กรุณาฟังเพลง https://www.youtube.com/watch?v=Bag1gUxuU0g เพื่อเพิ่มอรรถรสWe were born to die….
พฤษภาคม 2549
“อุ้ย!” หลอดน้ำร่วงลงจากโต๊ะ มนัสมองครู่เดียวแล้วกลับมาสนใจข้าวในจานต่อ คิดว่ากินข้าวเสร็จค่อยเก็บไปทิ้งก็ได้
“อ้าว...” เขาทำหน้าเอ๋อเมื่อผู้ชายที่นั่งเยื้องๆกันก้มหยิบเอาหลอดนั้นไปทิ้งต่อหน้า
มนัสมึนงง ไม่ได้รู้จักกันเสียหน่อย โดนทำแบบนี้แล้วรู้สึกเหมือนถูกว่ากลายๆที่ไม่เก็บขยะ เขาหมดอารมณ์จะกินต่อแล้ว
‘ทำหน้ากวนตีนชะมัด’ เขาคิดด้วยความหมั่นไส้ ถึงแม้หน้าของชายคนนั้นจะนิ่งๆก็เถอะ
2 วันต่อมา
‘เฮ้ย’ มนัสตกใจเล็กน้อยเมื่อเจอเข้ากับชายหนุ่มหน้าตายคนนั้นในเซคเดียวกัน แถมยังเดินมานั่งข้างๆเขาอีกด้วย หนุ่มหน้าตายยิ้มมุมปาก จะว่ากวนก็ได้ จะว่ามากันฉันมิตรก็ได้
“หวัดดี เรานาย”
“อือ..เรานัส”
ทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันต่อเพราะอาจารย์เข้าห้องพอดี มนัสรู้สึกว่านายก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ดูท่าทางจะจำวันนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาจึงแกล้งลืมเหตุการณ์นั้นเสีย ก็แค่เรื่องขี้ปะติ๋ว ไม่รู้จะจำให้ตัวเองเสียหน้าทำไม
มิถุนายน 2549
“นัสชอบอ่านนิยายเหรอ?” นายยื่นหน้ามาดูหน้านิยายที่มนัสอ่านค้างไว้ ขณะที่เจ้าของหนังสือกำลังลงมือวาดรูปตัวละครในจินตนาการ
“อื้อ เคยอ่านป่ะแฮร์รี่ พอตเตอร์ เนี่ยเราจะวาดด็อบบี้”
“เก่งจังเลยนะ วาดรูปก็สวย เรียนก็เก่ง”
มนัสเขินคำชม แต่เขาว่านายวาดรูปสวยกว่าตั้งเยอะ เพราะนายอ่านแต่การ์ตูนญี่ปุ่น ลายเส้นเหมือนตัวการ์ตูนที่อ่านไม่มีผิด
“เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะ” นายพูดต่อ มนัสหัวเราะแหะๆด้วยความอิหลักอิเหลื่อ ทำไมจะดูไม่ออกว่านายเข้ามาในรูปแบบไหน แต่เขาก็สงสารนายที่ไม่มีเพื่อน อาจเป็นเพราะความเฉยชาและนิ่งเกินไปของนาย ทำให้เพื่อนของมนัสไม่อยากคบด้วย และชอบเก็บเอาไปนินทากันสนุกปาก ซึ่งบางครั้งมนัสก็ผสมโรงเหมือนกัน
“ว่าไง?” นายถามย้ำ
“ก็ได้ เอาแถวหอเรานะ” มนัสแสดงความเอาแต่ใจออกมา เผื่อว่านายจะล้มเลิกความคิดเอาเขาเป็นแฟน
“ได้เสมอครับ”
ตุลาคม 2549
นับวันนายยิ่งรุกหนัก และนับวัน...ใจเขาก็เริ่มอ่อน
มนัสยอมให้นายเข้ามาเป็นทุกส่วนในชีวิต นายรู้เรื่องทุกเรื่องของเขา ไม่ว่าจะด้านดีด้านเลว แต่นายไม่เคยปริปากว่าเขาเลยสักคำ นั่นทำให้มนัสประทับใจมากที่มีคนตามใจถึงขนาดนี้
ต่อให้เป็นผู้ชายก็ไม่น่ามีปัญหา ในเมื่อนายเอาใจทุกอย่าง มันดีกว่าคบกับผู้หญิงแล้วเราต้องเป็นฝ่ายตามเป็นไหนๆ
มนัสตกลงใจว่าจะยอมเปิดใจหลังสอบเสร็จ
“สอบเป็นไงบ้าง” นายถามขึ้นเมื่อมนัสเดินออกมาจากห้องสอบ
ประทับใจมากที่มีคนมารอหน้าห้องทุกวิชา มนัสอดเขินไม่ได้เวลาเพื่อนๆแซวกันยกใหญ่
“ยากมากๆ”
“เดี๋ยวจะคอยดูคนบ่นว่ายากนะว่าจะได้เอหรือเปล่า” นายแซว เห็นมนัสบ่นทุกครั้งที่สอบ แต่คะแนนออกมาดีทุกครั้งไป
นายชวนมนัสไปดูหนังเรื่องใหม่ นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองออกไปเที่ยวไกลจากรั้วมหาลัย และมนัสตัดสินใจแล้วว่าจะคุยเรื่องความสัมพันธ์นี้อย่างจริงจัง
“นาย...” มนัสรู้ดีว่าคุยกันในโรงหนังมันไม่มีมารยาท แต่เขาเขินอายเกินกว่าจะคุยกันในที่โล่ง
“นายรู้สึกกับเรายังไง...” คนขี้อายหลบสายตา
“ที่ทำนี่ยังไม่รู้อีกเหรอ” นายว่าจบก็หอมแก้มเนียน “อ้ะ?” มนัสลูบแก้มข้างนั้น ในใจว้าวุ่น ..คิดว่านี่หรือคือความรัก ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดพรมแดน เขาไม่นึกรังเกียจนายเลย ออกจะตื่นเต้นซะมากกว่าที่จะได้มีแฟนกับเขาแล้ว
“แล้วนัสล่ะ...รู้สึกกับเรายังไง?” นายไล้แก้มร้อนแผ่วเบา
“ก็รู้สึกแบบนี้แหละ” มนัสจับมือนายมาวางไว้เหนือหน้าอก หวังให้นายได้ฟังเสียงหัวใจเต้นตุบของเขา
มนัสสัญญากับตัวเองว่าจะรักนายตลอดไป...เป็นคนแรก...และคนสุดท้าย..ของชีวิต
พฤศจิกายน 2549
ปุ้ง!! พลุกระดาษพุ่งใส่ร่างบาง มนัสหัวเราะร่าดีใจ เขาปิดประตูห้องพร้อมรับอ้อมกอดแนบแน่นจากคนรัก
“ครบรอบ 1 เดือนนะครับ จุ๊บ!” นายพรมจูบไม่หยุด การอยู่ใกล้คนรักทำให้อารมณ์ภายในมันคุกรุ่น
“ไม่เอาน่านาย” มนัสยังไม่พร้อม เขารู้ตัวเองว่าต้องเป็นฝ่ายรับมาตลอด แต่ก็ทำใจไม่ได้สักที ผลัดวันมาเรื่อยๆจนบางทีก็นึกสงสารนาย
“ไม่ให้ก็ไม่บังคับหรอก...อ่ะนี่ แหวนหมั้น” มนัสทำท่าจะรับแหวนเงินเกลี้ยงมาจากนาย ทว่านายชักมือออก
“อ่าว...”
“ยื่นมือมาสิ เดี๋ยวใส่ให้”
มนัสทำตามแต่โดยดี ....น้ำตารื้นยามเห็นแหวนนั้นค่อยๆสัมผัสปลายนิ้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นกับผู้ชายด้วยกัน ร่างบางโถมกอดปิดบังน้ำตา
ธันวาคม 2549
“นายหวัดดี” มนัสทักคนรักเมื่อมาถึงโรงอาหาร เขานัดกันเจอที่โต๊ะประจำทุกเช้าเป็นปกติ
“คนน้อยจัง”
และมนัสก็ทำตัวปกติดีทุกอย่าง
แต่...
“นายจะไปไหน?” จู่ๆนายก็ลุกออกไปไม่บอกไม่กล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง ทั้งๆที่ตอนมนัสเดินมาก็ยังยิ้มให้กันอยู่
“วันนี้วันอะไรวะ” เพื่อนมนัสที่เดินมาด้วยกันเอ่ยถาม เพราะวันนี้คนในโรงอาหารน้อยกว่าปกติ แต่คำถามนั้นเองที่ทำให้มนัสฉุกคิดขึ้นได้....
วันนี้วันเกิดนาย!
มนัสตามง้อนายทั้งวัน แต่มันช่างไร้ความหมาย
นายเปลี่ยนไปราวกับคนละคน มองมนัสเหมือนอากาศธาตุจนเขาท้อ
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงได้งอนมากมายขนาดนั้น ไม่เคยเจอคนประเภทนี้มาก่อน เขารับมือไม่เป็นจริงๆ
เย็นวันนั้นมนัสตัดสินใจหาซื้อของขวัญให้ แต่เพราะเขาดันเป็นคนไม่ละเอียดอ่อนด้านนี้ จึงไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี จนไปเห็นร้านขายเครื่องประดับก็นึกขึ้นได้
มนัสตกลงใจเลือกแหวนเงินเกลี้ยงหนึ่งวง และสร้อยอีกเส้น เอามาร้อยเข้าด้วยกันเป็นการตอบแทน เขาอายเกินกว่าจะสวมแหวนทั้งวง แค่คิดก็หน้าแดงแล้ว
สัปดาห์ต่อมา
“นาย...สุขสันต์วันเกิดย้อนหลัง” มนัสคิดว่าตัวเองสาวขึ้นทุกวันพอมาทำอะไรแบบนี้
เขาพยายามทำใจให้นิ่ง ถึงแม้นายจะไม่แลตามองเลยก็ตาม
“ขอเข้าด้วยสิ” ร่างบางแทรกตัวเข้าห้องแฟน นายชักสีหน้าจนมนัสหน้าเสีย....เหมือนคนไม่ใช่แฟนกัน...
“เราเอาของขวัญมาให้” มนัสพูดเสียงสั่น ในอกวูบโหวง ดั่งเข็มนับพันเล่มแทงจนเป็นแผล
“....ขอบคุณ” นายรับสร้อยร้อยแหวนไป และพูดเพียงแค่นั้น นายคงไม่รู้เลยว่ามันบั่นทอนจิตใจคนเป็นแฟนกันแค่ไหน
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่น
“งั้นเรากลับละ”
“เดี๋ยว!” นายจับแขนบางไว้ทัน แล้วดึงเข้ามากอด
“อย่าร้องดิ” ลูบหลังคนขี้แย
มนัสคิดว่านายยกโทษให้แล้วก็ดีใจ เขย่งตัวหอมแก้มคนรักทั้งๆที่ยังร้องไห้ นายเลื่อนมาลูบหัวด้วยความหลงใหล บรรจงจูบปากนิ่ม จากเบาก็เริ่มรุนแรงขึ้นจนร่างบางอ่อนระทวย
นายพามนัสนอนลงกับเตียง บรรเลงเพลงรักร้อนแรงอย่างที่เก็บสั่งสมมานาน
กุมภาพันธ์ 2550
นายเปลี่ยนไป มนัสรู้สึกได้แม้เขาจะซื่อสักแค่ไหน ความกังวลมันทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ เขากลัวว่ารักครั้งนี้มันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
มนัสชักไม่แน่ใจว่าตัวตนไหนคือตัวตนที่แท้จริงของนายกันแน่
นายกลับไปเป็นคนเฉยชา ไม่ตื่นเต้นกับรสรักเหมือนเก่า
มนัสพยายามใคร่ครวญว่าตนผิดตรงไหน ไม่ดีตรงไหน จะได้แก้ไขได้ถูก.....แต่ก็นึกไม่ออก
เมษายน 2550
“ทำไมช่วงนี้นายดูแปลกไป” อันที่จริงมันก็หลายเดือนที่จำทนมา มนัสยอมเก็บงำความรู้สึกเอาไว้ไม่บอกใคร และบางครั้งก็อดน้อยใจไม่ได้ว่าทำไมคนที่รักไม่สังเกตแววตาอันเศร้าหมองของเขาเลยหรือ
“แปลกยังไง?”
“ดูเหมือน...ไม่รักกัน” มนัสเบาเสียง แม้แต่พูดเองยังไม่อยากได้ยิน
“ใครทำให้คิดแบบนั้น...ไปกันใหญ่แล้ว
บทสนทนาจบลงเท่านั้น
พฤษภาคม 2550
“เราไม่อยู่หอแล้วนะนาย”
“อ้าว ทำไมล่ะ ไหนว่าจะอยู่ด้วยกัน?”
“พ่อไม่อยากให้อยู่แล้ว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน จู่ๆก็มาบอกให้ยกเลิกเช่าหอ”
มนัสถอนหายใจ ชีวิตรักกำลังแย่ แล้วพ่อยังมาทำแบบนี้อีก เขาเริ่มปลง ว่าถ้าหากเลิกกัน ก็คงไม่แปลกใจ
กรกฎาคม 2550
มนัสเดินยิ้มกริ่มมาตั้งแต่ยังไม่เข้าห้องเรียน ก็เมื่อคืนเขาได้ค้างกับนาย และคิดไม่ผิดเลย เพราะนายเร่าร้อนมากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ตั้งแต่ที่เริ่มทำตัวเฉยชามา
“นัสสส” เพื่อนทักมนัสหน้าตาเครียด กลุ่มเพื่อนลากร่างบางเข้าไปนั่งตรงกลาง แต่ละคนดูสีหน้าไม่ดีเลย
“พวกเราไม่อยากทำงี้หรอกนะ แต่เราทนเห็นแกโดนหลอกไม่ได้ว่ะ” มนัสเลิกตาเป็นเชิงถามว่าเรื่องอะไร
“ไอ้นายแฟนแกอ่ะ...มันมีกิ๊ก”
มนัสหัวเราะแหะๆ ใจเชื่อแต่ปากปกป้องแฟน
“ไม่หรอกมั้ง”
“เย็นนี้แกไปแอบดูเลยนะที่หออีเก่ง นั่นแหละหอกิ๊กมัน มันไปหาทุกวัน อีเก่งแม่งเจอจนชิน”
เก่งพยักหน้ายืนยัน กุมมือเป็นกำลังใจให้มนัส
โชคดีแค่ไหนที่วันนี้มีวิชาเดียว เพราะมนัสเรียนไม่รู้เรื่องเลย
4 ชั่วโมงต่อมา
เขาเห็นแล้ว....ร่างสูงของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าแฟนเดินจูงมืออยู่กับผู้ชายน่ารักคนหนึ่ง น่ารักจนอดเอามาเทียบกับตัวเองไม่ได้....เขาทั้งดำ ทั้งเตี้ย หน้าตาก็ธรรมดาดาษดื่น
มนัสกลับบ้านด้วยใจห่อเหี่ยว ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจ็บ
เขาไม่เข้าใจเลยว่าคนที่คิดนอกใจทำลงได้อย่างไร....
ทีแรกก็อุตส่าห์หลอกตัวเองว่าคงหมดโปรโมชั่น
หากไม่คิดสงสาร ก็ควรละอายแก่ใจบ้าง
ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น ...มันก็ทำให้เขานอนจมหยาดน้ำตาทุกคืน
ตุลาคม 2550
“ปิดเทอมนี้นัสไปเที่ยวบ้านเรามั้ย” มนัสฝืนยิ้ม ทำท่าดีใจเสียเต็มประดา นี่เป็นครั้งแรกที่นายชวนไปเที่ยวบ้าน
“ครบรอบหนึ่งปีเหรอ?”
“อื้ม....นายรักนัสนะ รักที่สุด..รักมากกว่าใคร สุขสันต์วันครบรอบนะครับ”
มนัสกล้ำกลืน ไม่ได้ดีใจกับตำแหน่งเมียหลวงเลย
มกราคม 2551
Happy birthday to you….Happy birthday to you…
มนัสอธิษฐาน..... ‘ขอให้ไม่มีใครเจ็บปวดเพราะความรัก’ แล้วเป่าเทียนครั้งเดียวดับ
หน้าชื่น...อกตรม
เขายิ้มขอบคุณเพื่อนทุกคนที่มางาน รวมไปถึงญาติๆที่สนิทกัน....รวมไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆคน...แต่คงไม่รวมแฟนของเขา
นายอ้างว่าป่วยลุกไม่ขึ้น คราแรกมนัสเกือบจะไปหาแล้วถ้าเพื่อนไม่ห้ามไว้เพราะเป็นวันสำคัญและญาติๆก็มารวมตัวกัน
มนัสต้องขอบคุณเพื่อนมากที่รั้งเขาไว้ในวันนี้ เพราะการมาเห็นคนที่รักเราอยู่พร้อมหน้า มันทำให้มนัสคิดได้ว่าเราจะไปรั้งคนที่ไม่รักเราทำไม....
คนที่บอกรักเรา แต่การกระทำกลับทำร้าย
คงไม่เรียกว่ารัก....
กุมภาพันธ์ 2551
“นัส...สบายดีนะ” เสียงที่เคยคุ้นทัก
มนัสตั้งหลักครู่หนึ่งจึงยิ้มออกมา
“สบายดี แล้วนายล่ะ”
นายพยักหน้า แต่ไม่พูด.... มนัสอ่านแววตาแล้วเศร้าน่าดู
“เจอใครใหม่ยัง?”
“ฮ่าๆๆ จะไปเจอเร็วขนาดนั้นได้ยังไง” มนัสรู้ตัวเลยว่าหัวเราะได้โอเวอร์แอคติ้งมาก
“ก็เห็นพูดว่าจะหาคนใหม่เพราะอยากลืมเรา”
ร่างบางได้ยินแล้วสะอึก
“นายอย่าไปสนใจที่เราพิมพ์ในบล็อกเลย ก็แค่ฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อย”
“งั้นเย็นนี้เราโทรหานะ” เขายังไม่ทันตอบอะไรเลย นายก็เดินหนีไป
และคืนนั้นนายก็โทรมาจริงๆ มนัสยิ้มเศร้ากับตัวเองที่นั่งรอโทรศัพท์เหมือนไม่เคยพบเคยเห็น แม้แต่น้องสาวยังแปลกใจว่าทำไมพี่ผู้ไม่เคยแตะมือถือ กลับมานั่งจ้องมันอยู่อย่างนี้
“ฮัลโหล”
--“เป็นไงบ้าง กินข้าวหรือยัง”—
“กินแล้ว”
มนัสคุยโทรศัพท์เพลินจนถึงตีสาม
เขารู้ตัว...และรู้ดี ว่าที่ผ่านมาเขาเจ็บมากขนาดไหน บอกตัวเองว่าเหงาหรอก ถึงได้ยอมคุย..
คิดถึงเพราะมันผูกพันกันหรอก ถึงได้ใช้คำพูดดีๆรักษาน้ำใจ
มีนาคม 2551
“เห็นมั้ยเราสองคนก็ยังรักกันอยู่ แล้วนัสจะไม่ลองคิดดูอีกทีเหรอ”
“เราเข้ากันได้ดีขนาดนี้ เราไม่รู้เลยว่าเราจะหาใครได้เหมือนนัสอีกว่ะ”
“นัสลองคิดดูนะ....คนเรามันก็มีผิดพลาดบ้าง เรายอมรับ แต่ตอนนี้เราไม่ได้คบกับเขาแล้ว ...เขาไม่รักเรา ช่วงนั้นเราย้อนกลับไปคิด...ก็เจอแต่ภาพนัสเต็มไปหมด”
“เรายังไม่ต้องคบกันแบบแฟนก็ได้ เรารอนัส รอเสมอ...คุยกันแบบนี้ไปก่อนก็ได้นะ”