ตอนนี้อาจจะรั่วไปหน่อย เนืองจากอารมณ์ไม่ปกติเพราะรอแอดมินชั้น บวกกันอยู่ดีๆก็โดนใช้ให้เฝ้าร้าน อารมณ์เลยไม่ต่อเนื่องเท่าไร ตอนหน้าเป็น Special Part 18+ ของคู่รองค่ะ
ปล.เค้าแต่งให้หลายพีไม่ได้ แต่แต่งให้เกือบ(?)ได้นะ แต่ต้องรอตอนหลังๆ... ความหื่นมันจะค่อยเพิ่มทีละนิด =.,=
::: ตอนที่ 3 :::
วันต่อมา
ผมมามหาลัยแต่เช้า ทั้งที่มีเรียนบ่าย เพื่อมานั่งรอใครบางคนที่หน้าตึกของคณะการจัดการ ข้อมูลที่ไม่กระจ่างชัดจากปากน่านฟ้าผลักดันให้ผมมาดักรอมัน ผู้ต้องสงสัยอีกราย
บราวน์ หนุ่มการจัดการธุรกิจการโรงแรม ผู้ชายในชุดสูทผูกเนคไทสีน้ำเงิน กับกางเกงขายาวสีเดียวกันที่เสริมให้เด็กคณะการจัดการดูดี และมีระเบียบ บราวน์เพิ่งเดินออกมาจากที่จอดรถทางด้านข้างตึก บราวน์กำลังเดินเข้าที่ตึกเรียน แต่มันหันมาเห็นผมพอดี ผมเลยกวักมือเรียกมัน
“เฮ้ย! ลมอะไรหอบมึงมาถึงนี่?”ใบหน้าคมเข้มแบบลูกเสี้ยวตะวันตกพูดขึ้น ในตอนที่มันยืนอยู่ตรงหน้าผม “เอ่อ จริงสิ กู
ได้ข่าวว่ามึงเล่นเพื่อนเหรอวะ สนใจเล่นกับกูไหม”
...คำพูดที่ไม่เข้ากับบรรยากาศยามเช้า ทำเอาผมนิ่งอึ้งไป จนมันหลุดหัวเราะออกมา
“กูล้อเล่น ข้าวโอ๊ตมันมาถามกูว่า เล่นเพื่อน คือไรอ่ะ แม่งโครตฮา”มันอธิบายพลางกุมท้องหัวเราะ เอ่อ! ดี เสียมาดหนุ่มการโรงแรมหมด เมื่อกี้กูอุตส่าห์แอบชมมึงในใจ
...แต่ดูสองประโยคแรกที่มึงทักกูมา แม่งโครตพากูเครียด
ผมทำหน้าหงุดหงิดใส่มัน พลางบ่นพึมพำ “เสื่อมแต่เช้า..”
“แต่ว่า ถ้ามึงเล่นจริงๆ มึงอย่าลืมชวนกูละ กูอยากลอง”ไอ้บราวน์ว่าพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาทางผม จนผมที่นั่งอยู่ ยกเท้าขึ้นมาเล็งไปที่เป้ามัน ไอ้บราวน์รีบถอยห่างจากผมทันที พร้อมยกมือขึ้นเหนือหัวแล้วพูดว่า “ยอมแพ้แล้ว ยอมแพ้”
“ไอ้ห๋า ถึงทำ กูก็ไม่ชวนมึงหรอก!!”
“แหม... อดเลย”มันว่า ทั้งยังยิ้มร่า
“- -”
“ฮ่าๆๆ กูไปละมึง มีเรียน”
“อ้าวเฮ้ย ไอ้บราวน์ นี่มันเพิ่งแปดโมงกว่าเองนะเว้ย!”ผมหันไปทวงถามมัน เรื่องอะไรให้ผมตื่นเช้ามารอเก้อละ
“กูเรียนแปดครึ่ง เสียใจด้วยวะ”มันว่าพลาง จัดเนกไทและคอเสื้อให้เรียบร้อยต่อหน้าผม ก่อนจะเดินออกไป “ไว้เจอกันนะ!”
“เหี้ย กูอุสาห์มารอเจอมึงนะ!”ผมว่ามันบ้าง
บราวน์หยุดเดิน แล้วยืนนิ่งอยู่นานหลายวินาที ก่อนจะหันหน้ามาส่งยิ้มโชว์เขี้ยวใส่ผม แล้วบอกว่า “วันหลังมีโทรศัพท์ก็โทรซะนะครับ จะได้ไม่ต้องรอเก้อ”แล้วก็ก้าวยาวๆเข้าตึกไป
...อ้าว ไอ้ห๋านี้ เวรกรรม สรุปว่ากูตื่นเช้ามาเสียเที่ยวว่างั้น ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปหาเหยื่อรายใหม่ก็ได้ แม่ง!
แต่ก่อนที่ผมจะทำแบบนั้นจริงๆ เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมรีบกดรับทันที
“ฮัลโหล”
“นัด กู
ข้าวโอ๊ตนะ”
“เอ่อ... ว่าไงมึง?”
ข้าวโอ๊ตเป็นคนเดียวที่ผมคิดว่าไม่มีทางโกหกผมมากที่สุด ผมเลยไม่ได้สนใจมันซักเท่าไร ไม่นึกว่ามันจะโทรมาหาผมซะเอง
“มึงอยู่บ้านไหมอ่ะ?”
“ถามไม?”
“ตอนนี้กูอยู่หน้าบ้านมึงอ่ะ”
“ห่ะ!”
...มันไปทำไรหน้าบ้านผมเนี่ย
“กูอยู่หน้าบ้านมึง”มันพูดย้ำ สงสัยคงกลัวผมฟังไม่เข้าใจ
“กูไม่ได้อยู่บ้านอ่ะ ข้าวโอ๊ต”
“เหรอ... ทำไงดีละ”เสียงข้าวโอ๊ตฟังดูหงอยลงทันทีจนผมสงสารมัน ผมก็มารอบราวน์เก้อ ส่วนข้าวโอ๊ตมารอผมเก้อหรือเนี่ย เป็นแบบนั้นไปได้นะโลกเรา
“ข้าวโอ๊ต มึงมีอะไรจะพูดกับกูเหรอ”
“....อื้ม”เสียงมันฟังตอบกลับมาแบบหมาหงอยเลยทีเดียว
“ช่วยไม่ได้น่า..”ผมพึมพำเบาๆ พลางเดินขึ้นรถของมหาลัยที่ผ่านมาพอดี “มึงรอกูอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวกูไป อ้อ ขากลับมึงต้องมาส่งกูด้วยนะ!”ผมสั่งมัน
“อื้อ ได้เลย!”ข้าวโอ๊ตพูดด้วยเสียงร่าเริงขึ้น จนผมหลุดยิ้มออกมา
“ตกลงมึงมีอะไร?”ผมถามขึ้น พลางเดินไปเปิดประตูบ้านให้มัน ข้าวโอ๊ตเดินตามผมมาเงียบๆ หน้าของมันบอกได้เลยว่ากำลังลังเลกับสิ่งที่จะพูดกับผม
“คือ...”
“คือ?”ผมเอียงคอมองมันอย่างสงสัย
“กู... กะ... กูเข้าใจแล้ว.. ว่าอะไรคือเล่นเพื่อน”
“ห่ะ..”ผมมองมันอย่างอึ้งๆ
....นี่ มันยังไม่เลิกสงสัยเรื่องนี้อีกเรอะวะ!
“บราวน์ มันสั่งห้ามไม่ให้กูบอกมึง แต่...กูเป็นห่วงมึง”มือหนากดไหล่ทั้งสองข้างของผมให้ผมนั่งลงบนโซฟา ก่อนข้าวโอ๊ตจะคุกเข่าลงตรงหน้าผม
ผมมองมันอย่างอึ้งๆ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ในเมื่อข้าวโอ๊ตมันโพล่งคำพูดแปลกๆออกมาทั้งสีหน้าที่ดูจริงจังขนาดนั้น
“กูรู้ การทำโทษครั้งแรกมันเจ็บแค่ไหน มึงถึงเป็นไข้ไปตั้งสองวัน.. กูได้ยินมาจากน่านฟ้าน่ะ”แววตาที่มันมองผมสื่อให้เห็นความเป็นห่วงเป็นใยอย่างเห็นได้ชัด
...เดี๋ยว...
...เดี๋ยวสิ
“มึง... มึงรู้อะไรมา?”ผมถามมัน ตอนนี้ผมทั้งรู้สึกนิ่งอึ้ง ตื่นเต้น ตกใจในเวลาเดียวกัน มือหนากุมมือของผมเอาไว้ ก่อนที่ข้าวโอ๊ตจะก้มหน้าลงจูบหลังมือผม
จากความตื่นเต้นของการอยากรู้ มันกลายเป็นความหวั่นไหวแบบที่ผมพยายามจะปัดมันออกจากหัว ทั้งชีวิตผมไม่เคยเจอคนที่แสดงสีหน้าอารมณ์ออกมาได้อย่างจริงจังและจริงใจขนาดนี้ แถมสิ่งมันทำ...ยังเรียกได้ว่า โรแมนติก แบบที่หาได้ยาก
....มันก็แค่ความหวั่นไหวชั่ววูบนะ ไอ้นัด
“บราวน์ชอบทำแบบนี้กับกู เวลาที่เห็นกูไม่สบายใจ”
“ไอ้บราวน์?”
ข้าวโอ๊ตพยักหน้าให้ผม พร้อมกับยิ้มบางๆออกมาเมื่อพูดถึงบราวน์
...แม่ง หล่อสัด
“แล้วบราวน์มันก็ชอบลงโทษกู”มันว่าด้วย ทั้งที่แก้มมันขึ้นสีแดงจางๆ จนผมขมวดคิ้ว ผมว่ามันชักจะแปลกๆ บราวน์ปลอบใจมันด้วยการก้มลงจูบหลังมือ บราวน์..ชอบลงโทษมัน...
“เดี๋ยวนะ! เล่นเพื่อนที่มึงเข้าใจ มันคืออะไร!?”
ข้าวโอ๊ตทำหน้าเหรอหราใส่ผม ก่อนที่หัวทุยๆของมันจะลงมาซุกบนตักผม
“บราวน์บอกว่า เล่นเพื่อนก็คือ... การลงโทษ”มันพูดเสียงอู้อี้ โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้ามามองผม
....เหยด! ไอ้บราวน์กับข้าวโอ๊ต!!?
“มึง... โดนไอ้บราวน์ลงโทษบ่อยแค่ไหน”ผมถามมันราวกับเสียงกระซิบ
“สอง.. สามวันครั้ง..”เสียงอู้อี้ที่ตอบกลับผมมา ทำให้ผมหน้าแดงแจ๋
.....ผมกับมันอยู่ท่านี้กันนานเท่าไรไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีผมก็สบตากับไอ้บราวน์ที่มายืนอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ สีหน้าบึ้งตึงจนน่ากลัว ก่อนจะก้าวยาวๆมากระชากคอเสื้อคนที่ซบบนตักผมให้ลุกขึ้น
“
พวกมึงคุยอะไรกัน!”มันว่าเสียงเข้มทั้งกระชากตัวข้าวโอ๊ตที่จับมือผมแน่น และพยายามเอาตัวเข้ามาอยู่ใกล้ผมเอาไว้
...ผมคิดว่ามันคงจะกลัวบราวน์
“มึง ปล่อยข้าวโอ๊ตก่อน”ผมว่ามันอย่างใจเย็น หลังจากตั้งสติได้แล้ว ไอ้บราวน์มองหน้าผมสลับกับข้าวโอ๊ตไปมา ก่อนจะมันจะยอมปล่อยมือจากคอเสื้อข้าวโอ๊ต แล้วก็ยืนกอดอกมองผม
....ทำไมกูถึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลวนลามลูกสาวมัน แล้วพ่อมันโผล่มาเห็นพอดีเลยวะ!
“เอ่อ... คือ”ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดีครับ ให้สถานการณ์ตรงหน้ามันดีขึ้น แม้จะไม่ใช่ความผิดของผมก็ตาม ถ้าเป็นไอ้น่านฟ้า มันคงพูดด้วยหน้านิ่งๆ หรือไม่ก็ยิ้มออกมา แต่ก็ช่วยคลายความเครียดได้มากโข
“กูไม่ได้ลวนลามไอ้ข้าวโอ๊ตน่เว้ยะ!”ผมพูด ทั้งยังมองตามัน พยายามทำหน้าจริงจัง มึง... มึงต้องเชื่อกูนะ! ผมเห็นไอ้บราวน์ลอบถอนหายใจ และสีหน้าที่ลงความโหดลงหน่อยนึง
“กูไม่ได้ถามเรื่องนั้น”มันว่า ก่อนจะตวัดตาไปมองข้าวโอ๊ต “กูถามว่า.. พวกมึงคุยอะไรกัน”มันถามเสียงเข้ม ข้าวโอ๊ตเม้มปากที่สั่นๆของมัน ก่อนจะพูด “โอ๊ตเป็นห่วงนัด ก็เลยมาหามัน”
“แล้ว...?”
ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าความหึง เปลี่ยนคนร่าเริงอย่างไอ้บราวน์ให้กลายเป็นไอ้หน้าเครียดได้ขนาดนี้
“ข้าวโอ๊ตมันเป็นห่วงกูที่เป็นไข้เมื่อ 2 วันก่อน มันเลยมาหาที่บ้าน”
“แล้วทำไมถึงนั่งอยู่แบบนั้น?”
ผมหลับตาลงใช้สมองที่เรียนคณะวิทยาศาสตร์ได้ออกมา ถ้าบอกมันไปตรงๆคงไม่วายมีเรื่องกันแน่ แต่ว่าไอ้บราวน์ยังไม่รู้นี่ว่า ผมรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกมันแล้ว
“แล้วทำไมมึงถึงต้องโกรธขนาดนั้นละ?”
“....”ไอ้บราวน์นิ่งเงียบไป
“เอาเป็นว่า มึงอย่าคิดไปไกลกว่านี้เลย”ผมพยายามกลั้นยิ้ม เมื่อเห็นข้าวโอ๊ตมองผมสลับกับบราวน์แบบลุ้นๆ มันคงลืมไปแล้วว่า มันนี่แหละเห็นต้นเหตุ “รู้แค่ว่า กูไม่ได้ ‘เล่นเพื่อน’กับมันก็พอ”
ผมอยากจะหัวเราะออกมา เมื่อไอ้บราวน์หันขวับไปมองข้าวโอ๊ตอย่างคาดโทษ ก่อนจะพูดต่อว่า “มึงมีอะไรจะต่อรองกับกูไหม เรื่องของพวกมึงนะ”
ผมคิดว่า บราวน์มันคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ ถึงได้ปิดเงียบ เพราะผมกับเพื่อนๆรู้แค่ว่าพวกมันสองคนอยู่ห้องข้างๆกัน แต่ไม่คิดเลยว่า พวกมันสองคนจะใกล้ชิดกันขนาดนี้
“ไอ้นัด อย่าพูดสิ เดี๋ยวบราวน์โกรธกู!”
....มึงนี่มันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ไอ้ข้าวโอ๊ต
ผมส่ายหัวให้มันหน่อยๆ ก่อนไอ้บราวน์จะไล่ให้มันไปนั่งรอที่รถมัน พร้อมส่งกุญแจให้ พอข้าวโอ๊ตออกไป บราวน์ก็หันหน้ามาทางผม ใบหน้าหล่อตะวันตกยิ้มแยกเขี้ยวใส่ผม ก่อนจะเดินมาขยี้หัวผม มันทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาเลยทีเดียว
...แม่ง ทำไมไอ้พวกนี้ชอบเล่นผมกูจัง
“ถึงไม่ต่อรอง กูก็รู้ว่ามึงไม่บอกใครหรอก กูรู้นิสัยมึงดี ถึงจะสนิทกันได้ไม่ถึงนาน แต่มึงก็เป็นคนที่จริงใจและรักเพื่อนมาก”บราวน์มันว่า ทั้งยังเปลี่ยนจากจากขยี้หัวเป็นลูบผมแทน ผมถอนหายใจ รู้สึกเหมือนโดนเล่นจิตวิทยาใส่ก็ไม่รู้ แต่ก็ดี มันไม่ใช่นิสัยผมที่จะทำตัวเป็นตัวร้ายหรอกนะ
“สัด!... ให้กูเล่นบทตัวโกงหน่อยก็ไม่ได้!!”ผมว่ามันอย่างติดตลก ก่อนจะหันไปถามมันอย่างสงสัย “ถ้ามึงรู้อยู่แล้ว แล้วมึงไล่ข้าวโอ๊ตออกไปทำไม”
ไอ้บราวน์ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “กูไม่อยากเสียการปกครอง”
“ห่ะ?”
...เสียการปกครองอะไรวะ!
“มันเป็นเรื่องของสาย S ใสๆอย่างมึงอย่างรู้เลย”
“สัด! ทั้งมึงทั้งไอ้น่านว่ากูงี้ตลอด ไม่คิดว่ากูฉลาดบ้างเหรอวะ”
“มึงก็ฉลาดนะ.. แต่โง่เรื่องอย่างนี้”มันว่าพลางขยี้ผมแรงๆ “แต่เรื่องที่กูหึงและหงุดหงิดใส่มึงตอนแรกนะ เป็นเรื่องจริง”
....สลัด ไอ้สัดนี่แม่งหึงโหด
“แล้วมึงกับ... ข้าวโอ๊ต ได้ไงวะ?”
บราวน์หุบยิ้มลง แล้วพูดว่า“เรื่องมันยาว เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังทีหลังแล้วกัน ตอนนี้ข้าวโอ๊ตมันคงกลัวกูหักคอมึงแย่แล้ว”
ผมหัวเราะออกมา เมื่อนึกถึงหน้าข้าวโอ๊ตตอนเดินออกจากบ้านผม
“มึงต้องเล่านะเว้ย ไม่งั้นกูบอกไอ้น่านแน่!”
“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะมึง”
“แหงอยู่แล้ว”ผมหัวเราะร่า
“เดี๋ยวไว้ว่างกูโทรไปเล่า”บราวน์ว่า พลางลุกขึ้นจากโซฟา ผมครุ่นคิดอยู่ซักพักก่อนจะรีบเรียกมันไว้
“เดี๋ยวบราวน์ กูมีเรื่องจะขอร้องอีกเรื่องหนึ่งได้ไหม?”
บราวน์หันหน้ามาเลิกคิ้วใส่ผม ก่อนที่มันจะยิ้ม แล้วยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์ว่า เดี๋ยวโทรหา ก่อนจะเดินออกไป
ผมหัวเราะออกมา อย่างน้อยผมก็กำลังจะมีพวกที่ไว้ใจได้แล้วสองคน และตัดผู้ต้องสงสัยออกได้อีกสองราย ที่นี้ก็เหลือแค่สี่รายแล้ว
....ค่อยดูเถอะ ใครคนนั้นที่พรากความบริสุทธิ์จากผมไป
...ผมจะต้องรู้ให้ได้ ว่ามันคือใคร