วันถัดมา จอมแก้วกลับมาที่บ้านสามีตอนสายๆ เดิมเธอคิดจะกลับมาตั้งแต่เช้า แต่เมื่อคืนเธอโทรคุยกับวีรดา เลยโดนเพื่อนสาวปรามไว้ วีรดาบอกว่าถ้าเธอกลับบ้านเร็วพี่พิชญ์อาจจะมองว่าเธอไม่ได้โกรธจริงจัง แถมยังจะโดนมองว่าอยู่ใต้อำนาจสามี หนีไปไหนไม่รอดอีกต่างหาก
จริงๆ จอมแก้วคิดว่าวีรดาก็พูดเกินไป ถึงอย่างนั้นก็แอบคิดอยู่หน่อยๆ เหมือนกัน สุดท้ายแล้วเลยออกจากบ้านแม่เลทนิดหน่อย กว่าจะถึงบ้านสามีก็สิบโมงพอดี
แหม... ก็มันอยากรู้นี่หน่า แล้วถ้าสองคนนั้นจะกลับมาคืนดีกัน เธอเป็นคนไปมันถูกที่ไหนกัน เธอเป็นภรรยาตามกฎหมายนะ!
จอมแก้วนั่งคิดฟุ้งซ่านอยู่ในครัว สติกลับมาอีกทีก็ตอนที่รุ่งรดิศเดินเข้ามาใกล้นั่นแหละ
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแก้ว ผมขอโทษด้วยนะครับที่มาสร้างความลำบากให้”
หญิงสาวมองผู้ชายตรงหน้า อีกฝ่ายส่งยิ้มจางๆ เจือความสำนึกผิดมาให้
“คุณแก้วไม่ต้องกังวลเรื่องผมหรอกครับ ผมเป็นคนรักของพิชญ์... ผมหมายถึงพิชญ์ ที่ไม่ใช่พิชญะน่ะครับ”
“คุณ... พิชญ์?”
“ผมว่าผมต้องเล่ายาว เราไปหาที่นั่งคุยกันเถอะครับ”
รุ่งรดิศยิ้มให้ เชื้อเชิญจอมแก้วให้ไปนั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น
วันนี้เป็นวันเสาร์ พิชญะไม่ต้องไปทำงาน ตอนนี้เขาเลยนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา พอภรรยากับเพื่อนเดินเข้ามาก็อัปเปหิตัวเองไปอยู่ที่อื่นแทนด้วยตกลงกับรุ่งรดิศไว้ว่าจะให้รุ่งรดิศเป็นคนเล่าเรื่องทั้งหมดให้จอมแก้วฟัง ส่วนตัวเขาเองจะไปคุยกับจอมแก้วทีหลัง
ถ้าเป็นปกติจอมแก้วคงโมโหที่สามีไม่ยอมมาคุยกับเธอด้วยตัวเอง แต่สถานการณ์ในตอนนี้จะอะไรก็ได้ทั้งนั้น!
“ก่อนอื่นผมคงต้องทำความเข้าใจกับคุณแก้วก่อนว่าพิชญะกับพิชญ์คือคนละคนกันนะครับ
คุณแก้วรู้ไหมครับว่ายะมีน้องชายฝาแฝด”
“แก้วรู้ว่าพี่พิชญ์มีน้องชายค่ะ แต่ไม่ทราบรายละเอียด... เห็นบอกว่าแยกกันตั้งแต่เด็ก”
จอมแก้วนิ่งอึ้ง นี่หรือเปล่าสาเหตุที่พิชญะไม่ยอมให้เธอเรียกเขาว่าพิชญ์ในทีแรก... เป็นเธอเองที่ดื้อดึงจะเรียกจนอีกฝ่ายอ่อนใจ
“พิชญ์เป็นน้องชายฝาแฝดของยะ คุณลุงคุณป้าแยกกันตอนอายุได้ห้าหกขวบ ยะย้ายตามคุณแม่ไปอยู่ที่อื่น ส่วนพิชญ์ก็ยังอยู่กับพ่อที่นี่” รุ่งรดิศพยักหน้าเมื่อจอมแก้วเลิกคิ้วสงสัย “ครับ บ้านหลังนี้แหละ ส่วนบ้านผมก็อยู่ข้างๆ นี่เอง แต่ว่าโดนขายทิ้งไปแล้ว”
“แล้วคุณพิชญ์...”
หายไปไหน? “พิชญ์เสียไปได้ห้าปีแล้วครับ” รุ่งรดิศยิ้มเศร้า เมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้นก็รู้สึกเจ็บอยู่ในใจ หลังจากที่พิชญ์จากไป เขาแทบไม่เป็นผู้เป็นคน เรียนเกือบไม่จบเสียด้วยซ้ำ ต้องดรอปเรียนไปหนึ่งปี “ตอนอายุสิบเจ็ด... พิชญ์ก็เป็นมะเร็งกระดูก”
“มะ มะเร็งกระดูกเหรอคะ”
“ครับ เราพยายามรักษาทุกวิถีทาง ถึงพิชญ์จะพบช้าไปหน่อย... แต่เราก็คิดว่ายังพอไหว การรักษาต้องใช้รังสีร่วมกับเคมีบำบัดก็ต้องผ่าตัดเอากระดูกขาบางส่วนออกแล้วทำการปลูกถ่ายกระดูกเข้าไป... โชคดีที่พิชญ์ไม่เป็นจำต้องตัดขาทิ้ง เหลือแค่รอให้กระดูกใหม่มันพัฒนาขึ้น ทำกายภาพบำบัด เฝ้าระวังไม่ให้มะเร็งเกิดซ้ำ ทุกอย่างดูเหมือนจะดีใช่ไหมครับ”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไม...”
“คุณแก้วรู้ไหมครับว่ามะเร็งแพร่กระจายตามกระแสเลือด พิชญ์กลับมาเป็นซ้ำอีกครั้งตอนอายุสิบเก้า สุดท้ายแล้วเราพบว่ามะเร็งแพร่กระจายไปที่ปอด... หลังจากนั้นสามเดือน พิชญ์ก็จากผมไป”
“ตอนคุณพิชญ์เสีย... เขาคงทรมานมากนะคะ”
“ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน มันชั่วพริบตาเดียวเอง” รุ่งรดิศพูดเหมือนจะติดขำ แต่ไม่ใช่เลย “พิชญ์ประสบอุบัติเหตุ... เขาโดนรถชน มีเด็กหกล้มตอนข้ามถนน พิชญ์พุ่งตัวเข้าไปช่วยไว้...”
วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกพรำๆ ทั้งวัน รุ่งรดิศพาพิชญ์กลับจากโรงพยาบาล ขณะที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง เด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ก้าวออกไป... พร้อมๆ กับมัจจุราชสีดำที่พุ่งเข้ามา
พิชญ์เสียชีวิตหกชั่วโมงหลังจากนั้น
แม้ว่ารุ่งรดิศจะทำใจไว้อยู่แล้ว แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนรักจะจากไปเร็วขนาดนี้... จากไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ร่ำลากันด้วยซ้ำ
จอมแก้วมองผู้ชายตาโศก แผ่นหลังนั้นงุ้มลงเล็กน้อยก่อนจะกลับมาตั้งตรงอีกครั้ง
“งั้นที่พี่พิชญ์... พี่ยะเผาจดหมายที่คุณส่งมานั่นก็...”
“ครับ เป็นคำขอของผมเอง ผมคิดเอาเองว่าถ้าเผาส่งไปพิชญ์อาจจะได้อ่านแล้วก็ไม่เหงาเท่าไหร่ ผมเลยให้ยะช่วยเผาให้ บางส่วนผมเผาเองที่นู่น ไปบางส่วนก็ส่งมานี่ พิชญ์จะได้ไม่ลืมบ้านตัวเอง”
หลังจากเรียนจบ รุ่งรดิศก็ย้ายไปอยู่กับแม่ ยังไงซะบ้านนี้ก็เป็นบ้านของคุณลุง ซึ่งจะตกเป็นของทายาทก็คือพิชญะต่อไป ถึงยะจะบอกเขาว่าไม่ต้องย้ายก็ได้ แต่เขาจะมาอยู่ตลอดไปไม่ได้ แค่ทางนี้เก็บห้องของพิชญ์เอาไว้ให้เขาก็ซึ้งใจมากแล้ว อีกอย่าง... เขาควรจะไปดูแลแม่ด้วย
เรื่องของพิชญ์บอกกับเขาว่าจงใช้เวลาที่เหลืออยู่กับคนที่รัก...
“แก้วขอโทษนะคะที่เข้าใจคุณรุ่งผิด” จอมแก้วยกมือไหว้ “ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณรุ่งรดิศต้องนึกถึงความทรงจำที่เจ็บปวดแบบนี้”
“ทุกความทรงจำระหว่างผมกับพิชญ์มีค่าเสมอครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตาม” รุ่งรดิศรีบโบกไม้โบกมือให้ภรรยาเพื่อนลดมือลง “อีกอย่างคุณแก้วก็ควรจะรู้เรื่องนี้ด้วย คุณแก้วแต่งงานกับยะแล้วก็ควรจะรู้เรื่องในครอบครัว คุณแก้วอย่าโกรธยะที่ไม่เล่าให้ฟังเลย เรื่องนี้ผมกับยะเหมือนตกลงกันอยู่กลายๆ ว่าจะไม่เล่าให้ใครฟัง เขาคงไม่กล้าเล่าเพราะไม่รู้จะพูดยังไงด้วยแหละ”
พิชญะย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้หลังจากเรียนจบ ซึ่งตอนนั้นรุ่งรดิศเรียนอยู่ปีสี่เพราะดรอปเรียนไป ทั้งสองคนใช้เวลาอยู่บ้านหลังเดียวกันเป็นเวลาหนึ่งปี เรื่องเกี่ยวกับพิชญ์ ยะรู้จากปากรุ่งรดิศ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกจึงไม่เล่าเรื่องของน้องชายฝาแฝดให้ใครฟังนอกจากรุ่งรดิศจะเอ่ยปากเอง
ไม่ทันที่จอมแก้วจะได้เอ่ยตอบอะไร เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น พิชญะเดินออกจากที่ซ่อนไปดูว่าใครมาเยี่ยมเยือน
“รุ่ง... ผมมารับรุ่งกลับบ้าน” เสียงนั้นตะโกนมาจากหน้าประตูรั้ว รุ่งรดิศผุดลุกขึ้นแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปทันทีโดยมีจอมแก้วตามมาติดๆ
คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือผู้ชายร่างสูง... อย่างน้อยก็สูงกว่าพิชญะเกือบห้าเซนติเมตร รูปร่างหน้าตาราวกับหลุดออกมาจากนิตยสาร... ถ้าผมไม่ยุ่งเป็นรังนกแล้วก็แต่งตัวสักหน่อยน่ะนะ
“กานต์... กานต์มาที่นี่ได้ยังไง”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนรู้จักกันจริง พิชญะจึงเปิดประตูให้ผู้มาเยือนเข้ามา
“คุณน้าบอกผมว่ารุ่งน่าจะอยู่ที่นี่ ผมเลยมารับรุ่งกลับ”
กานดิศดูกังวลใจ ซึ่งก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ในเมื่อรุ่งรดิศหายตัวไปเกือบสามวัน ไม่ติดต่อมา ไม่รับโทรศัพท์
“ผมทำอะไรให้รุ่งไม่พอใจหรือเปล่า รุ่งบอกผมนะ อย่าหายตัวไปแบบนี้ ผมเป็นห่วง”
“ขอโทษนะกานต์ ผมเสียหลักนิดหน่อย แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
“งั้นกลับบ้านกันนะครับ”
เขายื่นมือออกมา
รุ่งรดิศมองมือนั้นแล้วก็มองตาของกานดิศ ดวงตาคู่นั้นสั่นไหวด้วยความกลัว เขาเห็นดังนั้นก็ยิ้ม เอื้อมไปจับมันอย่างยินดี
“ครับ กลับบ้านกันเถอะ”
สวัสดีพิชญ์
พิชญ์เห็นไหม นี่กานต์ แฟนใหม่ผมนะ
จากนี้ไปผมต้องมีความสุขแน่นอน ผมสัญญา
รักเสมอ
รุ่งรดิศ
รุ่งรดิศเขียนข้อความนี้ใส่กระดาษทิ้งไว้บนโต๊ะก่อนไป พิชญะหยิบมันจะไปเผาเหมือนเคย แต่สายตาดีๆ ก็เหลือบไปเห็นลายมือที่ไม่คุ้นตาเขียนประโยคหนึ่งทิ้งไว้อยู่ท้ายกระดาษเข้าเสียก่อน พิชญะอมยิ้มเมื่ออ่านประโยคนั้น
คุณพิชญ์ ผมสัญญา ผมจะดูแลรุ่งให้ดีที่สุด จะทำให้เขามีความสุขที่สุด ผมไม่ยอมแพ้คุณหรอกนะ
กานดิศ---END---
------------
จบแล้วค่ะ /ปริ่ม เป็นเรื่องแรกเลยที่แต่งจบแบบเป็นเรื่องเป็นราว รวมเนื้อหาทั้งหมด 20 หน้า คนอื่นอาจจะมองว่าเขียนช้าจัง แต่สำหรับเราแล้วนี่เร็วมากแล้วค่ะที่แต่ง 20 หน้าได้ในเวลาประมาณ 1 เดือน (เป็นจอมอู้นั่นเอง)
ประเด็นหลักที่ทำให้เกิดเรื่องสั้นเรื่องนี้ขึ้นมาเลยคือ จะเกิดอะไรถ้าคนๆ หนึ่งอยากที่จะจดจำเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้ ไม่ต้องการที่จะลืม แต่ความจำของคนเรานี่คะ ไม่มีทางที่จะจำทุกอย่างได้หมด ขนาดตัวเราเองบางครั้งยังนึกหน้าบางคนไม่ออกเลยทั้งๆ ที่ก็เห็นอยู่ทุกวัน ซึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดความคิดนี้คือเรื่อง NG life ค่ะ คนเคยอ่านน่าจะรู้ เพราะมันเป็นฉากที่สะเทือนอารมณ์เราที่สุดเลย
มีหลายๆ อย่างในหัวของเราที่ถ่ายทอดลงมาในเรื่องนี้ไม่ได้ค่ะ ตอนแรกวาดภาพไว้ว่าจะเขียนให้มีฉากรุ่งรดิศเปิดอัลบั้มภาพความทรงจำของเขากับพิชญ์แล้วร้องไห้ให้มันสะเทือนอารมณ์มากๆ แต่ก็ทำไม่ได้ แถมตอนแรกว่าจะไม่ให้รุ่งรดิศร้องไห้ ฉากกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลนั่นจึงออกมา แต่สุดท้ายก็ต้องเขียนให้ร้องไห้จนได้(หลายรอบด้วย) ไหนจะเรื่องของรุ่งกับพิชญ์อีก คือวางเหตุการณ์ไว้เยอะมากว่าในอดีตเกิดอะไรบ้าง คบกันได้ยังไง อะไรยังไง ถ้าโชคดีอาจคลอดตอนพิเศษออกมา(ซึ่งจะเปิดเทอมแล้ว ท่าทางจะไม่ได้เขียนค่ะ) ว่าแต่จบแบบนี้นี่เหมือนตัดฉับไหมคะ เราว่าไม่เนอะ ไม่อยากเวิ่นเว้อพารุ่งรดิศกลับบ้าน จบแบบนี้คิดว่าสมบูรณ์แบบแล้วค่ะ คิดเห็นยังไงบอกกันได้นะคะ
ตอนนี้สิ่งที่ยากคือการหาว่าพิชญ์เป็นโรคอะไร คืออันนี้หาข้อมูลคร่าวๆ มาหลายวันแล้ว แต่พอวันนี้มาเขียนจริงก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มค่ะ ถึงกับต้องไปอ่านแบบพวกเนื้อหาวิชาการไรงี้เลย ซึ่งใช้เวลานานมากกกกก เพื่อเนื้อหาประมาณสี่ห้าบรรทัดนั่นแหละค่ะ แต่นั่งเทียนเขียนเองก็ไม่สบายใจ (Osteosarcoma นี่ก็แอบเอาเรื่องเหมือนกัน คือหาข้อมูลไม่ยาก แต่มันยากที่จะทำความเข้าใจค่ะ... ถ้าใครมีความรู้เรื่องนี้ เห็นมีจุดที่ผิดตรงไหนอะไรยังไงแจ้งได้เลยนะคะ)
แล้วก็หากใครมีข้อสงสัยหรือจุดไหนที่ไม่เข้าใจถามได้นะคะ จะมาอีดีท reply นี่ตอบให้
สุดท้ายนี้... ขอขอบคุณทุกท่านๆ ที่ติดตาม คอยคอมเม้นเป็นกำลังใจให้มากเลยค่ะ เราก็เฝ้ารอที่จะอ่านคอมเม้นนะ เห็นทุกคนชอบก็ดีใจค่ะ ขอบคุณที่อดทนในการอัพน้อย อัพถี่บ้าง หายไปเลยบ้าง ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ปล. ทอร์คยาวกว่านิยายอีกค่ะ