[ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)  (อ่าน 201382 ครั้ง)

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
กลับมาแล้วววววว

คนทำผิดสมควรชดใช้

คนร่างกายอ่อนแอควรพักผ่อนนะจ๊ะ พาย


ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ G-bazo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
-24-


                ภูตะวันนั่งอยู่บนขอบเตียงนุ่มเฝ้ามองคนรักที่นอนหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอมาหลายชั่วโมงแล้ว แม้ตัวเองจะยังไม่หายดีแต่ก็เป็นห่วงอีกคนเกินกว่าจะนอนอยู่เฉยๆ เมื่อแพทย์ตรวจอาการของเขาแล้วและพบว่าไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงอีกนอกจากให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่านี้ เขาจึงขอให้พามาที่นี่เพื่อมาเฝ้าดูอาการของคนรักอย่างใกล้ชิด
   
           พระพายหมดสติไปเพราะการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอรวมถึงความเครียดที่ทับถม แพทย์ที่ดูแลจึงให้ยานอนหลับเพื่อให้เขาได้พักผ่อนสักระยะ ใบหน้าที่เคยซีดขาวกลับมีสีเลือดฝาดขึ้นมาอีกครั้ง มือใหญ่ข้างที่ไม่ได้เจาะสายน้ำเกลือยกกุมหน้าอกตัวเองด้วยอาการเจ็บก่อนจะเอื้อมไปลูบหลังมือขาวของคนรักอย่างแผ่วเบาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
   
           สักครู่เปลือกตาสีอ่อนก็เปิดขึ้น เพียงแค่เห็นหน้าภูตะวันรอยยิ้มหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแม้ตัวเองจะเหนื่อยล้าสักแค่ไหนก็ตาม ก่อนจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง


“พี่ปลอดภัย ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ?” ภูตะวันพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มบางๆเป็นคำตอบ อีกคนยิ้มดีใจพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก


“พายเป็นห่วงพี่จนแทบบ้า” แววตาของเขาที่สะท้อนออกมาว่าไม่ได้โกหก ภูตะวันจับมือของพระพายเอาไว้พร้อมกับบีบเบาๆแทนความรู้สึกตื้นตันใจก่อนจะยกขยี้ผมอีกคนจนยุ่งไปเล็กน้อยอย่างเอ็นดู


“ตรงนี้ ... พายเป็นคนทำใช่ไหม?” เขาวางมือบนหน้าอกข้างที่ถูกผ่าตัดของตัวเอง คนถูกถามลังเลใจที่จะตอบด้วยไม่รู้ว่ามีอะไรผิดพลาดจนทำให้คนรักไม่พอใจหรือไม่ หากแต่ก็จำใจยอมพยักหน้าให้เป็นคำตอบ รอยยิ้มมุมปากจากอาจารย์หมอค่อยๆเผยขึ้น
ทีละนิดจนพระพายแปลกใจไป


“แล้วเห็นตัวเองอยู่ในนั้นหรือเปล่า?”


“... พายไม่ได้ผ่าตัดหัวใจให้พี่ซะหน่อย” ยิ้มอย่างเขินๆพลางกลอกตาไปมา ไม่คิดว่าคนเจ็บที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากการผ่าตัดจะกล้าเล่นมุกอะไรแบบนี้กับตน


“เราก็อยู่ทุกส่วนในร่างกายพี่นั่นแหละ หึหึ ... ขอบคุณนะ” หมอซันยกยิ้มเจ้าเล่ห์พลางหัวเราะเบาๆ


“พายต่างหากที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณนะครับที่กลับมา” ภูตะวันรั้งร่างคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอด พระพายเองอยากจะกอดตอบให้แน่นกว่านี้แต่ก็ยังกลัวว่าคนรักที่เพิ่งจะฟื้นตัวจะบาดเจ็บอีกจึงทำเพียงสวมกอดเบาๆแต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน เขาหลับตาพริ้มด้วยความรู้สึกตื้นตันใจอย่างที่สุด


      อาจารย์หมอถามพระพายถึงเรื่องคดีความว่าเป็นยังไงคืบหน้าไปถึงไหน ทว่าพระพายกลับตอบเพียงว่ามันกำลังจะจบลงด้วยดี เขาไม่อยากลงรายละเอียดอะไรมากนักในตอนที่คนรักยังไม่แข็งแรงดี และในวันตัดสินคดีคนที่เขาอยากให้อยู่ด้วยรองจากแม่และยายก็คือภูตะวันที่ร่วมกันสู้มาจนถึงวันนี้


      หลังจากวันที่ภูตะวันฟื้นขึ้นมาร่างกายเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับแต่แพทย์ยังไม่ให้ทำอะไรที่หักโหมมากนัก พระพายเองก็แข็งแรงขึ้นเพราะมีกำลังใจที่ดีจากคนรักและคนรอบข้าง เขากลับมาทำงานตามปกติและดูเหมือนจะมีความสุขมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ก่อนจะราววอร์ดเช่นทุกเช้าเขาจะเข้ามาเยี่ยมอาจารย์หมอก่อนเสมอถึงแม้ว่าพวกเขาจะห่างกันแค่ตอนที่พระพายกลับคอนโดไปอาบน้ำแต่งตัวก็ตาม


“แหม วันนี้หน้าตาสดชื่นมาเชียวนะ” แพรดาวทักทายอย่างล้อๆเมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินมาแผนกผู้ป่วยในเพื่อเตรียมราววอร์ดในช่วงเช้า คนถูกทักทำเพียงยิ้มตอบออกมาก่อนจะเช็คชาร์จการรักษาของผู้ป่วย


“อาจารย์เป็นไงบ้าง?”


“... เท่าที่เห็นก็ดีขึ้นนะ แต่ยังเจ็บแผลผ่าตัดอยู่นิดหน่อย” เขาละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ หันไปตอบเพื่อนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม


“แล้วตกลงไอ้ข่าวที่ลือกันทั่วโรงพยาบาลนี่เรื่องจริง?” หมอเอิร์ธถามเสียงสูงทั้งที่ก็พอจะเดาออกว่าคงจะเป็นจริงแน่ๆ ในเมื่อทั้งอาจารย์หมอและเพื่อนของตนดูเป็นห่วงกันมากมายขนาดนั้น คนถูกถามยิ้มเล็กน้อยและไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจคล้ายกับจะบอกเป็นนัยๆว่าแล้วแต่จะคิด ก่อนจะหยิบแฟ้มเดินเข้าห้องพักของผู้ป่วยไป


“เออพาย แล้วเรื่องคดีเป็นยังไงบ้างล่ะ ไปถึงไหนแล้ว?” แพรดาวถามเสียงเบาลงเมื่อเดินตามเพื่อนเข้ามาในห้องพักฟื้นผู้ป่วยรวมของแผนก


“อีกสามวันก็ตัดสินคดีแล้ว ... วันนี้อาการเป็นยังไงบ้างครับ?” คุณหมอหน้าหวานตอบคำถามเพื่อน แต่ก็ไม่ละหน้าที่ของตัวเองเขาถามถึงอาการของผู้ป่วยหญิงสูงวัยรายหนึ่งด้วยเสียงที่อ่อนโยนและน้ำเสียงที่อบอุ่น


“ไม่ค่อยเจ็บแผลแล้วจ้ะ” เธอตอบด้วยสีหน้าสดชื่น หลังจากที่ผ่านการผ่าตัดมาและพักฟื้นได้ระยะหนึ่งแล้ว


“ถ้าเป็นแบบนั้น คุณป้าก็คงจะได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านแล้วนะครับ” เขายิ้มหวานส่งให้พลางเขียนรายงานในแฟ้ม ก่อนจะเดินไปที่เตียงผู้ป่วยรายอื่นต่อ โดยมีกลุ่มเพื่อนที่ต้องทำการตรวจพร้อมกัน ทว่ากลับหันมาเห็นสีหน้าแพรดาวที่กำลังคิ้วขมวด


“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ เป็นอะไร?”


“เขาจะยอมแพ้คดีง่ายๆอย่างนั้นเหรอพาย” แพรดาวพูดสิ่งที่กังวล เมื่อคิดว่าพฤติพงศ์คงไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ หากว่าเป็นเช่นนั้นเพื่อนของเธอจะต้องทำยังไงต่อไป แต่แทนที่พระพายจะกังวลกับสิ่งที่เพื่อนคิด เขากลับหัวเราะออกมาเบาๆและหันกลับไปฉีดยาให้กับผู้ป่วยอีกรายอย่างตั้งใจจนเสร็จ


“วันที่ขึ้นศาลกันวันนั้นเขาก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรนะ แม้แต่ทนายเขาเองก็ไม่ได้เอามา ... อย่ากังวลไปเลย หลักฐานเรามีมัดตัวเขาได้ไม่หลุดแน่ เขาจะไม่มีวันชนะเราได้อีกแล้ว ...” พระพายกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปตรวจยังเตียงอื่นต่อไป แพรดาวจึงได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆและทิ้งความกังวลให้หมดไป ในเมื่อพระพายเชื่อแบบนั้นเธอเองก็จะเชื่อว่าเวรกรรมมีอยู่จริง ใครทำอะไรไว้ยังไงก็ต้องรับผิดชอบ


      หลังจากที่เสร็จงานแล้ว ในช่วงพักกลางวันพระพายปลีกตัวจากเพื่อนเพื่อกลับมาที่ห้องพักฟื้นของอาจารย์หมอ เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบว่าในห้องมีอาทั้งสองคนของภูตะวันอยู่ด้วย พร้อมกับอาหารมากมายอยู่บนโต๊ะ


“อ้าว มาพอดีเลย ตาซันกำลังจะโทรหา เขาห่วงว่าเราจะไม่ได้ทานข้าว” ณิชชาอรหัวเราะพลางรับไหว้คนรักของหลานชายที่ยกมือไหว้เขาทั้งสองคนอย่างนอบน้อมเหมือนทุกครั้ง


“มาๆทานข้าวกัน”


“ครับ” เขาตอบรับคำชวนของประธานโรงพยาบาลด้วยรอยยิ้ม


“งานเยอะไหม?” ทันทีที่หย่อนก้นลงเก้าอี้ ก็ได้รับคำถามจากคนรักพร้อมด้วยอาหารที่ถูกนำมาวางลงบนจานตรงหน้า


“ก็เยอะเป็นปกตินั่นแหละครับ พี่ทานยาก่อนอาหารหรือยัง?” ถึงแม้ว่างานจะเยอะแต่ก็ไม่ลืมที่จะเป็นห่วงสุขภาพของอาจารย์หมอที่ควรจะต้องได้รับยาอย่างต่อเนื่อง ภูตะวันทำเพียงพยักหน้าเป็นคำตอบเท่านั้น ก่อนที่ทุกคนจะลงมือทานอาหารกันไปอย่างเงียบๆ จนเวลาผ่านไปได้สักพักประสิทธิ์จึงพูดขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้


“วันนี้อากับคณะผู้บริหารประชุมกันเกี่ยวกับโรงพยาบาลของเรา ตั้งแต่ก่อตั้งมาเราทำบุญโรงพยาบาลไปแค่ครั้งเดียวคือตอนเปิดโรงพยาบาล เราเลยลงความเห็นกันว่าจะทำบุญครั้งใหญ่ให้โรงพยาบาลและจะมีกิจกรรมพิเศษเล็กน้อยให้คนไข้และญาติๆรวมถึงบุคลากรของเราได้ผ่อนคลายกันบ้าง ซันว่ายังไง?”


“.... ก็ดีนะครับ แล้วอาจะจัดเมื่อไหร่?”


“คิดไว้ว่าหลังวันติดสินคดีน่ะ”


“เห็นตาซันบอกว่าเราอยู่กับแม่และยาย ชวนท่านมาด้วยสิจ๊ะ มาทำบุญด้วยกัน” ณิชชาอรถามอย่างใจดี หากว่าแม่และยายของพระพายมากรุงเทพฯ เธอกับสามีก็คงจะได้ขอโทษด้วยตัวเองกับเรื่องร้ายๆที่พวกเขาปล่อยให้มันเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด


“ผมตั้งใจจะไปรับแม่กับยายมาฟังตัดสินคดีอยู่แล้วครับ เพราะท่านเองก็รอวันนั้นไม่ต่างจากผม ยังไงผมขออนุญาตลางานสักสองวันนะครับ” พระพายพูดอย่างฉะฉาน ถึงแม้แม่และยายจะไม่เคยพูดให้เขาต้องเอาคืนคนที่มันทำลายครอบครัวพวกเขา แต่เขาก็รู้ดีว่าท่านทั้งสองรอวันที่จะได้เห็นคนผิดถูกลงโทษมาเสมอ


“พี่ไปด้วย” ทุกคนหันไปมองภูตะวันที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากการผ่าตัดกันเป็นตาเดียว


“พี่จะปล่อยให้พายไปคนเดียวได้ยังไง”


“พายกลับบ้านนะครับ ไม่ได้ไปเสี่ยงชีวิตที่ไหน” เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ยอมรับว่าหงุดหงิดใจเล็กน้อยที่ภูตะวันไม่นึกห่วงตัวเองบ้างทั้งที่ก็เพิ่งจะผ่านการผ่าตัดมาและเขาไม่อยากให้ตัวเองเหมือนเป็นภาระของคนอื่น อาจารย์หมอได้แต่จ้องหน้าคนรักอย่างเงียบๆไม่ได้พูดอะไรต่อ จนผู้ใหญ่ทั้งสองคนเห็นถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีนัก


“แต่ซันก็ยังไม่ค่อยแข็งแรงนะลูก” ณิชชาอรพูดเสริมอีกแรงเพื่อให้หลานชายเปลี่ยนใจ นึกถึงร่างกายของตัวเอง


“ผมเป็นหมอนะครับอาหญิง ผมรู้ว่าร่างกายตัวเองไหวหรือไม่ไหว” เขาพูดเสียงเรียบ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนต่างพากันถอนหายใจกับความดื้อรั้นเอาแต่ใจของหลานชายเพียงคนเดียว ภูตะวันหันกลับมามองพระพายอีกครั้งบอกผ่านสายตาว่ายังไงเขาจะต้องไปด้วย


“ตอนมาที่นี่พายก็ยังมาคนเดียวได้ พายดูแลตัวเองได้นะครับ” พระพายพูดเสียงอ่อนลง พยายามเข้าใจว่าอาจารย์หมอเป็นห่วงเขามาก อาจจะเพราะว่าที่ผ่านมาพวกเขาเสี่ยงอันตรายมาด้วยกันเยอะจึงทำให้ภูตะวันยังเป็นห่วง


“แต่ตอนนี้พายเป็นแฟนพี่ พี่ก็ต้องดูแลพาย ถ้าตอนนั้นเราเป็นแฟนกัน พี่ก็คงไม่ปล่อยให้พายมาเจอกับอะไรแย่ๆแบบนี้คนเดียวหรอกครับ เข้าใจพี่ไหม?” มือหนายกลูบกลุ่มผมนุ่มของคนรักอย่างอ่อนโยน เขาแค่อยากอยู่ใกล้ๆกับคนที่ตัวเองรัก อยากไปเห็นบ้านที่อบอุ่น ครอบครัวที่น่ารักของพระพายด้วยตัวเอง คุณหมอหน้าหวานถอนหายใจช้าๆยอมจำนนต่อความเป็นห่วงที่มากล้นของผู้ชายคนนี้ ก่อนจะแอบชำเลืองมองผู้ใหญ่อีกสองคนที่นั่งมองเขาสองคนสลับกันด้วยสายตาล้อๆ


“หลานชายคุณนี่มันจริงๆเลยนะคะ”


“ก็หลานคุณเหมือนกันนั่นแหละคุณหญิง” ผู้ใหญ่หัวเราะร่วน เห็นหลานตัวเองมีความสุขกับคนที่รักก็ไม่คิดจะขัดขวางอะไรให้ต้องขุ่นเคืองกันในครอบครัว เพราะก็มีเหลือกันเพียงแค่นี้ อีกทั้งพระพายก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ที่ทำได้ก็คงจะมีแต่เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนต่อสู้กับอะไรที่ต้องเจอในชีวิตกันต่อไป


      ในวันถัดมาภูตะวันก็ได้ออกจากโรงพยาบาลโดยที่ไม่มีใครเห็นด้วยเลยแม้สักคนเดียว แต่ก็ต้องยอมในเมื่ออีกฝ่ายดึงดันที่จะขอออกไปพักฟื้นที่บ้านเอง พระพายจึงต้องรับหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด

      อาของภูตะวันได้ให้คนขับรถมาส่งพวกเขาที่สนามบินและพระพายขอให้พนักงานนำวีลแชร์มารับที่รถด้วยถึงอาจารย์หมอจะบอกว่าไม่เป็นไรเพราะเขาเดินเองได้แต่ครั้งนี้พระพายจะไม่ยอมใจอ่อนให้เด็ดขาด ในระหว่างการเดินทางเขาจะคอยสังเกตคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆอยู่เสมอเพราะกลัวว่าแผลผ่าตัดจะได้รับการกระทบกระเทือนและอาจจะทำให้เขาทรุดได้


“พี่อยากเดินบ้าง” ทันทีที่เครื่องลงจอดภูตะวันก็เอ่ยปากบอกในสิ่งที่ต้องการ เพราะเขาเบื่อกับการนั่งเฉยๆเป็นภาระให้คนรักต้องคอยดูแลทั้งที่อยากจะมาดูแลอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ คนถูกขอร้องมองหน้าพลางระบายยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้าให้เป็นคำตอบ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินออกจากตัวเครื่องบินโดยมีพระพายคอยจับแขนเอาไว้อย่างไม่สนใจสายตาใคร


“บ้านพายอยู่นอกเมือง พายก็เลยเช่ารถตู้เอาไว้ ตอนนี้คงมาถึงแล้ว”


“แล้วจะแนะนำพี่กับที่บ้านว่ายังไง?” ภูตะวันถามยิ้มๆ อยากจะรู้ว่าพระพายจะแนะนำเขาว่าเป็นอะไรกับตัวเองให้แม่และยายได้รับรู้ แต่ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะแนะนำว่าอย่างไรเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากมายนัก เพราะถึงยังไงทั้งสองคนก็รู้อยู่ในใจว่ารักกัน


“อืมม ... เอาไว้เดี๋ยวพี่ก็รู้เองตอนไปถึง” พระพายหัวเราะเบาๆ ในขณะเดียวกันที่รถตู้ที่จองไว้ก็มาถึง คนตัวเล็กกว่าช่วยประคองคนรักให้ขึ้นไปนั่งรอคนขับเก็บกระเป๋าไว้ที่ท้ายรถ ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ แต่พระพายก็ไม่วายกำชับคนขับว่าให้ขับอย่างระมัดระวัง ไม่ต้องเร็วและให้ขับนิ่มที่สุด จนอาจารย์หมอถึงกุมขมับแต่ลึกๆในใจก็อดจะดีใจไม่ได้ที่คนรักเป็นห่วงตนมากมายขนาดนี้ ...


      จากตัวเมืองเชียงใหม่นั่งรถประมาณสองชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงบ้านที่แสนอบอุ่นของครอบครัวภูวนัตถ์ในเวลาใกล้เที่ยง อาจารย์หมอมองข้างนอกผ่านกระจกรถเขาเห็นหญิงสาววัยกลางคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับคนรักของเขาไม่มีผิดเพี้ยน เพราะพระพายเหมือนแม่มากทำให้ใบหน้าค่อนไปทางหวานเล็กน้อย หญิงสูงอายุที่คะเนทางสายตาอายุน่าจะราวๆแปดสิบปียืนระบายยิ้มอยู่ข้างๆกัน


“แม่กับยายของพายครับ” พระพายระบายยิ้มหวาน เห็นคนรักมองผู้ใหญ่ที่ตนรักทั้งสองคน ก่อนที่คนขับรถตู้จะเปิดประตูให้ พระพายประคองอาจารย์หมอให้ลงรถอย่างระมัดระวัง ทิ้งท้ายบอกคนขับรถตู้ให้มารับพรุ่งนี้ในช่วงเย็นเพื่อไปที่สนามบิน


“... ไม่เห็นบอกว่าจะพาเพื่อนมาด้วยแม่จะได้จัดห้องเอาไว้ให้ เรานี่นะ!” เมื่อเห็นว่าลูกชายของตนไม่ได้มาเพียงคนเดียวก็อดที่จะเอ็ดไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้จริงจังมากนัก


“พายจัดการเองได้น่า ... แม่กับยายพายครับ นี่อาจารย์พายเองฮะ” พระพายกอดเอวแม่ของตนเอาไว้ ก่อนจะแนะนำให้คนรักกับครอบครัวของตนให้ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ภูตะวันยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างสุภาพ เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรที่พระพายแนะนำในฐานะอาจารย์และลูกศิษย์ เพราะเข้าใจดีว่าหากจะให้บอกออกไปในทันที คงไม่มีผู้ใหญ่คนไหนจะรับได้อย่างแน่นอน


“อ๋อ ที่พายเล่าให้ยายกับแม่ฟังใช่ไหมว่าเขาดุ เจ้าพายมันต้องดื้อมากๆเลยใช่ไหมคะอาจารย์” คนแก่หัวเราะร่วน จะมีก็แต่พระพายที่ยู่หน้าเล็กน้อยที่ถูกหาว่าดื้อ


“ก็นิดหน่อยครับ เอ่อ .. เรียกผมว่าซันเฉยๆก็ได้ครับ”


“จ้ะๆ ขึ้นบ้านกันก่อนเถอะ จะได้กินข้าวกัน ข้างนอกอากาศร้อน” มารดาของพระพายเอ่ยชวนให้ทุกคนขึ้นบ้าน ถึงแม้ว่าแสงแดดจะแรง แต่บ้านของพระพายเป็นบ้านทรงเรือนไทยใต้ถุนสูง รอบๆบ้านก็มีต้นไม้ปลูกไว้จนร่มรื่นทำให้อากาศไม่ได้ร้อนมากมายนัก


      พระพายยกกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองและอาจารย์หมอขึ้นมาบนบ้าน ภูตะวันถูกพาไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวแบบนั่งพื้นบริเวณชานบ้านที่ร่มรื่น พระพายอาสาจะช่วยแม่ยกสำหรับอาหารมาที่โต๊ะแทน จนอาหารพื้นเมืองชาวเหนือหน้าตาน่าทานถูกวางอยู่บนโต๊ะ พร้อมด้วยทุกคนที่นั่งประจำที่กันเรียบร้อยแล้ว


“อาหารเหนือ กินได้ใช่ไหมจ๊ะ?”


“ได้ครับ” ภูตะวันตอบผู้เป็นมารดาของพระพาย ค้อมหัวเล็กน้อยที่ผู้ใหญ่ตักข้าวใส่จานให้ ยายของคนรักก็รีบตักกับข้าววางบนจาน อยากจะให้ได้ชิมฝีมือทำอาหารของตัวเองตามประสาของคนแก่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้กินอะไร พระพายที่นั่งอยู่ข้างๆก็ลุกพรวดขึ้นจากเบาะที่นั่งโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับถุงยามากมายของภูตะวัน


“ยาก่อนอาหารครับ” เขาจัดออกมาให้กับคนรักอย่างละเอียดไม่มีขาดสักเม็ดตามคำสั่งของแพทย์ ท่ามกลางความสงสัยของผู้ใหญ่ทั้งสองคนว่าอาจารย์ของลูกชายและหลานชายเป็นอะไร


“หมอซันไม่สบายเหรอลูก?” หญิงสูงวัยถามอย่างเป็นห่วง คนถูกถามมองหน้าคนรักอย่างต้องการตัวช่วยว่าควรจะตอบว่าอะไรดี หากจะพูดความจริงว่าเป็นอะไรก็เกรงว่าจะไม่เหมาะในเวลานี้ พระพายจึงเป็นฝ่ายตอบแทน


“อาจารย์เขาเพิ่งผ่าตัดน่ะฮะ อุบัติเหตุ”


“ตายจริง! แล้วก็พากันเดินทางมาตั้งไกล”


“ผมอยากมาน่ะครับ อยากพักผ่อนด้วย” ภูตะวันบอกผู้ใหญ่ เพราะไม่อยากให้คนรักต้องถูกต่อว่าที่พาคนเพิ่งจะผ่านการผ่าตัดเดินทางมาถึงเชียงใหม่ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนจึงได้แต่กำชับให้พระพายคอยดูแลให้ดีๆ ก่อนจะลงมือทานข้าวกันด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ตั้งแต่พระพายไปทำงานที่กรุงเทพฯเป็นเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ก็ไม่เคยได้กลับมาที่นี่อีกเลย นานๆได้กลับมาสักทีคนแก่ก็ดีใจไม่น้อย


“เดี๋ยวเสร็จแล้วพายไปจัดห้องให้อาจารย์เขานะลูก ห้องแม่น่ะ ...”


“ไม่เป็นไรครับ ผมนอนที่ไหนก็ได้ห้องพายเขาก็ได้ครับ อย่าลำบากจัดให้ใหม่เลยฮะ ผมรบกวนแค่คืนเดียว” ภูตะวันปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ไม่อยากให้ใครต้องลำบาก ทว่าพระพายกลับหัวใจเต้นรัวขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อได้ยินว่าอาจารย์หมอจะนอนห้องเดียวกับเขา หากเป็นที่อื่นก็คงจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ หากแต่ที่นี่เป็นบ้านของเขา บ้านที่มีผู้ใหญ่ที่เคารพรักอยู่


“ห้องพายเล็กนะครับแล้วเตียงก็แคบด้วย”


“ผมนอนได้ สบายมาก” ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่ายพลางกระตุกยิ้มมุมปาก เพียงแค่อยากจะแกล้งคนรักเท่านั้นไม่ได้คิดหวังจะทำอะไรที่ดูไม่เหมาะสมที่นี่


“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจแล้วกันจ้ะ” สิ้นคำของผู้เป็นแม่ พระพายก็แอบถลึงตาใส่อย่างคาดโทษ พร้อมกับหยิกหน้าขาของคนรักใต้โต๊ะโดยไม่ให้ผู้ใหญ่เห็น อาจารย์หมอก็ได้แต่อมยิ้มเงียบๆคนเดียว


      ช่วงหัวค่ำของคืนนี้ หลังจากที่มื้ออาหารเย็นจบลงพวกเขาอยู่นั่งคุยกันได้สักพัก ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน พระพายให้อาจารย์หมอกินยาก่อนนอนและให้พักผ่อนได้เต็มที่ โดยที่ภูตะวันเองก็ไม่อิดออดเพราะเขาเองก็เพลียมากในวันนี้ เมื่อเห็นว่าคนรักหลับตาลงแล้วตัวเองก็ปลีกตัวออกมาเพราะไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อน อีกทั้งก็อยากจะใช้เวลานี้ได้คุยกับมารดาของตนด้วย


“หมอซันล่ะลูก?” เมื่อเห็นว่าลูกชายออกจากห้องมาโดยที่ไม่มีอาจารย์ตามออกมาด้วย ก็อดไม่ได้ที่จะถามถึง พระพายระบายยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนตักอุ่นๆของคนเป็นแม่ที่กำลังเอนหลังดูโทรทัศน์อยู่กลางบ้าน


“หลับแล้วครับ แม่ ... แม่ดีใจไหม?”


“เรื่องอะไรล่ะ?” มือที่เหี่ยวย่นไปตามวัยลูบหัวกลมๆของลูกชายอย่างเอ็นดู


“คนชั่วมันจะได้รับกรรมที่มันทำแล้ว แม่ดีใจไหม?”


“แม่ก็ต้องดีใจสิ พระพายของแม่เก่งมาก ... ตอนนี้พ่อก็คงมองเราจากที่ไหนสักที่ อาจจะกำลังยิ้มกว้างดีใจที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทำจนสำเร็จอยู่ก็ได้” เธอหัวเราะเสียงใสทั้งที่น้ำตาก็เริ่มเอ่อคลอ ดีใจและภูมิใจไม่น้อยที่ลูกชายเพียงคนเดียวสู้มาจนถึงวันนี้ สู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรมให้กับครอบครัว


“... ถ้าพายสู้คนเดียวก็อาจจะมาไม่ถึงวันนี้ก็ได้”


“............”


“อาจารย์หมอ ... เขาเป็นทายาทเจ้าของโรงพยาบาลวิวรรธน์ที่พายทำงานอยู่ ครอบครัวของเขาไม่เคยรับรู้เรื่องพวกนี้เลยแม่ ตอนที่เขารู้เรื่องของเรา เขาสัญญาว่าจะช่วยพายและเขาก็ทำได้จริงๆ เขาไม่เคยทิ้งพายให้สู้คนเดียวเลย จนวินาทีสุดท้ายที่ลมหายใจเขาหมดลงเขาก็ทำเพื่อพาย ...”


“พายหมายความว่ายังไงลูก!?” เธอทำเสียงตระหนก พระพายจับมือคนเป็นแม่ลูบไปมาอย่างใจเย็น พร้อมกับคลี่ยิ้มบางทั้งที่อีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าฉงน


“วันที่จับหมอคนนั้นได้ พายถูกจับตัวไป ถ้าอาจารย์มาช่วยไม่ทันอวัยวะภายในของพายคงหายหมด ... ที่เขาเพิ่งจะผ่านการผ่าตัดมา เพราะเขาถูกไอ้โรคจิตนั่นแทงเพราะช่วยพาย เขาหยุดหายใจต่อหน้าพายไปหลายครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็ฟื้นขึ้นมา ... พายเป็นคนผ่าตัดให้อาจารย์เองเลยนะ” พระพายระบายยิ้มเล็กน้อย ดวงตากลมโตมีน้ำใสๆเอ่อคลอ ต่างจากผู้เป็นแม่เมื่อได้ฟังแค่เพียงไม่นานน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่คิดว่าลูกชายของตนจะต้องเผชิญอะไรเลวร้ายขนาดนี้และไม่คิดว่าคนที่หลับอยู่ในห้องของลูกชายจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยลูกของเธอ


“แม่อย่าร้องไห้ ...”


“แม่ไม่รู้จะขอบคุณอาจารย์หมอของพายยังไงดี ... แม่ไม่อยากคิดว่าถ้าแม่ต้องเสียพายไปอีกคน แม่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ยังไง” เธอร้องไห้ออกมาไม่หยุด น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าถูกมือเล็กๆของลูกชายเช็ดออกอยู่ตลอดเวลา


“พายอยู่กับแม่แล้วนี่ไง อย่าร้องนะ”


“เจ้าเด็กดื้อ!!” คนเป็นแม่ออกแรงตีก้นลูกชายไม่แรงนัก ก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกอะไรในตอนนี้ รู้เพียงแค่ว่าเธอโล่งใจเป็นอย่างมากที่ลูกชายกลับมาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง


“..... แม่ชอบเขาไหม?” พระพายลองเลียบๆเคียงๆถาม ไม่อยากจะต้องปิดบังอะไรต่อไปอีก คนถูกถามขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจว่าลูกชายหมายถึงอะไร


“หมอซันน่ะเหรอ?” พระพายพยักหน้าบนตัก กอดอกรอคำตอบของคนเป็นแม่อย่างตั้งใจ


“อืมมม ลูกชอบใครแม่ก็ชอบด้วยนั่นแหละ รักใครแม่ก็รัก”


“แม่!!!!!!” พระพายเบิกตากว้าง ร้องเสียงดังลั่น ไม่อยากจะเชื่อว่าแม่ของตนจะพูดแบบนี้ออกมา ลูกขึ้นนั่งประจันหน้ากับแม่ตนอย่างตระหนกตกใจ พลางหันซ้ายหันขวามองรอบบ้านว่ามีใครได้ยินหรือไม่ ถึงแม่ตอนนี้ในบ้านจะอยู่กันแค่สี่คนก็ตาม


“จะเสียงดังทำไมเนี่ย เดี๋ยวยายกับหมอซันเขาก็ตื่นกันพอดี”


“แม่พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่าฮะ!?”


“รู้สิ แม่เกิดก่อนเรามากี่ปี ทำไมเรื่องแค่นี้แม่จะมองไม่ออก ... ไม่มีใครที่จะกล้าเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องคนหนึ่งคนหรอกลูกถ้าคนนั้นไม่ได้พิเศษกับเขาจริงๆ เราก็เป็นห่วงเขาจนออกนอกหน้าซะขนาดนั้น หาหยูกหายาให้กินสามเวลาไม่เคยขาด สายตาเวลาที่เราสองคนมองกันมันเป็นสายตาธรรมดาซะที่ไหนกัน” พระพายหน้าขึ้นสี ไม่กล้าสบตากับคนเป็นแม่ขึ้นมาเสียเฉยๆ ก่อนจะสวมกอดหญิงผู้เป็นที่รักของตนเอาไว้แน่น


“... แม่โกรธพายไหม?”


“แม่จำเป็นต้องโกรธที่พายมีความรักเหรอลูก ความรักของพายมันเป็นเรื่องที่ผิดอย่างนั้นเหรอ ... พายเป็นลูกแม่ ถ้าแม่ไม่เข้าใจพายจะให้ไปเข้าใจหมาที่ไหนล่ะ ลูกทำถูกแล้วที่ทำตามความรู้สึกของตัวเอง อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดนะลูกนะ ... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม่อยู่ข้างพายเสมอ”


“พายรักแม่ที่สุดในโลก” พระพายเสียงสั่น น้ำตาหยดจนชุดนอนของคนเป็นแม่จนเปียกเป็นวงกว้าง การมีครอบครัวที่รักและเข้าใจเสมอเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว


      ประตูไม้ของห้องนอนห้องหนึ่งถูกปิดลงเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มของใครบางคน ภาพที่ได้เห็นกับสิ่งที่ได้ยิน คงทำให้เขานอนหลับฝันดีไปอีกหลายคืน นับตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ที่จากนั้นไม่นานประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับร่างของคนตัวเล็กที่ก้าวเข้ามาพร้อมด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อยที่คิดว่าคนรักหลับไปแล้ว ภูตะวันกางแขนกว้างด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่อีกฝ่ายจะ
โถมตัวกอดเขาเอาไว้แน่น พลางโยกตัวไปมา


“พี่ได้ยินแล้วใช่ไหม?” เขาถามเสียงอู้อี้อยู่กับบ่าของคนตัวสูง น้ำตาแห่งความดีใจหลั่งรินออกมาไม่หยุด ภูตะวันพยักหน้ากับไหล่บางเป็นคำตอบ พลางลูบหัวกลมของคนรักอย่างเอ็นดูก่อนจะผละออกจากกัน


      สองมือหนาประคองใบหน้าของคนรักอย่างทนุถนอม ก่อนจะพรมจูบลงบนหน้าผากมน ไล่ต่ำลงมายังปลายจมูกโด่ง พระพายหลับตาพริ้มรับสัมผัสอย่างไม่ขัดขืน ริมฝีปากหนาไล่จูบลงมาที่กลีบปากของคนรัก ปลายลิ้นอุ่นไล้เลียแผ่วเบาเป็นเชิงขออนุญาต เพียงครู่สั้นๆเรียวปากบางนั้นก็เผยอออกเล็กน้อย เกี่ยวกระหวัดกันอย่างเนิบนาบแต่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น ก่อนที่จะหมดลมหายใจไปภูตะวันจึงเป็นฝ่ายผละออก


“ถ้าที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา เราเสร็จพี่ไปแล้วพระพาย” มือหนาโยกหัวกลมของคนรักไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว


“ติดไว้ก่อนแล้วกันนะครับ” พระพายหัวเราะน้อยๆ ปลายเท้าเล็กเขย่งขึ้นเล็กน้อย จูบริมฝีปากหนาของคนรักเป็นการปิดท้ายก่อนเข้านอนในคืนนี้ อาจารย์หมอได้แต่หัวเราะหึก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆกันด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ อย่างที่ใครๆบอกไว้ ฟ้าหลังฝนมันสวยงามเสมอ ...




********************


Talk : ขอโทษที่หายไปนานเลย กลับมาแล้วน้าา
ตอนนี้เป็นยังไงกันบ้างคะ? ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วน้าาา เศร้าแรง T^T
เตรียมใจร่ำลาอาจารย์หมอกับคุณหมอพระพายไว้กันหรือยัง ...

ก่อนไปขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์จนถึงตอนนี้เลยนะคะ
ขอบคุณคนที่ยังคอยอ่านอยู่เสมอๆ
ขอบคุณคนที่เพิ่งเข้ามาอ่านด้วยขอให้สนุกและอินกับทุกตอนนะคะ

ซียูกันตอนหน้าค่ะ บ๊ายบาย :)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2015 22:28:44 โดย G-bazo »

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
ตอนหน้าจบแล้วหนอคะ แงงงงง ขอต่ออีกสัก100 ตอนได้มั้ยยย
ยังไม่จุใจเลย คิดถึงงงง รักหมอซันกับหมอพายมาก ฮือ
ตอนนี้อยอุ่นหัวใจมากเลยค่ะ ดีจังงง
ตอนหน้าจะจบแล้วทำใจไม่ทัน ฮือ

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :m15: มีตอนพิเศษอีกหลาย ๆ ตอนก็ได้  :- :monkeysad:

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เปิดตัว
เขินแทนจูบละมูน
ฟ้าหลังฝนย่อมดีกว่าเสมอ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
คุณอาทั้งสองของหมอซันจิตใจดดและอบอุ่นมาก







คุณแม่กับคุณยายของพระพรายก็น่ารักและอบอุ่นเหมือนกัน







ดีใจที่หมอซันกับพระพราย  เอาไอ้หมอแก่โรคจิตเข้าคุกได้






ต่อไปทั้งคู่คงจะมีความสุขมากๆ กับครอบครัวที่อบอุ่นซะที

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ดีใจกับหมอซันหมอพายด้วย
ที่บ้านทั้งคู่เข้าใจ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ถึงตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้าย :mew4:

เรายังหวังตอนพิเศษได้ใช่ไหม  :mew2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥

  • เหรียญยังมีสองด้าน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
จะจบแล้ว :z3: ขอหวานๆปิดท้ายนะ :z2:

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
เข้ามารอตอนจบครับ ^^

ออฟไลน์ Tatangth

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จริงๆแล้วพี่ซันแอบหื่น!!
พระพายนี่ก็แอบขี้อ่อย 55555555555

ออฟไลน์ kataiyai

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
ตอนนี้อะไรก็ดีจังเลย.

หมอซันก็รอให้หายเจ็บก่อนนะ

ออฟไลน์ DE SaiKuNee

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-9

ออฟไลน์ tistaek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :-[ชอบจัง
จะแล้วหรือคะ

ออฟไลน์ ToeyTato

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
โอยยยยจะจบแล้ว ดีใจที่หมอซันฟื้น ขอให้แฮปปี้ค่า

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ poohanddew

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ตอนหน้าขอหวานๆเลยน่ะ
 :katai5: :katai5: :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ zleep

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
ภาวนาให้หมอโจหมดฤทธิ์หมดเดชสักทีนะ อย่าได้ทำบาปทำกรรมแบบนี้อีกเลย
หมอพายจะได้หมดเรื่องกังวลแล้วมีความสุขตลอดๆกับหมอซันสักที
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอแหละเนอะ

ออฟไลน์ DE SaiKuNee

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-9

ออฟไลน์ kpHJstdy

  • HHD요
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ช่วงนี้ยุ่งๆ ไม่ได้มาอ่านเลย พอมาอ่านแล้วเจออีกตอนเดียวจบ ฮื้ออออออออ ไม่เอาได้มั้ยยยยยยยยย  :z3: :z3: :z3:
กำลังน่ารักเลยค่ะ ชอบมากกกกก พี่หมอซันนี่พูดจา เราเขินนนนน มโนว่าตัวเองเป็นหมอพายอยู่ 555555555
เรื่องคลี่คลายไปได้ดีมากๆ อ่านแล้วก็ยังสนุกเหมือนเดิม ชอบมากเลยค่ะ จะรอตอนต่อไป แต่ขอตอนพิเศษซัก100ตอนนะคะ  :hao5:   

ออฟไลน์ G-bazo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

-25-
‘END CHAPTER’


                เช้าตรู่ของวันใหม่ ภูตะวันตื่นด้วยเสียงวิทยุประจำสายของหมู่บ้าน เขาลืมตามองคนในอ้อมกอดที่กำลังหลับตาพริ้มพร้อมกับลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอ ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากมนของอีกฝ่ายแล้วค่อยๆขยับกายลุกออกจากเตียงเพราะไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของคนรักมากนัก
      เขาจัดการทำธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย ถึงได้ออกมาจากห้องนอนมายืนซึมซับบรรยากาศของธรรมชาติที่หาไม่ได้ในเมืองหลวง อากาศเย็นเล็กน้อยพร้อมกับหมอกจางๆเป็นภาพที่เขาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยครั้งนักอาจจะตั้งแต่เป็นหมอ เสียงเดินบนพื้นบ้านที่เป็นไม้ดังอยู่ด้านล่างทำให้ภูตะวันหันหลังกลับไปมองก่อนจะเผยรอยยิ้มน้อยๆออกมา


“ตื่นแต่เช้าเลยนะจ๊ะ แล้วเจ้าพายล่ะ?” แม่ของคนรักทักทายยามเช้าด้วยรอยยิ้มที่สดใส อาจารย์หมอดูเก้อเขินไปเมื่อคิดถึงสิ่งที่
ได้ยินจากแม่และพระพายคุยกันเมื่อคืน แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีอะไรเขาจึงผ่อนคลายลง


“ยังไม่ตื่นเลยครับ”


“ปล่อยให้เขานอนไป หมอไปใส่บาตรพระกับแม่ไหมล่ะ” เธอเอ่ยชวนกลัวว่าแขกของบ้านจะเบื่อที่ไม่มีอะไรทำเสียก่อน ภูตะวันตอบตกลงพร้อมกับช่วยถือถาดใส่อาหารสำหรับตักบาตร ก่อนจะเดินตามแม่ของพระพายออกไปที่หน้าบ้านและเห็นว่าคุณยายก็ได้นั่งรอที่จะใส่บาตรอยู่ก่อนแล้ว


“อ้าว คุณหมอตื่นแล้วเหรอ เจ้าพายมันยังไม่ตื่นล่ะสิ มาๆใส่บาตรกับยาย” หญิงสูงวัยทักทายพร้อมกับชักชวนอาจารย์หมอด้วยรอยยิ้มใจดี เขายิ้มรับก่อนจะนำถาดอาหารวางบนโต๊ะที่ตั้งเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย เสร็จแล้วจึงกวาดสายตามองไปรอบๆ แถวนี้มีบ้านคนไม่เยอะนัก แต่ละบ้านก็จะมารอใส่บาตรพระกันเป็นกิจวัตร ใครผ่านไปมาก็ทักทายบ้างยิ้มบ้างเหมือนจะรู้จักกันหมด ทั้งหมดทั้งมวลเป็นภาพที่เขาแทบจะไม่เคยเห็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ


“หมอซันได้ใส่บาตรบ่อยไหมลูก แต่เป็นหมอคงจะไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหม?”


“....ครั้งล่าสุดก็คงจะเป็นปีที่แล้วมั้งครับ” เขาใช้เวลาคิดคำตอบแค่ชั่วครู่และรู้ว่าตัวเองแทบจะนับครั้งการตักบาตรพระในตอนเช้าได้เลย ครั้งล่าสุดที่ตอบออกไปคงจะเป็นวันครบรอบการจากไปของพ่อกับแม่ตน หญิงสูงวัยระบายยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปเห็นว่าพระกำลังเดินใกล้เข้ามาแล้ว


“พระมานู่นแล้ว” ภูตะวันถอดรองเท้าที่ใส่ออก พลางช่วยพยุงยายของคนรักให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ก่อนที่พระท่านจะเดินมาถึงเสียงวิ่งลงบันไดตึงตังก็ดังมาจากข้างหลังพร้อมด้วยเสียงตะโกนที่คงจะดังไปสามบ้านแปดบ้านของลูกชายเจ้าของบ้าน


“รอพายด้วย!!!” พระพายใส่รองเท้าและวิ่งตรงมายังหน้าบ้านอย่างรีบร้อนด้วยชุดที่ใส่นอนเมื่อคืนนี้ ทุกคนได้แต่หันไปมองและยิ้มอย่างเอ็นดู ต่างกับพระพายที่มาถึงหน้าบ้านก็หน้ามุ่ยลง


“ไม่เห็นจะมีใครปลุก”


“ก็เห็นว่ากำลังหลับสบาย” ภูตะวันเป็นฝ่ายตอบแทน ก่อนจะดันแผ่นหลังบางของคนรักให้มายืนข้างๆ ไม่นานพระก็เดินมาถึง พวกเขาช่วยกันใส่บาตรพระอย่างเงียบๆและมีสมาธิ โดยเฉพาะตอนกรวดน้ำที่ตั้งใจแผ่กุศลบุญครั้งนี้ให้กับบุพการีของตน จนเสร็จเรียบร้อยภูตะวันและพระพายจึงได้รับหน้าที่ช่วยกันเก็บของเข้าบ้าน


“พายพายายขึ้นไปพักผ่อนบนบ้านแล้วก็อาบน้ำอาบท่าซะเราน่ะ” มารดาของเขาเอ่ย พระพายจึงได้แต่ทำหน้างงๆที่จู่ๆก็เร่งให้เข้าอาบน้ำเสียอย่างนั้นทั้งที่ตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่มาก แต่ก็ไม่คิดจะโต้เถียงอะไรก่อนจะพายายของตนเดินขึ้นบ้านตามที่แม่บอก


“แม่อยากจะคุยกับหมอซันสักหน่อย”


“.... ได้ครับ” เขาพอจะรู้ว่ามารดาของคนรักอยากจะคุยเรื่องอะไรจึงไม่ได้สงสัยอะไรมากนักและเดินตามเธอไปที่ศาลาในสวนเล็กๆหลังบ้านด้วยท่าทางสุขุม


“... พายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง แม่ขอบคุณหมอมากๆที่ช่วยชีวิตลูกชายแม่เอาไว้ จนแม่ไม่รู้ว่าจะต้องตอบแทนยังไง ขอบคุณที่รักและดูแลลูกชายของแม่อย่างดี ขอบคุณจริงๆจ้ะ” มือที่เหี่ยวย่นไปตามวัยเอื้อมไปจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับบีบอย่างแรงแทนความรู้สึกขอบคุณอย่างที่สุด


“ไม่ต้องตอบแทนอะไรผมหรอกครับ ผมทำเพราะผมรักเขา ... ส่วนผมเองก็มีเรื่องที่อยากจะขอโทษ ขอโทษแทนครอบครัวของผมที่ปล่อยให้เรื่องแย่ๆเกิดขึ้น ผมขอโทษจริงๆครับ” อาจารย์หมอประนมมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม เขารู้สึกแย่และอยากจะขอโทษครอบครัวของพระพายมาตลอดระยะเวลาที่รับรู้เรื่องนี้


“...........” เธอน้ำตารื้นขึ้นมาเสียดื้อๆ ยกมือรับไหว้ผู้ชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขามีความเป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบอยู่มาก ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดอะไรของตัวเองด้วยซ้ำแต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนผิดในเรื่องนี้ เธออดจะชื่นชมผู้ชายตรงหน้าเสียไม่ได้


“ถ้าอย่างนั้นแม่ก็อยากจะขอโทษด้วยเหมือนกัน...”


“ครับ?” ภูตะวันทำหน้างงเมื่ออีกฝ่ายพูดอะไรที่ตนเองไม่เข้าใจ


“ขอโทษที่ต่อจากนี้ ... แม่จะต้องฝากพระพายไว้เป็นภาระให้หมอดูแล” เธอยิ้มพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ มันมีความรู้สึกที่มากมายเจือปนอยู่ในนั้น หากในวันที่เธอไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วเธอก็วางใจที่ลูกชายสุดรักเพียงคนเดียวจะมีใครอีกคนที่รักเขาคอยดูแลต่อจากเธอ


“ผมเต็มใจมากๆครับ”
      
เธอมั่นใจว่าเธอเองดูคนไม่ผิด ผู้ชายคนนี้จะเป็นคนที่รักและดูแลพระพายของเธอได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อย่างที่เธอได้บอกกับลูกชายเอาไว้ว่าคงไม่มีใครที่จะสามารถเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อรักษาชีวิตของใครอีกคนได้หรอกหากว่าคนนั้นไม่ได้พิเศษกับเขาจริงๆ พระพายบอบช้ำมามากพอแล้ว จากนี้พระพายลูกชายของเธอคงจะเป็นพระพายที่มีความสุขกับคนอื่นเขาบ้างเสียที ...




วันตัดสินคดี ...
      ครอบครัวของพระพายและอาจารย์หมอมากันพร้อมหน้า ทั้งสองครอบครัวสนิทกันได้อย่างรวดเร็วโดยที่พวกเขาเองก็คาดไม่ถึง อาจจะเป็นเพราะความดีและความจริงใจที่พวกเขามีให้กันถึงทำให้สนิทกันได้เร็วขนาดนี้ ส่วนครอบครัวที่ตกเป็นเหยื่อความโลภของพฤติพงศ์และศรัทก็มาฟังคำพิพากษาของศาลด้วยเช่นกัน
      
                พฤติพงศ์และศรัทธาถูกนำตัวออกมาเพื่อยืนรับฟังคำตัดสินที่ด้านหน้าบัลลังก์ สภาพของพวกเขาเปลี่ยนไปมาก ซูบผอมเหมือนคนไม่ได้กินอะไรและโทรมลงไปมาก ทั้งสองคนมีสีหน้าที่นิ่งสงบ พระพายกุมมือแม่และยายไว้แน่นและมองจำเลยทั้งสองคนไม่ละสายตา เมื่อผู้พิพากษาเดินเข้ามาทั้งหมดจึงยืนทำความเคารพ หลังจากนั้นจึงเริ่มพิพากษาคดี


“ในชั้นพิจารณา จำเลยคือนายพฤติพงศ์ ฉัตรพิทักษ์ชัยและนายศรัทธา บุญบรรยงค์ให้การรับสารภาพว่าได้ปลอมแปลงเอกสารการบริจาคอวัยวะและร่วมกันผ่าตัดนำอวัยวะของคนไข้ออกไปจนถึงแก่ความตายตามฟ้อง”


“ศาลชั้นต้น พิเคราะห์แล้วรับฟังข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติได้ว่า ก่อนที่จำเลยจะลงมือปลิดชีวิตผู้ตายและโจทย์นั้น โจทย์ไม่อยู่ในสภาพที่ขัดขืนหรือต่อสู้จำเลยได้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำที่อำมหิตและเกินกว่าเหตุ จึงเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน” พระพายและทุกคนตั้งใจฟังอย่างชัดเจนทุกคำ ทว่าจำเลยทั้งสองคนกลับนิ่งเฉยและดูเลื่อนลอยราวกับว่ารับรู้ชะตากรรมของตน


“พิพากษาว่า ... จำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 โทษจำคุก 5 ปี มาตรา 288 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต” สิ้นคำพิพากษาของผู้พิพากษาพระพายถอนหายใจออกมาราวกับปลดปล่อยสิ่งที่อึดอัดใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย

      แม่และยายของเขาน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่หลังจากได้ฟังคำตัดสิน ในที่สุดวันนี้ก็มีจริง วันที่พวกเขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริง คนเลวได้รับผลจากกระทำของเขาแล้ว ญาติของผู้เสียชีวิตคนอื่นๆพากันกอดคอร้องไห้ด้วยความดีใจ
      ก่อนที่พฤติพงศ์จะถูกนำตัวออกไปเพื่อส่งตัวไปยังเรือนจำ เขาหยุดมองหน้าพระพายด้วยสายตาที่นิ่งเฉย ไม่มีความเคียดแค้น ไม่มีการรู้สึกผิด มีเพียงความว่างเปล่าที่พระพายไม่สามารถเดาออกได้เลยว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร แม้กระทั่งคำขอโทษหรือขอขมาจากอีกฝ่ายก็ไม่มี แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการได้รับจากคนเลวพวกนั้น สิ่งเดียวที่ต้องการคือเห็นคนเลวได้ชดใช้ให้กับสิ่งที่ทำลงไป ซึ่งตอนนี้เขาทำมันสำเร็จแล้ว ...


“ต้องขอบคุณคุณหมอทั้งสองคนมากๆนะคะ ที่ช่วยกันหาหลักฐานเอาคนร้ายเข้าคุกได้”


“ใช่ค่ะ ขอบคุณจริงๆ” ญาติของผู้เสียชีวิตรวมถึงคนที่เกือบจะถูกหลอกเข้ามาขอบคุณแพทย์ทั้งสองจากใจจริงที่ช่วยทำให้พวกเขามีหวังและสมหวังขึ้นมา


“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าช่วยๆกัน” พระพายตอบรับ ซึ่งอาจารย์หมอก็ได้แต่อมยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนแม่และยายของพระพายก็พากันยิ้มภูมิใจไม่น้อยที่ลูกชายและภูตะวันไม่ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยตัวเองฝ่ายเดียวแต่ยังได้ช่วยอีกหลายครอบครัวที่ตกเป็นเหยื่อของคนเลวอีกด้วย


      พระพายเดินเข้ามากอดยายและแม่ของตัวเองเอาไว้แน่น หลับตาลงช้าๆและยิ้มออกมาอย่างมีความสุข รู้สึกอบอุ่นเหมือนพ่อของเขาจะอยู่ตรงนี้ด้วย


“พายดีใจยิ่งกว่าตอนสอบติดหมอซะอีก”


“หลานยายเก่งที่สุด”


“แล้วยังอยากจะเป็นหมออยู่ไหม หื้มม?” คำถามของมารดาทำเอาเขาชะงักไปเล็กน้อย บางทีเขาก็หลงลืมไปว่าที่อยากเป็นหมอเพราะอะไร เมื่อวันนี้สิ่งที่เขาต้องการมันสำเร็จแล้วเขายังอยากที่จะมันต่ออยู่ไหม เขาเงียบอยู่สักพักเพื่อหาคำตอบให้กับตัวเอง เสมองไปหาคนรักที่ยืนนิ่งสีหน้าเรียบเฉยอยู่ไม่ไกล แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายก็รอคำตอบจากเขาอยู่เหมือนกัน


“... ถึงมันจะยากสำหรับพายไปหน่อย แต่พายก็รักอาชีพนี้ไปแล้ว พายทิ้งไม่ได้หรอกฮะ” ดูเป็นคำตอบที่น่าเอ็นดูสำหรับผู้ใหญ่ที่ได้ฟัง เขาส่งยิ้มให้อาจารย์หมอโดยที่อีกฝ่ายก็กำลังยิ้มกับคำตอบที่ได้ฟังอยู่เช่นกัน ถึงอาชีพนี้มันจะยากสำหรับเขาจริงๆแต่ก็อยู่กับมันมาหลายปีจะให้ทิ้งไปเสียดื้อๆก็คงไม่ได้


“ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปทำงานเถอะลูก ป่านนี้คนไข้คงคิดถึงแย่แล้ว” อรวีณ์พูดกลั้วหัวเราะ คนอื่นจึงหัวเราะกันตามไปด้วย พระพายก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองจะต้องกลับไปทำงานต่อหลังจากที่ลาหยุดไปสองวัน ถึงแม้ว่าอยากจะอยู่กับแม่และยายให้คุ้ม เพราะใช่ว่าพวกเขาจะได้เจอกันบ่อยๆแต่หมออย่างเขาทุกวินาทีก็สำคัญกับคนไข้เช่นเดียวกัน


“เดี๋ยวตอนเย็นพายรีบกลับไปหานะ ฝากแม่กับยายด้วยนะครับคุณอา” คุณหมอหน้าหวานเอ่ยอย่างนอบน้อมและเกรงใจในคราวเดียวกัน


      แม่และยายของเขาพักที่บ้านหลังใหญ่ของภูตะวันเป็นการชั่วคราว ครั้นจะให้นอนคอนโดของเขาก็มีเพียงห้องเดียวและจะไม่สะดวกสบาย อาจารย์หมอจึงเสนอให้ไปพักที่บ้านของเขา ซึ่งฝ่ายเขาเองก็ยินดีอย่างยิ่ง พระพายจึงไม่อยากจะขัดใจ อีกทั้งอาทั้งสองของหมอซันก็ให้เหตุผลว่าผู้ใหญ่จะได้อยู่เตรียมของทำบุญที่บ้านกันให้พร้อม ส่วนเขาทั้งสองคนก็รับหน้าที่ดูแลที่โรงพยาบาลไป


“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ”   


“พาน้องไปทำงานได้แล้วซัน” ประสิทธิ์บอกกับหลานชาย ภูตะวันจึงพยักหน้ารับก่อนจะไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสี่แล้วพาคนตัวเล็กกว่าออกมาจากศาลเพื่อตรงไปโรงพยาบาลในทันที


“ตอนเย็นเลิกงานพี่จะส่งเรากลับบ้านก่อนนะ”


“แล้วพี่ล่ะฮะ?”


“พี่ต้องอยู่เตรียมงานที่โรงพยาบาลก่อนไง” พระพายรีบหันขวับไปมองคนที่กำลังขับรถทันทีหลังจากที่เขาพูดจบประโยค


“เรามีหน้าที่รับผิดชอบด้วยกันนี่ครับ พี่อยู่พายก็ต้องอยู่”


“แต่แม่กับยายไม่ได้มาหาพายบ่อยๆ กับพี่เราจะอยู่เมื่อไหร่ก็ได้นี่นา”


 “.... เอางั้นเหรอครับ?” พระพายถามอย่างลังเลใจ ใจหนึ่งก็อยากจะกลับไปอยู่กับแม่และยายอย่างที่คนรักว่า แต่อีกใจก็อยากจะอยู่ช่วยเตรียมงานทำบุญครั้งใหญ่ของโรงพยาบาลด้วยและกลัวว่าคนรักจะเหนื่อยอยู่คนเดียวและเพิ่งจะหายจากการผ่าตัดได้ไม่นาน


“ครับ” ภูตะวันหันมองคนข้างๆที่มีสีหน้าหนักใจอยู่ไม่น้อย เขาหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูก่อนจะยกมือขยี้หัวอีกฝ่ายเบาๆ ถึงเขาจะออกแรงเยอะเหมือนก่อนผ่าตัดได้ไม่มาก แต่ก็นับว่าตอนนี้ดีขึ้นมากกว่าวันแรกที่ฟื้นขึ้นมา งานที่ต้องช่วยเตรียมก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสหรือใช้แรงอะไรเพียงแค่ช่วยคิดและดูให้เรียบร้อยเท่านั้น จึงรับหน้าที่ดูแลอย่างไม่กังขา



      ทันทีที่ถึงโรงพยาบาลต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันรับผิดชอบงานของตัวเอง ภูตะวันเคลียร์งานที่คั่งค้างเอาไว้ ส่วนตัวพระพายเองก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำงานเพื่อศึกษาต่อให้จบหลักสูตร

      เมื่อเปิดประตูห้องทำงานของตัวเองก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนอยู่กันครบ แพรดาว เอิร์ธและบอส ที่อยู่ต่างแผนกกันก็อยู่ในห้องนี้ด้วยราวกับกำลังจับกลุ่มคุยเรื่องอะไรกัน


“ไม่มีงานทำกันเหรอเนี่ย”


“ก็รอฟังข่าวเรื่องคดีจากพายนั่นแหละ เป็นไงบ้าง?” บอสเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อนใคร


“... จำคุกตลอดชีวิต” เขาตอบพลางไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เพราะสิ่งที่เขาต้องการมันจบลงแล้ว หมอทั้งสามที่รอฟังข่าวต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เรื่องร้ายๆก็ได้ผ่านไปเสียที


“เห้ออ หมดเคราะห์หมดโศกกันสักที” หมอเอิร์ธตบไหล่เพื่อนตัวเล็กของตัวเองเป็นการให้กำลังใจ ถึงแม้จะไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือพระพายมากนัก แต่เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องเจอกับอะไรมาหนักหนาพอสมควรจึงอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเรื่องร้ายๆผ่านไปก็ดีใจกับเพื่อนมากจริงๆ


“.... แต่เราว่ายังไม่หมด”


“..........” ทุกคนต่างหันไปมองแพรดาวที่นั่งหน้าเครียดอย่างกับว่ามีเรื่องอะไรทุกข์ใจมากมายเสียอย่างนั้น


“ทุกคนรู้ใช่ไหมว่าวันงานทำบุญของโรงพยาบาลเรา ทางฝ่ายกิจการเขาให้แต่ละแผนกคิดโชว์ขึ้นมา แล้วเราได้ยินมาว่าแต่ละแผนกไม่ได้ธรรมดาเลยนะ อย่างกุมารฯก็มีการแสดงละครเป็นนิทานให้เด็กๆดู แต่ดูแผนกเราสิอาจารย์หมอก็ยังไม่หายดีเลย”


“นึกว่าเรื่องอะไร...ไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ เขาไม่ได้บังคับซะหน่อย” บอสพรูลมหายใจเพราะเมื่อครู่กลั้นใจไว้เสียนาน คิดว่าแพรดาวรู้เรื่องอะไรที่ไม่ดีมาอีก


“แหมมม แผนกนายมีแล้วก็พูดได้นี่ ใช่ว่ากิจกรรมแบบนี้มันจะมีบ่อยๆที่ไหนล่ะ”


“เธออยากโชว์อะไรหรือไงล่ะ?” หมอเอิร์ธแขวะหญิงสาวคนเดียวในห้องที่ดูจะตื่นเต้นกับการแสดงโชว์ในครั้งนี้เหลือเกิน แพรดาวยู่ปากใส่พวกผู้ชายที่ไม่เข้าใจอารมณ์ผู้หญิงอย่างเธอ เธอก็แค่อยากจะให้แผนกของเธอมีโชว์กับแผนกอื่นเขาบ้างก็เท่านั้น


“ช่างเถอะน่า ไปทำงานกันเถอะ” พระพายส่ายหัวยิ้มๆที่เห็นเพื่อนต่อล้อต่อเถียงกัน ก่อนจะคว้าเสื้อกาวน์ที่พาดอยู่กับราวแขวนขึ้นมาใส่พร้อมกับเป็นฝ่ายเดินนำออกจากห้องทำงานไป


      เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ หลังจากที่หายหน้าจากแผนกพอกลับมาคนไข้ก็ต่างพากันบ่นคิดถึงและคอยถามว่าตัวเองหายไปไหน พระพายเองก็อดจะรู้สึกดีไม่ได้ที่อาชีพหมอไม่ได้ทำให้คนไข้กลัวแต่กลับทำให้คนไข้ผูกพันกับหมอเหมือนญาติพี่น้อง เพราะในแผนกของเขาส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนไข้ที่ต้องอยู่รักษาตัวค่อนข้างนานและยังเป็นคนคนสูงวัยที่ต้องการกำลังใจไม่ต่างจากเด็กๆเลย



      ช่วงเย็นหลังจากเลิกงาน ภูตะวันขับรถมาส่งพระพายกลับมาที่บ้าน ส่วนตัวเองก็กลับไปที่โรงพยาบาลต่อเลย ถึงแม้พระพายอยากจะอยู่ด้วยกันขนาดไหนแต่เขาก็ต้องเข้าใจตามที่ได้คุยกันเมื่อช่วงบ่าย ถึงจะไม่ได้อยู่ช่วยอาจารย์หมอที่โรงพยาบาล แต่อยู่บ้านก็ได้ช่วยผู้ใหญ่เตรียมของที่บ้านแทนเพื่อให้พร้อมสำหรับงานบุญที่จะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น

      ประตูห้องของบ้านหลังใหญ่ดังขึ้นในช่วงกลางดึก แต่ก็ไม่ได้ดังจนทำให้คนที่กำลังนอนหลับสบายตื่นขึ้นมา ขายาวก้าวช้าๆตรงไปยังเตียงใหญ่กลางห้องที่เห็นเพียงลางๆ ร่างที่เล็กกว่าเขาเพียงเล็กน้อยนอนขดอยู่ในผ้าห่มหนาผืนใหญ่เพราะอุณหภูมิในห้องเย็นเกินไป จึงหยิบรีโมทเพื่อเพิ่มองศาของเครื่องปรับอากาศให้สูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ก้มจุมพิตบนหน้าผากมนของคนรักแผ่วเบา เพราะไม่อยากรบกวนอีกฝ่าย ก่อนจะพาตัวเองเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวทันที
      ทว่าหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ กลับเห็นเงาตะคุ่มๆนั่งอยู่บนเตียงในสภาพที่น่าเอ็นดูไม่น้อย ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหา ก่อนจะกดเปิดสวิตซ์โคมไฟบนหัวเตียงให้สว่างขึ้น


“พี่เสียงดังเหรอ ทำเราตื่น”


“ตีสามแล้วนะครับ ทำไมพี่เพิ่งกลับล่ะ?” พระพายถามขึ้นทันทีเมื่อมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าเป็นเวลาที่เกือบจะเช้าอยู่แล้ว ทั้งที่ตอนแรกเขาก็นอนรอให้อีกฝ่ายกลับมา แต่อยู่ๆก็หลับไปซะเฉยๆ จนรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงคนอาบน้ำดังออกมา


“.... มีเคสผ่าตัดด่วนน่ะ” พูดจบก็ลุกไปแต่งตัว โดยที่พระพายไม่ได้พูดอะไรต่ออีกนอกจากมองตามอีกฝ่ายไป ก่อนจะล้มตัวลงนอน ไม่นานอาจารย์หมอก็ตามมานอนข้างๆพร้อมกับดึงคนรักเข้ามากอดเอาไว้หลวมๆไม่ให้อึดอัดกันจนเกินไปนัก แต่นั่นก็ทำให้พระพายรู้สึกอบอุ่นเสมอ ...



(มีต่อ Reply ถัดไป)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2015 22:32:10 โดย G-bazo »

ออฟไลน์ G-bazo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
(ต่อ)


                วันรุ่งขึ้นพวกเขามาถึงโรงพยาบาลวิวรรธน์กันตั้งแต่เช้าตรู่ ห้องกิจกรรมของโรงพยาบาลถูกจัดให้เป็นห้องสำหรับการทำบุญในวันนี้ และได้เชิญชวนบุคลากร ญาติผู้ป่วยหรือแม้กระทั่งผู้ป่วยที่ร่างกายไม่ได้เป็นอะไรมากแต่หากอยากจะทำบุญก็ร่วมทำบุญด้วยกันได้
      ถึงเวลาทำบุญต่างคนก็นั่งฟังพระสวดอย่างตั้งใจและมีสมาธิ เป็นการทำบุญที่คล้ายๆกับการทำบุญบ้าน เพราะโรงพยาบาลก็เปรียบเสมือนบ้านอีกหลังของบุคลากรหรือแม้แต่ตัวคนไข้บางรายที่อาจจะต้องอยู่พักรักษาตัวนาน พระท่านก็มีการรดน้ำมนต์ ปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้หมดไปจนพิธีเสร็จสิ้นลง จากนั้นก็เป็นการทานอาหารร่วมกัน


“ไม่อยากให้แม่กับยายกลับเลย” ขณะที่นั่งกินข้าวพระพายก็พูดออกมาเบาๆให้แม่กับยายของตัวเองได้ยินเพียงสองคน เพราะไม่อยากให้คนอื่นในโต๊ะได้ยินเดี๋ยวจะโดนแซว ถึงจะโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดไหนแต่พอได้อยู่กับคนที่เลี้ยงดูมาก็ยังอยากจะอ้อนเป็นเด็กอยู่ดี


“ให้แม่ย้ายมาอยู่กับพายที่นี่เลยไหมล่ะ” พระพายพยักหน้าหงึกๆ จนคนแก่สองคนหัวเราะอย่างเอ็นดู


“ได้ที่ไหนกัน อยู่ที่นู่นสงบกว่าเยอะเลย เอาไว้แม่จะมาหาพายบ่อยๆ”


“พูดแล้วนะ ห้ามหลอกพายด้วย” อรวีณ์ลูบหัวของลูกชายด้วยความรัก คงไม่มีพ่อแม่คนไหนที่อยากจะให้ลูกของตัวเองไปอยู่ไกลสายตา ทว่าหน้าที่การงานก็เป็นเรื่องจำเป็น ฉะนั้นเวลาที่มีก็คงจะต้องใช้ให้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด


      ช่วงต่อไปคือจะเป็นแสดงโชว์จากแผนกต่างๆที่ส่งตัวแทนมา เพราะยังต้องมีคนที่จะต้องดูแลผู้ป่วยในแผนกอยู่ด้วย เมื่อแผนกกุมารฯที่เพื่อนสนิทอย่างบอสขึ้นแสดงก็ได้รับเสียงปรบมือกันดังก้อง เด็กๆที่เป็นคนไข้ของแผนกนี้ก็ถูกพยาบาลพามาเพื่อเป็นการผ่อนคลายที่ต้องอยู่แต่ในห้องพัก

      บอสแสดงเป็นตัวการ์ตูนจากวันพีช พระพายมองว่าเขาแต่งตัวตลกมากแถมการแสดงก็ยังไม่ประสีประสา แต่ก็ทำให้ดูตลกไม่น้อยจนต้องยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอเก็บเอาไว้ล้อเจ้าตัวหลังจากลงจากเวทีแล้ว ทว่าทุกการกระทำของพระพายก็ไม่รอดพ้นสายตาของคนรักขี้หวงอย่างอาจารย์หมอ


“น้อยๆหน่อยเราน่ะ ยิ้มปากจะฉีกแล้ว”


“พี่ไม่ตลกเหรอครับ บอสหน้าตาตลกจะตาย” พูดไปก็หัวเราะไป ซึ่งหมอซันเองก็ได้แต่เหล่มองอย่างไม่จริงจังนัก ไม่ได้รู้สึกหึงหวงอะไรมากมายแต่ก็แอบน้อยใจที่ตอนนี้สายตาของพระพายจับจ้องแค่หมอบอสบนเวทีมากกว่า


      การแสดงของแผนกอื่นๆจบลงตามลำดับ พิธีกรบนเวทีประกาศว่าต่อไปเป็นโชว์จากแผนกหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งได้รับเสียงฮือฮากันมาก เพราะไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเตรียมการแสดงมาในวันนี้ด้วย แม้แต่พระพายเองก็ไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ ทำให้เขาต้องหันขวับไปหาคนรักทีและเพื่อนสนิทของตัวเองที


“โชว์อะไรกันครับ!?”


“เดี๋ยวก็รู้ นั่งดูเฉยๆไปเถอะ” คำตอบที่ได้รับจากอาจารย์ภูตะวัน ทำเอาพระพายได้แต่อ้าปากค้าง น้อยใจอยู่ไม่ใช่น้อยที่ทุกคนซ้อมโชว์มาแต่ดันไม่มีเขารวมอยู่ด้วย ทั้งที่เขาก็กำลังศึกษาอยู่แผนกนี้ด้วยเหมือนกัน


      เพียงแค่ภูตะวันอาจารย์หมอที่ดูขรึม เนี้ยบ แต่ก็หล่อและเป็นที่หมายปองของสาวๆในโรงพยาบาล ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ตัวสูงกลางเวทีก็ได้รับเสียงปรบมือ เสียงชมกันจนหนาหู พระพายเหลือบมองไปรอบๆงานก็พบว่าทุกสายตาจับจ้องไปที่คนรักของเขาไม่วางตาเลย

      เจ้าหน้าที่เวทีช่วยกันยกเครื่องดนตรีขึ้นมาบนเวที แพรดาวนั่งอยู่หน้าเปียโนหลังใหญ่ ตามด้วยหมอเอิร์ธหนุ่มหน้าตี๋ที่ดูดีมากเมื่ออยู่กับแซ็กโซโฟน สุดท้ายคงจะดูดีที่สุดในหัวใจของพระพายแล้ว ภูตะวันนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวสูงพร้อมด้วยกีตาร์หนึ่งตัวกับไมโครโฟนด้านหน้า อาจารย์หมอในสายตาของทุกคนกลายเป็นนักดนตรีสุดเท่ไปแล้ว ...


“ทุกคนคงจะไม่ได้เห็นผมในมาดนี้บ่อย เพราะฉะนั้นอย่ากระพริบตานะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาผ่านไมโครโฟน เป็นเสียงที่ดูน่าฟังกว่าปกติหลายเท่า ทุกคนในห้องปรบมือเสียงดังก่อนจะเงียบลงเมื่อเสียงเกากีตาร์จากปลายนิ้วของภูตะวันดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงแซ็กโซโฟนที่อบอุ่นของหมอเอิร์ธ



‘ฉันไม่คิดว่าฉันจะรู้ว่าคนเรานี้เกิดมีความรักอย่างไรกัน
ราวกับเป็นดั่งเช่นนิทานเรื่องราวเล่าขานว่ากาลครั้งหนึ่งวันนั้น

เริ่มจากคนสองคนที่เดินเข้ามา สบตาต่อกันสบตาประสานจิตใจ
เกิดเป็นความหมายต่อกัน อยากอยู่ใกล้ชิดผูกพันกันเรื่อยไป

เกิดเป็นความรัก .... ขึ้นในหัวใจ

ฉันไม่คิดว่าฉันจะรู้ว่าใจของฉันเกิดมีความรักเธอเมื่อใด
รู้แต่เพียงว่าจำภาพเธอขึ้นใจ จดจำเธอไว้เมื่อกาลครั้งที่เจอกัน
พบว่าลมหายใจเข้าออก ฉันมีเธอมีแต่เธอเท่านั้น
หลับตาก็เห็นหน้าเธอ เร่งวันให้พบหน้ากัน
อยากอยู่ใกล้ชิดผูกพันกันเรื่อยไป

เกิดเป็นความรัก ... ให้เธอทั้งใจ

หากเธอนั้นต้องการจะถาม ยากจะหาถ้อยคำอธิบาย
มันเกิดขึ้นที่หัวใจ บอกเธอได้แค่นี้’



            จนเมื่อเพลงจบลง นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่พระพายเชื่อคำพูดภูตะวันอย่างสนิท เขาไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าของคนรักได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ทุกท่วงทำนอง ทุกถ้อยคำของเนื้อเพลง รวมถึงรอยยิ้มและสายตาที่อาจารย์หมอส่งมา มันทำให้เขาประทับใจอย่างที่สุด


“ออกมากับพี่หน่อย” หลังจากที่ลงเวทีมาแล้วก็ตรงมาจูงมือคนรักทันที พระพายเองก็งงไม่น้อยแต่ก็ยอมลุกตามไปโดยมีสายตาหยอกล้อจากผู้ใหญ่และเพื่อนสนิท


“ไปไหนครับ”


“ไปหาที่คุยกัน”


      ร่างสูงพาคนรักขึ้นมาที่ดาดฟ้าสูงของตึกหนึ่งในโรงพยาบาล เป็นดาดฟ้าที่ไม่ได้เป็นสวนย่อมเหมือนตึกอื่นแต่เป็นเพียงพื้นที่โล่งๆเท่านั้น แสงแดดในตอนสายๆไม่ได้ทำให้อากาศร้อนมากนัก ลมที่พัดก็ไม่ได้แรงจนเกินไป พระพายมองไปรอบๆด้วยรอยยิ้มเล็กๆ เขาไม่เคยขึ้นมาบนดาดฟ้าที่ตึกนี้มันเป็นมุมที่สวยกว่าที่เขาเคยเห็นมาเสียอีก


“ชอบรึเปล่า?”


“.........”


“เพลงที่พี่ร้องไง พี่ร้องให้เรานะ”


“ขอบคุณนะครับ ... ที่ทำให้พายรู้จักเพลงนี้ ถ้าพี่ไม่ร้องพายไม่รู้จักแน่ๆ มันไม่ใช่เพลงสมัยพาย” ภูตะวันมีสีหน้าผิดหวังลงไปถนัดตา เขาทำคอตกก่อนจะเบือนหน้าหนีและมองไปยังวิวเบื้องหน้าแทน พระพายได้แต่กลั้นขำที่แกล้งอีกฝ่ายได้สำเร็จ


“พายล้อเล่นน่า อะไรที่พี่ทำมันมาจากใจให้พาย พายชอบหมดแหละครับ”


“.... พี่จริงจังกับพายจริงๆนะ” คนตัวสูงไม่มีแววล้อเล่นแต่อย่างใด เขาจับสองมือของคนรักมากุมเอาไว้ พระพายระบายยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกดี แม้ไม่ใช่คำบอกรักแต่ฟังแล้วก็มีความหมายที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขา สายตาของภูตะวันที่ส่งมามันไม่ได้โกหกเขาเลย


“พายก็จริงจัง”


“ถ้างั้นขอจูบหน่อย จะได้รู้ว่าจริงจัง” ไม่เพียงแค่พูดแต่หมอซันยื่นหน้าไปหาทันที พระพายที่ไหวตัวทันชักเท้าถอยหลังทันทีด้วยสัญชาติญาณ ดวงตากลมมองรอบๆอย่างระมัดระวัง


“อยู่บนดาดฟ้า ใครจะมาเห็น”


“............” พระพายเม้มปากอย่างครุ่นคิด แต่ในที่สุดก็ยอมให้กับผู้ชายตรงหน้า เปลือกตาสีอ่อนปิดลงรับสัมผัสที่นุ่มนวลจากคนรักที่ค่อยๆประทับจูบเขาช้าๆ มือหนาโอบเอวของคนตัวเล็กกว่ารั้งเข้ามาให้แนบชิดจังหวะเดียวกับที่พระพายยอมเปิดปากให้เขาสัมผัสมันมากยิ่งขึ้น เป็นเวลาชั่วครู่ถึงได้ผละออกและมองกันด้วยรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่น


“เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!!!!”


“............” เสียงเฮและเสียงพลุกระดาษดังขึ้นจากด้านหลังจนพระพายสะดุ้งและหันไปมองอย่างตกใจ ก่อนจะวิ่งไปหลบด้านหลังของคนรักตัวใหญ่ด้วยความเขินอายทันที เพราะคนที่เปิดประตูเข้ามาคือบรรดาหมอเพื่อนสนิทของเขา


“หลบทำไมพาย!?” บอสตะโกนถามเพื่อนอย่างขำขันเมื่อเห็นว่าพระพายหลบอยู่ด้านหลังและกอดเอวของอาจารย์หมอเอาไว้ โดยที่ภูตะวันก็ได้แต่เอี้ยวตัวมองพร้อมกับหัวเราะไปด้วยเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมโผล่หน้าออกมาเจอคนอื่นเลย


“เราอาย!!”


“อายทำไม พวกเราเห็นหมดแล้ว!!” กลายเป็นทำให้พระพายอายหนักยิ่งกว่าเก่า ทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน มีเพียงพระพายที่อายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแต่สุดท้ายก็ยอมออกมาเจอทุกคน ด้วยใบหน้าที่แดงจัดจนภูตะวันต้องโอบไหล่เอาไว้


“ไอ้พวกบ้าเอ๊ย!”


“พวกเราไปกันดีกว่า ปล่อยให้เขาจูบกันต่อเถอะ” หมอเอิร์ธพูดแซวบ้างก่อนจะโบกมือลาพร้อมกับหน้าตาล้อเลียนจนพระพายได้แต่กลอกตาไปมาให้กับความกวนของบรรดาเพื่อนตัวเอง


“เฮ้อออออ”


“นี่ .. ย้ายแผนกไปเรียนต่อก็อย่าไปหลงหมอแผนกนั้นรู้ไหม?” อาจารย์หมอใช้นิ้วชี้จิ้มปลายจมูกของคนรักเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว อีกไม่กี่เดือนพระพายก็ต้องย้ายไปแผนกอื่นเพื่อเป็นเรสสิเดนท์ของแผนกนั้นต่อ


“พี่ก็เหมือนกัน เดี๋ยวก็ต้องมีเรสสิเดนท์หน้าใหม่เข้ามา ห้ามเลยนะครับห้ามเกินความเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์นะ” หมอหน้าหวานกลายเป็นหน้าดุทันทีเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ถึงแม้จะไว้ใจและเชื่อใจว่าคนรักจะไม่เป็นคนแบบนั้น แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ที่ต้องมีใครใหม่ๆเข้ามา


“รับทราบ” พระพายยิ้มพอใจกับคำตอบ ก่อนจะสวมกอดคนตัวสูงเอาไว้ด้วยความรัก มือหนาลูบหัวกลมของคนรักอย่างเอ็นดูพร้อมกับกอดตอบอีกฝ่ายไว้


      ความรักมันไม่ได้เริ่มจากว่ารู้จักกันนานเท่าไหร่ทว่ามันอยู่เขาใช่มากแค่ไหนสำหรับเรา สำหรับเขาทั้งคู่แล้วการที่ได้ทำงานด้วยกันผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย มันทำให้เขารู้จักกันและให้ความสำคัญของกันและกันมากขึ้น มาเติมเต็มความไม่พอดีของกันและกันจนมันสมบูรณ์

      คงพูดไม่ได้ว่าจะรักกันตลอดไปเพราะไม่มีใครรู้อนาคต แม้กระทั่งคนที่เป็นหมออย่างพวกเขาก็ไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตใครได้ หมอไม่ใช่พระเจ้า ... แต่พวกเขาก็จะเดินไปด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ชีวิตของหมอที่อาจจะไม่มีเวลาให้กัน แต่ก็จะผ่านมันไปให้ได้ด้วยความเข้าใจ ...



**********************************




Talk : คงพูดไม่ได้ว่าเป็นตอนจบที่สมบูรณ์ที่สุด แต่เราก็ชอบมันที่สุดนะ
คู่นี้เขาไม่ได้หวือหวากันมาตั้งแต่แรก แค่อาจารย์หมอร้องเพลงให้ก็ว่าเกินคาดละค่ะ 55555



ตอนนี้คงต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ
ขอบคุณที่คอยติดตามการอัพ
ขอบคุณที่อ่านนิยายของเรา (ไม่คิดว่าจะมีคนอ่านเยอะด้วยซ้ำ)
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์เลยนะคะ
ขอบคุณจริงๆค่ะ *กราบบบบ*


ถ้าคิดถึงกันไปคุยกับเราได้ที่ twitter : @Ggbazo นะคะ
หรือถ้าแฟนเพจก็ได้น้าาาา บ๊ายยบายยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2015 22:37:10 โดย G-bazo »

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
แอร๊ยยยย จบแล้ววววววววววว รอตอนพิเศษนะคะ ต้องคิดถึงหมอซันกับหมอพายแน่ๆเลย
คู่นี้น่ารักกันจนหยดสุดท้ายจริงๆ
อาจารย์หมอร้องเพลงอ้ะ ว๊ายยยย ><

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หมอซันอบอุ่นเหมือนชื่อ ชอบบบ

จบอย่างสวยงาม ขอบคุณคนเขียนมากนะคะสำหรับนิยายดีๆ

 :mew1:

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
น่ารักมากๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ
 :mew1:

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
เราจะรอภาคสองน้าาาา เรื่อยๆน่ารัก ไม่หวือหวา แต่อบอุ่นกัวใจ :)

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
น่ารักไปค่ะคุณหมอ
อิจฉาจังเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด