น้องกันต์จัดให้ครั้งที่ 46พัทธ์ผมขยับตัวตื่นเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังในตอนเช้า ผมยื่นมือไปกดปิดก่อนจะขยับตัวแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อมือที่เอื้อมมากอดเอวผมอยู่กระชับตัวผมเข้าไปชิดมากกว่าเดิม ผมหันกลับไปมองพี่คิน พี่เขายังคงหลับอยู่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างที่ผมคิด ผมนอนนิ่งๆ เมื่อดูว่าพี่เขาไม่ตื่นขึ้นมาจึงจับแขนพี่เขาออกจากเอว
“อื้อ… เช้าแล้วเหรอครับ” พี่คินงัวเงียส่งเสียงถามพร้อมกับรั้งตัวผมเข้าไปกอดแน่นกว่าเดิม
“ครับ พี่คินนอนต่ออีกหน่อยก็ได้เดี๋ยวพัทธ์ทำมื้อเช้าเองครับ” ผมบอกพร้อมกับยกมือขึ้นลูบผมพี่คินเล่น
“อยู่นอนกับพี่อีกแปบนึงสิ พี่เพิ่งนอนกอดพัทธ์ได้แปบเดียวเอง” พี่คินบอก น้ำเสียงยังงัวเงียไม่หาย
“พี่คินก็นอนต่อสิครับ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึกมากแล้วเดี๋ยวพัทธ์มาปลุกอีกรอบ” ผมบอก
เมื่อวานที่ร้านพี่คินมีคนมาขอเช่าร้านจัดงานวันเกิดแล้วก็สั่งขนมที่ร้านเยอะแยะไปหมด ปกติถ้าไม่ได้บอกล่วงหน้าพี่คินก็ไม่รับหรอกครับ แต่พอดีเมื่อวานเจ้าของวันเกิดเป็นลูกค้าประจำตั้งแต่สมัยที่แม่ของพี่คินมาเปิดร้านใหม่ๆ แถมลูกของเขาก็ยังกลายมาเป็นลูกค้าประจำพี่คินอีก พี่คินเลยต้องวุ่นอยู่กับการทำขนมเค้ก ขนมอื่นๆ อีกเพียบ
กว่าจะเก็บร้านอะไรเสร็จก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนได้แล้วมั้งครับ กลับมาถึงห้อง อาบน้ำทำอะไรเสร็จได้นอนก็ตีหนึ่งแล้วละครับ เมื่อคืนผมตื่นมาพอดีตอนพี่คินกลับมา
“อยู่กับพี่อีกแปบนะครับ” พี่คินพูดเสียงเหมือนจะอ้อนให้ผมยิ้มออกมา
ปกติไม่เคยจะมาอ้อนอะไรแบบนี้หรอกครับจะอ้อนอยู่เวลาเดียวตอนอยากจะจับผมกดนั่นแหละ นอกนั้นแกล้งผมตลอดเลย พอเห็นพี่คินโหมดแบบนี้แล้ว…
น่ารักดีครับ“อีกสิบนาทีนะครับ พัทธ์จะได้ลุกไปเตรียมมื้อเช้าให้” ผมบอกพร้อมกับขยับตัวลงไปนอนดีๆ ข้างพี่คิน
พอผมขยับตัวนอนพี่คินก็ตวัดแขนโอบเอวผมแล้วก็ดึงไปกอดทันทีพร้อมกับซุกหน้าลงกับอกของผม ผมเลยได้แต่ยกมือโอบรอบหัวพี่คินแล้วลูบเบาๆ เป็นการกล่อมให้นอน ไม่นานพี่คินก็หลับไปอีกรอบ
ผมขยับตัวลุกขึ้นพยายามขยับตัวให้เบาที่สุดครับพี่คินจะได้ไม่ตื่นขึ้นมาอีกรอบ พอลงมายืนข้างเตียงได้ก็ดึงผ่าห่มมาคลุมให้แล้วก็ก้มลงหอมแก้มพี่คินเบาๆ
ทำแบบนี้ก็เขินนะครับ ปกติผมไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนี้กับพี่คินเท่าไหร่ส่วนใหญ่จะโดนบังคับครับ พอมาแอบหอมแก้มแล้วเลยเขินแปลกๆ
ผมเดินเข้าไปอาบน้ำล้างหน้าจนเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปในครัว เช้านี้ผมจะทำแซนวิชไข่ครับ คนที่ร่ำร้องอยากจะกินก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ลูกชายสุดที่รัก ผมตั้งกระทะเพื่อเตรียมปิ้งขนมปังกับทอดไข่ดาว
“มัมมมมม…” ผมหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงน้องกันต์ เจ้าตัวเล็กเดินงัวเงียลากผ้าห่มเข้ามาหาผม
“ตื่นแล้วเหรอครับคนเก่ง” ผมปิดเตาก่อนจะหันมาอุ้มน้องกันต์ขึ้น ยกมือเช็ดหน้าเช็ดตาให้ “เช้านี้มีแซนวิชไข่ด้วยนะ เมื่อวานใครบอกอยากกินเอ่ย”
พอพูดถึงของกินเท่านั้นแหละคนที่งัวเงียอยู่ก็ตาโตด้วยความตื่นเต้นทันทีเลยครับ เรื่องกินละไวเชียวเจ้าตัวเล็ก
“น้องกันต์ น้องกันต์เอง อิอิ” ชูไม้ชูมือแล้วมีการหัวเราะคิกคักอีกต่างหากเห็นแล้วมั่นเขี้ยวครับเลยต้องฟัดแก้มขาวๆ นั้นไปที
“อย่างนั้นน้องกันต์ไปปลุกพ่อคินนะครับ ให้พ่อคินพาอาบน้ำแต่งตัวแล้วจะได้มาหม่ำๆ กันโอเคไหมครับ”
“โอเคฮะ ปลุกพ่อคิน ปลุกพ่อคิน”
ผมวางน้องกันต์ลงยืนกลับพื้น แล้วทันทีที่เท้าแตะพื้นเจ้าตัวเล็กก็วิ่งลากผ้าห่มไปห้องนอนของผมทันทีจนผมตะโกนตามหลังไปแทบจะไม่ทัน “น้องกันต์อย่าวิ่งครับแล้วก็อย่ากระโดดใส่พ่อคินนะครับ”
ผมส่ายหน้าน้อยๆ เพราะเจ้าตัวดูจะไม่ได้สนใจที่ผมพูดเท่าไหร่ก่อนจะหันกลับมาจัดการกับมื้อเช้าต่อ ได้ยินเสียงร้องดังมาจากห้องแสดงว่าเจ้าตัวเล็กคงไปกระโดดใส่พ่อคินแน่นอนครับ ห้ามไม่เคยจะฟังเลย
“พ่อลูกห้ามเล่นกันนะครับ เดี๋ยวจะสายไปโรงเรียนไม่ทันนะ” ผมตะโกนเข้าไปในห้องเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของน้องกันต์ดังออกมา
“คร้าบบบบบบบ” พร้อมใจกันตะโกนออกมาทั้งพ่อทั้งลูกแล้วก็ตามด้วยเสียงหัวเราะครับ
แม้ตอนเช้าๆ แบบนี้จะวุ่นวายไปบ้างแต่มันก็มีสีสันดีนะครับ ผมตักไข่ดาวที่ทอดแล้ววางบนขนมปังปิ้ง หยิบผักกาดหอม แฮม มะเขือเทศแล้วก็ทาด้วยซอสมายองเนสแล้วจึงเอาขนมปังปิ้งอีกแผ่นมาวางทับด้านบน แล้วจึงหั่นเป็นชิ้นสามเหลี่ยมวางใส่จานเอาไว้ครับ ทำเป็นชิ้นเล็กๆ น้องกันต์จะได้หยิบกินสะดวกๆ
ผมยกจานใบใหญ่ที่เรียงแซนวิชเอาไว้เต็มจานไปวางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องเพื่อดูสองพ่อลูกที่ยังไม่ออกมากัน
“มัมทำแซนวิชเสร็จแล้วนะครับ แต่งตัวกันเสร็จหรือยัง” ผมชะโงกหน้าเข้าไปดู ชัดเลยครับ...
ยังไม่ได้แต่งตัวกันอีก เล่นดึงผ้าขนหนูกันสนุกเลยครับ ให้ตายสิ
“ทำไมยังไม่แต่งตัวกันอีกครับเดี๋ยวก็สายจนได้ พี่คินไปแต่งตัวเลยนะชวนลูกเล่นอยู่นั่นแหละครับ น้องกันต์มากับมัมเลยครับ เดี๋ยวมัมพาไปแต่งตัว” ผมพูดดุออกไปก่อนจะส่งมือไปให้น้องกันต์จับ จูงเจ้าตัวเล็กกลับมาที่ห้องของน้องแล้วก็แต่งตัวให้
“พี่คินครับเดี๋ยววันนี้พัทธ์ขับรถไปส่งเองนะครับ หรือว่าวันนี้พี่คินจะอยู่ห้องดีครับหน้าตายังดูง่วงๆ อยู่เลยนะ” ผมหันไปคุยกับพี่คินพร้อมกับหยิบกระดาษทิชชูมาเตรียมเอาไว้สำหรับเช็ดปากให้น้องกันต์
“พัทธ์ขับไปแล้วกันครับ วันนี้พี่ว่าจะเข้าไปดูร้านสักหน่อยแล้วก็คงปิดร้านเร็ว เมื่อวานพวกเด็กๆ ก็กลับกันดึก”
“ถ้าพี่คินจะกลับตอนไหนก็โทรบอกพัทธ์นะครับ เดี๋ยวพัทธ์ไปรับถ้าไปไม่ได้เดี๋ยวให้คนไปรับเอง”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่รอน้องกันต์เลิกเรียนแล้วเดี๋ยวนั่งแท็กซี่กลับเองได้ ใช่ไหมครับน้องกันต์” พี่คินตอบก่อนจะหันไปถามความคิดเห็นจากเจ้าตัวเล็กที่กำลังเคี้ยวแซนวิชเต็มปากจนแก้มทั้งสองข้างพองออก
น้องกันต์พยักหน้ารับหงึกหงักกลืนแซนวิชในปากแล้วจึงตอบ “ใช่ฮะพ่อคิน”
หลังจากที่จัดการแซนวิชกันเสร็จเรียบร้อยพี่คินก็พาน้องกันต์ไปป้วนปากเตรียมกระเป๋าไปเรียนส่วนผมก็หยิบจานแก้วน้ำไปล้างแล้วจึงเดินไปหยิบกุญแจรถจากพี่คิน ส่วนกระเป๋าเอกสารของผมพี่คินถือมาให้แล้วเรียบร้อยครับ
ผมขับรถไปส่งน้องกันต์ที่โรงเรียนก่อนแล้วจึงขับไปส่งพี่คินที่ร้าน ยังพอมีเวลาก่อนที่จะเข้างานผมเลยแวะลงไปช่วยพี่คินจัดร้านครับ
Rrrrrrrrrrrrrr
ผมละจากการเช็ดโต๊ะแล้วล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับ “ครับคุณอนงค์”
[คุณพัทธ์ครับ เรื่องที่มีคนมาทำลายข้าวของของบริษัทผมไปเช็คกับกล้องในงานมาแล้วครับ] คุณอนงค์เข้าเรื่องทันทีที่ผมรับสาย
“ครับ ตกลงว่ายังไงครับ”
[เอ่อ... คือว่า ดูเหมือนจะเป็นคนจากบริษัทสโรชาครับคุณพัทธ์ เพราะในกล้องวงจรปิดจับภาพตอนที่คนพวกนี้ขนของไปยังบูธของบริษัทสโรชาได้ครับ แล้วก็มาโผล่ที่บูธของบริษัทของเรา]
ผมเม้มปากทันทีที่ได้ยินคำตอบจากคุณอนงค์ บริษัทสโรชา... ผมไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวยกเว้นก็แต่เรื่องที่บริษัทของผมได้รับพื้นที่จัดงานเยอะกว่าบริษัทของเขา แต่ผมไม่คิดจริงๆ ว่าบริษัทใหญ่โตแบบนี้จะทำอะไรเหมือนเด็กเล่นแล้วไม่พอใจกันเลยมาทำลายข้าวของ
“คุณอนงค์ได้บอกเรื่องนี้กับใครแล้วบ้างหรือยังครับ”
[ยังครับ ผมตามเรื่องเองคนเดียวพอได้เรื่องก็รีบโทรมาหาคุณพัทธ์ก่อน คุณพัทธ์จะให้ผมร้องเรียนไปทางผู้จัดงานเลยไหมครับ]
“ยังครับ คุณอนงค์ช่วยส่งไฟล์วีดิโอที่ว่าเข้าอีเมล์ผมให้หน่อยนะครับ แล้วก็ยังไม่ต้องบอกใครว่าใครเป็นคนทำ เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องนี้เองครับ”
[ครับๆ ได้ครับคุณพัทธ์]
ผมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเหมือนเดิมเมื่อคุณอนงค์วางสายไปแล้ว เอาจริงๆ ถ้าเป็นการตัดปัญหา ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมผมก็ควรที่จะแจ้งเรื่องไปทางผู้จัดงานเพราะทั้งหลักฐานมีพร้อมขนาดนี้ยังไงบริษัทสโรชาก็คงโดนตักเตือนหรือไม่ก็คงโดนให้ถอนตัดจากงานในครั้งนี้ แต่ผมกำลังสองจิตสองใจว่าจะทำยังไงดี ใจหนึ่งผมก็อยากที่จะจัดการเรื่องนี้ไปเลยแต่อีกใจ...
พี่พฤกษ์...เพราะบริษัทสโรชาเป็นบริษัทของครอบครัวพี่พฤกษ์ มันเลยทำให้ผมรู้สึกลังเลว่าจะทำยังไงดี
“เป็นอะไรไปครับ ทำหน้าเครียดเชียว”
ผมสะดุ้งนิดๆ เมื่อได้ยินเสียงพี่คินก่อนจะหันกลับไปมอง พี่คินเดินเข้ามาหาผมยกมือวางที่ข้างขมับของผมแล้วใช้นิ้วโป้งบีบคลึงให้เพื่อหวังให้ผมคลายความเครียดลง “ว่าไงครับ งานมีปัญหาอะไรหรือเปล่าพัทธ์กลับไปจัดการงานเลยก็ได้นะ”
“พี่คินครับ... ถ้าสมมติว่ามีคนของคนสนิทของเราทำผิด พี่คินจะจัดการคนผิดเองหรือไปบอกคนสนิทของเราให้จัดการให้เหรอครับ” ผมยกมือขึ้นไปจับมือของพี่คินเอาไว้
คนตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามผม “อืม... ถ้าความผิดเล็กๆ พี่ก็คงไปบอกคนสนิทของพี่ แต่ถ้าความผิดมากๆ ก็คงจะจัดการเลยแต่ทั้งนี้ก็ต้องบอกคนสนิทแล้วก็อธิบายให้เขาเข้าใจด้วย ถ้าคนสนิทคนนั้นเป็นคนดีมีเหตุผลเขาต้องเข้าใจแล้วไม่ให้ท้ายคนผิดแน่นอนครับ”
“พัทธ์ก็บอกไม่ถูกว่าความผิดนี้มันเล็กหรือใหญ่ ใจหนึ่งพัทธ์ก็อยากที่จะจัดการเองนะครับ แต่อีกใจหนึ่งพัทธ์ก็อยากให้เขาจัดการ พัทธ์ไม่รู้ว่าเรื่องที่คนทำผิดนี้เพราะไม่พอใจในตัวพัทธ์โดยตรง หรือว่าเกี่ยวข้องกับคนอื่นด้วย” ผมบอก
ใช่ครับ... ผมไม่แน่ใจว่าที่บริษัทสโรชาทำแบบนี้เพราะไม่พอใจบริษัทของผมล้วนๆ หรือว่ามีพี่พฤกษ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะพี่เขาเคยบอกว่าพี่พฤกษ์กับคุณส่งศักดิ์ผู้บริหารคนปัจจุบันของสโรชาไม่ค่อยถูกกัน
“ไม่ลองเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเขาดูละครับ ถ้าคิดเองแล้วคิดไม่ตกก็ลองให้เขาซึ่งอาจจะมีส่วนในเรื่องนี้ช่วยคิดให้สิ” พี่คินบอกพร้อมกับบีบมือของผมไปด้วย
“ครับ เดี๋ยวพัทธ์รีบไปคุยกับเขาดีกว่าจะได้รู้ว่าจะทำยังไงต่อดี” ผมบอกพี่คินซึ่งพี่เขาก็ยิ้มให้พร้อมกับยกมือขึ้นมายีหัวผมเล่นเบาๆ
“โอเคครับ ถ้ายังไงพี่เข้าไปเตรียมของในครัวก่อนนะถ้าพัทธ์ยังไม่เข้าบริษัทก็นั่งเล่นไปก่อนก็ได้ครับ”
“ครับพี่คิน ตั้งใจทำขนมอร่อยๆ นะครับ” ผมตอบ ยื่นหน้าไปหอมแก้มพี่คินเบาๆ แล้วผละออก เขินครับ... ไม่ใช่ไม่เขิน
หลังจากพี่คินเดินกลับเข้าไปในครัวแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์ออกมาอีกรอบตั้งใจจะโทรหาพี่พฤกษ์ แต่ตอนนี้มันถือว่าเช้าเกินไปหรือเปล่านะ หรือว่าผมควรรออีกสักนิดแล้วค่อยโทรดี...
อ่า... รู้แล้วละ ผมรอไฟล์วีดิโอจากคุณอนงค์ก่อนดีกว่าจะได้เช็คดูให้แน่ใจเผื่อคุณอนงค์อาจจะเข้าใจผิด คิดได้แบบนั้นผมก็เดินเข้าไปหาพี่คินในครัวเพื่อที่จะบอกว่าขอยืมให้คอมในห้องทำงานของพี่คินหน่อย แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องทำงาน จัดการเปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็เข้าอินเตอร์เน็ตให้เรียบร้อย
คุณอนงค์ส่งไฟล์มาหลายไฟล์เลยครับ คงเพราะเอามาจากกล้องหลายตัว ผมนั่งเปิดดูซ้ำไปซ้ำมาจนแน่ใจว่าคนที่เข้ามาทำลายข้าวของในบูธของผมเป็นกลุ่มเดียวกับคนที่ขนของเข้าไปในบูธของบริษัทสโรชา
ไม่รู้ว่าจะมีคนอื่นมาทำแบบนี้เพื่อใส่ร้ายให้กับบริษัทสโรชาหรือเปล่า แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ควรจะบอกพี่พฤกษ์เขานั่นแหละ... ใช่ไหมครับ อย่างน้อยจะได้ช่วยกันคิดว่าจะทำยังไงกันต่อไปดี ถ้าไม่ใช่คนของบริษัทสโรชาก็ดีไปเพราะผมเองก็ไม่อยากมีปัญหา รวมถึงไม่อยากให้พี่พฤกษ์เขาไปมีปัญหากับทางบริษัทของครอบครัวตัวเองด้วย...
“สวัสดีครับพี่พฤกษ์” ผมกดโทรศัพท์โทรออกหาพี่พฤกษ์แล้วพูดทักทายไปเมื่อปลายสายกดรับ ผมขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อได้ยินเสียงดังมาจากปลายสาย ไม่รู้ว่าเสียงอะไรแต่ได้ยินเสียงเหมือนอะไรละ... เสียงดังเหมือนเวลาผมตีพี่คินนะครับ ดังเพียะดังลอดเข้ามา
นี่ผม... โทรผิดเวลาหรือเปล่านะ อ่า... ชักหน้าร้อนแปลกๆ แหะ[ครับพัทธ์ มีเรื่องอะไรเหรอครับ] เสียงพี่พฤกษ์ก็ฟังแปลกๆ ด้วยนะ
“พัทธ์มีเรื่องสำคัญจะคุยกับพี่พฤกษ์นะครับ เรื่องงานเฟอร์นิเจอร์แฟร์... พอดีมันเกี่ยวพันกับบริษัทสโรชาด้วย พี่พฤกษ์พอสะดวกคุยไหมครับ”
[ครับ] น้ำเสียงพี่พฤกษ์ฟังดูเครียดขึ้นทันทีที่ผมพูดคำว่าบริษัทสโรชาออกไปเลยครับ [แปบนะครับพัทธ์...
ผลัวะ! ให้ผมคุยโทรศัพท์ก่อนได้ไหมครับคุณหมอชลธี... ครับ พัทธ์ว่ามีเรื่องของสโรชาจะคุยกับพี่เหรอ]
“ครับ แต่ผมไม่สะดวกคุยทางโทรศัพท์ วันนี้พี่พฤกษ์จะเข้าบริษัทไหมครับ”
พี่พฤกษ์เงียบไปนิดก่อนจะตอบ [พี่... ไม่อยากเอาเรื่องของพวกนี้เข้าไปคุยในบริษัทเท่าไหร่เลย พัทธ์มาหาพี่ที่บ้านได้ไหม คุยกันที่นี่น่าจะสะดวกที่สุด]
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา เอ่อ... อย่างนั้นอีกสักพักผมจะเข้าไปนะครับ”
[อืมครับ เดี๋ยวพี่แชร์ที่อยู่บ้านพี่ไปให้ครับ…]
ผมว่า... ผมควรรออีกสักพักแล้วค่อยเข้าไปบ้านพี่พฤกษ์ดีกว่า ก่อนจะวางสายเหมือนได้ยินเสียงตุบตับๆ ดังมาอีกแล้วละครับ************************************************
สวัสดีปี 2559 ค่าทุกคนนนนนนนนนนนน ฟางขอให้คนที่อ่านนิยายของฟางทุกๆ คนมีความสุขกันมากๆ นะคะ ร่ำรวยเงินทอง สุขภาพแข็งแรง มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตนะคะ ปีใหม่ ปีนี้... ฟางก็ขอฝากตัวกับทุกๆ คนอีกปีนะคะ อย่าเพิ่งทิ้ง หนีฟางหายไปไหนนะ อยู่ด้วยกันก่อนนะคะ ^^
บทพี่คินจะอ้อนก็น่ารักดีเนอะ น้านนานๆ จะเห็นพี่คินอ้อนแบบนี้บ้างส่วนใหญ่หื่นตลอด อิอิ เอาเป็นว่าตอนนี้รู้ตัวคนทำแล้วจ้าว่าใครทำ ที่เหลือก็ต้องยกทุกอย่างให้พี่พฤกษ์เขาจัดการนะคะ อีกไม่นานคู่รองเนื้อเรื่องก็จะจบแล้วค่ะ รอติดตามกันนะคะ ^^
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเมนต์นะคะ คอมเมนต์กันหน่อยนะ อย่าเงียบค่ะ ใจไม่ดีเลยยยยย
ปล. ส่งภาพวาดประกอบนิยายเข้ามากันเยอะๆ นะคะ สวยไม่สวยไม่สำคัญค่ะ แค่ทุกคนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมฟางก็ดีใจแล้วค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)