๑๒
“เฮ๊ย มึงเห็นออร่ามั๊ยวะ” จูน ขยับตัวเข้าไปกระซิบถามอาร์ท
“ออร่าสีชมพูตรงนั้นเหรอวะ” อาร์ท พยักหน้าไปทาง นพ กับ กิ่ง ที่กำลังแอบอิงกันอยู่ อย่างไม่ใส่ใจกับสายตาเพื่อนๆ
“เปล่าหว่ะ ออร่าสีม่วง ตรงนั้นน่ะ” จูน พยักพเยิดไปทาง ตั้ม ที่กำลังร้องเพลงอยู่ มี นน นั่งฟังอย่างตั้งใจอยู่ข้างๆ
“เออ แต่ตอนนี้กูว่า มันเปลี่ยนป็นออร่าสีเขียวปี๊ดเลยหว่ะ” อาร์ท พูดแล้วชี้มือไปทาง ภู ที่เปลี่ยนสีหน้าและแววตา เป็นความไม่พอใจเมื่อหันไปมอง นน ที่นั่งอยู่ข้างๆ ตั้ม
“ตั้ม เราอยากฟังอีกเพลงได้มั๊ย” ภู ถามพลางขยับตัวเข้าไปใกล้ “เรามีเพลงที่อยากฟัง ร้องให้เราฟังหน่อยนะ”
“เพลงอะไรอ๊ะ” ตั้ม ถามยิ้มๆ
“เพลงของเจ้ามังกร พัฟ” ภู บอกด้วยเสียงนุ่มนวล “ร้องให้เราฟังหน่อยได้มั๊ย เรารู้ว่า ตั้ม ร้องได้ ร้องเพราะด้วย นะ”
“พัฟ ... Puff The Magic Dragon น่ะเหรอ” ตั้ม ถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
“อื้อ นะ ... เราอยากฟัง”
“นั่นดิ ครูร้องอีกนะ ผมก็อยากฟัง” นน ช่วย ภู อีกแรงหนึ่ง
ตั้ม ถอนหายใจเบาๆ ... ทำไมต้องเป็นเพลงนี้ด้วยล่ะ ...
เมื่อ ภู คะยั้นคะยออีกครั้ง ตั้ม จึงค่อยๆเกากีตาร์พร้อมกับค่อยๆร้องเพลงนั้นออกมา
Puff, the magic dragon lived by the sea
And frolicked in the autumn mist in a land called honah lee,
ตั้ม ร้องเพลงไปเรื่อยๆ แล้วก็มาถึงท่อนที่ต้องน้ำตาคลอทุกครั้งที่ร้องเพลงนี้
A dragon lives forever but not so little boys
Painted wings and giant rings make way for other toys.
One grey night it happened, jackie paper came no more
And puff that mighty dragon, he ceased his fearless roar.
His head was bent in sorrow, green scales fell like rain,
Puff no longer went to play along the cherry lane.
Without his life-long friend, puff could not be brave,
So puff that mighty dragon sadly slipped into his cave. oh!
เสียงของ ตั้ม เริ่มสั่นเครือ และเริ่มหายไป น้ำตาเริ่มคลอปริ่มเบ้าตา แต่แล้ว ภู ก็ร้องเพลงท่อนต่อไป ประสานไปกับเสียงร้องของ ตั้ม จนจบเพลง แล้ว ภู ก็เอื้อมมือไปถอดแว่นสายตาของ ตั้มออก เช็ดน้ำตาที่เริ่มไหลรินออกมา
“เอ้อ ... ขอโทษนะ เราขอเข้าห้องน้ำหน่อย” ตั้ม วางกีตาร์ลง แล้วลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำ ภูเองก็ลุกเดินตามไปโดยที่ยังถือแว่นตาของ ตั้ม อยู่ในมือ
“เป็นไรไปวะ ร้องไห้ด้วย” นน พูดกับพรรคพวกอย่าง งงๆ
“ตั้ม กลับห้องดีมั๊ย” ภู เดินตามเข้าไปในห้องน้ำ แล้วจึงถามขึ้น พลางจับไหล่ ตั้ม ให้หันหน้ากลับมาหาเขา
“ดีเหมือนกันอะ ดึกแล้วด้วย” ตั้ม ตอบเบาๆทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ “ภู อยู่กับเพื่อนๆก่อนสิ ขอกุญแจห้องให้เราก็พอ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับห้องด้วยกัน เราจะได้อาบน้ำด้วย” ภู พูดพลางเอามือจับคาง ตั้ม ให้เงยหน้าขึ้น เขามองเห็นน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาอีกครั้ง จึงค่อยๆเอามือป้ายน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาจากตาของ ตั้ม
“สงสารมังกรเหรอ” ภู พูดด้วยเสียงอ่อนโยน ตั้ม พยักหน้ารับ รู้สึกสะกิดใจอีกครั้งกับคำพูดนั้น
“ไม่เป็นไรหรอก” ภู พูดต่อ “มังกรน่ะพอมันหายเศร้ามันก็จะออกมาจากถ้ำเองแหละ แล้วมันก็จะรู้ว่า นอกจากแจคกี้แล้ว มันยังมีคนที่รักมันอยู่อีก”
“จริงเหรอ” ตั้ม ถามด้วยใบหน้าไร้เดียงสา สีหน้านั้นทำให้ ภู รู้สึกใจเต้นระทึก
“อื้อ เราว่าในบรรดาเจ้าชาย หรือในกลุ่มโจรสลัดน่ะ ต้องมีคนที่อยากเป็นเพื่อนกับ พัฟ อยู่แน่ๆ” พูดจบ เขาก็รั้งตัว ตั้ม เข้ามากอดไว้ พลางใช้มือลูบปอยผมตรงท้ายทอยเบาๆ
“นายเองก็ด้วยนะ อย่ามัวแต่ยึดติดกับแจคกี้แค่คนเดียวสิ ควรจะมองดูบ้าง ว่ามีใครที่คอยมองนายอยู่”