกันครับ แต่พอดีน้ำเหนือไม่ค่อยสบายก็เลยให้พัก... แต่ว่า... เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับงานหรือเปล่าครับ เอาเป็นว่าเรามาคุยเรื่องงานกันต่อดีกว่าว่าทุกคนเห็นด้วยหรือเปล่ากับโปรเจคนี้ ถ้าทุกคนเห็นด้วยผมจะสั่งทำเครื่องประดับออกมาดูเป็นตัวอย่างก่อน แล้วก็จะหานางแบบมาถ่ายโปรโมท”
การประชุมยังคงดำเนินต่อไปถึงแม้ว่าเรื่องโปรเจคของควอตซ์จะได้ข้อสรุปแล้วก็ตามซึ่งผลสรุปก็เป็นไปตามคาดของเจ้าของโปรเจค หลังจากที่การประชุมจบลงแล้วควอตซ์ก็เรียกทีมงานโปรเจคของตนเข้ามาประชุมต่อเพื่อพูดคุยถึงการทำงานในลำดับขั้นต่อไป ทั้งสั่งให้คนมองหาทำเลที่ตั้งของร้าน ทำเครื่องประดับออกมาเป็นตัวอย่าง วางแผนทางการตลาดแล้วก็วางแผนการโฆษณา
“ก่อนอื่นเลยผมอยากได้แผนการตลาดแล้วก็ทำเลที่ตั้งของร้านก่อน ยังไงสองฝ่ายนี้ผมขอข้อมูลเร็วหน่อยนะครับ เอาเป็นสัปดาห์หน้าจะประชุมกันอีกทีพวกคุณก็เตรียมข้อมูลมาแล้วกันนะครับ ส่วนทางฝ่ายทำเครื่องประดับคิดว่าจะได้ตัวอย่างมาเมื่อไหร่เหรอครับ” ควอตซ์เอ่ยถามกับทีมงาน
“เดี๋ยวดิฉันจะลองไปเช็คกับทางฝ่ายก่อนค่ะ แต่คิดว่าคงไม่เกินสองสัปดาห์น่าจะได้ตัวอย่างออกมา”
“โอเคถ้าคุณได้เช็คดูแล้วก็แจ้งมาที่ผมด้วย อ๋อแล้วก็… ขอโทษที” ควอตซ์พูดก่อนจะชะงักไปเมื่อเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เจ้าตัวหยิบขึ้นมาตั้งใจที่จะกดปิดเสียงแต่เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์จากที่บ้านจึงเปลี่ยนใจกดรับสายแทน “ครับ”
[คุณควอตซ์คะ… คือว่าคุณหนูใหญ่เธอ…]
“มีเรื่องอะไร น้ำเหนือเป็นอะไรหรือเปล่าสาลี่” ควอตซ์ถามเมื่อปลายสายยังคงอึกอักไม่ยอมพูดเสียที
[คุณหนูใหญ่เธองอแงค่ะ ดื้อไม่ยอมทานข้าวทานยาแล้วก็บ่นคุณควอตซ์ยกใหญ่เรื่องที่คุณไม่ยอมพาเธอไปประชุมด้วยน่ะค่ะ]
ทันทีที่ได้ยินคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันทันที “เฮ้อ… แล้วคุณแม่กับยัยพิสละ”
[พอดีว่าคุณหญิงท่านออกไปดูร้านสาขาที่ลาดพร้าวค่ะ ออกไปก่อนที่คุณหนูใหญ่จะตื่นส่วนคุณหนูลาพิสก็เอาไม่อยู่ค่ะ พูดยังไงก็ไม่ยอมทานข้าวทานยา]
“ให้ตายสิ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับไปจัดการเอง” ควอตซ์พูดก่อนจะวางสายไปก่อนจะหันกลับมาหาทุกคนอีกรอบ “เอาเป็นว่าทำตามที่ผมบอกก่อนแล้วกันครับ แล้วสัปดาห์ค่อยมาประชุมกันอีกรอบ วันนี้พอแค่นี้ก่อน”
ทุกคนทยอยออกจากห้องประชุมโดยที่ควอตซ์ออกมาเป็นคนสุดท้าย ชายหนุ่มหันไปสั่งงานกับลินผู่เป็นเลขา “ยังไงผมฝากติดตามเรื่องด้วยนะครับ ส่วนตอนบ่ายผมคงไม่กลับเข้ามาแล้วเดี๋ยวต้องรีบกลับไปจัดการเด็กดื้อเสียก่อน”
“น้องน้ำเหนือเหรอคะ”
ควอตซ์พยักหน้ารับกับคำพูดนั้น “ครับ สาลี่โทรมาบอกไม่ยอมกินข้าวกินยา โวยวายงอแงเรื่องที่ผมไม่พามาประชุมด้วย”
ลินหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “โอเคค่ะ เดี๋ยวเรื่องงานพี่จะติดตามเรื่องให้เอง แล้วเดี๋ยวจะส่งงานเข้าไปให้นะคะ”
“ครับ ผมฝากด้วย” เขาพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะเลี่ยงเดินไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปที่ลานจอดรถก่อนจะขับรถของตนตรงกลับบ้าน
ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่รถแบรนด์ประเทศยุโรปคันสวยก็เลี้ยวเข้าไปในรั้วบ้านของตระกูลบริสตัน ควอตซ์ก้าวท้าวลงจากรถก่อนจะตรงเข้าไปในบ้านทันที ชายหนุ่มส่งกระเป๋ากับเสื้อสูทให้กับสาวใช้ที่เดินมารับพร้อมกับเอ่ยถามไปด้วย “น้ำเหนือละ”
“อยู่บนห้องค่ะ”
“โอเค เดี๋ยวจัดการเอง” ควอตซ์ตรงขึ้นไปบนชั้นสองทันทีแต่ก่อนจะถึงห้องนอนเขาก็เห็นลาพิสยืนอยู่หน้าประตูห้องพร้อมกับป้ายุพินที่ถือถาดอาหารอยู่ “มื้อกลางวันของน้ำเหนือเหรอครับ”
“พี่ควอตซ์กลับมาแล้ว!” ลาพิสที่ได้ยินเสียงทักก็หันมามองก่อนจะร้องออกมาอย่างดีใจ “พี่ควอตซ์จัดการพี่น้ำเหนือให้ทีสิคะ เมื่อเช้ายังยอมกินข้าวกินยาดีๆ อยู่เลย พอนอนตื่นมารู้ว่าพี่หนีไปประชุมแล้วก็งอแงไม่หยุดเลยค่ะ”
“ป้ายุพินเอาถาดมาครับ เดี๋ยวผมจัดการเด็กดื้อเอง” เขายื่นมือไปรับถาดจากป้ายุพินก่อนจะบอกให้ทั้งสองคนแยกย้ายกันไปตามสะดวกส่วนเด็กดื้อในห้องนี้เขาจะเป็นฝ่ายจัดการเอง
คนที่นั่งอยู่บนเตียงทำหน้างอทันทีที่เห็นควอตซ์เดินเข้ามาในห้องให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามาส่ายหน้ากับท่าทางนั้น เขาวางถาดอาหารไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงก่อนจะยืนกอดอกมองคนงอแง ถ้าคิดว่าควอตซ์จะพูดเสียงอ่อนเสียงหวานอธิบายให้เข้าใจละก็… คิดผิดเสียแล้ว
“ทำไมไม่กินข้าวกินยา เดี๋ยวก็ไม่สบายหนักกว่าเดิม” น้ำเสียงดุๆ พูดพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจกับอาการดื้อของน้ำเหนือ
“คุณโกหก”
“ฉันโกหกอะไรเธอ” พอโดนหาว่าโกหกเขาก็สวนกลับทันที
“ก็คุณบอกจะพาผมไปประชุมด้วยนี่ เครื่องประดับพวกนั้นผมออกแบบเองนะ” คนดื้อยังคงว่าเสียงขุ่น
“ตื่นมาแต่เช้าอาเจียนไปจนแทบจะเป็นลม ไข้ขึ้น แล้วแบบนี้จะให้ฉันพาไปประชุมได้ยังไง” ควอตซ์ว่าเสียงดุเช่นเดิม
เมื่อวานเขาได้บอกกับน้ำเหนือว่าวันนี้จะมีประชุมเรื่องโปรเจคใหม่ที่เขาให้น้ำเหนือออกแบบเครื่องประดับและก็ตั้งใจจะพาน้ำเหนือไปประชุมด้วยเพราะยังไงน้ำเหนือก็เหมือนอยู่ในทีม แต่พอเช้าตื่นมาอาการแพ้ท้องของคนท้องก็ยังคงอยู่อีกทั้งยังดูรุนแรงกว่าวันอื่นๆ เพราะคนท้องอาเจียนไม่หยุดอยู่นานจนหมดแรงแทบจะเป็นลม อีกทั้งยังมีไข้อ่อนๆ ควอตซ์เลยปล่อยให้นอนพักอยู่ที่บ้านไม่ได้พาไปประชุมด้วยกัน
“แล้วมันใช่เรื่องไหมที่โกรธฉันแล้วจะไปลงกับลูกแบบนี้น้ำเหนือ”“ผมลงกับลูกที่ไหนกัน!” คนโดนว่าทำหน้างอ ดวงตากลมโตนั้นวาวด้วยความไม่พอใจปนๆ กับน้ำใสที่เออคลอยามที่โดนดุ
“ก็การที่เธอไม่ยอมกินข้าวกินยาแบบนี้ยังไงล่ะ จะไม่เรียกว่าไปลงกับลูกได้ยังไง” ควอตซ์ปรับโทนเสียงเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังจะเปลี่ยนอารมณ์จากไม่พอใจเป็นงอแงจะร้องไห้แทน
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงข้างน้ำเหนือก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “
น้ำเหนือฟังนะ… จะโกรธหรือจะไม่พอใจฉัน ฉันไม่ว่า แต่อย่าทำร้ายตัวเองแล้วก็ทำร้ายลูกแบบนี้ หงุดหงิด ไม่พอใจ หรือจะยังไงก็แล้วแต่เอาไว้ฉันกลับมาแล้วมาลงที่ฉัน แต่เธอต้องกินข้าวกินยาตามที่น้าหมอบอกทุกมื้อห้ามขาด”
น้ำเหนือได้แต่นิ่งเงียบอย่างจำนนในคำพูดของอีกฝ่าย ใบหน้าน่ารักก้มลงยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองที่นูนขึ้นมาจนเริ่มสังเกตได้
“แม่ขอโทษนะครับที่เอาแต่ใจ”พอได้ยินน้ำเหนือพูดแบบนั้นคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยกยิ้มอย่างพอใจ มือหนายกขึ้นวางบนกลุ่มผมนุ่มแล้วยีไปมาเบาๆ “ดีมากเด็กดื้อ”
“ผมไม่ดื้อสักหน่อย ไม่เด็กด้วย”
“หึหึ ถ้าไม่ดื้อ ไม่เด็กอย่างนั้นก็กินข้าวกินยา ลูกหิวแย่แล้วป่านนี้ ทำใจหน่อยนะครับลูกมีคุณแม่แสนดื้อแบบนี้”
“เอ๊ะ!” น้ำเหนือขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของคนอายุมากกว่าแต่ก็ยอมยื่นมือไปรับชามข้าวต้มมาถือแต่โดยดี
“อาทิตย์หน้ามีประชุมอีก ถ้าไปไหวจะพาไป ไม่แน่วันนั้นอาจจะได้ตัวอย่างเครื่องประดับมาแล้วและก็คงได้แผนงานอื่นๆ มา” ควอตซ์พูดพลางนั่งมองคนดื้อตักข้าวต้มขึ้นทาน
น้ำเหนือเงยหน้าขึ้นมองทันทีที่ได้ยินก่อนจะพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้น วันนี้ที่จริงน้ำเหนืออยากจะไปเข้าประชุมมากเพราะงานนี้ถือเป็นงานชิ้นสำคัญของเจ้าตัวเลยก็ว่าได้ กว่าเขาจะออกแบบเครื่องประดับพวกนั้นออกมาได้มันไม่ใช่ง่ายๆ เลย ทั้งศึกษาข้อมูลต่างๆ ทั้งเทรนด์สี เทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้า รวมไปถึงเทรนด์เครื่องประดับต่างๆ ทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน ต่างหูและแอกเซสเซอรี่อื่นๆ อีกมากมาย ของปีปัจจุบันแล้วก็ปีก่อนๆ ไหนจะต้องสู้รบกับอาการแพ้ท้องที่มีบ่อยๆ เวลาที่ตั้งใจทำงานอีก
“แล้วน้าหมอนัดไปตรวจครรภ์อีกทีวันไหน” ควอตซ์ถามพร้อมกับส่งแก้วที่ใส่ยาให้กับน้ำเหนือ
“อาทิตย์หน้าครับ ครบสิบหกสัปดาห์พอดี”
“สิบหกสัปดาห์… ก็สี่เดือนแล้วสิ ไวเหมือนกันนะแต่ท้องเธอดูยังไม่โตเท่าไหร่ หรือว่าแบบนี้ก็ถือว่าโตแล้ว” ควอตซ์ว่าพลางจ้องไปบริเวณหน้าท้องของน้ำเหนือ จะว่าท้องโตก็คงโต แต่จะว่าไม่โตก็ไม่โต บอกไม่ถูกเหมือนกัน
“ผมก็ไม่รู้สิครับ ที่อ่านในหนังสือเขาก็บอกว่าแต่ละคนไม่เหมือนกันคุณแม่บางคนก็ท้องโต บางคนก็ไม่จนกว่าจะเข้าเดือนที่ห้าที่หกถึงจะเห็นชัดว่ากำลังท้อง”
“อ๋อ… พูดถึงเรื่องหนังสือแล้วก็นึกขึ้นได้” ควอตซ์ว่า ชายหนุ่มขยับตัวลุกจากเตียงไปที่โต๊ะทำงานของตนก่อนจะดึงลิ้นชักเปิดออกแล้วหยิบหนังสือปกสีขาวนวลสะอาดออกมาแล้วตรงกลับมาหาคนที่นั่งอยู่บนเตียงอีกรอบพร้อมกับยื่นของในมือให้
“ครับ อะไรครับ” น้ำเหนือถามพร้อมกับรับหนังสือไปเปิดดู
“ฉันสั่งมาจากต่างประเทศ มันเป็นหนังสือเกี่ยวกับการตั้งครรภ์นั่นแหละมีคำแนะนำบอกประจำเดือนไป แล้วก็มีให้จดบันทึกได้”
หนังสือในมือของน้ำเหนือนั้นเป็นคู่มือสำคัญสำหรับคุณแม่มือใหม่ ข้อมูลต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษแต่ที่จริงแล้วเนื้อหาในเล่มก็แทบไม่ได้แตกต่างจากหนังสือเล่มอื่นๆ ที่น้ำเหนือเคยอ่านสักเท่าไหร่ แต่ที่น่าสนใจคงจะเป็นภาพครรภ์ที่อยู่ตรงกลางหนังสือ ที่ในทุกๆ หน้าที่เปิดท้องของคุณแม่ก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ ตามไปด้วย
“น่ารักจัง… ขอบคุณนะครับ” น้ำเหนือยิ้มพร้อมกับเปิดหนังสือดูไปด้วย ดูท่าเจ้าตัวจะชอบไม่ใช่น้อยโดยเพราะลูกเล่นพิเศษในหนังสือเพราะเจ้าตัวเอาแต่ลูบเล่นอย่างชอบใจ “ท่าจะแพง…”
“เรื่องนั้นไม่ต้องไปสนใจมันหรอกน่า เอาไว้อ่านดูแล้วกัน ฉันเห็นว่ามันน่าจะมีประโยชน์เลยสั่งมาให้”
น้ำเหนือเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงก่อนจะยิ้มกว้างให้ เป็นรอยยิ้มกว้างและจริงใจที่สุด คงต้องบอกว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกเสียด้วยซ้ำที่น้ำเหนือยิ้มแบบนี้ให้กับควอตซ์ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนมองรู้สึกข้างในอกมันฟูแปลกๆ
ว่าที่คุณแม่เอาแต่ก้มมองหนังสือในมืออย่างชอบอกชอบใจ ยอมรับในใจว่ารู้สึกแปลกใจมากทีเดียวที่ได้หนังสือเล่มนี้… ที่จริงคงต้องบอกว่าแปลกใจที่ได้หนังสือเล่มนี้จากผู้ชายคนนี้ เพราะถึงแม้ว่าควอตซ์จะดูแลเขาเสมอแต่ก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีสนใจในหนังสือเกี่ยวกับการตั้งครรภ์สักเท่าไหร่ วันๆ ถ้าไม่บ่น ไม่ดุน้ำเหนือก็เอาแต่อ่านหนังสือหรือไม่ก็ทำงาน พอหนังสือเล่มนี้ถูกยื่นมาให้น้ำเหนือเลยแปลกใจมาก…
แปลกใจมากทีเดียว
แปลกใจที่คนคนนี้เอาใจใส่กว่าที่คิด ทั้งแปลกใจแล้วก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นอารมณ์ความรู้สึกแปลกๆ ที่น้ำเหนือเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่
ควอตซ์ทิ้งตัวลงนั่งห้อยขาบนเตียงอีกรอบมือทั้งสองข้างยันเอาไว้ด้านหลังพลางมองอีกคนที่นั่งอ่านหนังสือเล่มนั้น
“Dad should indulge mom.... นี่เห็นไหม คุณชอบดุผมในหนังสือยังบอกเลยว่าต้องตามใจคุณแม่มากๆ”
คำพูดของน้ำเหนือเรียกเสียงถอนหายใจจากคนที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ ได้เป็นอย่างดี ก่อนที่ควอตซ์จะคว้าหนังสือในมือของน้ำเหนือมาดู “มีเขียนแบบนั้นที่ไหน”
“แต่เรื่องจริงนะ ขนาดคุณแม่ยังบอกเลยว่าต้องตามใจคนท้องห้ามขัดใจ เดี๋ยวจะส่งผลถึงลูก” น้ำเหนือแย่งหนังสือเล่มนั้นแต่ก็ถูกอีกฝ่ายแกล้งคืนเพราะควอตซ์ขยับมือข้างที่ถือหนังสือหนีส่วนอีกข้างก็ยกกันน้ำเหนือเอาไว้
“คนอื่นอาจจะใช่แต่ไม่ใช่ฉันแน่นอน นี่ขนาดไม่ตามใจยังดื้อขนาดนี้ถ้าตามใจมีหวังดื้อกว่าเดิม ได้ปวดหัวกันทั้งบ้าน ทั้งวัน ทุกวันแน่”
“เอ๊ะ! ผมไม่ดื้อสักหน่อย”
“คนดื้อมักบอกว่าตัวเองไม่ดื้อ” ควอตซ์ว่าพร้อมกับส่งหนังสือคืนให้เมื่อน้ำเหนือเริ่มแยกเขี้ยวใส่
“ชิ พูดเหมือนตัวเองไม่ดื้อ ไม่เอาแต่ใจอย่างนั้นแหละ คุณก็ไม่ต่างจากผมหรอกคุณควอตซ์”
“หึ เด็กดื้อ!” ควอตซ์ว่ายกมือขึ้นกดหัวคนดื้อเบาๆ “ขี้เกียจเถียงด้วยแล้วฉันไปทำงานดีกว่า เธอก็นอนพักต่อจะได้หายไวๆ แต่นั่งเถียงฉันไม่หยุดแบบนี้คงใกล้หายแล้วละมั้ง”
“ผมเถียงเสียที่ไหนกันละ!”
“Ah… Whatever you think is best.” ควอตซ์ว่ายีผมน้ำเหนือเล่นอีกรอบก่อนจะลุกไปนั่งทำงานของตัวเอง ปล่อยให้อีกคนนั่งหน้าบึ้งอย่างขัดใจอยู่บนเตียง
แต่ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็เลยก้มลงอ่านหนังสือในมือต่อ น้ำเหนือลุกเดินไปที่โต๊ะทำงานที่ควอตซ์นั่งทำงานอยู่ คนที่นั่งอยู่ก่อนเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนป่วยที่ควรจะนอนพักมาหยิบๆ จับๆ อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะ
“ทำไมยังไม่ไปนอนพักอีก”
“คุณนี่ขี้บ่นจริงๆ เลย เดี๋ยวผมก็นอนของผมเองนั่นแหละ บ่นอยู่ได้ยังไม่แก่สักหน่อย” น้ำเหนือว่าย่นคิ้วใส่คนที่ยังอุตส่าห์เงยหน้าขึ้นมาว่ากันได้
“เธอบ่นน้อยเหลือเกินนะ” ควอตซ์พูด
“น้อยกว่าคุณแล้วกัน ไม่คุยกับคุณแล้ว คุยทีไรก็บ่นทุกที” น้ำเหนือพูดก่อนปากกามาถือไว้แล้วเดินกลับมานั่งที่เตียงอีกรอบให้ควอตซ์ที่หันมามองต้องส่ายหน้าก่อนที่เขาจะหันกลับไปทำงานต่อ ขี้เกียจเถียงกับคนขี้บ่น เดี๋ยวจะกลายเป็นไม่จบเรื่องสักที
ส่วนคนที่ได้ปากกามาแล้วก็หยิบหนังสือเล่มที่ควอตซ์ให้มามาอีกรอบก่อนจะเปิดไปที่หน้าของการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่สิบห้าก่อนจะเขียนบันทึกลงไปในบริเวณที่ว่าง
Dad’s so grumpy!************************************************
ขอชี้แจงจากตอนที่แล้วก่อนนะคะ... ทำไมพี่ถึงไม่บอกนักข่าวว่าน้องท้อง คือถ้าพูดถึงความเป็นจริงแล้ว น้องเป็นผู้ชายซึ่งในความเป็นจริงถ้ามีผู้ชายที่ท้องได้อย่างน้องจริงๆ อยู่คนจะมองน้องว่ายังไง โอเคค่ะว่าบริสตันไม่แคร์หรอก แต่คนที่น่าสงสารคือตัวน้องเหนือเอง มันไม่ใช่เรื่องที่รู้กันในวงแคบ แต่นักข่าวรู้คนทั้งประเทศรู้ค่ะถ้าคนรับได้ก็ดีไป แต่ถ้ารับไม่ได้ก็จะมองน้องเหมือนน้องเป็นคนแปลกประหลาด ความกดดัน ความรู้สึกแย่ๆ ทั้งหมดจะไปรุมที่น้อง ฟางเลยไม่ได้แต่งให้พี่ควอตซ์บอกความจริงไปว่าน้ำเหนือท้องค่ะ
ว่าง(หรือเปล่า)ระหว่างเวลางานเลยแวะมาอัพให้ได้งานกันค่ะ ตอนนี้... จะว่ายังไงดีล่ะมันก็ไม่ได้มีฉากหวานๆ อะไรนะแต่ทำไมฟางรู้สึกว่ามันฟรุ้งฟริ้งแบบแปลกๆ เถียงกันไปเถียงกันมาแต่มันก็น่าเอ็นดูอะเนอะ พี่ก็แกล้งน้องเดี๋ยวกดหัว เดี๋ยวยีหัว คือเอ็นดูน้องก็บอกค่ะไม่ต้องมาทำเป็นบ่นน้องแบบนี้ น่ารักจริงๆ ส่วนครึ่งหลัง... บอกได้เลยค่ะว่ามีเซอร์ไพรส์แน่นอน ไม่รู้ว่าจะเซอร์ไพรส์เรื่องไหนบ้าง(ยังไม่ได้แต่งเลย)แต่คาดว่าจะมีแน่ๆ ยังไงก็รอติดตามอ่านกันต่อไปนะคะ ^^
หวังว่าทุกคนจะไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้ไปไหนนะคะ ช่วยรอกันหน่อยนะ
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
อ่านกันแล้วก็คอมเมนต์ให้กำลังใจคนเขียนหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งให้อ่านกันเรื่อยๆ นะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
ฝากอุ้มรักด้วยนะคะ อย่าลืม กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณทุกคะแนนบวกเป็ด คะแนนชื่นชมในตัวฟางนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ