กฏเล้าประกาศ 22/9/2019 จะลบนิยายที่ไม่มาต่อจนจบทิ้งทั้งหมดเล้าเป็ดรณรงค์ ให้ใช้เรียกนักเขียน นักอ่านแทน ไรท์เตอร์ รีดเดอร์ เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของเว็บเรากันนะคะ
สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ
จบแบบนี้ ไม่ทำร้ายจิตใจกันไปหน่อยหรือครับ คุณบอย แต่ก็ขอบคุณมากนะครับ ที่แต่งเรื่องนี้และอีกหลาย ๆ เรื่องมาให้อ่าน ขอบคุณอาร์ท ที่นำเรื่องนี้มาโพสให้ และเพื่อเป็นการขอบคุณอีกครั้ง +1 ปล. เอาเรื่องอื่นของคุณบอย มาลงอีกนะอาร์ท
ค้างงงงงง อยากได้หนังสือเหมือนกานอะ มีขายตามร้านขายหนังสือทั่วไปปะค่ะ จาได้ไปตามหาอ่านนนนน หรือว่าต้องสั่งจองเท่านั้นขอบคุนค่ะ สำหรับเรื่องดีๆๆๆๆ
มาแระคับ เหนื่อยมากเลย ทำงานวันนี้ ไงก็เป็นกำลังใจให้ด้วยน๊า....ไปอ่านกันต่อเรยค๊าบ.... ภูมิ กำลังจะกลับบ้านหลังเลิกงาน ชายหนุ่มชะงักเท้าเดินขณะกำลังจะออกจากตึกเมื่อสายตามองเห็นคุณหนูผู้คิดว่าตัวเองสวยตายเดินเซื่องซึมผ่านมา“เจอกันอีกแล้วนะครับคุณณิชา”ร่างสูงแถตรงไปทักทายเมื่อนึกครึ้มอยากยั่วโมโหเด็กเล่น“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”คนถูกทักตวาดแว้ด เพราะอารมณ์เสียเป็นทุนเดิมมาอยู่แล้วกับการโดนสลัดทิ้งอย่างเป็นทางการ“โถ อารมณ์ไม่ดีมาจากไหนครับเนี่ย แล้ววันนี้แฟนไม่มาส่งเหรอครับ”ภูมิยั่วต่ออย่างนึกสนุก แล้วแกล้งถามถึงเตชสิทธิ์“ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉัน”คุณหนูถลึงตาบอก พลางจะรีบเดินหนี จังหวะนั้นเจ้าตัวก็ต้องร้องกรี๊ดลั่นเสียงหลง เมื่อร่างเกิดสะดุดล้มขึ้นมาจากการถูกปลายเท้าใครบางคนยื่นมาขัดขาที่กำลังก้าวเดิน“ฉันจะฟ้องพ่อฉัน นายต้องโดนไล่ออกจากตึกนี้แน่”คนล้มสะบัดหน้ามาตวาดแว้ดใส่คนที่ขัดขาตน นั่นก็คือคนที่แถเข้ามาทักเธอน่ะแหละภูมิแสยะยิ้มให้อย่างไม่สะท้าน เมื่อมองรอบตัวเห็นแล้วว่าตอนนี้ไม่ค่อยมีใครพลุกพล่านเท่าไหร่ ชายหนุ่มรีบเดินหนีก่อนที่ยัยคุณหนูนั่นจะแหกปากขู่ตนไปมากกว่านี้“สมน้ำหน้า อยากเป็นคนที่นายไต๋สนใจดีนัก”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นขณะเดินหนี เพราะยังไม่รู้ว่าเรื่องราวระหว่างฝ่ายที่ตนแกล้งกับคนที่ตนยังคงมีความหวังว่าจะได้สัมผัสเนื้อกายอยู่ ดำเนินไปจนถึงขั้นแตกหักแล้ว.......กฤตภาษนั่งคิดหาวิธีที่จะจัดการกับคนที่ทำตนหวิดเสียโฉมอยู่ในฟิตเนสคลับประจำ ชายหนุ่มหงุดหงิดอย่างเหลือล้นเมื่อนึกถึงนาทีที่รถคันสวยโดนฟาดจนกระจกเละ“ร้ายกว่าที่คิดนะแก”คำพูดเข่นเขี้ยวหลุดออกมาจากปาก ก่อนจะสะดุ้งหน่อยๆเมื่อมีมือบางมือยื่นมาลูบไล้ที่ต้นแขน เจ้าของมือคือภูมินั่นเอง“เอามือออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างไม่เก๊กน้ำเสียงและท่าทางเหมือนอย่างเคย ก่อนจะปัดมือนุ่มนั่นออกจากร่างกายตัวเองพร้อมจะลุกหนี ไม่มีเหตุผลที่เขาจะมานั่งปั้นท่าทางตัวเองให้แมนเข้าไว้ในสายตาของคนที่กำลังมีเป้าหมายว่าจะสัมผัสกลิ่นกายและเนื้อตัวของหนุ่มน้อยคนเดียวกันกับเขา“ของมันเคยๆ ทำเป็นเล่นตัว”ภูมิเอ่ยอย่างคนอารมณ์ดี แน่ล่ะ เพราะก่อนมานี่ได้แกล้งชะนีเด็กจนล้มหน้าเกือบฟาดพื้นมาได้นี่นา ตอนแรกชายหนุ่มก็คิดจะกลับที่พัก แต่พอนึกอีกที แวะมาออกกำลังกายหน่อยจะดีกว่า บังเอิญเหลือเกินที่ได้เจอคู่ขาเก่าตัวดีเข้าให้“เคยแล้วไง ใช่ว่าฉันจะติดใจอะไรนักหนากับลีลาห่วยๆของสาวเสียบอย่างหล่อนนักหรอก”คนถูกทวนความจำเอ่ยประโยคชนิดตะคอกให้คนฟังหน้าหงายขึ้นอย่างเสียงดังฟังชัด“พูดดีๆนะ ใครสาวเสียบ”ภูมิเอ่ยขึ้นอย่างเสียหน้า เมื่อโดนคู่ขาดูถูกออกมาแบบนั้น“โอ้ย เลิกเก๊กได้แล้วย่ะ เกย์แมนๆที่ไหนที่เขาคิดจะจับจ้องกินผู้ชายกัน ฉันนี่มันตาบอดแท้ๆที่หลงไปยกขาให้แกน่ะ”กฤตภาษยังคงเอ่ยต่ออย่างไม่สะท้าน เป็นไงก็เป็นกันเหอะ คนยิ่งกำลังหงุดหงิดกับการเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เกมราวีคู่ศิษย์รักกับอาจารย์เทวดานั่นอยู่“ หนอย กล้าบอกนะว่าตัวเองตาบอด ฉันต่างหากล่ะที่ควรจะพูดคำนี้ เห็นภายนอกดูดีก็นึกว่าจะฟิต ที่ไหนได้ เท้าเด็กห้าขวบก็น่าจะยัดเข้าไปได้มั้งรูนั่นน่ะ”คนโดนว่าตอกกลับอย่างเจ็บแสบเช่นกัน สองคนจึงยืนสู้สายตากันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ จนฝ่ายที่โดนว่าทีหลังต้องเอ่ยแฉขึ้นมาใหม่“มาว่าคนอื่น ไม่คิดเจียมตัวเองบ้างเหรอว่าของตัวเองน่ะมันSize ไหน หนอยไอ้นิ้วก้อยเด็กเรียกพี่”“นิ้วก้อยเด็กยังไงมันก็เคยยัดปากนายจนพูดไม่ออกมาแล้วล่ะ ทีตอนกินน่ะบอกอร่อยทีตอนนี้ทำมาพูดดี นี่แหละน่า นิสัยกะเทยร่านน่ะ”“นี่แกด่าฉันเป็นกะเทยเหรอ อีแอบจิต”“ก็เออสิ หรือไม่จริงล่ะ เวลาเต้นในคลาสน่ะหัดมองตัวเองในกระจกซะบ้าง จะได้เห็นว่าตัวตนจริงๆของตัวเองน่ะมันเป็นยังไง ไม่ใช่เต้นอยู่แต่สายตาแลหาแต่ผู้ชายกล้ามใหญ่จนเกือบถลนออกมานอกเบ้า”“ไอ้ภูมิ ไอ้ ไอ้ ไอ้ทุเรศ ไอ้ โอ้ย!!”กฤตภาษแทบจะล้มตรงนั้นซะให้ได้ เมื่อทนกับคำด่าว่าที่แทงใจดำเหลือทนจากคนที่ตนเคยมีอะไรด้วยไม่ไหว ชายหนุ่มเดินสะบัดหนีไปอย่างคนยอมแพ้ว่าปากจัดไม่เท่าฝ่ายนั้นจริงๆ ไม่ได้การล่ะ ขอไปสะเดาะเคราะห์ให้บั้นท้ายก่อนซักเจ็ดวัด เก้าวันก่อน ตั้งแต่เสียตัวมาไม่เคยมีอีรุกหน้าไหนมันปากจัดขนาดมาชี้หน้าด่าได้เจ็บแสบยังกะแม่ค้าขนาดนี้ นี่ฉันโดนสาวเสียบจริงๆหรือนี่ กรี๊ดดด!!อยากจะบ้าตาย!!.......กัณตินันท์แวะไปรับเตชสิทธิ์อย่างเคยที่โรงเรียนเจ้าตัว ตอนแรกที่เห็นฝ่ายนั้นเดินออกมาพร้อมเพื่อนกลุ่มใหญ่ เลยคิดที่จะเลี่ยงหลบ แต่นั่นก็ช้ากว่าสายตาของคนที่เดินออกมาที่มองเห็นซะก่อน“พี่ตฤณ”เสียงลูกศิษย์ร้องเรียก ทำให้ชายหนุ่มหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆเดินไปหา เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวกำลังโบกมือเรียกอยู่พอไปถึงคนกลุ่มนั้น ชายหนุ่มเกิดอาการอึ้งไปหน่อยๆ ก่อนจะยกมือรับไหว้หลายคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นแทบไม่ทัน“พวกผมขอโทษนะพี่ ที่เคยหลงเชื่อไอ้เหี๊...ไต๋แล้วรุมแกล้งพี่น่ะ”หนุ่มเป็นคนเอ่ยนำเพื่อนเมื่อยกมือไหว้ที่ที่เดินมาถึงกลุ่มเสร็จ“เรียกชื่อกูเฉยๆก็ได้ไอ้หนุ่ม”เตชสิทธิ์หันไปบอกคนที่เอ่ยชื่อตนโดยมีคำนำหน้าที่ไม่น่าฟังนัก“ก็มันจริงนี่ พี่ตฤณเขาเป็นครูมึงแท้ๆ ดันโกหกพวกกูว่าเขาเป็นพวกโรคจิตตามจีบมึง แล้วยืมมือพวกกูไปช่วยกันแกล้งพี่เขา มึงว่ามึงเหี้..มั๊ยล่ะ”ไอ้ต้อมผสมโรงขึ้น ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆให้คนเป็นครูของคนที่ตนว่า แล้วเอ่ยขึ้นอีก“คือไอ้ไต๋มันบอกเรื่องพี่กับพวกผมหมดแล้วครับ ยังไงพวกผมก็ต้องขอโทษพี่อีกทีนะ ที่เชื่อไอ้เหี้..นี่แล้วรุมแกล้งพี่น่ะ”“สามเหี้...แล้วนะพวกมึง ขอโทษแล้วก็ไปไหนก็ไปกันเลยไป ว่ากูอีกคำเดียว กูแตะส่งเลยนะบอกไว้ก่อน”“ทำเก่งๆ ดูนิสัยมันนะพี่ นักเลงซะ แนะนำให้พี่เตรียมไม้เรียวไว้ซักโหลเลยนะ สอนไอ้นี่น่ะ”หนุ่มว่าคนขู่แล้วหันมาพูดกับคนที่ยืนยิ้มอยู่หน่อยๆ“มึงไม่ต้องมาสะเออะไอ้หนุ่ม แค่หัวใจพี่เขาก็เอาอยู่หมัดแล้ว ไม้เรียวไม่ต้อง”เตชสิทธิ์เอ่ยออกมาตรงๆอย่างไม่แคร์อะไร ต่างจากคนที่ยืนฟัง จากรอยยิ้มหน่อยๆที่เจือบนใบหน้าตอนแรก เปลี่ยนเป็นตึงเรียบขึ้นมาพร้อมๆกับหันมองคนพูดประโยคเมื่อครู่ตาเขียว“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วนะไต๋”ชายหนุ่มเอ่ยว่าลูกศิษย์ ด้วยเพราะยังไม่รู้ว่าคนๆนี้ได้เปิดใจพูดเรื่องของเจ้าตัวกับตนให้เพื่อนๆฟังจนหมดแล้ว“เอาล่ะเหวย ท่าทางไอ้ลูกศิษย์จะโดนไม้เรียวคุณครูแล้วโว้ย กูว่าพวกเรารีบไปที่อื่นเถอะว่ะ ก่อนจะโดนปลายไม้เรียวไปด้วย”หนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างแซวๆ ก่อนจะนำเพื่อนทั้งกลุ่มยกมือไหว้ลาคนที่มองลูกศิษย์ตาเขียวอยู่ แล้วยกโขยงพากันเดินไปทางอื่น“เมื่อกี้พูดอะไร นายนี่มันยังไงนะ อยากโดนเพื่อนล้อนักหรือไง”กัณตินันท์ต่อว่าคนพูดจาไม่คิด ทันทีที่ได้อยู่กันสองต่อสองแล้ว“ใครจะล้อหรือใครจะว่าล่ะ ในเมื่อผมพูดความจริง อีกอย่างไอ้พวกนั้นก็รู้เรื่องผมกับพี่จนหมดแล้ว”คนถูกต่อว่าตอบหน้าตาย“ความจริงอะไร แล้วพวกนั้นรู้อะไร พี่กับนายเป็นแค่ครูกับลูกศิษย์เท่านั้น จำไว้”“คิดกับผมแค่นั้นจริงเหรอ”“ก็มันคิดอย่างอื่นได้หรือไง”“อยากคิดหรือเปล่าล่ะ”“ไม่”“แน่ใจ”“อืม”“ไม่เชื่อหรอก อย่าปากแข็งนักเลยพี่ตฤณ ยอมรับมาเถอะว่ารักผมน่ะ ไม่งั้นพี่คงไม่ยอมทำอะไรเพื่อผมตั้งหลายครั้งหรอก”“ก็ในฐานะครูทำให้ลูกศิษย์ไง”“เฮ้อ บอกใคร ใครเขาจะเชื่อเนี่ย ว่าคนอย่างนายไต๋ โดนคนเป็นเกย์เล่นตัวใส่”“น้อยๆหน่อยเถอะ นายมีดีอะไรนักหนา ถึงคิดว่าเกย์ทั้งประเทศจะต้องหลงใหลน่ะ”“อยากลองดูหรือเปล่าล่ะ”“ทะลึ่ง”“อ่ะแน่ะ เขินล่ะสิ จริงๆก็อยากลองใช่มั๊ยล่ะ บอกได้นะครับ เผื่อผมอาจจะยอม”“พูดมากจริงๆ กลับบ้านกันได้แล้วไป เดี๋ยวจะเสียเวลาเรียน”“เปลี่ยนเรื่องซะงั้น กลับก็กลับ แต่จ่ายค่ารถให้ผมนะ วันนี้ตังค์หมดแล้ว”“อะไรมันจะยากจนขนาดนั้น เดินกลับซะดีมั๊ย”“เอาสิ ผมจะได้อยู่กับพี่นานๆ”“ทำยังกะกลับไปถึงบ้านแล้วจะไม่ได้อยู่ด้วยกันงั้นล่ะ”“ก็ในชั่วโมงนั้นมันต้องอยู่ในฐานะอาจารย์กับลูกศิษย์นี่”“แล้วมันต่างจากตอนนี้ยังไง”“ต่างสิ ก็ตอนนี้อยู่ในฐานะ...”เด็กหนุ่มหุบปากลงกะทันหันเมื่อโดนคนยืนฟังคำตอบยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเหมือนว่าเจ้าตัวจะรู้ว่าเขาจะพูดอะไร“ในฐานะพี่กะน้องชายก็ได้อ่ะ”สุดท้ายคำตอบจึงถูกเบี่ยงประเด็นออกไป คนชี้หน้า จึงยอมลดมือลง แล้วเดินนำไปก่อน คนที่บอกตัวเองเป็นน้องจึงออกวิ่งตาม และก็ไม่วายที่จะแกล้งแหย่คนเดินนำไปก่อนไปตามเรื่องขณะเดินคู่กันไป.....บนรถประจำทางปรับอากาศที่นั่งอยู่ คนเป็นลูกศิษย์หลับไปแล้ว คงเพราะเพลียจากการเรียนมาทั้งวัน คนเป็นอาจารย์นั่งเอาหลังเอนไปกับเบาะยกมือขึ้นกอดอก ถอนหายใจเบาๆ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต รวมถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่ตนเองได้วางแผนเอาไว้ตั้งแต่ถึงจุดแตกหักจากการถูกบอกเลิกจากคนรัก และการลาออกจากการเป็นอาจารย์สอนพิเศษเมื่อครานั้น..“เรื่องของหัวใจ พี่อยากให้นายโตกว่านี้ก่อนแล้วค่อยคิดถึงมันเตชสิทธิ์”...ชายหนุ่มเอ่ยบอกคนที่นั่งหลับข้างๆในใจ แล้วหันไปมองเจ้าตัว ก่อนจะสะดุ้งหน่อยๆ เมื่อร่างนั้นล้มเอนมาพิงไหล่ตนในขณะที่เจ้าตัวกำลังหลับอยู่ชายหนุ่มปล่อยให้ร่างลูกศิษย์หลับซบไหล่ตนไปอย่างนั้นอย่างไม่คิดปลุกเจ้าตัวหรือคิดผลักใสออกไปทางไหนในบางครั้ง หัวใจก็เหนื่อยที่จะวิ่งหนีความจริง คุณว่าจริงไหม?.....โปรดติดตามตอนต่อไปขอบคุณครับBoy