มาแว้วววววววววววววววววว
ตื่นๆ อัพให้แว้ววววว
เออกูผิด 2...พายุ 3 “ กูไม่ได้ให้มันเอามันจะมาเป็นผัวกูได้ไง ”
“ อ่อเหรออออออออ ”
“ กูไม่ขำนะโว้ยไอ้โจ๊ก ”
“ เฮ้ออ แล้วมึงจะเอาไงก็ว่ามา ” อุส่าใจเย็นขึ้นแล้วเชียวครับ
“ กูรู้ว่าครั้งนี้กูผิดเต็มๆ ”
“ ครั้งก่อนมึงก็ผิดเต็มๆ เหมือนกันนั่นแหละ ”
“ กูรักมึงนะโจ๊ก ”
“ พูดไปก็เท่านั้น ”
“ มันไม่ได้มีค่าอะไรกับมึงอีกแล้วใช่ไหม ” มันมีตีหน้าเศร้าเคล้าน้ำหูน้ำตาด้วยครับ
“………………”
“ ขอโอกาสให้กูอีกซักครั้งไม่ได้เหรอไงวะ ”
“ โอกาสมันไม่ได้มีกันบ่อยๆ หรอกนะโว้ยไอ้ปลาบึก ”
“ กูขอแค่โอกาสอีกซักครั้ง ” น้ำตาเริ่มหยดแหมะๆ
“ นี่มึงจะขอโอกาสให้ครบตามจำนวนครั้งที่กูเคยทำผิดไว้กับมึงเลยเหรอวะไอ้ปลาบึก ”
“ แล้วมึงให้กูได้ไหมล่ะ ”
“ ......... ” แม่งย้อนกูซะงั้น
“ เวลามึงทำผิดกูยังอภัยให้มึงได้เลย ”
“ แต่กูก็ไม่ได้ทำผิดซ้ำซ้อนด้วยเรื่องเดียวกันอย่างนี้นี่หว่า ”
“ กูอธิบายได้นะเรื่องนี้ ”
“ ช้าไปไหมมึง จริงๆ มึงควรจะอธิบายเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วใช่เหรอไงวะ ”
“ ก็ถูก แต่เมื่อคืนกูสับสนนิดหน่อย กูไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอธิบายถึงเรื่องนี้อย่างไงดี ”
“ ก็เล่าตามความจริงไงไม่เห็นมันจะยากตรงไหนเลย ”
“ กูกลัวมึง ”
“ กลัวกู กลัวเรื่องอะไร กลัวว่ากูจะรับไม่ได้เหรอไง เหอะ...เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วมึงยังคิดว่ากูยังจะมีอะไรต้องเสียใจไปมากกว่านี้อีกเหรอไงวะ ”
“ .......... ” มันก้มหน้าจ้องปลายเท้าตัวเอง
“ เหรอว่ายังคิดหาคำแก้ตัวให้ดูดีไปกว่าที่กูได้ยินมาเมื่อคืนนี้ไม่ได้ ”
“ มันไม่ใช่อย่างนั้น ”
“ แล้วมันอย่างไหนมึงก็เล่ามาสิวะ ”
“ มึงจะไม่โกรธกูใช่ไหมถ้ากูเล่า ”
“ กูไม่รู้ ”
“ มึงจะอภัยให้กูใช่ไหมถ้ากูทำไปด้วยความไม่ตั้งใจ ”
“ กูก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ ”
“ งั้นกูจะเล่าเหรอไม่เล่าค่ามันก็มีเท่ากัน อย่างไงมึงก็โกรธกูอยู่ดี ”
“ แต่อย่างน้อยมึงก็มีโอกาสที่จะได้อธิบายเรื่องจริงที่เกิดขึ้นไม่ใช่เหรอไง ”
“ ก็ใช่ แต่อย่างน้อยมึงเองก็ควรจะอภัยให้กูบ้างไม่ใช่เหรอไงในเมื่อกูเล่าเรื่องจริงให้มึงได้รับรู้ ”
“ มึงอย่ามาต่อปากต่อคำกับกู แล้วก็ไม่ต้องมาสำนวนยอกย้อนกูด้วยกูไม่ชอบ ”
“ ขอโทษครับ ”
“ ฟังนะไอ้ปลาบึก ในฐานะที่เราเป็นทั้งเพื่อนและคนรักกันกูไม่ได้ต้องการอะไรจากมึงมากไปกว่าความไว้วางใจในตอนนี้ มึงให้กูได้ใช่ไหม ”
“ กูดูไม่น่าไว้วางใจในสายตามึงอีกแล้วใช่ไหม ”
“ ไม่รู้สิ กูตอบไม่ได้ มึงลองถามใจของมึงดูเองดีกว่าว่าเดี๋ยวนี้มึงเป็นอะไรไปแล้ว ปลาบึกคนเดิมคนนั้นหายไปไหนแล้ว กูรู้ว่าคนเราโตขึ้นทุกวันแต่มันต้องไม่ใช่โตขึ้นแล้วเป็นแบบนี้มึงเข้าใจกูไหมไอ้ปลาบึก ”
“ เข้าใจ กูผิดเองจริงๆ นั่นแหละ กูรู้กูทำผิดกูคิดผิด ” มันเริ่มจะเป่าปี่อีกแล้วครับ พูดไรนิดไรหน่อยตั้งท่าจะร้องไห้ท่าเดียวเลย
“ เราโตๆ กันแล้วนะโว้ย พอได้แล้วเลิกร้องไห้ซักที ” ผมทำได้แค่เดินเข้าไปตบไหล่ปลอบใจมัน
“ กูทำใจไม่ได้หรอกนะที่จะเลิกกับมึง กูไม่เคยรักใครเท่ามึงมาก่อน กูไม่เคยเป็นอย่างนี้ กูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมึงแต่กูก็ทำผิดกับมึงจริงๆ แต่กูก็ไม่ได้ตั้งใจนะกูสาบานได้ ฮือออ ฮือออ ”ว่าแล้วมันก็บ่อน้ำตาแตกจนได้ครับ
“ กูเข้าใจ กูเข้าใจแล้ว ” สุดท้ายก็เป็นผมที่ต้องเดินไปดึงตัวมันเข้ามาร้องไห้ซบไหล่ผม เราต่างคนก็ต่างเงียบกันไปพักใหญ่จนกระทั่ง...ไอ้ปลาบึกร้องไห้จนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ครับ
13.00 น หลังจากที่ไอ้ปลาบึกหลับไปตื่นหนึ่งมันก็ตื่นมาด้วยสภาพที่ไม่ต่างไปจากผีดิบ ตาแดงเหมือนนกฮูก หน้าซีดเหมือนคนจะเป็นลมอยู่ตลอดเวลา ตามตัวลายไปด้วยตุ่มที่เกิดจากการนั่งบริจาคเลือดให้ยุ่งที่บ้านมัน หัวกระเซิงเหมือนรังนก ปากงี้ซีด แห้งเหมือนผีดิบ
“ โจ๊ก ” ทันทีที่มันตื่นลืมตามามันก็เรียกชื่อผมก่อนเลยครับ (ก็แหง๋ล่ะ..ก็ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ มันตลอดนี่ครับ)
“ หิวไหม แม่มึงทำกับข้าวไว้เต็มตู้เลย ”
“ กูนึกว่ามึงกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วซะอีก เมื่อกี้กูก็ฝันว่ามึงทิ้งกูกลับไปหาโมแล้ว ”
“ หึ ”
“ โจ๊ก ”
“ หึ เรียกทำไม นี่มึงเครียดมากไปเหรอเปล่าขนาดเก็บเอาไปฝันเลยนะมึง ”
“ เดี๋ยวกูขอไปอาบน้ำแปปนะ เดี๋ยวกูจะกลับมาเล่าทุกเรื่องให้มึงฟัง กูพร้อมแล้ว ”
“ แล้วแต่มึงเถอะ ถ้ายังไม่สบายใจก็ไม่ต้องเล่า ”
“ กูสบายใจขึ้นแล้ว อย่างน้อยกูก็รู้ว่ามึงยังรักกูอยู่ ไม่งั้นมึงคงทิ้งกูกลับไปแล้วใช่ไหม ”
“ ไปอาบน้ำก่อนไป ”
“ ครับ ” ทีนี้ละพูดง่ายขึ้นมาเชียวนะมึงไอ้ปลาบึก
14.00 น. ผมกับมันก็ขี่รถมอไซร์คู่ใจออกหาซื้อขนมกินกัน จริงๆ แล้วผมว่ามันคงหาที่คุุยกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่า...หรืออีกนัยก้คือไม่อยากให้คนที่บ้านรับรู้
“ ไปนั่งเล่นที่เถียงนากูไหม ”
“ นามึงมีเถียงนาด้วยเหรอวะ ”
“ มีดิ ไปปะ ”
“ อืม ”
“ งั้นเดี๋ยวซื้อผงชูรสแปป ”
“ เอาไปทำไมวะ ”
“ เดี๋ยวกูจะตำผักกระโดนให้กิน ”
“ ห๊ะ ”
“ อะๆ ไม่คยกินอะดิ เดี๋ยวกูตำให้กินแล้วจะติดใจ ”
“ ท้องกูจะเสียก่อนจะติดใจมากกว่ามั้งมึง ”
“ 555+ ” หึ อารมณ์ดีแล้วสินะมึง
แล้วผมกับมันก็ขี่รถเที่ยวไปเรื่อยครับก่อนจะมาจบลงที่เถียงนาน้อยกลอยใจของบ้านมัน ลักษณะเถียงนาบ้านมันเหมือนกระท่อมหลังน้อยๆ หลังหนึ่งมากกว่าครับ มันเป็นกระท่อมยกพื้นสูงๆ (พ่อมันทำแคร่ไม้ไผ่ได้สวยมากครับ) ที่นี่มีอุปกรณ์จาน ชาม ช้อนอย่างครบครัน แถมที่ขาดไม่ได้เลยยังมีครกสากและปลาร้า กะปิ น้ำปลาพร้อมครับ
“ ที่นี่เป็นนาบน ”
“ นาบน แล้วนาล่างมีปะวะ ”
“ มี แต่ที่นาล่างมีไม่กี่ไร่เวลาหน้าทำนาก็จ้างคนไปลงแขกวันสองวันก็เสร็จ ”
“ ถึงว่าที่นี่เลยดูอลังการกว่าเถียงนาบ้านกูซะอีกวะ ”
“ แม่กูปลูกผักไว้รอบเลยเห็นปะ ” มันชี้ชวนให้ผมดูพืชผักที่แม่บนปลูกไว้เต็มไปหมด
“ โหมึง แม่มึงแขวนหอมกระเทียมไว้ล่อใจโจรขนาดนี้เลยเหรอวะ ” ผมมองราวตากหอมกระเทียมที่ถูกแขวนตากผึ่งลมเป็นแถวยาว ที่ถ้าเป็นแถวบ้านผมครับรองครับว่า...หาย
“ แถวนี้ไม่มีขโมยหรอก เถียงไหนเค้าก็มีตากไว้อยากนี้เหมือนกันหมดแหละ ”
“ ทำกันทุกบ้านว่างั้น ”
“ โหมึงผักน่ากินวะ ” ผมอดใจไม่ได้ที่จะเดินมาดูแปลงผัก เห็นแล้วอยากกลับไปอยู่บ้านนอกครับ แม้แดดจะร้อนนาจะแล้งซักเพียงใดอย่างน้อยผมก็อบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่บ้านกับพ่อแม่ตัวเอง
นาบนที่ไอ้ปลาบึกพาผมมาดูน่าอยู่มากเลยครับ นอกจากอากาศจะดีแล้วพืชผักสวนครัวที่บ้านมันปลูกไว้ก็น่ากินมากๆ เลยครับ แม่ไอ้ปลาบึกจ้างรถมายกท้องร่องขึ้นเพื่อปลูกผักสวนครัวหลายอย่างทั้ง มะเขือเทศ แตงกวา ตะไคร้ มะกรูด มะนาว มะพร้าว แตงโม มะละกอ ฯลฯ
“ มีน้ำมันหอยไหมวะไอ้ปลาบึก กูอยากกินผัดผักคะน้าที่แม่มึงปลูกวะ ดูต้นเล็กๆ แต่น่ากินมากเลยวะ ”
“ น่าจะมีนะเดี๋ยวกูผัดให้กิน ”
“ เสียดายไม่ได้เอากระติบข้าวเหนียวติดมาด้วย ”
“ ถ้ามึงหิวเดี๋ยวกูเดินไปขอน้ากูที่เถียงนาตรงโน้นมาให้ ”
“ ไม่ต้องอ่ะ กูอยากกินแค่ผัดผักเฉยๆ ”
“ โจ๊ก ” ไอ้ปลาบึกเดินมานั่งลงตรงข้างๆ เท้าผม สายตาที่จ้องมองตัวหนอนที่กำลังกัดกินผักตัวเองดูเหมอๆ อย่างไงพิกล
“ หืม ” ถึงเวลาแล้วสินะที่จะต้องเคลียร์
“ กูมาคิดๆ ดูแล้วกับเรื่องเมื่อคืน ”
“ อืม ” ผมนั่งลงข้างๆ ตัวมัน ใจก็คิดไปว่าจะเอาไงกับเรื่องนี้ดี
“ เป็นใครๆ ก็ต้องโกรธล่ะนะถ้าเห็นอะไรหรือว่าได้ยินอะไรอย่างนั้น ”
“ อืม ”
“ ทำไมเมื่อคืนมึงไม่ทำร้ายกู ”
“ หืม -*- ”
“ ก็มึงไม่ตบตีกูเหมือนในละคร ”
“ ก็นั่นมันละคร ”
“ แต่มึงเสียใจกูรู้ ”
“ ใช่กูเสียใจ แต่เสียใจแล้วไปทำร้ายร่างกายมึงแล้วกูจะได้อะไร ”
“ คนรักกันมากๆ เวลาเสียใจเค้าก็ทำร้ายร่างกายกันไม่ใช่เหรอ ” มันเอาไม้เขี่ยตัวหนอนให้หล่นลงจากต้นผัก
“ ทำร้ายร่างกายมันไม่เจ็บเท่ากับคนที่รักกันมาทำร้ายจิตใจกันหรอกนะเว้ย ”
“ มึงคงอยากเลิกกับกู ”
“ เมื่อคืนกูยอมรับว่ากูคิดอย่างนั้น ”
“ แล้วตอนนี้ล่ะ ” มันเอียงคอหันมาถามผม
“ ปีเป็นอะไรสำหรับมึง ”
“ เมื่อก่อนมันเป็นเพื่อน แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว ”
“ พอเกิดเรื่องก็เลิกเป็นเพื่อนกันเลยเหรอไง ”
“ ก็ไม่ใช่ทั้งหมดซะหน่อย ”
“ อืม ”
“ วันนั้นที่กูเจอปี ”
“ -*- ” ใจผมอยากตะโกนออกไปว่า...ไมมึงเกริ่นนานจังวะ รู้ไหมคนอ่านเค้าเครียดจะตายห่าอยู่แล้ว
“ มันชวนกูไปบ้านมัน มันบอกมีเรื่องส่วนตัวที่ไม่ได้บอกกูนานแล้ว มันอยากบอกก่อนที่มันจะลืม ”
“ มึงก็ซื่อตามมันไปว่างั้น ”
“ ก็ใครจะไปรู้ว่าไปแล้วมันจะเกิดเริ่มอย่างนั้นขึ้นล่ะ ”
“ เกิดเรื่อง??? ”
“ มันชวนกูขึ้นไปคุยบนห้องนอนมัน ”
“ อ่อคงต้องการความเป็นส่วนตัวมั้ง ”
“ มึงอย่าประชดกูดิ ”
“ กูประชดที่ไหน กูอุส่าหาเหตุผลมาประกอบสำนวนเพื่อการพิจารณาต่างหาก ”
“ .......... ”
“ เอ้า ถึงกับอึ้งเลยเหรอมึงเล่าต่อดิวะ ”
“ ถ้าเล่าแล้วมึงเป็นแบบนี้กูไม่เล่าดีกว่า ”
“ เสียรมณ์ เหรอ ”
“ คนที่เสียนะมึงมากกว่าไม่ใช่เหรอไง ”
“ ตกลงมันพามึงขึ้นห้องแล้วก็จบลงด้วยเรื่องบนเตียง ” ผมอดที่จะลอยหน้าลอยตาประชดมันไม่ได้จริงๆ ครับ
“ พอเถอะโจ๊กมึงก็รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ”
“ อันนั้นบอกตรงๆ ว่ากูไม่รู้เพราะมึงเองก็ไม่ได้เล่าให้กูฟังซะด้วยสิ ”
“ กูหมายถึงว่าต่อให้กูไม่เล่ามึงก็เชื่อใจกู ”
“ นั้นมันเมื่อก่อน แล้วก็ก่อนที่มึงจะทำตัวแย่ลงจนกูเองก็ยังทึ่งว่ามึงกลายเป็นคนอย่างนั้นไปได้อย่างไง ”
“ แต่ไงกูก็รักมึง ”
“ ตกลงมึงกับไอ้ปีทำอะไรกันในห้องมึงจะบอกกูได้เหรอยัง ”
“ มันรู้มาว่ากูเป็นเกย์ ”
“ กูกับมึงกลับมาบ้านนี่ก็ตั้งกี่ครั้ง นี่มันพึ่งรู้เหรอไง ”
“ มันรู้แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริง ”
“ น้ำเน่า...พอเถอะไม่ต้องเล่าต่อแล้ว ”
“ ไอ้ปีมันบอกอยากลองกับกู ”
“ เหอะ มันเสนอมึงก็สนองเลยสินะ ”
“ กูแค่ช่วยมันด้วยมือก็เท่านั้น ”
“ แค่นั้นก็มากเกินพอแล้วไอ้ปลาบึก มึงจำได้ไหมตอนกูขอครั้งแรกของมึงก่อนที่มึงจะกลับจะกลับมาบ้านครั้งนั้นมึงตอบกูว่าอย่างไง ”
“ จำได้ ” มันก้มหน้าหลบสายตาผม
“ ถ้ากูรู้ว่ามึงยากกับกูเพื่อมาง่ายกับคนอื่น กูสู้ปล่อยมือจากมึงไปเลยดีกว่า ”
“ แต่กูแค่ช่วยมันด้วยมือเท่านั้น แต่มึงกับโมนะมันทำมากกว่าที่กูทำซะอีกนะไอ้โจ๊ก ”
“ ใช่ แต่กูกล้าทำกูก็กล้ารับไม่ได้ถ่วงเวลาเหมือนมึงอย่างนี้ซะเมื่อไหร่ ”
“ ก็แค่มือมันไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่นี่หน่า ”
“ ถามจริงๆ มึงไม่มีอารมณ์กับมันบ้างเหรอไง ”
“ ไม่ ”
“……………..” ผมจ้องหน้ามัน
“ ก็ ก็นิดหน่อย มึงก็รู้ว่าเรื่องอย่างนี้มันสะกดอารมณ์กันยากแค่ไหน อีกอย่างกูกับมันก็ไม่เคยทำอะไรอย่างนี้กันมาก่อนมันก็ต้องมีตื่นเต้นบ้างล่ะ แต่อย่างน้อยกูกับมันก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าแค่ช่วยด้วยมือ ”
“ กูขอถามมึงอีก 2 ข้อ ”
“ ถามอะไร ”
“ มึงกับมันเคยจูบกันไหม ”
“ ทำไม ”
“ ถามก็ตอบมาดิ ”
“ ไม่เคย ”
“ อยู่ด้วยกันแนบชิดกันจนปากจะกัดหนังหูกันขาดขนาดนั้นมึงก็ไม่ได้จูบกันเหรอ ”
“ ก็...แค่เกือบ มันเฉียดๆ กูไม่นับ ”
“ มันเฉียดมึงเหรอว่ามึงเฉียดมันอ่ะ ”
“ ไม่รู้กูไม่ทันสังเกต ” ฉลาดตอบดีนี่มึง
“ งั้นคำถามสุดท้าย ”
“ อะไร ” มันเงยหน้ามองสบขี้ตาผม
“ คืนนั้นมึงใส่บ๊อกเซอร์มันกลับมานั่นหมายความว่าอย่างไง ”
“ มึงรู้ ” มันทำตาโตอุทานตอบด้วยเสียงเบาแต่หูผมดีถึงดีมากซะด้วย
“ ปลาบึก ”
“ มึงจะรู้สึกอย่างไงถ้าเห็นกูใส่เสื้อผ้าของคนอื่นที่ไม่ใช่ของมึงกับของโม ”
“ .............. ” มันหลบสายตาผมอีกครั้งก่อนจะซบหน้านั่งร้องไห้อีกรอบ
“ เสียใจทำไมถ้ามึงยืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไรกับมัน ”
“ กูเสียใจที่ทำมึงคิดมาก ”
“ สิ่งที่มึงทำตอนนี้มันไม่ใช่แค่กูเท่านั้นที่คิดมาก แม่มึง พี่มึงหรือแม้แต่น้องมึงก็คิดมากด้วยกันทั้งนั้น ”
“ กูรู้ ”
“ กูก็รู้ว่าคนอย่างมึงมันไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหน เรื่องบนเตียงมันเป็นเรื่องธรรมชาติ มึงอาจจะคิดว่าทำไปก็ไม่ท้อง แต่มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าคนเค้าจะมองว่ามึงมันมั่ว แค่มึงเป็น...อยู่ทุกวันนี้มึงก็ถูกชาวบ้านเค้ามองไม่ดีแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมึงจะต้องให้ชาวบ้านเค้ามาดูถูกมึงซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยล่ะ ”
“ ฮืออออ ”
“ กูไม่ได้จะทับถมมึงหรอกนะไอ้ปลาบึก คนเรานะทำดีมาทั้งชีวิตแค่ไหนเกิดพลาดพลั้งทำชั่วทำเลวขึ้นมาเพียงครั้งเดียวคนเค้าก็มองมึงเปลี่ยนไปแล้ว ”
“ กู ฮืออ ”
“ ร้องไห้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์หรอก เรื่องมันก็เกิดไปแล้ว ”
“ กูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ ”
“ กูรู้ กูถึงอยู่เคลียร์กับมึงนี่ไง ไม่ใช่ว่ากูใจกว้างหรือว่าเป็นคนดีหรอกนะ แต่กูแพ้ความดีที่มึงเคยมีให้กูมากกว่า ในวันที่กูผิดกูยังมีมึงอยู่ข้างๆ มาวันนี้กูกูไม่อยากให้มึงต้องอยู่คนเดียวเหมือนกัน ”
“ โจ๊ก ” มันโผเข้ากอดผมเลยครับทีนี้ ผมเองก็เสียใจไปไม่น้อยกว่ามัน ถามว่าแล้วผมร้องไห่ไหมวันนั้น...ผมร้องครับแถมร้องหนักกว่ามันด้วยนะ
“ กูรู้ว่าถึงมึงจะอภัยให้กูแต่ทุกอย่างมันก็คงไม่กลับมาเหมือนเดิมอีกแล้วใช่ไหมโจ๊ก ”
“ ไม่รู้สิ กูก็ไม่รู้ว่าจะยอมให้มึงเอามือที่ชักว่าวให้มันมาตักข้าวให้กูกินไหม ขนาดตอนนี้ที่มึงใช้สองมือกอดกูไว้กูก็ยังรู้สึกไม่อบอุ่นเหมือนเดิมเลย ”
“ จริงเหรอ นี่มึงรู้ืสึกอย่างนั้นจริงๆ เหรอไอ้โจ๊ก ”
“ กูคงพูดเล่นมั้งสาด ”
“ จริงเหรอ ” มันดึงมือออกจากตัวผมก่อนจะก้มหน้าก้มตาดูมือตัวเอง
“ ขอโทษที่ทำให้คิดมาก กูแค่พูดไปตามที่รู้สึก จริงๆ กูหึงมึงมากกว่า กูไม่คิดว่ามึงจะกล้าทำอะไรอย่างนี้ได้ แต่ก็ดีที่เราสองคนกล้าพูดเรื่อจริงต่อกัน อย่างน้อยๆ มึงก็ทำให้กูรู้ว่ามึงจริงใจกับกูแค่ไหน นี่ถ้าเป็นคนอื่นเค้าคงไม่กล้าบอกเหรอ ”
“ แล้วมึงยังจะอยากเล่นกับกูอยู่อีกไหม ”
“ เลิกกันคงไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับคนที่ยังรักกันอย่างเราหรอกมั้งมึง ”
“ ไอ้โจ๊ก ” แล้วมันก็ยิ้มออกครับ
“ ทำไม ดีใจอะไรนักหนา อย่างไงมึงก็ยังมีความผิดติดตัวอยู่ดี ”
“ กูรู้ แต่กูก็อดที่จะดีใจไม่ได้ อย่างน้อยกูก็เลือกรักคนไม่ผิด ”
“ หึ พึ่งรู้เหรอไงมึงว่ากูนะดีแสนดีแค่ไหน ”
“ แสดงว่ามึงหายโกรธกูแล้วใช่ปะ ^^ ”
“ กูไม่ได้โกรธแล้ว วันหลังก็อย่าทำแบบนี้อีกก้แล้วกันไม่งั้นถ้ากูทำกับไอ้ทีมั่งแล้วมึงจะหนาว ”
“ ค๊าบบบปลาบึกสัญญาปลาบึกจะไม่ทำอีกแล้วค๊าบบบ ^^ ”
“ แน่ใจ๋ ”
“ ค๊าบบบปลาบึกสัญญา ”
“ ดี งั้นเมื่อไหร่กูจะได้กินผัดผักกับตำผักกะโดนมึง ”
“ อ๊ะ จะไปทำให้เดี๋ยวนี้แหละค๊าบบบบ ”
ผมนั้งมองมันเดินไปเอาฝักบัวมารดน้ำผักก่อนจะลงมือถอนผักสดๆ มาผัดให้ผมได้กิน ชีวิตคนเราก็คงมีเท่านี้ทุกข์ใจเศร้าใจไม่สบายใจก็ร้องไห้หมดอาลัยตายอยากกับชีวิต แต่เมื่อใดที่คนเราสบายใจอะัไรๆ มันก็ดูสดชื่นไปหมด ผมนอนคิดมาทั้งคืนแล้วว่าถ้าผมทำอย่างนั้นอย่างนี้กับมันผลของอย่างไหนจะดีกับทั้งมันและผมมากที่สุด สุดท้ายผมก็ถามใจตัวเองแล้วว่ายังรักมันอยู่ไหม...แล้วถ้ารักผมควรจะตัดสินใจอย่างไง จริงๆ ผมก็ใช่ใช่คนดีอะไร มันซะอีกที่ดีกว่าผมตั้งเยอะ...
“ ไงมึงสำนึกไหมทีนี้ จำไปจนวันตายเลยนะว่าอย่าได้ริอาจทำตัวอย่างนี้อีกนะ ” ไอ้ปลาหมึกลุกขึ้นมายืนค้ำหัวให้ปลาบึกขนาดที่เรากำลังนั่งดูทีวีรอแม่ทำกับข้าวมื้อเย็นกัน
“ ไอ้หมึก ”
“ เออ กูเตือนด้วยความเป็นห่วงนะโว้ย นี่เห็นเป็นน้องเป็นนุ่งหรอกนะถึงได้เตือนนะ ถ้าเป็นคนอื่นนะเหรอ หึ ป่านนี้กูคงจะนั่งสมน้ำหน้าให้ไปแล้ว ”
“ คนเรามันผิดกันได้ ทำอย่างกับมึงไม่เคยทำผิด ”
“ นั่นกูสอนทำเป็นเถียงกูอีก ดูมันนะแม่ดูลูกแม่มันทำ ”
“ เออพ่อเจ้าประคุณทั้งหลาย พอซักให้เรื่องมันจบไป ไอ้ปลาบึกมึงก็ทำตัวให้ดีขึ้นกว่านี้นะถ้าไม่อยากต้องมานั่งร้องไห้ฟูมฟายเหมือนพ่อแม่ตายอย่างเมื่อวานอีกนะ ” ปากบ่นครับแต่มือก็ตักกับข้าวใส่จานเตรียมพร้อมสำหรับมื้อสุดท้ายของวัน
“ แม่ก็ ”
“ ก็อะไร ก็มึงทำตัวอย่างนี้ไงผัวถึงจะได้ทิ้ง ”
“ ตรงไปเปล่าแม่ ”
“ 555+ ”
“ มึงขำไรไอ้ซิว เดี๋ยวมึงตาย ” ไอ้ปลาบึกยกเท้ายันน้องชายตัวเองไปที
“ โหไรวะมารยาทคนเราแม่งไม่มี พี่โจ๊กสั่งสอนหน่อยดิ ” มันเอามือปัดกางเกงตรงที่ถูกไอ้ปลาบึกถีบ
“ เชี้ยนี่ วอนซะแล้วแม่ดูมันนะ ”
“ พอเลยไอ้ปลาบึกมึงยังมีน้ำหน้าไปฟ้องแม่อีกเหรอ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะมึง ” ผมอดที่จะด่ามันไม่ได้
“ 555+ ”
“ ขำเชี้ยไรไอ้ซิวเห็นมีคนเข้าข้างหน่อยเอาใหญ่เลยนะมึง ”
“ ดีนะที่เข้าข้าง นี่ถ้าเข้าข้างหลังมึงไม่ช๊อคตายไปแล้วเหรอวะไอ้บึก 555+ ”
“ ไอ้หมึก ไอ้สาด แม่ไอ้หมึกแกล้งผม ”
“ นี่พวกมึงจะแดกไหมข้าวอ่ะ แหกปากโวยวายกันอยู่ได้ ไอ้ซิวไปตักข้าวเ็ร็วๆ ”
“ โหนั่งอยู่ตั้งเยอะแยะทำไมต้องเป็นผมทุกทีเลยอ่ะแม่ ”
“ ตกลงจะแดกไหม ”
“ เออๆ อะไรก็ไอ้ซิวๆ ขาดไอ้ซิวไปแล้วจะรู้สึก ” มีน้อยใจครับ
“ รู้สึกสบายอะดิมึง 555+ ”
“ ไอ้พี่หมึก ”
“ 555+ / 555+ / 555+ ” แล้วก็ถึงเวลากินข้าวกันซักทีครับ...
20.30 น. หน้าทีวี หลังจากที่พวกเรานั่งล้อมวงกินข้าวไปกัดกันไป (มะช่ายหมานะ) เสร็จก็ถึงเวลาย้ายพลไปล้อมวงดูทีวีกันต่อครับ
“ มึงไม่ออกไปแดกเหล้าที่ไหนเหรอไอ้หมึก ”
“ ไม่มีใครอยากออกไปไหนหรอก ใครๆ เค้าก็อยากอยู่เฝ้ามึงกันทั้งนั้นแหละ ”
“ สาดดดดได้ทีขี่แพะไล่กันนักนะพวกมึง ฝากไว้ก่อนเถอะ ”
“ พี่โจ๊กๆ ” ไอ้ซิวเดินมาหาผมพร้อมของบางอย่างในมือ
“ อะไร ”
“ กระเป๋าเป้หลังตู้เย็นนะของพี่ปะ ”
“ อืม ”
“ งั้นไอ้นี่ก็ของพี่อะดิ ” มันแบบมือให้ดูซองสี่เหลี่ยมขนาดเล็กสีน้ำเงินใส ตรงกลางมีรอยนูนโชว์ว่าสิ่งของที่อยู่ข้างในเป็นลักษณะวงกลมคล้ายวงหนังยางห่อของ
“ เฮ้ย ” ผมร้องเสียงหลง อับอายๆ ไอ้จะบอกว่าไม่ใช่มันก็เสือกเล่าถึงแหล่งที่มาที่ของหล่นซะละเอียดยิบ
“ เฮ้ยย นี่มึงเตรียมความพร้อมมาประลองยุทธกับน้องกูถึงนี่เลยเหรอวะมึง ” ไอ้หมึกโดดคว้าซองสีน้ำเงินไปส่องดูด้านหน้าและหลังอย่างพินิจพิจารณา
“ เอามานี่กูอายนะโว้ยมึง ” ผมเอื้อมมือไปดึงของชิ้นนั้นกลับคืนมาก่อนจะหันไปสบตาไอ้ปลาบึก
“ ไรอ่ะ ” มันขยับเข้ามาดึงมือผมไปดูของที่ผมกำไว้แน่นก่อนจะหน้าแดงแล้วพูดกลบเกลื่นไปเรื่อยครับ
“ อะไร ” ผมดึงมือกลับ
“ สาดนี่ มึงไม่เห็นเหรอไงช่วงนี้เค้ารณรงค์เรื่องโลกร้อนกันอ่ะ ”
“ ห๊ะ ”
“ สาดนี่เดี๋ยวนี้เค้าเลิกใช้กันแล้วถุงยางเค้าหันมาใช้ถุงผ้ากันแล้วโว๊ย ”
“ -*- อ่อเหรออออ งั้นเดี๋ยวคืนนี้กูเริ่มใช้กับมึงก่อนเลยเป็นไงไอ้สาดดดดด ”
แล้วเสียงหัวเราะเฮฮาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมครับ ^^