#เรื่องสั้นตอนเดียวจบ# "We were born to die"
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #เรื่องสั้นตอนเดียวจบ# "We were born to die"  (อ่าน 6312 ครั้ง)

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

******************************************************************************

▼สารบัญนิยายข้าพเจ้า►

•••เรื่องสั้นตอนเดียวจบ (หน่วงทุกเรื่อง)
►แฟนดารา
-มีแฟนเป็นดาราต้องอดทน-
►หนี
-เมื่อแฟนต้องแต่งงาน-
►ของตาย
-ของตาย ใครเขาจะมองเห็น-
►It’s You
-เมื่อนายกลับมา-
►เพราะอะไรmpreg
-ทำไมผมต้องท้อง  ทำไมเขาไม่เคยฟัง-
►เหนื่อยไหม?
-เหนื่อยไหม  กับสิ่งที่เธอทำอยู่?-
►We Were Born to Die
-เรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่ง ตั้งแต่วันแรก  จนถึงวันสุดท้าย-

•••เรื่องยาว
☺เรื่องของหนู หม่าม้า และปะป๊า☺
-หนูไม่อยากให้ป๊าม้าทะเลาะกันเลย-



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2015 00:22:35 โดย mukmaoY »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
กรุณาฟังเพลง https://www.youtube.com/watch?v=Bag1gUxuU0g  เพื่อเพิ่มอรรถรส


We were born to die….


พฤษภาคม 2549

“อุ้ย!”  หลอดน้ำร่วงลงจากโต๊ะ  มนัสมองครู่เดียวแล้วกลับมาสนใจข้าวในจานต่อ  คิดว่ากินข้าวเสร็จค่อยเก็บไปทิ้งก็ได้
“อ้าว...”  เขาทำหน้าเอ๋อเมื่อผู้ชายที่นั่งเยื้องๆกันก้มหยิบเอาหลอดนั้นไปทิ้งต่อหน้า
มนัสมึนงง  ไม่ได้รู้จักกันเสียหน่อย  โดนทำแบบนี้แล้วรู้สึกเหมือนถูกว่ากลายๆที่ไม่เก็บขยะ  เขาหมดอารมณ์จะกินต่อแล้ว
‘ทำหน้ากวนตีนชะมัด’ เขาคิดด้วยความหมั่นไส้ ถึงแม้หน้าของชายคนนั้นจะนิ่งๆก็เถอะ

2 วันต่อมา

‘เฮ้ย’ มนัสตกใจเล็กน้อยเมื่อเจอเข้ากับชายหนุ่มหน้าตายคนนั้นในเซคเดียวกัน  แถมยังเดินมานั่งข้างๆเขาอีกด้วย  หนุ่มหน้าตายยิ้มมุมปาก จะว่ากวนก็ได้  จะว่ามากันฉันมิตรก็ได้

“หวัดดี  เรานาย”

“อือ..เรานัส” 
ทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันต่อเพราะอาจารย์เข้าห้องพอดี  มนัสรู้สึกว่านายก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร  ดูท่าทางจะจำวันนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ  เขาจึงแกล้งลืมเหตุการณ์นั้นเสีย  ก็แค่เรื่องขี้ปะติ๋ว  ไม่รู้จะจำให้ตัวเองเสียหน้าทำไม



มิถุนายน  2549

“นัสชอบอ่านนิยายเหรอ?”  นายยื่นหน้ามาดูหน้านิยายที่มนัสอ่านค้างไว้  ขณะที่เจ้าของหนังสือกำลังลงมือวาดรูปตัวละครในจินตนาการ

“อื้อ เคยอ่านป่ะแฮร์รี่ พอตเตอร์  เนี่ยเราจะวาดด็อบบี้”

“เก่งจังเลยนะ วาดรูปก็สวย เรียนก็เก่ง”
มนัสเขินคำชม  แต่เขาว่านายวาดรูปสวยกว่าตั้งเยอะ เพราะนายอ่านแต่การ์ตูนญี่ปุ่น  ลายเส้นเหมือนตัวการ์ตูนที่อ่านไม่มีผิด

“เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะ”  นายพูดต่อ  มนัสหัวเราะแหะๆด้วยความอิหลักอิเหลื่อ  ทำไมจะดูไม่ออกว่านายเข้ามาในรูปแบบไหน  แต่เขาก็สงสารนายที่ไม่มีเพื่อน  อาจเป็นเพราะความเฉยชาและนิ่งเกินไปของนาย  ทำให้เพื่อนของมนัสไม่อยากคบด้วย  และชอบเก็บเอาไปนินทากันสนุกปาก  ซึ่งบางครั้งมนัสก็ผสมโรงเหมือนกัน

“ว่าไง?” นายถามย้ำ

“ก็ได้ เอาแถวหอเรานะ”  มนัสแสดงความเอาแต่ใจออกมา  เผื่อว่านายจะล้มเลิกความคิดเอาเขาเป็นแฟน

“ได้เสมอครับ”



ตุลาคม  2549

นับวันนายยิ่งรุกหนัก  และนับวัน...ใจเขาก็เริ่มอ่อน
มนัสยอมให้นายเข้ามาเป็นทุกส่วนในชีวิต  นายรู้เรื่องทุกเรื่องของเขา  ไม่ว่าจะด้านดีด้านเลว  แต่นายไม่เคยปริปากว่าเขาเลยสักคำ   นั่นทำให้มนัสประทับใจมากที่มีคนตามใจถึงขนาดนี้ 
ต่อให้เป็นผู้ชายก็ไม่น่ามีปัญหา  ในเมื่อนายเอาใจทุกอย่าง  มันดีกว่าคบกับผู้หญิงแล้วเราต้องเป็นฝ่ายตามเป็นไหนๆ
มนัสตกลงใจว่าจะยอมเปิดใจหลังสอบเสร็จ

“สอบเป็นไงบ้าง”  นายถามขึ้นเมื่อมนัสเดินออกมาจากห้องสอบ 
ประทับใจมากที่มีคนมารอหน้าห้องทุกวิชา มนัสอดเขินไม่ได้เวลาเพื่อนๆแซวกันยกใหญ่

“ยากมากๆ”

“เดี๋ยวจะคอยดูคนบ่นว่ายากนะว่าจะได้เอหรือเปล่า”  นายแซว  เห็นมนัสบ่นทุกครั้งที่สอบ แต่คะแนนออกมาดีทุกครั้งไป

นายชวนมนัสไปดูหนังเรื่องใหม่  นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองออกไปเที่ยวไกลจากรั้วมหาลัย และมนัสตัดสินใจแล้วว่าจะคุยเรื่องความสัมพันธ์นี้อย่างจริงจัง


“นาย...”  มนัสรู้ดีว่าคุยกันในโรงหนังมันไม่มีมารยาท  แต่เขาเขินอายเกินกว่าจะคุยกันในที่โล่ง

“นายรู้สึกกับเรายังไง...”  คนขี้อายหลบสายตา

“ที่ทำนี่ยังไม่รู้อีกเหรอ”  นายว่าจบก็หอมแก้มเนียน   “อ้ะ?”  มนัสลูบแก้มข้างนั้น  ในใจว้าวุ่น ..คิดว่านี่หรือคือความรัก  ไม่จำกัดเพศ  ไม่จำกัดพรมแดน  เขาไม่นึกรังเกียจนายเลย  ออกจะตื่นเต้นซะมากกว่าที่จะได้มีแฟนกับเขาแล้ว

“แล้วนัสล่ะ...รู้สึกกับเรายังไง?”  นายไล้แก้มร้อนแผ่วเบา

“ก็รู้สึกแบบนี้แหละ”  มนัสจับมือนายมาวางไว้เหนือหน้าอก  หวังให้นายได้ฟังเสียงหัวใจเต้นตุบของเขา
มนัสสัญญากับตัวเองว่าจะรักนายตลอดไป...เป็นคนแรก...และคนสุดท้าย..ของชีวิต



พฤศจิกายน  2549

ปุ้ง!!  พลุกระดาษพุ่งใส่ร่างบาง  มนัสหัวเราะร่าดีใจ  เขาปิดประตูห้องพร้อมรับอ้อมกอดแนบแน่นจากคนรัก

“ครบรอบ 1 เดือนนะครับ  จุ๊บ!”  นายพรมจูบไม่หยุด  การอยู่ใกล้คนรักทำให้อารมณ์ภายในมันคุกรุ่น

“ไม่เอาน่านาย”  มนัสยังไม่พร้อม  เขารู้ตัวเองว่าต้องเป็นฝ่ายรับมาตลอด  แต่ก็ทำใจไม่ได้สักที  ผลัดวันมาเรื่อยๆจนบางทีก็นึกสงสารนาย

“ไม่ให้ก็ไม่บังคับหรอก...อ่ะนี่ แหวนหมั้น”  มนัสทำท่าจะรับแหวนเงินเกลี้ยงมาจากนาย  ทว่านายชักมือออก

“อ่าว...”

“ยื่นมือมาสิ  เดี๋ยวใส่ให้”
มนัสทำตามแต่โดยดี ....น้ำตารื้นยามเห็นแหวนนั้นค่อยๆสัมผัสปลายนิ้ว  ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นกับผู้ชายด้วยกัน  ร่างบางโถมกอดปิดบังน้ำตา



ธันวาคม  2549

“นายหวัดดี”   มนัสทักคนรักเมื่อมาถึงโรงอาหาร  เขานัดกันเจอที่โต๊ะประจำทุกเช้าเป็นปกติ 
“คนน้อยจัง”
และมนัสก็ทำตัวปกติดีทุกอย่าง
แต่...
“นายจะไปไหน?”  จู่ๆนายก็ลุกออกไปไม่บอกไม่กล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง ทั้งๆที่ตอนมนัสเดินมาก็ยังยิ้มให้กันอยู่

“วันนี้วันอะไรวะ”  เพื่อนมนัสที่เดินมาด้วยกันเอ่ยถาม  เพราะวันนี้คนในโรงอาหารน้อยกว่าปกติ  แต่คำถามนั้นเองที่ทำให้มนัสฉุกคิดขึ้นได้....
วันนี้วันเกิดนาย!

มนัสตามง้อนายทั้งวัน  แต่มันช่างไร้ความหมาย
นายเปลี่ยนไปราวกับคนละคน  มองมนัสเหมือนอากาศธาตุจนเขาท้อ
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงได้งอนมากมายขนาดนั้น  ไม่เคยเจอคนประเภทนี้มาก่อน  เขารับมือไม่เป็นจริงๆ
เย็นวันนั้นมนัสตัดสินใจหาซื้อของขวัญให้  แต่เพราะเขาดันเป็นคนไม่ละเอียดอ่อนด้านนี้  จึงไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี จนไปเห็นร้านขายเครื่องประดับก็นึกขึ้นได้
มนัสตกลงใจเลือกแหวนเงินเกลี้ยงหนึ่งวง และสร้อยอีกเส้น  เอามาร้อยเข้าด้วยกันเป็นการตอบแทน  เขาอายเกินกว่าจะสวมแหวนทั้งวง  แค่คิดก็หน้าแดงแล้ว


สัปดาห์ต่อมา

“นาย...สุขสันต์วันเกิดย้อนหลัง”  มนัสคิดว่าตัวเองสาวขึ้นทุกวันพอมาทำอะไรแบบนี้   
เขาพยายามทำใจให้นิ่ง ถึงแม้นายจะไม่แลตามองเลยก็ตาม

“ขอเข้าด้วยสิ”  ร่างบางแทรกตัวเข้าห้องแฟน นายชักสีหน้าจนมนัสหน้าเสีย....เหมือนคนไม่ใช่แฟนกัน...

“เราเอาของขวัญมาให้”  มนัสพูดเสียงสั่น  ในอกวูบโหวง ดั่งเข็มนับพันเล่มแทงจนเป็นแผล

“....ขอบคุณ”  นายรับสร้อยร้อยแหวนไป  และพูดเพียงแค่นั้น  นายคงไม่รู้เลยว่ามันบั่นทอนจิตใจคนเป็นแฟนกันแค่ไหน
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่น

“งั้นเรากลับละ”

“เดี๋ยว!”  นายจับแขนบางไว้ทัน  แล้วดึงเข้ามากอด

“อย่าร้องดิ”  ลูบหลังคนขี้แย
มนัสคิดว่านายยกโทษให้แล้วก็ดีใจ  เขย่งตัวหอมแก้มคนรักทั้งๆที่ยังร้องไห้  นายเลื่อนมาลูบหัวด้วยความหลงใหล  บรรจงจูบปากนิ่ม  จากเบาก็เริ่มรุนแรงขึ้นจนร่างบางอ่อนระทวย
นายพามนัสนอนลงกับเตียง   บรรเลงเพลงรักร้อนแรงอย่างที่เก็บสั่งสมมานาน



กุมภาพันธ์  2550

นายเปลี่ยนไป  มนัสรู้สึกได้แม้เขาจะซื่อสักแค่ไหน  ความกังวลมันทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ  เขากลัวว่ารักครั้งนี้มันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
มนัสชักไม่แน่ใจว่าตัวตนไหนคือตัวตนที่แท้จริงของนายกันแน่
นายกลับไปเป็นคนเฉยชา  ไม่ตื่นเต้นกับรสรักเหมือนเก่า
มนัสพยายามใคร่ครวญว่าตนผิดตรงไหน  ไม่ดีตรงไหน  จะได้แก้ไขได้ถูก.....แต่ก็นึกไม่ออก



เมษายน  2550

“ทำไมช่วงนี้นายดูแปลกไป”  อันที่จริงมันก็หลายเดือนที่จำทนมา  มนัสยอมเก็บงำความรู้สึกเอาไว้ไม่บอกใคร  และบางครั้งก็อดน้อยใจไม่ได้ว่าทำไมคนที่รักไม่สังเกตแววตาอันเศร้าหมองของเขาเลยหรือ

“แปลกยังไง?”

“ดูเหมือน...ไม่รักกัน”  มนัสเบาเสียง  แม้แต่พูดเองยังไม่อยากได้ยิน

“ใครทำให้คิดแบบนั้น...ไปกันใหญ่แล้ว
บทสนทนาจบลงเท่านั้น 




พฤษภาคม  2550

“เราไม่อยู่หอแล้วนะนาย”

“อ้าว  ทำไมล่ะ  ไหนว่าจะอยู่ด้วยกัน?”

“พ่อไม่อยากให้อยู่แล้ว  ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน จู่ๆก็มาบอกให้ยกเลิกเช่าหอ”
มนัสถอนหายใจ  ชีวิตรักกำลังแย่ แล้วพ่อยังมาทำแบบนี้อีก  เขาเริ่มปลง ว่าถ้าหากเลิกกัน  ก็คงไม่แปลกใจ



กรกฎาคม 2550

มนัสเดินยิ้มกริ่มมาตั้งแต่ยังไม่เข้าห้องเรียน  ก็เมื่อคืนเขาได้ค้างกับนาย  และคิดไม่ผิดเลย เพราะนายเร่าร้อนมากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ตั้งแต่ที่เริ่มทำตัวเฉยชามา

“นัสสส”  เพื่อนทักมนัสหน้าตาเครียด  กลุ่มเพื่อนลากร่างบางเข้าไปนั่งตรงกลาง  แต่ละคนดูสีหน้าไม่ดีเลย

“พวกเราไม่อยากทำงี้หรอกนะ  แต่เราทนเห็นแกโดนหลอกไม่ได้ว่ะ”  มนัสเลิกตาเป็นเชิงถามว่าเรื่องอะไร

“ไอ้นายแฟนแกอ่ะ...มันมีกิ๊ก” 
มนัสหัวเราะแหะๆ  ใจเชื่อแต่ปากปกป้องแฟน
“ไม่หรอกมั้ง”

“เย็นนี้แกไปแอบดูเลยนะที่หออีเก่ง นั่นแหละหอกิ๊กมัน  มันไปหาทุกวัน อีเก่งแม่งเจอจนชิน”
เก่งพยักหน้ายืนยัน  กุมมือเป็นกำลังใจให้มนัส
โชคดีแค่ไหนที่วันนี้มีวิชาเดียว  เพราะมนัสเรียนไม่รู้เรื่องเลย

4 ชั่วโมงต่อมา

เขาเห็นแล้ว....ร่างสูงของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าแฟนเดินจูงมืออยู่กับผู้ชายน่ารักคนหนึ่ง  น่ารักจนอดเอามาเทียบกับตัวเองไม่ได้....เขาทั้งดำ  ทั้งเตี้ย  หน้าตาก็ธรรมดาดาษดื่น
มนัสกลับบ้านด้วยใจห่อเหี่ยว  ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจ็บ 
เขาไม่เข้าใจเลยว่าคนที่คิดนอกใจทำลงได้อย่างไร....
ทีแรกก็อุตส่าห์หลอกตัวเองว่าคงหมดโปรโมชั่น

หากไม่คิดสงสาร  ก็ควรละอายแก่ใจบ้าง
ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น  ...มันก็ทำให้เขานอนจมหยาดน้ำตาทุกคืน




ตุลาคม  2550

“ปิดเทอมนี้นัสไปเที่ยวบ้านเรามั้ย”   มนัสฝืนยิ้ม  ทำท่าดีใจเสียเต็มประดา  นี่เป็นครั้งแรกที่นายชวนไปเที่ยวบ้าน

“ครบรอบหนึ่งปีเหรอ?”

“อื้ม....นายรักนัสนะ  รักที่สุด..รักมากกว่าใคร  สุขสันต์วันครบรอบนะครับ”
มนัสกล้ำกลืน  ไม่ได้ดีใจกับตำแหน่งเมียหลวงเลย




มกราคม  2551

Happy birthday to you….Happy birthday to you…
มนัสอธิษฐาน..... ‘ขอให้ไม่มีใครเจ็บปวดเพราะความรัก’  แล้วเป่าเทียนครั้งเดียวดับ
หน้าชื่น...อกตรม
เขายิ้มขอบคุณเพื่อนทุกคนที่มางาน รวมไปถึงญาติๆที่สนิทกัน....รวมไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆคน...แต่คงไม่รวมแฟนของเขา
นายอ้างว่าป่วยลุกไม่ขึ้น  คราแรกมนัสเกือบจะไปหาแล้วถ้าเพื่อนไม่ห้ามไว้เพราะเป็นวันสำคัญและญาติๆก็มารวมตัวกัน
มนัสต้องขอบคุณเพื่อนมากที่รั้งเขาไว้ในวันนี้  เพราะการมาเห็นคนที่รักเราอยู่พร้อมหน้า  มันทำให้มนัสคิดได้ว่าเราจะไปรั้งคนที่ไม่รักเราทำไม....
คนที่บอกรักเรา  แต่การกระทำกลับทำร้าย
คงไม่เรียกว่ารัก....




กุมภาพันธ์  2551

“นัส...สบายดีนะ”  เสียงที่เคยคุ้นทัก
มนัสตั้งหลักครู่หนึ่งจึงยิ้มออกมา

“สบายดี  แล้วนายล่ะ”
นายพยักหน้า  แต่ไม่พูด.... มนัสอ่านแววตาแล้วเศร้าน่าดู

“เจอใครใหม่ยัง?”

“ฮ่าๆๆ จะไปเจอเร็วขนาดนั้นได้ยังไง”  มนัสรู้ตัวเลยว่าหัวเราะได้โอเวอร์แอคติ้งมาก

“ก็เห็นพูดว่าจะหาคนใหม่เพราะอยากลืมเรา”
ร่างบางได้ยินแล้วสะอึก 
“นายอย่าไปสนใจที่เราพิมพ์ในบล็อกเลย ก็แค่ฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อย”

“งั้นเย็นนี้เราโทรหานะ”  เขายังไม่ทันตอบอะไรเลย  นายก็เดินหนีไป

และคืนนั้นนายก็โทรมาจริงๆ   มนัสยิ้มเศร้ากับตัวเองที่นั่งรอโทรศัพท์เหมือนไม่เคยพบเคยเห็น  แม้แต่น้องสาวยังแปลกใจว่าทำไมพี่ผู้ไม่เคยแตะมือถือ  กลับมานั่งจ้องมันอยู่อย่างนี้
“ฮัลโหล”

--“เป็นไงบ้าง  กินข้าวหรือยัง”—

“กินแล้ว”
มนัสคุยโทรศัพท์เพลินจนถึงตีสาม
เขารู้ตัว...และรู้ดี  ว่าที่ผ่านมาเขาเจ็บมากขนาดไหน  บอกตัวเองว่าเหงาหรอก  ถึงได้ยอมคุย..
คิดถึงเพราะมันผูกพันกันหรอก  ถึงได้ใช้คำพูดดีๆรักษาน้ำใจ





มีนาคม  2551

“เห็นมั้ยเราสองคนก็ยังรักกันอยู่  แล้วนัสจะไม่ลองคิดดูอีกทีเหรอ”

“เราเข้ากันได้ดีขนาดนี้  เราไม่รู้เลยว่าเราจะหาใครได้เหมือนนัสอีกว่ะ”

“นัสลองคิดดูนะ....คนเรามันก็มีผิดพลาดบ้าง เรายอมรับ  แต่ตอนนี้เราไม่ได้คบกับเขาแล้ว ...เขาไม่รักเรา  ช่วงนั้นเราย้อนกลับไปคิด...ก็เจอแต่ภาพนัสเต็มไปหมด”

“เรายังไม่ต้องคบกันแบบแฟนก็ได้  เรารอนัส  รอเสมอ...คุยกันแบบนี้ไปก่อนก็ได้นะ”



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2015 00:23:48 โดย mukmaoY »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เมษายน  2551

“นี่แกกลับไปคบกับมันอีกแล้วเหรอ”   กลุ่มเพื่อนมีสีหน้าไม่พอใจ  แต่คงขัดอะไรไม่ได้  ชีวิตใครชีวิตมัน  เพื่อนมีหน้าที่แค่ตักเตือนก็เท่านั้น

“เราให้โอกาสเค้าครั้งเดียว  ถ้ามีอีก...เราจะไม่กลับไป”  มนัสตอบหนักแน่น




พฤษภาคม  2551

มนัสมีความสุข......
นายกลับมาเป็นคนเดิมที่เขาเคยสัมผัส  คนที่ดูแลเอาใจใส่  คนที่ไม่เคยห่างเขาไปไหน
ทั้งสองก็เหมือนสายน้ำเย็นๆสองสายไหลมาบรรจบกัน  และเข้ากันได้ดีในทุกๆเรื่อง
นายชอบการ์ตูน   มนัสก็ชอบตาม
มนัสชอบนิยาย  นายก็อ่านด้วย
มันมีความสุข...จนนึกไม่ออกว่า  เขาจะเลิกรักคนๆนี้ได้ยังไง?





สิงหาคม  2551

“ทำไมนายต้องคุยเอ็มกับเพื่อนแบบนั้น?”  มนัสเริ่มรู้สึกไม่เข้าใจเมื่อเหลือบไปเห็นข้อความในโปรแกรมMSNของนายเป็นเชิงชู้สาว  แม้รู้ดีว่าฝ่ายนั้นคือเพื่อนสนิท
นายไม่ค่อยมีเพื่อน  แต่พอมีแล้วกลับพูดจ๊ะจ๋า....มันดูขัดๆชอบกล

“แบบไหนล่ะ ก็ปกตินี่”

“เราก็เข้าใจนะ  แต่ว่ามัน...”

“เออก็ได้ๆ  เราจะพยายาม”





กันยายน  2551

“ทำไมคุยกับเพื่อนแบบนั้นอีกแล้วอ่ะนาย”

“โอ๊ยอะไรวะ  รำคาญ!”


1 สัปดาห์ต่อมา

“เราเลิกกับนายแล้วนะ”
ถ้าไม่เกรงใจเขา  เพื่อนๆคงกรีดร้องกันไปแล้ว 
มนัสยิ้มขื่นทำราวกับว่าโล่งใจมากๆที่หลุดพ้นจากคนพรรค์นั้นได้สักที




ตุลาคม  2551

-ถ้าวันนี้เรายังคบกัน  มันคงเป็นวันที่ดีมากแน่ๆ-
-งานหนังสือปีนี้คงไม่ได้ไป  เพราะไม่มีคนไปด้วยเหมือนอย่างเคย-
-เมื่อไหร่จะลืมนายได้สักที-


พฤศจิกายน  2551

-ทำไมนายเป็นคนแบบนี้  ทำให้เรารักทำไม?!-
-เราไม่น่าเจอกันเลย-
-It must have been love…but it’s over NOW
-มีเธอก็เจ็บ  ไม่มีเธอก็เจ็บ   cr. Cold Light-


ธันวาคม  2551

-เราเคยฝันว่าอยากมีชีวิตปกติ  เป็นพ่อที่ดี เป็นสามีที่ดี  แต่นายทำให้ชีวิตเราผิดเพี้ยน  เราเกลียดนายว่ะ-
-นายน่าจะเจออย่างเราบ้าง  จะได้รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน-




มกราคม   2552

-สุขสันต์วันเกิดนะ  ขอให้มีความสุขมากๆ  ขอให้เจอคนที่ดีมากกว่าเรา-
ข้อความจรากนายส่งมากลางดึก
-ขอบคุณสำหรับคำอวยพร  เรายังเป็นเพื่อนกันเสมอนะนาย-   
มนัสเลือกวันเกิดเป็นวันที่เขาอโหสิกรรม  เลือกที่จะไม่โกรธไม่เกลียด  เพราะมันมีแต่เขาที่ทุกข์




พฤษภาคม  2552

“อ้าวนาย.....สบายดีมั้ย”    มนัสใช้เวลาหลายเดือนรักษาหัวใจตัวเองจนเกือบเป็นปกติ  เขาทักทายนายได้แม้ใจยังไหวหวั่น

“ไม่เจอกันนานเลยนะ”  นายยิ้มตอบ 
ทั้งสองยังมีท่าทีขัดๆเขินๆต่อกัน  มนัสจึงยกเรื่องการ์ตูนมาคุย  พอให้บรรยากาศผ่อนคลายลงบ้าง




มิถุนายน  2552

“นกสองตัวนั้นน่ารักจัง  น่ารักเหมือนนัสเลย”

“พูดอะไรนาย”  มนัสหัวเราะกลบเกลื่อน  แต่ในใจหวั่นไหว

“ไม่รู้สิ  เราพูดอะไร มันก็ออกมาจากใจทั้งนั้น...แต่ว่านะ ช่วงนี้หน้าอกเรามันโหวงๆเบาๆ  หัวใจมันไปอยู่ที่ใครกันน้า”  นายว่า สายตามองหวาน

มนัสแกล้งทำเขิน  ทั้งๆที่มันไม่ใช่
เขาไม่ต้องการแบบนี้
ที่กลับมาคบกัน  เขากำหนดให้อยู่ในสถานะเพื่อน  ตอกย้ำกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา  แต่นายดูเหมือนจะไม่เข้าใจมันเลย  นายเอาแต่หยอดคำหวานทุกวี่วัน


“นายเลิกพูดอะไรแบบนั้นได้มั้ย  เราเป็นเพื่อนกันนะ”  มนัสยอมบอกตรงๆ  ยิ่งนายจีบยิ่งอึดอัดใจ

“ก็เราไม่เคยคิดกับนัสแบบเพื่อน”  นายตอบด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน  นั่นทำให้มนัสหมั่นไส้  นายทำเหมือนเขาเป็นของง่ายๆ จีบนิดจีบหน่อยก็คงติดอีก
เขาโมโหมากจึงพูดตัดขาดกัน






กุมภาพันธ์  2555

เขาไม่ศรัทธาในความรัก....
สองปีที่ผ่านมา มนัสไม่เคยมีใครใหม่  แม้มีคนมาจีบมากมาย แต่ก็ปฏิเสธทุกคนไป เพียงเพราะความหลังอันเจ็บปวด
เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนที่รักจริงใจอยู่บนโลก....  ต่อให้คนเหล่านั้นดีแค่ไหน  ก็ต้องนอกใจในสักวัน  เขาทนแบกรับความเจ็บปวดนั้นไม่ไหว  แม้จะยอม  แม้จะปลง  และแม้จะเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์มากแค่ไหนก็ตามแต่....เขาก็ไม่มีทางทำให้ตัวเองเจ็บอีก
มนัสอยู่กับตัวเองจนชินแล้ว  อาจมีบ้างที่เหงา  ใบหน้าของนายก็จะผุดขึ้นมาในมโนจิต
นาย....ผู้ลวงหลอก
มนัสดีใจ  ที่นายในจิตใต้สำนึกของเขาไม่ใช่คนดี
เขาจะได้ไม่กลับไปโหยหาความรักจากคนๆนั้นอีก
ดีแล้ว
มันดีแล้ว....




มีนาคม  2555

“โอ๊ะ!”  มนัสจอมซุ่มซ่ามเดินชนใครบางคนในโถงทางเดิน  เขาก้มหัวขอโทษ

“นัส....”
ทำไมต้องเป็นเสียงนี้.....  ทำไมเขาต้องจำได้......

“มาทำอะไรเหรอ?”  มนัสกำลังชั่งใจว่าจะทำเป็นไม่รู้จักดีไหม  ....สองปีที่เขาทนมามันจะสูญเปล่าไหม

“เรามาสัมมนาน่ะ นัสก็คงเหมือนกันสินะ บังเอิญเนอะ”

“อื้ม”  มนัสตัดสินใจตอบแบบขอไปที  ยิ้มมุมปากเป็นการรักษาน้ำใจ

“นัสเล่นเฟสมั้ย”

“ไม่อ่ะ  ไม่ชอบ  เราไปก่อนนะ”


แต่อันที่จริงมนัสสมัครเว็บไซต์เฟสบุ้คได้หลายวันแล้วตามคำแนะนำของเพื่อนที่อยากรวมศิษย์เก่ารุ่นเดียวกัน  แต่เขาไม่เปิดเผยตัว  ไม่แม้กระทั่งบอกชื่อจริง  เพราะกลัว....กลัวคนเดิมๆที่ตามมาหลอกหลอนทุกครั้งไป
เขาหัวเราะกับตัวเอง   ไม่ทันไร....ก็มาจริงๆ





เมษายน  2555

Nai  NiNe  ขอคุณเป็นเพื่อน
มนัสพรูลมหายใจ   กุมหัวไม่อยากคิดอะไร
ถ้าไม่ได้อยู่ในที่ทำงาน  เขาคงตะโกนสบถคำหยาบออกมาสักคำเพื่อระบายความอัดอั้น
เขารู้ตัวดีว่าไม่ได้รักนายแล้ว  แต่มันอดใจสั่นไม่ได้....
มนัสลองเปิดเข้าไปดูหน้าโปรไฟล์  ส่วนมากนายจะคุยกับเพื่อนมากกว่า
นายเปลี่ยนไปมากตั้งแต่ไม่ได้เจอกัน  กลายเป็นคนเฮฮาสังสรรค์  รูปทุกรูปนายดูมีความสุข  นายฉีกยิ้มมากกว่าตอนอยู่ด้วยกัน
มนัสน้ำตาไหล..... นึกน้อยใจตัวเอง
เขาจมอยู่กับความทุกข์  แต่อีกคนกลับยืนหยัดอยู่ได้
เขาโทษโลกบ้าๆ  โทษนาย  โทษความรัก
สุดท้ายก็มาจบที่โทษตัวเอง....  เขาไม่เคยอโหสิกรรมให้นายเลยสักนิด
ใจเขายังคงเก็บความเจ็บปวดไว้ไม่เคยจางหาย  ไม่เคยเดินหน้า...เอาแต่ถอยหลัง
ไม่เคยเปิดใจให้ใคร  ไม่เคยลองที่จะยื่นมือไขว่คว้ารับความช่วยเหลือจากใครคนอื่น

Ma Nani  รับ Nai  NiNe  เป็นเพื่อนแล้ว

-สวัสดี  เรานายนะแอดมาจากกลุ่มคณะ  เราสาขา....นะ  นายล่ะ-
   -เราสาขา..... ยินดีที่ได้รู้จัก-
-ชื่ออะไร  เผื่อเราจำได้-
   -นัส-
-อ่าว...นัสนี่เอง....สบายดีนะ-
   -สบายดี-
-คงไม่อยากคุยกับเราสินะ-
   -555-
-เรายังไม่ลืมนะ-
   -55+-
-ขอบคุณนะที่รับเรา  เราขอโทษนะที่ผ่านมา  เราอยากพูดมานานแล้ว  นัสคือคนเดียวของเราเสมอนะ...ถึงเราจะมีใคร  แต่เขาก็ไม่ดีเท่านัสหรอก  เราอยากมีคนคุยเหมือนเก่า  เข้ากันได้ทุกเรื่องเหมือนเก่า  แต่นัสคงไม่ให้อภัยเรา-
เหมือนเป็นเหตุการณ์เดจาวู....มนัสใคร่ครวญก่อนตอบ
   -เราให้อภัยนาย...แต่เราขอนะ  อย่าคุยกันอีกเลย-




พฤษภาคม  2555

มนัสคิดผิดที่รับนายเป็นเพื่อน  เพราะตั้งแต่วันนั้น  หน้าไทม์ไลน์ของมนัสก็มีแต่บทเพลงซึ้งๆหวานๆ บ้างก็เชิงขอร้องอ้อนวอนให้รับรัก
เขาอยากมีความรักนะ  แต่ต้องไม่ใช่คนนี้
หัวเด็ดตีนขาด มนัสก็ไม่ยอมกลับไปรักนาย

-ไปดูหนังกันมั้ย  มีเรื่องใหม่เข้า The Avengers น่าสนุกนะ-
นายส่งข้อความมา  ซึ่งเป็นหนังที่มนัสอยากดูพอดี แถมไม่มีเพื่อนคนไหนสนใจเลย  เขาเงียบไปนาน
   -ไปก็ได้ วัน....เราว่างนะ-
-โอเคค้าบ-


“หนังสนุกอ่ะ  นัสชอบใครที่สุดในเรื่อง”  นายเอ่ยหลังจากหนังจบ  ทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันเลยตั้งแต่เจอหน้า 

“ไอรอนแมนสิ  เราตามดูมาตั้งแต่ภาคแรกเลย  มันกวนตีนดี”  มนัสใช้น้ำเสียงสบายๆ  เหมือนคุยกับเพื่อน

“อืม  วันหลังมาดูอีกนะ มาเวลคงทำอีกเยอะ”

“ได้ๆ เพื่อนเราไม่มีใครตามทุกเรื่องขนาดเราเลย  มันบอกว่าเราเป็นติ่งมาเวลด้วย”

“นัสมีความสุขเราก็ดีใจ”




ตุลาคม  2555

-ยังจำวันนี้ได้ไม่ลืมเลือน....วันที่เรามีแฟนคนแรก  และเราหวังว่าเขาจะเป็นคนสุดท้าย  แต่แล้วเราก็ทำผิดมหันต์-
มนัสอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมา
เขาเบื่อและเหนื่อยใจเต็มทน
ไม่รู้ว่านายเขียนเพื่อให้เขาเห็นหรือไม่
ตัดสินใจส่งข้อความหลังไมค์ไปบอกว่าจะบล็อก

-ทำไม?-
   -เราไม่อยากรับรู้อะไรจากนายอีก-
-ตามใจละกัน  เราคงรั้งนัสไว้ไม่ได้สินะ-




พฤศจิกายน  2555

Nai NiNe in relationship with สราวุธ  เทียมไท
-ดูมันสิ  แล้วแฟนมันไปรักมันได้ไงวะ ไม่เข้าใจโลก!-

เพื่อนเก่าที่รู้เรื่องเขาส่งภาพที่แคปจากหน้าจอมาให้
มนัสอยากจะหัวเราะดังๆ
ไม่เข้าใจจิตใจของคน  บอกว่ารักเรา  ยังไม่ลืมเรา  แต่กลับมีคนอื่นได้ง่ายๆ
ไม่ยุติธรรมต่อคนนั้นเอาซะเลย.....นายไม่สงสารแฟนใหม่บ้างเลยเหรอ
หรือนายจะหมดรักเราแล้วจริงๆ ....ง่ายจังนะ




มกราคม  2556

ปีนี้มนัสไม่ได้จัดงานวันเกิด  เขารู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานอะไรแบบนั้นอีกแล้ว   เขาใช้ชีวิตตามปกติ
ทำงาน ....ตกเย็นสั่งไก่เคเอฟซีมากินฉลองกับพ่อแม่  ย้อนกลับไปเป็นเด็กที่ชอบอ้อนท่านๆ




เมษายน  2556

กี่ปีๆ งานหนังสือก็ยังคนเยอะเหมือนเดิม   มนัสจึงเลือกมาแต่เช้า  บางบูธยังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ  เขาเดินเอื่อยๆรับกลิ่นหนังสือเก่าและใหม่  มันเป็นความสุขเล็กๆของคนบ้านิยายอย่างเขา

“โห โปรปีนี้น้อยจัง”  ร่างบางยืนอ่านป้ายโปรโมชั่นของบูธๆหนึ่ง  พลางนึกถึงเงินที่หยิบใส่กระเป๋ามา  ...เขาเอามาแค่ห้าพันเอง   ดูท่าจะไม่พอแน่ๆ  ทั้งหนังสือที่เล็งไว้  กับทั้งที่เห็นแล้วอยากได้อีก

“อืม  น้อยจริงๆนั่นแหละ”

“หวัดดีนาย”  นายเหมือนวิญญาณตามติดเข้าไปทุกที  ถึงจะไม่ได้บังเอิญเจอกันบ่อยขนาดนั้น  แต่มนัสรู้สึกว่านายไม่ได้ไปไหนไกลเลยจริงๆ

“เรื่องนี้น่าอ่านนะ”  นายชี้วรรณกรรมเรื่องThe Reader  วรรณกรรมเยอรมันที่ค่อนข้างเครียด 

“นายไม่ชอบหรอก  มันดราม่า”

“เดี๋ยวนี้เราอ่านแนวดราม่า”

“เปลี่ยนแนวไปเยอะนะ”

“ก็ต้องมีบ้าง  แนวเดิมๆเขาไม่รับเรา”
มนัสถอนหายใจ....จะมีสักครั้งไหมที่บทสนทนาไม่โยงไปเรื่องเดิมๆ  เขาหยิบหนังสือวิเคราะห์มหันตภัยไปจ่ายเงินโดยไม่สนใจนายเลย

 


สิงหาคม  2556


“ทำไมประเทศไทยมันร้อนขึ้นทุกวันๆ”  พี่ที่ร่วมงานกันบ่น  มนัสก็คิดเช่นนั้น  ..อากาศร้อนอบอ้าวมาเป็นอาทิตย์ๆ  ร้อนจนผิดปกติ

“ฝนมันน่าจะตกได้แล้วนะ ร้อนแบบนี้”

“พูดถึงฝนก็นึกขึ้นได้   เมื่ออาทิตย์ก่อนใครกางร่มให้จ๊าน้องนัส”

“คนรู้จักครับ  บังเอิญเจอในโรงอาหาร”

“แหมๆเจอกันปุ๊บ กางร่มให้กันปั๊บ”

“นี่แกจะแซวให้น้องมันเป็นเกย์ทำไม  เป็นผู้ชายน่ะดีแล้วลูก”
มนัสยิ้มขำ  ผู้ชายปริศนาคนนั้นก็แค่ทักสองสามคำ  ชื่อยังไม่รู้จักเลย  เขาคิดว่าถ้าเจอกันอีกก็อยากจะสานสัมพันธ์  เหงามาหลายปีแล้ว  อยากเปิดใจอีกครั้ง




ธันวาคม  2556

“บ้านนัสสวยจัง”   กรไหว้พ่อแม่มนัสอย่างสุภาพ   นี่เป็นการเปิดตัวแฟนอย่างเป็นทางการ
ดูพ่อแม่และกรจะเข้ากันได้ดี  กรเป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง  ติดจะอวบเล็กน้อย นิสัยดี สุภาพกับทุกคน  แต่บางครั้งก็ทะลึ่ง
กรสู้ฝ่ากำแพงของมนัสมาตั้งหลายเดือนจนมนัสยอมใจอ่อน




มีนาคม  2557

“กร....กร...อ้ะ...”  มนัสอยากพูดว่าพอแล้ว  แต่ก็พูดไม่ออก  กรทำรักมาตั้งแต่หัวค่ำ  จนนี่ตีสามแล้วยังไม่หยุดเลย  พรุ่งนี้เขาคงไปทำงานไม่ได้แน่ๆ

“ขออีกครั้งเดียว”

“มันเจ็บ....”

“เจ็บเหรอ.....”      “อ้ะ..อ้ะ..อ๊าๆๆ พอๆ โอ๊ยย”   

 “สะใจโว้ย!! จะเย็-ให้ตายเลย!!”





เมษายน   2557

ทำไมบริษัทต้องจัดสัมมนาพร้อมกับบริษัทอื่น  มนัสจำได้ว่าเคยพบนายก็เพราะจัดสัมมนาโรงแรมเดียวกัน  คราวนี้เขาจึงกลัวขึ้นมา
ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอ  แต่ไม่อยากรับมือมากกว่า
แค่คุยกันวันเดียว  เขาก็เหนื่อยใจไปทั้งอาทิตย์

“ไง..”  คงหนีไม่พ้น

“หวัดดีนาย”

“ดูโทรมๆนะ”

“เหรอ  ก็ปกตินะเราว่า”

“แฟนใหม่เลี้ยงดีหรือเปล่า”

“ก็ต้องดีสิ  เรารักกันมากนะ  เนี่ยงานหนังสือก็จะไปด้วยกัน”

“แต่เราว่า...เราได้ยินมาว่าเค้าไม่ค่อยดีเรื่องนั้น  ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”

“ขอบคุณนะที่เป็นห่วง  เรารู้ดีว่าเค้าเป็นคนยังไง”





กรกฎาคม  2557

“กรอย่าเพิ่งขับรถดีกว่า  ข่าวบอกว่าพายุจะเข้า”

“แต่เรานัดพ่อแม่ไว้แล้วนะ”

“โทรไปเลื่อนท่านก่อน”
มนัสใจไม่ดีเลย  ฟ้าข้างนอกนั่นน่ากลัวราวกับมันจะถล่มลงมา   เขาปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด  ซุกตัวอยู่กับกรในห้องเงียบๆ  เสียดายเหมือนกันที่ต้องเลื่อนวันเจอพ่อแม่คนรัก




สิงหาคม  2557

Feet don’t fail me now
Take me to the finish line
Oh my heart it breaks every step that I take
But I’m hoping at th—  กรเอื้อมมือปิดเพลง

“ทำไมชอบฟังเพลงนี้จัง”  เสียงกรไม่สบอารมณ์  มืออวบกดเปลี่ยนแผ่นซีดี

“ขับรถทีไรกรก็ฟังแต่เพลงตัวเองอ่ะ  ขอฟังของเรามั่งดิ”

“เพลงนัสมีแต่น่ากลัวๆ  ขืนขับรถไปก็หลับพอดี”

“แล้วพอเราฟังเพลงเกาหลีล่ะ  ชวนง่วงตรงไหน?”

“อย่ามาบ้าเกาหลีได้มั้ย  ไม่ชอบเลยว่ะพวกนี้ ไร้สาระ เอาเงินไปผลาญเล่นๆ”

“อ้าวพูดงี้ได้ไงเนี่ย  เงินก็เงินของเขา มีเด็กตั้งหลายคนหาเงินเอง  อีกอย่างนะตอนเด็กๆกรก็เคยบ้ากันดั้มไม่ใช่เหรอ”
มนัสชักโมโห  ไม่ชอบคนตรรกะนี้ที่สุด  และเขาทนมามากพอแล้ว
กรหัวดื้อมากเกินไป  พูดอะไรไปก็โดนข่มตลอด


“เอองั้นเปิดไปเลยไอ้เพลงบ้าๆนั่น”
มนัสเปิดเพลงโปรดประชด
--gates,
They’ll tell me that you’re mine
Walking through the city streets
Is it by mistake or design?
“กร!!ระวัง!”  รถตวัดเป็นวงกลม  มนัสใจหาย....เขานั่งสูดลมหายใจอยู่นานจึงลงจากรถตามกรไป

“นี่มันอะไร?”
จู่ๆต้นไม้หลายต้นริมทางก็ล้มระเนระนาด
มนัสสับสน....ตลอดทางไม่มีวี่แววของพายุเลย  ท้องฟ้าวันนี้สดใสเหมาะแก่การเที่ยวมากกว่าวันไหนๆ
เขาและกรมองหน้ากัน.....  “โทรแจ้งตำรวจก่อนละกัน”




กันยายน  2557

“แผ่นดินไหวที่ภาคเหนือนี่น่ากลัวจริงๆ  บ้านญาติแกอยู่นั่นเป็นไงมั่ง”

“แย่ว่ะ”

มนัสทรุดนั่งด้วยใจว่างเปล่า  ข่าวแผ่นดินไหวทางภาคเหนือทำให้ช็อคกันไปตามๆกัน  แม้จะไม่หนักหนามาก  แต่คนไทยยังไม่คุ้นชินกับเหตุการณ์แบบนี้
เขาจำได้ว่าบ้านนายก็อยู่ภาคเหนือ.....อดเป็นห่วงตามประสาคนเคยรักกันไม่ได้
มนัสปลดบล็อกเฟสของนาย  พอเข้าไปดูปรากฏว่านายโพสต์ภาพรูปบ้านหลังหนึ่งทรุดอยู่ริมตลิ่ง
-สู้ๆนะ-  เขาพิมพ์ให้กำลังใจ

ไม่ทันไร นายก็กลับมาโพสต์ข้อความหน้าวอล
-ขอบคุณนะ  อดพาเที่ยวบ้านเลย-
   -วันหลังก็ได้-
-จะรีบซ่อมเลยครับ-


“คุยกับแฟนเก่าด้วยเหรอ?”   กรถามทันทีที่มนัสเปิดประตูรถ
ร่างบางส่ายหน้า  นั่งลงคาดเข็มขัด  เพราะกรคงขับเร็วแน่

“ไหนว่าไม่มีอะไรแล้วไง  กรตามอ่านตั้งแต่แรกๆ....ยังมีเยื่อใยให้กันอยู่เลย”  รถเริ่มออกตัว  และมันเร็วเหยียบร้อยอย่างที่มนัสเดาไว้ไม่มีผิด

“ก็ให้กำลังใจเค้า  บ้านเค้าพังนะ ”  เขาพยายามใจเย็น

“แต่กรไม่ชอบ!!”
มนัสไม่โต้ตอบ  นั่งเกร็งจนถึงบ้าน

“อย่าคุยกับแฟนเก่าอีกนะนัส”  กรกุมมือเขาเอาไว้  สายตาเว้าวอน ....กรมีความหลังฝังใจกับเรื่องนี้  ซึ่งมนัสก็รู้และเข้าใจดี  เขาจึงยิ้มอ่อนโยน
“จะไม่คุยอีกแล้วครับ”
ร่างบางลงจากรถ  โบกมือลาคนรัก   อากาศวันนี้เย็นจนต้องถูแขนตัวเอง  มองไปบนฟ้ามืดมิด.....
“ทำไมดวงจันทร์เป็นแบบนั้น”  สีของดวงจันทร์มืดหม่นเคลือบแดง  ทั้งๆที่เป็นข้างขึ้น มนัสเห็นแล้วใจหาย  อย่างกับพระจันทร์ในหนังสยองขวัญ




ตุลาคม  2557

-เดือนหน้ามางานวันเกิดเรานะ-
   -ก็ได้  ที่ไหนละ-
ไม่รู้อะไรดลใจให้มนัสตอบไปอย่างนั้น  เขาแค่รู้สึกว่าอยากไป  และลืมนึกถึงแฟนคนปัจจุบันเสียสนิท




14  ธันวาคม  2557

ผับ***
“ขอบคุณนะที่มา”

“อยากเที่ยวเหมือนกัน  ไม่เคยมาแบบนี้”

“ห้ะจริงดิ”

“ก็ไม่ชอบเสียงดังๆ  ไม่รู้จะมาทำไม”

“เราลืมไปว่านัสไม่กินเหล้า”

“เอ้อมัวแต่คุย....นี่ของขวัญ”  มนัสล้วงเอากล่องของขวัญกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋า  ในนั้นมีเข็มกลัดสัญลักษณ์ตัวละครโลกิที่นายชอบ

“ขอบคุณมากครับ  เอ้อ...นัสมีไลน์มั้ย”
มนัสส่ายหน้า  อันที่จริงก็มี  แต่เขาไม่อยากให้  ติดต่อทางเฟสบุ้คก็พอ

ครืน.....

“ฟ้าร้องเหรอ?”

“เอ...เราว่าเสียงมันมาจากข้างใต้.....”

ครืนนนนน
มนัสรู้สึกว่าพื้นสั่นอย่างเห็นได้ชัด  เขาเริ่มกลัว.....จึงขยับเข้าใกล้นาย
นายมองหน้าคิ้วเครียดขึง.....วางแก้วในมือลง

“ออกไปข้างนอกกัน”
หลายคนยังพอมีสติ  พากันทยอยลากเพื่อนตนออกมากองไว้ที่ลานจอดรถ  ส่วนบางคนเชื่อว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอนจึงยังคงอยู่ในผับ
ใจมนัสเต้นโครมคราม  เขาอยากให้ผับมันเล็กกว่านี้   ตอนนี้เบียดกันออกยังไม่ถึงไหนเลย

ครืนนนนนนนน
มนัสกุมมือนายแน่น 

ครืนนน นนน   ปัง!!!
“กรี๊ดดดดดด”
เสียงฟ้าผ่ากัมปนาท    ผนังด้านขวาของตัวผับถล่มลงมาเพียงชั่วพริบตา  ภาพคนถูกทับติดตาน่ากลัว  มนัสกุมมือนายแล้ววิ่งหนีสุดชีวิต

“ช่วยด้วย!!”
ไม่มีใครสนใจใครทั้งนั้น  มนัสไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหยียบคนไปกี่คน  เขาวิ่งออกมาจนได้  และไม่คิดหันหลังกลับไปมองเลยสักนิด

ทั้งสองหายใจแทบไม่ทัน  หัวใจเหมือนจะหลุดออกจากอก

“ใกล้ๆนี้มีลานโล่งๆ  ไปที่นั่นกัน”  นายไม่รอให้มนัสตอบ  รีบจูงมืออดีตคนรักทันที



2 ชั่วโมงต่อมา

“มันหยุดยัง...”  มนัสพูดเพ้อๆ  ตัวยังสั่นในอ้อมกอดนาย
นายที่สั่นเหมือนๆกันไม่ตอบ  ทำเพียงลูบหลังปลอบคนตัวเล็กกว่า

“เราน่าจะมีอะไรทำนะ”

“ฟังเพลงมั้ย...”  ยังดีที่กระเป๋ามนัสมีทุกสิ่งที่ต้องการ  เขาหยิบไอพอดขึ้นมาฟังเพลงเพื่อผ่อนคลาย
ตอนนี้สถานการณ์ตึงเครียดมาก  บางคนร้องไห้   บางคนลากเอาศพเพื่อนมาด้วยซ้ำ  เห็นแล้วสลดใจ
มนัสยัดหูฟังให้นายหนึ่งข้าง  ให้ตัวเองหนึ่งข้าง
Feet don’t fail me now
Take me to the finish line
Oh my heart it breaks every step that I take
But I’m hoping at the gates,
They’ll tell me that you’re mine

“ฟังเพลงน่ากลัวมาก”

“เปลี่ยนเพลงได้นะ”

“ไม่ต้องหรอก”

Don’t make me sad, don’t make me cry
Sometimes love is not enough and the road gets tough
I don’t know why
Keep making me laugh, let’s go get high
The road is long, we carry on
Try to have fun in the meantime

นายหัวเราะ  “เข้ากับสถานการณ์ดีว่ะ”


6  ชั่วโมงต่อมา

เสียงไซเรนดังขึ้นเรื่อยๆ  ทุกคนในบริเวณนั้นต่างมีความหวัง
แผ่นดินไหวหยุดไปเมื่อชั่วโมงก่อน  มนัสได้แต่ภาวนาว่าอย่ามีอาฟเตอร์ช็อคอีกเลย
“จริงๆเราควรช่วยตัวเองนะ  ตอนนี้ทุกคนต่างเดือดร้อน”  นายบ่นเมื่อเห็นหลายๆคนกรูไปรอรถช่วยเหลือที่ถนน

“ใครจะรู้ว่าครอบครัวเจ้าหน้าที่อาจไม่อยู่แล้วก็ได้”





1  มกราคม  2558

“เป็นปีใหม่ที่แย่ชะมัด”  กรบ่น
ตั้งแต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวกลางกรุง ทำให้ต้องอพยพประชาชนไปอยู่ต่างจังหวัด  ฝ่ายครอบครัวกรและมนัสเลือกจังหวัดทางภาคอีสาน
แม้สูญสิ้นเงินทองไปมากมาย  แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีที่อยู่
ใจลึกๆ มนัสอดห่วงนายไม่ได้  ไม่ได้ข่าวคราวจากคนรักเก่าอีกเลยเมื่อแยกกันครั้งนั้น  เขาอยากชวนนายมาอยู่ด้วยใจจะขาด

“คิดถึงแฟนเก่าเหรอ?”

“เปล่า”

“อาทิตย์หน้าก็วันเกิดนัสแล้วนะ  เริ่มใหม่นะครับ” 
มนัสยิ้มรับ
เขาจะพยายาม....พยายามลืมเรื่องวันนั้น
แม้รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตามที



6  มกราคม  2558

-“เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงของแรงโน้มถ่วงโลก  ทำให้ขณะนี้มีอุกกาบาตวิ่งเข้าสู่วงโคจรของโลกเราเฉียบพลันค่ะ  และทางองค์การนาซ่าก็แถลงอย่างเป็นทางการแล้วว่า ....เราทำอะไรกับมันไม่ได้
  ได้แต่ภาวนาให้มันเฉียดโลกไป  หรือเล็กลงเมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก
ทั้งนี้  ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบนะคะ  รอติดตามสถานการณ์ต่อไปค่ะ”-

เห็นทีว่าประชาชนจะไม่สงบตามนักข่าว  เพราะแม้แต่นักข่าวเองยังนั่งพูดน้ำตาไหลอยู่เลย
มนัสมองหน้าพ่อแม่  มองหน้าครอบครัวกร ....แล้วเศร้าใจ.....



7  มกราคม  2558

“เราจะทำอะไรได้”  กรปิดทีวี  แม้หน้าตาจะบึ้งตึง  แต่นั่นก็แค่หน้ากากกลบเกลื่อน  ข่าวเมื่อครู่บอกว่าอุกกาบาตใกล้โลกเข้าไปทุกที  และนักข่าวก็ย้ำเรื่องเดิมๆว่าอย่ากังวล


8  มกราคม  2558

“ฮัลโหลครับ”  สายเข้าจากเบอร์ไม่ทราบชื่อ   มนัสไม่นึกแปลกใจอะไร  เพราะช่วงนี้ใครๆต่างพากันโทรหาคนรู้จักกันให้วุ่นวายเพื่อล่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย

-“นัส...เรานายเอง”-
มนัสยิ้มดีใจ

“เป็นไงบ้าง  สบายดีนะ?”

-“ก็ดีอ่ะ  มะรืนวันเกิดนัส  เราก็เลยจะโทรมาอวยพร”-

“อื้ม  ตอนนี้อยู่ไหน”

-“เราอยู่อีสาน”-

“เฮ้ยเหมือนกันเลย  อยู่จังหวัด****  มาหาเราได้นะ”

-“บังเอิญไปป่ะ  เราก็อยู่นี่”-

มนัสคุยต่ออีกนิดหน่อยจนได้ข้อสรุปว่านายจะมาอวยพรวันเกิดถึงที่



9  มกราคม  2558

“นัส!  นัสให้มันมาเหรอ?!”

“เอ่อ....”  ร่างสูงอันคุ้นเคยก้าวออกมาจากด้านหลังกร
มนัสส่งยิ้มให้  ทำให้กรโมโหเข้าไปใหญ่

“คุณจะตามมายุ่งกับนัสอีกทำไม”

“ผมก็แค่มาอวยพรวันเกิด”

“พอเถอะกร  เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว  เราเป็นเพื่อนกัน นายขี่มอไซค์มาเหรอ  กินน้ำก่อนเร็ว”
กรฟึดฟัดออกไป
มนัสนั่งคุยกับนายเรื่องชีวิตหลังจากวันแผ่นดินไหว   นายเล่าติดตลกช่วยให้เรื่องไม่เครียด
มนัสรับรู้อยู่ลึกๆว่าตนไม่อยากจากนายไปเลย   
.....อุกกาบาตใกล้เข้ามาทุกที
แสงสีแดงน่ากลัวบนท้องฟ้านั่น....ต่อให้ยืนมองอย่างไร  มันก็ไม่หายไปดั่งใจนึก

“นายไม่กลับไปอยู่กับครอบครัวเหรอ”

“เราลาท่านแล้ว....”
มนัสมองหน้า...ไม่เข้าใจประโยคนั้น

“เราอยากอยู่กับนัสเป็นคนสุดท้าย”
นายทอดถอนใจ
“เราจะไม่พูดถึงเรื่องเก่าๆหรอกนะ  แค่อยากให้รู้ว่า  เรายังรักนัสเสมอก็พอ”
มนัสหลบสายตา ....ความรักที่ตกตะกอนถูกกวนขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้าเขายังไม่มีใคร  ก็คงยิ้มรับเริงร่า
แต่เพราะตอนนี้เขามีกร  จึงยิ้มได้ไม่เต็มปากนัก


อีก 1 ชั่วโมง จะเป็นวันที่  10  มกราคม  2558

“ฟ้าสว่างจังเลยนะ”  ทุกคนออกมาหน้าบ้าน  ต่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้า  ก้อนสีแดงนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด  หรืออาจเป็นเพราะทุกคนชาชินกับมันแล้วมากกว่า

“มันจะมาถึงเมื่อไหร่”  กรกุมมือมนัสไว้

“อีกสี่ชั่วโมง”  นายตอบ 
กรหันไปนั่งกดมือถือเล่นเกม  ตั้งใจให้คนเคยรักกันได้คุยกันดีกว่า


01.00  น. 10 มกราคม  2558

“ดีจังเลยเนาะวันเกิดปีนี้  ได้เทียนอันเบ้อเร่อ”  มนัสพูดติดตลก

“นัสไม่ง่วงเหรอ”  นายถามเพราะคนอื่นๆเข้านอนกันหมดแล้ว

“ไม่หรอก   ฉลองวันเกิดดีกว่า  นายง่วงเพราะขับรถมาทั้งวันล่ะสิ  ไปนอนก็ได้นะ”
นายส่ายหน้า  ยกมือทั้งสองข้างของมนัสขึ้นากุมไว้  มองตากันและกัน
“ถึงเราจะไม่ได้คบกัน  แต่นัสรู้สึกมั้ย  เหมือนเราเกิดมาคู่กัน”

“แปลกนะ...เราอยากรู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกเหมือนเราหรือเปล่า.....”

“อย่าพูดเรื่องซึ้งดิ  เดี๋ยวร้องไห้”  มนัสตัดบท  หยิบไอแพดขึ้นมาเล่นเกม

“แข่งกันดีกว่า”


02.56 น.   10 มกราคม  2558

“ร้อนเนอะ”  นายมองก้อนสีส้มบนฟ้า  มันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

“อุกกาบาตนี่ต้องใหญ่มากแน่ๆ  คนทั้งโลกยังมองเห็น”

“บางทีเราอาจรอดก็ได้นะ  แล้วเราก็กลายเป็นมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์  เราอ่านวิธีเอาชีวิตรอดในป่ามาหมดละ”

“เก่งจริ๊ง”  มนัสเย้า  หยิบไอพอดขึ้นมาฟังเพลง
พวกเขาต่างรู้ดี....
ว่าบทสนทนานี้เป็นเพียงการผ่อนคลายบรรยากาศอันกดดัน   คงไม่มีใครสนุกหรอกนะกับการรอคอยเวลาตายของตัวเอง

“ฟังด้วยคนสิ  เอาเพลงเดิมนะ  เราจะร้องให้ฟัง”

“ชอบถึงขนาดไปฝึกร้องเลยเหรอ?”

“ชอบสิ  หลอนดีจะตาย”
มนัสใส่หูฟังให้เบามือ
ส่วนตัวเองฟังเสียงร้องจากใจจริงของอดีตคนเคยรัก.....

Don’t make me sad, don’t make me cry
Sometimes love is not enough and the road gets tough
I don’t know why
Keep making me laugh
Let's go get high
The road is long, we carry on
Try to have fun in the meantime

Come and take a walk on the wild side
Let me kiss you hard in the pouring rain
You like your girls insane...
Choose your last words,
This is the last time
Cause you and I…..

ดวงไฟสีส้มใกล้เข้ามา....
มนัสมองตานายเป็นครั้งสุดท้าย…..
“เรารักนายนะ”

…..We were born to die......





-จบ-
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ mutyamania

  • สามารถติดตามงานติดเรทที่ลงเล้าไม่ได้ที่ ReadAWrite ในชื่อมัสยากลับมาจากป่าช้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1898
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +794/-139
    • https://mutyawhocamebackfromthedead.readawrite.com
เศร้าแต่สวยงามมาก

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
อืม เศร้าแต่สงสารกรนะ ....... ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
แหวกแนวมาก ชอบๆๆๆ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ขอบคุณที่เเต่งมาให้อ่าน
ความรักถึงจะขมเเต่ก็ยังสวยงามเสมอ

ออฟไลน์ B.Lumi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรียกว่าความผูกพันธ์ได้มั้ยหลายปีมากที่รู้จักกันมา
ผ่านอะไรๆมาเยอะ

ขอบคุณมากๆคะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถ้าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า"คน"
ไม่รู้จัก"ความรัก"
โลกใบนี้มันจะเป็นยังไง

อยากรู้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
มันดีตรงที่เราไม่ได้ตายอย่างโดดเดี่ยวนี่แหละค่ะ :hao5:
อย่างน้อยคนที่เรารักก็อยู่กับเราจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต และอาจจะของโลกด้วยเอ้า :z3:
แวบหนึ่งแอบคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นจริงเลยค่ะ เราคงบ้าเรื่องอวกาศมากเกินไป :laugh:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
อ่านตอนแรกแอบรำคาญพระเอกมาก

แต่พอมาตอนท้ายๆ คือจบได้เศร้าแต่ก็สมจริงมาก :mew1:

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
ทำไมรู้สึกซึ้ง ที่จิงอิพี่นายก็รักนัสมากเหมือนกันนะ   :hao5:

ออฟไลน์ Cloudnine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
มันเป็นตอนจบที่โคตรแนว!!
แปลกดีค่ะ ชอบอ้ะ
นายนี่รักจริง ตื้อสุดๆ นัสใจแข็งเว่อร์

 :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด