▪▫1▫▪
หมาป่าเลี้ยงแกะ
[/size]
“ถ้ามึงหาแกะมาคืนกูไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีก ไอ้เด็กเวร” เสียงตะโกนด่าทอของชายมีอายุร่างผอมหน้าตาบูดเบี้ยว คิ้วขมวด ลมหายใจผ่อนเข้าออกรัวเร็วชี้มือไล่เด็กน้อยตัวเล็กที่นั่งน้ำตานองหน้าอยู่ที่หน้าบ้าน
เพราะเขาไม่ดูแลพวกมันให้ดี หมาป่าจึงแอบมากินแกะของเขาจนหมดแบบนี้ เด็กน้อยถูกผู้เป็นลุงดุด่าซ้ำร้ายยังทุบตีจนเจ็บไปทั้งตัวและถูกขับไล่ออกจากบ้าน
ทั้งที่เด็กน้อยมีลุงเป็นญาติเพียงคนเดียว แต่ญาติที่ว่าไม่รู้ทำไมถึงได้จงเกลียดจงชังอะไรเขานัก บางทีเด็กน้อยก็คิด ว่าลุงอาจจะเป็นแค่ศักดิ์ที่เอาไว้แค่เรียกโดยไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดมาเกี่ยวข้องเลยก็ได้
เด็กน้อยพยุงตัวขึ้นจากพื้นแล้วประคองร่างบอบช้ำของตนเองไปตามทางอกจากบริเวณบ้าน มุ่งหน้าเข้าสู่พื้นป่าใหญ่ที่ตอนนี้เริ่มดูมืดและหนาวเย็น แม้จะแอบกลัวอยู่บ้างแต่เด็กน้อยก็ไม่มีทางเลือกมากนัก หากผู้เป็นลุงเห็นเขายังไม่ไปไหน อาจจะโกรธและบาดแผลบนตัวเขาอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้
ร่างใหญ่ที่อุดมไปด้วยขนปุกปุยทั่วตัวกำลังนอนทอดอารมณ์ผ่อนคลายอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่
พลันต้องสะดุ้งตัวขึ้นเมื่อจมูกก็ได้กลิ่นสาปสัตว์ตัวเล็กๆที่หอมน่ากินปนกลิ่นหอมหวานแปลกๆลอยมาไม่ไกลจากที่เขานอนอยู่นัก
หมาป่าหนุ่มเฝ้ารออย่างตื่นตัวเต็มที่ จมูกที่ไวต่อสัมผัสพอจะเดาได้ว่าเจ้าสัตว์ตัวน้อยชะตาขาดตัวนั้นคงเป็นแกะเนื้อนุ่มสักตัวที่เผอิญโชคร้าย
โชคร้ายจริงๆแกะน้อยที่น่าสงสาร แต่นักล่าเองก็ไม่อาจปล่อยเหยื่อที่อุตส่าห์เดินมาหาถึงที่ได้หรอก แม้ไม่ได้กินเอง จับไปขายต่อก็ยังดี หึหึ
หมาป่าหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจนักเมื่อร่างที่โผล่พ้นแนวพุ่มไม้ออกมานั้นเป็นเด็กน้อยร่างเล็กบางแทนที่จะเป็นลูกแกะขนฟูตามที่คิดไว้
ปกติหมาป่าอย่างเขาไม่นิยมล่ามนุษย์ซะด้วยสิ เรียกว่าไม่คิดจะเผชิญหน้าจะถูกกว่า เพราะมนุษย์นั้นช่างเจ้าเล่ห์และโหดร้ายนัก ต่างคนต่างอยู่ไม่ข้องเกี่ยวกันจะดีที่สุด
แต่ดูท่าทางร่างเล็กที่เห็นดูไร้เดียงสาและไม่มีท่าทีโหดร้ายแฮะ
ลองเล่นด้วยหน่อยเป็นไร..
ดังนั้น หมาป่าหนุ่มจึงกระโดดฟุบลงมาจากกิ่งไม้ ร่างกายที่เต็มไปด้วยขนฟูๆสีน้ำตาลเปลี่ยนเป็นร่างกายสูงกำยำอย่างคนวัยหนุ่มสุขภาพแข็งแรง ใบหน้าที่มีจมูกยื่นยาวก็แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าได้รูปคมเข้ม แววตาคมแฝงแววเจ้าเล่ห์ จมูกโด่งเป็นสันสวยรับกับริมฝีปากได้รูปไม่หนาไม่บางสีอ่อน
“มีเด็กที่ไหนมาเดินเล่นในป่าเวลานี้กันน้า” เด็กน้อยสะดุ้งที่อยู่ดีๆก็ได้ยินคำถามที่เหมือนจะบ่นลอยให้เขาได้ยินจากร่างสูงไม่คุ้น
ตาที่เดินออกมาจากพุ่มไม้หนาตรงหน้า
“เอ่อ..”
“ว่าไงล่ะ หืม.. นายมาจากไหนเข้าหนู”
“ผม..ผม..”
“ผมอะไร?”
“คือ..เอ่อ..คือ..”
“ติดอ่างหรอเนี้ยเรา” ร่างสูงเลิกคิ้วถาม
“.....”
“หรือฉันดูเป็นคนน่ากลัว?”
“ผ..ผม..ไม่รู้” ชายตรงหน้าเขาก็ดูเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างจะหน้าตาดี ไม่น่ากลัวหรอกแต่หน้าแปลก ไม่ใช่ๆ เขาหมายถึงแปลกหน้ามากกว่า
“ไม่รู้อะไร” เด็กน้อยครุ่นคิดกับคำถามนั้น ไม่ใช่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร แต่กำลังชั่งใจอยู่ตะหากว่าจะตอบอะไรคนแปลกหน้าตรงหน้าดี
ตาคมมองร่างเล็กอย่างพินิจพิจารณา ส่วนสูงที่เลยหน้าอกเขามาเล็กน้อย ตัวเล็กบางที่ดูผอมมากๆในเสื้อตัวโคร่งแต่กางเกงกลับตัวเล็กจนเสื้อหลวมๆนั่นปิดเกือบมิดเหมือนไม่ใส่กางเกง เรียวขาบางขาวเนียน ถึงจะไม่ขาวจนเหมือนขนแกะแต่ก็จัดว่าขาวมากเมื่อเป็นผิวมนุษย์ ใบหน้าเล็กเรียวขาวซีดจนร่องรอยแดงจากการโดนทำร้ายเด่นชัด ดวงตากลมโตฉายแววหม่น จมูกเล็กแดงอย่างคนเพิ่งร้องไห้มา เรียวปากบางสีซีดเม้มเข้าหากันแน่น
“อย่ากลัวไปเลย ฉันเป็นคนแถวนี้ เห็นเด็กไม่คุ้นหน้าคุ้นตามาเดินอยู่ในถิ่นที่ฉันอยู่ก็ต้องแปลกใจเป็นธรรมดา”
“ค..ครับ” นั่นสินะ เขาเดินมาไกลจากบ้านเข้ามาในป่าที่ไม่คุ้นเคย กะจากระยะที่เดินก็ถือว่าค่อนข้างไกลเลยทีเดียว
“ว่าไง หรือหลงทาง ให้ฉันไปส่งที่บ้านไหมล่ะ”
“คือ..คือผม ก..กลับไม่ได้”เหมือนโชคจะเข้าข้างหมาหน้าหล่อแฮะ หน้าคมฉายแววสงสัยแต่นัยน์ตากลับพราวระยับอย่างยินดี
“ทำไมล่ะ”
“.............”
“นี่ก็จะมืดแล้ว เอางี้ล่ะกัน ไปบ้านฉันก่อนมั้ยล่ะ” เมื่อเห็นเด็กน้อยไม่ตอบอะไรเขาเลยเสนอทางเลือกให้ซะเลย
คงไม่ต้องบอกว่าเด็กน้อยตัดสินใจอย่างไร
หมาป่าหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะมองไปยังเด็กตัวน้อยที่เดินตามเขามาจนถึงบ้าน
“ไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันหาอะไรมาให้กิน”
“เดินไปไม่ไกล มีลำธารอยู่ เอานี่ไฟ” หมาป่าหนุ่มยื่นตะเกียงเจ้าพายุให้เด็กน้อย
เด็กน้อยเดินไปยังลำธารที่อยู่ไม่ไกลจากกระท่อมตามที่หมาป่าบอก ลำธารสายเล็กน้ำไหลเอื่อยๆจนเหมือนสงบนิ่ง ตรงกลางเป็นแอ่งกว้างกว่าสายปกติเล็กน้อย ร่างเล็กวางตะเกียงลงแล้วจึงถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่กายบอบบางขาวโพลนก่อนจะเดินลงไปในน้ำจนถึงระดับเอวจึงกวักน้ำรดตัวล้างคราบไคล้สกปรกที่ติดตัวมาตลอดทั้งวัน
น้ำเย็นสบายชวนให้รู้สึกผ่อนคลายจนลืมเวลา
ด้านหมาป่าหนุ่มที่ไม่เห็นเด็กน้อยกลับมาสักทีจึงออกมาตาม เห็นเพียงกองเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้กับตะเกียงที่มันเป็นคนให้มา แต่เจ้าของมันกลับหายไป
แต่ยังไม่ทันที่หมาป่าจะได้ขยับไปไหน
คลื่นน้ำกลางลำธารที่กระเพื่อมน้อยๆก็ขยายเป็นวงกว้างเมื่อคนตัวเล็กโผล่ขึ้นมา ใบหน้าใสกับกายขาวบางท่อนบนโผล่พ้นน้ำขึ้นมา น้ำใสจากลำธารที่เกาะอยู่ที่ผิวกายทำให้ผิวขาวดูเรียบลื่น
ภาพนั้นชวนให้หัวใจหมาป่าหนุ่มกระตุกได้โดยไม่ยาก โดยที่ไม่ทันได้รู้ตัวขาแข็งแรงทั้งสองก็ก้าวลงไปในน้ำจนมายืนชิดแผ่นหลังบางที่เปลือยปาวล่อสายตาในที่สุด สองมือแกร่งรวบกอดเอวบางมาชิดตัวเอง
“อ๊ะ..” เด็กน้อยสะดุ้งพลางหันมามองอย่างตกใจ
“ค..คุณ..”
“ข้าเอง มัวแต่ทำอะไรอยู่ถึงได้ช้านัก”
“ขอโทษฮะ ผมเพลินไปหน่อย ต้องขอโทษจริงๆที่ทำให้คุณรอนาน” หมาป่าหัวเราะอย่างเอ็นดูกับท่าทีลุกลนนั้น
“ไม่เป็นไร แล้วนี่อาบเสร็จหรือยัง”
“ส..เสร็จแล้วฮะ” เด็กน้อยพูดแล้วทำท่าจะผละตัวออกจากอ้อมแขน แต่ทว่าแขนแข็งแรงนั้นกลับยิ่งกระชับแน่นกว่าเดิม
“คุณ..ปล่อยผมเถอะครับ”
“จะรีบไปไหนเล่า ไหนขอฉันดมหน่อยสิ ว่านายสะอาดแล้วจริงไหม” พูดจบหมาป่าหนุ่มก็ฝังหน้าลงกับซอกคอขาวแล้วสูดกลิ่นเนื้อหอมเข้าเต็มปอด
“อื้มมม..หอมจัง” ไม่เพียงเท่านั้นหมาป่าหนุ่มก็แอบแลบเลียผิวเนื้อจนเจ้าของผิวขาวนั้นสะดุ้งอีกหน
จมูกโด่งไล่สูดกลิ่นหอมหวานจากผิวกายขาวนวลพร้อมเลียชิมเนื้อหวานไปด้วย จึงได้รู้ว่ากลิ่นสาปแกะที่ได้กลิ่นนั้นเป็นเพียงกลิ่นที่ติดมากับเสื้อผ้าที่ร่างเล็กสวมใส่อยู่เพียงเท่านั้น ผิวเนื้อขาวนวลจริงๆทั้งนุ่มและหอมละมุนติดจมูกจนไม่อยากผละห่าง
มือหนาเลื่อนขึ้นมาสะกิดยอดอกเล็ก
อีกมือก็ลูบผ่านหน้าท้องแบนราบ ลากผ่านทุกส่วนสัดทั้งลูบไล้และบีบขย้ำตามแต่ใจตัวเอง
ร่างบางเองก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองตื่นตัวขึ้นจากการปลุกเร้า จะขืนตัวออกจากท่อนแขนแข็งแรงที่โอบกอดอยู่ก็พาให้รู้สึกไร้เรี่ยวแรงซะอย่างนั้น
“ขึ้นเถอะ เดี๋ยวนายจะไม่สบายเอา” พูดจบหมาป่าหนุ่มก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกอย่างไม่รอฟังคำตอบ
“อ๊ะ..” เด็กน้อยยกแขนขึ้นโอบรอบคอหนาตามสัญชาติญาณเมื่อโดนอุ้มขึ้นในท่าเจ้าหญิง
“ผม..ผมเดินเองได้ครับ คุณปล่อยผมลงเถอะ” เด็กน้อยร้องบอก
“ให้ฉันอุ้มเถอะ จะได้ถึงเร็วๆ” เรียวขาแข็งแรงรีบเร่งให้ระยะไปถึงกระท่อมของตนเร็วขึ้นจนแทบจะเรียกว่าวิ่งได้แล้ว เด็กน้อยที่กำลังจะประท้วงเดินเองอีกครั้งจึงหุบปากลงยอมให้ร่างแข็งแรงอุ้มแต่โดยดี คงจะฟังกันหรอก เดินเร็วขนาดนี้..
เมื่อก้มลงไปมองใบหน้าน่ารักที่ซุกอยู่กับอกแล้วอยากจะฟัดแก้มขาวๆซักที แต่ก็ต้องอดใจไว้เพราะกลัวจะยิ่งช้าไปมากกว่านี้
เมื่อถึงกระท่อมหมาป่าก็วางร่างเล็กลงกับเตียงของตนแล้วตามขึ้นไปคร่อมทับ
ตาคมกวาดมองร่างเล็กทั้งตัวชัดๆ ก็เห็นว่าผิวเนื้อขาวเป็นรอยแดงเป็นแห่งๆ หมาป่าผู้โหดเหี้ยมอย่างเขาเห็นแล้วยังอดไม่ได้ที่จะสงสารร่างเล็กนี้นัก สัมผัสจาบจ้วงเอาแต่ใจที่ทำเมื่อครู่จึงเปลี่ยนมาเป็นสัมผัสบางเบาราวกับจะปลอบประโลมเจ้าของผิวเนื้อบาง
สัมผัสจากมือหนาพาให้ทุกที่ที่ลากผ่านรู้สึกร้อน
หมาป่าหนุ่มประคองใบหน้าเล็กให้รับจุมพิตร้อนทว่าอ่อนหวานจากตน มือและปากทำงานไปด้วยกัน เมื่อมือลูบผ่าน ปากก็จุมพิตตามติด ทิ้งร่องรอยสีสวยไว้บนผิวเนื้อขาวประปราย จากคอเล็ก ไหปลาร้าทรงสวย จนมาถึงหน้าอกเรียบเนียน ตุ่มไตสีเรื่อทั้งคู่ก็
ถูกปากและมือครอบครองไว้คนละข้าง
“อื้อ..” ริมฝีปากร้อนดูดดุนเม็ดเล็กสีสวยจนแข็งเป็นไต มือซ้ายที่สัมผัสกับอีกข้างก็เคล้นคลึงอย่างไม่ยอมกัน ร่างเล็กเผลอแอ่นหน้าอกแล้ววาดเรียวแขนโอบรอบศีรษะ
ลิ้นร้อนๆกวาดชิมหน้าอกเล็กจนพอใจก็ลากลงมาหยอกล้อกับหน้าท้องราบขาวที่แขม่วเกร็งอยู่ อยากจะฟัดให้จมเขี้ยวจริงๆ หมาป่าหนุ่มกดจมูกลงบนเนื้อขาว สูดกลิ่นกายหอมแรงๆเสียงดัง ฟอดหนักๆ
“อื้อออ..” อุ้งมือร้อนลากผ่านจากหน้าอกเล็กมาจับแท่งเนื้อน้อยไว้แล้วขยับรูดเบาๆเรียกเสียงครางจากร่างเล็ก
หมาป่าหนุ่มจึงแลบเลียส่วนปลาย ก่อนจะแล้วรับทั้งหมดเข้าไปดูดดุนเล่น ลิ้นร้อนๆก็ระรัวหยอกเย้าจนร่างบางแอ่นโค้งตามแรงอารมณ์ที่โหมขึ้นจนแทบระเบิด
มือเล็กพยายามดึงศีรษะที่ซุกอยู่กลางลำตัวของตนออก แต่เจ้าของศีรษะนั้นกลับไม่ยินยอมให้ร่างเล็กได้ทำสำเร็จ ซ้ำยังเพิ่มแรงดูดและขยับรูดเร็วๆจนคลื่นอารมณ์ที่ทนกักเก็บไว้ไม่ไหว ปลดปล่อยธารน้ำขาวขุ่นออกมาให้หมาป่าหนุ่มได้ลิ้มรส
หมาป่าเงยหน้าเจ้าของน้ำสีขุ่นที่อยู่ในปากตน แววตาปรือปอยที่เกิดจากอารมณ์ที่เพิ่งปลดปล่อยแลดูยั่วยวน
มือใหญ่จับเรียวขาขาวให้แยกออกจากกัน เรียวลิ้นร้อนก้มลงไปทำหน้าที่อีกครั้ง ทว่าคราวนี้จุดหมายกลับเป็นกลีบพับสีสวยที่กระตุกยั่วตา และส่งนิ้วใหญ่เข้าไปยังช่องทางสีสวย
“อึก..อื้อออออ...” ร่างเล็กครางยาวอยู่ในลำคอเมื่อเจอสิ่งรุกรานที่ทำให้รู้สึกเจ็บ มือเล็กพยายามดันอกกว้างออก แต่ก็ต้องสะดุ้งอีกหนเมื่อนิ้วที่สองถูกส่งตามมา
“จ..เจ็บ”
“อย่าเกร็ง” หมาป่าหนุ่มหยัดกายขึ้นไปบอกคนตัวเล็ก และชิงจุมพิตที่ปากเล็ก นิ้วที่สามจึงได้อยู่ส่งเข้าไป เด็กน้อยที่รู้สึกทั้งเจ็บ ทั้งจุกได้แต่ร้องครางยาวในลำคอ
“พร้อมนะ” กระซิบบอกที่ข้างใบหูเล็กก่อนจะขยับดันตัวตนเข้าไปในช่องทางแคบ
“โอ๊ยยย.. เจ็บ..ผมเจ็บ..เอามันออกไป” เด็กน้อยร้องลั่น
“ใจเย็นๆนะเด็กดี อย่าเกร็ง..” เป็นอีกครั้งที่หมาป่าหนุ่มโน้มตัวขึ้นไปบอกคนตัวเล็ก มือก็เอือมไปจับแก่นกายเล็กที่สิ้นฤทธิ์ไปแล้วรูดรั้งขึ้นลงเบาๆ
เมือเห็นว่าเด็กน้อยเริ่มผ่อนคลายลง หมาป่าหนุ่มจึงค่อยๆขยับตัวเข้าไปอย่างเนิบช้า ความอุ่นนุ่มรัดรึงส่วนแข็งขืนของเขาจนแทบจะแตก แต่เขาก็พยายามจนเข้ามาได้จนสุดความยาว
เมื่อช่องทางเล็กขยายตัวพอที่แท่งร้อนของเขาไม่คับแน่นจนปวดแล้ว หมาป่าหนุ่มก็ขยับกายช้าๆ มือแกร่งช้อนเรียวขาวขึ้นมาพาดที่ข้อพับแขนแล้วเริ่มขยับสะโพกเป็นจังหวะที่ถี่ขึ้น
“อื้อ..อ๊าๆๆ..อ๊าๆๆๆ...” เสียงครางหวานดังต่อเนื่องจนเจ้าของเสียงต้องกำมือแน่นด้วยความเสียวซ่าน
เสียงเนื้อที่กระทบกันดังถี่รัว จนกายเล็กคลอนไปตามแรงกระแทก ไม่นานทั้งคู่ก็รู้ตัวว่าอารมณ์ที่ตีตื้นขึ้นมาใกล้ถึงขีดสุด
ร่างเล็กปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง ส่วนคนที่กระแทกกายในช่องทางเล็กก็ขยับสะโพกเร็วขึ้นอีก
“อ๊าาาา...” และเมื่อถึงปลายทางร่างแกร่งก็ครางยาวออกมาอย่างสุขสม กายแกร่งปล่อยส่วนแข็งขืนของตนให้กระตุกฉีดน้ำขาวขุ่นเข้าไปในช่องทางที่โอบรัด ก่อนที่ตัวจะล้มลงซบที่ซอกคอขาว
หมาป่าหนุ่มพลิกตัวนอนลงข้างๆก่อนดึงร่างเล็กที่อ่อนแรงเข้ามากอด ศีรษะเล็กหนุนทับบนท่อนแขนแข็งแรง มือหนาอีกข้างก็ลูบเบาๆที่เส้นผมเส้นเล็ก สักพักจึงนึกขึ้นได้ว่าพวกเขายังไม่รู้จักกันเลย
“เด็กดีเจ้าชื่ออะไร” หมาป่าเอ่ยถาม
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองคนถาม เมื่อเห็นสายตาหวานๆที่มองมาก็รีบก้มหน้าซุกหน้ากับอกกว้างดังเดิม
“ว่าไง ได้ยินที่ถามหรือเปล่า หืม” ฟันขาวกัดปากตัวเองอย่างลังเล ไม่ใช่ว่า แต่เขารู้สึกเขินอายเกินกว่าจะพูดไปได้ตั้งหาก อีกอย่างเรื่องที่พวกเขาเพิ่งทำกันไปมันลัดขั้นตอนที่ต้องมาแนะนำตัวกันไปเยอะเลยด้วย
“ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร งั้นฉันบอกก่อนแล้วกัน ฉันชื่อฟาน์ เรียกว่าพี่ฟาน์จะเหมาะกว่า ดีมั้ย?”
เมื่อคนที่เอาแต่ซุกหน้ายังไม่ยอมตอบอะไรกลับมา หมาป่าหนุ่มผละกายออกห่างเล็กน้อยและใช้มือดันปลายคางเด็กให้เงยขึ้นมาสบตากัน
“ก,,กรีนด์ ผมชื่อกรีนด์” ในที่สุดเด็กน้อยก็ตอบออกไป
“อายุล่ะ”
“16”
“จริงอะ กรีนด์ตัวเล็กจนพี่คิดว่าเพิ่ง 12 เลยนะเนี้ย” เหอะ ถ้าเขาอายุ 12 จริง แล้วทำไมคนที่นอนกอดเขาถึงยังกล้าทำกันล่ะ
ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ มือใหญ่ที่ลูบไล้แผ่นหลังบางลงไปจนถึงแก้มก้นนุ่มนิ่มลงมือบีบเคล้นก้อนนุ่มทั้งสองจนเด็กน้อยครางประท้วง มือแกร่งจึงส่งปลายนิ้วผ่านก้นนุ่มไปสัมผัสปากทางที่ยังฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำรักที่เขาปล่อยเอาไว้เมื่อครู่
“คุณ..จะ..อ๊า..จะทำอะไร..” มันทั้งเจ็บและเสี่ยวไปในเวลาเดียวกันเมื่อปลายนิ้วนั้นเริ่มขยับบดคลึงเบาๆ
“ทำให้กรีนด์มีความสุขไงล่ะเด็กดี”
“ไม่..ไม่เอาแล้วนะ..ห..หยุด..เถอะครับ”
“ ไหนเมื่อกี้พี่บอกกรีนด์ให้เรียกพี่ว่าไงนะ”
“อ๊ะ...พ...พี่ฟาน์ พี่ฟาน์.. พอ.. พอเถอะ อื้อ..ครับ..อ๊าาา..” นิ้วยาวบดขยี้จนความร้อนเห่อขึ้นจากบั้นท้ายเล็กกระจายไปทั่วทั้งร่าง และเมืออารมณ์ที่ยังครุกกรุ่นจางๆถูกเร้า จังหวะเร่าร้อนจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง
เด็กน้อยหลับไปแล้ว ตัวเขาเองถึงจะแข็งแรงก็เพลียกับกิจกรรมนี้เหมือนกัน ร่างแกร่งของชายหนุ่มจึงกลาย
สภาพคืนเป็นหมาป่าขนสีน้ำตาลนุ่ม เด็กน้อยก็ซุกตัวกอดอย่างไม่รู้ตัว พวงหางยาวโบกไหวราวกับพลัดวีให้
สงสัยเขาคงขายเด็กน้อยต่ออย่างที่คิดไม่ได้แล้วล่ะ
เนื้อนุ่มๆหอมหวานขนาดนี้ เก็บไว้
กิน เองดีที่สุด
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น....
แดดยามสายส่องแสงกล้า ร้อนเสียจนหากไม่จำเป็นคงไม่มีใครออกจากบ้าน ยกเว้นก็เพียงแต่เด็กสาวตัวน้อยที่สวมฮู้ดสีแดงที่กำลังเดินอยู่ในตอนนี้ ในมือถือตะกร้าผลไม้ใบใหญ่
และอย่างที่คุณคิดนั่นแหละ .. เธอคือหนูน้อยหมวกแดง
หนูน้อยหมวกแดงกำลังจะเอาผลไม้ไปให้คุณยายที่กำลังป่วย
เธอเห็นแกะฝูงเล็กกำลังกินหญ้า คงจะเป็นของชาวบ้านในละแวกนี้ แต่มองไปรอบก็ไม่เห็นเจ้าของ
ถ้าเธอขอสักตัวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง..
คุณยายของเธอกำลังป่วย ให้กินแต่ผลไม้ร่างกายคงไม่แข็งแรงนัก เธอควรจะเอาแกะเนื้อนุ่มๆสักตัวไปด้วย
คิดได้ดังนั้นหนูน้อยหมวกแดงก็ล้วงมือไปหยิบมีดปอกผลไม้จากในตะกร้า ใบมีดขาวส่องประกายแวววาวยามต้องแสงอาทิตย์ ดวงตากลมโตจับจ้องไปยังฝูงแกะเบื้องหน้า ปากจิ้มลิ้มกระตุกยิ้มอย่างพอใจ....
ร่างเล็กกระโกนเข้าไปกอดคอแกะเคราะห์ร้าย มือเล็กเงื้อมมือที่ถือมีดขึ้นสุดแขนและจ้วงแทงลงมาอย่างแรงจนเจ้าแกะร้องลั่น
“แบ่ะะะะะะะ..” ก่อนจะสิ้นใจลง หนูน้อยหมวกแดงมองแกะที่ล้มลงอย่างไม่พอใจ
ตัวนี้เล็กไปหน่อย เดี๋ยวคุณยายกินไม่อิ่ม .. เธอคิด แล้วจึงมองหาแกะตัวต่อไปที่เธอคิดว่าใช่ก่อนจะลงมือฆ่าอีกครั้ง
ตัวนี้ใหญ่ไปเธอแบกไปไม่ไหว ..อีกครั้ง
ตัวนี้ท่าทางขี้โรคชะมัด ..และอีกครั้ง
เลือดที่กระเด็นมาโดนเสื้อคลุมสีสดไม่ทำให้เธอหยุดการกระทำ คล้ายสารเสพติดที่ได้ลิ้มลองแล้วเกิดมัวเมาในรสชาติ ในที่สุดหนูน้อยหมวกแดงก็ไล่แทงแกะโชคร้ายทั้งหมดจนไม่เหลือรอดแม้แต่ตัวเดียว...
THE END
[/size][/b]
จบล่ะ...
เราเวิ่นเว้อจนเกินที่จะเรียกว่านิทานไปเนอะ5555
ไม่คิดว่าจะเขียนฉากฉึกๆได้ยาวขนาดนี้ (คือตอนแต่งมันรู้สึกย๊าวยาว แต่จริงๆอ่านไม่นานก็จบ)
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราเขียนฉากฉึกๆที่เรา(ล่อ)แต่งเสร็จทุกขั้นตอนค่ะ(ปกติเขียนแบบเลาะๆเล็มๆเอา) ผิดพลาด ดีไม่ดี ชอบไม่ชอบอย่างไรแนะนำได้นะคะ