{ _____ นิราศโชซอน ______ } {จบ}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { _____ นิราศโชซอน ______ } {จบ}  (อ่าน 444221 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12
{ _____ นิราศโชซอน ______ } {จบ}
« เมื่อ22-05-2015 21:25:56 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

















{ นิราศโชซอน }

by...chiffon_cake



ขอบคุณคุณ Nuper มากเลยนะคะ





งานเขียนชิ้นนี้เป็นลิขสิทธิ์ของคนเขียนแต่เพียงผู้เดียว













ลียองวอน ยองวอนชื่อของข้า มีความหมายแปลว่านิรันดร์



ถ้าเช่นนั้นความรักของข้าก็จะเป็นนิรันดร์เช่นเดียวกัน





หากเกิดชาติหน้าฉันท์ใด...ข้าขอรักท่านเหมือนดั่งในชาตินี้



ความรักของข้าจะอยู่กับท่านตลอดชั่วกาลนิรันดร







โชคชะตานำพาให้ผมเจอสมุดบันทึกของตัวเอง


ชายไทยอย่างผมถูกย้อนกลับไปเป็นตัวเองที่เป็นเมื่อชาติที่แล้ว



เพื่อแก้ไขในสิ่งที่ผมอยากทำ แต่ผมไม่ได้ทำ...








คำเตือน
นิยายเรื่องนี้แต่งเพื่อความบันเทิงและสนองนี้ด
ไม่อิงประวัติศาสตร์เกาหลีใด ๆ ทั้งสิ้น
บุคคลที่ปรากฏในเรื่องเป็นบุคคลเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
บางสิ่งบางอย่างในเรื่องอาจจะไม่สมจริงตามสถานที่จริง
ขอให้คนอ่านใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ






ตัวละคร


จูเนียร์, ลียองวอน = เด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนธรรมดาที่ชีวิตไม่ธรรมดาเมื่อจู่ ๆ ก็ไปเจอสมุดบันทึกเล่มหนึ่งเข้า...งานอดิเรก...ชอบทะเลาะกับชาติที่แล้วของตัวเองในยุคโชซอน

ซองโจ, คังยู = เจ้าของหัวใจลียองวอน เป็นคนเย็นชา ขี้รำคาญ บ้าอำนาจ ชอบทำความดีแต่ไม่แสดงตน เขามักออกไปข้างนอกในยามวิกาล แถมยังทำตัวลึกลับให้บางคนมาเผือก ความจริงเกี่ยวกับตัวเขาที่สำคัญคือ เขากลัวกบ

มินจุน = หน้าตาคล้ายคิมซูฮยอน(โทมินจุนชิ) เป็นคนที่นิสัยดี รักใครรักจริง และเอาจริงเอาจังมากหากเป็นเรื่องของการแข่งขัน 

พยองอัน = เพื่อนซี้ของยองวอน เรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยประถม เป็นผู้ชายแต่นิสัยเหมือนดอกไม้บาน มองโลกในแง่ดี นิสัยดี อ่อนโยน และห่วงใยคนอื่นไปทั่ว


ซองชิล, ชิล , ยักษ์ชิว
= บริวารของซองโจ ทำหน้าที่อารักขา มีความซื่อสัตย์เหมือนชื่อ และจะไม่พูดอะไรเลยเมื่อเขาไม่ได้อยู่ต่อหน้าซองโจ

จีซู, ขงเบ้ง, ยักษ์ใจดี = บริวารของซองโจและยังเป็นทำหน้าที่เป็นเพื่อนสนิท เขาเป็นแฟนคลับของยองวอน ชอบยิ้ม ไม่ค่อยพูด และเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมที่สุด แต่ไม่ชอบแสดงออก...


ยุนนารา
= บุตรสาวเสนาบดีฝั่งขวาผู้ที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายของซองโจ มีนิสัยที่เอาความรักเป็นใหญ่ ทำทุกสิ่งทุกอย่างได้หากทำเพื่อความรัก
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2016 23:44:28 โดย chiffon_cake »

ออฟไลน์ little2413

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ลงชื่อติดตามค่าาา

ออฟไลน์ ตาหวาน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
เจิม เห็นชื่อคนแต่งก็รีบพุ่งเลย :mc4
น่าติดตามมาก

ออฟไลน์ Isunn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หาเสื่อ หาหมอน มาปูรอ  :katai2-1: :katai2-1:

จะออกมาแนวไหนนะ แนวหวานแวว หรือ แนวหื่นกาม  :hao6:

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12
บทนำ







   สวัสดีครับชาวไทย ผม จูเนียร์ จารุวัฒน์ พิทักษ์กุล รายงานสดจากประเทศเกาหลีใต้ ตอนนี้อุณหภูมิภาคพื้นดินอยู่ที่ประมาณ 1-4 องศา หนาวจนไข่สั่น พูดอีกก็สั่นอีก...

   ผมคือนักศึกษาแลกเปลี่ยนคณะรัฐศาสตร์เอกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มาเรียนที่เกาหลีใต้จบมาจะเป็นทูตประเทศไหนก็น่าจะรู้ ๆ กันอยู่ ผมเพิ่งมาเรียนที่เกาหลีได้ไม่ถึงเดือน ยังปรับตัวไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ผมชอบที่นี่นะครับ ผู้หญิงเขาสวยดี ขาว ๆ ทั้งนั้นเลย

   “เห้ย จะถึงยังวะ” ผมเอ่ยถามเพื่อนคนไทยที่มาเรียนด้วยกัน มันเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์และก็มองดูสถานีที่รถไฟฟ้าใต้ดินจะไปถึง

   “สถานีต่อไปนี่แหละ” ไอ้กล้วยตอบผม “มึงนี่ก็รีบจัง เราจะไปเที่ยวนะเว้ย ไม่ได้จะไปสอบ”

   “มึงอ่านจบแล้ว แต่กูยังอ่านไม่จบนี่” ผมเอ็ดเพื่อน

   วันนี้เนื่องจากว่าง(ว่างตรงไหน ได้ข่าวว่าอาทิตย์หน้ามีควิซอีกแล้ว ประเทศเกาหลีนี่เขาจะเรียนจริงจังกันไปถึงไหนครับ) ผมกับไอ้กล้วยเลยมีความคิดว่าจะไปทัวร์วังของเกาหลีบ้างอะไรบ้าง มาเรียนได้ตั้งเกือบเดือนแต่สิ่งที่ได้ไปเที่ยวก็มีแต่ห้าง ไม่ก็ถนนแสดงดนตรี ถ้าไม่ไปวังเดี๋ยวแม่ก็จะหาว่าผมไปไม่ถึงเกาหลีอีก เพราะงั้นเลยตกลงปลงใจว่าวันนี้นี่แหละที่ผมกับกล้วยควรไปเที่ยววัง อย่างน้อยก็สักสามสี่วังแหละ

   วังแรกที่ผมกับเพื่อนหมายมั่นปั้นมือว่าจะไปให้ได้ก็คือพระราชวังคยองบกกุง ตั้งอยู่สุดทางเดินตรงโน้น ทันที่ที่ผมโผล่หัวขึ้นมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน ลมหนาว ๆ ก็พัดตีเข้าใบหน้าของผมซะจนไข่สั่นอีกครั้ง พระเจ้า หนาวชิบหาย...นี่คนที่นี่เขาอยู่กันไปได้ยังไงวะ

   ผมกับเพื่อนเดินไปเรื่อย ๆ ส่งยิ้มให้คุณป้าอาจุมม่าด้านข้างและโดนเขามองว่าเป็นตัวประหลาด วิธีสร้างสัมพันธไมตรีจากทูต(ฝึกหัด)ของไทยไม่เป็นผล น่าอายชิบหาย แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังยิ้มให้ป้าอยู่ดี

   “โห ทัวร์ไทยลงเยอะนะเนี่ย” กล้วยตั้งข้อสังเกต

   ผมกับกล้วยเดินเข้าไปในประตูและก็เดินไปตรงที่ซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปในวัง ในที่สุดผมก็จะได้มีรูปถ่ายให้แม่ดูสักที แม่ที่ทวงนักทวงหนาเรื่องรูปไปเที่ยววัง ทวงตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งวันนี้ เมื่อตะกี้นี้เลย

   พระราชวังคยองบกกุงเป็นพระราชวังใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อสมัยโชซอน เป็นวังหลวงที่พระมหากษัตริย์ใช้สำหรับทรงงานและบริหารบ้านเมือง รวมถึงเป็นที่อยู่ของเชื้อพระวงศ์หลายองค์ด้วย ผมที่ศึกษาประวัติศาสตร์เกาหลีมานิดหน่อยก็รู้เท่านี้แหละครับ แต่ที่นี่เขาสวยจริง ๆ และก็ยิ่งใหญ่มากจนทัวร์ไทยข้าง ๆ ส่งเสียงว้าวและก็เซลฟี่กันใหญ่

   ผมกับกล้วยสลับกันถ่ายรูปให้กัน และหลังจากนั้นต่างคนต่างก็แยกกันเดินไปตามอารมณ์ติสต์ กล้วยแยกไปอีกฝั่ง ส่วนผมแยกไปอีกฝั่ง เพราะผมเห็นสระน้ำเล็ก ๆ พร้อมกับศาลาหลังขนาดกลาง ผมคิดว่า นี่อาจจะเป็นสถานที่พักผ่อนของพระราชาและบรรดาเชื้อพระวงศ์ อะไรก็ไม่รู้ดลใจให้ผมก้าวมาที่นี่ พร้อม ๆ กับมองมัน และที่อยู่ข้างหลังนั่นคือภูเขาลูกใหญ่แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันชื่ออะไร

   ผมนั่งที่ม้านั่ง มองทัศนียภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกสงบ ถึงแม้อากาศจะหนาวมากแต่เชื่อไหมครับว่ามันให้ความรู้สึกสบายสุดยอด อาจเป็นเพราะภาพชวนสงบตรงหน้านี้ก็เป็นได้

   ผมชมนกชมไม้ไปเรื่อย ๆ ถ่ายรูปเสียให้หนำใจทั้งเซลฟี่เอยหรือถ่ายวิวเอย จนกระทั่งผมเหนื่อยกับการถ่ายรูปนั่นแหละ ผมถึงได้มองภาพตรงหน้าเฉย ๆ

   อะไรวะนั่นน่ะ...

   หรือผมตาฝาด สาบานได้ว่าเมื่อกี้ไม่มีหนังสือเล่มไหนอยู่ในฉากในตาของผมเลยนะครับ และไอ้หนังสือบ้านั่นลอยน้ำมาได้ยังไงแถมยังมาหยุดอยู่ตรงหน้าของผมราวกับเชื้อเชิญให้ผมไปหยิบมันขึ้นมา

   ผมมองซ้ายมองขวา จำได้ว่าที่นี่พนักงานรักษาความปลอดภัยเขาทำงานจริงจังกันมาก ถ้าผมไปหยิบขึ้นมาล่ะก็ผมจะโดนข้อหาขโมยมรดกทางประวัติศาสตร์ประเทศเขาไหมล่ะนั่นน่ะ

   เอาไงดีวะ เจ้าหนังสือก็ลอยแล้วลอยอีก แตะขอบสระแล้วแตะขอบสระอีกอยู่นั่น ถ้ามันพูดได้มันคงจะบอกผมว่า...กูรู้มึงอยากเสือก หยิบกูสิ หยิบกูสิ...

   ฮ่วย มึงอย่ามาท้ากูนะ กูหยิบจริง ๆ นะ

   ผมมองอย่างลังเล ค่อย ๆ กระดึ๊บๆไปนั่งขอบสระ ทำเป็นเชือกรองเท้าหลุดพอดีเพื่อที่จะได้นั่งยอง ๆ ข้างๆขอบสระ จังหวะที่ไม่มีใครเห็น ผมหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา เปียกแฉะเชียวครับ

   ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าและก็เช็ดมันให้แห้ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้กล้วยเดินมาพร้อม ๆ กับบอกผมว่า จะกลับกันได้หรือยัง

   ตอนออกจากคยองบกกุง ผมยังไม่ได้จับหนังสือเล่มนั้นเลย

   แม้กระทั่งตอนไปเที่ยววังอื่น ๆ ทั้งวันเสร็จ ผมก็ยังไม่ได้จับหนังสือนั้น...







   หอพักใกล้มหาวิทยาลัย

   ผมออกไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดมาหลังจากนั้นผมก็กลับเข้ามาในห้อง ไอ้กล้วยรูมเมทยังไม่กลับมาท่าทางจะไปติวต่อกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ผมมองเห็นหนังสือเล่มนั้นอยู่บนโต๊ะ มันถูกวางอยู่บนผ้าขนหนู ท่าทางจะเริ่มแห้งสนิทแล้ว

   ผมมองมันด้วยสายตาพินิจพิจารณา หน้าปกไม่ได้เขียนอะไรไว้เลย เป็นหนังสือโบราณปกแข็งสีน้ำตาลที่ดูเก่าแก่น่าจะมากกว่าสองสามร้อยปี(มั้งนะ ผมเดา) กระดาษก็เปื่อยจนใกล้จะขาด นี่ถ้าผมเปิดนี่มันจะขาดคามือผมไหม

   เอาไงดีวะ หนังสือมันดูโบราณเกินจนผมไม่กล้าจับ และเรื่องสิ่งลี้ลับก็เริ่มเข้ามาในหัวผม แต่งเรื่องไปต่าง ๆ นานาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้จับ หนังสือต้องคำสาป จับแล้วจะโชคร้ายอะไรเทือก ๆ นั้นน่ะครับ

   ไม่น่าจะเป็นอย่างงั้นนะ เพราะถ้ามันจะพาโชคร้ายจริงมันน่าจะให้ผมโชคร้ายตั้งแต่ที่ผมอยู่คยองบกกุงแล้วสิ แต่นี่ผมยังไม่เป็นอะไรแถมไข่ยังมีให้สั่น(ทำไมผมพูดถึงแต่ไข่ล่ะ) เพราะฉะนั้นไม่น่าจะเป็นหนังสือพาอับโชคแน่ ๆ

   เอาวะ เสือกแล้วต้องเสือกให้สุด ไหนดูซิว่ามันเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไร

   เป็นภาษาเกาหลีที่คำอ่านดูโบราณเอามาก ๆ ผมพยายามอ่านให้ได้ความหมายที่สื่อออกมาง่ายและตัวเองรู้เรื่องมากที่สุด



   สมบัติของลียองวอน สถาบันการศึกษาซองกยุนกวาน




   ซองกยุนกวาน ? หืม มหาวิทยาลัยแห่งแรกในประวัติศาสตร์ของเกาหลีไม่ใช่เหรอนั่น


   เว้ย เอาแล้ว ผมเจอของดีเข้าให้แล้ว ถ้านี่เป็นสมบัติของบัณฑิตแห่งซองกยุนกวานอันทรงคุณค่าล่ะก็ ผมคิดว่าผมเสือกมาถูกทางแล้วล่ะ ดูซิว่าจะมีเคล็ดลับเรียนยังไงให้ได้เกรดเอจากศาสตราจารย์ที่เกาหลีรึเปล่า


   ข้าคิดว่าข้าเป็นบ้า...ทำไมข้าต้องเป็นบ้าขนาดนี้ด้วย...บ้าจนต้องมานั่งเขียนบันทึกราวกับเป็นเด็กสาววัยแรกแย้มเพื่อพร่ำเพ้อถึงชายที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อข้าด้วยซ้ำ




   ไอ้ชิบหายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


   อ่านแล้วแทบจะหงายเงิบตกเก้าอี้ บัณฑิตซองกยุนกวานมีแต่ผู้ชายไม่ใช่เหรอ แล้วไอ้นี่มัน มัน มันเพ้อถึงผู้ชายด้วยกัน!


   นั่นแหละครับท่านผู้ชม ชายรักชายจะมีแค่ในยุคปัจจุบันเท่านั้นน่ะหรือ จดหมายประวัติศาสตร์ของเจ้าลียองวอนน่าจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญว่าเกย์ก็มีอยู่ในยุคโบราณนะเออ!


   เอาไงดีวะกู ผมไม่ใช่พวกอ่านแล้วฟิน มานั่งจับจิ้นเสียด้วย...ผมไม่ใช่ยัยเจอาร์น้องสาวผม รายนั้นแค่เห็นผู้ชายเดินข้างกันจะขึ้นบีทีเอสมันก็แทบกรี๊ดลงไปนอนดิ้นกับพื้นแล้ว ผมเป็นผู้ชายเพราะงั้นผมก็เลยรู้สึกขนลุกแปลก ๆ นิดหน่อย


   แต่หลังจากที่ได้อ่านประโยคนั้น ทำไมรู้สึกเห็นใจเจ้าลียองวอนยังไงชอบกล สมัยนั้นถ้าชายชอบชายด้วยกันคงอัดอั้นน่าดู ไม่รู้จะถูกตัดคอเสียบประจานข้อหาผิดเพศหรือเปล่า จะว่าไปเขาก็น่าสงสารอยู่นะครับ


   ไม่รู้ด้วยความสงสารหรือความอยากเผือก ผมเลยเลือกที่จะอ่านต่อแม้ว่าทำได้โดยยากเพราะกระดาษบางแผ่นก็ถูกน้ำเซาะทำลายจนหมด บางอันก็ขาดวิ่นซะจนไม่เป็นเรื่องเป็นราว แต่พอจะจับใจความได้ว่ายองวอนตกหลุมรักเจ้าหนุ่มคนนี้มากมายทีเดียวครับ และท่าทางจะแสดงออกไม่เก่งเสียด้วย ผ่านไปตั้งหลายแผ่นที่ผมอ่านก็ยังไม่เห็นจะเคยคุยกับเจ้าหมอนี่เลยแม้แต่คำเดียว


   สงสารว่ะ...รักขนาดนี้แต่ทำอะไรไม่ได้เลยเนี่ยนะ


   ผมถอนหายใจดังเฮือก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่กล้วยเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี ผมจึงหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วถามว่าติวเป็นไงบ้าง


   หลังจากนั้นกล้วยก็อาบน้ำ ผมก็ยังคงอ่านบันทึกของยองวอนอยู่ อ่านไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งสงสารขึ้นเรื่อย ๆ จนบางทีแทบอยากจะมุดเข้าไปเคาะหัวมันแล้วถามมันว่ามึงชอบเขาทำไมมึงไม่ไปบอกเขาล่ะไอ้เห่ย! มันเหมือนเป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่ผมลุ้นไปกับตัวเอก และก็ต้องตบเข่าฉาดเมื่อถึงคราวที่ตัวเอกทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ


   เพิ่งจะรู้ว่าบันทึกเล่มนี้มีตำหนิตรงสันที่มันแอบเบี้ยวนิดหน่อยแถมยังลอกอีกแน่ะ...


   “ปิดไฟแล้วนะ” กล้วยพูด ผมยังไม่ทันได้ตอบ มันก็ปิดไฟทันที ผมทันได้อ่านแค่ประโยคสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้ในหน้าสุดท้ายพอดี๊พอดีก่อนที่ผมจะวางมันลงและก็หลับตานอน


หากเกิดชาติหน้าฉันท์ใด...ข้าขอรักท่านเหมือนดั่งในชาตินี้

ข้าอยากแก้ไขในสิ่งที่ข้ายังไม่ได้ทำ อยากแก้ไขในสิ่งที่ข้าอยากทำ

ความรักของข้า...จะอยู่กับท่านตลอดชั่วกาลนิรันดร









อืม ทำไมผมไม่รู้สึกถึงฮีทเตอร์เลยล่ะ ไอ้กล้วยมันลืมเปิดเหรอ

ผมขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกว่าความนุ่มของเตียงลดลงมาประมาณสิบกว่าเลเวล แข็งชิบหาย ไม่ได้การละ นอนไม่สบายแบบนี้ผมตื่นไปหาอะไรทานดีกว่า วันนี้ผมกะจะไปอ่านหนังสือที่หอสมุดและก็เข้าติวกับเพื่อนต่อ และก็...


ภาพที่ผมเห็นเมื่อผมลืมตาทำเอาผมลมแทบจับ


   กูโดนลักพาตัว กูโดนลักพาตัวแน่ๆ!!!!!!!!!!


   “เชี่ยกล้วย!!!!” ผมลุกขึ้นมาทันทีอย่างตื่นตระหนก หายง่วงไปในบัดดล มองซ้ายมองขวายังไงก็ไม่ใช่ห้องผมแน่ ๆ มันเหมือนผมกำลังอยู่ในบ้านโบราณของเกาหลียังไงยังงั้น ตู้เตี้ย ๆ นั่นบอกผมว่ามันต้องใช่ ผ้าที่วางเรียงกันเป็นตับ และก็...ที่นอนที่เหมือนฟูกมากกว่าจะเหมือนเตียงที่ผมเคยนอน ให้ตายเหอะ ผมเคยเห็นแบบนี้ในซีรี่ส์ย้อนยุคของเกาหลีนะ!

   “กล้วย มึงอยู่ไหนวะ!”

   “คุณชายตื่นแล้ว!” จู่ ๆ ผู้ชายแก่ ๆ ในชุดเกาหลีโบราณก็เปิดประตูเข้ามา ผมตกใจแทบผงะ “รีบเตรียมตัวได้แล้วนะขอรับ เดี๋ยวจะไปเข้าสอบไม่ทัน!”

   “ที่นี่ที่ไหนวะ! มึงเป็นใคร!” ด้วยความตกใจแบบสุดขีดผมจึงโพล่งภาษาพ่อขุนออกไปอีกทั้งยังเป็นไทยล้วน

   “อะไรนะครับ?” ชายแก่ทำหน้างง อยากจะบอกว่าผมน่ะงงกว่าเยอะ

   ผมพยายามรวบรวมสติ ก่อนจะค่อย ๆ พูดภาษาเกาหลีออกมา “ที่นี่ที่ไหนครับ”

   ชายคนนั้นมองผมเหมือนผมไม่สบาย ก่อนที่จะค่อย ๆ ตอบ “บ้านของคุณชายไงขอรับ และวันนี้ก็เป็นวันสอบต่อหน้าพระพักตร์พระราชาของบัณฑิตซองกยุนกวานด้วย รีบ ๆ เข้าเถอะขอรับ เดี๋ยวจะไปไม่ทัน”

   “ผมไม่ใช่คุณชายนะ”

   “หา อะไรนะ” เขาหูตึงหรือยังไงวะ

   “คือ...ข้า ข้าไม่ใช่คุณชาย” ผมพยายามสื่อให้เขารู้เรื่อง

   “ไอ้หยา ไม่ทันแล้วขอรับ คุณชาย ได้โปรดลุกขึ้นและรีบแต่งตัวด้วยเถอะ ก่อนที่ข้าจะถูกลงโทษ”

   ชายแก่ไม่รู้เอาพลังช้างสารมาจากไหน ฉุดผมให้ลุกเฉย ผมเพิ่งเห็นว่าตัวผมเองใส่ชุดนอนสีขาวล้วนแถมยังดูเกาลี๊เกาหลีโบราณแบบสุด ๆ พระเจ้าช่วย นี่มันอะไรกันวะ ไอ้เชี่ยกล้วย ต้องเป็นไอ้เชี่ยกล้วยแน่ ๆ มันต้องวางแผนแกล้งผม และทันทีที่เปิดประตูออกต้องมีคำว่าเซอร์ไพรส์จากปากของมันแน่

   แต่แกล้งแรงไปไหมวะ แม้จะเป็นหน้าตา รูปร่างของผมก็เถอะ ผมเผ้าอันยาวเฟื้อยอย่างกับผู้หญิงที่มันอะไร ให้ตายเถอะ! รับไม่ได้โว้ย กูรับไม่ได้อย่างแรง

   “ไม่ใช่ผมกู!” อยากจะร้องไห้ ดูสารรูปสิ ดูไม่ได้เลย

   “คุณชาย ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวข้าจะหวีให้ท่านเอง”

   ผมพยายามดึง ๆ ผมที่ยาวเฟื้อยนี่ออกเพราะคิดว่าไอ้กล้วยแม่งต้องแอบมาใส่วิกให้ผม แต่ดึงยังไงก็ดึงไม่ออก มันติดหนังหัวผมจนผมคิดว่าดึงเองก็มีแต่จะเจ็บเองนั่นแหละ

   กูอยากร้องไห้ นี่กูอยู่ที่ไหนบนโลกกันแน่เนี่ย

   ชายแก่แต่งตัวให้ผมจนเสร็จ ผมมองตัวเองในกระจก นี่มันหนุ่มน้อยแห่งเกาหลียุคโชซอนชัด ๆ ผมเคยเห็นในซีรี่ส์ตั้งหลายเรื่องและผมก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากคนเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย ผมคิดว่ามันเริ่มจริง เริ่มจริงขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ตั้งแต่ผมยาวติดหนังหัวอันนั้นแล้ว

   “ไปเถอะขอรับคุณชาย เกี้ยวรอคุณชายอยู่ทางด้านนอก”

   ผมเดินออกมาจากห้อง มีคนใช้รอโค้งให้เพียบ แต่ละคนหน้าตาเกาหลีโบราณแถมยังใส่ชุดเกาหลีโบราณอีกต่างหาก ไอ้กล้วย มึงเลิกเล่นได้แล้ว กูขอร้อง TT กูเริ่มไม่ไหวแล้วนะ

   “โชคดีนะเจ้าคะคุณชาย”
   “คุณชายสอบผ่านแน่ ๆ ขอรับ”
   “พวกเราจะรอฉลองให้คุณชายนะขอรับ”


   มันจริง มันจริงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นะเว้ย ไม่นะเว้ยยยยยยยยยย


   “ข้ามีอะไรจะทดสอบเจ้านิดหน่อย เจ้าช่วยตอบคำถามข้าได้หรือไม่” ผมพยายามพูดภาษาเกาหลีให้มันดูโบราณที่สุดเท่าที่จะทำได้ เดี๋ยวชายแก่คนนี้จะฟังไม่รู้เรื่องอีก

   “ได้ขอรับ” ชายแก่เงี่ยหูฟัง

   “ข้าชื่ออะไรเหรอ” ถ้าจะถามว่าข้าเป็นใครก็คงจะดูกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปซะฉิบ

   ชายแก่ดูงง ๆ ก่อนที่จะตอบคำถามผมแต่โดยดี



   “คุณชายก็คือคุณชายลียองวอน บุตรชายของท่านหัวหน้าเสนาบดีฝั่งซ้าย ที่ปรึกษาพระราชาซูจงไงขอรับ”




   หละ ลี ลียองวอน ?



   ลียองวอน สถาบันซองกยุนกวาน



   ไอ้เจ้าของบันทึกเพ้อถึงผู้ชายนั่นน่ะนะ!!!!

   ทำไมผมกลายมาเป็นเขาล่ะเห้ย! เวร เวรแล้ว เวร!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

   ท่าทางหนังสือนั่นจะต้องคำสาป ผิดจากที่ผมคิดไว้ ผิดจากที่ผมคิดไว้ไปมากเลย

   แล้วผมจะใช้ชีวิตเป็นยองวอนยังไง เชี่ยเอ้ย ทำเส้นกูแล้วมึง!

   “เอ่อ ขอถามอีกคำถามได้หรือไม่” ใบหน้าที่เกือบจะตายของผมพยายามมีชีวิตเพื่อถามชายแก่ต่อไป

   “คุณชายจะสายแล้วนะขอรับ”

   “คือว่า...หน้าตาของข้าเมื่อวานกับวันนี้ที่เจ้าเห็น มันเหมือนกันหรือเปล่า”

   ชายแก่ต้องหาว่าผมปัญญาอ่อนแน่ ๆ คำถามแต่ละคำถามโคตรจะสร้างสรรค์ ก็ใครจะไปรู้ล่ะ เกิดมาก็เพิ่งเคยมาอยู่ในยุคโชซอน ที่มีสถาบันซองกยุนกวานนี่แหละวะ!



   “คุณชายก็หน้าอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดแล้วนี่ขอรับ เมื่อวาน วันนี้ หรือว่าวันไหนๆ เหล่าสตรีทั่วแคว้นต่างก็แซ่ซ้องว่าคุณชายมีใบหน้างดงามยิ่งกว่าสตรีใด ๆ บนแผ่นดินโชซอน”




   กูจะเป็นลม...




   ตกลงผมต้องคิดยังไง รู้สึกยังไงเหรอ นี่มันอะไรกัน...ผมอยากจะโทรไปปรึกษาไอ้ยองวอนเหลือเกินว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น ทำไมกูต้องกลายมาเป็นมึงด้วย




   เอ๊ะ...




   หรือว่า...





   ชาติที่แล้วผมคือลียองวอนซะเอง ?






TBC*

Talk : ขออนุญาตเปิดเรื่องใหม่นะคะ เหตุผลที่แต่งเรื่องนี้มีอยู่หลายอย่างมากเลยค่ะ
1. ช่วงนี้ค่อนข้างบ้านิยายจีนย้อนยุคมากกก(แต่เอ็งแต่งเกาหลีย้อนยุค?)
2. คุณพ่อของคนเขียนให้ลองศึกษาประวัติศาสตร์เกาหลีค่ะ และเกาหลีเป็นประเทศที่คนเขียนไปมาสองครั้ง เลยพอจะรู้บรรยากาศเล็กน้อย(ก็รู้แค่นั้นแหละ)
3. พออ่านนิยายย้อนยุคนาน ๆ เข้า จินตนาการเริ่มบรรเจิด คิดถึงเรื่องนี้อยู่นั่นจนหัวแทบระเบิด ต้องระบายมันออกมา นิยายเรื่องนี้เลยถือกำเนิดขึ้นค่ะ
4. หวังว่าจะชอบกันนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ : )

   
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-06-2015 13:09:05 โดย chiffon_cake »

ออฟไลน์ ssipra

  • นักอ่านมืออาชีพ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ติดตามเรื่องใหม่จ้า

ออฟไลน์ AttoSama

  • Ima.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ปูเสื่อรอเลยครัช  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
มาติดตามเรื่องใหม่ค่าาาาา :mc4:

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
ข้าว่าข้าชอบเรื่องแนวนี้มาก ข้าจึงต้องรอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
อุ๊ยแหมมมมมมมม พร่ำเพ้อจริงด้วยค่ะ :-[
มีที่ไหนมาเขียนเป็นเล่ม ต้องเดินหน้าไปบอกเลยสิเจ้าคะะะ!!!!!
ย้อนอดีตกลับมาก็ลุยโลดเลยค่ะ! :laugh:
รอตอนต่อไปเนาะะะะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: { ...นิราศโชซอน...} Up : บทนำ 22/05/58 P.1 21.30 น.
« ตอบ #9 เมื่อ: 22-05-2015 22:02:14 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mink2538

  • เว็บสำหรับคนพันธุ์ Y
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ไม่เคยอ่านแนวเกาหลีย้อนยุคมาก่อนเลย น่าสนใจมาก
มาลงชื่อติดตามด้วยคนค่า ><

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ติดตามๆ

ออฟไลน์ jessiblossom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อยากหาเพลงประกอบให้จังเลยคะ

ออฟไลน์ Pimpabpha

  • เคลิ้ม
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เนื้อเรื่องน่าสนใจมาก ปกติก็ชอบอ่าน หรือดูหนังเกี่ยวกับยุคโบราณของเกาหลี
คงจะน่าสนุก  :ling1:

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
 :hao3:

ออฟไลน์ meawakannwa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :mew1: :mc4:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ซารางเฮโย คนเขียน เปิดมาก็น่าสนใจแล้วว กรี๊ดดด รอตอนต่อไปฮ่ะ คนเขียนทำให้เราคิดถึงคอนไปเกาหลีเลย ไปพระราชวังนี้มาเหมือนกัน ชอบมากๆๆ รอตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ Meimei

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่าติดตามมากๆ

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12
ตอนที่ 1







   ผมนั่งอยู่ในเกี้ยวที่โยกเยกโงนเงน ยิ่งเปิดผ้าม่านมองออกไปด้านนอกยิ่งอยากจะตายแบบให้ควายมาขวิด ภาพแบบนี้ผมเคยเห็นแต่ในซีรี่ส์ ภาพชาวบ้านเดินไปเดินมา ซื้อของ แลกเปลี่ยนของ เม้ามอยพูดคุยกันเกี่ยวกับขบวนเกี้ยวที่มุ่งตรงเข้าสู่พระราชวัง

   มันบ่แหม่น มันบ่ใช่ แมนรับบ่ได้ T_T

   ใครจะให้คำตอบผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ถ้าผมย้อนกลับมาที่ยุคโชซอนนี่ไอ้กล้วยมันต้องมากับผมดิ มันนอนข้างผมนะ(ยังหนีไม่พ้นพูดถึงไอ้กล้วย) ทำไมผมถึงมาที่นี่คนเดียวด้วยล่ะ หรือเพราะบันทึกผีสิงเล่มนั้นนำพาให้ผมมา

   กูว่าใช่ ต้องใช่แน่ ๆ ยองวอนมันต้องเป็นพวกเล่นของ เสกคาถาใส่หนังสือแล้วโยนทิ้งสระน้ำข้างคยองบกกุง มึงมันแย่ มึงมันใช้ไม่ได้ มึงมันทำกูซวย ไอ้ชิบหายยยยยยยย

   ระยะทางจากบ้านผมถึงพระราชวังดูจะไกลเสียเหลือเกิน ผมไม่รู้เวลาด้วยซ้ำว่ามันผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้ว ครั้นจะเปิดผ้าม่านออกไปดูบรรยากาศภายนอกก็ปวดใจเหมือนมันตอกย้ำความจริงว่าโซลที่ผมอยู่เมื่อคืนละลายหายไปกับตา

   ที่มุมเกี้ยวมีถุงผ้าถุงหนึ่งวางอยู่ เป็นถุงบ้านที่พ่อบ้าน(ชายแก่คนนั้นนั่นแหละ)ยื่นมาให้ พร้อมทั้งบอกว่าของใช้ส่วนตัวของคุณชายอยู่ในนี้ ผมหยิบมันขึ้นมาดูและก็ต้องถึงกับผงะ

   ไอ้บันทึกผีสิง มันตามมาด้วยครับ มันตามมา!

   มันไม่ใช่เวลาแห่งความกลัว ถ้ามันให้ผมมาถึงนี่ได้ มันต้องพาผมกลับได้ ผมหยิบบันทึกที่บวมฉึ่งเพราะเปียกน้ำนั่นขึ้นมาแล้วกางออก นึกภาพว่ามันจะมีแสงสีสวย ๆ ปรากฏและให้ผมมุดเข้าไปกลับสู่โลกปัจจุบัน

   ไม่เห็นมีแสงเชี่ยไรเลยยยย มีแต่กระดาษที่จะขาดแหล่ไม่ขาดแหล่

   โว้ยยยย! ไม่มีแสงกูมุดเองก็ได้วะ ผมมุดเข้าไปในบันทึกกลายเป็นว่าหัวผมโขกบันทึกเล่มนั้นอยู่หลาย ๆ ทีราวกับคนเป็นบ้าที่ชอบทำร้ายตัวเอง

   กลับสักทีสิ กลับไปสักที กูยิ่งมีสอบอยู่...

   ยังไงมันก็ไม่ช่วยผมเลยสักกะติ๊ด...ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางลดละเลิกความพยายามทั้งหมดเสีย เปิดดูบันทึกเล่มนั้นเผื่อจะมีอะไรช่วย ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ ครับ นอกจากคำพูดเพ้อ ๆ ของเจ้ายองวอนมัน

   เฮ้ออออออออออออออออออออ...

   “ถึงแล้วขอรับคุณชาย” เกี้ยวถูกวางลง ไปพร้อม ๆ กับผมที่เซไปเซมาเพราะไม่ได้ตั้งตัว พ่อบ้านเปิดผ้าม่านให้ผมเดินลงไป แม่ง โคตรหนาวเลยครับ หนาวชิบหายยยยยยยย...

   ผมค่อย ๆ เดินลงไปพลางเก็บท่าทีที่แสดงออกว่าผมหนาวจนตัวสั่นไม่ให้พ่อบ้านเห็น พ่อบ้านยิ้มให้ผม น้ำตาปริ่มดวงตาเหมือนจะส่งลูกชายเข้าโรงเรียนอนุบาลเป็นวันแรก ในขณะที่ผมน้ำตาปริ่มเพราะอากาศที่หนาวจัดรวมไปถึงโชคชะตาที่แม่งโคตรเล่นตลก

   “คุณชายทำได้อยู่แล้วนะขอรับ ข้าจะรอฟังข่าวดี”

   ผมยิ้มแหย ๆ ส่งให้พ่อบ้าน มองดูบรรยากาศโดยรอบให้เป็นขวัญตา ประตูวังใหญ่เท่าตึกกี่ชั้นไม่รู้กำลังมีคนรุ่นราวคราวเดียวกับผมเดินขวักไขว่ไปมาพร้อม ๆ กับต่อแถวเข้าไปในวัง ส่วนใหญ่จะเป็นลูกผู้ดีมีอันจะกินดูจากชุดผ้าไหมราคาแพงหลากสีสันด้วยแล้ว

   เดี๋ยว...นี่ผมกำลังจะสอบเหรอ...

   เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

   ผมมัวแต่ดราม่าเรื่องตัวเองมาอยู่ผิดยุคจนลืมไปว่ากำลังจะไปสอบเข้าโรงเรียนซองกยุนกวาน บรรลัยแล้วครับ บรรลัยแล้ว ความรู้ที่จะสอบอาทิตย์หน้าที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติเกาหลียังจะไม่มี นับประสาอะไรกับความรู้ที่จะสอบเข้าซองกยุนกวานวันนี้

   ในขณะที่ผมกำลังคิดไม่ตกอยู่นั่น ใครคนหนึ่งก็ร้องทักผมและก็เดินเข้ามาหา

   “โอ๊ะ คุณชายพยองอัน” พ่อบ้านโค้งเก้าสิบองศาให้กับผู้มาใหม่

   ตัวประหลาดที่กูไม่รู้จักโผล่มาอีกหนึ่ง T^T

   เขายิ้มให้ผมและก็แตะไหล่ผมอย่างสนิทสนม หน้าตาท่าทางของเขาจิ้มลิ้มเหมือนผู้ชายสวยที่ยัยเจอาร์มันกรี๊ดเด๊ะ ๆ แต่เชื่อมั้ยครับ ไอ้นี่มันตัวเล็กแล้ว ผมตัวเล็กกว่ามันเยอะเลย

   อย่าลืมนะว่าผมชื่อจูเนียร์ ตัวเล็ก เตี้ยม่อต้อ สมชื่อแบบไม่มีใครอยากจะเถียง

   “ตื่นเต้นไหม เมื่อคืนข้านอนไม่หลับเลย” พยองอันยิ้มให้ผม นี่คือหน้าตาไม่ได้นอนของมึงสินะ สว่างมาตั้งแต่อยู่ไกล ๆ โน่น

   “ข้าหลับดีทีเดียว จนอยากจะหลับไปตลอดกาล” ผมประชด

   “ข้ามีของขวัญมาให้เจ้าด้วยนะ แม่ข้าฝากมาให้”

   พยองอันหยิบของออกมาจากถุงผ้าของขวัญ ตาเถร! เห็นแล้วถึงกับอุทานในใจเลยทีเดียว

   ร่างอวตารของบันทึกผีสิงที่อยู่ในกระเป๋าผ้าของผมตอนนี้ แต่สภาพใหม่เอี่ยมมากเหมือนไม่เคยมีผู้ใดแตะต้องมาก่อน

   “ข้าขอโทษนะยองวอน ตรงสันมันเบี้ยวและก็ขาดไปนิด ตอนข้านั่งเกี้ยวมาข้าไม่ระวังเอง”

   ผมอึ้ง...ตกตะลึงงัน...รับบันทึกเล่มใหม่เอี่ยมเล่มนั้นมาแล้วจ้องมองมันอย่างตื่นตระหนกอย่างแรง

   มันหมายความว่า...ผมได้กลับมาเป็นลียองวอนในช่วงที่เพิ่งเจอบันทึก และกำลังจะบันทึกเหตุการณ์ที่ผมเจอทั้งหมดในสมุดเล่มนี้อย่างนั้นเหรอ...

   นี่ผมคือลียองวอนจริง ๆ เหรอเนี่ย

   โคตรไม่น่าเชื่อ ผมเป็นคนไทยนะ ผมน่าจะมาเป็นนายทองดำ ทองเขียว แห่งหมู่บ้านบางพระอาทิตย์อะไรนั่นอย่างดูน่าเชื่อมากกว่า

   “เจ้าเป็นอะไรไปหรือยองวอน” เพื่อน(มั้งนะ)ส่งเสียงถาม

   “เช้านี้ข้าสับสนนิดหน่อยน่ะ” ผมบอกความจริงไป ก่อนจะคิดได้ว่าอยากถามคำถามปัญญาอ่อนแก่พยองอันอีกรอบ เผื่อพ่อบ้านแก่แกจะสติลบเลือนไป “เจ้าเป็นเพื่อนข้า...ใช่ไหม”

   “อะไรของเจ้า” พยองอันหัวเราะ “ข้าเป็นเพื่อนเจ้าตั้งแต่สมัยที่เราเรียนอยู่ซอดังแล้ว” ซอดัง? โรงเรียนประถมครับ

   “งั้น...ใบหน้าข้าตอนประถม ตอนมัธยม ตอนนั้น ตอนนี้ ตอนโน้น เป็นอย่างนี้จริง ๆ เหรอ” ผมยื่นหน้าตัวเองไปให้พยองอันดู

   “ท่าทางเจ้าจะตื่นเต้นจนทำตัวพิลึก เจ้าก็เป็นเจ้าสิ เจ้าหน้าตาแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

   “ข้ามิได้เปลี่ยนไปใช่มั้ย จากคนเกาหลีจู่ ๆ มาเป็นคนไทย อะไรแบบนั้นน่ะ”

   “ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูด?” พยองอันทำหน้างงแดก...เออว่ะ เป็นผมผมก็งง เกาหลีในยุคโชซอนไม่รู้ตอนนั้นรู้จักประเทศไทยหรือยัง ผมหลับตาลงอย่างรับโชคชะตาของตัวเองไม่ค่อยจะได้ ก่อนที่จะคิด คิด และก็คิด...

   หลังจากที่ผมคิดอยู่นั่น พยองอันก็บอกลาพ่อบ้านของผมและพ่อบ้านของเขาเพื่อเตรียมตัวต่อแถวเข้าไปสอบต่อหน้าพระพักตร์ ในระหว่างที่ต่อแถว ผมถามพยองอันในสิ่งที่ผมสงสัยทุกอย่าง

   “เจ้าลองบอกสิ่งที่เป็นนิยามของตัวข้ามาสักสามสี่ข้อซิ”

   “เจ้าต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ” เขาเอาแต่หัวเราะกับท่าทางของผม “ปกติเจ้าเป็นคนไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจานี่นา”

   “อืม ก็น่าจะใช่” ในบันทึกยองวอนมันดูหน่อมแน้มไม่ค่อยกล้าพูดจะตายไป “อะไรก็ได้ ที่เป็นลักษณะเกี่ยวกับตัวข้า เฉพาะข้าเท่านั้นที่มีมัน”

   “ขอข้าคิดสักครู่นะ” ผมเริ่มถูกชะตากับเจ้าพยองอันแล้วล่ะครับ ถ้าเป็นคนอื่นมันคงรำคาญผมตายห่าแน่ ๆ ถามอะไรไม่สร้างสรรค์ “สิ่งที่เป็นตัวเจ้า ที่ไม่เหมือนใคร เจ้ามีโรคประจำตัว”

   ...

   จุดเกิดขึ้นเต็มสมองของผม

   “โรค...โรคอะไร”

   “ข้าไม่รู้เหมือนกัน เจ้าเหนื่อยง่าย ชอบหอบ และก็เจ็บตรงอกบ่อย ๆ หมอที่มารักษาก็พากันเรียกไม่ถูกว่าเจ้าเป็นโรคอะไร”

   โรคเกี่ยวกับหัวใจ
   มันเป็นโรคที่ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นใกล้จะตายครับ เพียงแต่ว่ามีอาการอย่างที่พยองอันบอกเด๊ะ ๆ ผมเหนื่อยง่าย ชอบเจ็บตรงอกบ่อย ๆ ออกกำลังกายหนักไม่ได้ อะไรประมาณนั้นน่ะ

   กูจะบ้าตาย...

   “แล้วมีอะไรอีก...” ผมถามพยองอันต่อแม้ว่าจะเริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเอง

   “ไฝของเจ้าไง ที่หน้าท้อง”

   เชี่ย...หน้าท้องผมมีไฝ

   “ปานแดงเล็ก ๆ ที่หลังหู”

   ปานแดงเล็กที่หลังหู อันนี้ผมก็มี

   “และก็ผมของเจ้า เวลาสะท้อนแสงแดดแบบนี้” พยองอันดึงแขนผมให้ออกไปดูแดด “มันจะเปล่งประกายคล้ายสีทอง เหมือนสีผมธรรมชาติของเจ้าไม่ใช่สีดำ”

   โอเค...กูยอม...กูยอมแล้ว...ยอมแพ้ต่อโชคชะตา




   ผมคือลียองวอน ชาติที่แล้วผมคือลียองวอน




   และผมแม่งโคตรรับไม่ได้ที่ชาติที่แล้วผมชอบผู้ชายด้วยกัน และที่รับไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้นคือเพ้อชนิดที่ว่าโก่งคออ้วกสักเก้าสิบรอบก็ยังไม่น่าจะพอ

   นี่กูเป็นคนแบบนั้นจริง ๆ เหรอวะ

   “ถอยไป เจ้ายืนขวางทาง” ผมถูกถองสีข้างให้เขยิบหลีกทางไปโดยชายตัวสูงคนหนึ่ง พยองอันพยุงผมและเราทั้งสองคนก็หันไปมอง พระเจ้าช่วยด้วยเถอะ ตัวสูงใหญ่น่าจะสักร้อยแปดสิบกว่าเซนต์ได้ “เชิญเดินได้” มันผายมือให้คนที่อยู่เบื้องหลังให้เดินนำไปก่อน ผมไม่เห็นหรอกว่าเป็นใคร ขี้เกียจจะเงยหน้า สูงกันชิบหาย แต่โคตรหมั่นไส้ กร่างกันจังเลยวะ
 
   “ใครเหรอ” ผมถามพยองอัน

   “ข้าก็ไม่รู้เท่าไหร่หรอก” พยองอันตอบผม “แต่คนที่เจ้าคนนั้นทำตัวเหมือนอารักขา ได้ข่าวว่าเป็นพระญาติของพระราชา”

   “หา”

   ผมมองตามหลังไอ้คนที่เดินนำหน้าไอ้ยักษ์นั่น เขาอยู่ในชุดผ้าไหมสีน้ำเงินสดหรูหราเสียจนผ้าไหมแพงของคนโดยรอบดูด้อยราคาไปเสียหมด

   พระญาติแล้วไงวะ...ก็มาสอบเหมือนกันนั่นแหละ

   ไม่ใช่อะไรหรอก ผมเจ็บน่ะ...ตอนยุคปัจจุบันโน้นมียาดีรักษาทำให้ผมใช้ชีวิตได้ค่อนข้างสะดวก แต่พอมาอยู่ในยุคนี้ผมนี่โคตรจะอ่อนปวกเปียกราวกับกระดาษเปียกน้ำอันน้อย ๆ ผมบอกกับพยองอันว่าไม่เป็นไร และเราสองคนก็ต่อแถวเพื่อที่จะเข้าสอบต่อไป
 
   “นี่แม่นางทั้งสอง ไม่รู้เหรอว่าทางการเขาไม่ให้ผู้หญิงเข้าร่วมสอบน่ะ ฮ่า ๆๆ”

   เสียงแซวดังขึ้นเมื่อผมกับพยองอันเข้าใกล้ประตูวังมากยิ่งขึ้น พยองอันก้มหน้างุดราวกับว่าไม่อยากจะมีเรื่อง แต่ผมน่ะเหรอ...

   ...อย่าคิดว่าผมจะเหงียมแบบไอ้ยองวอนในบันทึกนั่นเด็ดขาด

   “ดูยังไงว่าข้าเป็นผู้หญิง เจ้าใช้ตาตุ่มดูเหรอ”

   พวกมันหุบยิ้มฉับ พร้อมกับทำสีหน้าหาเรื่อง

   “ถ้ายังดูไม่ออกว่าข้าเป็นบุรุษ เห็นทีว่าพวกเจ้าจะสอบซองกยุนกวานไม่ติด” ผมด่าไม่เลือกหน้า “เพราะโง่ดักดาน ไม่มีหัวคิด ใช้สายตาตัดสินเพียงอย่างเดียว”

   “นี่เจ้า!!!!” หนึ่งในนั้นชี้หน้าผม ทำไมล่ะ มึงมาหาเรื่องกูก่อนนี่ “ปากเก่งนักนะ หวังว่าจะได้เจอเจ้าที่ซองกยุนกวาน”

   “ได้เจอแน่...” ผมพูดอย่างมาดมั่น “...เพราะข้าฉลาดกว่าเจ้า ข้าจะสอบติดซองกยุนกวาน”










   ถุยชีวิต...
   กูไม่น่าพูดออกไปอย่างนั้นเล้ยยยยย
   ข้อสอบแบบนี้หมาที่ไหนมันจะไปทำได้วะ!


   จงบอกชื่อหน่วยงานของรัฐมาให้ครบ รวมถึง 6 กระทรวงหลัก
   จงบอกชื่อสำนักงาน 3 แห่งของหน่วยงานปกครอง
   หน้าที่ปกครองของหัวหน้าเขต 7 ประการ มีอะไรบ้าง
   หน่วยประจำการเมืองหลวง 5 หน่วย มีอะไรบ้าง
   กองทัพประจำการแบ่งออกเป็น 5 กองทัพ มีอะไรบ้าง

   บลา บลา บลา


   ผมเงยหน้าขึ้นมองข้างหน้าอย่างจนตรอก ทำไม่ได้แน่ ๆ ผมสาบาน เห็นทีสิ่งที่ผมโม้ไว้คงจะระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ นอกจากอับอายขายขี้หน้าไอ้ขี้แซวนั่นไม่พอ(ไม่รู้มันชื่ออะไร) ผมยังทำความหวังของบริวารที่บ้านพังไม่เป็นท่า(นึกภาพพ่อบ้านร้องไห้ชักดิ้นชักงอ)

   ข้างหน้าของผมคือพระราชาที่กำลังมองดูเหล่าบัณฑิตที่กำลังสอบอย่างสราญพระทัย ไม่รู้ว่าทรงมีพระพักตร์เป็นยังไง เพราะผมเห็นพระองค์เล็กเท่านิ้วก้อยของผม

   ผมควรทำไงดี มองซ้ายมองขวาเห็นผู้ที่เข้าสอบร่วมพันกำลังทำข้อสอบอย่างขะมักเขม้น ตวัดพู่กันเขียนลงบนกระดาษกันเป็นว่าเล่นเหมือนของแบบนี้มันหมู ๆ ไม่หมูล่ะมึง นี่มันมังกร T_T

   เอาไงดีวะ ยองวอน ตอนนั้นมึงทำยังไงของมึงวะ มึงถึงสอบผ่าน ทำไมมึงไม่มาบอกกูบ้างล่ะ ทำไมทิ้งกูแบบนี้ ไอ้ชาติที่แล้วของกูจอมขี้เพ้อเอ๊ยยยยยยย...

   ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน เพราะฉะนั้นผมจะทำข้อสอบในสไตล์ของผมละกัน

   ผมเรียนรัฐศาสตร์มา ไอ้เรื่องการปกครองนี่พอจะรู้บ้างแม้ไม่ใช่สายของผมโดยตรงก็ตาม บางข้อมี 7 ผมก็เล่นล่อตอบไปซะ 8 บางอันให้ตอบ 5 กูจะตอบ 7 อ่ะ ทำไมอ่ะ ก็กูไม่รู้คำตอบของสมัยนี้นี่หว่า T_T   ตอนทำข้อสอบเสร็จผมเหนื่อยใจมากอะไรมาก ส่งคำตอบไปเกือบคนสุดท้ายของลาน(ที่ผมเรียกในใจว่าลานประหารชีวิตผม)











   “ข้าลืมตอบไปตั้งหลายข้อ” พยองอันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตอนที่เราสองคนกำลังนั่งทานอาหารอยู่ที่ร้านรอการประกาศผลสอบที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าบริเวณหน้าประตูวัง

   “เจ้าเอาคำตอบของข้าไปไหมล่ะ ข้าตอบเกินนะ” ผมพูดไปกินไป หิวชิบหาย เหมือนสมองโดนเค้นออกมาจนกินพลังงานของผมไปหมด

   “เจ้าตอบเกิน!” พยองอันร้อง “มันหมายความว่าอย่างไรกัน ตอบมากกว่าที่เขากำหนดคะแนนจะเพิ่มเหรอ”

   “ข้าไม่รู้เหมือนกัน”

   “ถ้าข้าสอบไม่ติด พ่อข้าต้องเนรเทศข้าไปอยู่นอกเมืองแน่ ๆ”

   “ไม่หรอกน่า ลูกชายทั้งคนจะให้ไปอยู่ต่างที่ได้ยังไง”

   “ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เจอแม่นางทั้งสองที่ซองกยุนกวานซะแล้ว” จำเสียงได้ มันคือเสียงของไอ้ขี้แซว ผมหันขวับไปมองเห็นแม่งกำลังนั่งกินอาหารอยู่ใกล้ ๆ ท่าทางวางก้ามเหมือนเป็นเจ้าของประเทศ “ท่าทางจะทำข้อสอบไม่ได้กันนี่ คนหนึ่งตอบขาด คนหนึ่งตอบเกิน”

   มึงเสือกอะไรด้วยวะฮะ!!!!!!

   ผมชะงักไว้ก่อน พูดไปแม่งก็ไม่เข้าใจ ภาษามันไม่เข้ากับอารมณ์ผมเอาเสียเลย

   “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า”

   ผมพูดออกไป ดูซิดู...หน่อมแน่มเสียนี่กระไร พูดแบบนี้มันจะไปกลัวได้ยังไง

   “ก็ข้าเสียดาย จะไม่ได้เจอหน้าสวย ๆ ของพวกเจ้าในโรงเรียน” ไอ้ขี้แซวทำหน้าเจ้าเล่ห์ “ถ้างั้นก็...” พรึ่บ! มือยาว ๆ ของมันดึงพยองอันให้เข้าใกล้ตัว “ปรนนิบัติชงเหล้าให้ข้าสักหน่อยก่อนที่เราจะไม่ได้เจอกัน”

   โป๊ก!

   ผมเขกกะโหลกไอ้ขี้แซวให้มันปล่อยเพื่อนผม...เออ...ทำไมผมเขกหัวมัน...ทำไมผมไม่ชกมันล่ะ...เวร

   มันหัวเราะร่วนแม้จะโดนเขกหัวก็ตาม พรรคพวกมันก็หัวเราะด้วยราวกับการกระทำของผมเหมือนกับเด็ก...อาจจะเหมือนจริง ๆ ก็ได้

   “เจ้าน้อยใจหรือยังไง คนที่อยากปรนนิบัติข้าคือเจ้าใช่ไหม”

   มึงคิดได้ไง มึงเป็นนักเขียนเหรอ!!! พยองอันถูกสลัดออกโดยที่ผมโดนดึงเข้าไปแทน จะบ้าตาย นี่กูไม่ใช่ชะนีขี้โรคที่ใครดึงไปก็ไปอยู่กับเขาง่าย ๆ นะเว้ย

   เห็นทียองวอนในชาตินี้จะไม่เห็นด้วยกับคำพูดผม แม่งอ่อนแอชิบหาย สู้แรงแขนมันไม่ได้เลย


   พรึ่บ!


   เสียงดังกังวานเกิดขึ้นไปทั่วร้านอาหาร ใครบางคนทำเสียงนั้นขึ้นมาเพื่อขัดจังหวะไอ้ขี้แซว

   “เสียงดัง รำคาญ”

   ผมจำชายเสื้อผ้าไหมสีน้ำเงินที่โคตรหรูได้ จำไอ้ยักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ นั่นได้ด้วย และก็อีกคนที่ดูใจดีไม่ค่อยมีพิษสงเท่าไหร่

   คำพูดหลุดออกมาจากชายที่มีข่าวลือว่าเป็นพระญาติของพระราชา

   ดูเหมือนข่าวลือจะจริงอยู่ไม่น้อย ไอ้ขี้แซวที่จับตัวผมเอาไว้มือสั่นปากสั่นไปหมด มันผลักผมออกไปราวกับหมูกับหมาแตกต่างจากตอนเมื่อกี้มาก ท่าทางจะเกรงใจไอ้ผู้ชายเสื้อน้ำเงินไม่น้อย

   จะไม่ให้เกรงใจได้ยังไง ก็ไอ้แหลม ๆ ที่โผล่ออกมาจากกางเกงของไอ้ยักษ์มันดาบไม่ใช่เหรอ

   ไม่ธรรมดาจริง ๆ พยองอันดึงผมเข้าไปดูสวัสดิภาพผมว่ายังโอเคดีหรือเปล่า ในขณะที่ผมยังจ้องมองพวกยักษ์ที่สูงอย่างกับเปรตวัดสุทัศน์

   “จะออกไปหรือไม่ขอรับ” ไอ้ยักษ์พูดกับเจ้านายเสื้อน้ำเงินของมัน(ผมคิดเอง เพราะดูยังไงก็บ่าวกับเจ้านายมาสอบด้วยกันชัด ๆ)

   “อืม”

   เจ้าเสื้อน้ำเงินหันมามองสบตาผมตอนที่เขาลุกขึ้นยืน...



   ตึก ตึก...



   เสียงหัวใจผมดังแรงขึ้นทันทีเมื่อสบตากับเขา นัยน์ตาสีดำขลับเข้ากับเรือนผมสีดำเป็นอย่างดี จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางได้รูป หล่อชนิดที่ว่าไอดอลในยุคปัจจุบันยังเทียบไม่ติด


   หล่อชิบหายเลย มึงเป็นคนเหี้ยอะไรเนี่ย


   ตึก ตึก...


   ทำไมผมต้องใจเต้นแรงด้วยฟะ ไอ้ยองวอนมึงเห็นคนหล่อแค่นี้มึงแร่ดเลยเหรอ

   “ยองวอน เป็นอะไรหรือเปล่า” พยองอันถามผม เพราะเห็นผมเอามือกุมหัวใจตัวเอง

   เสี้ยววินาทีที่ไอ้เสื้อน้ำเงินออกจากร้าน...ผมรู้สึกว่าหัวใจวูบไหวอย่างประหลาด กลิ่นจากตัวเขาโชยเข้าเบา ๆ ที่จมูกผม

   ผมรู้สึกได้ทันทีว่าคนไหนที่ยองวอนมันเพ้อถึงขนาดเขียนบันทึกหา...


   ...ก็ไอ้เสื้อน้ำเงินนั่นน่ะแหละ


   เซนส์มันบอก อาการผมเป็นซะขนาดนี้ ดูก็รู้ว่ายองวอนมันชอบคนนี้



   แต่สำหรับผม...ผมจะไปชอบได้ไง จะบ้าเหรอ! ผู้ชายเหมือนกันนะโว้ย




   เชี่ยยองวอน สมัยโน้นมึงดูเล่นของสูงจังนะ...



   พยองอันเห็นผมมองตามเลยกระซิบบอกผม








   “เขาชื่อซองโจ...”









TBC*


Talk : ใครงงตรงไหนรีบบอกเลยนะคะ ชื่ออาจจะจำยากไปสักนิด แต่คนเขียนจะพยายามเลือกชื่อที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดค่ะ

ออฟไลน์ Beerr_jh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ช่วงหนึ่งบ้าประวัติศาสตร์เกาหลีมากๆ
ไม่ค่อยเจอนิยายแนวเกาหลีย้อนยุคเลย เจอเรื่องนี้เข้าไปนี่ชอบจริงๆค่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ ยองวอนจะทำยังไงต่อไปนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2015 00:21:59 โดย Beerr_jh »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dradareal

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบมากเลยค่ะ ไม่เคยอ่านนิยายเกาหลีย้อนยุคมาก่อน แปลกใหม่ดีค่ะ 5555
คนเขียนอย่าทิ้งเรื่องนี้น้าา เป็นกำลังใจให้ค่ะ มาต่อเร็วๆเน้ออ

ออฟไลน์ Rhythm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
น่าติดตามจ้า จูเนียร์ในคราบของลียองวอนฮามาก น่ารักดี

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
อ๊ายยย น่าติดตามมากๆๆ ชอบๆ ทาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ ohuii

  • Why I cannot upload profile picture?
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-4
ในที่สุดก็มีวันนี้ พีเรียตย้อนยุคฉบับโชซอน ติดตามค่า

ออฟไลน์ มูมู่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เข้ามาเจิมค่ะ แอบดีใจที่เห็นพี่ซฟค.เขียนเรื่องเกี่ยวกับเกาหลี > <
เปิดบทนำมานายเอกก็ตกที่นั่งลำบากซะแล้ว สู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
ชอบอ่ะ มาต่อต่อเนื่องน่ะติดตามเลย

จูเนียร์ดูรั่วอ่ะ 5555+

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12
ตอนที่ 2







   ซองโจ ?
   อืม แล้วไงล่ะครับ มันอาจจะเป็นคนสำคัญในชาติที่แล้วของผมก็จริง แต่ในชาตินี้(ที่ผมดันทะลึ่งกลับมาสู่ชาติที่แล้ว)มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับผม เพราะฉะนั้นเห็นมันยืนเด่นเป็นสง่ารอดูผลที่ทางการจะติดประกาศบอกตามตรงว่าผมไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย

   แต่หัวใจเจ้ากรรม กลับเต้นแรงราวกับว่าผมเป็นยองวอนเมื่อชาติที่แล้วเสียเอง

   ถึงแม้จะคนเดียวกัน แต่ความคิดความอ่านมันต่างกันอยู่ดีนะ ถึงยังไงผมก็คิดว่าผมไม่ได้ชอบหมอนั่นหรอก

   มันขี้เก๊กจะตาย ดูสิครับ ยืนเด่นอยู่ท่ามกลางสองเสา กอดอกดูด้วยท่าทางสง่างามในขณะที่คนอื่นมุงดูป้ายประกาศผลกันราวกับว่ามีคนมาแจกข้าวฟรียังไงยังงั้น

   “เจ้าเอาแต่มองซองโจ เจ้าชอบเขาหรือไง” พยองอันพูดทีเล่นทีจริง
   “เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ มันมีไข่เหมือนกับข้านะ” ผมพูดเสียงเซ็ง
   “ว่าไงนะ...”
   “ข้าบอกว่าข้าอยากกินไข่”

   เซ็งจริง ๆ ทำไมต้องมาพูดในสิ่งที่มันไม่ตรงกับใจด้วย แม่งไม่สนุก แม่งไม่ขำ แม่งอยากกลับบ้านโคตร ๆ

   “โอ๊ะ นั่นไง ประกาศแล้ว!”

   พยองอันกระโดดเหยง ๆ ดึงผมเข้าไปดูผลด้วย รายชื่อประกาศออกมาประมาณสองร้อยรายชื่อเพื่อคัดอีกทีว่าบัณฑิตจะได้ไปเรียนฝ่ายไหนตามความถนัด(หรือเรียนคณะไหนนั่นแหละ)

   ผมไล่ชื่อดูตั้งแต่อันดับท้าย ๆ ก่อนเลย ถ้าผมจะติด ผมต้องติดลำดับท้าย ๆ แน่ ก็เล่นตอบมั่วส่งเดชขนาดนั้น ใส่ชื่อรัฐบาลยุคปัจจุบันลงไปซะเยอะจะได้คะแนนเยอะได้ยังไงกันล่ะ แต่พออ่านไปเรื่อย ๆ และไม่เห็นชื่อตัวเอง ใจของผมก็เริ่มตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

   เพิ่งรู้ตัวว่าผมลุ้นขนาดนี้ บรรยากาศมันพาไปน่ะครับ

   “อ๊ะ ข้าเห็นชื่อข้าแล้ว” พยองอันร้อง “ข้าจะรีบหาชื่อเจ้านะยองวอน”

   มันจะมีไหมล่ะ ให้ตาย แม้อากาศจะหนาวแต่เหงื่อก็เริ่มตก ลุ้นชิบหาย ลุ้นขี้แตก ลุ้นยิ่งกว่าตอนประกาศผลแอดมิชชั่น!




   “ยองวอน เจ้าได้คะแนนสูงสุด!!!!!”




   พยองอันกระโดดกอดรอบคอของผมจนผมคอแทบหัก

   “เก่งจังเลย นี่เพื่อนข้าเอง นี่เพื่อนข้า!”

   ผมเงยหน้าขึ้นไปดูชื่อที่ติดอยู่ลำดับแรก แม่งโคตรให้เกียรติเลยครับ ติดแปะไว้เป็นกระดาษของคน ๆ นั้นไปเลยไม่มีชื่อใครมาติดด้วยเลยสักคน


   ดูเหมือนว่าที่หนึ่งจะมีสองคน ผม...
   ...กับซองโจ



   ทุกคนเหมือนรู้คิวแหวกทางให้ผมกับไอ้ขี้เก๊กให้หันมาเผชิญหน้ากัน พวกมึงกะจะเชียร์ให้กูกับมันแก่งแย่งชิงดีกันว่างั้น กูรู้หรอกว่ามึงคิดอะไรอยู่ ซีรี่ส์กูดูมาเยอะเฟ้ย

   ซองโจ กูยอมแพ้ กูแพ้มึงแน่ กูไม่แข่งอะไรกับมึงทั้งนั้น

   “เจ้าต้องไปเข้าเฝ้าพระราชานะ”

   “หา” ผมกระซิบกระซาบกับพยองอัน

   “ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้รับเกียรติให้เข้าเฝ้าพระราชา เพราะอย่างนั้นเจ้ากับซองโจ...” ร่างเปรต ๆ ของซองโจเดินมาใกล้ผมประกอบคำพูดของพยองอัน “...จะต้องไปเข้าเฝ้าพระราชาด้วยกัน”

   “ข้าไม่อยากไป” ผมพูดทันที ราชาศัพท์ก็โง่ การเมืองเกาหลีก็ใช่ว่าจะรู้เรื่องทุกอย่าง ถ้าทำอะไรผิดต่อหน้าพระพักตร์ หัวผมแบะแน่ ๆ ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากไปเกิดใหม่ ไม่อยากกลับเรียนอนุบาล ประถม มัธยมต้น มัธยมปลายใหม่มันเสียเวลา...


   ...โคตรได้เปรียบเมื่อรู้ว่าชาติต่อไปตัวเองจะได้ทำอะไรบ้าง


   “เจ้าจะขัดพระราชโองการ?”

   เสียงเรียบ ๆ เย็น ๆ ดังขึ้นเหนือศีรษะของผม ตึกตึก...หัวใจผมเต้นแรงเมื่อรู้ว่าคำพูดนั้นเป็นคำพูดของซองโจ

   ผมไม่เคยคุมหัวใจบ้า ๆ นี่ได้สักทีเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน

   “น่าจะรู้ว่าขัดพระราชโองการแล้วจะโดนทำโทษอย่างไร สอบได้ที่หนึ่งคงจะรู้ดีนี่”

   มันพูด...นั่นทำให้ผมคิดว่าไปหรือไม่ไปเสี่ยงตายพอกัน ผมถอนหานใจดังพรืด เดินตามหลังร่างสูงของซองโจที่มีคนเดินนำหน้า ผมมองไปที่พยองอันด้วยสายตาย่ำแย่เอามากๆ ในขณะที่อีกฝ่ายส่งสายตาให้กำลังใจมาให้

   กูได้ที่หนึ่งมาได้ยังไงวะเนี่ย...งงชิบ










   ระหว่างทางเดินไปท้องพระโรง
   ผมเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของซองโจ ร่างสูงเอาแต่มองไปข้างหน้าอย่างเดียว ถมึงทึงอย่างกับตูดเป็ด ไม่คิดจะยิ้มบ้างเลยหรือไงวะ ทำแบบนี้คิดว่าเท่นักเหรอ

   เออ ก็เหมาะกับมันดี...

   “มีอะไรกับข้าอย่างนั้นเหรอ” มันหันมา ถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนผมสะดุ้งโหยง

   อยากจะร้องใส่หูมันว่ามีผู้ชายแอบรักมันแทบบ้าจนเขียนบันทึกหา แต่พูดแบบนั้นออกไปคงได้ตายคาตีนมันแน่ เพราะงั้น...ผมก็เลยมองหน้ามันเฉย ๆ
   ยองวอนสมัยนั้นคงไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้พูดคุยกับเจ้านี่สินะ...
   ...ผมถอนหายใจ เงยหน้า(มันสูงนี่ครับ T^T)มองดูซองโจอีกรอบ

   “ข้าชื่อลียองวอนนะ”

   อย่างน้อยคราวนี้ไอ้นี่มันก็น่าจะได้รู้ชื่อของยองวอนบ้าง...

   “แล้วยังไง เจ้าอยากผูกมิตรกับข้า?”
   “ข้าไม่อยาก” ผมพูดทันที ผมไม่ชอบคนแบบนี้ มันหล่อกลบผม(ดูมีเหตุผลมาก)
   “อืม งั้นเจ้ากับข้าก็มีความปรารถนาเดียวกัน”

   พ่องตายยยยยยยยย...
   มืงคือความกวนตีนในแบบฉบับของยุคโชซอนสินะ
   มันไม่อยากคบผมครับ มันไม่อยากคบผม!!!!
   ยองวอน มึงชอบมันเข้าไปได้ยังไงวะ...

   ผมกัดฟันกรอดและก็ไม่พูดกับมันอีกเลย...จะบ้าตาย...อะไรที่ยองวอนไม่ได้ทำกับไอ้ซองโจผมจะไม่ทำให้มันอีก พอกันที เกลียดขี้หน้าแม่ง ขี้เก๊กไม่พอตีนก็ยังเอาไปกวนอีก แม่งเอ๊ย...

   บ่นได้อย่างเดียวเถียงไปกลัวมันถีบ ตัวแม่งโคตรใหญ่...









   ท้องพระโรง
   ผมคงนั่งตัวเล็กเท่าจิ๋มมด(ทำไมชอบเทียบกับอะไรที่มันกาม ๆ ตลอดฟะเนี่ย) รู้สึกตัวเล็กเท่านั้นจริง ๆ ครับ นี่มันท้องพระโรง ท้องพระโรงตัวเป็นๆ!(?) ข้างซ้ายขวาคือขุนนางเสนาอำมาตย์ชุดแดงเพลิง ข้างหน้าคือพระราชาแน่ ๆ ไม่รู้ว่าพระพักตร์เป็นไงด้วยผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเลย

   “ท่านเสนาบดีลีคงจะปลื้มปิติน่าดูที่ลูกชายของท่านสอบได้ที่หนึ่ง” พระราชาตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี “จริงไหม ท่านเสนาบดี”

   คนไหนพ่อกูวะ...ผมเงยหน้าขึ้นมามองว่าใครจะโค้งรับคำพูดนั้น คนที่อยู่ทางขวามือของผม ทางซ้ายมือของพระราชา

   เห็นแล้วเงิบเลยครับ...เงิบแบบไม่ต้องรอเวลาให้เงิบด้วย...พ่อที่ตอนนี้น่าจะไปเชียร์บอลอยู่ที่ไหนสักที่ในกรุงเทพ ตอนนี้มาเป็นเสนาบดีฝั่งซ้ายของพระราชาเสียแล้ว

   ผมหลุดขำออกมานิดหน่อย ขุนนางบางคนมองผมอย่างตำหนิ ก็จะไม่ให้ขำได้ยังไง ผมเห็นชาติที่แล้วของพ่อตัวเองนี่หว่า เป็นถึงที่ปรึกษาของพระราชาเชียวนะ เอาไปเล่าให้ฟังคงได้ทองหลายเส้น

   “ลียองวอน รู้หรือไม่ทำไมเจ้าถึงสอบได้ที่หนึ่ง”

   พระราชาตรัสกับผม รู้สึกต้องการยาดมอย่างแรง กลัวทำอะไรผิดพลาดออกไปสุด ๆ ตอนนี้ฉี่ผมแทบราด

   “หมะ ไม่ทราบครับ ขอรับ เอ๊ย พะยะค่ะ”
   “ไม่ต้องตื่นตกใจไป ข้าไม่ทำอะไรอนาคตของประเทศชาติหรอก”

   ใครจะไปเชื่อออออ...ผมได้แต่คิดอยู่ในใจ พูดออกมาโดนตัดคอแหงม

   “เพราะคำตอบของเจ้ามันไม่เหมือนใคร”

   เป็นครั้งแรกที่ผมเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์พระราชาถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลมากก็ตามที

   “เจ้าเป็นคนคิดต่าง มองการณ์ไกล ชื่อบางอย่างที่เจ้าเขียนข้าก็ยังไม่เคยรู้จัก แต่ดูมีเหตุผล”

   เพราะมันจะมีอยู่แล้วในอนาคตยังไงล่ะพะย่ะค่ะ ผมหลับตาลงและก็ก้มหน้าอย่างสงบเสงี่ยมเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างแรง รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองตอบมันเหมือนรู้อนาคตแล้วเอามาเขียน โกงชาวบ้านชาวช่องเขาเห็น ๆ แต่จะให้ทำยังไงได้ ผมไม่รู้คำตอบพวกนั้นจริง ๆ  นี่

   “ซองกยุนกวานต้องการบัณฑิตที่เป็นขุนนางเพื่อพัฒนาประเทศ ถ้าบัณฑิตตอบเหมือนกันหมด คิดเหมือนกันหมด บ้านเมืองจะเจริญไปในทางที่ดีขึ้นได้ยังไง” พระราชาตรัสเสียงใส “เจ้าเห็นด้วยไหม ซองโจ”

   พูดถึงไอ้ซองโจ ไม่เห็นมันจะตื่นเต้นห่าอะไรเลยครับ ชิวชิบหาย ชิวในแบบของมันนั่นแหละ ไม่มีท่าทีฉี่จะราดเหมือนผมเลยแม้แต่นิดเดียว

   “พะยะค่ะ”

   ไอ้ประจบ...(ดูเหมือนผมจะอคติกับมันโคตร ๆ)

   “คำตอบของเจ้าก็น่าสนใจไม่น้อย ตอบนอกเหนือจากตำรา ฉลาดนี่”
   “กระหม่อมแค่ตอบตามความคิดของกระหม่อมเอง มิได้ฉลาดอันใดเลยพะย่ะค่ะ”

   ไอ้ขี้โม้...มึงกำลังคิดว่ามึงเก่งอยู่ใช่มั้ยล่ะ...(ขอโทษครับ ผมยังคงอคติอยู่)

   “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พวกเจ้าสองคนคงจะเป็นกำลังสำคัญให้ข้าต่อไป เพราะฉะนั้นเมื่อได้ไปเรียนที่ซองกยุนกวาน ข้าจะให้พวกเจ้าสองคนเป็นเพื่อนร่วมห้องกันก็แล้วกันนะ”

   ชิบหายยยยยยยยย...
   โปรดถามความสมัครใจของกระหม่อมด้วย!

   “กระหม่อมไม่เห็นด้วย” ไอ้ซองโจคัดค้านแทนผม มึงกล้ามาก มึงกล้าโคตร ๆ กูยกโล่รางวัลให้เลย หัวขาดแน่มึง หัวขาดแน่ ๆ “เรื่องห้องพักควรเป็นเรื่องของอาจารย์ที่ซองกยุนกวานเห็นสมควร เพราะฉะนั้น...”

   “เจ้าจะขัดคำสั่งของข้าอย่างนั้นหรือซองโจ...” พระราชาตรัสถามคนที่คุกเข่าข้าง ๆ ผม

   หัวขาดแน่ หัวขาดแน่ หัวขาดแน่...หว่ายยย(อยากจะแลบลิ้นปลิ้นตาใส่มันเหลือเกิน)

   “มิได้พะย่ะค่ะ”

   “เชื่อข้าสิ ข้าดูเป็นกษัตริย์ที่ไร้น้ำยาหรืออย่างไร ข้ามองอนาคตออก” พระราชายังคงตรัสต่อไป “เจ้ากับลียองวอน คงเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยแน่ ๆ”

   ซออู้กับกีต้าร์เบสน่าจะใช่มากกว่า...ไม่มีทางเข้ากันได้แน่ ๆ ไม่มีทาง...

   “ขอให้โชคดีกับการเรียนที่ซองกยุนกวาน และซองโจ...ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัว”











   เชี่ยเอ๊ย เยี่ยวแทบเล็ด

   “เป็นยังไงบ้าง” พยองอันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหน้าผม เหล่าบัณฑิตที่สอบติดกำลังมารวมตัวกันที่ลานเดิมครับ ทุกคนแม้จะคุยกันแต่ก็อยู่ในความสงบ เพราะนี่ยังคงเป็นเขตของพระราชาอยู่
   “ข้าไม่โอเค”
   “หา”
   “ข้า...ตี่นเต้นน่ะ” เห็นทีจะต้องสอนพยองอันถึงภาษาปัจจุบันด้วยแล้ว พูดแบบนี้ตลอดผมอึดอัดตายห่า
   “เจ้าเก่งมากเลยรู้ไหม คะแนนเท่าซองโจไม่พอยังทิ้งห่างจากที่สองไปตั้งมากกว่าเกือบยี่สิบคะแนน”

   ฟลุคล้วน...พูดเลย...ไม่ได้เก่งเลย ไม่ได้เก่งจริง ๆ

   “ข้าไม่เก่งหรอกพยองอัน”

   เชื่อไหมครับว่าทุกคน ณ ที่นี่รอไอ้ซองโจเพียงคนเดียว มันคงเป็นพระญาติจริง ๆ สินะ หายไปพูดคุยกับพระราชานานมากกกกกก(ก.ไก่อีกล้านตัว เฮ้อ คิดถึงภาษาไทยจังครับ)
   ไม่นานร่างสูงโปร่งของซองโจก็ปรากฏกาย มันเดินลงมาโดยมียักษ์ดุกับยักษ์ใจดีเดินไปหาขนาบข้างอย่างทันท่วงทีพร้อมรับใช้ ผมเบะปากอย่างหมั่นไส้กับท่าทางเหล่านั้น

   “เอาล่ะ มาครบกันแล้วนะ” ผมเพิ่งสังเกตว่ามีรุ่นพี่จากซองกยุนกวานมารับ นั่นคือชุดนักเรียนเหรอ เสื้อแขนยาวสีขาวทับด้วยสีฟ้าอ่อนพร้อมกับหมวกสูงสีขาวท่าทางบอกความฉลาดไม่เบา เห็นจะแตกต่างกันที่แถบตรงเสื้อนอกสีฟ้าอ่อน ของพี่คนนี้มีสามแถบ แปลว่าอยู่ปีสาม
   ถ้าผมได้ใส่...ก็คงจะมีแถบเดียวนั่นแหละ ปีหนึ่งที่กรุงเทพไปแล้วยังจะมาเป็นปีหนึ่งที่นี่อีก อนาถจิต

   “ขอโทษที่พวกเจ้าต้องจากบ้านทันทีที่สอบคัดเลือกเสร็จ แต่ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าคงเตรียมความพร้อมมาหมดแล้ว”
   กูไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยเว้ย...มั่วจริง

   “ทีนี้พวกเจ้าจงตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าไปยังโรงเรียนซองกยุนกวาน”









   สถาบันซองกยุนกวาน
   O_O
   แมลงวันต้องบินเข้าปากผมเป็นสิบตัวแน่ ๆ เพราะผมอ้าปากค้างไม่หยุด

   สวยชิบหาย สวยกว่าในซีรี่ส์อีก นี่น่ะเหรอคือสถานที่ของปัญญาชนอนาคตของเกาหลี คุณพระคุณเจ้า...

   มันไม่ได้เป็นตึกที่มีวิวัฒนาการสูงสุดหรอกครับ ก็อาคารไม้โบราณทั่วไปนั่นแหละ แต่มีหลายอาคารมากกกกกกกกก มิหนำซ้ำยังมีต้นไม้ดอกไม้นานาชนิด มีสระน้ำสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ โรงอาหารที่ดูมีอะไรกินตลอดเวลา และก็มีรุ่นพี่ที่เดินสวนไปมายิ้มต้อนรับเป็นอย่างดี

   ผมเกาหัวแกรก ๆ นี่ต้องอยู่ในความฝันเป็นแน่แท้ สถานที่แห่งความฝัน ผมนึกภาพออกเลยว่ามันต้องเป็นสีฟุ้ง ๆ ชวนฝัน แต่นี่มันไม่ถึงขนาดนั้น แค่นี้ผมก็ตื่นตาตื่นใจจะแย่

   “ตรงนี้เรียกลานหินอ่อน เมื่อข้าเรียก พวกเจ้าต้องมาที่นี่ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโรงเรียน เข้าใจหรือเปล่า”
   “เข้าใจครับ!”
   “ตรงนั้นจะเป็นอาคารเรียนรวม ไม่ว่าพวกเจ้าจะแยกไปเรียนสาขาไหน ก็ต้องมีวิชาที่มาเรียนรวมกันอยู่ดี พวกเจ้าจะได้เรียนตรงนั้น”
   “ครับ!”
   “และสุดทางเดินตรงที่มีน้ำพุหิน ข้างหลังนั่นคือหอพักของพวกเจ้า รู้กันแล้วใช่ไหมว่าจะได้พักห้องไหน”
   “ครับ!”

   อันนี้กูไม่ครับด้วย...ผมหันไปมาหาบัณฑิตคนอื่น ๆ อยากจะถามว่ามึงรู้กันได้ยังไง พยองอันก็เลยกระซิบบอกว่าเขาจัดกันตอนที่ผมกับซองโจไปเข้าเฝ้าพระราชา
   ไม่ปล่อยโอกาสให้กูได้โวยวายเลยโว้ย...

   “เชิญไปที่หอพักเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย และมารวมที่ลานหินอ่อนก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน”
   “ครับ!”









   หอพัก
   พยองอันอยู่ห้องถัดไปนี่เอง ซวยเหมือนผมเลยครับเขาอยู่ห้องเดียวกันกับเจ้ายักษ์ดุ บริวารของไอ้ซองโจ...ผู้ที่กำลังเปลี่ยนชุดอยู่ในห้องพักนี้
   มันทำให้ห้องพักที่เล็กอยู่แล้ว ดูเล็กเข้าไปอีกเมื่อมันยืนขึ้น ร่างสูงหุ่นกำยำกำลังโชว์เนื้อหนังให้ผมเห็น ผมอ้าปากค้าง ไม่เคยมีกล้ามเด่นชัดแบบนั้นอยู่บนตัวผม ไม่เคยเลยครับ...

   “สายตาเจ้าทำให้ข้ารำคาญ” ซองโจเอ่ยกับพูดด้วยน้ำเสียงตามแบบฉบับของมัน

   มันจับได้ว่าผมมอง... “ข้าไม่ได้มองเจ้าสักหน่อย”

   “เจ้าโกหกไม่เก่ง”

   “เจ้าคิดไปเอง”

   “ข้าจะบอกกฎการอยู่ร่วมกับข้าให้เจ้าฟัง” พรึ่บ...ร่างเปลือยท่อนบนของซองโจนั่งลงตรงหน้าผม สบตาผมด้วยความใกล้ชนิดที่ว่าแม้แต่ยุงยังไม่กล้าบินผ่าน ผิวมันขาวจนผมแสบตาเลย... “ถ้าเจ้าฉลาดก็จงทำตาม”

   “เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้า” กูไม่ยอมมึงหรอกเว้ย...

   “หนึ่ง อย่าทำให้ข้ารำคาญ สอง ข้าเป็นคนหงุดหงิดง่าย สาม ข้าไม่อยากยุ่งกับเจ้า เพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องมายุ่งกับข้า สี่ ห้ามพูดกับข้าหากไม่มีความจำเป็น และก็ห้า...ไม่ว่าข้าจะออกไปไหน มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า”

   พ่อง...พูดไวมาก...พูดช้า ๆ กูยังจดไม่ทันเลยโว้ย

   “เจ้าเรื่องมากอย่างกับสตรี”

   คำพูดของผมทำเอาเขาคิ้วกระตุก...หว่าย...คิดว่าจะมีแต่คนยอมอยู่ใต้เงาของมึงตลอดงั้นสิ

   “เจ้าทำผิดกฎของข้าไปแล้ว...สี่ข้อ”

   “แล้วเจ้ามีอำนาจอะไรมาลงโทษข้า”

   ฉับพลันทันที ผมถูกกดลงไปนอนราบกับพื้นแข็ง ๆ ของห้อง โดยมีร่างสูงของซองโจทาบทับชนิดที่ว่าผมหนีไปไหนไม่รอด...

   “ตัวเล็กกระจ้อยร่อยแค่นี้ทำอวดดี”

   มึงจะทำอะไรกูวะ!

   “พยองอัน! ช่วยข้าด้วย!” อ่อนแอชิบหายแค่นี้ก็สู้ไม่ได้ แต่อย่าลืมนะครับว่าผมน่ะขี้โรค ยิ่งอยู่ในชาตินี้ ยิ่งเป็นหนัก

   “อ่อนแอจริง เรียกให้คนอื่นมาช่วย”

   “ปล่อยกู ไอ้สัด(ภาษาไทย)”

   “นั่นเจ้าพูดอะไรของเจ้า”

   “ไอ้เหี้ยเอ๊ย ปล่อยกูสิ!(ภาษาไทย)”

   “อยากรู้ใช่ไหมว่าข้าจะลงโทษยังไง”

   มันไม่ปล่อยเพราะมันฟังไม่รู้เรื่องหรือเปล่าวะ...ผมอยากจะบ้าตาย มือมันข้างเดียวแม่งจับข้อมือผมได้ทั้งสองข้อ

   เอาวะ...สู้เท่านั้น สู้แล้วรวย(?) ผมจ้องเขม็งไปที่นัยน์ตาคมที่มองลงมาอย่างท้าทาย

   “อยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะทำอะไรข้าได้”

   พูดเสร็จแล้วอยากเอามือชกปากตัวเอง กล้ามากนะมึง มึงกล้ามาก มึงไม่ห่วงสวัสดิภาพตัวเองเลยนี่หว่า





    งับ...






   ผมถูกกัดที่ต้นแขน

   มึงเป็นแวมไพร์เหรออออออ ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยย!!!!

   เจ็บครับ แต่นิดหน่อย มันไม่ได้กัดแรง แต่ผมรู้สึกเสียหน้ามากเลย

   “น่าจะเหมาะกับเด็กอย่างเจ้า” กัดเสร็จแม่งก็ลุกขึ้นยืนและก็แต่งตัวต่อ

   ไอ้เหี้ยเอ๊ย...อะไรของแม่งวะ!

   ดีนะที่มันออกไปก่อน ไม่อยากนั้นล่ะก็...มันต้องได้ยินเสียงหัวใจของผมแน่ ๆ
   ไม่สิ ของไอ้ยองวอนมันต่างหาก ไม่ใช่ของผม...

   ผมถอนหายใจ ไม่สนใจเชี่ยอะไรกับอีกฝ่ายแล้ว ผมรื้อของถุงผ้าออกมากะจะจัดเข้าชั้นให้มันเรียบร้อย บันทึกสองเล่มที่เหมือนกันอย่างกับแกะแต่ต่างกันที่ความเก่าใหม่ถูกผมหยิบขึ้นมาและก็วางอยู่บนพื้น ผมจ้องมันเขม็ง ก่อนที่จะสลับไปมองที่ซองโจอีกครั้ง

   ยองวอน มึงคิดผิดคิดใหม่ได้นะเว้ย ไอ้นี่มันเหี้ย มึงอย่าไปชอบมันดีกว่า
   พูดไปก็เท่านั้น ไอ้ยองวอนที่ว่าคือผมในตอนนี้นี่หว่า...
   ผมเบะปาก เปิดบันทึกเล่มใหม่ที่ได้จากพยองอันสด ๆ ร้อน ๆ วันนี้ออกมาแล้วเริ่มเขียนด่าไอ้ซองโจด้วยภาษาไทย ภาษาบ้านของผมเอง

   ซองโจ มึงมันเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย

   ได้ทำแล้วผมก็สบายใจ แม้อีกฝ่ายจะได้ยินเสียงผมหัวเราะแต่มันยึดมั่นในอุดมการณ์ของมันมากครับ ไม่สนใจในสิ่งที่ผมเขียนหรือทำอะไรในห้องพลางหยิบหนังสือที่มันติดมือมาด้วยขึ้นมาอ่านด้วยท่าทางของนักปราชญ์ในยุคก่อน

   ยอมใจ...ขยันชิบหาย...

   เมื่อผมเขียนมึงมันเหี้ยเสร็จจนพึงพอใจ ผม(ที่ไม่มีอะไรจะอ่าน)เลยเลือกหยิบบันทึกเล่มเก่าออกมาดูอย่างไม่มีอะไรทำ

   ตอนแรกข้าไม่ชอบขี้หน้าเขาหรอก   

   เออเว้ย คิดเหมือนกูเลย

   พูดจาไม่เสนาะหู หยิ่งทะนง ท่าทางบ้าอำนาจ

   กูเห็นด้วยกับมึงแบบสุด ๆ

   แต่นัยน์ตาสีดำของเขามักสะกดข้าให้เผลอมองไปอยู่เสมอ แม้ว่าข้าจะพยายามไม่มองไปแล้วก็ตาม

   ผมเงยหน้าขึ้นมามอง นัยน์ตาสีดำคู่นั้นกำลังมองผมอยู่ ผมกลืนน้ำลาย เป็นฝ่ายที่หลบสายตาก่อน หมอนั่นหันกลับไปอ่านหนังสือต่อ...
   ...ดวงตาทรงพลังอำนาจจริง ๆ แม่ง

   ข้าเป็นบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับใจของข้านะ

   เพ้อเจ้อเอ๊ย...ก่อนที่ผมจะปิดหนังสือดังฉับผมก็ดันไปเห็นอีกหลายประโยคที่ยองวอนเขียนสอดแทรกอะไรลงไปไม่รู้ราวกับโน้ตย่อจากบทเรียน





   สิ่งที่เขาชอบ
   1.หนังสือ
   2.แม่น้ำลำธาร
   3.ธนู

   สิ่งที่เขาไม่ชอบ
   คางคก กบ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ



   “ฮ่า ๆๆๆ”

   “เจ้าเป็นบ้าหรือยังไง” ซองโจไม่รู้ว่าผมกำลังหัวเราะเขาอยู่ “หุบปากได้แล้ว ข้าต้องการสมาธิ”

   เอาเหอะ...บ้าอำนาจไปเหอะ





   สักวันมึงได้เจอคางคกหรือไม่ก็กบจากมือไอ้จูเนียร์คนนี้แน่






TBC*





Talk : พระเอกเป็นจอมกัด(ร่างกาย) ส่วนนายเอกเป็นจอมกัด(ขี้แกล้ง)
นิยายย้อนยุคหลายเรื่องทำคนเขียนงงว่าใครเป็นพระเอก ปวดใจมากเวลาที่เชียร์คนนี้แต่คนนี้กลับเป็นพระรอง T_T
ขอเขียนให้มีพระเอกที่ชัดเจนไปเลยค่ะว่าเป็นใคร! พระญาติของพระราชาเชียวนะ กรุบกริบ >///<

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2015 02:31:55 โดย chiffon_cake »

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
แหม่ ลงโทษได้น่ารักเชียวกัดแขนเนี่ยนะ 5555+

ออฟไลน์ Money11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 222
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
มาดึกจังเลยค่ะ
พระเอกนายเอกของคุณชฟค.นี่ต้องมีที่สุดซักทางใช่มั้ยคะ คนนี้เป็นพระญาติพระราชาเชียว สนุกค่ะ น่าติดตาม อยากรู้ว่าจูเนียร์จะแก้บันทึกของยองวอนยังไง อยากรู้ว่าพ่อหนุ่มขี้เก๊กคนนั้นจะยอมคุยดีๆด้วยยังไง
ติดตามอยู่นะคะ :mc4:

ออฟไลน์ ROCKLOBSTER

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด