『 ปรสิต ☤ บทส่งท้าย 』 | horror thriller (17-03-15) | จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 『 ปรสิต ☤ บทส่งท้าย 』 | horror thriller (17-03-15) | จบแล้วค่ะ  (อ่าน 198277 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
Re: 『 ปรสิต ☤ 11 』 | horror thriller (09-03-15)
«ตอบ #300 เมื่อ11-03-2015 11:11:19 »

เรื่องกำลังสนุกเลยค่ะ

รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: 『 ปรสิต ☤ 11 』 | horror thriller (09-03-15)
«ตอบ #301 เมื่อ11-03-2015 14:11:50 »

สงสารกันต์ ให้กันต์หลุดจากเรื่องนี้แล้วครองรักกับพี่หมอเถอะค่ะะะะ  :hao5:

ออฟไลน์ yumijung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 11 』 | horror thriller (09-03-15)
«ตอบ #302 เมื่อ11-03-2015 16:26:45 »

ตื่นเต้นๆ...
เรื่องราวค่อยๆคลี่คลาย..
ยังคงตื่นเต้นกับเหตุการณ์..
แต่ก็ไม่รุ้สึกแน่นอกเหมือนก่อนหน้านี้..
ความจริงใกล้จะเปิดเผยแล้วซินะ..
แอบดีใจที่หมออธิปจะอยู่เคียงข้าง..มันอบอุ่นใจจัง  :mew1:

ออฟไลน์ Chocolate1134

  • "Late_Cappuccino"
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Late_Cappuccino
Re: 『 ปรสิต ☤ 11 』 | horror thriller (09-03-15)
«ตอบ #303 เมื่อ11-03-2015 16:54:04 »

ตอนนี้ยาวมากกกก ><
อยากอ่านเฉลยแลล้วค่ะ ตกลง ใครอะไรยังไงกันแน่ ค้างงงง

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: 『 ปรสิต ☤ 11 』 | horror thriller (09-03-15)
«ตอบ #304 เมื่อ11-03-2015 17:07:32 »

น่ากลัวจริง รอติดตามตอนต่อไป :katai4:

ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 11 』 | horror thriller (09-03-15)
«ตอบ #305 เมื่อ11-03-2015 17:46:30 »

ตามอ่านจนทันแล้ว ฮื่อออออ. เมื่อคืนกดอ่านเรื่องนี้ตอนแรกประมาณตี3 หลอนจนไม่กล้านอนเลยค่ะ
ฝืนถ่างตาอ่านต่อจนตอนล่าสุด ขอบอกว่าน่ากลัวมากกกก. พึ่งจะทำใจมาคอมเม้นได้ :ling3:
รออ่านตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 11 』 | horror thriller (09-03-15)
«ตอบ #306 เมื่อ11-03-2015 19:35:46 »

มันช่าง.........  :really2:  ปมเรื่องค่อยๆคลายเรื่อยๆ ความจริงแล้วทั้งเก้า หมอเสือ แล้วก็กันต์ ทั้งสามคนนี้เชื่อมโยงกันด้วยผู้หญิง

คนเดียวกันที่ชื่อว่าแพรพลอย แม้จะดูเหมือนมันจะเป็นคนละเรื่องกัน แตเหตุการณ์ก่อนจายและหลังตาย ต่างก็เชื่อมโยงทั้งสามไว้

ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมคนนอกอย่างอธิศถึงได้มาเกี่ยวข้อง แต่ว่าดูเหมือนว่าเพราะหมออธิศ ถึงได้ทำให้เรื่องค่อยๆคลาย

มันเหมือนเป็นชะตาของทุกคน ที่ต้องมาแก้ไขสิ่งผิดร่วมกัน ก็ว่าอยู่ว่าโคลนมันต้องเกี่ยวข้องกับตอนตายแน่ๆ

ตอนแรกก็งงๆว่าทำไมกันต์ถึงได้โดนผีตามทั้งๆที่ไม่เคยรู้จัก คิดเล่นๆว่าความจริงแล้วกันต์อาจจะเคยทำไรให้แค้นแต่ลืมไปแล้ว

นี่ดันกลายเป็นว่า ไม่ได้แค้นธรรมดา แต่นี่มันขนาดอาฆาตได้เลยแหละ ยังไงก็เอาใจช่วย ขอให้เรื่องคลีคลายได้ใช้ชีวิตสงบสุข

สักที ถึงแม้ความผิดบาปมันจะไม่ได้หายไปก็เถอะ

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #307 เมื่อ11-03-2015 20:39:42 »



ปรสิต | 12







เปลือกตาบางปิดลงทันทีที่เปิดออกพบแสงสีขาวสว่างจ้า ครั้นกระพริบตาอีกสองสามที เรตินาถึงได้ปรับจนชัดเจนว่าภาพที่เห็นก็คือเพดานสีขาวและพัดลมเพดานขนาดสี่สิบแปดนิ้วที่ถูกปิดไว้จนเห็นใบพัดเป็นสามซีกชัดเจน ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยาม ทั้งห้องถึงได้ถูกความมืดกลืนกินจนมองเห็นเพียงรูปร่างสิ่งของลาง ๆ ร่างกายของเขาหนักอึ้งเหมือนมีตุ้มหนัก ๆ ห้อยถ่วงแขนและขาสองข้างเอาไว้ราวกับพันธนาการของผู้ป่วยทางจิตในภาพยนตร์เกินจริงสักเรื่อง ถึงอย่างนั้นก็พยายามจะนวดขมับตัวเองเพื่อลดอาการปวด มันเต้นตุบ ๆ มีอะไรบางอย่างกำลังดิ้นรนอยู่ข้างใน และหนังศีรษะของเขาคือสิ่งเดียวที่ควรจะถูกพังทิ้งเสีย


ที่นี่เหมือนโรงพยาบาลแต่ก็ไม่ใช่ อาจเป็นห้องพักพิเศษ แต่ถึงอย่างนั้นความทรงจำสุดท้ายก็ไม่ได้บอกว่าเขามาที่นี่ได้อย่างไร น่ากลัวว่าองศาแอร์จะน้อยกว่าสิบองศา เสียงฝนข้างนอกก็ดังเสียจนดับความคิดทุกอย่างจนอื้ออึงและมีสีดำทึบ เขาพยายามมองหาใครสักคนในความมืด พยาบาลหรือจะเป็นพี่เสือก็ได้ จากนั้นเสียงประตูห้องน้ำบริเวณใกล้กับประตูห้องก็ลั่นเอี๊ยด มันตีให้ความกลัวแทรกขึ้นมากดทับความหวังอย่างประหลาด


รามิลไม่เคยกลัวความมืด ไม่เคยคิดด้วยว่าจะมีอะไรสักอย่างโผล่ขึ้นมาตราบใดที่แน่ใจว่ากำลังอยู่ตามลำพัง แต่ตอนนี้เขากลืนน้ำลายตัวเอง แล้วก็หวาดระแวงเสียจนต้องสร้างภาพนางพยาบาลหน้าตาใจดีให้มีตัวตนขึ้นมาในความคิด แต่พอเสียงประตูดังขึ้นอีก ตรงนั้นก็กลับกลายเป็นว่างเปล่า


เขาเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง มันทั้งแห้งผากและทำให้ใบหน้าภายใต้แสงสลัวดูขลาดเขลาจนน่าสมเพช ความมืดไม่ต่างอะไรจากกระจกเงา มันปรากฏทุกอย่างที่เจ้าของสายตาใคร่จะเห็น


และเซอร์ไพร์สสิ่งที่ไม่อยากเห็นขึ้นมาด้วยเสมอ


“....!”


สัมผัสเย็น ๆ แนบลงที่สองข้างแก้ม ร่างทั้งร่างสะดุ้งโหยงก่อนจะถูกถ่วงด้วยตุ้มหนักให้ราบอยู่กับเตียงดังเดิมในวินาทีต่อมา


“พลอย...”


เสียงนั้นแหบพร่าและฟังไม่ชัดเจนนัก แต่มันเป็นเสียงเขา เสียงที่ไม่ได้ออกมาจากลำคอและปากของเขาเอง


“เก้า... อย่าทำแบบนี้เลยนะ”


“อา” สัมผัสเย็นจากของเหลวถูกสร้างเป็นทางจากหางตาลงไปจนถึงใบหู ค่อย ๆ เห็นเส้นผม มันต่ำลงมากระทั่งผะแผ่วกับใบหน้า แล้วสันหน้าผากโค้งมนก็เลื่อนเข้ามาจนอยู่ในกรอบสายตา


“รู้สิ”


เสียงนั้นยังดังอย่างต่อเนื่อง เป็นเสียงของเขา แต่ริมฝีปากซึ่งกำลังขยับนั้นต่างหากที่เอื้อนเอ่ยมันออกมา


“จะให้ทำยังไง”


“....”


ดวงตาดำด้านจ้องมองมา ขยับพูดเป็นเสียงทุ้มแบบผู้ชายราวกับเครื่องดัดเสียง


“เราก็เต็มใจกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ”


แล้วมันก็กลับมาเล็กแหลมเป็นเสียงผู้หญิงเฉกเช่นก่อนหน้า


“เก้า”










“อ้ากกกกกกกกก”


ความรู้สึกปวดแปลบที่ข้อเท้าหลังการขยับตัวทำให้เปลือกตาจำต้องปิดลงอีกครั้งหลังจากลืมขึ้นสบกับเพดานสีขาวจ้าและใบพัดของพัดลมเพดานขนาดสี่สิบแปดนิ้ว คิ้วเรียวขมวดมุ่น มันเจ็บเสียจนเขาต้องปล่อยให้ทั้งขาห้อยอยู่กลางอากาศโดยมีเครื่องช่วยพยุงกำลังสั่นไปตามแรงขยับ


รามิลฝืนชะเง้อมองเฝือกปูนหล่อสีขาวที่หุ้มตั้งแต่หน้าแข้งไปจนเห็นแค่ปลายนิ้วเท้า มันทำให้เขาดูเหมือนเป็นตัวประหลาดอะไรสักอย่าง ศีรษะทิ้งลงบนหมอนนุ่มที่รองคออีกครั้งหลังจากทนเกร็งคอเพื่อมองสภาพแย่ ๆ ของตัวเองต่อไปอีกไม่ไหว เหงื่อกาฬไหลซึมขมับอย่างที่ไมได้ชวนให้รู้สึกร้อนเลยสักนิด เสียงหึ่ง ๆ ดังเข้าโสตประสาทหลังค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจจนอ่อนลงในระดับใกล้เคียงกับปกติ ความรู้สึกรุมร้อนรุมหนาวเล่นงานจนร่างทั้งร่างสั่นสะท้านเมื่อนึกขึ้นได้ถึงภาพสุดท้ายก่อนหมดสติไป


“เก้า?”


เสียงทุ้มนุ่มของใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านซ้ายของเตียง รามิลไม่คิดว่าเขาจะเห็นใครรีบรุดออกจากโซฟาสีครีมด้วยสายตาเป็นห่วง ฝันครั้งนี้เหมือนจริงเหลือเกิน และมีแต่จะยิ่งบีบหัวใจของเด็กหนุ่มให้เจ็บปวดยิ่งขึ้นเมื่อคนรักของเขากำลังลากเก้าอี้ที่อยู่ตรงมุมห้องมาไว้ข้างเตียงด้วยมือเดียว เด็กหนุ่มคิดว่าเขายังตั้งสติได้ไม่ดีนัก


“พี่ --” เขาอยากเรียก แต่ลำคอและริมฝีปากนั้นแห้งผากเกินกว่าจะเปล่งเสียงออกไปได้ในครั้งเดียว “พี่เสือ”


หมอศรัณย์ไม่ได้ยิ้ม แต่พาตัวเองนั่งบนเก้าอี้พนักแข็ง ๆ นั้นโดยไม่พูดอะไร เสื้อเชิ้ตที่สวมใส่เป็นตัวเดียวกับเมื่อคืน ดวงตากลมโตยังดูบวมนิดหน่อยอย่างคนที่เพิ่งสะดุ้งตื่น อายุรแพทย์หนุ่มคล้ายอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ทำเพียงแค่ปิดเรียวปากจนแนบสนิทลงตามเดิมราวกับต้องการเวลาคิดให้มากกว่านี้


“แขนพี่เป็นอะไรไป”


ตลกดีที่นอกจากจะต้องเห็นเฝือกหน้าตาแย่ ๆ ที่ขาตัวเองแล้ว เขายังต้องมองศรัณย์ในสภาพแขนซ้ายถูกพยุงไว้กับผ้าคล้องแขนอีก มันเป็นสีกรมท่าตัดกับเฝือกอ่อนสีขาว ๆ ซึ่งโผล่พ้นตัวผ้าออกมา รามิลใจไม่ดีเลย เขาพยายามห้ามตัวเองเพียงเพื่อไม่ต้องนึกถึงใบหน้าสุดท้ายในกรอบสายตาก่อนหมดสติไป


“พี่ไม่เป็นไร เราเถอะ” มืออบอุ่นของศรัณย์แตะลงที่แก้มของเขา จากนั้นจึงเกลี่ยหน้าม้าสีน้ำตาลให้ปัดพ้นดวงตา “อธิศบอกว่านายถูกรถชน เอ็นข้อเท้าฉีก ต้องใส่เฝือกสักเดือนแล้วก็ทำกายภาพบำบัดอีกพักใหญ่”


ศรัณย์คล้ายจะยังพูดไม่จบ แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อและปล่อยให้ความอึดอัดเข้าแทรกแซงอย่างง่ายดาย นั่นมันไม่ดีสำหรับทั้งสองคน และรามิลรู้ดีแก่ใจว่าเมื่อคืนพวกเขาตัดสินใจได้ไม่สวยนัก


เด็กหนุ่มเอื้อมมือออกไปแตะแขนของคนรัก สัมผัสกับที่คล้องแขนสีกรมท่าด้วยดวงตาสั่นไหว เห็นอย่างนั้นนายแพทย์ถึงได้เข้าใจว่าเขาควรเป็นฝ่ายพูดต่อ “แค่แขนซ้น สักสองอาทิตย์ก็ถอดเฝือกออกได้แล้ว”


“พี่ไปโดนอะไรมา” รามิลถามเมื่อศรัณย์พูดคล้ายกับอยากตัดบทให้จบไปเสีย


คนแก่กว่าทอดสายตามองเขา สิ่งที่แรงกล้าขึ้นมามีเพียงระลอกคลื่นและความคลางแคลง “รถชนน่ะ”


“....”


“คนขับทางนั้นเขาเมา เลยชนเข้ากลางคันตอนพี่กำลังกลับรถพอดี โชคดีที่โครงเหล็กไม่บุบ ไม่อย่างนั้นก็คงเจ็บหนักกว่านี้” ภาพอุบัติเหตุเมื่อคืนปรากฏขึ้นในห้วงคิดอีกครั้ง ตอนนั้นเขากำลังคุยโทรศัพท์ อีกมือก็หมุนพวงมาลัยกลับรถโดยมีเป้าหมายคือกลับไปยังคอนโดมิเนียมตามที่ถูกร้องขอจากคนในสาย “ตอนที่ถูกชน โทรศัพท์มันตกแล้วดับไป พี่พยายามโทรกลับเข้าเครื่องเราแต่ก็ไม่มีคนรับ”


“....”


“แต่อธิศโทรเข้ามาพอดีว่ากำลังจะถึง ส่วนพี่ถูกบังคับพามาที่นี่เพราะแทบขยับแขนไม่ได้”


“....”


“รถพยาบาลอีกคันพานายมา อธิศตามมาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น”


ศรัณย์เล่าจนจบในทีเดียว อย่างน้อยถ้าได้อธิบายเรื่องทั้งหมดแล้ว รามิลก็คงจะพอมีกะใจพูดอย่างอื่นออกมาบ้าง แน่นอนว่าเด็กหนุ่มดูเบาใจ แต่ดวงตานั้นก็ไม่ได้แสดงออกว่าใจชื้นขึ้นมาเลยสักนิด


“แล้วนายล่ะ” เขากลั้นใจถามออกไป ไม่ทิ้งช่วงประวิงเวลานานเกินกว่าที่เป็นอยู่ หากแต่รามิลหลุบสายตาหนี บ่งบอกชัดเจนว่าเลือกที่จะสู้ด้วยความเงียบเฉกเช่นเมื่อคืน บีบคั้นให้คนรักอย่างเขาใจเย็นอยู่กับความอดทนครึ่งปรอทอีกนิด แต่ครั้งนี้ศรัณย์ไม่ได้คาดหวังบทสรุปแบบเดิม เขาได้รับรู้เรื่องราวกึ่งหนึ่ง รวมถึงมีเวลาคิดมาทั้งคืนแล้ว “ยังไม่ต้องเล่าก็ได้”


รามิลเงยหน้าสบกัน ทั้งงุนงงและหวาดหวั่นต่อความลับที่เจ้าตัวไม่ยอมเปิดเผย


“สักบ่ายโมงพี่จะเข้ามาใหม่”


“....”


“แล้วเราจะได้คุยเรื่องนี้พร้อมกัน”


นายแพทย์หนุ่มไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไรแล้วพาตัวเองออกมาจากห้องผู้ป่วย ทางเดินทอดยาวและไม่ได้ดูจอแจเท่าชั้นผู้ป่วยรวม เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนทั้งคู่สบตากันเป็นครั้งสุดท้าย รามิลเงยหน้ามองเพดานห้องทั้งตัวสั่น ๆ เหมือนคนร้องไห้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงรีบเข้าไปกอดปลอบพร้อมทั้งพูดว่าช่างมัน ต่อให้จะเป็นเรื่องที่เด็กนั่นเผลอทำนาฬิกาทรายเรือนโปรดตกแตกก็เถอะ


ร่างผอมทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ชุดหลังจากแข็งใจเดินมาได้ราวแปดก้าว มือเรียวยกขึ้นลูบใบหน้าจนเกิดเป็นรอยริ้วแดง นัยน์ตาเรียวรีสั่นระริก ทั้งยังดูชุ่มชื้นเสียยิ่งกว่าตอนที่เขาหัวเราะหนังตลกจนท้องคัดท้องแข็ง


จากตอนนี้ไปจนถึงบ่ายยังมีเวลาอีกสี่ชั่วโมง อธิศกับเด็กชนกันต์ขอตัวแยกออกไปตอนเช้าตรู่หลังจากที่ได้โทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อหน้าเขาเมื่อคืนนี้ ศรัณย์รู้ว่าตัวเองไม่เข้มแข็งพอ อย่างน้อยการมีใครอีกสองคนอยู่ในห้องระหว่างที่ความลับทุกอย่างคลี่คลายอาจดีกว่าก็เป็นได้ เพราะเขาไม่แน่ใจนักว่าจะทนนั่งฟังมันจนจบได้หรือเปล่า


อยู่ ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ








----------------------------------------------------








มือใหญ่เลื่อนปิดตาของชนกันต์ทันทีที่เห็นว่ามีบางอย่างถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันยกและลากขึ้นโผล่พ้นเหนือผืนน้ำ กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ทุกอย่างยิ่งทุลักทุเลเมื่อเจ้าหน้าที่ซึ่งคอยช่วยยกศพขึ้นบนบกนั้นรังแต่จะเสียหลักล้มลงไปเพราะพื้นโคลนที่ยวบลงตามน้ำหนักการเหยียบ


“ค่อย ๆ ยกขึ้นมา! อย่างนั้น!”


“ระวังแขนศพด้วย!”



“อย่ามอง” อธิศกดศีรษะคนในวงแขนให้แนบเข้ากับแผ่นอก เขาไม่คิดว่านั่นเป็นภาพที่น่ามองนัก ต่อให้ชนกันต์จะยืนกรานเสียงแข็งว่าเคยเห็นมันมาแล้วตั้งแต่เมื่อคืนก็เถอะ ร่างซึ่งถูกวางลงบนผืนพลาสติกบวมอืดจนคับไปทั้งชุดเดรสผ้าสีเดียวกับหนองน้ำ ผิวศพเขียวคล้ำและค่อนไปทางสีเทา ที่คอมีเข็มขัดหนังยุ่ย ๆ รัดเอาไว้จนน่ากลัวว่าจะเหมือนขาข้างหนึ่งที่ขาดออกจากตัวศพเพราะการเน่าเปื่อย ก่อนหน้านี้มันคงยังไม่ขาดจากกันจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่พยายามย้ายขึ้นมา ข้าง ๆ กันนั้นมีเสื้อแขนยาวสีเขียวเปียกชุ่มตัวหนึ่งซึ่งห่อก้อนหินขนาดใหญ่เอาไว้แต่ไม่ได้ถูกใส่รวมในถุงห่อศพไปด้วยกัน


ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ก็นำโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งขึ้นจากน้ำ ดูจากสภาพไม่น่าใช้ได้อีก มันถูกนำใส่ถุงซิปล็อคสำหรับเก็บหลักฐานในเวลาต่อมา


เมื่อคืนต้องใช้เวลาคุยอยู่พักใหญ่กว่าทางตำรวจจะยอมคล้อยตามว่ามีศพถูกถ่วงอยู่ในหนองน้ำหลังถนนศรีราชา หลายครั้งเจ้าหน้าที่เอาแต่ถามว่ารู้ได้อย่างไร ชนกันต์อึกอักเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่ตนเล่านั้นมีน้ำหนักเพียงพอ (แน่นอนว่าเรื่องเหนือธรรมชาติไม่ถูกนำมาพูดถึงกับบุคคลอื่น) ร้อนจนถึงอธิศที่ต้องเอาหน้าที่การงานเป็นหลักประกันค่าเสียเวลาว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้จะต้องไม่สูญเปล่า อธิศคิดว่าแพรพลอยน่าสงสาร ในตอนที่ความคิดของเขาเด่นชัดขึ้นมาว่าเธอถูกฆาตกรรมแน่นอนแล้ว


“หมอ... ผมขอดูเธอได้ไหมครับ”


อยากออกปากถามเหลือเกินว่าทำไมถึงได้อยากจะดูภาพน่าสะอิดสะเอียนแบบนั้นนัก แล้วก็อย่างที่คิด ไม่ถึงสิบวินาทีต่อมา ชนกันต์รีบผละจากเขาและถลาไปอาเจียนตรงพงหญ้าถึงแม้จะมีแค่น้ำย่อยที่ขย้อนออกมาก็ตามที


ตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมเอกสารในมือ อธิศไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าเป็นกองพิสูจน์หลักฐานหรือว่ากองสืบสวน แต่ถึงอย่างนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ขออนุญาตพาตัวชนกันต์ไปชี้จุดเกิดเหตุที่เห็นแพรพลอยเป็นครั้งสุดท้าย แต่สำทับไว้ว่ายังไงก็ต้องนำศพกลับไปกองนิติเวชเพื่อทำการชันสูตรและพิสูจน์บุคคลอีกที จากนั้นจึงจะแจ้งให้ญาติรับรู้


เขามองดูนักศึกษาเภสัชกรรมร่างเล็กที่ทำมือไม้เป็นท่าขับรถประกอบการเล่า สีหน้านั้นไม่สู้ดีนัก แต่ถ้าเทียบกับเมื่อคืนที่เขาต้องนั่งกุมมือปลอบประโลมอยู่เป็นชั่วโมงแล้ว ก็นับว่าชนกันต์พิสูจน์เจตนารมณ์ของตัวเองได้ดี ไม่ว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นจะมีผลต่อรูปคดีหรือไม่ แต่ยังไงชนกันต์ก็ตัดสินใจเข้ามอบตัวกับทางตำรวจเพื่อชดใช้ความผิด เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ารอยข่วนตรงกระโปรงรถนั้นมีอยู่จริง จากการมองสภาพศพและนาฬิกาที่รัดอยู่กับข้อมือบวมอืดเมื่อครู่ อธิศเดาแบบง่าย ๆ เอาว่ามีโอกาสจะเป็นสิ่งของมากกว่าผิวเนื้อของคนปกติที่สร้างร่องรอยสุดท้ายของเธอเอาไว้


ถ้าไม่มีอะไรผิดคาดอีก ก็แน่ชัดแล้วว่าเรื่องราวตลอดหนึ่งเดือนมานี้ของชนกันต์เกิดจากสาเหตุและการกระทำใดที่เจ้าตัวเคยสร้างเอาไว้ หากจะเปรียบเรื่องนี้เป็นจิ๊กซอว์ล่ะก็มันคงยังไม่สมบูรณ์นัก บางทีชนกันต์อาจเป็นเพียงส่วนประกอบสิบหรือยี่สิบเปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด ยังไม่แน่ชัดว่าทำไมแพรพลอยถึงได้มาจบชีวิตเอาที่นี่


รามิลเป็นคนหลอกเธอมาหรือ


มันค่อนข้างไม่เป็นธรรมและด่วนตัดสินความอำมหิตของเด็กคนนั้นไปสักหน่อย นั่นทำให้อธิศเลิกสันนิษฐานในใจมั่วซั่วและเดินไปสมทบที่บริเวณถนนทางด้านนอก มันค่อนข้างน่าหงุดหงิดเมื่อต้องเดินผ่านพงหญ้ารกครึ้มที่มีความสูงเท่าเอวผู้ชายตัวสูง ๆ อย่างเขา


ชนกันต์ยืนอยู่อีกเลนของถนน มือนั้นชี้ลงตรงไหล่ทางและมองกลับมาใกล้ ๆ กับจุดที่เขายืนอยู่ บางทีคงกำลังจำลองเหตุการณ์คืนนั้นให้เจ้าหน้าที่เข้าใจได้มากที่สุด ครั้นเห็นเขา ริมฝีปากบางนั้นก็เหยียดออกเป็นรอยยิ้มอย่างเช่นครั้งสุดท้ายที่พูดว่าไม่เป็นไร แพทย์หนุ่มจึงยิ้มลักษณะเดียวกันกลับไปเพื่อจะสำทับซ้ำว่าไม่เป็นอะไรเช่นกัน


ตำรวจสืบสวนสองสามนายใกล้ ๆ ปรึกษากันว่าอาจต้องเรียกตัวเด็กในชั้นเรียนเดียวกันมาเพื่อยืนยันรูปพรรณสัณฐานของผู้ตาย อย่างน้อยก็อาจจะบอกได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เธออยู่กับพวกเขาได้ใส่ชุดเดรสสีขาวตัวนี้หรือเปล่า นั่นจะทำให้คดีง่ายขึ้นอีกเป็นเท่าตัว


อธิศเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ความรู้สึกหดหู่ในใจเขาขดตัวเป็นก้อนกลมและดำดิ่งลงลึกอย่างบอกไม่ถูก


บางทีฟ้าหลังฝนก็ไม่ได้สวยงามดังเช่นบทกวี








----------------------------------------------------








 “ผลทางนิติเวชอาจต้องรออีกราว ๆ สองสามวันเป็นอย่างเร็ว ตอนนี้สิ่งที่พวกเขากำลังทำคือชันสูตรหาเวลาตายที่แน่นอนแล้วยืนยันตัวบุคคล” เสียงทุ้มเล่าความคืบหน้าโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ เจือลงในน้ำเสียง ตาคมปลาบทอดมองเพื่อนร่วมสายอาชีพ “ทางตำรวจกำลังติดต่อนักศึกษาที่ไปออกค่ายด้วยกันมาช่วยยืนยันอีกที แต่ก็เชื่อกันไปแล้วเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าคงเป็นแพรพลอยไม่ผิดแน่”


“....” ศรัณย์เงียบไปพักหนึ่ง เขาเงยขึ้นสบกับอธิศและชนกันต์ที่ยืนห่างออกไปอีกทาง ทุกคนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก “แล้วคนร้ายล่ะ”


ถึงจะโกรธตัวเองที่ถามออกไปแบบนั้น ทว่าชายหนุ่มไม่สามารถโกหกความรู้สึกได้ว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องการรู้ที่สุด ไม่ว่าอธิศจะดูออกหรือไม่ก็ตามแต่ “ยังจับไม่ได้”


“....”


“แต่เหมือนตำรวจจะเบนความสนใจไปหาเบาะแสจากปั๊มน้ำมันใกล้ ๆ”


ชนกันต์นึกภาพปั๊มออกแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะพูดอะไรออกไปขัดบทสนทนาของนายแพทย์ทั้งสอง ยอมรับว่าเขาเองก็อึ้งไม่ต่างจากศรัณย์ตอนที่อธิศเรียบเรียงเรื่องของรามิลอย่างคร่าว ๆ ให้ฟังเมื่อคืนนี้ ถึงแม้จะไม่ได้พูดข้อสันนิษฐานหรือการอนุมานในทางบวกหรือลบ แต่ถึงอย่างนั้นทิศทางของเรื่องราวค่อนข้างไม่ชวนให้รู้สึกดีสักเท่าไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หมอศรัณย์ที่คิดไม่ต่างกันว่ารามิลต้องมีส่วนในเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย


“คุณเห็นเธออีกหรือเปล่า” ชนกันต์ขนลุกซู่หลังได้ยินคำถาม แต่เขาก็ตอบหมออธิศไปเสียงเบาหวิว


“ไม่ครับ ครั้งสุดท้ายคือที่เธอบอกว่าอยู่ในหนองน้ำนั่น”


เป็นเรื่องเหลือเชื่อว่าจิตแพทย์อย่างอธิศยอมรับการมีอยู่ของวิญญาณและยังเปิดรูปถ่ายในโทรศัพท์ให้ศรัณย์ดูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เด็กหนุ่มจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก แต่เขาก็ยิ่งรู้สึกพรั่นพรึงขึ้นไปอีกเมื่ออายุรแพทย์หนุ่มมีสีหน้าตกใจโดยไม่ต้องพูดยืนยันอะไรให้มากความ เป็นครั้งแรกที่ชนกันต์รู้ว่านอกจากเขาแล้ว แพรพลอยก็ได้ปรากฏตัวให้คนอื่นเห็นเช่นกัน


พอคิดได้ว่าเคยไปนั่งดื่มกับรามิลและหมอศรัณย์แล้วก็ขนหัวลุกขึ้นมาอีกรอบ เรื่องทุกอย่างวนกลับมาใกล้ตัวเสียจนไม่คิดไม่ฝันว่าเด็กนักเรียนแพทย์ท่าทางสุภาพคนนั้นจะเป็นกุญแจสำคัญของเหตุการณ์ในครั้งนี้ ชนกันต์คิดว่าเรื่องทุกอย่างคงคลี่คลาย แต่เขาก็ยังกลัวเหลือเกินว่านี่อาจไม่ใช่ทั้งหมดที่เธอต้องการ ถึงอย่างนั้น การที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นอีกก็นับว่าเป็นลางดีทีเดียว


“เก้ายังอยู่ในห้อง แต่ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง” ร่างผอมไม่ได้เป็นฝ่ายเดินนำหลังจากบอกเล่าถึงบุคคลที่สี่ ตาเรียวรีคู่นั้นแดงก่ำ ก้ำกึ่งว่าโกรธหรืออยากร้องไห้ ศรัณย์มักจะแทรกชื่อรามิลเขาไปในการพูดคุยเสมอ มันฟังดูน่าเห็นใจถ้าคิดในแง่ของชายหนุ่มว่าเด็กคนนั้นใกล้ตัวเพียงใด


อธิศหันมาสบตากับเขาก่อนจะก้าวขาออกไปก่อน ชนกันต์เดินตาม และเป็นศรัณย์ที่เลือกรั้งท้าย ซ้ำยังช้าจนทิ้งห่างออกไปราวกับว่าบานประตูนั้นเป็นปากเหวหรืออะไรสักอย่าง เขาไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรในตอนที่เห็นรามิลนั่งรอบนเตียงอยู่แล้ว ที่พยุงขาถูกเอาออกและปล่อยให้เฝือกแข็ง ๆ วางบนหมอนอิงทรงสูงแทน ความอิดโรยของรามิลในตอนนี้ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยไปหลายปี ชนกันต์คิดว่าคนตรงหน้าคงเตรียมใจไว้แล้ว แววตานั้นไม่ได้มีความกราดเกรี้ยวหลงเหลืออยู่ มันทั้งหม่นแสง อ่อนแรงคล้ายพระอาทิตย์ก่อนเวลากลางคืน ซ้ำยังแผ่กระจายความเศร้าสร้อยวังเวงจนห้องทั้งห้องดูกว้างขึ้นทันตา


“เป็นยังไงบ้างครับ”


หมออธิศถาม ในขณะที่คนฟังวงนอกเอี้ยวใบหน้าไปข้างหลังเพื่อเห็นว่าศรัณย์ยืนห่างออกไปมากที่สุด รามิลยังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ร่างสูงถอนหายใจ มือใหญ่ลากเอาเก้าอี้เฝ้าไข้ออกห่างจากเตียงอีกราว ๆ ครึ่งเมตรแล้วจึงนั่งลง ส่วนชนกันต์สามารถไปนั่งตรงโซฟาได้


“ทางตำรวจเจอศพของแพรพลอยแล้ว” อธิศเปิดบท ครู่หนึ่งม่านตาของคนบนเตียงเบิกกว้างขึ้น แต่แล้วมันก็หลุบลงมองผ้าห่มสีขาวตามเดิม “เธอถูกฆาตกรรมที่ศรีราชา ศพถูกถ่วงอยู่ก้นหนองน้ำ นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมถึงไม่มีใครเจอเธอเลยตลอดหนึ่งเดือนมานี้”


“....” ตาของรามิลแดงขึ้นอีก มือที่วางบนหน้าขาบีบผ้าห่มบาง ๆ นั้นจนเป็นรอยยับยู่ ใช่ว่าจิตแพทย์หนุ่มจะไม่รู้สึกรู้สา เพราะในนาทีต่อมาเสียงนั้นก็อ่อนลงอย่างชัดเจน


“เก้า... เรื่องนี้ไม่มีทางจบลงได้”


“....”


“ตราบใดที่เรายังไม่รู้สิ่งที่อยู่ในใจคุณ”








------------------------------------------------------


( มีต่อ )





ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #308 เมื่อ11-03-2015 20:47:23 »

( ต่อ )









ชนกันต์คิดว่าเขานั่งไกลออกมาแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังเห็นหยดน้ำตาซึ่งร่วงเผาะลงกับหลังมือนั้นอย่างสิ้นหวัง หลังของรามิลโค้งงอ มันทำให้เด็กหนุ่มดูเหมือนคนที่อาจขาดใจตายขึ้นมากะทันหัน มีเหตุผลที่อธิศยอมปั้นตัวเองเป็นจอมละลาบละล้วงใจร้าย เพราะหากตำรวจมาที่นี่หลังจากได้ข้อมูลแล้ว อาจจะอีกหนึ่งวัน สามชั่วโมง หรือครึ่งชั่วโมงข้างหน้า ถึงตอนนั้นรามิลคงได้ขาดใจตายขึ้นมาจริง ๆ หากความลับที่เก็บซ่อนไว้เป็นดังอาวุธที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง


เบาะข้างตัวยวบลงจนชนกันต์สะดุ้งน้อย ๆ หมอศรัณย์นั่นเอง ดวงตาของผู้ชายคนนี้ก็ดูอ่อนแรงไม่ต่างกัน มันสั่นระริกอย่างใคร่รู้ ริมฝีปากรูปกระจับคว่ำลงผิดจากรอยยิ้มที่เจ้าตัวฝืนส่งมันออกมาทุกที


ร่างโปร่งหอบหายใจจนตัวโยน ความเจ็บปวดที่ข้อเท้าก็ทวีขึ้นในทุกครั้งที่เด็กหนุ่มขยับตัว ภาพของแพรพลอยเมื่อคืนยังติดตรึงอยู่ในห้วงความคิด ไม่ว่าจะสลัดอย่างไร รามิลรู้ว่ามันคงไม่มีทางออกไปง่าย ๆ และจะอยู่เป็นตราบาปในใจเขาไปอีกนาน กลัวที่ทุกการกระทำของตัวเองได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งทั้งในมูลเหตุและความเป็นไปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สีดำในใจขยายวงกว้าง ยิ่งหันไปเห็นสายตาของศรัณย์ เสียงก่นด่าในใจก็มีแต่จะยิ่งรุนแรงจนไม่สามารถพูดคำใดออกมาเป็นศัพท์ เด็กหนุ่มพยายามอย่างยิ่งที่จะสงบตัวเองลงให้ได้


“ผมกับพลอย... เรามักจะเรียนเซคเดียวกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง” เสียงทุ้มนุ่มสั่นเครือ และต้องตั้งใจฟังสักหน่อยหากว่าอยากได้ยินมันชัดเจน “เราไม่ได้สนิทกัน ผมก็คิดเหมือนเพื่อนว่าเธอเป็นคนแปลก ๆ พลอยเลยไม่มีกลุ่มเพื่อนสนิทเหมือนอย่างคนอื่น”


“....”


“มันเริ่มจากความสงสาร บางทีคนอื่นก็แกล้งพลอยแรงเกินไป ไม่ค่อยมีใครใส่ใจเวลาเผลอพูดกับเธอไม่ดี ช่วงกลางเทอมแรกตอนปีสามผมเลยยอมคุยด้วย คุยแบบที่ -- ผมแค่ไม่ได้รังเกียจถ้าพลอยมาขอความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ พอมีครั้งแรกแล้วมันก็มีครั้งที่สอง จนรู้ตัวอีกที ก็เหมือนมีแค่ผมที่พลอยกล้าคุยด้วย หรือแม้แต่ตอนมีสอบ เธอก็มักจะเก็งข้อสอบมาให้ผมดูด้วยเสมอ”


“....”


“ต้องมีใครสักคนให้เธอหวังดีด้วยหรือรู้สึกว่ามีเพื่อนอยู่บ้าง”


ไม่มีใครพูดอะไรออกไปในระหว่างที่รามิลเล่า เขาพูดช้า ๆ และใช้เวลาคิดเล็กน้อยในช่วงรอยต่อของช่วงเวลา ดูเหมือนรามิลพยายามเหลือเกินที่จะเล่ามันให้ปะติดปะต่อมากที่สุด


“ตอนจบปีสาม เรารวมเงินกันจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ปกติไม่ค่อยมีใครสนใจพลอยนัก แต่คืนนั้นเธอแต่งตัวจัดเป็นพิเศษ มันไม่ถึงกับแย่ แต่เพื่อน ๆ ของผมมองว่าตลก”




‘เฮ้ย! สวยมาอ่อยมึงแน่เลยว่ะ’

‘ชุดดำมาเชียว แหม กูนึกว่าแม่ชีฝรั่ง’

‘ถ้าใส่ชุดขาวมานี่ กูว่าน้อง ๆ จูออนเลยนะ ฮ่า ๆๆ’





“ผมไม่คิดว่าพลอยจะกล้ามา... คืนนั้นเธอตัวติดกับผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรในตอนที่พวกเพื่อนในกลุ่มพยายามแกล้งมอมเหล้าเธอหนัก ๆ ทุกคนหัวเราะกันหนักมาก พลอยเรียกผมเสียงอ้อแอ้”


“....”


“ผมไม่ได้สนิทกับพลอยถึงขนาดที่ว่าจะอยากช่วยอะไรเธอ ไม่มีใครชวนพลอยด้วยซ้ำ! แต่ลึก ๆ ก็รู้ว่าเธอมาเพราะมีผม” ถึงตอนนี้รามิลเริ่มหายใจติดขัด มันคล้ายกับว่าสิ่งที่เขาจะพูดต่อจากนี้ยากเย็นเหลือเกิน “พลอยเมาหนักมาก เราเลยต้องยืมห้องนอนแขกของเพื่อนที่เป็นเจ้าของบ้าน”


“....”


“คืนนั้นผมไม่ได้ตั้งใจ แต่ --”








‘โอ๊ต มึงอย่าทำแบบนี้ดีกว่า’ ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะรั้งแขนคนที่กำลังจะลุกขึ้นเอาไว้ ตอนนี้ทุกคนเริ่มเมาเละอยู่ทางด้านนอก ไม่มีใครสนใจสักเท่าไรว่ากลุ่มผู้ชายติดเที่ยวด้านในบ้านกำลังทำอะไรกันอยู่


‘นิดนึงน่า มึงชอบพลอยหรือไงถึงต้องหวงด้วย’


‘พูดบ้าอะไร’ รามิลท้วงเสียงแข็ง แล้วก็รู้สึกผิดในเวลาต่อมาที่เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องของแพรพลอยมากไปกว่าสายตาที่ถูกมอง ‘กูไม่ได้เล่นด้วย’


‘แล้วมึงจะมาห้ามกูทำไม’ โอ๊ตแค่นยิ้ม ถึงจะชะงักไปเพราะโดนติง แต่พอประมวลผลจากองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างแล้วชายหนุ่มก็คิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่กล้าพูดอะไรมาก ‘แล้วน่าเชื่อตายห่าเลยว่าพลอยยังไม่โดนมึงเอา เว้นแต่มึงจะเป็นตุ๊ดว่ะไอ้เก้า’


‘ไอ้ --’


โอ๊ตไม่ได้กลัวถูกต่อยถึงแม้ว่าคอเสื้อกำลังอยู่ในมือของไก่อ่อนตรงหน้า มีผู้ชายที่ไหนถูกผู้หญิงอ่อยเป็นปี ๆ แล้วจะปล่อยผ่านไปได้ พวกเขาละสงสัยมาตั้งนานแล้วว่ารามิลจะเป็นพวกเก้งกวางอะไรแบบนั้น หน้าตาสำอางตุ้งติ้งอย่างมัน แต่ดันโมโหเป็นฟืนเป็นไฟทุกทีเวลาเจอใครแซวเรื่องเป็นเกย์


‘ว่าไง ตุ๊ดหรือเปล่ามึงอะ’


เป็นเขาเสียเองที่ไม่ต่างอะไรจากโดนต่อยหน้า การยืนเป็นไอ้งั่งแล้วปล่อยให้เพื่อนผู้ชายดูแคลนด้วยคำอย่างนั้น มันเป็นการเหยียบศักดิ์ศรีของรามิลจนมิดดิน อันที่จริงเขาควรใจแข็งกว่านี้ถ้ารู้ว่าตัวเองอยู่ผิดสังคมตั้งแต่ต้น เขาแค่กลัวการอยู่คนเดียว กลัวการแปลกแยก เพราะอย่างนั้นถึงได้หลับหูหลับตาแล้วใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยสนุก ๆ มาโดยตลอด เข้าร้านเหล้าบ้าง หรือบางครั้งรามิลก็มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงไปตามประสา แน่นอนเขารักศรัณย์ แต่ความรักนั้นยืนอยู่กับที่ สิ่งที่จะปกป้องตัวเองในสังคมได้ก็คือตัวเอง ถ้าความลับเรื่องคบผู้ชายเปิดเผย น่ากลัวว่ารามิลจะมองหน้าใครไม่ติดอีกเลย


‘กูไม่ได้เป็น’


‘แล้ว?’


‘กูชอบผู้หญิง’


รามิลไม่ปฏิเสธถึงแม้ว่าความหงุดหงิดจะตีขึ้นมาจนใบหน้าขาวแดงก่ำเพราะโทสะ ผุดลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอนแขกอย่างที่คิดว่าทุกคนคงอยากเห็น อ้อ แน่นอน พวกมันอยากให้เขาแสดงความเป็นผู้ชาย และถึงแม้วิธีนี้อาจจะสร้างความยุ่งยากตามมาหลังจากนี้ แต่รามิลก็เชื่อเช่นกันว่าแพรพลอยคงคุยได้ไม่ยากนัก


เขาปิดประตูล็อก ตาก็มองร่างที่นอนอ้อแอ้อยู่บนเตียงอย่างคนไม่รู้ประสา มือซึ่งคาอยู่ที่ลูกบิดชื้นเหงื่อ รามิลโทษฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทำให้เขาระงับความโมโหบ้า ๆ นั้นได้น้อยกว่าที่เคย ถ้าเขาไม่เข้ามา ผู้ชายที่อยู่ตรงนี้คงเป็นไอ้โอ๊ตหรือใครสักคน และแม้จะคิดว่านี่เป็นเรื่องเลวระยำสักแค่ไหน แต่รามิลกลับพาตัวเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องโง่ ๆ ครั้งนี้เสียแล้ว


‘เก้าเหรอ...’ แพรพลอยร้องเรียก เธอไม่รู้ตัวว่ากระโปรงทรงสอบสีดำนั้นเลิกขึ้นจนเห็นโคนขา ศีรษะหนักอึ้ง แล้วก็มองเห็นแค่เพื่อนชายซึ่งเดินเข้ามาจนหยุดอยู่ข้างเตียง


‘ทำไมปล่อยตัวเองเมาขนาดนี้ แล้วจะกลับบ้านยังไง’


‘เก้า...’ เธอเอื้อมมือมาคว้าแขนเขาไว้สะเปะสะปะ พยายามจะหยัดตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ‘ลุกไม่ไหวเลย’


รามิลคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ พรูลมหายใจก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ‘บ้านเธออยู่ไหน’


‘เก้า’


เขาจับแขนเธอพาดคอเอาไว้แล้วพยายามหาท่าทางเหมาะ ๆ เพื่อช้อนตัวขึ้นมาให้ได้ แต่ก่อนหน้านี้รามิลก็ดื่มไปหนักพอตัว นอกจากอาการรู้สึกมึนอยู่บ้างแล้ว เห็นจะเป็นเรี่ยวแรงที่น้อยลงกว่าปกติ ‘พลอย ช่วยกันหน่อย’ เขาส่งเสียงบอก แต่แพรพลอยก็ยังทำตัวหนักแล้วรังแต่จะยึดตัวเองไว้กับที่นอนทั้งอย่างนั้น เรียวขาชันขึ้นจนชายกระโปรงถกขึ้นเห็นซับใน มันไม่ใช่ท่าทางที่เหมาะสมเลยสำหรับชายหญิงซึ่งอยู่ตามลำพังบนเตียงสองต่อสอง ‘พลอย’ เด็กหนุ่มเรียกอีก พยายามจะพยุงหญิงสาวขึ้นมาทั้งที่ตัวเองก็จวนเจียนล้มตามไปอยู่หลายครั้ง


‘เรารักเก้า’ เธอพูดขึ้น ยกมือไร้เรี่ยวแรงวางนาบบนแก้มร้อนของเขา แต่แล้วมันก็ตกลงไปบนหน้าขากางเกงยีนส์ ‘รักมากเลย... เก้าใจดีกับเรา’


‘พลอย...’ รามิลพยายามปราม เขารู้ดีว่าอะไร ๆ จะยุ่งยากมากไปกว่านี้ถ้ายังลากแพรพลอยไปขึ้นรถแท็กซี่ไม่ได้ ‘เธอเมามากแล้วนะ กลับบ้านดีกว่า’


แพรพลอยขดตัวน้อย ๆ เธอบิดหน้าขาไปมาอย่างคนที่อยู่ในสถานะขาดการยั้งคิด สำหรับผู้หญิงที่ไม่เคยสัมผัสเรื่องเซ็กส์แล้ว การถูกกระตุ้นนิด ๆ หน่อย ๆ ก็สร้างอารมณ์กระสันได้ง่ายดาย ใช่ว่าเขาไม่รู้เรื่องที่แพรพลอยกำลังเป็นแบบนี้ เพียงแต่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ไม่อยากพาตัวเองเข้าสู่วังวนของความยุ่งยากหลังจากนี้


‘แล้วน่าเชื่อตายห่าเลยว่าพลอยยังไม่โดนมึงเอา เว้นแต่มึงจะเป็นตุ๊ดว่ะไอ้เก้า’


คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น จริงอยู่ที่รามิลไม่ได้โง่ถึงขนาดจะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดกับเขาเกินเพื่อนมาตลอด แต่ก็นั่นแหละ เขามีศรัณย์อยู่แล้ว และถึงจะนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่แพรพลอยนั้นห่างไกลกับลักษณะที่พึงจะคบในแง่ชู้สาวอย่างสิ้นเชิง


ร่างโปร่งเอี้ยวหน้ากลับไปมองบานประตูที่ปิดสนิท ก่อนจะกลับมาจับจ้องร่างผอมบางบนเตียงอีกครั้ง หล่อนยังครางเรียกเขา มือก็ปะป่ายสะเปะสะปะไปตรงนั้นตรงนี้ที ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือตอนที่มีสติสัมปชัญญะครบทุกอย่าง ผู้หญิงคนนี้ก็คงไม่มีวันปฏิเสธ


มันคงไม่ยุ่งยากอะไร ในเมื่อเรื่องคืนนี้แพรพลอยเป็นฝ่ายเรียกร้องเขาเอง











“....”


อ่า – ใช่ ต่อให้คนตรงหน้าจะดูเป็นคนที่บุคลิกสุภาพเรียบร้อยแค่ไหน แต่ก็คือผู้ชายอยู่วันยังค่ำ ในบางสถานการณ์ การยั้งคิดมีประสิทธิภาพต่ำลง สีหน้าของรามิลไม่เหมือนคนร้องไห้แล้ว หากแต่ยังคงเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ส่งผลให้แววตานั้นดูเงาวับ ชนกันต์รู้สึกปวดหนึบในใจขึ้นมาอย่างประหลาด ปกติเขาไม่เคยสักครั้งที่จะอยากนึกถึงหน้าผู้หญิงคนนั้น แต่ถ้าเรื่องที่รามิลเล่ากำลังเป็นไปในทิศทางที่คิดจริง ๆ ดวงตาดำด้านคู่นั้นก็คงสื่อถึงหัวใจที่แหลกสลายของเธอได้เป็นอย่างดี


หมอศรัณย์ไม่ได้ขยับตัวเลยในขณะที่ฟังเรื่องเมื่อครู่ ดวงตากลมโตยังคงทอดมองไปข้างหน้า น่าเชื่อว่าคงเป็นผนังสีครีมอ่อนมากกว่าคนบนเตียง ส่วนหมออธิศไม่ได้พูดอะไรออกมาในทันที ชนกันต์เห็นแผ่นหลังกว้างนั้นขยับเพราะการเปลี่ยนท่าทาง


“แล้วหลังจากนั้นเป็นยังไงครับ”


คนเล่าปล่อยให้เวลาผ่านทิ้งไปเฉย ๆ ในขณะแสดงสายตาขบคิดต่อคำถาม สักพักเขาถึงได้ยอมพูดต่อ “หลังมีอะไรกับพลอยเสร็จ ผมก็ตรงดิ่งกลับหอ คนอื่นยังนั่งกินเหล้าอยู่ข้างนอก พวกมันยิ้มอย่างกับรู้ดีว่าผมทำอะไรมา”


“แพรพลอยล่ะ”


“ผมปล่อยพลอยไว้อย่างนั้น แต่โอ๊ตบอกว่าไม่ได้ทำอะไรแล้ว พอเมาตื่นมาตอนเช้าเธอก็หายไป”


“....”


“วันนั้นพลอยโทรมาหาผม เราเลยนัดคุยกันที่ร้านข้าวแถว ๆ มอ เธอบอกผมว่าไม่เป็นอะไร ไม่เป็นไรเลย ผมถึงได้เบาใจและคิดแค่ว่าต้องทิ้งระยะห่างกับเธอหลังจากนี้” ฟังดูง่ายดายและเป็นไปได้ยาก แต่นั่นคือสิ่งที่รามิลต้องการจะสื่อ “พลอยโทรมาหาผมบ่อยขึ้น ผมไม่ค่อยอยากรับ เลยหาข้ออ้างต่าง ๆ นานาว่าไม่ค่อยว่าง แต่พอเปิดเทอม ผมก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดีเพราะเราเรียนเซคเดียวกัน”


“....”


“วันแรกที่เปิดเทอม พวกไอ้โอ๊ตเขียนคำว่าง่ายต้อนรับเธอบนกระดานห้องเรียน ตอนนั้นผมโกรธและอายมาก อายเกินกว่าจะมานั่งสนใจว่าพลอยรู้สึกยังไง ผมเถียงกับเพื่อนในกลุ่มจนเป็นเรื่องใหญ่ คืนนั้นผมไม่ได้จริงจัง อันที่จริงมันไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของผมด้วยซ้ำ” เสียงทุ้มนุ่มราบเรียบขึ้น รามิลตอนนี้ดูออกได้ง่ายว่าใช้ความคิดในทุกประโยคที่เอื้อนเอ่ยออกมา “ผมเคลียร์กับพลอยอีกรอบ บอกให้เธออยู่ห่าง ๆ ถ้าไม่อยากตกล่องปล่องชิ้นเป็นขี้ปากไปด้วยกัน”


“....”


“แต่พลอยไม่เข้าใจ... เธอไม่พยายามเข้าใจอะไรเลย”




‘ทำไมล่ะ? เราเป็นเหมือนเดิมก็ได้นะ’

‘พลอย ที่เราพูด --’

‘ที่เราไม่เป็นไรก็เพราะว่าเราอยากอยู่กับเก้า’





“เธอโทรมาบ่อยขึ้น แทบจะตลอดเวลา ไม่เว้นช่องว่างให้ผมได้หายใจ” ถึงตอนนี้ร่างโปร่งหันมาทางชนกันต์ ไม่ใช่สิ เป็นคนข้าง ๆ ต่างหาก “ผมก็เลยจงใจให้เธอรู้ความลับบางอย่าง เพราะคิดว่ามันน่าจะทำให้พลอยตัดใจได้ง่ายขึ้น”


“....” มือข้างที่ไม่ใส่เฝือกขยุ้มขากางเกงจนเกิดรอยเส้นเลือดบนท่อนแขน ไหล่ลาดของศรัณย์สั่นเทาน้อย ๆ แต่สายตาก็ยังสบเข้ากับรามิลโดยไม่ละจากกัน


“ผมบอกให้เธอเอาชีทมาให้ที่คอนโด ฯ”


“....”


“ให้เธอเจอพี่”










‘รอนานหรือเปล่าเรา?’


ร่างโปร่งหันไปยิ้มรับ ฟังเสียงกุญแจรถในมือของคนรักกระทบกันทุกจังหวะที่ศรัณย์ก้าวเข้ามาหา หางตาปราดมองไปทางแพรพลอยซึ่งยืนหลบอยู่หลังเสาต้นใหญ่เมื่อถูกใครบางคนตัดหน้าเดินเข้าไปหาเพื่อนชายโดยไม่รู้เรื่องราว


‘ไม่นานครับ ผมคิดถึงพี่’


ศรัณย์ชะงักไปเล็กน้อย ปกติรามิลไม่ใช่คนปากหวาน แต่มันก็น่าเอ็นดูเสียจนเขาต้องเอื้อมมือไปโคลงศีรษะคนรักเบา ๆ ‘น่าหมั่นเขี้ยวจังไอ้แสบ ขึ้นห้องกันดีกว่า’


‘....’










ตาเรียวรีของชนกันต์เบิกขึ้นน้อย ๆ เมื่อต้องรับรู้ข้อมูลใหม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนตรงหน้านั้นเป็นไปในทางที่เขานึกไม่ถึง หากแต่การที่อธิศหันมามองเพื่อนร่วมงานเพียงเสี้ยววินาที ทำให้คิดได้ว่าเจ้าตัวเองก็คงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน หมอศรัณย์กับนักศึกษาแพทย์รามิลมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง และนั่นคือความลับที่ทำให้หัวใจผู้หญิงคนหนึ่งแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี


“แต่เรื่องมันเป็นไปในทางตรงกันข้าม พลอยยิ่งแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมมากกว่าเก่า เธอชอบใจถ้าจะมีใครสักคนสงสัยเรื่องความสัมพันธ์นี้ แต่ผมพยายามห่างออกมา เลี่ยงเท่าที่จะเลี่ยงได้ จากอึดอัดก็เริ่มกลายเป็นรำคาญ พลอยโทรหาผมแม้กระทั่งในตอนที่เธอรู้ทั้งรู้ว่าผมอยู่กับพี่เสือ” ดวงตาของเด็กหนุ่มยังคงแดงก่ำ น้ำเสียงกดต่ำฟังดูรุนแรงและส่อเค้าถึงสถานการณ์เลวร้ายในตอนนั้น “จนวันที่เรากลับจากค่าย...” รามิลแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาก “รถบัสจอดแวะที่ปั๊มน้ำมันให้พวกเราแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว อาจจะสักหกโมงหรือทุ่มหนึ่ง ผมจำได้แค่ฟ้าเริ่มมืดแล้ว”


“....”


“พลอยลากผมไปคุยแถว ๆ หลังปั๊ม มันค่อนข้างเปลี่ยว แต่ก็ทำให้แน่ใจว่าระหว่างนั้นคงไม่มีใครผ่านมาได้ยินเรื่องที่เรากำลังจะพูด”


“....”


“เธอบอกว่าเธอท้อง”


“....!” ชนกันต์เบิกตามองเสี้ยวหน้าของรามิลหลังจากพูดประโยคนี้ด้วยใจเต้นระส่ำ ไหล่ของหมออธิศยังคงนิ่งสงบ จากนั้นจึงหันมามองคนข้างตัวเพียงเพื่อเห็นว่าหมอศรัณย์กลับไปก้มหน้าก้มตามองพื้นแล้ว หากแต่เส้นเลือดที่หลังมือและท่อนแขนมีแต่จะยิ่งปูดโปนจนเห็นได้ชัดกว่าเก่า อยากรู้เหลือเกินว่าตอนนี้จิตแพทย์หนุ่มกำลังทำหน้าอย่างไรอยู่ ถ้าแพรพลอยเสียชีวิตในขณะที่กำลังตั้งครรภ์อยู่จริงคงเป็นเรื่องที่สะเทือนใจมาก เขาเองก็มีส่วนในโศกนาฏกรรมครั้งนี้ อกซ้ายบีบรัดแน่นขึ้นทุกทีเพียงแค่คิดอยากย้อนเวลากลับไปในคืนนั้นและลงไปดูร่างของเธอให้แน่ใจ


“แล้วเธอตั้งครรภ์จริง ๆ หรือเปล่าครับ” อธิศถามขึ้น น้ำเสียงไม่ได้สบอารมณ์ไปในทางใดทางหนึ่งเสียทีเดียว


“ผมไม่แน่ใจ” รามิลกดใบหน้าลงต่ำ “คืนนั้นไม่มีถุงยาง ผมก็เลยปล่อยนอก แต่อีกใจก็คิดว่ามันอาจจะเป็นลูกเล่นของพลอยเพื่อให้ผมรับผิดชอบ”










‘เธอท้องเหรอ?’


เสียงทุ้มแค่นสมเพช ยิ่งทำให้หญิงสาวในชุดเดรสสีขาวตัวเก่งของเธอยืนหน้าชาด้วยท่าทางที่งุ่นง่านเสียยิ่งกว่าเก่า แพรพลอยพยักหน้า ‘เรา -- ผลตรวจเป็นสองขีด’


รามิลสูดลมหายใจลึก เขาโผล่หน้าออกไปมองไปรอบ ๆ ราวกับให้แน่ใจว่าเพื่อนคนอื่นยังคงทำธุระของตัวเองกันอยู่ ดวงตาสั่นระริกไปด้วยความโมโห หงุดหงิด แล้วก็สารพัดสิ่งที่แพรพลอยทำให้เขารู้สึก แล้วอย่างไรต่อ เขาควรแสดงความรับผิดชอบแล้วรีบไปลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อหางานทำเลี้ยงเมียที่กำลังท้องอย่างนั้นเหรอ นี่มันไม่เข้าท่าเอาเสียเลย เป็นเรื่องเลวร้ายระดับต้น ๆ ที่รามิลไม่อยากได้ยิน มือเรียวลูบใบหน้าตัวเองจนแดงก่ำ นึกอยากเขวี้ยงอะไรสักอย่างลงกับพื้นแรง ๆ ให้มันพัง แต่เขาก็กำไว้ได้แค่ลมเย็นที่ชวนให้หงุดหงิดยิ่งว่าเก่า


‘ไม่เข้าใจหรือไงว่าเราไม่ได้ชอบพลอย’


‘เก้า...’


‘ไม่แม้แต่จะคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นไปได้ด้วยซ้ำ’


‘เรา...’


‘หรือต่อให้ท้องขึ้นมาจริง ๆ แต่สิ่งที่อยู่ในท้องของเธอน่ะมันว่างเปล่า’


‘….’


‘มันไม่มีค่าอะไรกับเรา’


‘….’


‘พอได้แล้ว’


เขาเดินออกมาจากตรงนั้น เดินออกมาแม้จะได้ยินเธอส่งเสียงกับตัวเองด้วยความอัดอั้นเหมือนจะตาย แพรพลอยทรุดตัวลงร้องไห้ ร้องไห้ให้กับผู้ชายที่ไม่แม้แต่จะคิดหันกลับไปพยุงเธอเอาไว้


เธอไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น










นัยน์ตาของศรัณย์แดงก่ำ มันคลอด้วยน้ำใส ๆ ที่หยดลงบนหลังมือจนต้องรีบปาดออกอย่างลวก ๆ ชนกันต์สะดุ้งอีกครั้งเมื่อร่างผอมของอายุรแพทย์ยืนเต็มความสูงโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าสองคนที่อยู่ตรงเตียงจะหันมา บรรยากาศโดยรอบตึงเครียด ถ้าเทียบความรู้สึกเป็นอะไรสักอย่าง มันก็คงบางเหมือนเส้นด้ายที่กำลังดีดตัวเพราะถูกขึงไว้ตึงเกินไป


ศรัณย์เดินวนอยู่แถว ๆ หน้าประตูห้องด้วยท่าทางงุ่นง่าน และก่อนที่เขาหรืออธิศจะเอ่ยปากให้รามิลเล่าต่อ เสียงทุบเข้ากับกำแพงห้องน้ำก็ดังขึ้นมา ตุ้บ มันหยุดทุกอย่าง หยุดแม้กระทั่งปีศาจในใจรามิลให้ตัวเล็กลงเท่ากำมือ


อธิศชั่งใจว่าเขาควรออกไปห้องนี้สักพัก แต่เสียงสั่น ๆ ของรามิลก็รั้งทุกอย่างเอาไว้ “ผมทิ้งเธอไว้ตรงนั้น”


ชนกันต์เกือบจะสบถออกไปว่าอะไรนะ แต่เขาก็หุบปากตัวเองไว้ได้ทัน


“บนรถไม่มีใครเอะใจเรื่องพลอยหายไป พอเริ่มเข้ากรุงเทพ ฯ ก็มีคนขอทยอยลงระหว่างทางบ้างประปราย ตอนเรากลับถึงมหา’ลัย ฝนกำลังตก ทุกคนเลยชุลมุนเอาสัมภาระของตัวเองแล้วรีบแยกย้ายกันกลับ”


“....”’


“นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นพลอย”


“....”


“....”


ห้องทั้งห้องตกสู่ห้วงความเงียบอีกครั้ง ริมฝีปากของรามิลกลับเป็นเส้นตรงปิดสนิทดังเช่นก่อนหน้า อธิศนิ่งเงียบใช้ความคิด ในขณะที่ชนกันต์ยังคงไม่ละสายตาจากศรัณย์ที่ยืนหันหน้าเข้ากำแพงแล้วซุกศีรษะไว้กับท่อนแขน จิ๊กซอว์ถูกปะติดปะต่อเข้าด้วยกันทีละชิ้น รูปคดีก่อขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง เหลือช่องโหว่ก็แค่ตัวคนร้ายที่แท้จริงซึ่งยังลอยนวลอยู่ที่ไหนสักแห่ง


แม้แต่จิตแพทย์เพียงคนเดียวในที่นี้ยังดูเก้ ๆ กัง ๆ จนผิดปกติ อธิศคงไม่รู้จะพูดอะไร แต่เขาก็ต้องพูดเพื่อเบนเข็มการพูดคุยในครั้งนี้ให้เป็นไปในทางที่ควรจะเป็น “ผมคิดว่าเดี๋ยวทางตำรวจก็คงติดต่อมาเพื่อขอสอบปากคำคุณ ตอนนี้ศพยังอยู่ในขั้นตอนชันสูตร อีกราว ๆ สองสามวัน --”


“นายทำอะไร”


เสียงของศรัณย์เบาหวิว หากแต่มันก็หยุดเสียงของอธิศได้ชะงัดนัก


รามิลมองตอบสายตาแข็งกร้าวของคนตรงหน้า ข้างแก้มศรัณย์มีน้ำตาเช่นเดียวกัน ดวงตายังพร่ามัวและมือที่ไร้เรี่ยวแรงก็บีบผ้าห่มแน่นขึ้นอีก เขาเกลียดสายตาแบบนั้น


“ฉันถามว่านายทำอะไร รามิล!” มือเรียวยกขึ้นชี้หน้าคนรัก อายุรแพทย์หนุ่มยังคงยืนอยู่แถว ๆ หน้าประตู มันอาจจะมีกำแพงจาง ๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งคู่หลังเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นได้ สายของศรัณย์ถึงได้ดูเกรี้ยวกราดและห่างเหินจนน่าใจหาย


“พี่เสือ...”


แน่นอน รามิลคิดว่าศรัณย์ไม่เคยชี้หน้าเขา ไม่เคยแม้แต่จะขึ้นเสียงและทำตัวเป็นคนไร้ความอดทนเฉกเช่นตอนนี้ ภายใต้น้ำตาเป็นประกาย มันไม่ได้สะท้อนภาพคนรักอย่างเขา แล้วเด็กหนุ่มก็ไม่ได้คาดหวังการยกโทษหรือปลอบประโลม ตอนนี้มันเลวร้ายกว่านั้นหลายเท่า


ริมฝีปากของศรัณย์แห้งผาก มันคล้ายจะขยับเป็นคำพูดมากมายแต่แล้วก็เงียบไป


แล้วถ้าความลับนั้นมันร้ายแรงล่ะ เขาจะรับไหวหรือเปล่า


จะกอดเด็กคนนี้ไว้แน่น ๆ แล้วแค่ดุว่าทำไมไม่บอกกันแต่แรกใช่ไหม


หลังจากนั้นก็แก้ปัญหาไปด้วยกันเหมือนอย่างที่เคยทำ


“ตอบสิ พูดมันออกมาให้หมด”


ศรัณย์ตวาดทั้งน้ำตา เขาไม่เคยกล้าฟัง กลัวความจริง กลัวว่าใจตัวเองจะรับไม่ได้ถ้าหากความลับนั้นแพร่งพรายออกมาจากปากคนที่รักที่สุด บานกระจกแตกได้พัดพาเอารักและศรัทธาให้ลงสู่หุบเหวลึก พัดพาเอาความเกรี้ยวกราดและสิ้นหวังขึ้นมาแทนที่ ตอนนี้มันยิ่งใหญ่เหมือนท้องฟ้า ครอบคลุมจิตใจให้กลายเป็นสีเดียวกับพายุฝนที่เกลียดนักเกลียดหนา


รามิลกลัวเหลือเกิน – กลัวว่าในวันนี้เขาจะมีค่าน้อยยิ่งกว่าเม็ดฝน


“พี่อย่าพูดแบบนั้นกับผม...”




‘เพราะว่าเลือกพี่ ผมถึงได้ทำแบบนั้นกับพลอย’




ใช่
จนถึงตอนนี้ศรัณย์ก็ยังรู้จักเขาดีกว่าใคร


ร่างโปร่งเกร็งสะท้าน จับจ้องสายตาตอบกับคนรักท่ามกลางความตึงเครียดภายในห้อง ตอนนี้อธิศอาจจะอยากเข้ามาห้ามคนทั้งคู่ แต่ตรงกันข้าม จิตแพทย์หนุ่มส่งซิกบอกชนกันต์ให้นิ่งเข้าไว้เมื่อสายตาของรามิลยิ่งฉายชัดถึงการปิดบังบางอย่าง ลมหายใจหอบขึ้นจมูก ม่านตาขยายใหญ่ และลำคอเกร็งแข็งจนส่งให้บุคลิกออกมาแปลกประหลาด


“เก้า”


“ผมไม่ได้ฆ่าเธอ!”


นักศึกษาแพทย์ตวาดเสียงกร้าว น้ำตารื้นขึ้นอาบใบหน้าเช่นเดียวกับที่ศรัณย์กำลังมองเขา แม้ในขณะที่หอบหายใจ ทั้งคู่ก็ไม่ได้ละสายตาจากกันและกัน มันทั้งมืดมน แตกสลาย และร้าวรานจนไม่คิดว่ามีทางใดจะต่อให้ติดได้อีกครั้ง


“ผมไม่ได้ทำ”


“....”


“อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น พี่เสือ”




เพล้ง


แก้วบนโต๊ะหัวเตียงถูกปัดลงแตกกระจายที่พื้นเหมือนกับในวันนั้น โทสะทำให้เด็กหนุ่มดูโมโห งุ่นง่าน และทำอะไรไม่ถูกหลังจากที่รู้ตัวว่าได้ระเบิดอารมณ์รุนแรงออกไปต่อหน้าคนนอกอีกถึงสองชีวิต เพราะในตอนนั้นเขาไม่มีอะไรเลย กำได้แค่ลมเย็น ๆ ที่แสนว่างเปล่า รามิลไม่มีสติ ไม่มีการยั้งคิดใด ๆ นอกเหนือจากโทสะซึ่งกำลังก่อตัวขึ้นครอบงำจิตใจ


พลอยหายไปเสียได้ก็ดี เขาคิดแบบนั้น









กระเป๋าของแพรพลอยยังคงวางอยู่บนที่นั่งเดี่ยวข้างหน้าของเธอ รามิลรู้ว่าไม่มีใครนั่งตรงนี้ ไม่มีใครอยากเสวนาหรือแม้แต่จะรับรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นยังอยู่บนรถคันนี้ด้วย ทุกคนเริ่มทยอยกันเดินกลับมาที่รถเพราะเงาครึ้มของฟ้าฝนกำลังทอดตัวลงมา การนั่งรถในขณะฝนตกไม่ใช่สิ่งที่ก่อให้เกิดความรู้สึกปลอดภัยนัก


รามิลรู้ดีว่าใครบางคนยังคงอยู่ตรงนั้น หลังอาคารสำนักงานเก่า ๆ และกำแพงสูงสองเมตรที่กั้นระหว่างตัวปั๊มและทุ่งโล่งไกลสุดลูกหูลูกตา เขาหยิบเอากระเป๋าถือของแพรพลอยติดมือไปยังเบาะหลัง เสียงเปิดประตูรถบัสดังขึ้นพร้อมกับเสียงจอแจของเพื่อนร่วมคณะกลุ่มใหญ่ นั่นทำให้เด็กหนุ่มรีบยัดกระเป๋าถือผู้หญิงลงในเป้ส่วนตัวก่อนที่ใครจะทันสังเกตเห็นเข้า


รามิลก็แค่ไม่อยากเจอแพรพลอยตอนนี้ อยากให้เธอสิ้นหวังและรู้ซึ้งว่าเขาน่ะมันเลวร้ายสิ้นดี


ทอดมองปั๊มน้ำมันซึ่งอยู่ไกลสายตาออกไปจากการเคลื่อนตัวของรถบัส ใจหนึ่งบอกให้รีบวิ่งลงไปตามเธอ หรืออย่างน้อย ๆ ก็บอกคนขับว่าบนรถมีคนไม่ครบ ผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่


แต่ก็เพราะเขามันร้ายไง


ครืด... ครืด...


มันสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงเป็นสิบ ๆ รอบ ส่งผ่านว่าเธอคงจะร้อนรน สิ้นหวัง และต้องการความช่วยเหลือจากเขาผู้ซึ่งเป็นโลกทั้งใบมากแค่ไหน รามิลรำคาญ ยิ่งเธอโทรมามากเท่าไรก็ยิ่งตอกย้ำให้เขารู้สึกผิดและอยากย้อนเวลากลับไปช่วยมากขึ้นเท่านั้น


ช่างเถอะ ยังไงก็คงหาทางกลับมาเองจนได้ แล้วจะได้เกลียดขี้หน้ากันให้หมดเรื่อง


มือเรียวลอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้ในมือ รามิลแสร้งทำทีเป็นปกติ หันไปหัวเราะกับมุกตลกลามกของเพื่อนในกลุ่ม เพื่อนที่ถึงจะเข้ากันไม่ได้ แต่ก็ช่วยสร้างสังคมให้เขาแทนที่จะพยายามพังมันลงเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง เพียงแค่คิดว่าอนาคตต้องถูกแพรพลอยทำลายเพราะเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ รามิลก็โกรธขึ้งเสียจนกดปิดโทรศัพท์โดยไม่สนใจสามสิบกว่าสายที่ไม่ได้รับซึ่งปรากฏบนหน้าจอ


เขาเบาใจและเก็บมันกลับใส่กระเป๋ากางเกงโดยที่ไม่มีอะไรมากวนใจอีก


เมื่อถึงมหาวิทยาลัย รามิลเอากระเป๋าไปยัดไว้ในล็อกเกอร์ว่างที่ไม่ได้ล็อก เดินผ่านคนขับรถซึ่งกำลังงุนงงกับกระเป๋าสัมภาระสีน้ำเงินที่ไม่มีใครมาเอา ชายแก่ทำท่าจะถาม แต่ร่างโปร่งก็เร่งฝีเท้าเดินจากมาทั้งที่รู้ว่าเจ้าของไม่มีทางกลับมารับมันได้ในตอนนี้


คืนนั้นฝนไม่ได้ตกหนัก แต่จิตใจของเด็กหนุ่มกลับดำทะมึนเสียยิ่งกว่าท้องฟ้า








------------------------------------------------------


( มีต่อ )




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2015 20:50:54 โดย เข่งสะพานปลา »

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #309 เมื่อ11-03-2015 20:52:50 »

( ต่อ )





“ผมไม่คิดว่าเธอจะหายไป! ได้ยินไหม ผมไม่ได้คิดว่าพลอยจะถูกฆ่าแค่เพราะว่าผมทิ้งเธอไว้ตรงนั้น!” เสี้ยวหน้าของรามิลเหมือนปีศาจ ชนกันต์พยายามจะเชื่อว่าน้ำตาอาจทำให้นักศึกษาแพทย์ตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนขึ้น แต่ไม่เลย เขานึกภาพรามิลที่อมยิ้มอย่างสุภาพในร้านอาหารคืนนั้นแทบไม่ออกเสียแล้ว


สายตาของศรัณย์ผิดหวังยิ่งกว่าเก่า มันเจ็บปวด แม้ว่าน้ำตาจะหยุดไหล หากแต่ลาดไหล่กลับสั่นเทาด้วยความอัดอั้นหลังได้รู้ความจริงซึ่งประดังประเดเข้ามาลบภาพเด็กคนนั้นไปจนหมดสิ้น คนถูกมองหอบหายใจจนตัวโยน ถ้าไม่ติดว่าที่ขาขวานั้นยังใส่เฝือกและไม่สามารถขยับไปไหนได้สะดวก ชนกันต์ก็เดาได้ยากเหลือเกินถึงสิ่งต่อจากนี้


“อย่าเกลียดผม”


รามิลวอนขอ เสียงสั่น ๆ ยิ่งเบาลงเมื่อเห็นคนรักยกมือขึ้นเสยเรือนผมจนยุ่งไม่เป็นทรง ร่างของศรัณย์คล้ายจะเซถอยไปข้างหลัง เขาไม่ได้เกาะยึดกับกำแพงเอาไว้ แต่กลับปล่อยให้ตัวเองคว้างไปกับบางสิ่งบางอย่าง อาจเป็นความรัก ความศรัทธา หรือพายุฝนที่แพทย์หนุ่มไม่เคยรู้สึกชอบมัน


“ขอร้อง”




ในฐานะของคนรักแล้ว ศรัณย์อภัยให้รามิลได้ทุกเรื่อง


แต่ไม่ใช่ในฐานะของผู้ชายคนหนึ่ง




สายตานั้นทอดมองใครคนที่ไม่เคยรู้จักมาตลอดห้าปี สำหรับศรัณย์แล้ว ความรักนั้นยิ่งใหญ่ แต่ความไว้ใจต่างหากที่เปราะบาง


“พี่เสือ”


เสียงทุ้มนุ่มประวิงขอ จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ต่อให้มีตำรวจร้อยนายมายืนล้อมรอบ ตราบใดที่มีพี่เสือ เขาก็พร้อมรับทุกอย่าง อายุรแพทย์ลดมือลงแล้วกำมันไว้ข้างตัว ใบหน้าอาบคราบน้ำตาส่ายไปมาอย่าง ช้า ๆ มันเจ็บปวด เจ็บเสียยิ่งกว่าตอนที่ชี้หน้าด่าคนรักด้วยความกราดเกรี้ยวนั้นเสียอีก


“พี่คิดไม่ถึง”


“....”


“ว่านายจะเป็นคนแบบนั้น”


ก้อนสะอึกตีขึ้นมาจุกตรงคอ รามิลรู้ดีว่าในสายตาของคนรักนั้นเขาได้กลายเป็นใครอีกคนที่เลวร้ายเกินรับไหว เป็นผู้ชายที่ทิ้งผู้หญิงคนหนึ่งให้พบจุดจบของชีวิตอย่างเลือดเย็น


“นี่ไม่ใช่เก้าที่ฉันรู้จัก”


ศรัณย์เลือกหันหลังให้รามิล




สิ้นเสียงประตูปิด อธิศและชนกันต์ก็เห็นเพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังร้องไห้อย่างหมดหวัง พวกเขาไม่มีตัวตนอีกแล้ว โลกทั้งใบของรามิลคงพังทลายลงนับตั้งแต่ได้ยินประโยคนั้น และตอนนี้ศรัณย์เองก็คงจะร้องไห้อยู่ที่ไหนสักแห่งข้างนอกนั่น


ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ รามิลคงไม่ทำเช่นนั้น เขาคงตัดสินใจเดินไปบอกคนขับให้หยุดรถ เช่นเดียวกับที่ชนกันต์จะแข็งใจลงไปดูให้แน่ชัด ต่อให้ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็ตามที เราทุกคนล้วนคิดถึงตัวเองเป็นที่ตั้ง หลายครั้งที่เราไม่เคยรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แค่เลือกทำในสิ่งที่เป็นปัจจุบัน และปัจจุบันนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นอดีต ทั้งสามล้วนเป็นสิ่งเดียวกันมาตลอด


ประโยคหนึ่งของจอร์จ อีเลียต ดังก้องขึ้นมาในความคิดของอธิศอีกครั้ง





Our deeds determine us, as much as we determine our deeds.

การกระทำตัดสินเรา เท่ากับที่เราตัดสินใจกระทำ







TBC





----------------------------------------------------



ในที่สุดก็ได้เวลากรี๊ด 555555555555555555555
สารภาพว่าตอนนั้นเราตกใจมากค่ะที่เห็นคุณ ZEZEN พูดถึงข้อความนี้ขึ้นมายังกับรู้แน่ะ
แต่ก็ต้องทนเก็บไว้ รอจนได้พูดถึงในตอนนี้ :heaven

อย่าทำแบบนี้นะคะ เราคิดว่าคุณต้องเคยได้อ่านข้อความนี้แน่

Over deeds determine us, as much as we determine our deeds.
การกระทำตัดสินเรา เท่ากับที่เราตัดสินใจกระทำ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
« ตอบ #309 เมื่อ: 11-03-2015 20:52:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #310 เมื่อ11-03-2015 21:33:33 »

ตอนนี้มันนิยายสืบสวนใช่ไหมคนเขียน ตอบ!!
ฮ่าๆๆ สนุกมาก ยาวสะใจ ไซส์จัมโบ้ (เอ่อ คิดอะไรของฉันอยู่เนี่ย)

 o13 o13 o13 เธอจ๋าจงมารับเป็ด  :m23: :m4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #311 เมื่อ11-03-2015 21:43:44 »

เริ่มคลี่คลายละ ตกลงว่ายังไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่า แต่ก็พอจะรู้ว่าการกระทำของแต่ละคนมีผลยังไง
เป็นอุทาหรณ์ว่าการกระทำของเราส่งผลกระทบถึงคนอื่นด้วย ดังนั้นเวลาจะตัดสินใจทำอะไรก็ให้นึกถึงคนอื่นบ้าง
อย่างน้อยถ้ามานึกถึงทีหลังจะได้ไม่เสียใจในสิ่งที่ได้ทำลงไป สินะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ pim_onelove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #312 เมื่อ11-03-2015 22:02:02 »

อ้าวสรุปแพรพลอยตายเพราะคนอื่นจริงๆ ใช่ไหม แล้วที่โดนรถชนล่ะ?
แล้วใครรัดคอฆ่าแพรพลอย? โอ๊ยยยยยยยยย สนุกและลุ้นตามมากๆ

ออฟไลน์ bluelatte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #313 เมื่อ11-03-2015 22:09:06 »

ลุ้นจนตัวโก่ง อยากเห็นหน้าพี่หมออธิศจริงๆ ว่าเฮียแกทำหน้ายังไงตอนซักฟอกรามิลเนี่ย

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #314 เมื่อ11-03-2015 22:11:30 »

ใช่แล้ว การกระทำบ่งบอกถึงจิตใจมนุษย์จริง ๆ......

ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 843
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #315 เมื่อ11-03-2015 22:18:33 »

เม้นนี้ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ นะคะ//

พออ่านจบตอนนี้เราไม่รู้สึกสงสารแพรพลอยเลยค่ะ เก้าชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่าไม่ได้รู้สึกอะไร พลอยต่างหากที่คิดไปเอง แล้วพอมีอะไรกับเขาทั้งๆที่ตัวเองก็สมยอม จะมาทวงถามความรับผิดชอบ ง่ายๆคือตอนแพรพลอยมีชีวิตอยู่ เธอไม่ได้ดูน่าสงสารนะ เธอดูน่าสมเพสมากกว่า ถ้าวันนั้นเก้ารับผิดชอบแพรพลอย แล้วชีวิตเก้าล่ะ ต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รักงั้นเหรอ แล้วแพรพลอยจะมีความสุขจริงๆเหรอ ?

แต่ถ้ากลับกลายเป็นว่าเก้าฆ่าแพรพลอย ก็ถือซะว่าเราไม่เคยเม้นอันนี้นะ 55555555555  :laugh:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #316 เมื่อ11-03-2015 22:23:28 »

ชอบบบบบบบบบบบบ ยิ่งอ่านยิ่งเข้มข้น ><

ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #317 เมื่อ11-03-2015 22:24:50 »

สนุกมากกกกกก แล้วตกลงใครฆ่าพลอยหนาา

ออฟไลน์ caramely

  • พลัง(จิ้น)ของสาววายยากแท้หยั่งถึง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #318 เมื่อ11-03-2015 22:30:46 »

ตอนนี้ความจริงก็กระจ่างจนเกือบหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆนอกจากอารมณ์นี้เลย  :hao5: :sad4: :m15: :o12:

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #319 เมื่อ11-03-2015 22:50:11 »

เอ... สรุปว่า แพรพลอย ถูกฆาตกรรมรัดคอ ถ่วงน้ำ นั่นคือสาเหตุการตาย
แล้วที่น้องกันต์ชนล่ะ รถมีร่องรอยชนอะไรสักอย่างจริง คือ ชนแพรพลอยจริง ๆ เหรอ
งั้นตอนที่น้องกันต์ชนแพรพลอย แพรพลอยยังมีชีวิตอยู่ อย่างนั้นเหรอ ยังไงอ่ะ
หรือเราอ่านอะไรข้ามไปอ่ะ  :mew2:

ตอนนี้มันช่างกดดันเหลือเกิน สงสารทุกคนเลย ฮืออออ  :monkeysad:

จริง ๆ แพรพลอย น่าจะตามไปหลอกพวกไอ้โอ๊ตด้วยซะเลยนะ พวกนี้ก็เลวร้ายเหมือนกันแหละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2015 07:25:41 โดย PURE LOVE »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
« ตอบ #319 เมื่อ: 11-03-2015 22:50:11 »





ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #320 เมื่อ11-03-2015 23:30:41 »

โอยยย เรื่องมันเศร้า แต่คงไม่มีอะไรเศร้าเท่ากับการที่คนที่เรารักหันหลังให้แล้วล่ะ อย่างคำที่ว่า
'ต่อให้คนทั้งโลกหันหลังให้ฉัน ขอแค่คุณยังอยู่ข้างฉันไม่ไปไหน' จริงๆแล้ว......... เราคิดเองล่ะ 5555
แต่ก็อย่างที่ว่า ถ้าเลือกที่จะปิดบังความผิดตัวเอง แม้แต่วินาทีสุดท้าย จนแม้ความลับถูกเปิดเผย เราก็ต้องยอมรับผลที่มันตามมา เพราะเราได้เลือกจะปิดมันไว้แล้ว และในโลกนี้ มันไม่เคยมีความลับอยู่จริงๆหรอก
ถ้าจะให้บอกว่ารามิลผิดหรือเปล่าที่เขาทำแบบนั้น แน่นอนเค้าผิด ถ้าเราใช้ตรรกะและเหตุผลของเราตัดสิน
แต่ทุกๆคนย่อมมีเหตุผลของตัวเอง และเหตุผลของรามิล แม้จะเห็นแก่ตัว  ก็คือเค้าไม่อาจจะแชร์ความรู้สึกกับใครได้ ยิ่งกับคนที่รักด้วยแล้ว ใครจะกล้าบอกล่ะจริงป่ะ? เค้าก็เลยเลือกที่จะใช้สัญชาตญาณของตัวเองแทน
และสุดท้าย ผลลัพธ์ที่มันออกมา แม้จะไม่ได้เป็นแบบที่เค้าคิด และดูว่าจะเลวร้ายแบบสุดๆ แต่ต่อให้เค้าจะอยากย้อน ก็คงจะย้อนกลับไปไม่ได้ กันต์ก็ด้วย หรือแม้แต่ศรันย์เอง เค้าก็คงคิดว่าถ้าย้อนไปได้ หรือถ้าเป็นไปได้เค้าก็อยากจะทำแบบนั้น หรือไม่ทำแบบนั้น แต่เพราะมันกลับไม่ทันแล้วไง อดีตทำให้มีปัจจุบัน แต่อย่าให้อดีตตัดสินปัจจุบัน และเรื่องนี้ก็ยังได้เป็นอุทาหรณ์ให้เราด้วย ว่าก่อนจะคิด จะทำอะไร ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เราคนเดียวแล้วนั้น อย่าได้ใช้สัญชาตญาณผิดๆตัดสินใจเด็ดขาด บางทีการพูดความจริง มันอาจจะยาก แต่ก็ดีกว่า รอจนมันผ่านไป แล้วพอมาพูดความจริงแล้ว วันนั้นอาจจะไม่เหลืออะไรแล้วก็ได้ ไอ้แนวคิดว่าจะให้ความจริงตายไปกับตัวเองน่ะ เลิกฝันเลยค่ะ เพราะความจริงมันไม่ได้ตายไปไหน มันก็ยังอยู่ตรงนั้นแหละ รอวันมีคนมาขุดคุ้ยมันเท่านั้นแหละ  .... อุ้ย! พล่ามมาเยอะจนน้ำลายเปียกน้ำลายแฉะ และดูท่าว่าตอนนี้จะแห้งเรียบร้อยแล้วแจ่ะ  :mew5:  ขอบคุณคนแต่งที่มาลงต่อค่ะ แหม่ะ พึ่งอ่านจบตอนที่ 11 วันนี้ ก็ได้ตอนที่ 12 มาเกยใกล้ๆกันเลยทีเดียว   :impress2:    :กอด1:   :pig4:

ออฟไลน์ yamapong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #321 เมื่อ12-03-2015 00:16:59 »

รอๆ ความจริงทั้งหมด แล้วยังหวังฉากกุ๊กกิ๊ก หนูชลอยู่นะก๊ะ 555

ออฟไลน์ M.J.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #322 เมื่อ12-03-2015 01:25:07 »

โอ๊ยยยย มาเร็ววววว ดีใจจจจจจจ สนุกมากกกกกกก  :mew3:

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #323 เมื่อ12-03-2015 02:20:35 »

คือตันมากตอนนี้
อ่านจบแล้วอึน คิดไรไม่ออก อยากเม้นให้กำลังใจแต่เม้นไม่ออกเลย  :ling2:
จะโทษใครคนเดียวก็ไม่ได้ ความผิดแจกจ่ายกันมาก

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #324 เมื่อ12-03-2015 08:40:20 »

เราอ่านแล้ว ไม่รู้สึกสงสารพลอยเลย ทำตัวงี่เง่าเอง เฮ้อ  :hao4: ใครทำอะไรไว้ ก็ว่าไปตามนั้น

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #325 เมื่อ12-03-2015 16:11:19 »

วินาทีที่พี่เสือหันหลังให้เก้ามันเหมือนทั้งหมดที่ทำมาศูนย์เปล่า ทุกอย่างพังทลายมาก อย่างที่เก้าพูดถึงไม่มีใครแค่มีพี่เสืออยู่ข้างๆคนเดียวก็พอ แต่นี่แบบ...   :เฮ้อ:

ส่วนแพรพลอยเราไม่สงสาร ถือว่าเธอทำตัวเองนะ น่ารำคาญจริงๆ ปล.ไม่ต้องมาหลอกเรานะ เรากลัวมากจนต้องเก็บตอนไว้อ่านกลางวัน  o22

ออฟไลน์ .hnk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-2
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #326 เมื่อ12-03-2015 18:49:48 »

สนุกมาก หลอนมาก
รอต่อค่ะ รอนะคะ !!
ชอบบบบบบบ

 :mew1:

ออฟไลน์ U_Ton

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 12 』 | horror thriller (11-03-15)
«ตอบ #327 เมื่อ12-03-2015 20:18:32 »

 :sad4: สองวันนี้อ่านเรื่องนี้จนจบ (อ่านๆ หยุดๆ แบบระแวงหลัง) ...
ทำไมอ่านไปรู้สึกสงสารเก้ามากมายเหลือเกิน เก้าผิดนะที่ปิดบังและหลงไปคำยุยง แต่ในขณะเดียวกันความชัดเจนของเก้า
ตลอดมาทำให้รู้สึกนับถือเลย ไม่บังเกิดความรู้สึกสงสารแพรพลอยเท่าที่ควร เพราะรู้สึกเหมือนส่วนหนึ่งทำตัวเอง แพรอาจจะ
มองว่าการกระทำของเก้าเป็นการให้ความหวังเธอเเหละ แต่ในอีกมุมนึงน่าจะคิดได้นะว่าเก้าเเสดงสถานะเพื่อนที่ช่วยได้ก็ช่วย
ซะมากกว่า ความใกล้ชิดที่ตัวเเพรพยายามสร้างขึ้นนั่นเเหละที่ทำให้ตัวเธอเองคิดไกล(ประจวบเหมาะกับการได้ต่ะลาลากัน)
ถ้าต้องเลือกใครสักคนเเค่คนเดียวอย่างที่เก้าทำ คนเราเห็นเเก่ตัวทั้งนั้นเเหละ เราคงเลือกคนที่เรารักเหมือนกัน ไม่ได้บอกว่า
เก้าไม่ผิดนะ ที่ไม่รับผิดชอบ เเต่อารมณ์ตอนนั้นให้ตายก็คงไม่เชื่อว่าเเพรท้อง เพราะเเพรพยายามทำทุกทางเพื่อรั้งเก้าจริงๆ
ก็ผลจากการกระทำของเเพรเองอีกนั่นเเหละ เก้ามาน่าสงสารเห็นใจที่สุดก็ตอนที่เลือกพี่เสือ เเต่ผลสุดท้ายมันว่างเปล่า เก้า
ยอมเป็นคนใจร้ายก็เพื่อให้ได้อยู่กับคนที่รัก ไม่ได้ต่างกับเเพรนักหรอกที่อยากจะอยู่กับเก้า แต่การกระทำของเเพรมันฝืนใจ
อีกคน พี่เสืออาจสูญเสียความเชื่อใจหรือมองว่าเก้าใจร้ายเหลือเกิน แต่ก็น่าจะคิดนะ เพราะรักมากคนเราถึงเห็นเเก่ตัวมาก ถ้า
ในวันนั้นเก้าเลือกจะรับผิดชอบเเพระ เรื่องเเบบนี้คงไม่เกิด แต่กลายเป็นพี่เสือที่เสียใจและคนที่จะตรอมใจก็คือเก้า :mew2:

ปล.สงสารเก้าสุดใจ แต่... ถ้ามีอะไรเบื้องหลังคง...  :katai4:

ปล2. หนูชนผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราว อิอิ... รอความรักผลิบานกับพี่หมออยู่นะ  :o8:

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
『 ปรสิต ☤ 13 』 | horror thriller (13-03-15)
«ตอบ #328 เมื่อ13-03-2015 00:27:53 »



ปรสิต | 13







เสียงหอบหายใจดังก้องอยู่ภายในห้องพักทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าอับแสง เศษกระเบื้องจานชามตรงขาโต๊ะไม่ได้ทำให้ทัศนียภาพน่าดูนัก กลิ่นเหม็นหืนจากอาหารบูดยิ่งทำให้ที่นี่เหมือนกับอะไรสักอย่าง มันเคยดีกว่านี้ อย่างน้อยก็เมื่อราว ๆ หนึ่งเดือนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ตาสีดำปูดโปนกลอกมองไปรอบข้างอย่างหวาดระแวง ครั้นมีเสียงกึกดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง ร่างทั้งร่างก็สะดุ้งโหยงคล้ายจะกระดอนออกไปได้ทุกเมื่อ


เสียงจอแจจากร้านค้าด้านล่างอาคารช่วยยืนยันว่ายังอยู่ในช่วงเวลากลางวันแสก ๆ แต่กับคนที่จิตใจดำดิ่งลงสู่ห้วงของความหวาดผวาแล้ว แม้แต่เส้นแสงที่แล่นผ่านไปมายังพร้อมจะก่อตัวเป็นรูปร่างของโจทก์กรรมซึ่งเคยได้กระทำเอาไว้


เพล้ง


ชามอาหารบูดร่วงแตกลงมาอีกใบ หล่อนดูใจเย็นและสนุกเหลือเกินที่ได้เป็นฝ่ายกระทำคืนบ้าง หล่อนรู้สึกดีที่เห็นเขาร้องไห้ ริ้วรอยบนใบหน้านั้นทำให้ดูแก่ชราลงนับสิบปี   ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ยังพาร่างคลานไปคว้าเอากระเป๋าเดินทางที่อีกมุมห้องมากอดไว้ เขาพยายามอยู่ไกลโต๊ะอาหาร ไกลจากจุดที่ได้รับรู้ว่าหล่อนคนนั้นอาจยังอยู่ และเฝ้ามองด้วยสายตาเคียดแค้นจนอยากฆ่าให้ตาย


ถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากยอมรับว่าคงหมดเวลาของผู้ที่เคยล่าแล้ว








--------------------------------------------------








“ทางตำรวจจับคนร้ายได้แล้ว”


เบื้องหน้าเขาคือหมออธิศและแก้วคาปูชิโนร้อนร้านหน้าโรงพยาบาล เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วหลังจากเรื่องวันนั้น ดวงตาใต้กรอบแว่นสงบกว่าที่คิด ในขณะที่พูดก็ไม่ได้ดูสนุก ตื่นเต้น หรือมีปฏิกิริยาใด ๆ ที่มากกว่าความตึงเครียดซึ่งถูกส่งออกมา


“เป็นยังไงบ้างครับ แล้วศพนั่นก็ยืนยันได้แล้วใช่ไหม” ชนกันต์ถามในเรื่องที่รู้อยู่เต็มอก เขารู้ว่าต้องเป็นเธอ รู้ว่าป่านนี้หนังสือรับรองและหมายเรียกต่าง ๆ นานาคงถูกส่งไปยังคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว


อธิศพยักหน้ารับ แต่ดูลำบากใจเหลือเกินที่จะพูดเรื่องต่อจากนี้


“ในระยะห้ากิโลเมตรจากจุดพบศพ ตรงกับปั๊มน้ำมันที่เก้าให้การกับตำรวจ” หัวใจของคนฟังเต้นไม่เป็นส่ำ เขากำลังจะได้รับรู้จุดจบของวิญญาณหญิงสาวที่ไม่สงบมาร่วมเดือน รับรู้ว่าหากเขาเลือกช่วยเธอในคืนนั้น จุดเปลี่ยนบางอย่างอาจพาเรื่องไปในทางที่ดีขึ้น “ทางนิติเวชเองก็คำนวณระยะเวลาการตายได้ใกล้เคียงกับวันที่คาดว่าจะเป็นวันเกิดเหตุ คือวันที่เธอถูกทิ้งอยู่ที่ปั๊มนั้น


“....”


“น้ำในหนองค่อนข้างเย็นมาก การเน่าเปื่อยเลยประวิงเวลาออกไปให้พอตรวจสอบได้ โชคดีที่ปลาไม่ได้กินเอานิ้วซ้ายของเธอไปด้วย เราเลยเหลือลายนิ้วมือให้ยืนยันตัวตนได้ไม่ยาก”


“หมอพูดต่อเถอะ ผมฟังไหว” สีหน้าของชนกันต์ไม่สู้ดีนัก ถึงกระนั้นอธิศก็มองว่านี่ไม่ใช่สัญญาณบอกให้เขาหยุดเล่า


“เธอไม่ได้ท้อง” จิตแพทย์บอก นั่นทำให้คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามพรูลมหายใจออกมา เขามีเวลาไม่มากสำหรับการดื่มกาแฟครั้งนี้ เพราะคิวคนไข้ในช่วงบ่ายที่ยาวไปจนถึงเย็น “มีเด็กที่ทำงานอยู่ในปั๊มให้การว่าจำแพรพลอยได้”


“....”


“เธอนั่งร้องไห้แล้วก็โทรศัพท์ จนกระทั่งขึ้นรถไปกับคนแปลกหน้า”


ไม่แน่ใจนักว่าหมออธิศต้องเสียสละเวลาไปตามเรื่องกับทางตำรวจแค่ไหน ถึงได้ข้อมูลมามากขนาดนี้ มันอาจจะมากพอเพื่อทำให้ชนกันต์มั่นใจว่าจะไม่ต้องพบเจอเรื่องแย่ ๆ อีก และได้รับผิดชอบในสิ่งที่ทำเอาไว้แล้ว


แต่เขาอาจจะคิดในแง่ร้ายเกินไปก็ได้ว่า --


“คนร้ายเป็นใครครับ?”


“พนักงานบริษัทขนส่งสามคน”


“....”


“ตำรวจบอกว่าพวกนั้นยังไม่ยอมให้การอะไร” ถ้าจะต้องแน่ใจอะไรขึ้นมาสักอย่างในตอนนี้ เขาคิดว่าจุดนี้แหละที่สีหน้าของหมออธิศคดิ่งลงสู่ความลำบากใจมากที่สุด “ตอนนี้มีแค่หลักฐานทางนิติเวชและจากคำให้การของพยานเท่านั้น”


“....”


“เธอถูกข่มขืนแล้วก็ทำร้ายร่างกาย แต่ไม่ได้ตายเพราะถูกเข็มขัดรัดคอ” หัวใจของชนกันต์ปวดหนึบขึ้นมาอีกแล้ว เขารู้สึกหนาวเหมือนตอนที่เห็นภาพใต้หนองน้ำคืนนั้น “แพทย์ชันสูตรบอกว่าศพมีอิเล็คโทรไลท์ในร่างกายผิดปกติ มีน้ำในปอด นั่นสอดคล้องว่าตอนโดนถ่วงน้ำ แพรพลอยยังไม่ตาย”


ในร่างของเธอคงมีแต่น้ำ ปากคงมีแต่พืชและโคลน ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ทั้งหัวใจและร่างกายกำลังทรมานถึงขีดสุดเช่นนั้น ชนกันต์นึกโทษตัวเองขึ้นมาอีกแล้ว เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อยากย้อนเวลากลับไปในตอนที่อะไร ๆ ยังสามารถแก้ไขได้


“ผมขอโทษ...”


มือเล็กยกขึ้นลูบหน้าลูบตาแรง ๆ เขาก็แค่อยากร้องไห้


“ผมจำได้แล้ว”


หลังหมดเวลาของความรักไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง เธอก็ต้องหมดเวลาของชีวิต


ในตอนที่เขาขับรถเฉี่ยวแพรพลอยและเสียหลักไปอีกทางนั้น คงเป็นตอนที่เธอกำลังหนีจากคนร้ายเพื่อออกมาขอความช่วยเหลือบนถนนใหญ่ แทนที่แสงไฟจากหน้ารถจะเป็นความหวังที่เกิดขึ้นจริงของเธอ เพียงแค่เขาไม่ประมาท หยุดรถทัน แสดงความช่วยเหลือ เธออาจจะติดรถคันนี้กลับมาถึงกรุงเทพ ฯ ได้โดยสวัสดิภาพ ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือช่วงเวลาเสี้ยวนาทีนั้น แพรพลอยถูกคนร้ายที่มีถึงสามคนลากกลับลงไปข้างทางได้ทันท่วงที พงหญ้าและความมืดช่วยพรางสายตาจากการที่เขาหันกลับไปมอง นั่นคือความหวังสุดท้ายซึ่งดับวูบ ก่อนเธอจะจบชีวิตลงอย่างน่าสะเทือนใจ


เด็กหนุ่มผู้ซึ่งเป็นความหวังสุดท้าย คนแรกที่เธอนึกถึงเมื่อเข้าสู่อัตตา


ชนกันต์ไม่รู้ว่าหากพ่อแม่ของแพรพลอยเดินทางมาถึงกรุงเทพ ฯ แล้ว เขาควรแสดงสีหน้าอย่างไร จะยอมให้ถูกทุบตีหรือก่นด่าอย่างเคียดแค้นแค่ไหน เด็กหนุ่มเคยคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยที่ต้องมาโดนหลอกหลอนและตามติดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่านั่นไม่ใช่บทสรุปที่สมบูรณ์นัก


ความผิดบาปที่เกาะกินเป็นปรสิตไปจนถึงวันตายนั่นต่างหาก


แต่เขาอาจจะคิดในแง่ร้ายเกินไปก็ได้ว่า – มันจบง่ายเกินไป








--------------------------------------------------








เสียงล้อขนาดใหญ่ของเก้าอี้รถเข็นหมุนเลื่อนไปตามทางของโถงกว้าง อาคารนี้มีกลิ่นคล้าย ๆ หนังสือเก่าสักเล่ม อาจจะเป็นตำราแพทย์เมื่อราวสิบกว่าปีก่อนกระมัง อ้อ เขาคิดไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ รามิลไม่เคยต้องจับหนังสืออะไรแบบนั้น เพราะแทบจะทุก ๆ สี่ปี ตำราเล่มเก่าก็มักถูกตีพิมพ์ออกมาพร้อมกับการแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาใหม่ ๆ เพื่อให้เป็นปัจจุบัน หรือแม้แต่เครื่องมือแพทย์เองก็มีรุ่นและยี่ห้อให้เลือกใช้มากถึงครึ่งหนึ่งของโทรศัพท์มือถือ


รามิลไม่ได้สนใจฟังว่าพ่อแม่ของเขาที่เพิ่งมาจากต่างจังหวัดกำลังพูดว่าอย่างไร ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเคยมีโอกาสได้เจอแค่เพียงไม่กี่ครั้ง สองในนั้นคือชนกันต์และนายแพทย์อธิศ ส่วนอีกคู่คือชายหญิงซึ่งกำลังยืนร้องไห้ปานจะขาดใจในขณะที่ชนกันต์โค้งไหว้จนศีรษะแทบติดพื้น สี่คนนั้นยังไม่มีใครรับรู้ถึงการมาของเขา ทุกคนอยู่ในชุดสุภาพพร้อมสำหรับขึ้นศาลเพื่อเป็นพยานและฟังคำตัดสินในวันนี้


หมออธิศดูเหมือนกำลังพูดอะไรสักอย่าง คงเป็นการไกล่เกลี่ยเรื่องความผิดที่ชนกันต์ได้ทำเอาไว้ รามิลคิดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนกลุ่มนั้นคุยกัน นอกจากนางสุพิศแล้วแล้ว นายมนตรีดูสงบกว่ามาก เขายืนมือไปช่วยประคองให้เด็กหนุ่มเงยศีรษะขึ้นแล้วเข้าไปเตรียมตัวทางด้านใน


ความรู้สึกในตอนนี้ของรามิลมันปะปนไปทั้งการอิจฉาและสมเพช อย่างหลังเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง สัปดาห์กว่ามาแล้วที่ไม่ได้พบหน้าค่าตาคนรักอย่างศรัณย์หลังจากเรื่องในวันนั้น จะมีก็แค่อธิศที่แวะมาเยี่ยมเยียนและพูดคุยถึงเรื่องความคืบหน้าของคดีหลังจากที่เขาได้ให้ปากคำไปกับทางตำรวจเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ชนกันต์มีหมออธิศอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา แต่ศรัณย์ที่ครอบครองคำว่าคนรักกลับเลือกหันหลังให้ เด็กหนุ่มรู้ดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะโกรธเคืองหรือตัดพ้อการตัดสินใจนั้น ทางกฏหมายแล้ว อัยการบอกว่ารามิลไม่มีความผิดอะไร หากแต่ทางศีลธรรมและจริยธรรมนั้น เขากลายเป็นบุคคลที่สมควรถูกทอดทิ้งตามลำพังอย่างนี้จริง ๆ น่ะหรือ


ศรัณย์เป็นคนแรกที่เลือกสาดบทลงโทษนี้ใส่ และหลังจากนั้นก็เป็นเพื่อน ๆ ในสาขาที่เริ่มให้การซัดทอดมาถึงความสัมพันธ์แปลกประหลาดระหว่างเขาและเหยื่อในคดีนี้ทีละนิด


มากกว่าสิบครั้งที่ถูกคาดเค้นทั้งจากทางเจ้าหน้าที่และผู้เป็นบิดามารดา แม่เท่านั้นที่เอาแต่พูดกับเขาว่าไม่เป็นไร และถึงพ่อจะเงียบ รามิลก็สำเหนียกได้ถึงเศษส่วนความผิดหวังอย่างที่ศรัณย์แสดงออกมาไม่มีผิด พ่อแค่ให้ขอนไม้มาเพื่อให้เขาลอยคออยู่กลางมหาสมุทรซึ่งเรียกว่าอดีตและบทเรียน


อีกไม่กี่วินาทีจากนั้น นางสุพิศหันมาเห็นเขา หล่อนตะโกนด่าทอมากมาย ทั้งยังทำท่าจะปราดเข้ามาทำร้าย ทั้งหมดล้วนแล้วสรุปได้ว่าเขาคือสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวของเธอตาย ไม่ใช่ชนกันต์หรือใครทั้งนั้น


เขาผู้เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นใหญ่ของโศกนาฏกรรมครั้งนี้


รามิลไม่ได้กล่าวขอบคุณที่หมออธิศช่วยห้ามนางสุพิศเอาไว้ ส่วนชนกันต์ต้องยืนประกบหลังนายมนตรีซึ่งกำลังตัวสั่นและน่ากลัวว่าอาจถลามาทางนี้ได้ทุกเมื่อ ส่วนพ่อแม่ของเขาไม่ได้พูดอะไร ล้อใหญ่สองข้างเร่งแรงหมุนรถเข็นเพื่อเลี้ยวเข้าไปทางห้องรับรองให้ไวยิ่งขึ้น หลังจากทิ้งตัวนั่งบนโซฟา รามิลถึงได้เห็นว่าแม่ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้


ไม่ถึงสามนาทีจากนั้นมีอัยการเข้ามาคุย ทั้งถามย้ำและเล่าสรุปรูปคดีอีกครั้งอย่างคร่าว ๆ หล่อนพูดถึงสิ่งที่ไม่ควรละเลยตอนให้การ หรือแม้แต่สิ่งที่ไม่ควรพูด ในที่นี้ คนนอกอย่างอัยการทำให้เขารู้สึกดีที่สุด นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่ได้รับจากคนใกล้ตัวล้วนเป็นคำพิพากษา


หลังจากอัยการแยกตัวไปทางด้านในได้ไม่นาน ก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาให้การรับรองต่ออีกทอด อีกไม่ถึงสิบนาทีผู้พิพากษาจะมาถึง เป็นโชคดีที่ครั้งนี้ไม่ใช่การตัดสินโดยคณะลูกขุน ไม่เช่นนั้นมันอาจต้องกินเวลามาก และรามิลไม่ชอบเอาเสียเลยกับการพูดเรื่องความผิดพลาดของตัวเองซ้ำ ๆ ในขณะที่เขาไม่ใช่จำเลยในคดีนี้


ในขั้นตอนเบิกตัวจำเลยนั้น เด็กหนุ่มได้เห็นว่าคนร้ายทั้งสองมีสภาพไม่ต่างจากตัวเขานัก คนหนึ่งดูเหมือนเสียสติเข้าไปทุกที ในขณะที่อีกคนหวาดระแวงต่อสิ่งรอบข้าง ชายวัยกลางคนร่างท้วมที่มาคอยดูแลห่าง ๆ นั้นได้ยินว่าเป็นนิติจิตแพทย์ ซึ่งหมายความว่าสองคนนั้นกำลังมีสภาพจิตที่ไม่ปกติอย่างนั้นหรือ


รามิลฟังคำเรียกจำเลยบนชั้นศาล ได้ความว่าทั้งคู่เป็นลูกจ้างของบริษัทขนส่งที่รับหน้าที่ขับรถส่งของเป็นประจำบนถนนเส้นนั้น แต่สิ่งหนึ่งซึ่งผิดคาดไปคือ คนร้ายมีสามคน และทันทีที่ได้โชว์รูปและเล่าสภาพการณ์ของจำเลยคนที่สามซึ่งเสียชีวิตไปแล้วนั้น เด็กหนุ่มถึงกับต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นสถานที่และภาพข่าวที่ตรึงอยู่ในหัวท่ามกลางเสียงจอแจของโรงอาหารวันนั้นแวบขึ้นมา วันที่เขาตำหนิการนำเสนอการฆ่าตัวตายสุดแสนพิสดาร ในขณะที่รามิลกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนนักศึกษาแพทย์และมีเรื่องกับโอ๊ตในเวลาต่อมา


ขนบนผิวกายลุกซู่และเย็นเยียบขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น เดาว่านั่นไม่มีทางเป็นการฆ่าตัวตายจากความรู้สึกผิดบาปที่ทำกับแพรพลอยไว้แน่ แต่มันจะเป็นอะไรไปได้ล่ะ ถ้าลองเทียบกับเรื่องที่เขาได้รู้จากชนกันต์หลังมีโอกาสคุยกันในช่วงหลายวันก่อนแล้ว มันก็ไม่แปลกถ้าหล่อนจะปลีกเอาเวลาที่เหลือไปหลอกหลอนใครคนอื่นเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้ชีวิตอีก


แต่จนถึงตอนนี้ รามิลคิดว่ามันจบแล้ว








--------------------------------------------------








บานประตูเปิดออก เผยให้เห็นชายหนุ่มในชุดกาวน์สีขาวกำลังเดินเข้ามาภายใต้สีหน้าไม่สู้ดีนัก หลายวันเห็นจะได้ที่เขาไม่เจอศรัณย์ วันนี้อายุรแพทย์อยู่ในเสื้อผ้าสีเข้ม เป็นเทาสลับดำ แล้วก็เทาอีก มันกลืนไปกับบรรยากาศโดยรอบคล้ายต้องการพรางความมีชีวิตชีวาที่เคยมีของชายหนุ่มเอาไว้ ร่างผอมค่อย ๆ ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แต่ไม่ได้เอนหลังพิงพนักอย่างที่มักทำทุกที


“ไง” เขาทักออกไป อีกฝ่ายเพียงยิ้มบางกลับมาแทนคำทักทายตอบ


ศรัณย์อาจจะคิดมาดีแล้วถึงได้ดูสงบนิ่งเหลือเกิน ริมฝีปากนั้นเหยียดออกว่าคำถามที่คาใจ “เรื่องคดีเป็นยังไงบ้าง”


“เรียบร้อยดี” คำว่าเรียบร้อยของจิตแพทย์นั้นไม่ชัดเจนนัก เป็นเรื่องจริงที่อธิศคิดอะไรซับซ้อนกว่าคนปกติ “ศาลตัดสินให้ประหารชีวิต ข้อหาข่มขืน ฆาตกรรม จงใจอำพรางศพ แต่คนร้ายเคยมีคดีติดตัว ถึงจะยื่นอุทธรณ์ก็คงไม่พ้นจำคุกตลอดชีวิต”


นัยน์ตาคมจับจ้องราวกับรู้อยู่แก่ใจว่านี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของการมาเยือนห้องตรวจจิตเวชในวันนี้ ศรัณย์หวังจะให้เขาพูดยาวขึ้น อย่างน้อย ๆ ก็พูดรวมไปถึงคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่างรามิล แน่นอน อธิศยังคงจำได้ดี วันที่คนตรงหน้าทุบมือเข้ากับกำแพงเพื่อระเบิดความรู้สึกทั้งหมดออกมาอย่างเหลืออด ภาพของการทะเลาะเบาะแว้งไปจนถึงความรู้สึกที่แตกสลายไม่เหลือชิ้นดีในวันนั้น


ภายใต้ความสงบนี้ทำให้อธิศนึกถึงทะเลที่ไม่มีคลื่นลม ผิวน้ำเหมือนกับสิ่งที่ศรัณย์แสดงออกมาไม่มีผิด แต่ลึกลงไปนั้น มันอาจเป็นผืนน้ำที่สับสนและพร้อมดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างลงไปก็เป็นได้


ชายหนุ่มตรงข้ามเขาขยับตัวเล็กน้อย ดูลังเลเหลือเกินในการตัดสินใจถามถึงใครอีกคนออกมาตรง ๆ “ฉันไม่รู้ว่านายคิดยังไงกับเรื่องนี้”


“ฉันไม่คิดอะไรหรอก” อธิศรีบตอบ อย่างน้อยศรัณย์ก็ควรวางใจว่าเขาไม่ได้ตั้งแง่กับเรื่องเพศและความรัก


“ดี คือ --” เสียงนั่นสั่นไปเล็กน้อย “เรื่องเก้า”


“....”


“เป็นยังไงบ้าง”


จิตแพทย์หนุ่มนึกไปถึงสามวันก่อนซึ่งได้เจอรามิลเป็นครั้งล่าสุด เด็กคนนั้นอยู่บนคอกพยานทั้งใบหน้าซีดเซียว ดวงตาสีดำหลุกหลิก ริมฝีปากได้รูปนั้นปิดสนิทและบางเหมือนกับเส้นตรง ทั้งยังไม่ได้ตอบอะไรมากไปกว่า ครับ ในทุกครั้งที่อัยการถาม




‘พยานมีความสัมพันธ์กับผู้ตายใช่หรือไม่’

‘ครับ’

‘ผู้ตายได้พยายามติดต่อพยาน หลังจากรู้ตัวว่าถูกทิ้งให้อยู่ที่ปั๊มน้ำมันใช่หรือไม่’

‘ครับ’





สภาพจิตใจของรามิลคงไม่ดีเท่าไร ถึงแม้จะพอปะติดปะต่อได้ว่ามีเรื่องใดให้ต้องกังวลใจบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นความคิดของเด็กหนุ่มก็เดาได้ยากอยู่ดี ตาเรียวรีนั้นมองผ่านครอบครัวแพรพลอยที่ได้แต่ฟังคดีทั้งน้ำตา อธิศหันไปเห็นว่ารามิลมองที่นั่งว่างเปล่า บางทีนี่คงเป็นเรื่องที่เดาได้ง่ายที่สุดสำหรับเด็กคนนั้น แล้วอธิศก็ไม่แน่ใจเสียด้วยว่าศรัณย์จะอยากได้ยินคำตอบแบบไหน


“ไม่ค่อยดี” เขาตอบตามจริง “ฉันไม่อยากจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของนายนัก แต่เก้ามีอาการน่าเป็นห่วง”


“....”


“เขาอยากให้นายคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”


“ฉันรู้”


“จะให้อภัยไม่ได้เชียวหรือ”


ศรัณย์เงยหน้าออกจากผ้ายืดพันเคล็ดที่แขนซ้ายแล้วมองผู้พูด อันที่จริงเขาเองก็คิดเรื่องนี้มาตลอดระยะเวลาเกือบสามสัปดาห์ที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มไม่ได้พูดคือการที่เขาต้องแอบเฝ้ามองเด็กคนนั้นอยู่ห่าง ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาส ศรัณย์บอกตัวเองว่าไม่อยากเจอหน้ารามิล แต่นั่นปะไรเล่า ทุกครั้งที่รู้ตัว ขามันก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าห้องผู้ป่วยเพื่อมองผ่านช่องกระจกแคบ ๆ เข้าไปข้างในเสียแล้ว การทำความเข้าใจกับยอมรับให้ได้นั้นเป็นคนละเรื่อง และเขาทำใจได้ยากเหลือเกินที่จะยอมรับว่ารามิลได้ทิ้งผู้หญิงให้พบเจอเหตุการณ์เลวร้ายด้วยความเลือดเย็นถึงเพียงนั้น


“ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เก้าเองก็ได้ชดใช้ในสิ่งที่ก่อแล้ว ฉันไม่เห็นด้วยถ้าเด็กคนนั้นจะไม่มีใครสักคนให้เขาวางใจได้ระหว่างที่สภาพจิตใจแย่ขนาดนี้”


“ฉันรู้ อธิศ ฉันรู้” นัยน์ตาของอายุรแพทย์หนุ่มแดงก่ำขึ้นมาอีกแล้ว ศรัณย์เข้าใจ แล้วอธิศก็เชื่อเสียด้วยว่าอีกฝ่ายเข้าใจจริง ๆ “ในใจฉันมีแต่ความกลัว สับสน ระแวง บางทีฉันอาจจะแค่ผิดหวังที่คิดว่าตัวเองรู้ดีมาตลอด”


“....”


“ฉันอยากอยู่กับเก้า อยากจะพูดว่าไม่เป็นไร”


“....”


“แต่ใจมันไม่คิดอย่างนั้น”


อธิศปั้นสีหน้าลำบากใจ โน้มตัวมาข้างหน้าแล้วประสานสองมือขึ้นวางบนโต๊ะ เข็มวินาทีบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือส่งเสียงดังติ๊กเบา ๆ ทว่าก้องไปทั่วความเงียบงันที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่ จิตแพทย์ผ่อนลมหายใจเข้าออกถึงสี่ครั้ง กว่าเขาจะคิดอะไรออกได้


“เรื่องของความรู้สึกมันน่ากลัวนะเสือ” คนตรงหน้านิ่งงันไปหลังคำนี้ ดวงตาเรียวรีนั้นเคลือบด้วยความสงสัย หวาดหวั่น และลุ้นว่าเขาจะพูดอะไรออกไปอีก “ฉันอยากให้นายกลัวมันไว้มาก ๆ”


“หมายความว่ายังไง”


“นายรู้จักเก้าดีที่สุด ถ้าเด็กคนนั้นเข้มแข็งก็ดีไป แต่ถ้าไม่ล่ะ”


“....”


“เก้าทำกับแพรพลอยอย่างนั้น ก็เพราะว่านายเป็นสิ่งสำคัญที่เขาอยากรักษาไว้”


“....”


“ลองคิดทบทวนดูดี ๆ” ภาพในตอนที่รามิลถูกเข็นเข้าไปในห้องพักพยานฉายวาบขึ้นมาในความคิด อย่างหนึ่งที่รู้คือ อธิศคิดว่าเรื่องนี้น่าเป็นห่วง เขาอยากให้ศรัณย์ตรึกตรอง ระลึกถึงเหตุและผลของเรื่องทั้งหมดเพื่อที่ตัดสินใจว่าสามารถปล่อยมือจากคนรักได้ง่ายดายแค่ไหน “เก้าให้ความสำคัญกับการยึดติด เขายึดติดนาย ยึดติดสังคม แล้วก็จุดยืนของตัวเอง”


“....”


“แต่แววตาของเขาในศาล... เด็กคนนั้นคิดว่าตัวเองไม่เหลืออะไรแล้ว”








------------------------------------------------------


( มีต่อ )

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
『 ปรสิต ☤ 13 』 | horror thriller (13-03-15)
«ตอบ #329 เมื่อ13-03-2015 00:30:33 »

( ต่อ )





รามิลรู้สึกเบื่อ เขาเทเวลาไปกับการหงุดหงิดอาการคันขาข้างซ้ายในขณะที่มันอยู่ใต้เฝือกอ่อนสีขาว เรื่องดี ๆ เพียงอย่างเดียวหลังจากความผิดของเขาถูกเปิดโปงก็คือแพรพลอยไม่ได้มีเด็ก อย่างน้อยมันคงไม่ได้ทำให้พ่อแม่หรือเพื่อนมองเขาด้วยสายตาที่กำลังก่นด่าว่าไอ้สารเลวอะไรเทือกนั้น อ้อแน่ล่ะ เขาไม่ต้องรับโทษอะไรเลย ไม่มีบทบัญญัติกฏหมายในข้อไหนบอกว่าการการกระทำเยี่ยงคนเห็นแก่ตัวเช่นนั้นเป็นความผิด


รามิลพยุงตัวออกจากรถของผู้เป็นแม่ด้วยไม้ค้ำข้างเดียว มันทุลักทุเลพอสมควร แต่ก็ดีกว่าการต้องหมุนล้อเก้าอี้รถเข็นหากต้องการไปไหนมาไหน แสงแดดอ่อน ๆ ทอดยาวบนถนนคอนกรีตขรุขระหน้าอาคาร เขาผ่านตึกผู้ป่วยนอกเพื่อไปยังทางเชื่อม ส่วนคุณแม่ขับรถออกไปแล้ว


ร่างโปร่งพาตัวเองไปตามขั้นบันไดเตี้ยอย่างระมัดระวัง เรื่องของอนาคตถูกดึงกลับเข้ามาเป็นสิ่งที่ต้องครุ่นคิดอย่างหนักอีกครั้งหลังจากความเปลี่ยนแปลง นอกจากพ่อและแม่แล้วมีคนแวะเวียนมาเยี่ยมรามิลประปราย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นญาติผู้ใหญ่หรือคนรู้จัก ไม่มีเพื่อนคนไหนโผล่มา แล้วรามิลก็ยังคิดไม่ออกเสียด้วยว่าหากขึ้นไปถึงห้องเรียนแล้วจะต้องวางตัวอย่างไร เริ่มเข้าหาเพื่อนกลุ่มใหม่ หรือเพื่อนจะยอมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในเมื่อชื่อของแพรพลอยได้กัดกินเข้าเป็นตราบาปในใจทุกคนโดยสมบูรณ์แล้ว


มันเหมือนเป็นตลกร้ายสักเรื่องซึ่งไม่มีใครคาดคิดถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น


หากรู้ว่าแพรพลอยจะตาย เขาคงไม่แข็งใจปล่อยเธอไว้ตรงนั้น อย่างน้อยก็อาจรับโทรศัพท์และบอกให้คนขับวกรถกลับไป รามิลทิ้งโอกาสครั้งที่สองด้วยการเอากระเป๋าของเธอไปทิ้งไว้ในล็อกเกอร์ ตอนนี้มันอยู่ในมือของครอบครัวแพรพลอยแล้ว แต่การไม่ยั้งคิดกลับกลายเป็นรอยแผลใหญ่ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว


รามิลขอบคุณที่อาคารเรียนมีลิฟท์ ถ้าอารมณ์ดีกว่านี้สักหน่อย เขาแน่ใจว่าจะต้องเป็นคนหนึ่งที่ขอลงนามเข้าสมาคมศิษย์เก่าเพื่อร่วมบริจาคเงินมาบำรุงลิฟท์ทุกปีแน่ ๆ ตอนนี้เกินเวลาเข้าเรียนไปไม่มาก แต่ตามวิสัยแล้ว คนที่เพิ่งพ้นช่วงวิกฤติอย่างรามิลคงไม่ถูกเช็กขาดเพียงเพราะต้องกระเผลกขาหมดสภาพนี่ไปกับไม้ค้ำหน้าตาตลก ถ้าขาไม่เจ็บ เขาจะสามารถไปถึงห้องเรียนได้ภายในห้านาที แต่ก็ทำได้แค่ค่อย ๆ พยุงตัวเองผ่านบรรดานักเรียนแพทย์สาขาอื่นที่รวมกลุ่มกันประปรายบนทางเดิน อาจมีบางห้องที่อาจารย์มาช้า แล้วรามิลก็ไม่รู้สึกดีสักเท่าไรที่ต้องเป็นเป้าสายตาเพราะการเป็นไอ้เดี้ยงแบบนี้


เขาออกแรงเปิดประตูห้องเรียนฝืด ๆ แต่มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เชื่อเถอะว่าการถูกนักศึกษาสาขาอื่นจ้องโดยที่ไม่รู้อะไรมากไปกว่าเขาเป็นไอ้เดี้ยงน่ะมันดีกว่าเป็นไหน ๆ ไม่มีใครออกมาช่วยเขาปิดประตู อาจารย์หมอถามไถ่อาการตามมารยาทราวสองสามประโยคก็ให้เขาไปนั่งได้ เก้ ๆ กัง ๆ ขึ้นมาอีกก็ตอนที่ไม่รู้จะเอาไม้ค้ำพิงไว้ตรงไหนดี


รามิลหยิบเอาสายสะพายเฉียงออกจากการคล้องตัว เขาหยิบเลคเชอร์คู่ใจเล่มสีน้ำเงินขึ้นมา จ้องบนกระดานให้ผ่านตาอีกนิดหน่อย แล้วจึงหันไปสะกิดนิลซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ


“ถึงไหนแล้ว”


“เอ่อ...” อีกฝ่ายทำสีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมาเสียอย่างนั้น อย่างกับว่ารามิลจะถามใครก็ได้ เว้นแต่คน ๆ นี้ “อาจารย์นัดสอบวันศุกร์”


แน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรดีอย่างที่คิด นี่เป็นข่าวร้ายสำหรับคนที่เพิ่งเจอเรื่องสาหัสมาเห็น ๆ นั่นหมายถึงว่ารามิลสูญเสียโอกาสในการราวน์วอร์ด วินิจฉัย หรือแม้แต่ขาดการฟังบรรยายไปถึงหกคาบตั้งแต่เกิดเรื่อง แน่นอนเขาอ่านหนังสือหนัก ๆ เพื่อเข้าสอบได้ แต่ในข้อสอบวินิจฉัยโรค รามิลคิดว่าตัวเองเสียเปรียบ


“จะนัดติวกันเมื่อไร”


นิลเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง “ไม่รู้สิ ต้องไปถามไอ้บอส”


รามิลไม่ได้คิดไปเองแน่ว่าเขากำลังถูกมองแปลก ๆ ละสายตาจากเพื่อนชายที่นั่งข้าง ๆ ทำให้เห็นว่าดวงตาหลายคู่ในห้องกำลังรีบหันกลับไปก้มหน้าก้มตาอยู่กับโต๊ะทันทีที่เป้าสายตารู้ตัว ทุกคนทำเหมือนเขาเป็นตัวประหลาด ทำเหมือนระหว่างสามสัปดาห์มานี้มีเรื่องที่รามิลไม่รู้อย่างไรอย่างนั้น


สมุดเลคเชอร์ว่างเปล่าในส่วนสิบห้านาทีแรกของคาบ เขาไม่ได้เข้มแข็งถึงขนาดที่ว่าจะหันไปหานิลเพื่อขอดูสมุด แล้วก็ไม่ได้ทำไม่รู้ไม่ชี้เก่งพอที่จะไม่รู้ตัวว่าแม้แต่บอสหรือคนอื่น ๆ ก็ยังพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อ้อ อะไรที่ว่านั่นหมายถึงการเดินเข้ามาในห้องนี้ของรามิลต่างหาก


รู้ทั้งรู้ว่ามันจะเปลี่ยนไป และพอรู้แล้วว่าจากนี้จะเป็นไปในทางไหน


มันเป็นเรื่องของคำพิพากษา


หากคุณมีเพื่อนสักคนที่แอบมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงประหลาด ๆ คนหนึ่งของห้อง จากนั้นก็ทิ้งให้เธอถูกฆ่าอยู่ข้างทางแล้วกลับมาใช้ชีวิตปกติราวกับยกภูเขาออกจากอก ใช่ ไม่มีใครเกลียดรามิลหรอก แต่ทุกคนก็แค่ให้ความสนใจกับเขาในแบบที่ไม่เหมือนเดิม


กลุ่มเพื่อนเก่ามองมาทางนี้ รามิลคิดว่าพวกนั้นก็เลวพอ ๆ กัน เพียงแต่คนที่มีสิทธิ์เลือกทิศทางมันไม่ใช่เขา เด็กหนุ่มถึงทำได้แค่นั่งเป็นไอ้งั่งและมองดูทุกคนเดินออกไปจากห้องโดยไม่มีใครเข้ามากอดคอชวนไปกินมื้อกลางวันอย่างเคย เดาได้ในอนาคตว่าอาจจะต้องเริ่มหากลุ่มติวหนังสือใหม่ หาสังคมใหม่ ๆ และมันเป็นไปได้หรือไง ในเมื่อไม่มีใครในที่นี้อยากเกี่ยวข้องกับเขาเลยสักคน


“....”


กระดาษเลคเชอร์ภายใต้ฝ่ามือถูกขยำจนยับยู่ อยากจะฉีกมันออกมาเขวี้ยงออกไปให้ไกล


อย่ามาทำแบบนี้ เขาตวาดโดยไม่มีเสียง


อย่ามาทำเหมือนกับว่ารามิลเป็นส่วนหนึ่งของแพรพลอยเข้าจริง ๆ








--------------------------------------------------








 “แล้วต้องไปรายงานตัวครั้งต่อไปเมื่อไรครับ”


มือแกร่งยื่นออกไปกดปุ่มรอลิฟท์ทั้งที่มือเต็มไปด้วยถุงจากซูเปอร์มาร์เก็ต เจ้าของห้องก็แค่ยื่นข้อเสนอว่าขอฉลองเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับบทสรุปของเรื่องนี้ นั่นทำให้ชนกันต์ยิ้มออกมา ทั้งยังออกปากว่าคืนนี้จะเจริญอาหารฝีมือจิตแพทย์ให้พุงแตกกันไปข้าง


“อ๋อ” คนตัวเล็กอ้าปากจะตอบ แต่ก็มัวพะว้าพะวงกับสายกระเป๋าเป้ที่ทำท่าจะหลุดจากบ่า ในมือเขาก็มีแต่ถุงไม่ต่างกัน กระทั่งอธิศรวบทุกอย่างในมือซ้ายไปเกี่ยวเข้ากับนิ้วขวา แล้วจึงมีมือข้างที่ว่างมาช่วยเขาจับสายสะพายขึ้นให้เข้าที่เข้าทาง “ขอบคุณครับ”


ลิฟท์เปิดออก ทั้งคู่หลบทางให้หญิงสาวสองคนซึ่งเดินสวนออกมา ก่อนร่างสูงจะใช้มือข้างที่ยังว่างนั้นดันประตูลิฟท์ไว้แล้วให้ว่าที่เภสัชกรเดินเข้าไปก่อน ชนกันต์อมยิ้มที่อยู่ดี ๆ ก็คิดขึ้นมาได้ว่า เสื้อเชิ้ตสีฟ้าของหมออธิศไม่เข้ากับถุงซูเปอร์มาร์เก็ตสีเหลืองสดเอาเสียเลย


“อังคารหน้าครับ หลังจากเข้าอบรมที่นั่นเสร็จก็ไปรายงานตัวต่อได้เลย”


คนฟังพยักหน้ารับรู้ เขาไม่แปลกใจกับคำว่าที่นั่นเท่าไรนัก เป็นที่รู้ ๆ กันว่าการเป็นนักศึกษาฝึกงานเภสัชกรรมปีสุดท้ายนั้นไม่ใช่การประจำอยู่ที่เดียวตลอดทั้งปี ชนกันต์จะได้ใบรับรองการฝึกงานจากทางโรงพยาบาลในวันศุกร์นี้ หลังจากนั้นจึงต้องทำหนังสือรายงานผลการฝึกที่มหาวิทยาลัยอีกราว ๆ หนึ่งสัปดาห์แล้วจึงเริ่มฝึกงานผลัดสองที่ร้านขายยา


และนัยหนึ่ง การฉลองในคืนนี้ก็คล้ายกับเป็นการบอกลาเพื่อนร่วมห้องชั่วคราว ชนกันต์เก็บของพร้อมสำหรับการกลับแมนชั่นในวันพรุ่งนี้แล้ว


อธิศไขประตูห้อง เดินเอาถุงซูเปอร์มาเก็ตไปวางกองรวมกันที่โต๊ะกินข้าว แล้วก็รีบมารับถุงจากชนกันต์ไปอีกต่อ เดือนหนึ่งเห็นจะได้ที่อีกฝ่ายไม่ได้เจอเหตุการณ์ ประหลาดหรืออะไรที่แย่มากไปกว่าการฝันร้ายเป็นครั้งคราว ทุกอย่างดีขึ้นตามลำดับ ถึงตอนนี้ชนกันต์จะไม่ได้วางใจเท่าที่ควร แต่เด็กหนุ่มก็เป็นฝ่ายออกปากเองว่าอยากพึ่งตัวเองให้ได้ และอธิศไม่รู้จะพูดอย่างไร เขารู้ว่านี่คือสิ่งที่สมควร


เป็นครั้งแรกที่จิตแพทย์อย่างเขายอมพูดจาไปในทางโอ้อวดว่าทำซุปไก่มันฝรั่งอร่อย แน่นอนมันเป็นอาหารง่าย ๆ แต่ในความง่ายนั้น หากมีสูตรพิเศษก็จะยิ่งอร่อยขึ้นอีก และนี่เป็นครั้งแรกที่ชนกันต์รู้ว่าพ่อครัวคนนี้เคยติดคุณย่ากับเขาด้วย


“แน่ใจนะว่าไม่หิวเท่าไร” อธิศถามเป็นรอบที่สอง แล้วคนตัวเล็กก็ตอบอีกว่ารอได้ ให้ตั้งเตาทิ้งไว้นานตามใจชอบได้เลย


ชนกันต์ทำท่าจะลุกไปช่วยหั่นหมูสำหรับผัดขิงเป็นกับข้าวอย่างที่สอง แต่ก็ถูกห้ามแล้วบอกให้รออีกสักครึ่งชั่วโมง จะได้ไม่เย็นชืดไปเสียก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นทีเดียว


“หมอจะไปงานเผาศพเธอหรือเปล่า”


เป็นที่รู้กันว่าสำหรับคนเจอเรื่องร้าย ๆ มา คงไม่ใจแข็งพอจะเรียกชื่อเธอคนนั้น เรื่องดีอีกอย่างคือครอบครัวแพรพลอยไม่ได้โกรธเคืองเด็กคนนี้อย่างที่อธิศกลัว ในทีแรกทั้งสองฝ่ายอาจอึดอัดกันบ้าง แต่ทันทีที่ชนกันต์พาตัวเองลงคุกเข่าแล้วก้มกราบจนศีรษะติดพื้น นายมนตรีก็ใจอ่อนลงมาช่วยพยุงตัวขึ้นในที่สุด จากนั้นทั้งคู่จึงขอเวลาทำใจอีกสักพัก หลังจากที่เข้าใจแล้วว่าความไม่เจตนาของชนกันต์นั้นเป็นเหตุสุดวิสัย อาจน่าโกรธเคืองที่ไม่ยอมลงไปดูลูกของทั้งคู่ แต่นอกจากตัวแพรพลอยเองแล้ว มันถูกที่ใครคนอื่นไม่มีสิทธิ์โกรธเด็กคนนี้


“ไปสิ” อธิศตอบ เขาดูพอใจที่จัดการมันฝรั่งเสร็จจนได้ “ผมก็ได้รับคำเชิญเหมือนกัน”


“พรุ่งนี้หลังจากเอาของไปเก็บที่ห้องเสร็จ ผมจะรีบตามไป” เด็กหนุ่มเบาใจขึ้นมาที่รู้ว่าหมออธิศมีโอกาสจะไปถึงก่อน เพราะหากต้องโผล่ไปที่นั่นโดยไม่รู้จักใครสักคน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นคนที่เกี่ยวกับคดีด้วยแล้ว นั่นคงน่าอึดอัดพิลึก


“ให้แวะไปรับไหม” นายแพทย์เสนอ “ผมต้องรอรับเสือไปพร้อมกัน ยังไงก็คงช้าอยู่แล้ว”


“หมอเสือไปด้วยเหรอครับ”


อธิศพยักหน้ารับ มือก็ยกหม้อซุปไก่ไปตั้งบนเตาแม่เหล็กไฟฟ้าอายุสี่เดือน “รถของเสือยังซ่อมไม่เสร็จ พยาบาลบอกว่าเขาต้องนั่งแท็กซี่ไปกลับทุกวัน”


ชนกันต์พยายามนึกภาพรถของหมอศรัณย์ ได้ยินว่าบุบไปพอสมควรจนดูเหมือนทั้งคันเบี้ยวไปทางขวา โชคดีเหลือเกินที่เจ้าของรถแค่แขนซ้นเท่านั้น


“แล้วเก้า...”


ถึงตรงนี้อธิศเงียบไป เขาท้าวสองมือไว้กับขอบโต๊ะหลังทำอาหารหม้อแรกเสร็จ มีเวลาให้ทั้งคู่คุยฆ่าเวลากันอีกราวครึ่งชั่วโมง “ผมไม่รู้”


“อ่า...”


"ผมได้คุยกับเสือไปบ้างแล้ว แต่เก้า -- เด็กคนนั้นน่าเป็นห่วงทีเดียว”


สองคนเงียบไปอีกพักใหญ่ และปล่อยให้ห้องทรงยาวนี้มีเพียงเสียงแอร์ที่ทำลายความเงียบตอนหัวค่ำโดยไม่ได้มีทางเลือกอื่น เมื่อไรที่พูดเรื่องของรามิล พวกเขามักจะเป็นอย่างนี้เสมอ อาจด้วยความเคลือบแคลง แปลกใจ หรือบอกตัวเองว่าไม่ควรหาคำใดมาพูดถึงตัวตนของเด็กนั่นอีกหลังจากเรื่องครั้งนั้น


“ผมสงสารเขานะ” เป็นครั้งแรกที่ชนกันต์ทำลายกฏเงียบ “ถ้าเลือกได้ เก้าก็คงไม่ทิ้งเธอไว้ตรงนั้นใช่ไหมล่ะครับ”


“ครับ”


“ถ้าหมอเป็นหมอเสือ หมอจะอภัยให้เขาได้หรือเปล่า”


อธิศใช้เวลาคิดคำถามนี้อยู่พักหนึ่ง ชนกันต์ว่ามันนานเกินไปสำหรับคนที่ตัดสินใจอะไรเร็ว นัยน์ตาคมนั้นหลุบลงต่ำ จากนั้นริมฝีปากก็เหยียดเป็นยิ้มเล็ก ๆ ที่ดูไม่มีความหมาย


“แล้วผมโกรธคุณหรือเปล่า”


“ไม่ใช่สิ” คนอ่อนวัยกว่าท้วง “ผมหมายถึงถ้าหมอเป็นหมอเสือ มันเทียบกับผมไม่ได้สักหน่อย”


“ทำไมล่ะ”


“เราไม่ได้เป็นอะไรกันแบบนั้นนี่ครับ”


ชนกันต์ตอบตรง ๆ และคำตอบที่เขาได้รับกลับมาก็มีแค่เสียงหัวเราะเบา ๆ ในขณะที่ร่างสูงเดินลงมาลากเก้าอี้ข้างตัวแล้วหมุนทำมุมหันเข้าหากัน อธิศทิ้งตัวนั่งลงเพื่อบอกกลาย ๆ ว่าจะเข้าสู่ช่วงบทสนทนาฆ่าเวลาเต็มตัวแล้ว


“ไม่รู้สิ ผมก็อาจพยายามเข้าใจอย่างที่เสือกำลังทำ แต่จะรับได้ไหมก็เป็นอีกเรื่อง”


แทบไม่มีสักครั้งที่ทั้งคู่เลือกคุยเรื่องของคนอื่น สำหรับเด็กหนุ่มที่เคยมีแฟนนับคนได้แบบชนกันต์แล้ว ยอมรับว่าเขายังเก็บเรื่องความสัมพันธ์ของคนคู่นี้มาติดใจอยู่นิดหน่อย แล้วก็พาลจะนิสัยเสียจนนึกไปจับผิดถึงครั้งแรกที่ไปดื่มด้วยกันในบาร์


“แล้วหมอว่า... เรื่องนี้จบลงจริง ๆ หรือยัง”


ริมฝีปากของอธิศไม่ได้ฉีกกว้างไปกว่าเดิม แต่มันดูมากขึ้น “ดูจากที่คุณหลับได้ตั้งแต่ห้าทุ่มแทบทุกวัน ผมว่าแฮปปี้เอ็นดิ้งครับ”


นึกอยากจะสวนไปว่าหมอด่วนสรุป แต่ชนกันต์ก็กลัวจะกลายเป็นคนก้าวร้าวขึ้นมาอีก “ไม่รู้สิหมอ ผมยังกลัวอยู่”


“หืม?”


“ยังรู้สึกแปลก ๆ แบบบอกไม่ถูก แต่ผมก็คงจะรู้สึกไปเอง แบบนี้เรียกควันหลงได้ไหม” หัวเราะแก้เก้อให้ดูผ่อนคลายขึ้น และมันได้ผล เมื่อสิ่งที่ตามมาในหัวก็มีแต่เรื่องดี ๆ ท่ามกลางเหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านมา ชนกันต์ไม่แน่ใจว่าเขาโตขึ้นบ้างหรือเปล่า แต่ถ้า    วัดจากตอนโทรไปแจ้งเรื่องโดนคดีขับรถโดยประมาท ที่พ่อแม่บอกว่าภูมิใจในตัวลูกชาย และเรื่องคดีของแพรพลอยที่ได้กลายไปเป็นพยานอย่างช่วยไม่ได้ นั่นก็เชื่อได้ว่า มันทำให้ชนกันต์คิดอะไรได้มากขึ้นในระดับหนึ่ง ถึงน้อยนิด แต่จะมากขึ้นตามกาลเวลา


ความเงียบโรยตัวลงมาแทนที่บทสนทนาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าความประหม่านี้มาจากไหน อาจจะมาจากหมออธิศที่กำลังใช้นัยน์ตาสีเข้มนั่นมองเขาจากเก้าอี้ตรงหน้ากระมัง ไม่บ่อยอีกนั่นแหละที่อีกฝ่ายจะยอมปล่อยให้เกิดสถานการณ์แปลก ๆ ชนกันต์เคยชอบหมออธิศตอนถอดแว่นเพราะดูใจดีกว่า แต่พอเป็นตอนนี้ เขาดันอยากเดินไปหยิบแว่นมาใส่ให้หมอเดี๋ยวนี้เลย


“ขอโทษครับ” อธิศรู้ตัวไวเสมอ ร่างสูงเอนแผ่นหลังจนตั้งฉากกับพื้น และนั่นทำให้แขนยาว ๆ ที่กุมมืออยู่บนหน้าตักเมื่อสักครู่ดูเก้ ๆ กัง ๆ ไปโดยปริยาย


“มีอะไรหรือเปล่าครับหมอ”


ดวงตานั้นมีแต่ความเคลือบแคลง ว้าวุ่นไปด้วยความคิด และบ้าชะมัด -- นี่เขาหัดมีนิสัยคิดวิเคราะห์คนอื่นตั้งแต่เมื่อไรกัน


“ไม่มี” อธิศโกหกทื่อ ๆ ตัดสินใจไม่ได้ว่าควรพูดออกมาหรือเปล่า “ขอโทษที”


การอยู่ด้วยกันมาร่วมเดือนทำให้เด็กหนุ่มจับทิศทางได้ว่าการขอโทษครั้งที่สองนั่นสื่อถึงการควบคุมความคิดของคนตรงหน้าอย่างชัดเจน อธิศมักจะพูดอะไรในครั้งเดียว หรืออย่างน้อย ๆ ก็ทิ้งระยะห่างจนเรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ต้องการการพูดซ้ำอีกครั้ง แต่นั่นแหละ – หมอกำลังดูประหลาด


“ผมก็แค่ใจหายน่ะ” ในที่สุดจิตแพทย์ก็ไม่ได้เลือกทางโกหก พูดให้ถูกคือชายหนุ่มคงละอายมากกว่าที่รู้ว่าตัวเองปกปิดความรู้สึกไม่สำเร็จ เขาทำมันได้เสมอ เว้นแต่บางที “ซึ่งมันตลกดี”


“ยังไงครับ”


เชื่อเถอะว่าอธิศแสดงออกให้รู้เลยว่าชนกันต์ไม่ควรถาม “ตลกที่ผมใจหายเพราะคุณจะย้ายกลับครับ”


“อ่า... ใจหายนี่ใช้ในทางที่ดีหรือไม่ดีนะ” คนตัวเล็กพูดติดตลก นิ้วก็ยกขึ้นเกาสันกรามแก้เก้อ “ผมรบกวนหมอมานานมากเหลือเกิน”


“....”


“ขอบคุณนะครับ สำหรับทุกอย่าง”


“....”


“ผมเคยดีใจที่หมอเชื่อผมสักที แต่ตอนนี้มันมากกว่าคำว่าดีใจอีก เพราะถ้าไม่มีใครสักคนทำอย่างที่หมอทำ ผมได้กลัวจนตายไปแล้วแน่ ๆ”


“....”


“สิ่งที่หมอให้ มันมากกว่าไดอะซีแพมเสียอีก”


“กันต์”


เสียงทุ้มพูดสวนขึ้นมาทันทีที่จบประโยค ชนกันต์คิดว่าตานั้นยิ่งทำให้เขาร้อนรุ่ม มันแปลกประหลาดเกินกว่าเด็กหนุ่มจะคิดอยากจำกัดความด้วยคำใดที่นึกออก และหลังจากชื่อของเขา หมออธิศก็ไม่ได้พูดอะไรอยู่สองนาน


“เราจะได้เจอกันอีกไหมครับ”


“....”


“มันจะแปลก ๆ หรือเปล่า ถ้าผมติดใจยำปลาสลิดร้านที่หมอเคยพาไปกิน”


“....”


“....”


ทั้งคู่เงียบไปอีกแล้ว ว่าที่เภสัชกรรู้ว่านี่มันยากกว่าการสอบครั้งไหน ๆ ตลอดห้าปีที่ผ่านมา มันยากตรงที่เขาไม่รู้จะพูดอะไรอีก แล้วก็คิดว่าที่พูดไปมากเกินพอแล้ว และหากย้อนกลับไปในร้านอาหารครั้งนั้น ความรู้สึกเดิมของชนกันต์คือขอให้อธิศพูดอะไรออกมาสักคำ


“ไม่ต้องย้ายกลับได้ไหม”


“ครับ?”


ตาสีเข้มนั้นหยุดสั่นแล้ว มันแน่นิ่ง แล้วก็ลุ่มลึกเสียจนทำให้คนฟังร้อนไปทั้งตัว “ผมพูด คุณฟัง แต่ไม่จำเป็นต้องเก็บไปคิด ถึงแม้คำที่ว่าไม่ต้องคิดนั้นผมจะโกหกคุณก็ตาม”


ชนกันต์เกลียดยิ้มอบอุ่นของหมออธิศขึ้นมาจับใจ มันทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ แม้จะยังประมวลผลประโยคก่อนหน้าได้งุนงงก็ตามที


“ผมไม่อยากให้คุณย้ายกลับไปอยู่คนเดียว”


“ทำไมครับ”


“เพราะผมคิดว่า ผมเก่งกว่ายาไดอะซีแพม”


สิ้นประโยคร่างเล็กก็หัวเราะเบา ๆ เขาไม่รู้ว่าทำไมต้องหัวเราะ แล้วก็สั่งตัวเองว่าพยายามอย่าหยุดหัวเราะด้วย “ก็จริง”


อธิศนิ่งไปอีกแล้ว นิ่งและจับจ้องใบหน้าของเขาอย่างชั่งใจ มันคล้ายเป็นคำสั่งกลาย ๆ ให้ชนกันต์หยุดหัวเราะแล้วตั้งใจฟัง ซึ่งให้ตายเถอะ เขาอยากฝ่าฝืนคำสั่งนี่เป็นบ้า


“มีอีกเรื่องที่ผมอยากขอโทษคุณ”


หัวใจของเด็กหนุ่มต้องหลุดออกจากอกไปแล้วแน่ ๆ ในตอนที่นายแพทย์อธิศเลื่อนริมฝีปากเข้ามาแตะกับปากของเขา อาจจะสักสามวินาทีหรือนานกว่านั้น มือใหญ่ก็ยกขึ้นทาบบนพวงแก้ม มันพาชนกันต์ให้เป็นไปในทิศทางที่ทั้งคู่อยากให้เป็น ไม่นานนัก สัมผัสผะแผ่วนั้นผละออก จากนั้นจึงถือวิสาสะบดเบียดครั้งที่สองลงมาอย่างเชื่องช้า หนักแน่น และบาดลึกลงไปถึงความรู้สึก


แสร้งบอกตัวเองให้ไม่ต้องคิดว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็นั่นแหละ -- เขาเคยโกหกตัวเองได้ที่ไหนกัน เรียวลิ้นของแพทย์หนุ่มแห่งแผนกจิตเวชไล้เล็มริมฝีปาก ค่อย ๆ ส่งลิ้นเบิกทางเข้ามาต้อนและเกี่ยวเขาเอาไว้ อีกมือที่เคยเก้กังอยู่บนตักขยับขึ้นมาจับแขนเล็ก ทุกอย่างเหมือนห้วงสีขาวฟุ้ง สิ่งแรกที่เห็นหลังจากลืมตาขึ้นก็คือนัยน์ตาสีเข้มไม่มีเลนส์แว่นขวางกั้น และไออุ่นยังคงรดริมฝีปากของชนกันต์อยู่ในประโยคต่อมา


“ผมลืมคืนสุดสยองนั่นไม่ได้สักที”


คนตรงหน้าพูดติดตลก แต่ครั้งนี้มีความรู้สึกอื่นขึ้นมาแทนที่อารมณ์ขันเสียแล้ว


“แล้วผมก็อยากอยู่กับคุณต่อไปครับ”








--------------------------------------------------








เปลือกตาบางลืมขึ้นในความมืด เรตินาทำงานอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะเริ่มเห็นแสงจันทร์ส่องผ่านผืนผ้าม่านและเปลี่ยนให้เพดานค่อย ๆ สว่างขึ้นจนเป็นสีเทาอ่อน ไม่แน่ใจนักว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร อาจเป็นตอนที่กลับมาแล้วเอาแต่ร้องไห้ ถ้าอย่างนั้นไม้ค้ำก็คงยังอยู่ที่ปลายเตียง ข้าวของระเนระนาด แล้วกางเกงขายาวที่สวมอยู่ก็เป็นสแลคสีดำ


ทันทีที่เริ่มเรียบเรียงความคิดได้ ภาพความแปลกแยกในหัวกลับเริ่มเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่เขาต้องใส่ชุดกาวน์แล้วเป๋ไปเก็บรายละเอียดอาการคนไข้เพียงลำพังเพื่อเตรียมตัวสำหรับสอบย่อยที่จะถึง ในการขึ้นวอร์ดกับอาจารย์แพทย์ รามิลคิดว่าคงไม่มีใครกระซิบบอกคำตอบให้เขาได้ลุ้นและหัวเราะกับพฤติกรรมแผลง ๆ นั่นอีกแล้ว


คำตัดสินจบไปตั้งแต่ในชั้นศาล หากแต่คนที่ยังต้องรับคำพิพากษาต่อจากนั้นก็คือคนผิดนอกกฏหมาย ตราบาปซึ่งกัดกินตัวตนลึกลงไปเป็นปรสิต มันสูบเอาความคิด ความรู้สึก เรี่ยวแรง และความหวัง ให้หายไปจากชีวิตของรามิลได้อย่างเลือดเย็นเฉกที่เขาเคยทำกับผู้หญิงคนนั้น แทบทนไม่ไหวที่ต้องแสดงออกว่าอยู่ได้ แต่เปล่าเลย เขาอยู่ไม่ได้


ศรัณย์ให้บทลงโทษความรักได้เจ็บแสบเหลือเกิน


โดยการไม่เลือกมัน


ถ้าถามว่าอารมณ์ของรามิลในตอนนี้เป็นแบบไหน เขาก็คงโกรธ -- แต่โกรธจนหมดแรงแล้ว เสียงฝีเท้าแว่วเข้ามาในหู และหลังจากหยัดตัวขึ้นนั่งได้ไม่ถึงสิบวินาที เสียงเคาะประตูสองทีก็ดังเรียกอย่างที่คิดเอาไว้


“เก้า มีเพื่อนมาหาจ้ะ”


แม่นั่นเอง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นัยน์ตาเริ่มมีประกายอย่างลิงโลด รามิลรู้สึกว่าการที่หัวใจเต้นแรงขึ้นมานั้น เหมือนตอนที่เพื่อนขอเกี่ยวก้อยหลังจากทะเลาะกันในวัยเด็กไม่มีผิด เขาแบ่งความดีใจเป็นสามระดับ และศรัณย์อยู่อันดับแรกเสมอ


เด็กหนุ่มเอื้อมตัวไปกดเปิดโคมไฟแล้วลุกขึ้นจากเตียงอย่างทุลักทุเล การใส่เฝือกอ่อนทำให้เดินเหินถนัดขึ้นนิดหน่อย แม้จะแลกมาด้วยความเจ็บปวดซึ่งทุเลาลงเพียงเล็กน้อยก็ตาม และรามิลไม่ชอบใช้ไม้ค้ำในขณะที่ยังอยู่ในบ้าน นั่นหมายถึงเขาต้องการบำบัดทางกายภาพด้วยการฝืนออกไปโดยไร้เครื่องช่วยพยุง


อาจจะเป็นนิล บอส โอ๊ต หรือเพื่อนคนอื่น ๆ ในกลุ่ม


หรือถ้าดีหน่อยก็เป็นพี่เสือ


“เก้า” แม่เร่ง แต่เด็กหนุ่มไม่กระตือรือร้นเดินเร็วกว่านี้ถ้าไม่ใช่เสียงของศรัณย์


เขาปิดประตูห้องเพราะไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพเละเทะ ก้าวเดินช้า ๆ โดยอาศัยราวของชั้นสองซึ่งทอดยาวมาถึงบันได ในสามขั้นแรก รามิลอาจต้องพะว้าพะวงมองพื้นสักหน่อย แต่เขาก็ยอมชะโงกหน้ามองเงาคนไว ๆ ที่อยู่หลังผนังกั้นทางขวามือ “เพื่อนเอาเลคเชอร์วันนี้มาให้แน่ะจ้ะ”


“....!”


ขาขวาใต้เฝือกอ่อนรู้สึกเจ็บขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น เจ้าของเรือนผมสีดำยาวค่อย ๆ หันมาทางบันได เผยให้เห็นเดรสสีขาวลายลูกไม้เชย ๆ ผิวของเธอซีดเผือด ดวงตารีเล็กดำด้านในขณะเอ่ยคำทักทายคุ้นเคย


ริมฝีปากฉีกออกเพื่อขยับ


“สวัสดี เก้า”










เฮือก


เปลือกตาบางลืมขึ้นในความมืด เรตินาทำงานอย่างเกียจคร้านก่อนจะเริ่มเห็นแสงจันทร์ส่องผ่านช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ที่ช่วยให้สิ่งรอบตัวเริ่มก่อเป็นเค้าโครงร่าง รามิลคิดว่าแค่เผลอหลับไป เขานอนอยู่ และจะตื่นขึ้นมาเพื่อหัวเราะเยาะกับตัวเองว่าเมื่อครู่เป็นแค่ฝันร้าย


ทว่ามือของเขาจับราวบันได เท้าข้างที่ไม่มีเฝือกสัมผัสอยู่บนพื้นไม้ รอบข้างมืดครึ้ม และชั้นล่างไม่ได้เปิดไฟอย่างที่เห็นเมื่อครู่ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงโทรทัศน์ เสียงคุยโทรศัพท์ของพ่อ และรามิลไม่รู้ว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร


“....”


พลันห้วงคิดฉายภาพซ้ำแทนที่ ชายกระโปรงสีขาวกรอมเข่าพริ้วไสว เจ้าของเสียงทักทายเขาทั้งรอยยิ้ม ดวงตาสีดำด้านขยายกว้าง แล้วก็ราวกับความทรงจำสมจริงนั้นจะฉุดกระชากความรู้สึกทั้งมวลของเขาให้พุ่งสูงและระเบิดออกจนควบคุมไม่ได้


เขาถอยขาขวากลับขึ้นข้างบน และทันทีเฝือกอ่อนสัมผัสกับพื้นบันได ก็สายเกินกว่าที่รามิลจะรู้ตัวว่าได้เหยียบเอากระดาษปึกหนึ่งเป็นแรงส่งให้เขาลื่นไถลลงไปทางด้านล่าง


“อ้าก --”


ความเจ็บแปลบที่ข้อเท้าทำให้เด็กหนุ่มเจ็บจนน้ำตาไหล หัวไหล่กระแทกเข้ากับพื้นไม้ปาร์เก้ มันส่งเสียงครึกโครมและคงจะปลุกคนในบ้านนี้ให้ตื่นขึ้นมา เพดานสีเทาอ่อนเริ่ม มืดมิด แสงจันทร์หดกลับออกไปทางหน้าต่าง และทิ้งให้สายตาของรามิลคว้างอยู่กับชีทเปื้อนไฮไลท์สีชมพูสลับเหลือง เสียงจั๊กจั่นกลางคืนร่ำไรอยู่ไกลแสนไกล


เจ็บจนอยากให้ขาหลุดออกไป ความคิดสุดท้ายเขามีแค่นั้น




แล้วก็เหมือนฝันที่เสียงของศรัณย์แว่วเข้ามา


“เก้า”







TBC





----------------------------------------------------



เรื่องของเรื่องก็คือ ปรสิตมี 15 ตอนจบค่ะ :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2015 17:35:25 โดย เข่งสะพานปลา »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด