มาแร้วค๊าบ..... หลังจากหายไปนาย ไงต้องขอโทษ
เพื่อน ๆ ที่ติดตามอ่านด้วยนะ และก็ขอบคุณพี่บอยด้วย
ที่เอามาต่อให้ตามสัญญา คิก คิก ......
กัณตินันท์ตาม มาทำหน้าที่ตัวเองแม้จะรู้ว่าลูกศิษย์จะไม่เต็มใจที่จะเรียนกับตนในตอนนี้ มากนัก ชายหนุ่มพยายามบอกให้เจ้าตัวแยกเรื่องความโกรธเคืองส่วนตัวออกไปก่อนในช่วง เวลาสองสามชั่วโมงต่อจากนี้ แต่นั่นก็ไม่เป็นผลอะไร เมื่อสิ่งที่ตนบอก ดูเหมือนว่าคนฟังจะไม่ใส่ใจอะไร หนำซ้ำฝ่ายนั้นยังไล่ให้ตนกลับไปทางเดิมที่มาอีก
“พี่กลับแน่ พี่ไม่อยู่ให้รกหูรกตานายหรอก ถ้าพี่ทำหน้าที่ตัวเองเสร็จ”ชายหนุ่มบอก เมื่อเกิดน้อยใจขึ้นมาบ้าง
“ไม่จำเป็นต้องมาสร้างภาพว่าตัวเองนั้นแสนดีอีกต่อไปหรอก ยังไงภาพพี่มันก็ติดลบในสายตาผมไปแล้ว”เตชสิทธิ์ว่ากลับอย่างต้องการแค่พูด ให้ฝ่ายนั้นรู้สึกว่าตัวเองกำลังโกรธ แต่คงเพราะน้ำเสียงที่ส่งออกไปมันอาจจะกระด้างเกิน จึงทำให้คนที่ได้ยิน ตีความหมายออกไปอีกอย่างหนึ่ง
“นายรู้สึกอย่างนั้นจริงๆหรือไต๋”กัณตินันท์เอ่ยถามนิ่งๆ แต่ในใจรู้สึกเจ็บปวดไปแล้วกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะคิดว่าตัวลูกศิษย์คงจะพูดประโยคเมื่อครู่ออกจากใจจริง
เตชสิทธิ์อ้ำอึ้งที่จะเอ่ยตอบอะไรออกมาในตอนนี้ เมื่อได้มองจ้องตากับคนที่เอ่ยถามตนถึงสิ่งที่ได้เผลอเอ่ยออกไปเมื่อครู่ แววตาฝ่ายนั้นตอนนี้ดูมันไหวระริกคล้ายๆคนกำลังเก็บกลั้นความรู้สึกอ่อนแอ เอาไว้แท้ๆ โธ่โว้ย ที่พูดออกไปน่ะแค่ประชด ทำไมไม่เข้าใจบ้างวะ!!
“จะมาอ่อนแอทำไมตอนนี้พี่ตฤณ พี่ลองนึกดีๆสิว่าสิ่งที่พี่ทำผมสำควรจะโกรธพี่มั๊ย โอเค ผมอาจจะใช้คำพูดแรงไป แต่ก็นั่นล่ะ ถ้าพี่ไม่ได้ทำผิดอะไรไปจากที่ผมเข้าใจ พี่ก็อธิบายให้ผมฟังสิว่าเรื่องราวระหว่างพี่กับนายภูมินั่น มันมายังไง เป็นยังไง ถึงได้หายไปด้วยกัน และก็ดูเหมือนจะกลับมาพัวพันกันอีก”เด็กหนุ่มเอ่ยบอก พลางรู้สึกหงุดหงิดอยู่หน่อยๆที่แทนที่ตัวเองจะเป็นฝ่ายโดนง้อ กลับต้องเสียเชิงกลายเป็นฝ่ายที่เหมือนจะง้อเองซะอย่างงั้น
“โอเค ถ้านายอยากรู้ความจริง พี่ก็จะเล่าทุกอย่างให้ฟัง”กัณตินันท์ยอมเอ่ยขึ้นหลังจากที่นิ่งคิดอยู่ชั่ว อึดใจ จากสิ่งที่เด็กหนุ่มตรงหน้าระบายออกมาเมื่อครู่มันก็เป็นเรื่องจริง ก็ในเมื่อเขาไม่ชัดเจนอยู่แบบนี้ ก็สมควรแล้วที่จะโดนต่อว่า แต่เอาเถอะ ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ บางที การเปิดใจพูดเรื่องจริงกับคนตรงหน้าตอนนี้ มันอาจเป็นบันไดขั้นแรกที่ช่วยให้เหตุการณ์ในวันรุ่งขึ้นตอนที่คนรักเก่า กลับเข้าไปทำงานมันเปลี่ยนไปจากสิ่งที่คิดว่ามันต้องเกิด แล้วไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่นั่นเขาต้องผ่านด่านที่จะทำให้ลูกศิษย์คนนี้เข้าใจในสิ่งที่เขาทำได้ก่อน ซึ่งนั่นมันอาจจะยากหรือง่ายก็คงต้องตามดูกัน
“แต่ก่อนที่พี่จะบอกอะไรนาย พี่ขอให้นายไว้ใจพี่อย่างเดิมเถอะ เรื่องพี่กับภูมิ พี่เข้าใจว่านายยังเด็ก และเป็นเด็กผู้ชายทั่วไป นายอาจจะยังแยกแยะไม่ออกหรอกถึงสถานะความเป็นไปของพวกเรา พี่หมายถึง พี่กับภูมิ และก็พี่เอสของนายด้วย ไม่รู้นะ ถ้านายเป็นเหมือนพวกเรา พี่ว่าเรื่องนี้ พี่แทบไม่ต้องอธิบายอะไรให้นายฟังเลยด้วยซ้ำ เอางี้ละกัน นายลองทบทวนถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น และกิริยาท่าทีของภูมิที่เขามีต่อนายกับพี่ แล้วลองคิดให้ดีๆ แล้วนายก็จะรู้ว่าพี่กับภูมิ คงเป็นอะไรกันไม่ได้มากกว่าเพื่อนกันอย่างแน่นอน ส่วนสิ่งที่นายอยากรู้ และคาดคั้นเอากับพี่ว่าเราหายไปไหนกันมา พี่จะบอกนะ แต่นายสัญญาได้มั๊ยล่ะ ว่านายจะรับฟังด้วยความมีสติ”ชายหนุ่มหยุดจ้องมองสีหน้าลูกศิษย์เมื่อเอ่ยจบ
“พี่ก็ลองอธิบายมาสิ ถ้าเกิดมันไม่แย่นัก ผมก็พอรับได้”เสียงลูกศิษย์เอ่ยตอบออกมาในที่สุด ชายหนุ่มสูดลมหายใจให้เข้าเต็มปอดแล้วเริ่มเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่ตนไป ประสบและรับรู้มา
.
.
“พี่ก็ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ทำไปมันถูกต้องที่สุด หรือแย่ที่สุดในสายตานาย แต่อย่างน้อยพี่ก็สามารถเอาตัวเองกลับมายืนตรงนี้ต่อหน้านายได้ด้วยร่างกาย ครบสามสิบสอง และอาจจะช่วยให้ณิชาไม่ต้องถูกโดนรังแก แค่นี้พี่ก็ถือว่าพี่พอใจแล้วถ้าเทียบกับการสูญเสีย หรือเรื่องเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นหากว่าต่างคนต่างไม่มีการรอมชอม หรือโอนอ่อนให้กันตามสถานการณ์ที่คิดว่าน่าจะทำได้”คนเล่าเหตุการณ์เอ่ยต่อ หลังจากที่อธิบายทุกสิ่งอย่างจบสิ้นลงไป ชายหนุ่มเห็นและรับรู้อาการคนฟังมาโดยตลอดว่าฝ่ายนั้นขบกรามแน่นจนเป็นสัน นูนขึ้นเป็นระยะๆ ไม่แปลกหรอก เป็นใคร ใครก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา ยิ่งเหยื่อเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นถึงคุณหนูคนสวย แม้คนที่กำลังโกรธตอนนี้จะเคยบอกว่าเรื่องระหว่างเจ้าตัวกับคุณหนูนั่นมันจบ ลงไปแล้ว แต่ก็อย่างว่า คนเคยรักกัน คบกัน ความผูกพันมันก็ย่อมมีให้กันเป็นธรรมดา จึงไม่ใช่เรื่องผิดที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะโกรธแทนกันขึ้นมาหากว่ารับรู้ว่าอีก ฝ่ายโดนรังแกเช่นไร
“ผมพยายามจะทำความเข้าใจพี่นะพี่ตฤณ แต่พี่เชื่อได้ไงว่าคนรักเก่าของพี่ มันจะคิดดีทำดีในอนาคตต่อไปจริงๆ ขนาดพี่เคยก้มกราบมันเพื่อแลกกับการที่มันจะไล่มันไปให้พ้นๆจากชีวิตผม มันก็ยังไม่ฟัง แล้วนี่ ผมว่ามันง่ายไปหน่อยมั๊ยกับการที่มันจะยอมฟังพี่แล้วยอมรามือทุกอย่างขึ้นมา ดื้อๆ”คนยืนขบกรามเอ่ยออกมา หลังจากรับฟังทุกสิ่งทุกอย่างจบแล้ว
“การเอาชนะจิตใจนายมันก็ไม่ได้ง่ายเหมือนกับที่พี่พยายามจะเอาชนะจิตใจภูมินักหรอก พูดแค่นี้ นายคงจะเข้าใจนะ”
“ผมไม่เข้าใจ ผมไม่ได้เลวขนาดทำเรื่องชั่วช้าแบบนั้นได้”
“แน่ใจเหรอ จำเหตุการณ์ที่บ้านร้างหลังโรงเรียนนายได้มั๊ยล่ะ วันนั้นพี่ก็บอกกับทุกคนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนเรื่องเงียบมาถึงทุกวันนี้ จำไว้เถอะนะไต๋ การให้อภัยคนที่เรามีสัญชาตญาณว่าเขาจะเป็นคนดีได้ถ้ามันไม่เกินจะรับได้ ก็ทำไปเถอะ คนที่เลวโดยสันดาน กับคนที่เลวเพราะมีสิ่งยั่วยุ หรือหลงผิดชั่วขณะ มันต่างกันนะ พี่ไม่ได้เพิ่งรู้จักกับภูมิ ถ้าเขาเลวโดยสันดาน พี่ว่าเขาคงไม่กัดฟันมุ่งมั่นที่จะเรียนมาจนจบพร้อมๆกับพี่หรอก พี่ไม่ได้เข้าข้างอะไรเขานักหรอกนะ เดี๋ยวจะพาลโกรธพี่ไปกันใหญ่ แต่พี่แค่อยากให้นายเข้าใจในสิ่งที่พี่ทำ และพี่ก็อยากจะขอร้องว่าอย่าให้เรื่องนี้มันบานปลายไปเลย เพราะตอนนี้ณิชาก็น่าปลอดภัยดีแล้วนะ”
“คำพูดเหล่านี้พี่ควรไปบอกณิชานะ ไม่ใช่บอกผม เพราะผมเชื่อว่าพ่อเขาคงไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆหรอก”
“พูดแบบนี้ แสดงว่านายไม่โกรธพี่เหรอ”
“โกรธ โกรธที่พี่ไม่ยอมพูดความจริงกับผมตั้งแต่ทีแรก”
“ก็พี่กลัวนายรับไม่ได้”
“รับได้ไม่ได้นั่นมันอีกเรื่อง ผมไม่ชอบหรอกนะที่พี่จะมีความลับกับผม”
“พี่ขอโทษ”
“ช่างมันเถอะ ผมพอจะเข้าใจเหตุผลของพี่ แต่ก็อย่างที่ผมบอกว่าเรื่องนี้ พ่อณิชาเขาคงไม่ยอมจบง่ายๆหรอก ยิ่งอยู่ดีๆนายภูมินั่นโดนเรียกเข้าไปที่ออฟฟิสกะทันหันแบบนี้ ผมว่าก็คงเพราะเรื่องนี้แหละ”
“ก็นี่แหละที่พี่หนักใจอยู่”
“เครียดเลยงั้นสิ”
“ก็นิดหน่อย พี่รับปากภูมิเขาไว้แล้วว่าจะช่วยให้เขาพ้นผิดอย่างถึงที่สุด”
“คิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่หรือไง”
“เป็นไม่เป็น อย่างน้อยพี่ก็ช่วยให้แฟนของนายไม่โดนย่ำยีละกัน”
“ใครแฟนผม”
“ก็คุณหนูนั่นไง”
“แค่เกือบเคยจะเป็น อย่ามั่วๆ”
“ก็เหมือนกันน่ะแหละ”
“เหมือนตรงไหน ถ้าระหว่างผมกับณิชาเรียกว่าแฟน แล้วระหว่างผมกับพี่ ไม่เรียกผัวเมียกันเลยหรือไง”
“นายไต๋ นี่ปากพล่อยอีกแล้วนะ เกิดแม่นายเดินผ่านมาได้ยินทำไง”
“โอ้ย รายนั้นเขาเลิกสนใจเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว มีแต่พี่แหละบ้าอยู่คนเดียว”
“นี่นายด่าพี่เหรอ”
“ก็เออน่ะสิ”
“นายนี่มันเหลือเกินจริงๆ เลิกไร้สาระกันดีกว่า ตกลงว่านายจะยอมให้พี่สอนหนังสือนายได้หรือยัง”
“ไอ้ยอมน่ะยอมแล้ว แต่พี่จะมีสมาธิสอนผมจริงๆน่ะเหรอ”
“ทำไม?”
“อ้าว ก็เห็นกำลังหนักใจเรื่องจะช่วยคนรักเก่ายังไงอยู่น่ะสิ”
“นั่นมันปัญหาที่พี่ผูกขึ้นเอง พี่ก็ต้องหาทางแก้เองน่ะแหละ พี่ไม่เอามันมาสุมรวมกับงานของพี่หรอก”
“แต่ปัญหาของพี่ ก็เหมือนปัญหาของผม ยังไงผมก็ต้องช่วยพี่แก้มันให้ได้ก่อนอยู่ดีน่ะแหละ”
“หมายความว่ายังไง”
“ณิชาเอง เขาก็อยากให้เรื่องนี้มันจบเหมือนกัน เดี๋ยวผมจะลองคุยกับเขาให้ว่ให้พ่อเขาเลิกสืบหาคนร้าย”
“นะ นายจะช่วยภูมิเหรอ”
“ผมช่วยพี่ ผมไม่ได้ช่วยนายนั่น”
“แล้วมันจะต่างกันตรงไหน”
“ผมมีวิธีจัดการกับมันละกัน”
“ยังไง”
“บอกตอนนี้มันก็ไม่สนุกน่ะสิ เอาเป็นว่า เดี๋ยวผมจะช่วยพูดกับณิชาให้ละกัน”
“แล้วถ้าพ่อเขาไม่ยอมล่ะ”
“ไม่ยอมแล้วจะทำไงได้ล่ะ ก็ในเมื่อคนร้ายไม่มีตัวตน”
“ถ้างั้น นายจะทำยังไงก็เรื่องของนายละกัน ว่าแต่ตอนนี้พี่จะสอนหนังสือนายได้หรือยังล่ะ”
“อะๆๆ อยากสอนก็สอน แถมวิชาเพศศึกษาให้ด้วยได้มั๊ย อยากเรียนอีกอ่ะ”
“ทะลึ่ง ไอ้เด็กบ้า”
“เฮ้ย พูดแค่นี้ หน้าแดงเป็นลูกตำลึงเลย”เสียงหัวเราะชอบใจดังตามหลังประโยคสุดท้ายของเด็ก หนุ่มที่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมา หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวทุกอย่างจากปากคนที่ตนเองหึงหวงจนหมดสิ้น เด็กหนุ่มเอียงตัวหลบเป็นพัลวันจากการทุบตีของคนเป็นครูสอนพิเศษ ก่อนจะสิ้นฤทธิ์ลงไปนั่งทำหน้าที่เป็นลูกศิษย์ที่ดีตอนที่เจอสายตาค้อนขวับ ของผู้เป็นแม่ที่เดินผ่านเข้ามาเจอเหตุการณ์
“มันซนอะไรอีกล่ะตฤณ เอาไม้เรียวมั๊ยเดี๋ยวน้าเอามาให้ ฟาดมันเลยไอ้เด็กคนนี้ เกเรตั้งแต่อ้อนแต่ออก”น้ำเสียงดุว่าอย่างไม่จริงจังดังแทรกเข้ามาสมทบ ก่อนที่คนเอ่ยจะเดินหายไปอีก
“โดนเลย สมน้ำหน้า”กัณตินันท์หันไปเอ่ยกับคนที่ถูกว่า
“ผมต้องกลัวมั๊ยอ่ะ”ฝ่ายนั้นถามกลับอย่างยียวน ก่อนยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ เมื่อเห็นคนที่ตนแกล้งแหย่ตอบโต้อะไรไม่ออก นอกจากส่ายหน้าไปมา