ดอกท้อที่ ๑๘ (ครึ่งแรก) ซื่อหลางตื่นขึ้นมากลางดึก ได้ยินเสียงกุกกักๆ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
“ใครน่ะ?”
เสียงที่ว่าเบาลงทันทีที่เขาเอ่ยถาม “ข้าถามว่าใคร?”
“…ข้าเอง” ปรากฏร่างสูงใหญ่ของน้องชายต่างสายเลือดกำลังสืบเท้าเข้ามาใกล้ แต่เพราะความมืดจึงทำให้หลี่ซื่อหลางมองเห็นใบหน้าหย่งคังไม่ชัดสักเท่าไหร่
“เอ่อ...นี่ดึกมากแล้วนะ คุณชาย”
“อืม” เสียงของหย่งคังแผ่วเบา รู้สึกไม่ชอบใจนิดๆ กับสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกเขา
“เอ่อ ข้าหมายถึง...ท่านนอนไม่หลับหรือ” คนตัวเล็กกว่าพูดทั้งที่ก้มหน้าไม่สบตา
ร่างสูงคิดอยู่นานว่าควรพูดอะไรออกไปดี “...ข้าขอนอนด้วยได้หรือไม่?” แต่แล้วเขาก็พบว่าตัวเองพูดอะไรน่าขันออกไปจนได้
“หะ?”
หลี่ซื่อหลางรู้สึกเหมือนโดนของแข็งทุบหัว หลังจากที่เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง คิดว่ายังกล้าปล่อยตัวเองอยู่ใกล้หย่งคังอีก? ไม่มีทาง หลี่ซื่อหลางรู้สึกผิดเกินกว่าจะสามารถสบตาอีกฝ่ายตรงๆ ด้วยซ้ำ
“คุณชาย ข้าคิดว่าคงไม่เหมาะ”
“ทำไมล่ะ” อีกฝ่ายถามทันที “หรือเพราะเจ้าเกลียดข้า?”
“ไม่ใช่นะ!” หลี่ซื่อหลางโพล่งออกไปไม่ทันได้ไตร่ตรอง หากปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือสิ่งที่อยู่ในจิตสำนึกเขาจริงๆ “ข้า...เอ่อ...ข้าไม่...”
แล้วหลี่ซื่อหลางก็เงียบไปเลย
เฮ้อ...หย่งคังถอนหายใจเมื่อเห็นคนบนเตียงก้มหน้านิ่งราวกับทำความผิดฐานฆ่าคนตายมาก็ไม่ปาน ตอนแรกเขาไม่ตั้งใจจะทำให้ร่างโปร่งตื่นด้วยซ้ำ แต่เพราะทนความคิดถึงไม่ไหวถึงได้แอบเข้ามา
“ช่างเถิด ลืมเรื่องที่ข้าขอไปก็แล้วกัน”
“…”
หลี่ซื่อหลางยังคงเงียบตอบ เห็นทีว่าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป ความสัมพันธ์ของเขาและพี่ใหญ่ต้องตกต่ำดำเหวกว่านี้แน่ๆ
“ซื่อหลาง หากท่านยังไม่ง่วง ข้ามีอะไรอยากคุยกับท่าน”
อีกฝ่ายยังเงียบอยู่ ไม่ตอบแสดงว่าตกลง หย่งคังคิดเองเออเองในใจ “ท่านจำเรื่องเมื่อคืนได้หรือยัง”
ปฏิกิริยาเกร็งตัวของหลี่ซื่อหลางบอกทุกอย่างได้เป็นอย่างดี แม้ฝ่ายนั้นจะพยายามเก็บอาการสั่นอยู่ หากไม่มีทางเล็ดรอดจากสายตาหย่งคังได้ ยิ่งเป็นหลี่ซื่อหลางด้วยแล้ว ไม่มีการกระทำใดที่เขาปล่อยให้คลาดสายตา
“ซื่อหลาง หากท่านไม่พูด อย่าหาว่าข้าโหดร้ายนะ”
แค่หย่งคังทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คนบนเตียงก็แทบจะขยับหนีในทันที หากมือแกร่งก็รวบเอวบางไว้ได้ทัน
…ผอมลงมากทีเดียว...ตอนที่มีอะไรกัน หย่งคังสำลักความสุขจนไม่ทันสังเกตว่าพี่ใหญ่ของเขาตัวเล็กแค่ไหน ทั้งๆ ที่ตอนเจอกันครั้งแรก เขายังสูงได้แค่สะโพกของอีกฝ่ายเท่านั้นเอง
“อย่าคิดหนีข้า ซื่อหลาง”
“ปล่อยเถิด...” เสียงสั่นราวจะร้องไห้ “เรื่องที่เกิดขึ้นข้าสัญญาจะลืมให้หมด”
“อะไรนะ?”
เหมือนว่าหย่งคังจะได้ยินเสียงระเบิดในหัวของเขา
“ข้าสำนึกผิดแล้ว คุณชาย เมื่อหายไข้ข้าจะรีบไปให้พ้นหน้าท่าน”
“นี่ท่านคิดจะไปจากข้า?” มือแกร่งกระชับเอวบางแน่นขึ้น ร่างโปร่งเบ้หน้าด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น คิดว่าอีกฝ่ายต้องไม่พอใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนมากเป็นแน่ ตอนนี้ถึงได้ทำหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน
“คุณชาย ข้ารู้ตัวว่าทำเรื่องที่ไม่สมควร...”
“เรื่องแบบไหนที่ว่าไม่สมควร” หย่งคังชิงพูดแทรก น้ำเสียงกดดันทำเอาอีกฝ่ายหายใจลำบาก
“ก็เรื่อง...”
“เรื่อง?” หย่งคังคาดคั้น “พูดออกมาสิ”
หลี่ซื่อหลางเหลือบมองเสี้ยวใบหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย ความกลัวแสดงออกมาผ่านสายตา ....
จิตใจจะให้เขาพูดออกมาจริงๆ หรือน่ะ?“ซื่อหลาง พูดมันออกมา”
ร่างโปร่งส่ายหน้าเบาๆ “ข้าไม่อยากพูด...” ทำได้เพียงก้มหน้าหลับตาไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น หากหย่งคังกลับกระชากหลี่ซื่อหลางทั้งตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนเพียงชั่วเวลาเดียว
“งั้นก็ฟังสิ่งที่อยู่ใต้อกของข้าแล้วบอกว่าท่านได้ยินอะไร”
“ดะ...เดี๋ยวก่อน...” ซื่อหลางทำท่าจะยันตัวออก
“ฟังสิ”
...ตึก ตึก ตึก
ตึก ตึก ตึก...ก้อนเนื้อที่เต้นแรงจนน่าใจหาย คล้ายเสียงหัวใจที่หลี่ซื่อหลางไม่มั่นใจว่าเป็นของตัวเขาเอง หรือมาจากคนที่กอดเขาจมเข้าไปในอ้อมกอดกันแน่
“บอกสิ่งที่ท่านได้ยินสิ ซื่อหลาง”
“คุณชาย...?”
“ไม่ใช่” ร่างสูงตัดบท “ตอนนี้ข้าเป็นแค่หย่งคังของท่าน”
“...หย่งคัง...” ของเขา...
จู่ๆ หลี่ซื่อหลางก็รู้สึกสงบลงในปราการแข็งแกร่งอย่างไม่ทราบสาเหตุ กำแพงที่ก่อตั้งตัวสูงเหมือนจะสั่นครอนมากขึ้นทีละนิด...ทีละนิด...
หย่งคังแนบแก้มกับศีรษะของอีกฝ่าย “บอกหน่อยเถิดว่าท่านรู้สึกเช่นไร”
“ข้า...ได้ยินเสียงหัวใจ”
“ใช่ เสียงหัวใจ” หย่งคังเอ่ยย้ำ “หัวใจที่เต้นแรงทุกครั้งที่ข้าเข้าใกล้ท่าน แม้จะผ่านมาเป็นสิบปี หัวใจข้าก็เต้นไปตามท่าน มันดีใจทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าท่าน บีบคั้นทรมานทุกครั้งที่ต้องเพิกเฉยความรู้สึกที่มีต่อท่าน”
ทำไม?หลี่ซื่อหลางไม่เข้าใจ...แต่น้ำตาก็ไหลออกมา...
“ซื่อหลาง... ที่ผ่านมาข้าโหดร้ายกับท่านมากใช่หรือไม่... ท่านคงคิดว่าข้าเป็นคนที่ลืมเรื่องราวดีๆ ทิ้งท่านให้แบกรับความรู้สึกไม่ดีไว้เช่นนั้นตามลำพัง”
อ้อมกอดกระชับแน่นขึ้น และน้ำตาหลี่ซื่อหลางก็ยังไหลโดยไร้แรงสะอื้น ราวกับหมดแรงที่จะร้อง...หลายปีที่ผ่านมา น้ำตาทั้งชีวิตเขาควรหมดไปแล้ว แต่ทำไม...ทำไมยังมีให้ไหลอยู่อีก?
“แต่ข้ามีหัวใจที่เต้นเพื่อคนๆ เดียวเท่านั้น ซื่อหลาง” หย่งคังจูบซับหน้าผากมน “คนๆ นั้นก็คือท่าน”
…
นี่เขากำลังฝัน?หลี่ซื่อหลางรู้สึกอบอุ่นและล่องลอยไปกับคำพูดเหล่านั้น
...แต่ไม่นานเขาจะพบว่าตัวเองกำลังร่วงลงสู่พื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว...
ไม่มีเหตุผลให้ฝันลมๆ แล้งๆ อีกแล้ว
…
คนในอ้อมแขนพยายามยันตัวออก หากไม่เป็นผล
หลี่ซื่อหลางรู้จักความผิดชอบชั่วดียิ่งกว่าใคร เขาไม่ได้เดียงสาที่จะไม่รู้ว่าตอนนี้หย่งคังคิดจะบอกอะไรเขา...ที่แย่กว่า หลี่ซื่อหลางกลับไม่รู้สึกรังเกียจความรู้สึกและสัมผัสของหย่งคังเลยแม้แต่นิด
เขารู้สึกมีความสุข
ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ที่เขารักหย่งคังได้มากขนาดนี้
...แต่เพราะมันผิด...หลี่ซื่อหลางออกแรงดิ้น “ปล่อยข้า คุณชาย”
“ข้าไม่ปล่อย” หย่งคังทำอย่างที่พูด เขามาไกลเกินกว่าจะถอยกลับ “ข้ามีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น หากท่านอยากฟังข้ายินดีจะอธิบายทุกอย่าง”
“ท่านไม่ต้องทำแบบนั้น”
หย่งคังเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ซื่อหลาง บอกสิว่าข้าทำต้องทำอย่างไร”
“ข้าไม่ได้โกรธเคืองอะไรท่าน” หลี่ซื่อหลางส่ายหน้า “เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปเถิด” หลี่ซื่อหลางสูดลมหายใจลึก เขาเองก็มาไกลเกินกว่าจะถอยกลับเช่นกัน
“แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ของข้า...”
เพราะคนที่จะได้เคียงข้างหย่งคัง คงไม่ใช่เขา
“...เช่นนั้นท่านควรปล่อยข้าไป” แม้เอ่ยเพียงแผ่วเบา แต่กลับสะท้อนก้องในหูคนฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ท่านพูดอะไรออกมา?” สีหน้าหย่งคังแสดงความเจ็บปวดสุดซึ้ง “ท่านไม่รู้หรอกว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ข้าพยายามแค่ไหน!”
ใช่ หลี่ซื่อหลางไม่มีทางรู้ว่ากว่าจะได้อยู่ด้วยกัน เขาต้องอดทนรอนานเท่าไหร่!
“คุณชาย เพราะท่านมาอยู่จุดนี้ได้ย่อมรู้ว่าอะไรถูกหรือผิดไม่ใช่หรือ” หลี่ซื่อหลางทำได้เพียงเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้”
หย่งคังจับไหล่มนให้หันมาประจันหน้ากัน “ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้?!”
“...ข้าเป็นผู้ชาย”
“ข้าไม่สน!” เสียที่เปล่งออกมาคล้ายตะคอก “ต่อให้ท่านจะเป็นอะไร ข้าก็รักไปแล้ว...”
สีหน้าหม่นแสงของหย่งคังสั่นคลอนหัวใจหลี่ซื่อหลางอย่างช่วยไม่ได้ แต่หากความรักครั้งนี้มันเจ็บปวดนัก ร่างโปร่งก็ไม่รู้จะไป
หาความกล้าเพื่อก้าวเดินต่อทั้งๆ ที่รู้สึกราวกับมีบางอย่างแตกหักอยู่ภายในอกได้อย่างไร
“ซื่อหลาง ได้โปรดอย่าทำลายหัวใจของข้าเลย”
“...เช่นนั้นก็อย่าเอามันมาไว้ที่ข้า”
หย่งคังชะงัก “อะไรนะ?”
ร่างสูงคิดไปว่าตัวเองหูฝาด หากอีกฝ่ายกลับไม่ปล่อยให้เขาคิดเช่นนั้นได้นาน
“คุณชาย..อย่ามารักคนแบบข้าเลย”
“...ท่านจะขออะไรก็ได้ ซื่อหลาง” หย่งคังจ้องลึกเข้าไปในแววตากลมใส “แต่อย่าขอให้ข้าไม่รักท่าน”
หลี่ซื่อหลางอยากหัวเราะ แต่เขากลับหาเสียงหัวเราะตัวเองไม่เจออีกแล้ว
“มันคงไม่ยากเกินความสามารถท่านหรอก”
“ทำไมถึงเข้าใจยากนัก!” คราวนี้หย่งคังกดหลี่ซื่อหลางลงกับเตียง จ้องตาไม่กระพริบราวกับจะสื่อความรู้สึกไปให้ถึง “ข้ารักท่าน! ต่อให้ท่านบอกให้เลิก ข้าก็ยังรัก”
หลี่ซื่อหลางเงียบไปสักพัก
“...เช่นนั้นก่อนหน้านี้ท่านไปอยู่ที่ไหนมา”
“ข้าแค่คิด...” หย่งคังเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง สรรหาประโยคถ่ายทอดความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมา “ข้าแค่คิดว่ามันคงจะดีต่อเราทั้งสองคน ซื่อหลาง ตอนนั้นข้าไม่มีทางเลือก”
“ก็เลยจากไปโดยไม่บอกอะไรเลยงั้นหรือ”
พูดแล้วความรู้สึกเจ็บตอนนั้นก็หวนกลับมาราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน “ท่านไม่ใช่คนเดียวที่เสียใจหรอก คุณชาย”
“ข้ายอมรับว่าผิดที่ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของท่าน”
“เช่นนั้นท่านน่าจะนึกถึงใจข้าให้เร็วกว่านี้...”
“ข้าขอโทษ” หย่งคังก้มลงจูบซับน้ำตาให้หลี่ซื่อหลาง น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด “ข้าขอโทษ...”
แค่ได้ยินคำขอโทษ หลี่ซื่อหลางก็อ่อนแรงลง รู้สึกมีความสุข แต่ก็เจ็บปวดในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกกลัว...กลัวใจตัวเองจะยอมจมอยู่ในความฝันหวานที่แสนเจ็บปวดนี้ต่อไปเรื่อยๆ
“ซื่อหลาง ข้ารักท่าน...”
.
.
.
“…อืม”
หลี่ซื่อหลางพบว่าตนไม่มีแรงต่อต้านอีกต่อไป-------------------------------------------------------------
กลางดึกที่เงียบสงัด บรรยากาศภายในห้องนอนกลับเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ
ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หลี่ซื่อหลางเมาไม่ได้สติ หากครั้งนี้ประสาทการรับรู้ของเขาครบถ้วนทุกประการ
“ข้ารักท่าน...”
ร่างสูงกระซิบข้างหูคนตัวเล็กกว่า จูบซับหน้าปาก เปลือกตา ปลายจมูก และริมฝีปาก...ทุกอย่างดำเนินไปตามการชักนำของคนด้านบน หลี่ซื่อหลางพบว่าหย่งคังอ่อนโยนกับเขากว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
จนบางทีเขาก็คิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่เป็นแน่
“ท่านเป็นของข้านะ” เหมือนหย่งคังจะหลุดพูดอะไรที่ตัวเองคิดออกมา ขณะไล่จูบไปทั่วร่างของหลี่ซื่อหลางราวกับต้องการเป็นเจ้าของทุกพื้นที่บนตัวอีกฝ่าย
ใบหน้า ลาดไหล่ ลำตัว ต้นขา ปลายเท้า...ทุกอย่างของหลี่ซื่อหลางเป็นของเขา
“เลิกจูบได้แล้ว”
หลี่ซื่อหลางดึงหย่งคังที่วนจูบอยู่แถวขาอ่อนนานกว่าปกติขึ้นมา “ข้าง่วงแล้ว...”
“จะนอนแล้วหรือ”
หย่งคังหันมาจูบแก้มอีกฝ่าย ไล่ไปที่ปลายจมูกและจบลงที่ริมฝีปาก เนิ่นนานจนฝ่ายไร้ประสบการณ์เหมือนจะขาดใจตาย หย่งคังถึงได้ยอมผละออกอย่างเสียดาย
“หายโกรธข้าแล้วใช่หรือไม่”
หลี่ซื่อหลางเสหน้าไปทางอื่น “ข้าไม่ได้โกรธท่านแต่แรก”
“หากโกหกต้องโดนทำโทษ” หย่งคังกดแขนสองข้างของอีกฝ่ายไว้กับเตียง ก้มลงจูบต้นคอ ดูดเม้มสร้างรอยสีกลีบกุหลาบแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนจะแอบงับทิ้งรอยฟันไว้หนึ่งที
“โอ้ย ข้าเจ็บ”
หลี่ซื่อหลางร้องประท้วง แต่แล้วก็โดนปิดด้วยริมฝีปากร้อน กว่าจะถูกปล่อยให้อิสระก็เกือบขาดใจตายรอบสอง
“ข้าไม่อนุญาตให้ท่านมองใคร ห้ามส่งยิ้มทำดีกับใคร ห้ามอยู่ใกล้ใครเกินห้าวา” หย่งคังเริ่มปลดเสื้อผ้าเขาออกทีละชิ้น พร้อมๆ กับเสื้อผ้าตัวเองไปด้วย “ห้ามหนีไปจากข้าด้วย เช่นนั้นข้าคงทนไม่ไหวเป็นแน่”
“ก็เห็นทนได้มาตั้งหลายปี...” หลี่ซื่อหลางพึมพำขณะพยายามเอามือปลาหมึกออกจากสะโพกตัวเอง
“ท่านว่าอะไรนะ?”
“เปล่าขอรับ คุณชาย”
แต่มีหรือจะรอดพ้นหูของหย่งคังไปได้ ร่างสูงก้มลงจูบอีกฝ่าย ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปเกี่ยวตวัดอย่างชำนาญ ทำเอาร่างโปร่งสติหลุดลอยไปชั่วขณะ
“พ...พอแล้ว”
หลี่ซื่อหลางเค้นแรงสุดท้ายยันตัวอีกฝ่ายออก หากใบหน้าแดงซ่านของเจ้าตัวกลับเหมือนเป็นสัญญาณให้หย่งคังทำต่อมากกว่า
“ซื่อหลาง ท่านยั่วข้า”
“ข้าไม่ได้ทำเสียหน่อย...” หลี่ซื่อหลางพยายามหายใจให้ทั่วท้อง ปัดมือที่วนเวียนอยู่แถวกางเกงปราการสุดท้ายของตัวเอง
“แล้วก็เลิกถอดเสื้อผ้าข้าได้แล้ว”
“ท่านอยากทำทั้งที่ใส่เสื้อผ้างั้นหรือ”
ใบหน้าขาวซับสีเลือดอีกครั้ง “คุณชาย ข้าไม่พร้อม”
“ถ้าเรียกคุณชายอีกครั้ง พรุ่งนี้ท่านจะไม่มีแรงลุกจากเตียงแน่ๆ” หย่งคังพูดขู่ขณะก้มลงกัดลาดไหล่ขาวเบาๆ ก่อนจะเลียซ้ำ
“เรียกชื่อที่ท่านตั้งให้ข้าสิ”
หลี่ซื่อหลางรู้สึกเหมือนหน้าจะระเบิด แต่ยิ่งเขาเงียบนานเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ทำท่าจะกัดไหล่เขาอีกข้าง
“ห...หย่งคัง”
“หืม? ไม่ได้ยินเลย” พอเผลอหน่อย มือร้อนก็เกี่ยวกางเกงตัวสุดท้ายของเขาออกอย่างชำนาญ ผิวขาวปะทะอากาศภายนอกจน
ขึ้นสีแดงระเรื่อน่ามอง
“หย่ง...คัง...”
ร่างสูงระบายยิ้มบาง “ข้ารักท่าน ซื่อหลาง”
หย่งคังก้มลงกระซิบข้างหู ชักนำให้หลี่ซื่อหลางเป็นไปตามเกมรักของเขา กระทั่งสติใกล้เลือนลางเต็มที หลี่ซื่อหลางพยายามหนีบขาเข้าหากัน แต่หย่งคังกลับแทรกตัวเข้ามาก่อน ดำเนินบทรักอย่างค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป
“หย่...หย่งคัง...” แขนเรียวโอบรอบลำคอคนด้านบนให้โน้มตัวลงมา “ข้ารั...” เสียงแผ่วเบาหายเข้าไปในลำคอ หลี่ซื่อหลางหมดแรงข้าวต้มก่อนที่จะพูดจบไปเสียอย่างนั้น
หย่งคังได้แต่จูบหน้าผากชื้นเหงื่อของอีกฝ่าย
“ข้าเองก็รักท่านเช่นกัน”-------------------------------------------------------------
To be continued...