..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!  (อ่าน 38258 ครั้ง)

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
โธ่ เพิ่งจะได้มาอ่านเรื่องนี้ สนุกดี ได้บรรยากาศแบบเหนือๆด้วย  ต้องขอบคุณคนแต่งนะที่อุตส่าห์วงเล็บภาษากลางให้ด้วย ไม่งั้นอาจมึนงง ได้ 555

คุณอิฐคือแสงเมืองใช่มั้ย ชาติปัจจุบันขอให้สมหวังสักทีเถอะ จากเจ้าน้อยมาเป็นมะยม น่ารักจัง

รอตอนต่อไปนะคะ

ปล. แทบไม่ค่อยมีคำผิดเลย นอกจากคำ อนุญาต ที่เห็นผิดบ่อยๆ ต้องไม่มีสระ  ิ นะ

ออฟไลน์ beedy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่าติดตามนะครับ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ สนุกมากๆ

ปล. มาต่อไวๆ นะครับ อิอิ :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่14

"อื้อ..." หลังจากดมยาดมได้ไม่นาน มะยมก็ฟื้น

"อย่าเพิ่งลุกสิ" มะยมหันไปมองตามเสียงเข้มๆติดดุอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมืนๆเบลอๆอยู่บ้างก็ตาม

"คะ...คุณ!!!" เสียงที่บ่งบอกว่าตกใจไม่น้อย เพราะมะยมเห็นว่า เจ้าของเสียงดุนั้น เป็นใครคนนั้นที่อยู่ในฝันของตนเอง ไม่ใช่สิต้องบอกว่าคล้ายใครอีกคนในฝันตนเองเสียมากกว่า

"ครับ!" อิฐมองร่างบางที่กำลังจะพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เหมือนกับว่าตกใจจนพูดไม่ออกยังไงอย่างงั้น

"มะยมเป็นยังไงบ้าง อิ๊ฟตกใจหมดเลยรู้ไหม?" ฝ่ายเพื่อนสาวทันทีที่เห็นเพื่อนฟื้นก็รีบพรวดพาดมาทันที

"เอ่อ..ก็ดีขึ้นแล้ว แต่ว่าเราเป็นอะไรไปเหรอ?" มะยมถามหลังจากที่สมองกำลังประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง

"คือมะยมเป็นลมไปตอนที่เรากำลังจะเข้าไปในบ้านเรือนไทยไงล่ะ มะยมจำได้ไหม?"

"อื้อ" มะยมกำลังคิดตามที่เพื่อนบอก จำได้ว่าตนเองกำลังรออิ๊ฟที่กลับไปเอากุญแจมาเปิด จากนั้น....

"พออิ๊ฟมาถึงก็เห็นประตูมันเปิดแล้ว เลยถามมะยมว่าเปิดประตูได้ยังไง แล้วมะยมก็เป็นลมล้มไปเลย อิ๊ฟตกใจแทบแย่ ดีนะพี่อิฐเข้ามาประคองตัวมะยมไว้ได้ทัน ไม่งั้นเจ็บตัวแน่เลย" มะยมขมวดคิ้ว อิฐ? ใครกัน?

"ขมวดคิ้วทำไมมะยม หรือว่าปวดหัว?" มะยมส่ายหน้าปฏิเสธ

"เอ่อ อิ๊ฟลืมแนะนำไป นี่พี่อิฐ พี่ชายอิ๊ฟ ว่าจะแนะนำให้เจอตั้งหลายทีละ แต่คลาดกันตลอด"

"พี่ชายอิ๊ฟเหรอ?" มะยมพูดงืมงำเหมือนคุยกับตัวเอง เหมือนมีภาพทับซ้อนระหว่างพี่ชายของอิ๊ฟ กับแสงเมือง คนที่เคยฝันถึง

"ไม่เป็นไรก็ดีแล้วนะจ๊ะลูก ย่าก็ตกใจแทบแย่ เอ้า!! ดื่มยาหอมนี่อีกนิดนะลูกเผื่อจะได้ดีขึ้น" มะยมมองยาหอมในแก้วที่คุณย่านวลยื่นให้ แล้วก็ทำหน้าแหยงนิดๆ เหมือนเด็กที่กำลังถูกบังคับให้กินยาขม ทำให้อิฐอดยิ้มมุมปากออกมาไม่ได้ กับภาพเด็กหนุ่มตรงหน้า

"ขอบคุณครับคุณย่า แล้วก็ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เป็นห่วงกันใหญ่เลย" มะยมพูดอย่างคนขี้เกรงใจ

"ถ้าจะขอบคุณ ต้องขอบคุณพี่อิฐโน้น เค้าเป็นคนอุ้มเรามา" มะยมรีบหันไปมองอย่างแปลกใจ นี่ถึงกับอุ้มมาเลยเหรอ? เกิดมาไม่ยังเคยถูกใครอุ้มมาก่อน แก้มมะยมถึงกับขึ้นสีบางๆทันที ในหูเหมือนมีเสียงเอคโค่ตะโกนมาว่า อุ้มมาๆๆๆ แล้วสมองก็ดันนึกภาพตามด้วยนี่สิ จะบ้าตาย มะยมคิดในใจ

"ขอบคุณครับ" มะยมยกมือไหว้ขอบคุณพี่ชายเพื่อนที่ช่วยอุ้มตนเองมา แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า ตัวเองจะหนักเกินไปไหม?

"แล้วมะยมเปิดประตูนั่นได้ยังไงอะ? ทั้งๆที่กุญแจอยู่กับอิ๊ฟนะ แล้วบ้านเราก็มีกุญแจเปิดบ้านเรือนไทยแค่ดอกเดียวด้วย?"

"เราก็ไม่รู้เหมือนกัน" มะยมตอบเพื่อนด้วยเสียงเบาๆ ราวกับไม่แน่ใจ เพราะภาพในฝันขณะหนึ่งคือ คนที่หน้าเหมือนตนเอง และถูกเรียกว่าเจ้าน้อยซ่อนมันไว้ตรงช่องแคบๆหัวเสานั่นเอง แล้วก็ไม่รู้ว่าตนเองเดินไปหยิบมันออกมาเปิดได้ยังไงเหมือนกัน ยังงงๆอยู่เหมือนกัน

"อย่าเพิ่งถามเพื่อนเลยลูก ให้เพื่อนได้พักก่อน" คุณย่านวลเป็นบอกให้ยุติการซักถาม นับว่าถือว่าโชคดีของมะยม เพราะไม่รู้จะอธิบายเพื่อนและทุกคนยังไงดี

"กินยานั่นด้วย" เอ๊ะ!! มะยมหันไปตามเสียงที่บอกให้กินยา อุตส่าห์ว่าจะอุ๊บอิ๊บไม่กินแล้วนะ แต่ก็สู้สายตาของพี่ชายเพื่อนไม่ได้ คนอะไรตาดุจัง มะยมจำเป็นต้องรีบกั้นใจดื่มลงไปอย่างขัดใจเล็กน้อย

"อ๊าช...." มะยมเบ้หน้า ไม่ชอบทั้งกลิ่น ทั้งรสชาติมัน แล้วรีบดื่มน้ำที่อิฐเตรียมไว้ให้แล้ว ในใจคิดว่าคนอะไรชอบบังคับอยู่ได้ บ้าอำนาจ

"งั้นเราไปช่วยคุณย่าทำขนมจีนนะมะยม นอนพักก่อน ค่อยทานข้าว แล้วทำงานต่อเนอะ" มะยมได้แต่พยักหน้าให้เพื่อนไป แต่ตายังจ้องใบหน้าของร่างสูงของพี่ชายเพื่อนอยู่

"ทำไม?" มะยมขมวดคิ้วกับคำถาม ทำไม? ของพี่ชายเพื่อน ถามแค่เนี๊ยะนะ แล้วใครมันจะไปรู้ว่ามันหมายความว่าไงล่ะ?

"มองหน้าทำไม?" อิฐเลือกที่จะเปลี่ยนคำถามให้มันยาวขึ้น และเข้าใจง่ายมากขึ้น พร้อมกับยักคิ้วให้ด้วยตามนิสัย เพราะอิฐทำจนเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวไปแล้ว

"ปะ..ป่าวครับ" ในใจอิฐกลับคิดว่า เด็กคนนี้แปลก ทั้งที่เห็นว่ามองอยู่ แต่ก็ยังปฏิเสธ แต่มะยมกลับไม่ได้คิดถึงสิ่งที่อิฐถามเลย คิดแต่ว่า เหมือนจริงๆ เหมือนมาก ราวกับคนๆเดียวกัน จะไม่เหมือนก็ตรงทรงผม กับบุคลิก ผู้ชายคนนี้ช่างลึกลับ ตาดุ ผิดกับแสงเมืองคนนั้นเหลือเกิน

"กะ..ก็แค่คิดว่าหน้าคุณเหมือนใครสักคนที่คิดว่ารู้จักเฉยๆครับ" จ้องอยู่เข้าไป จ้องอยู่นั่นแหละ มะยมคิดในใจว่าจ้องขนาดนี้เหมือนครูดุนักเรียนไม่มีผิด

"ดีขึ้นรึยัง? ถ้าดีขึ้นแล้ว พี่ขอถามนายด้วยคำถามเดียวกับอิ๊ฟ ว่านายเปิดประตูนั่นได้ยังไง?" อะไรเนี๊ยะมะยมบ่นกับตัวเองในใจ ทำอย่างกับมะยมเป็นผู้ต้องหา แล้วตัวเองเป็นตำรวจมาสอบสวนอย่างงั้นแหละ แต่มะยมได้แต่นิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไร

"งั้นพี่เปลี่ยนคำถามใหม่ว่า หน้าพี่เหมือนใคร?"

"แล้วคุณจะถามทำไม ทำอย่างกับคุณรู้จักงั้นแหละ?"

"พี่แทนตัวเองว่าพี่ นายก็ต้องเรียกพี่ว่า "พี่อิฐ" เหมือนที่อิ๊ฟเรียก แล้วก็ช่วยตอบคำถามพี่มาด้วย"

"พี่อิฐอยากรู้ไปทำไม ยังไงบอกไปพี่ก็ไม่รู้จักหรอก"

"ทำไมถึงคิดว่าพี่จะไม่รู้จักล่ะ พี่อาจรู้หรืออาจกำลังสงสัยอะไรเหมือนกับนายก็ได้นะ"

"พี่อิฐหมายความว่ายังไง?"

"พี่หมายความตามที่พูด ถ้านายบอก พี่ก็จะบอกนายเหมือนกันว่า หน้านายก็เหมือนใครอีกคนที่พี่เหมือนว่ารู้จักเหมือนกัน"

"ทานข้าวกันได้แล้วจ้าสองหนุ่ม ขนมจีนมื้อนี้อิ๊ฟเป็นคนทำเอง อร่อยอย่าบอกใครเลย อิอิ" ยังไม่ทันได้คำตอบที่ชัดเจน อิ๊ฟก็เดินมาเรียกทั้งสองหนุ่มให้มาทานขนมจีน เลยทำให้การสนทนายุติลงก่อน

"อะไรยัยตัวยุ่ง รู้หรอกหน่าว่าคุณย่าเป็นใส่เครื่องปรุงให้แล้วเราก็แค่เป็นคนโขลกพริกแกงขนมจีนต่างหาก ทำเป็นคุยใหญ่เลยนะ"

"เอ๊ะ!! พี่อิฐ อิ๊ฟเป็นทำเองกับมือ โขลกเองกับมือ โคนเองกับมือ มันก็ต้องเป็นฝีมืออิ๊ฟสิ อิ๊ฟต้องให้เครดิตตัวเองเป็นธรรมดา ถึงจะมีคุณย่าคอยช่วยก็เหอะ ชิ!!"

"ทะเลาะกันอีกแล้วสองคนนี้ พอไม่เจอกันก็บ่นหากัน แต่พอเจอกันกับมาแหย่กันซะงั้น ไม่อายมะยมเค้ารึไง? หื้ม?" คุณย่าเอ่ยปรามหลานทั้งสองคนอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่

"ไปยกมาสำรับมาเลยน้อย ค่อยๆทยอยยกมาล่ะ เดี๋ยวหกล้มไปไม่ได้ทานกันพอดี"

"ทานเยอะๆนะหนูมะยม จะได้ตัวโตๆเหมือนตาอิฐนี่ไง ตัวแค่นี้เกิดลมมาคงปลิวตามลมไปหมด" มะยมเหลือบสายตาไปที่คนที่คุณย่ายกมาเปรียบเทียบ แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร แล้วก็ก้มหน้าทานต่อ แต่กลับเป็นฝ่ายอิฐเองที่รู้สึกมันเขี้ยว อยากแกล้งคนที่ทำเป็นไม่สนใจตนเองอย่างบอกไม่ถูก

"ครับคุณย่า"

"ตาอิฐก็ทานเยอะนะลูก ทำงานหนักก็ต้องทานเยอะๆนะลูก"

"ครับคุณย่า"

"เอ้าแม่ตัวยุ่งก็ทานเยอะๆสิ แข่งกันผอมกับมะยมรึไงเรา?" คุณย่าเอ่ยทักหลานสาวที่หุ่นพอๆกับเพื่อนเลย

"ง่ะ.....คุณย่าอย่าเรียกหนูแบบอิตาพี่อิฐสิค่ะ" ระหว่างทานไป ทุกคนก็คุยกันบ้าง แต่มะยมเลือกที่จะเป็นผู้ฟังที่ดีมากกว่า แต่ก็ยังมีสายตาอีกคู่หนึ่งที่ไม่รู้ว่าติดใจอะไรกับคำพูดของมะยมนักหนา ถึงได้จ้องเอาๆ แม้กระทั่งตอนทานข้าว ก็ยังจ้อง แบบนี้คนอื่นก็ทานข้าวไม่ลงน่ะสิ







ปล_ทีแรกเห็นไม่ค่อยมีฟีดแบคก็ใจแป้ว เลยไม่ค่อยลง ขอบคุณมากครับที่ติดตาม ปล_ภาษาเหนือบางคำก็ยากที่จะเข้าใจ แต่ผมจะพยายามถ่ายทอดนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2015 13:24:36 โดย ApolloS »

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17
แอร๊ยยยย พี่อิฐคือแสงเมืองจริงๆด้วยยย
แสดงว่าทั้งสองคนฝันถึงอดีตชาติเหมือนกันสินะ
อยากให้สองคนนี้คุยกันจัง งือออ ชอบเจ้าน้อยกับแสงเมืองอ่ะ
คนเขียนสู้ๆนะคะ สนุกมาก เราชอบ
รอตอนต่อไปค่ะ
 :mew1:

ออฟไลน์ doudoh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
มาให้กำลังใจ ลงเยอะๆนะ รออยู่  สู้ๆ

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจ

สัญญาว่าพรุ่งนี้จะมาลงให้ใหม่นะครับ

(^^)

ออฟไลน์ yjm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
สนุกค่ะชอบเรื่องแนวโบราณแบบนี้

 :mew1:

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่ 15

"คุณย่าขาทานเสร็จแล้วอย่าลืมนัดของเรานะค่ะ"

"จ๊ะหลานย่า"

"นัดอะไรกันเหรอครับคุณย่า?" อิฐถามอย่างแปลกใจ ว่าแม่น้องสาวตัวดีจะชวนคุณย่าทำอะไรอีก ยิ่งแก่นเซี้ยวกับเค้าอยู่

"สองคนนี้เค้าจะให้ย่าเล่าเรื่อง "ปิงนคร" ให้ฟัง เพื่อใช้ทำงานกลุ่มนะลูก" อิฐได้ยินก็ทำหน้าคุ่นคิดว่าทำไมต้องเป็น"ปิงนคร"? แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป

"งั้นย่าไปเข้าห้องน้ำก่อนนะลูก เดี๋ยวย่าตามไป"

"ค่ะ/ครับ คุณย่า"

"นี่..พี่อิฐตามพวกเรามาทำไม? งานการตัวเองไม่มีทำรึไง?"

"อะไรบ่ายนี้พี่ว่าง พี่จะกลับมาอยู่กับคุณย่าให้ท่านหายคิดถึง เกี่ยวอะไรกับเราด้วย?"

"เกี่ยวสิ ก็คุณย่าต้องช่วยอิ๊ฟทำรายงาน"

"เราก็ทำงานของเราไปสิ พี่จะอยู่เฝ้าคุณย่า"

"จิ๊" อิ๊ฟจิ๊เสียง เพราะถูกพี่ชายแกล้ง

"บ่นอะไรขมุบขมิบหายัยตัวยุ่ง ทีเพื่อนเราเค้าไม่เห็นว่าอะไรเลย" อิฐยักคิ้วไปให้มะยมหนึ่งทีตามนิสัย แต่มะยมน่ะสิกลับคิดในใจว่า ใครมันจะไปกล้าว่าอะไรหลานชายเจ้าของบ้านได้ล่ะ พูดมาได้

"นั่นรูปคุณปู่ทวด กับคุณย่าทวดของเรา ยังเป็นรูปขาวดำอยู่เลยเนอะสมัยก่อน" มะยมก็หันไปดูรูปที่ติดบนฝาผนังบ้านเรือนไทยล้านนาตามที่อิ๊ฟบอก เห็นเป็นรูปของคนค่อนข้างมีอายุ ใส่ชุดไทยล้านนา ผู้ชายมีหนวดนิดหน่อย ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงสะโหร่ง ผู้หญิงใส่เสื้อลูกไม้มีสไบทับ ใส่ผ้าซิ่นลายสวย ผมเกล้าขึ้นแล้วเอาปิ่นปัก

"ท่านเป็นเจ้าเหรอ?" มะยมถามเพื่อนสนิท เพราะเห็นด้านล่างเขียนว่า เจ้าภูสรวง กับเจ้าแม่ละอองทิพย์

"จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิงนะ ท่านเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแมนสรวง กษัตริย์เมืองปิงนครน่ะลูก" คุณย่านวลอธิบายให้หลานๆฟัง

"แล้วเจ้าแมนสรวง ท่านไม่มีลูกเหรอครับคุณย่า?"

"มีสิลูก มีอยู่สามพระองค์นะ เท่าที่ย่าจำได้ตอนที่แม่ของย่า หรือคุณย่าทวดเล่าให้ฟังนะ เหมือนว่าองค์โตจะชื่อ "เจ้ามิ่งขวัญ" ส่วนองค์รองจะชื่อ "เจ้าหยาดฟ้า" ทั้งสององค์นี้เป็นพี่น้องกัน ส่วนอีกองค์หนึ่งย่าจำชื่อไม่ได้ แต่ทุกคนจะเรียกพระองค์ว่า "เจ้าน้อย..."

"ขวัญระมิงค์" มะยมฟังคุณย่านวลเล่าไป ใจก็คิดไปถึงความฝันของตัวเองไป จนเผลอนึกถึงหน้าเจ้าน้อยและเอ่ยชื่อของเจ้าน้อยออกไป

"ใช่แล้วล่ะจ๊ะลูก องค์สุดท้องชื่อ "เจ้าน้อยขวัญระมิงค์" เป็นลูกของพระสนมเอื้องฟ้า มีคนเล่าว่าพระองค์หน้าตางดงามราวกับภาพวาด แต่ไม่ค่อยมีใครได้พบเห็น เพราะทรงเก็บตัวอยู่แต่ในคุ้ม"

"มะยมเก่งจัง คืนเดียวก็อ่านได้ขนาดนี้แล้วเหรอ?"

"เอ่อ...คือ....ใช่จ๊ะเราอ่านมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่จบจ๊ะ" จะบอกอิ๊ฟว่าอ่านได้ไม่กี่หน้าเอง เพราะตัวเองก็เผลอหลับคาหนังสือไปเลยก็ไม่ได้ มะยมขมวดคิ้วหนักกับความปากไวของตัวเอง อยากจะตบปากตัวเองสักทีสองที ฝ่ายอิฐที่เอาแต่จ้องร่างบางเพื่อนน้องสาว ก็ขมวดคิ้วเหมือนกัน แต่เป็นละเรื่อง อิฐขมวดคิ้วเพราะจับพิรุธเพื่อนน้องสาวอยู่นั่นเอง ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าเด็กคนนี้กำลังโกหกและกำลังปิดบังอะไรอยู่

"ต่อเลยค่ะคุณย่า"

"ย่าก็จำไม่ค่อยได้หรอกนะลูก เห็นเค้าเล่าต่อกันว่า ในสมัยล้านนา เมืองนี้เป็นเมืองที่แข็งแกร่ง และค่อนข้างเจริญ เพราะอยู่ติดกับแม่น้ำปิง เลยมีการทำการค้ากับหลายเมืองที่ผ่านแม่น้ำปิงมา อีกทั้งยังเป็นเมืองอุดมสมบูรณ์ สมัยนั้นเจ้าแมนสรวงได้ส่งเจ้ามิ่งขวัญไปเรียนที่พม่า เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจึงกลับมาช่วยราชการของพระบิดา"

"ทำไมต้องไปเรียนที่พม่าโน้นล่ะค่ะคุณย่า ไม่เห็นจะดีเลย"

"เพราะสมัยนั้นพม่าเป็นเมืองที่มีอำนาจมากที่สุด และเจริญมากที่สุด เหล่าราชวงศ์หรือแม้ขุนนางก็ส่งลูกส่งหลานไปเรียนที่นั่นเช่นกัน"


"อ้อเข้าใจแล้วค่ะ"

"แล้วพวกหนูไม่จดกันเหรอลูก?"

"ไม่ค่ะคุณย่า หนูอัดคลิปเสียงเก็บไว้แล้วค่ะ กลัวจะจดไม่ทันเหมือนเลคเชอร์อาจารย์ไงค่ะ"

"สมัยนี้เทคโนโลยีมันไปไกลแล้วนี่เนอะ" คุณย่านวลหัวเราะกับเด็กสมัยใหม่กับเทคโนโลยี

"สมัยก่อนเราตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าไหมครับคุณย่า?"

"เป็นสิลูกประมาณ 200 กว่าปี ทางเราต้องส่งเครื่องบรรณาการ เช่นต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง ไม้สัก ช้างม้า และผ้าไหม แพรพรรณต่างๆไปให้เจ้าเมืองพม่า ในยามศึกสงครามก็ต้องส่งทหารไปร่วมศึกด้วย และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ล้านนาเราถูกพม่าปกครองในฐานะกษัตริย์อีกด้วย"

"ยังไงเหรอครับคุณย่า?"

"หลังจากพม่ายกทัพมาตีเราจนสำเร็จ ได้เรียกร้องบรรณาการต่างๆ และได้ส่งเชื้อพระวงศ์หลายๆองค์มาปกครองเราไงลูก"

"แล้วปิงนครล่มสลายได้ยังไงค่ะคุณย่า?"

"บ้างก็ว่ากันว่าล้มสลายเพราะ อิสตรี เพราะเจ้าแมนสรวงทรงเป็นนักรัก รุ่มหลงสตรีจนไม่สนใจราชการ แต่บ้างก็ว่าที่ปิงนครล้มสลายเพราะพระองค์ทรงตรอมพระทัยที่เจ้าน้อย บุตรชายองค์เล็กสิ้นพระชนม์" มะยมได้ยินดังนั้นถึงกับช็อค เหมือนกับใครเอาไม้หน้าสามมาฟาดลงที่หัว


"มะยมเป็นอะไรรึเปล่าทำไมหน้าซีดอย่างนี้ล่ะ?" คำตอบของคุณย่านวลทำให้มะยมหน้าซีดจนยืนไม่อยู่ พลันนึกถึงฝันร้ายที่เขามักฝันบ่อยๆ เกี่ยวกับสองคนนั้น และทุกครั้งก็ต้องนอนร้องไห้ทรมานจนกว่าจะตื่นหรือยายมาปลุก

"ปะ...เปล่าๆ เราโอเคดี"

"ย่าว่าพาเพื่อนเราไปพักก่อนไหมลูก หน้าซีดมากเลย ถ้าพวกหนูอยากได้ข้อมูลอะไรอีกค่อยมาถามย่าใหม่วันหลังก็ได้นะลูก" อิฐประคองมะยมไม่ให้ล้มแล้วพามานั่งริมระเบียงให้อากาศพัดจะได้รู้สึกดีขึ้น

"มะยมดื่มน้ำหวานหน่อยไหม? เผื่อจะได้สดชื่นขึ้น" ยังไม่ทันได้ตอบอะไร เพื่อนตัวเล็กก็วิ่งออกไปเอามาแล้ว เหลือเพียงแต่มะยมกับอิฐ ส่วนคุณย่าก็เดินกลับไปที่บ้านใหญ่แล้วเหมือนกัน

"ดีขึ้นรึยัง?"

"ครับ"

"แต่นายยังหน้าซีดอยู่เลยนะ" มะยมไม่ตอบอะไร คล้ายกับว่าอยู่แต่ในความคิดของตัวเอง จนเพื่อนตัวเองกลับมา

"อะมะยมดื่มนี่ก่อน ทำไมช่วงนี้มะยมเหมือนจะเป็นลมบ่อย เป็นแบบนี้ไม่ดีนะ ไปหาหมอไหม? เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน" อิ๊ฟเอาน้ำเฮลบลูบอยให้มะยมดื่ม มือก็เอากระดาษมาพัดให้เพื่อนไปด้วย

"ไม่เป็นไรหรอกอิ๊ฟ สงสัยเราคงนอนไม่พอเฉยๆน่ะ" มะยมบอกปฏิเสธเพื่อนไป เพราะตนเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเลย เมื่อคืนก็นอนไม่ดึกด้วยซ้ำ แต่จะให้บอกเพื่อนยังไงว่า นึกถึงความฝันกับเรื่องที่คุณย่านวลเล่าให้ฟังเลยเข่าอ่อน เหมือนจะเป็นลม ขืนบอกอย่างนั้นอิ๊ฟคงไม่เชื่อ แถมยังจะคิดว่าเขาเพ้อเจ้อก็ได้

"งั้นคราวหน้าเป็นแบบนี้อีก มะยมต้องไปหาหมอกับเรานะ สัญญาสิ?"

"อื้ม!! สัญญา"

"งั้นเรากลับบ้านไปช่วยยายเก็บของล่ะนะ ไว้พรุ่งนี้เจอกันที่มหา'ลัย"

"พี่อิฐค่ะ ไปส่งเพื่อนอิ๊ฟหน่อยได้ไหมค่ะ?" อิ๊ฟขอให้พี่ชายไปส่งเพื่อนเพราะเป็นห่วงไม่อยากให้เพื่อนกลับบ้านเอง กลัวจะไปเป็นลมเป็นแล้งกลางทาง

"ไม่เป็นไรหรอกเรานั่งรถแดงกลับเองได้ เราโอเคแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง"

"อย่าดื้อ!!" อะไรอีกล่ะอิตานี่ พูดดีๆกับเค้าไม่เป็นรึไง เอาแต่ดุอยู่ได้ ไม่เห็นเหมือนกับแสงเมืองสักนิด มะยมคิดในใจ ขมวดคิ้วหน้างอไปด้วย

"ไปเหอะนะมะยม อย่าเกรงใจเลย เราเพื่อนกันนะ" เพราะคำนี้แหละ มะยมเลยต้องเดินตามหลังร่างสูงอย่างกับยักษ์นั้นไปอย่างช่วยไม่ได้


>>>>> ขอบคุณครับทุกกำลังใจ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2015 20:35:10 โดย ApolloS »

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17
แสงเมืองชาตินี้ดุยิ่งนัก
เจ้าน้อยก็กลายมาเป็นเด็กหนุ่มน่ารัก
ขอบคุณนะคะ สนุกมากๆ
 :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ beedy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกมากๆเลยครับ  :mew1: :z10: :z10:

เป็นกำลังใจให้คนแต่ง

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
พี่อิฐ อะ ดุจัง แต่ชอบ 55555  แอบสงสัยว่า พี่อิฐฝันเห็นอดีตเหมือนกันหรือเปล่า

รอตอนต่อไปนะ (ทำไมเวลาคนแต่งมาต่อเรื่อง พลาดตลอดเลยเรา  :katai1:)

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ตอนที่ 16


"เจ้าน้อยเจ้า วันอาทิตย์นี้จะถึงวันเกิดเจ้ามิ่งขวัญแล้ว เจ้าน้อยจะไปร่วมงานก่อเจ้า?"

"เราไม่อยากไปเลยพี่บัวแก้ว ไปก็เหมือนไม่มีตัวตน สู้ไม่ไป แล้วอยู่ในที่ของเราแบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ" เจ้าน้อยหวนนึกถึงวันสำคัญทุกปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นแบบนี้ทั้งสิ้น ทำให้อดน้อยใจไม่ได้

"แต่เจ้ามิ่งขวัญเปิ้นมาบอกเจ้าน้อยหื้อไปร่วมงานตวยนาเจ้า ถ้าบ่อยากไปเจ้าน้อยหยังบ่บอกเจ้ามิ่งขวัญไปตั้งแต่แรก?"

"เราไม่กล้าปฏิเสธเจ้าอ้าย เพราะรู้ว่าเจ้าอ้ายอยากให้เราไปร่วมงานด้วยจริงๆ"

"อั้นเจ้าน้อยก่อต้องไปร่วมงานแล้วละ บ่อั้นเจ้ามิ่งขวัญจะเสียใจเอาได้นาเจ้า" เจ้าน้อยถอนหายใจอย่างปลงเสียไม่ได้

"บ่ต้องกึดนักนาเจ้า เจ้าน้อย เฮามากึดดีกว่าว่าจะเอาอะหยังหื้อเจ้ามิ่งขวัญดี?" บัวแก้วเห็นเจ้าน้อยหน้าตาหมองลงเลยเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้เจ้าน้อยคลายกังวลลง แม้ว่ามันจะช่วยได้ไม่มากก็ตามที (กึดนัก : คิดมาก)

"เจ้าอ้ายมีของมากมายอยู่แล้ว เราคิดไม่ออกว่าเจ้าอ้ายทรงขาดสิ่งใดบ้าง เพราะทุกสิ่งล้วนถูกจัดหามาให้หมดแล้วตามฐานะรัชทายาท"

"ค่อยๆกึดก่อได้เจ้า เดียวปี้ไปดูในครัวก่อน แล้วจะออกมาช่วยกึดเน้อเจ้า"

"อะแฮ่ม!!" เสียงคนกระแอมดังมาแต่ไกล ทำให้เจ้าน้อยที่อยู่ในภวังค์หันมามอง

"มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงอีกแล้วนะท่านแสงเมือง"

"ถ้าไม่มาเงียบๆแบบนี้ จะเห็นคนบางคนใจลอยหรือขอรับ?

"นี่ท่านแสงเมือง อย่ามารุ่มร่ามนะ เดี๋ยวพี่บัวแก้วมาเห็น"

"แค่จับมือเองขอรับ กระหม่อมไปดูมาแล้ว พี่บัวแก้วกำลังเตรียมสำรับมื้อกลางวันให้เจ้าน้อยอยู่ ยังไม่เข้ามาหรอกขอรับ"

"ท่านมันเจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการนักท่านแสงเมือง" เจ้าน้อยค้อนให้แสงเมืองที่เจ้าแผนการยิ่งนัก ใครจะคิดว่าก่อนเข้ามาแสงเมืองไปดูพระพี่เลี้ยงคนสนิทของตนมาแล้ว

"ครั้งที่แล้วท่านยังไม่เข็ดอีกเหรอท่านแสงเมือง เจ้าอ้ายเกือบสงสัยว่าตัวอะไรมากัดคอเรา ท่านนี้มัน!!" เจ้าน้อยหมดคำต่อว่าร่างสูงหนาตรงหน้า เพราะว่ายังไงก็คงไม่ฟัง แถมยังทำหน้ายิ้มระรื่นอีก

"อย่าทำหน้างอสิขอรับ มันยิ่งทำให้กระหม่อมอยากแกล้งมากขึ้นนะขอรับ" เจ้าน้อยทำตาโตกับคำพูดของแสงเมือง

"ไหนบอกแสงเมืองคนนี้ได้หรือยังครับว่าคิดถึงใครอยู่?" แสงเมืองจูงมือเจ้าน้อยมานั่งบนตั่งใหญ่ แล้วก็ลูบมือบ้าง เอามือมาขึ้นหอมบ้าง จนเจ้าน้อยหน้าแดงแล้วแดงอีก

"เราแค่คิดว่างานวันเกิดเจ้าอ้ายจะเอาสิ่งใดให้เจ้าอ้ายเป็นของขวัญดี เพราะเจ้าอ้ายทรงมีทุกสิ่งอยู่แล้ว ท่านว่าเราควรเอาอะไรให้เจ้าอ้ายดีท่านแสงเมือง แล้วถ้าท่านเป็นเจ้าอ้าย ท่านอยากได้อะไร?"

"ถ้าเป็นกระหม่อม กระหม่อมอยากได้เจ้าน้อยขอรับ" แสงเมืองพูดหยอกล้อเจ้าน้อย สายตาก็ส่งมาอย่างกะลิ้มกะเหลี่ย จนเจ้าน้อยอดไม่ไหวใช้มือเรียวไปทีหนึ่ง

"ยังจะมาเล่นอยู่อีกท่านแสงเมือง"

"ก็มันจริงนิขอรับ กระหม่อมต้องการอย่างนั้นจริงๆนิขอรับ จะให้กระหม่อมปดต่อหัวใจตนเองได้อย่างไรกัน"


"ยิ่งพูดเหมือนเราจะยังไม่ได้คำตอบเรื่องของขวัญเจ้าอ้ายนะ เอาเป็นว่าท่านคิดว่าเราควรให้อะไรดี?" แสงเมืองยิ้มที่เจ้าน้อยทรงหาโอกาสเลี่ยงได้ตลอดจริงๆ

"กระหม่อมว่าเอาเป็นพระสักองค์ที่แกะสลักจากงาช้างดีไหมขอรับ กระหม่อมเคยเห็นแล้วงาช้างก็เป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันผยันอันตรายได้ด้วยนะขอรับ"

"แล้วเราจะไปหาสิ่งที่ท่านว่าได้จากไหนล่ะท่านแสงเมือง?" เจ้าน้อยขมวดคิ้วคิด เพราะสิ่งที่แสงเมืองว่าช่างแปลก และหายากเสียเหลือเกิน

"เรื่องนั้นเอาไว้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมเองเถิดขอรับ กระหม่อมพอรู้จักพรานป่าทำเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่บ้างขอรับ"

"แต่เราสงสารช้างมันอยู่เหมือนกันนะที่ต้องถูกตัดงา"

"อย่าทรงเป็นกังวลเลยขอรับ พรานป่าคนนี้เป็นคนดีขอรับ เป็นคนเลี้ยงช้าง เค้าไม่กล้าตัดงาจากช้างที่ยังไม่ตายหรอกขอรับ"

"งั้นแสดงว่าเอามาจากช้างที่ตายแล้วเหรอท่านแสงเมือง?" เจ้าน้อยถามอย่างสนอกสนใจ

"ใช่ขอรับ ก่อนตัดพรานเค้าก็จะทำพิธีขอขมา ขอตัดงาของช้างตัวนั้นประมาณนี้ขอรับ"

"ค่อยโล่งอกหน่อย ไม่งั้นเราคงไม่กล้าเอาหรอกนะ เราสงสารมัน มันคงเจ็บน่าดู" แสงเมืองอมยิ้มกับคำพูดของเจ้าน้อย ช่างน่ารัก และอ่อนโยนเสมอ

"ไว้วันพรุ่งนี้กระหม่อมไปจัดการให้นะขอรับ"

"ท่านทำมาสององค์นะท่านแสงเมือง เราอยากทำเก็บไว้ด้วย"

"ขอรับเจ้าน้อย แต่ตอนนี้กระหม่อมว่าเจ้าน้อยต้องจ่ายค่าที่กระหม่อมช่วยคิดแล้วนะขอรับ"


>>>>>>>>>>

"เจ้าน้อยใกล้จะได้เวลาแล้วนาเจ้า หยังบ่แต่งตั๋วเตื่อกาเจ้า?" (ทำไมยังไม่แต่งตัวอีกล่ะค่ะ)

"เราไม่อยากไปเลยพี่บัวแก้ว"

"ไปหื้อเจ้ามิ่งขวัญเห็นหน้าสักกำแล้วก่อลักออกมาก่อได้ลอเจ้า" (ไปให้เจ้ามิ่งขวัญเห็นหน้าแล้วค่อยแอบออกมาก็ได้นิค่ะ)

"มาเดียวปี้ทำผมหื้อ วันนี้เอาดอกเอื้องเน็บไปแตนบ่เจ้า เดียวปี้เกล้าผมแล้วเอาเน็บหื้อ" บัวแก้วรู้ว่าเจ้าน้อยรักผมของตนเองมาก แล้วก็ชอบดอกไม้มากด้วยเหมือนกัน หวังว่ามันจะพอช่วยให้เจ้าน้อยคลายความกังวลลงได้ บัวแก้วสงสารเจ้าน้อยเหลือเกิน ต้องอยู่ในฐานะลูกที่ถูกลืม มันช่างทุกข์ระทมเหลือเกิน (ดอกเอื้อง : ดอกกล้วยไม้)

"สวัสดีครับเจ้าอ้าย" เจ้าน้อยยกมือไหว้เจ้ามิ่งขวัญ

"สวัสดีเจ้าน้อย วันนี้น้องงามขนาด บัวแก้วช่างสรรหา เจ้าน้อยเหมาะกับดอกเอื้องนี้มากเลยนะ" เจ้ามิ่งขวัญเอ่ยชมน้องชายที่คืนนี้ใส่เสื้อเหลืองอ่อน สะโหล่งสีขาวนวล และผ้าคาดเอวสีแดงเหลือดนก เกล้าผมแล้วติดด้วยดอกเอื้องผึ้ง (กล้วยไม้ดอกเล็กๆ สีเหลืองมีลักษณะเป็นช่อลงมา)

"ขอบคุณครับเจ้าอ้าย นี่ของขวัญของน้องครับเจ้าอ้าย น้องไม่รู้ว่าจะสรรหาสิ่งใดมาให้เจ้าอ้ายดี เพราะทุกสิ่งเจ้าอ้ายก็ล้วนมีหมดแล้ว"

"ไหนอ้ายดูสิว่าน้องให้อะไรอ้ายมา" เจ้ามิ่งขวัญเปิดกล่องไม้เล็กๆ ที่ใส่ไว้ในถุงผ้าไหมสีทองเล็กๆ แล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ

"ไม่ว่าเจ้าน้อยจะให้สิ่งใดกับอ้ายมา อ้ายก็คิดว่ามันคือสิ่งที่ดีที่สุด และมีค่าที่สุดสำหรับอ้ายอยู่แล้ว ขอบใจเจ้าน้อยมากนะ ของขวัญชิ้นนี้อ้ายถูกใจมาก เจ้าน้อยช่างสรรหาจริงๆ" เจ้ามิ่งขวัญกอดน้องชายคนนี้ไว้แนบอก ด้วยความรู้สึกอยากดูแล อยากปกป้องน้องชายให้ได้มากกว่านี้ ให้เท่ากับสิ่งที่น้องชายคนนี้ขาดไป

"ขอบคุณครับเจ้าอ้าย" เจ้ากล่าวขอบคุณเบาๆแนบอกเจ้ามิ่งขวัญ พลันน้ำตาไหล

"โตแล้วไหงร้องไห้อย่างนี้เจ้าน้อย หยุดเร็ว เด็กน้อย" เจ้ามิ่งขวัญเอามือใหญ่ลูบแผ่นหลังเล็กที่กำลังสะอื้นไห้เบาๆ เจ้าน้องผละออกมาเพื่อไม่ให้น้ำตาเปื้อนเสื้อเจ้ามิ่งขวัญ พลางใช้มือเช็ดน้ำตา แต่ยังไม่ทันเจ้ามิ่งขวัญที่กำลังเช็ดให้อยู่ดี


"ป่ะ!! เข้าไปกราบเจ้าป้อ กับเจ้าแม่ดีกว่า" เจ้าแม่ที่ว่าก็คือ พระชายา ของเจ้าแมนสรวง เจ้าป้อของตนเอง เจ้ามิ่งขวัญจูงมือเจ้าน้อยเดินเข้าไปในคุ้มหลวงอย่างช้าๆ แต่หัวใจเจ้าน้อยกลับเต้นแรงและปวดร้าวเสียเหลือเกิน เมื่อมาถึงกลางคุ้มหลวง เจ้าน้อยก็ยิ่งใจสั่นเหลือเกิน เจ้ามิ่งขวัญรับรู้และเข้าใจจึงบีบมือเล็กนั้นเบาๆ คล้ายกับบอกว่า อ้ายเป็นกำลังใจให้ และจะอยู่ข้างๆเจ้าน้อยนะ

"ถวายบังคมครับเจ้าป้อ" เจ้าน้อยก้มลงกราบลงเบื้องหน้าเจ้าชีวิต เจ้านครด้วยสายตานิ่งเฉยอย่างต้องเก็บมันไว้ลึกๆภายในใจ ส่วนเจ้าแมนสรวงได้แต่พยักหน้าให้เพียงเท่านั้น

"ถวายบังคมครับเจ้าแม่" เจ้าน้อยก้มลงกราบลงอีกครั้งเบื้องหน้าเจ้าแม่ หรือเจ้าสร้อยมาลา พระชายาของเจ้าป้อ

"ลุกขึ้นเถิดลูก ไม่ต้องมีพิธีอะไรมากก็ได้ คนกันเองทั้งนั้น" จากนั้นเจ้าน้อยก็ลุกขึ้นนั่งบนตั่งไม้สักข้างเจ้ามิ่งขวัญ เจ้าสร้อยมาลาเรียกเจ้าน้อยว่า "ลูก" มาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต แต่จะผิดไหมถ้าเจ้าน้อยกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นกับคำว่าลูกที่ส่งมาให้เลยสักนิด

"ขอบพระทัยครับเจ้าแม่" เจ้าน้อยกล่าวคำขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่แห้งผาก เหมือนอยู่กลางทะเลทรายก็ไม่ปาน

"แม่ไม่ค่อยเห็นหน้าเจ้าน้อยเลยลูก มัวแต่ดูแลเจ้าป้อของลูก ดูแลฝ่ายใน เลยไม่ค่อยมีเวลาไปเยี่ยมเจ้าน้อยเลย ลูกเองก็ไม่มาให้แม่เห็นหน้าเลย เป็นไงบ้างสบายดีไหมลูก?"

"ลูกสบายดีครับเจ้าแม่"

"สบายดีอะไรกัน ครั้งก่อนยังเห็นนางกำนัลบอกว่าลูกไม่สบายมิใช่หรือ?"

"เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาครับเจ้าแม่ ตอนนี้หายดีแล้วครับ ขอพระทัยที่เจ้าแม่ทรงเป็นห่วงลูกครับ"

"ยังไงก็รักษาตัวให้ดีนะลูก"

"เจ้าแม่ก็เหมือนกันนะครับ ทรงรักษาสุขภาพด้วยนะครับ" เวลานี้เจ้าน้อยคิดถึงเจ้าแม่ของตนเหลือเกิน

"นางกำนัลยกสำรับมาได้ เสียเวลามามากแล้ว" เจ้าน้อยแม้จะตกใจกับคำพูดดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอันใดออกไป ไม่แม้แต่หันไปมองเจ้าป้อของตนเองเลย เพราะเกรงว่าถ้าหันไปมอง ตนเองต้องร้องไห้ออกมาแน่ พลันจะทำให้งานกร่อยไปเสียเปล่า ฝ่ายเจ้ามิ่งขวัญได้ยินดังนั้นจึงลูบมือเรียวนั้นเบาๆ คล้ายกับจะปลอบใจน้องชาย เจ้าน้อยก็ลูบมือเจ้ามิ่งขวัญตอบเบาๆ เช่นกัน

"ก็ดีเหมือนกันค่ะเจ้าป้อ ลูกก็หิวแล้วเหมือนกัน มัวแต่มาทักทายกันเหมือนกับว่าไม่ได้เจอกันมานมนานอย่างนั้นแหละ" เจ้าหยาดฟ้า หรือเจ้าปี้หยาดฟ้าเอ่ยขึ้น ขณะที่นางกำนัลกำลังยกสำรับมาวางไว้ให้ คล้ายกับว่าทรงตำหนิที่น้องชายคนนี้ที่มาช้า แล้วยังพูดมากอีก เจ้าน้อยไม่ทรงตอบอันใด ได้เพียงแต่ก้มหน้าทานไปช้าๆ  อาหารมื้อนี้เป็นแบบขันโตก นั่งทานกันบนตั่งไม้สักทองฉลุลาย อาหารทุกอย่างถูกทำขึ้น และตกแต่งมาเป็นอย่างดี แต่เจ้าน้อยกลับไม่รู้สึกว่ามันอร่อยเลยสักนิด ทุกอย่างล้วนขม จะกลืนลงคอแต่ละคำช่างยากลำบากยิ่งนัก










ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0







 ตอนที่ 17





"อ้าวพี่อิฐมาทำอะไรที่มหา'ลัยอิ๊ฟค่ะ" อิ๊ฟถามอย่างแปลกใจ

"พี่ก็มารับเราไง" อิฐตอบแบบหน้าตาย แต่สายตามองไปยังคนตัวเล็กข้างๆน้องสาวตัวเอง ฝ่ายคนถูกมองพอเห็นว่ามีใครมาจ้องอยู่จึงทำหน้าไม่พอใส่ อิฐจึงได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหัวเบาๆ

"แล้วนึกยังไงมารับอิ๊ฟ?"

"ก็พี่อยากมารับไง อยากทำหน้าที่พี่ชายที่ดีบ้าง" อิ๊ฟทำเหวอแบบไม่น่าเชื่อ เพราะปกติแทบจะแงะออกจากโต๊ะทำงาน เป็นไปไม่ได้ที่จะปลีกตัวมารับ

"แล้วรู้ได้ยังไงว่าอิ๊ฟเลิกเรียนแล้ว?"

"ก็พี่เห็นตารางเรียนในห้องเราไง"

"อิตาพี่อิฐแอบเข้าห้องอิ๊ฟทำไม แอบเข้าห้องผู้หญิง นิสัยไม่ดี" อิ๊ฟพูดกระเง้ากระงอดพี่ชายตัวเอง

"อะไร? ตัวเองมีอะไรปิดบังหรือซ่อนไว้เหรอถึงเข้าไม่ได้?"

"ไม่มี!! ตัวเองนั่นแหละมารับเค้าแบบนี้มันผิดวิสัย ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ"

"แอบแฝงอะไร เพ้อเจ้อละตัวยุ่ง" อิฐเอามือยีผมน้องสาวเพราะหมั่นเขี้ยว มาทำตัวขี้สงสัย จับผิดพี่ชาย

"เอ๊ะ!! หรือว่ามารับสาวที่มหาลัยอิ๊ฟ?"

"สาวเสิวที่ไหนกัน" อิฐส่ายหัวกับความคิดของน้องสาว

"อย่าให้รู้แล้วกัน!!" วันนี้อิฐยิ้มหลายครั้งและนะ ยิ้มแรกเพราะเด็กเล็กหน้างอ และยิ้มต่อมาก็คงเป็นเพราะความคิดบ้าบอของน้องสาวตนเองนี่ล่ะ

"แล้วจะกลับไหม? อุตส่าห์มารับ"

"กลับค่ะ!! ป่ะ! มะยมกลับกัน"

"จะดีเหรออิ๊ฟ นัดเราเอาไว้วันอื่นก็ได้นะ เดี๋ยวเรากลับเองได้" มะยมกระซิบเพื่อนสาวเบาๆ เพราะเกรงใจพี่ชายเพื่อนที่ต้องไปส่ง วันก่อนก็ทีหนึ่งละ

"ไม่เอาอะ เราอยากไปกินขนมคุณยาย ไม่ได้เจอคุณยายมาตั้งนานละ"

"พี่อิฐอิ๊ฟจะไปบ้านมะยมก่อนนะ พี่อิฐจะไปด้วยไหม?"

"ไปสิ" มะยมหันหน้ามามองอิฐทันทีหลังจากได้ยินคำว่า "ไปสิ" จากปากของอิฐ ทีแรกคิดว่าไม่น่าจะไปนะเนี๊ยะ มะยมคิดในใจ

"จริงสิพี่อิฐเคยไปส่งมะยมแล้วนิเนอะ จำทางได้ใช่ไหมค่ะ?" อิฐพยักหน้าให้เป็นคำตอบว่าจำได้


"ยาย หวัดดีครับ /คุณยายขา สวัสดีค่ะ" มะยม และอิ๊ฟ ยกมือไหว้ยายที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บของก่อนปิดร้าน

"ไหว้พระเถิดจ๊ะลูก แล้วนั่นพาใครมาด้วยล่ะ?"

"พี่อิฐ พี่ชายอิ๊ฟเองค่ะคุณยาย"

"หน้าตาหล่อเหลา คมคายจริงพ่อคูณ"

"สวัสดีครับคุณยาย"

"หวัดดีจ๊ะพ่อหนุ่ม แล้วทานอะไรกันมารึยังล่ะลูก?"

"อิ๊ฟกำลังว่าจะมาขอฝากท้องที่บ้านคุณยายสักมื้อค่ะ คิดถึงกับข้าวฝีมือคุณยายที่สุดเลยค่ะ" อิ๊ฟเข้าไปจับแขนออดอ้อนยายของเพื่อนเบาๆ

"ปากหวานจริงแม่คูณ ป่ะเดี๋ยวยายทำกับข้าวให้ทาน อยากทานอะไรกันล่ะ หื้อ?" ยายช้อยยิ้มให้กับความน่ารักขี้อ้อนของเพื่อนหลานชาย ความจริงตอนแม่ของมะยมท้อง บ่นอยากกินแต่ของหวาน ของคาวก็ไม่ค่อยกิน นึกว่าจะได้หลานสาว แต่พออกมาก็กลับเป็นผู้ชายซะได้

"อิ๊ฟทานอะไรก็ได้ค่ะคุณยาย ขอให้เป็นฝีมือคุณยายอิ๊ฟทานได้หมดค่ะ"

"แล้วตาอิฐล่ะลูกอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมลูก?"

"ผมเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ทานได้หมดครับคุณยาย?"

"ดีลูก กินง่ายอยู่ง่ายไปที่ไหนก็ไม่ลำบาก"

"มะยมพาเพื่อนกับรุ่นพี่เราไปนั่งเล่นทางโน้นก่อนลูก แล้วค่อยมาช่วยยาย" รุ่นพี่เหรอ? คงไม่ใช่ละ เพราะอิ๊ฟบอกว่าพี่อิฐจบจากที่อื่น ซึ่งไม่ใช่มหาลัยเดียวกัน จะเป็นรุ่นพี่ได้ยังไง? มะยมคิดในใจ

"จ๊ะยาย เดี๋ยวหนูมาช่วยนะจ๊ะ" ยิ้มกับตนเองเพราะคนตัวเล็กพูดแทนตัวเองว่าหนู ทีพูดกับตนเองพูดผม ช่างน่ารักไม่หยอก อิฐส่ายหัวกับความคิดของตัวเองเบาๆ แต่มะยมกลับถลึงตาใส่เพราะเห็นอิฐแอบยิ้มเพราะตนเองแทนตัวเองว่าหนูกับยาย

"กินน้ำรากบัวไหมอิ๊ฟ เดี๋ยวเราเอามาให้?"

"เอาๆ แหะๆ ว่าจะขอกินอยู่ รู้ใจจริงๆคนนี้น่ะ"

"ขอบใจจ๊ะคุณเพื่อน พี่อิฐไม่เคยกินใช่ไหมน้ำรากบัว ลองดูสิ อร่อยนะ"

"ก็อร่อยดีนะ หอมด้วย"

"งั้นเราไปช่วยยายทำกับข้าวก่อนนะ เดี๋ยวมาคุยด้วย"

"เค้าอยู่กันแค่สองคนเองเหรอ?" หลังจากที่มะยมเดินออกไป อิฐก็หันไปสำรวจรอบๆบ้าน จากนั้นเลยถามถึงเจ้าของบ้านเพราะครั้งที่แล้วมาส่งก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย เพราะร่างบางเอาแต่นั่งเงียบตลอด

"หมายถึงใครพี่อิฐ?" อิ๊ฟพอรู้ว่าพี่ชายหมายถึงใคร แต่อยากแกล้งเล่นเฉยๆ เพราะร้อยวันพันปีพี่ชายตนเองเคยจะสนใจคนอื่นเสียที่ไหน แถมวันนี้ยังทำตัวแปลกๆ มารับกลับบ้าน แล้วตามมาบ้านมะยมโดยไม่บ่นสักคำอีก ไม่น่าสงสัยน้อยซะที่ไหน

"อย่ามาเล่นลิ้นยัยตัวยุ่ง?"

"โอ๊ะ มีโวยด้วย อิอิ อ่ะๆ ตอบก็ได้ มะยมอยู่กับยายแค่สองคนตามที่เห็นนั่นแหละ เห็นว่าพ่อแม่ของมะยมเสียไปตั้งนานแล้วนะ รู้แค่นี้แหละ แล้วตัวเองอยากรู้ไปทำไมพี่อิฐ?"

"ก็ถามเฉยๆ เห็นอยู่กันแค่สองคน เลยลองถามดู" พอได้คำตอบแล้ว อิฐก็ลุกเดินออกมาดูต้นไม้บนระเบียง ปล่อยให้แม่น้องสาวตัวดีนั่งเล่นมือถือไปคนเดียว

"ยายจะทำอะไรทานจ๊ะเย็นนี้?" อิฐได้ยินเสียงแจ้วๆของคนตัวเล็กคุยกับยาย จึงเดินมาดูเล็กน้อย เลยเห็นว่าร่างบางกำลังช่วยยายทำกับข้าวอยู่

"ยายว่าจะทำฉู่ฉี่ปลาดุก กับต้มข่าไก่น่ะลูก"

"งั้นหนูทำกับข้าวอีกสักอย่างนะจ๊ะยาย จะได้มีหลายๆอย่าง"

"แล้วหนูจะทำล่ะอะไรลูก?"

"หนูว่าจะทำหลนเต้าเจี้ยวจ๊ะยาย อยากทานอยู่พอดี"

"ตาอิฐจะเอาอะไรลูก ?"

"เปล่าครับคุณยาย ผมแค่อยากมาช่วยน่ะครับ ไหนๆก็ฝากท้องกับคุณยายแล้ว เลยมาช่วยดีกว่าจะได้เสร็จเร็วๆ คุณยายจะได้ไม่เหนื่อยมากด้วยไงครับ"


"ช่างพูดจริงๆพ่อคูณ งั้นไปช่วยมะยมก็ได้ลูก"

"ให้พี่ช่วยอะไรครับ?" มะยมมองซ้ายมองขวา เพราะไม่รู้ว่าจะให้ทำอะไรดี

"ช่วยปอกหอมหัวใหญ่ แล้วก็หั่นก็ได้ครับ" คนตัวโตนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นไม้แล้วลงมือปอกหอมห้วใหญ่ เห็นแล้วค่อนข้างน่าตลกเพราะคนตัวโตกับเขียงอันเล็กดูไม่เข้ากันเอาซะเลย อย่างที่บอกว่าบ้านมะยมเป็นเรือนไม้ยกสูงแบบล้านนา ห้องครัวก็อยู่ด้านบน ทำกับข้าวก็ทำบนพื้นไม้กระดานเลย จึงค่อนข้างลำบากสำหรับผู้ชายตัวโตแบบอิฐ

"เอาเยอะไหม?" อิฐหันไปถามมะยมเพราะไม่รู้ว่าร่างบางต้องการเยอะรึเปล่า?

"3-4 หัวก็พอครับ"

"สอนพี่หั่นหน่อยสิ พี่หั่นไม่เป็น!!" อิฐพูดไปก็พลางเกาหัวแก้เขินไป อาสามาช่วยแต่ทำอะไรไม่เป็นเลย

"ห่ะ???" มะยมหันมามอง เพราะคนที่เสนอตัวช่วยบอกว่าหั่นหัวหอมไม่เป็น ว่าแล้วเชียว ว่าไม่น่าจะทำกับข้าวเป็น เพราะท่าทีก็ดูขัดๆเขินๆ งกๆเงิ่นๆ

"เอาหน่าพี่เป็นคนหัวไว สอนแป๊บเดียวทำได้เลย"

"หั่นขนาดเท่านี้นะครับ เสร็จแล้วก็เอามาใส่ในจานนี้"

"ซื้ด...ซื้ด..ซื้ด" มะยมหันมามองคนตัวโตที่กำลังหั่นหัวหอมไปด้วย น้ำตาไหลไปด้วย พลางเอาแขนเสื้อเช็ดน้ำตาไปด้วย จะว่าน่าสงสารก็คงใช่ ตลกก็ใช่อีกเหมือนกันนั่นแหละ

"มานี่ม่ะ เดี๋ยวผมทำเอง" อิฐเช็ดน้ำตาแล้วหันมามองหน้ามะยมอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ปล่อยมีด ยังดึงดันจะทำต่อให้เสร็จเพราะเหลืออีกซีกเดียวก็ใกล้จะเสร็จละ

"แค่นี้เองพี่สู้ไม่ถอยหรอก ใกล้จะเสร็จละ" มะยมจึงหันไปลงน้ำมัน กระเทียม แล้วก็ตะไคร้ทุบที่หั่นเป็นท่อนแล้วเรียบร้อยลงในกระทะ ส่วนคนตัวโตก็ตามมายืนดูข้างๆ

"กลับไปนั่งข้างนอกก็ได้นะครับ นี่ก็ใกล้เสร็จแล้ว เดี๋ยวอย่างอื่นผมช่วยยายทำเองได้ครับ"

"ไม่เอาพี่อยากช่วย สัญญาจะไม่เกะกะ" บอกว่าไม่เกะกะ แต่ตัวก็โตออกขนาดนี้ แล้วครัวก็เล็กซะขนาดนี้ มันเกะกะมากเลยล่ะ มะยมคิดในใจ

"งั้นก็ช่วยส่งกะทินั่นมาให้ด้วยครับ ถ้าจะช่วย" อิฐยิ้มเบาๆ ที่คนตัวเล็กยอมให้ช่วยต่อ

"ปกติแทนตัวเองว่าหนูเหรอ?"

"อื้ม"

"งั้นก็แทนตัวเองว่าหนูกับพี่สิ"

"ไม่อะ"

"ทำไมล่ะ ? น่ารักดีออก"

"ก็ไม่ทำไมอะ แค่ไม่อยากเรียก"

"งั้นก็แทนตัวเองว่า มะยมแทนสิ"

"ช่วยส่งหัวหอมให้หน่อยครับ" มะยมเลือกที่จะไม่ตอบ แล้วเปลี่ยนไปขอหัวหอมจะคนตัวโตมาแทน

"เอาเต้าเจี้ยวออกทำไม? เค้าไม่ใส่ทั้งอย่างนี้หรอกเหรอ?"

"ยายบอกว่าถ้าใส่เต้าเจี้ยวแบบนี้มันจะเค็มไปให้เอาไปล้างน้ำนิดหน่อย มันจะได้ลดความเค็ม" มะยมตอบนักเรียนโข่งไป แล้วจึงเอาเครื่องปรุงอื่นๆมาใส่ต่อ โคนสักพักรอให้มันสุก มะยมเอาช้อนตักมาชิมเล็กน้อย เผื่อว่าจะขาดอะไรไปจะได้เติม ไม่อยากให้เสียชื่อหลานแม่ค้าข้าวแกง

"โห..นึกว่าพี่อิฐหายไปไหนมา ที่แท้ก็หลบมาช่วยมะยมทำกับข้าวนี่เอง"

"ใช่สิ ใครจะไปมัวแต่นั่งเล่นเกมส์ เล่นเฟซบุ๊คแบบตัวเองกันล่ะ"

"อะไรกัน อื๊ฟถามงานกับเพื่อนหรอก ว่าแต่ตัวเองเหอะนึกยังไงเข้าครัว? ร้อยวันพันปีอิ๊ฟไม่เคยเห็นพี่อิฐเข้าครัวเลย"

"ก็คิดว่ามาทานข้าวบ้านเค้าแล้ว ก็ต้องช่วยเจ้าของบ้านเค้าทำอะไรบ้าง รู้จักไหม? อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น" อิฐได้ยินก็เบ้ปากใส่พี่ชาย แล้วหันมามองเพื่อนรักตัวเอง

"มะยมอยากเล่นควายไหม เดี๋ยวอิ๊ฟปั้นให้ อิอิ" มะยมถึงกับเหวอกับคำถามเพื่อนตัวเล็ก

"เอ่อ...ไม่ดีกว่า" อิ๊ฟได้ยินคำตอบจากเพื่อนแล้วจึงหันไปยักคิ้วให้พี่ชายตนเองไปสองที


ออฟไลน์ yjm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากเจอมะยมหล่ะสิพี่อิฐ

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0


 ตอนที่ 18

"มะยมลูกหนูตักกับข้าวแล้วยกไปเลยก็ได้ลูก เดี๋ยวยายตำน้ำพริกหนุ่ม กับลวกผักเสร็จแล้วจะตามไป"

"จ๊ะยาย"

"มาเดี๋ยวพี่ช่วย ให้เอาไปวางตรงไหน?"

"เอากับข้าวพวกนี้ใส่ในขันโตก แล้วยกไปเลยก็ได้ครับ" อิฐอาสาเข้ามาช่วย แต่ไม่รู้ว่าต้องเอาจานกับข้าวพวกนี้ใส่ไว้ตรงไหน มองซ้ายมองขวา ก็ไม่เห็นถาดหรืออะไรที่จะเอามาใส่ได้เลย มะยมจึงบอกให้เอาขันโตกที่วางอยู่บนตู้กับข้าวออกมา แล้วจัดวางลงไป


"บ้านมะยมเค้าจะทานข้าวกันแบบขันโตก ตัวเองไม่เคยนั่งทานกับพื้นแบบนี้ล่ะสิพี่อิฐ?" อิ๊ฟถามพี่ชาย เพราะคนมาใหม่คงไม่คุ้นเคยกับการทานข้าวแบบนี้ ปกติอยู่ที่บ้าน หรือที่ทำงานก็จะนั่งทานบนโต๊ะกันทั้งนั้น

"อื้ม" อิฐพยักหน้า และตอบรับเบาๆ เพราะตนเองก็ไม่เคยทานแบบนี้จริงๆนี่หน่า ทานยังไงยังไม่รู้เลย ในหัวคิดไปต่างๆนาๆว่าจะทานกับมือแบบสมัยก่อนรึเปล่า? หรือใช่ช้อนแบบปกติ?

"นั่งกันเลยลูก คงหิวกันแล้วล่ะสิ" ทุกคนนั่งล้อมรอบขันโตก 4 คน คนละมุมพอดี เริ่มจากซ้ายมือของมะยมเป็นอิ๊ฟ ขวามือเป็นแขกตัวโต แล้วตรงข้ามตนเองเป็นยาย แล้วอิฐก็ได้คำตอบเพราะทุกคนก็นั่งลงกับที่ของตนเองแล้ว แถมยังมีช้อนสั้นๆ ทั่วไปวางไว้บนจานข้าวแล้ว คิดในใจว่าดีหน่อย เพราะตนเองก็ทานแบบใช้มือไม่เป็นซะด้วย

"หิวมากเลยค่ะคุณยาย ท้องก็ร้องจ๊อกๆ ตั้งแต่ได้กลิ่นแรกๆแล้วค่ะคุณยาย อิอิ"

"หิวขนาดนั้นก็ลงมือทานเลยลูกไม่ต้องเกรงใจ"

"ขอบคุณค่ะ/ครับ คุณยาย"

"ทานเยอะๆนะลูก มะยมก็ทานเยอะๆนะลูกหนูผอมบางเกินไปแล้วนะลูก"

"ทานเยอะแล้วจ๊ะยาย แต่มันไม่อ้วนเองนิจ๊ะ"

"อันนี้หลนเต้าเจี้ยวฝีมือพี่กับมะยม รับรองอร่อย ลองทานสิตัวยุ่ง"

"มาทำเป็นคุย ตัวเองช่วยอะไร ไปเกะกะเค้าล่ะสิไม่ว่า" อิ๊ฟว่าพี่ชายแต่ก็ยังตักมาชิมอยู่ดี

"อย่ามาประมาท พี่เป็นคนหั่นหอมหัวใหญ่เองกับมือ แสบตาจะแย่"

"แค่เนี๊ยะ?"

"อื้ม" อิ๊ฟคิดในใจนึกว่าจะช่วยเยอะกว่านี้ซะอีกทำเป็นคุยซะ

"แล้วมะยมไม่หันหัวหอมเป็นครึ่งซีกแล้วเอาไปแช่น้ำเกลือให้พี่เค้าก่อนเหรอลูก? พี่เค้าถึงได้บอกว่าแสบตา" มะยมตกใจไม่คิดว่ายายจะถามแบบนี้ ฝ่ายคนตัวโตก็จ้องหน้าคนตัวเล็กทันทีที่ได้ยินยายถาม จึงรู้ว่าตนเองโดนแกล้งซะแล้ว ร้ายไม่เบาเห็นแบบนี้ อิฐคิดในใจ

"เอ่อ..ตอนแรกหนูคิดว่าหัวหอมมันนานแล้ว ไม่น่าจะทำให้แสบตา เลยไม่เอาแช่เกลือนะจ๊ะยายจ๋า"

"อิอิ" อิ๊ฟไม่พูดอะไร ได้แต่หัวเราะเบาๆ เพราะรู้ว่าพี่ชายโดนมะยมแกล้งซะแล้ว

"พี่อิฐไม่กินฉู่ฉี่ปลาดุกเหรอ อร่อยนะ โอ๊ะลืมไป..พี่อิฐแกะก้างปลาไม่ค่อยเป็นนี่เนอะ งั้นก็ไม่ต้องกิน เดี๋ยวก้างติดคอจะแย่เอา"

"แกะให้พี่หน่อยสิ!!" มะยมเงยหน้าจากจานข้าวมามองหน้าคนตัวโต ที่ตักฉู่ฉี่ปลาขึ้นมาวางบนจานของตนเอง แล้วขอให้แกะก้างปลาให้อย่าง งงๆ

"ขอบคุณครับ หึๆ" อิฐยิ้มแล้วก็ขอบคุณร่างบางที่อุตส่าห์แกะก้างปลาให้ จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ เพราะรู้ว่าร่างบางไม่ได้เต็มใจทำให้สักเท่าไหร่  แต่ที่แกะให้กินเพราะยายกำลังมองหน้าอยู่ต่างหาก

"คนอะไรตัวโตขนาดนี้แล้ว ยังแกะก้างปลาไม่เป็น?" มะยมพูดกับตัวเองเบา ๆ

"คนอย่างพี่นี้ไง" อิฐได้ยินแม้จะเบามากก็ตาม เลยตอบกลับไปแบบหน้าตาเฉยและเบาเช่นกัน

"ทานให้เยอะๆนะครับพี่อิฐ" มะยมจงใจตักน้ำพริกหนุ่มให้อิฐทาน เพราะคิดว่าว่าร่างสูงคงทานเผ็ดไม่เป็น และไม่เห็นแตะน้ำพริกเลย

"ฮู้ว...ฮ่า" เสียงอิฐสูดปากเพราะเผ็ด นี่ขนาดคำแรกยังเผ็ดขนาดนี้ แล้วที่ตักมาให้นี่ล่ะ จะขนาดไหน? แม้จะรู้ว่าโดนแกล้ง แต่อิฐก็ยังฝืนกินอยู่ ในใจกำลังคิดแผนเอาคืนร่างบางตรงหน้านี้ไปด้วย กินข้าวคำ น้ำคำ หน้าแดง เหงื่อก็ไหลเต็มไปหมด

"เอ้าตาอิฐ เผ็ดก็ไม่ต้องกินลูก กินที่มันไม่เผ็ดนี่ลูก คราวหลังกินเผ็ดไม่ได้ก็บอกน้อง จะได้ไม่ต้องฝืนกิน เดี๋ยวปวดท้องนะลูก" ยายเห็นอิฐกินเผ็ดไม่ได้แล้วอดสงสารไม่ได้ จึงตักหลนเต้าเจี้ยวให้กินแทน

"มะยมเติมน้ำให้พี่เค้าสิลูก พี่เค้าเผ็ดจนหน้าแดงไปหมดแล้ว" มะยมเห็นแล้วสงสาร ไม่คิดว่าอิฐจะกินเผ็ดไม่ได้ขนาดนี้ ส่วนอิฐคิดว่าหลังมื้อนี้อิฐคงประมาทคนตัวเล็กนี้ไม่ได้แล้วล่ะ แสบน่าดูเลย

>>>>>>>>>>>>

"เจ้าน้อยเป็นยังไงบ้างขอรับ?" แสงเมืองถามเจ้าน้อยหลังจากที่ออกมาจากงานวันเกิดเจ้ามิ่งขวัญเสร็จ คอยแล้วคอยเล่าว่าเมื่อไหร่เจ้าน้อยจะเสด็จออกมา เป็นกังวลว่าเจ้าน้อยจะต้องเจอกับอะไรบ้างเมื่อเข้าในนั้น แล้วก็คิดไม่ผิดเมื่อเจ้าน้อยกระโดดเข้าไปกอดทันทีหลังจากที่เดินพ้นจากธรณีประตูนั่นมา ราวกับว่าที่นี่เป็นที่พักพิงที่สุดท้ายที่จะไม่ทำให้เสียใจอีก น้ำตานับไม่ถ้วนไหลหยดลงมาบนใบหน้างาม แต่ไม่มีแม้แต่เสียงร้องไห้หรือเสียงสะอื้นเลย ว่ากันว่าการร้องไห้โดยไม่มีเสียงเลย คือการร้องไห้ที่เสียใจที่สุด มากกว่าการร้องไห้คร่ำครวญเสียอีก

"ร้องออกมาให้หมดนะขอรับ กระหม่อมอยู่ตรงนี้แล้ว" แสงเมืองปล่อยให้เจ้าน้อยร้องให้หมดจนพอใจ ในใจก็สงสารร่างบางยิ่งนัก แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ทำได้เพียงใช้อกนี้ซับน้ำตาให้ และโอบกอดมิให้ร่างบางนี้ต้องเสียใจไปมากกว่านี้ก็เท่านั้น

"เรากลับคุ้มกันเถิดขอรับ กลับบ้านเรากันนะขอรับ" เจ้าน้อยได้ยินคำว่าบ้านของเรา ก็น้ำตาไหลอีกครา พยักหน้ากับอกแสงเมืองเบาๆ ดีที่วันนี้เป็นคืนเดือนมืด สวนนี้จึงสลัวๆ แม้ว่าจะมีใต้จุดอยู่ แต่ก็ไม่เพียงพออยู่ดี ความมืดทำให้พอกำบังกายของทั้งสองที่ตระกองกอดกันมิให้ผู้ใดมาเห็นได้พอดี

"หึ!! มันช่างงามหน้านัก เป็นผู้ชาย แต่กลับมากอดกับผู้ชายด้วยกัน มันช่างทุเรศนักขวัญระมิงค์" เสียงของใครอีกคนที่พูดขึ้นมาหลังจาก เจ้าน้อยและแสงเมืองจูงมือกันเดินออกมา




ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0


ตอนที่ ๑๙

"คุณย่าสวัสดีค่ะ/ครับ"

"สวัสดีลูก"

"คุณย่ากำลังทำอะไรอยู่ค่ะ?"

"ย่ากำลังในเด็กๆพวกนี้เตรียมข้าวต้มกับยาไปให้พี่ชายเราน่ะลูก ไม่รู้ว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมา? เห็นปวดท้องตั้งแต่เมื่อคืนละ แล้วหนูสองคนล่ะมาทำงานต่อเหรอลูก?" มะยมตกใจที่คุณย่านวลบอกว่าพี่อิฐไม่สบายเพราะปวดท้อง เพราะตนเองเป็นคนเอาน้ำพริกหนุ่มให้ร่างสูงทานเมื่อวาน จนทำให้ร่างสูงปวดท้องแน่ๆ ลำบากละมะยมเอ้ย มะยมคิดในใจ

"แล้วพี่อิฐเป็นบ้างค่ะคุณย่า หายรึยัง?"

"น่าจะดีขึ้นบ้างแล้วลูก เดี๋ยวย่าจะเอาข้าวกับยาไปให้สักหน่อย เลยเที่ยงมาตั้งนานละ เดี๋ยวจะปวดท้องไปกันใหญ่ พาลไม่หายสักที"

"เดี๋ยวอิ๊ฟยกไปให้เองค่ะคุณย่า คุณย่าจะได้ไม่ต้องขึ้นลงบ่อยๆไงค่ะ"

"เอางั้นก็ได้ลูก"

"ป่ะมะยมไปกัน!!"

"อ้าว!! เราไปด้วยเหรอ?" อิ๊ฟพูดจบก็ลากแขนมะยมขึ้นไปบนห้องพี่ชายตนเองทันทีไม่รีรอ

"ก๊อกๆ พี่อิฐ อิ๊ฟเอาข้าวต้มกับยามาให้ ตื่นรึยัง? งั้นอิ๊ฟเข้าไปนะ" ทันทีที่น้องสาวตนเองเข้าห้องมา อิฐก็หันมามองร่างบางที่ตามน้องสาวตนเองมาแว๊บหนึ่ง จากนั้นก็ก้มอ่านหนังสือตามเดิม เหมือนว่าไม่ได้สนใจคนในห้องเลย แต่อิ๊ฟกลับมองสองไปมาด้วยสายตาวาวบ่งบอกว่ามีอะไรสนุกให้ทำอีกแล้ว อิอิ

"มะยมถือถาดนี้ให้เราแป๊บหนึ่งได้ไหม คือว่าเราปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำอะ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมอะ โอ๊ย!!ไม่ไหวละ!!"

"พี่อิฐจะให้ผมเอาวางตรงไหนดีครับ?" มะยมหันมองซ้ายมองขวา ไม่รู้จะทำยังไงต่อ จากนั้นจึงเอ่ยถามร่างสูง แต่ก็ไร้คำตอบจากเจ้าของห้อง มะยมจึงเดินเอามาวางตรงโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง แต่ก็พลันสะดุดเมื่ออิฐหันมามองตนเองอีกทีอย่างไม่ลดละ เรียกว่าจ้องแต่ไม่ยอมพูดอะไรน่าจะถูกกว่า

"เอ่อ...งั้นพี่อิฐทานข้าวต้มซะนะครับ เลยเที่ยงมานานละ เดี๋ยวจะปวดท้องอีก งั้นผมขอตัวนะครับ" บรรยากาศอึมครึมจนมะยมหายใจไม่ทั่วท้องเอาซะเลย หาทางชิ่งได้เป็นดีที่สุด คนอะไรจ้องอยู่ได้ แถมยังไม่ยอมพูดยอมจาอะไรอีก ไหนจะหน้าดุๆ กับคิ้วยุ่งๆนั่นอีก จะกดดันกันไปถึงไหน จะขอโทษก็ไม่กล้า เพราะหน้าดุๆนี่แหละ มะยมคิดในใจว่าคงโดนโกรธเข้าแล้วแน่ๆ คราวนี้

"หิว!!" มะยมที่กำลังจะหมุนตัวออกจากห้องไป ต้องหันกลับมามองเจ้าของห้องตัวโตอีกครั้ง เพราะคำว่าหิวที่พูดออกมา คล้ายกับบอกตนเองหรือไม่อย่างไร?

"อะไรนะครับ?" มะยมถามให้แน่ใจอีกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าร่างสูงพูดกับตนเองหรือพูดขึ้นมาเฉยๆกันแน่

"หิว!!" มะยมหันมามองหน้าเจ้าของห้องอีกครั้ง จากนั้นก็เดินไปหยิบชามข้าวต้มมายื่นให้เจ้าของห้องตัวโต

"ป้อน!!"

"หา!!" มะยมเงยหน้ามองอิฐอีกครั้ง ราวกับว่าหูฝาด

"ป้อนสิ!!"  ร่างสูงหนายังคงทำหน้านิ่งขรึมเหมือนเดิม แต่ถ้ามะยมจะทันสังเกตุอีกสักนิดนึงจะเห็นแววตาแพรวระยับของร่างสูงที่เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ จากนั้นก็กลับไปทำสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม

"พี่อิฐทานเองสิครับ ไม่ได้ป่วยหนักจนยกช้อนทานเองไม่ได้สักหน่อย" ร่างบางเอ่ยขึ้นมาทันทีที่อิฐบอกให้ป้อนข้าวให้

"ไม่คิดจะรับผิดชอบกันสักหน่อยรึไง?" มะยมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าร่างสูงหมายความว่ายังไง

"รับผิดชอบอะไรครับ?"

"ก็น้ำพริกเมื่อวานไง" พอได้ยินคำตอบของอิฐ มะยมก็เข้าใจในทันทีว่าต้องรับผิดชอบอะไร จากนั้นก็นั่งลงบนเตียงใหญ่อย่างจำใจแล้วตักข้าวต้มป้อนข้าวต้มให้อิฐทาน  มือก็ป้อนไป มองแค่ปากว่าเคี้ยวหมดก็เป็นพอ แต่หัวใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นแรงจนมือที่ถือชามข้าวต้มสั่นอีก เกิดมายังไม่เคยป้อนข้าวให้ใครมาก่อน หนำซ้ำบรรยากาศยังดูแปลกๆอีกต่างหาก เพื่อนตัวเองก็หายไปเข้าห้องน้ำนานเหลือเกิน เมื่อไหร่จะกลับเข้ามาก็ไม่รู้ มะยมภาวนาให้เพื่อนสาวเข้าเร็วๆ จะได้หลุดพ้นจากบรรยากาศแบบนี้สักที


"นี่!! มองคนป้อนด้วยสิ กลัวพี่รึไง?"

"ปะ..ป่าวครับ"

"แล้วทำไมไม่มองหน้าพี่" มะยมไม่ตอบ แต่เลือกที่จะตักข้าวให้อิฐทานแทน อีกไม่กี่คำก็จะหมดละ มะยมคิดในใจ

"หมับ!! มองหน้าพี่" มะยมตกใจที่อยู่ดีๆ พี่อิฐก็มาขว้างข้อมือตัวเองไว้จนชามข้าวต้มเกือบหก

"พี่อิฐปล่อยมือผม ไม่งั้นผมจะป้อนข้าวพี่ได้ยังไงครับ" เสียงพูดที่สั้นๆ แต่พยายามปรับเสียงให้เข้มขึ้น ดูยังไงก็เหมือนคนกล้าๆกลัวๆชัดๆ ทำให้อิฐยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูร่างบางตรงหน้า

"แทนตัวเองว่าหนูเหมือนที่พูดกับยายสิแล้วพี่จะปล่อย" มะยมขมวดคิ้วเขม็ง เพราะครั้งที่แล้วก็บอกไปแล้วไงว่าไม่เรียก

"ไม่"

"หึๆๆ เขินเหรอที่แทนตัวเองว่าหนู น่ารักดีออก" อิฐมองหน้ามะยมที่ตอนนี้ดื้อแพ่งไม่ยอมเรียก แถมยังจ้องหน้าตนเองอย่างไม่ลดละอีก อิฐยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับปฏิกริยาของร่างบาง เพราะเมื่อกี้ยังไม่กล้าสบตาอยู่เลย

"งั้นแทนตัวเองว่ามะยมกับพี่ เลือกเอา" อิฐมองหน้าร่างบางผ่านไปยังประตูที่ปิดไม่สนิท เห็นว่าน้องสาวตัวเองกำลังแอบยืนยิ้มอยู่ แล้วก็ปิดประตูเดินออกไปไม่เข้ามาช่วยเพื่อนอย่างที่คิด

"ไหนลองพูดสิ บอกว่ามะยมขอโทษครับพี่อิฐ" มะยมทำหน้างอขัดใจอย่างเห็นได้ชัด

"มะยมขอโทษครับพี่อิฐ" มะยมหายใจเข้าครั้งหนึ่งแล้วพูดตามที่อิฐบอก คล้ายกลับว่ากำลังรวบรวมความกล้า และกำลังขับไล่ความประหม่าบ้าๆนี้ออกไปจากตัวเอง เพราะไม่งั้นคงเสียงสั้นจนอิฐหัวเราะแน่ๆ

"อะไรนะ? พี่ไม่ได้ยิน" ถึงแม้ว่าเสียงพูดจะเบา แต่อิฐก็ยังได้ยินอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากแกล้งเด็กดื้อคนนี้อยู่ ต้องปราบพยศซะให้เข็ด อิฐคิดในใจ

"มะยมขอโทษครับพี่อิฐ"

"หึๆๆๆ"

......................................................

"คุณย่าขา เล่าเรื่องปิงนคร กับเจ้าน้อยให้พวกเราฟังอีกสิค่ะ"

"ย่าก็จำอะไรได้ไม่มากนัก แต่เท่าที่จำได้คือ เจ้าน้อยทรงเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว บางก็มีคนบอกว่า เจ้าน้อยเป็นลูกที่ถูกลืม หรือลูกชังของเจ้าแมนสรวง"

"ทำไมล่ะค่ะคุณย่า?"

"ย่าก็ไม่รู้เหตุผลของเจ้าแมนสรวงหรอกลูก แต่คนเค้าเล่าสืบมาว่า หลังจากเจ้าเอื้องฟ้าสิ้นพระชนม์ เจ้าแมนสรวงก็ไม่ได้ใยดีอะไรลูกชายคนเล็กเลย ปล่อยทิ้งให้อยู่ในตำหนักเย็น หรือคุ้มเก่าหลังวังกับพระพี่เลี้ยง"

"เจ้าน้อยน่าสงสารจัง แล้วพี่ชายกับพี่สาวของเจ้าน้อยล่ะค่ะคุณย่า?"

"นี่ไงครอบครัวของเจ้าหลวงแมนสรวง" ย่านวลหยิบเอาหนังสือภาพถ่ายบรรพบุรุษในสมัยก่อนมาให้หลานสาวดู

"ทำไมถึงเรียกว่าเจ้าหลวงล่ะค่ะคุณย่า?"

"ในสมัยก่อนเจ้าผู้ปกครองนคร หรือปกครองเมืองในภาคเหนือเรานี้จะถูกเรียกว่าเจ้าหลวง หมายถึงเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด หรือเจ้าเมืองนั่นเองลูก"

"อ้อ..อย่างนี้นี่เอง"

"ทำไมอิ๊ฟไม่รู้เลยล่ะค่ะว่าต้นตระกูลเรามีความเกี่ยวพันกับปิงนครด้วย?"

"เราจะไปรู้อะไรล่ะแม่คูณ ตอนเด็กๆก็มัวแต่วิ่งซนไปวันๆ นานๆทีถึงจะตามย่าขึ้นมาเรือนไทยหลังนี้" ย่านวลตอบพรางใช้มือที่เริ่มเหี่ยวไปตามกาลเวลาลูบหัวหลานสาวไปด้วย

"แหะๆๆ ก็เรือนไทยหลังนี้มันดูวังเวงยังไงไม่รู้นี่ค่ะคุณย่า"

"แล้วนี่ใครค่ะคุณย่า?"

"เจ้าอ้าย!!!" มะยมพูดออกมาเบาๆ พร้อมขนหนาวลุกซู่เมื่อชะโงกหน้าไปดูรูปที่อิ๊ฟกำลังถามคุณย่านวลอยู่ตอนนี้ เหมือนว่ามีอะไรมาสะกิดให้นึกถึงฝันนั่นอีกครั้ง ฝันครั้งล่าสุดที่ตัวเองยังจดจำได้ดีคือ งานวันเกิดเจ้ามิ่งขวัญ กับความโศกเศร้าของเจ้าน้อยที่แม้จะอยากลืมแต่ยังไงก็ลืมไม่ลง

"อะไรนะมะยม??"

"ปะ..ป่าว เราว่าจะขอดูใกล้ๆ หน่อยน่ะ"

"ได้สิ" ยิ่งได้ดูใกล้ๆ หัวใจมะยมยิ่งเต้นแรง เหมือนกับว่ากำลังได้รับรู้สิ่งที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เลย เพราะทุกครั้งที่ฝันแล้วตื่นมา ก็จะพยายามบอกกับตัวเองว่ามันเป็นแค่ความฝัน อย่าไปใส่ใจ แต่ตอนนี้คงจะเป็นแค่ฝันไม่ได้แล้วสินะ มะยมหน้าซีดเผือด เพราะช็อคกับสิ่งที่ได้รับรู้ พลันนึกถึงสิ่งที่พระธุดงส์พูดเมื่อครั้งก่อนเมื่อไม่นานมานี้

"ชาติที่แล้วบุญมีแต่กรรมบัง ชาตินี้หากยังปรารถนาเหมือนดังชาติก่อน ก็ขอให้มั่นทำบุญให้มากๆนะโยม หากมีโอกาสให้ถวายเทียนเป็นคู่ได้ก็ยิ่งดี"

"ยังไงเหรอขอรับพระคุณเจ้า?" มะยมถามพระคุณเจ้าด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่พระคุณเจ้ากล่าว คล้ายกับว่าคุณเจ้าต้องการบอกสิ่งใดกับตน แต่มันก็ยังไม่ชัดเจนไปซะทั้งหมด

"โยมกำลังเผชิญอยู่กับสิ่งใดล่ะทุกค่ำคืน แม้นว่าโยมจะพยายามคิดว่ามันคือความฝัน แต่ในใจโยมก็ยังคงเป็นกังวลกับมันอยู่มิใช่หรือ?"

"ขอรับพระคุณเจ้า"

"อย่าคิดมากเลยโยม สิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้น ก็ขอให้มันเป็นไปตามครรลองของมัน อย่าได้กังวลกับมันเลย สักวันโยมจะเข้าใจ เพราะทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป มีเหตุผลในตัวของมันเอง" พอนึกถึงสิ่งที่พระธุดงค์ท่านได้บอกไว้แล้ว เหมือนยิ่งทำให้มะยมอยากรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าน้อยมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

"องค์นี้เป็นพี่สาวต่างแม่ของเจ้าน้อยใช่ไหมค่ะคุณย่า??"

"ใช่จ๊ะลูก เจ้าหยาดฟ้า เจ้าปี้ของเจ้าน้อย"

"แต่ดูไม่ค่อยชัดเลยนะค่ะคุณย่า เพราะรูปเก่ามาก เป็นขาวดำด้วย" ย่านวลยิ้มกับคำพูดของหลานสาว เพราะสมัยนี้ยุคพัฒนา มีแต่เทคโนโลยีเต็มไปหมด ไม่เหมือนกับยุคสมัยก่อน

"มะยมดูรูปเจ้ามิ่งขวัญรูปนี้สิ หล่อเนอะ อิอิ" มะยมหันมาดูตามที่เพื่อนบอก แล้วขมวดคิ้วเป็นปม คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเจอใครที่หน้าตาคล้ายๆแบบนี้สักคน แต่นึกไม่ออก

"รูปของเจ้าน้อยก็ไม่ค่อยมีนะค่ะคุณย่า มีแค่รูปเดียว แถมยังเก่าและเลือนลางมากแล้วด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นรูปเจ้ามิ่งขวัญ"

"ก็คงเป็นเพราะเจ้าน้อยทรงเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว อยู่แต่ในคุ้ม หรือตำหนักเย็น เลยไม่ค่อยได้มีใครรู้จัก หรือไม่ค่อยได้ฉายพระรูปร่วมกับครอบครัวสักเท่าไหร่ ส่วนที่มีแต่รูปเจ้ามิ่งขวัญเพราะพระองค์ทรงเป็นลูกชายองค์โต และยังคอยช่วยเหลือพระราชกิจของเจ้าหลวงแมนสรวงบ่อยๆ เลยมีโอกาสได้เดินทางไปราชการ และฉายพระรูปในโอกาสต่างๆบ่อยๆน่ะลูก"

"อ้อ..อย่างนี้นี่เอง แล้วทำไมถึงเรียกคุ้มเจ้าน้อยว่าตำหนักเย็นล่ะค่ะคุณย่า? ฟังดูน่ากลัวพิลึก บรื้ยยย!!"


"ก็เพราะพระตำหนักของเจ้าน้อย ตั้งอยู่ด้านหลังสุดของบริเวณคุ้มหลวง และเจ้าเอื้องฟ้า เจ้าแม่ของเจ้าน้อยก็ชอบปลูกต้นไม้ ดอกไม้จนเต็มไปหมด แต่หลังจากเจ้าแม่ของเจ้าน้อยสิ้นพระชนม์ ตำหนักนี้ก็ดูหมองไป ไม่ค่อยได้รับการดูแล ซ่อมแซมเหมือนกับคุ้มใหญ่ และคุ้มของเจ้าองค์อื่นๆ เจ้าแมนสรวงก็ไม่ได้เสด็จมาที่ตำหนักนี้อีกเลยหลังจากเจ้าเอื้องฟ้าทรงสิ้น ถ้าไม่ได้เจ้าน้อยคอยดูแล ตำหนักนี้คงทรุดโทรมลงไปกว่านี้เยอะเลย แล้วหลานรู้ไหมว่าเรือนไทยที่เราอยู่นี่เคยเป็น ตำหนักเย็น หรือคุ้มของเจ้าน้อยมาก่อนนะลูก" ยิ่งได้ฟังคุณย่านวลเล่า เหมือนยิ่งทำให้มะยมเชื่อว่าความฝันของตนเองนั้นเป็นความจริง ทั้งรูปของเจ้ามิ่งขวัญ ทั้งเรือนไม้หลังนี้ เหมือนมันผูกพันอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่แรกเห็น

"จริงเหรอค่ะคุณย่า??"

"ถึงว่าทำไมดูเศร้าๆ วังเวงยังไงไม่รู้นะค่ะ"

"แล้วคุ้มใหญ่ล่ะค่ะคุณย่า?"

"คุ้มใหญ่และคุ้มของเจ้าองค์อื่นๆ น่าจะถูกรื้อถอน แล้วยกไม้สักทองต่างๆ ให้ทางวัดนำไปสร้างเป็นวิหารแล้วนะลูก เป็นวิหารเก่าแก่ที่ทำจากไม้สักทองทั้งหลังด้วยนะลูก"

"วัดอะไรค่ะคุณย่า?"

"วัดภูมินทร์สรวง ตามนามสกุลของเราไงลูก"

"จริงด้วยค่ะ หนูเพิ่งนึกออก ไม่ได้ไปมานานแล้วเหมือนกัน แล้วก็ไม่คิดว่าจะเป็นวัดนี้ด้วยค่ะคุณย่า"

"ชวนไปทำบุญที่ไร เราก็บอกว่าติดงาน ๆ ทุกที จะไปกับเค้าได้ไงล่ะ พี่ชายเราก็เหมือนกันอีกคน"

"ง่ะคุณย่า ก็งานมันเยอะจริงนี่ค่ะคุณย่า ไหนจะกิจกรรมอีก ส่วนพี่อิฐก็บ้างานมาก แต่ช่วงนี้เหมือนจะเลิกบ้างานมาสนใจอย่างอื่นแล้วนะค่ะคุณย่า อิอิ" อิ๊ฟหัวเราะเบาๆกับความคิดตัวเอง ส่วนย่านวลก็ส่ายหน้ากับความแก่นเซี้ยวของหลานสาวเบาๆ

"จ๊ะแม่คูณ ว่างๆ ก็ค่อยไปกับย่า มะยมด้วยนะลูก"

"ครับคุณย่า.....วัดนี้เป็นวัดประจำตระกูลของคุณย่า แล้วสร้างโดยใครครับคุณย่า"

"สร้างโดยเจ้าภูมินทร์ คุณทวดของตาอิฐและยัยอิ๊ฟนี่แหละลูก  ท่านเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแมนสรวง วัดนี้เลยมีคำว่าสรวงมาต่อท้ายเพื่อให้ระลึกถึงเจ้าแมนสรวงไงลูก"

"งั้นแสดงว่า เจ้าภูมินทร์ก็ไม่ได้ทรงเป็น "สุขุมาลยชาติ" ใช่ไหมครับคุณย่า?"

"ใช่จ๊ะลูก เห็นปู่ของสองหน่อนี่เล่าให้หลานๆฟังเมื่อตอนยังเด็กๆ ว่าเจ้าภูมินทร์ทรงเป็นญาติห่างๆ ทางฝั่งเจ้าแมนสรวง หรือเรียกได้ว่าเป็นหลานห่างๆของเจ้าแมนสรวง และทรงรับมาเป็นบุตรบุญธรรมหลังจากที่พระองค์ทรงสูญเสียเจ้าน้อยไปจ๊ะลูก"

"เดี๋ยวนะมะยม.....มันแปลว่าอะไรอะที่มะยมพูด?" อิ๊ฟเบรคทุกคนกระทันหันเพราะไม่เข้าใจคำว่า "สุขุมาลยชาติ" ที่มะยมพูด

"แปลว่า ทรงมิได้สืบเชื้อสายกษัตริย์โดยแท้น่ะอิ๊ฟ"

"โห..มะยมเก่งจัง"

"เปล่าหรอก เราชอบอ่านเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้น่ะเลยพอรู้บ้าง"

"แล้วเจ้าน้อยทรงสิ้นพระชนม์ได้ยังไงค่ะคุณย่า?"

"ย่าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนไม่ค่อยมีคนรู้เกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของเจ้าน้อยเลยนะลูก แม้แต่เจ้าภูมินทร์ก็ไม่ทรงรู้ และยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้"

..............................................











ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0


ตอนที่ ๒๐


"มะยม วันนี้กลับช้านิดนึงได้ไหมอะ อยู่เป็นเพื่อนเรารอพี่อิฐก่อนนะ นะ!! "

"ก็ได้จ๊ะ วันนี้ยายไปนอนถือศีลที่วัด กลับค่ำได้"

"เยส!!! งั้นมะยมก็ไปนอนบ้านเราเลยสิ จะได้ไม่ต้องนอนคนเดียว"

"ไม่เป็นไรหรอก เรานอนคนเดียวได้ พูดอย่างกับเราไม่เคยนอนคนเดียวงั้นแหละ"

"แต่เราจะได้ช่วยกันทำงานกลุ่มที่ค้างอยู่ไง ใกล้ส่งแล้วนะมะยม"

"เอ่อ....." จะไปนอนบ้านเพื่อนก็เกรงใจอยู่ แต่งานนี่สิใกล้ส่งแล้วด้วยอะ วิชาอื่นก็มีอีก ทำไม๊ทำไมอาจารย์ต้องสั่งงานใหญ่ๆ พร้อมเดียวกันด้วยนะ??

"ไม่ต้องคิดละ ไปนอนเหอะ เดี๋ยวเราจะได้บอกให้พี่อิฐไปส่งมะยมเก็บเสื้อผ้าก่อน นั่นไงพี่อิฐมาพอดีเลย ป่ะ..มะยม"

"สวัสดีค่ะ/ครับ พี่อิฐ"

"หวัดดีตัวยุ่ง หวัดดีครับมะยม" อิฐยิ้มแล้วยักคิ้วข้างนึงให้มะยม เห็นคนหน้างอแล้วอารมณ์ดี ยิ่งนึกถึงครั้งสุดท้ายที่คนตัวเล็กฟึดฟัดออกจากห้องไปแล้วก็นะ มันเขี้ยวดีแหะ อิฐส่ายหัวให้กับความคิดตัวเอง

"พี่อิฐค่ะ เดี๋ยวแวะไปส่งมะยมเก็บเสื้อผ้าที่บ้านหน่อยได้ไหมค่ะ? มะยมเค้าจะไปนอนค้างบ้านเรา แล้วอยู่ทำงานกลุ่ม เนอะมะยมเนอะ?" มะยมได้แต่พยักหน้างึกงักตามเพื่อนไป ไหนไก็ไหนๆแล้วนี่เนอะ

"เอ่อ..แล้วยายมะยมไปนอนวัดกี่วันอะ?"

"ประมาณ 3 วันนี่แหละ เห็นยายบอกงั้นนะ"

"งั้นก็นอนบ้านเราทั้งสามวันเลยนะ นะ!!"

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

"ทานของว่างก่อนนะ เดี๋ยวเราไปบอกให้พี่แจ่มจัดห้องให้"

"ดีใจจังในที่สุดมะยมก็มานอนบ้านอิ๊ฟอีกแล้ว ครั้งก่อนนอนแค่คืนเดียวเอง แล้วก็กลับ"

"จริงสินะ ไม่ได้มานอนนานแล้วเหมือนกัน จำได้ว่าครั้งก่อนมาติวหนังสือเนอะ"

"ใช่.. แต่กว่าจะได้ติวก็สองทุ่มกว่าแล้วเพราะมัวคุยกัน ฮ่าๆๆ อะทานคุ้กกี้นี่ให้หมดกัน แล้วเดี๋ยวเราเอาของไปไว้บนห้องกัน"

"ป่ะ!!"

"นี่จ๊ะห้องมะยม"

"นอนติดกับห้องพี่อิฐเหรอ?"

"อ้อ...ใช่จ๊ะติดกับห้องพี่อิฐจ๊ะ" มะยมขมวดคิ้วแล้วหันไปมองเพื่อนสาว

"เรานอนห้องข้างๆ อิ๊ฟเหมือนครั้งก่อนไม่ได้เหรอ นะๆ"

"เหมือนมะยมไม่อยากนอนห้องข้างๆพี่อิฐ ทำไมเหรอ? หรือว่าอิตาพี่อิฐชอบแกล้ง หรือทำอะไรมะยม? บอกเราได้นะ"

"ปะ..เปล่าจ๊ะ เราจะได้นอนห้องใกล้กันไง"

"นั่นสินะ แต่ห้องข้างๆเรา เหมือนว่าหลอดไฟมันจะเสียน่ะ  เลยยังไม่ได้ให้ตาแช่มมาซ่อมเลย หรือมะยมนะมานอนกับเราก็ได้นะ เตียงเรากว้างนอนสามคนยังได้เลย" อิ๊ฟแกล้งเอ่ยชวนมะยม เพราะรู้ว่ามะยมไม่ยอมนอนแน่ มะยมบอกว่าผู้ชายกับผู้หญิงถึงจะเป็นเพื่อนกันก็ห้ามนอนห้องเดียวกัน มันไม่เหมาะ" อิ๊ฟยังจำคำพูดของมะยมตอนมานอนที่บ้านตนเองครั้งแรกได้ อิอิ

"เรานอนห้องนี่ก็ได้จ๊ะ" มะยมอดถอนหายใจเสียไม่ได้ ส่วนอิฐที่แอบฟังอยู่ทางหัวบันไดด้านหลังสองคนนี้ได้แต่ขมวดคิ้วแล้วหันหลังลงบันไดไป จะว่าไม่พอใจก็ไม่ใช่ แล้วทำไมถึงไม่พอใจล่ะ?

หลังจากทานข้าวด้วยกันเสร็จแล้วอิฐก็ขอตัวขึ้นมาเคลียร์งานบนห้องต่อ เพราะพรุ่งนี้มีประชุมบอร์ดผู้บริหาร แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไม่มีสมาธิทำงานเลย มัวแต่คิดถึงคนตัวเล็กเพื่อนน้องสาวที่คอยปฏิเสธ หรือหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาตลอด คิดแล้วก็ไม่เข้าใจตนเอง แค่เด็กคนเดียวทำไมเก็บเอามาคิดได้ถึงขนาดนี้ ทำเป็นไม่สนใจก็จบแล้ว แต่ก็นั่นแหละนะ ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน อารมณ์เหมือนคนวัยทองเข้าไปทุกวัน อิฐเหลือบมองนาฬิกานี่ก็เลยเวลาไปมากแล้ว คงต้องอาบน้ำให้หายฟุ้งซ่านก่อน แล้วค่อยกลับมารวบรวมสมาธินั่งทำงานต่อให้เสร็จ

..................................................

"กะรับ ๆ ๆ" เสียงม้า เสียงม้าอีกแล้ว มะยมกำลังฝัน ฝันถึงเหตุการเดิมๆอยู่ ในฝันอาชาขาวตัวหนึ่งกำลังวิ่งผ่านป่า ลัดเลาะจนมาถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง เบื้องหน้าจะมีเพียงหน้าผาอันสูงชัน ส่วนเบื้องหลังคือทางที่ทั้งสองคนได้ลัดเลาะผ่านมา เสียงลมพัดเบาๆ แต่ก็ทำให้เย็นเยือกไปถึงขั้วหัวใจในยามนี้ คนทั้งสองกระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว พร้อมจับมือกันอย่างเหนียวแน่น คล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครพรากคนตรงหน้านี้ไป แล้วก็สบตากันด้วยความจำนนต่อฟ้าดิน จำนนต่อโชคชะตา


"ขอให้ผ้าผืนนี้เป็นดังสายใยที่คอยผูกมัดเราสอง ขอให้เป็นดั่งพันธนาการที่ผูกมัดสองดวงใจไว้ด้วยกัน อย่าได้มีสิ่งใดมาพรากเราออกจากกันอีกเลย" คำพูดที่บัดนี้แทบจะไม่เป็นคำ มีแต่เสียงสะอื้น แต่กระนั้นก็ยังสามารถเข้าใจได้ว่าเจ้าน้อยตัดสินใจทำเช่นใด

"กะรับๆ ๆ" เสียงม้าของทหารในคุ้มหลวงกำลังตามมาใกล้จะถึงแล้ว


======================

"มะยม ๆ เป็นอะไรรีเปล่า ตอบพี่หน่อย?" อิฐเดินผ่านหน้าห้องนอนแขกที่ตัวเล็กพักอยู่ ตั้งใจว่าจะไปชงกาแฟมากินสักหน่อยแล้วค่อยนั่งเคลียร์งานต่อ แต่กลับได้ยินเสียงคนสะอื้นไห้จึงรีบเข้าไปเคาะห้องเรียกมะยม เพราะแน่ใจว่าเสียงมันดังมาจากในห้องของร่างบางแน่ๆ จะเคาะดังกว่านี้ก็กลัวทำให้คนอื่นเค้าตกใจตื่นไปกันหมด เพราะมันดึกมากแล้ว

"หื้อๆๆๆๆ ฮึก หื้อๆๆ" อิฐวิ่งไปเข้าในห้องของตนเองเพื่อไปเอากุญแจมาเปิด พอเปิดเข้ามาได้ก็เห็นมะยมนอนขดตัวร่ำไห้ราวกับจะขาดใจ

"เราก็รักท่านนะ อ้ายแสงเมือง อึ๊กๆ เราก็ขอสัญญา..ฮึก...แม้นว่า..ฮึก...จะกี่ร้อยปี ฮึก...หมื่นปี โกฏิปี ฮึกๆ..หรืออสงไขย ฮึก..ปี เราก็จะขอรักท่าน ฮึก...รอท่านแต่เพียงผู้เดียว หื้อๆๆๆๆ" อิฐได้ยินร่างบางพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย จึงก้มลงไปฟังใกล้ๆ จนพอจับใจความได้ว่าร่างบางฝันถึงอะไร

"มะยมๆ ๆ ตื่นๆ"

"หื้อออ..ๆๆ..ฮึก!! ท่านแส..."

"พี่เอง พี่อิฐ"

"พี่อิฐ!! หื้อๆๆ ฮึก หื้อๆ" พอรู้ว่าตนเองตื่นจากฝันร้ายได้สักที แล้วรู้ว่าคนตรงหน้านี้คือพี่อิฐ มะยมก็ยิ่งร้องไห้ แต่ไม่ได้ฟูมฟายเหมือนตอนฝันแล้ว มีเพียงแต่เสียงร้องเบาๆ จนชายหนุ่มจำเป็นต้องรวบร่างเล็กมากอด แล้วลูบหัวปลอบเบาๆ

"ครับ...นิ่งซะนะ" อิฐปลอบอยู่นานจนมะยมหลับไป จากนั้นเลยจัดให้ร่างบางนอน แต่พอจะผละออกไปเท่านั้นแหละ ก็พบมาชายเสื้อของตนเองถูกมะยมจับไว้ซะแน่นเลย คล้ายกับว่าจับไว้ไม่ให้ไปไหน อิฐส่ายหัวกับสิ่งมะยมทำ ช่างเหมือนเด็กจริงๆ อิฐเลยจำเป็นต้องล้มตัวลงนอนข้างๆเสียไม่ได้

"ทำตัวน่ารักกับเค้าก็เป็นนะ" อิฐมองมะยมที่กำลังขยับตัวเข้ามาซุกอยู่ในอ้อมอกตัวเองทันทีหลังจากหลับไปได้ไม่นาน จากนั้นมือหนาก็พรางใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมไหมที่ปกหน้าร่างบางให้ ไม่คิดว่าจะได้มาอยู่ใกล้ๆ มองใกล้ๆอย่างนี้เลย ปากนิด จมูกหน่อย คงเรียกแบบนี้ได้สินะ อิดคิดในใจ

"เหมือนมาก ยิ่งได้มองใกล้ๆ ยิ่งเหมือน แล้วก็ได้พบกันสักทีนะ อุตส่าห์ฝันถึงตั้งนาน" อิดพูดเบาๆกับมะยม จากนั้นก็ก้มลงจูบหน้าผากเบาๆ ตั้งแต่โตเป็นหนุ่มมา อิฐก็ฝันถึงแต่เรื่องราวแปลกๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนๆหนึ่งอยู่ตลอดเวลา จนตอนนั้นคิดว่าตัวเองคงเป็นประสาทหลอน หรือเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ แต่ก็ยังไม่ได้บอกใครนอกจากคุณย่า จากนั้นก็ฝันมาเรื่อยๆ จนตัวเองเริ่มแน่ใจแล้วว่า เรื่องราวทั้งหมดมันเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วไล่เรียงกันเหมือนกับละครเลย เพียงแต่ตัวละครหลักดันเป็นใครคนหนึ่งที่รูปร่างหน้าตาเหมือนตัวเขาเองราวกับแกะ และผู้ชายหน้าหวานอีกคนเท่านั้นเอง

"หื้อ...อื้อ..เฮ้ย!! พี่อิฐ!!!" มะยมขยับตัวเบา แล้วลืมตา แต่ก็พลันตกใจเพราะมีคนนอนตะแคงจ้องหน้าตนเองอยู่

"ครับ"

"พี่อิฐ" มะยมเรียกชื่อคนตรงหน้าอีกครั้ง แล้วกรอกตาไปมาราวกับกำลังจุนสมองให้เข้าที่  รอการรีบู๊ทใหม่

"ครับผม" อิฐตอบเสียงหวาน พร้อมส่งยิ้มให้บางๆ

"พี่อิฐเข้ามาห้องผม เอ้ย..ห้องมะยมได้ยังไงอะ?" ปฏิกิริยาของมะยมทำให้อิฐยิ้มกว้างในทันที เพราะหลังจากที่หายอึ้งเสร็จ ตัวเล็กก็เริ่มซักถามตนเองในทันที

"ก็เมื่อคืนพี่ได้ยินเสียงแมวน้อยร้องไห้ พี่เลยเข้ามาดู ปรากฏว่าปลอบได้สักพักแล้ว........"

"แล้วอะไรครับ?" มะยมขมวดคิ้วรอคำตอบที่อิฐกั๊กไว้ไม่ยอมบอก

"แล้ว.....แมวน้อยของพี่มันเอามือจับชายเสื้อพี่ไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังเขยิบมานอนซุกพี่อีก พี่เลยจำใจนอนที่นี่เลยไงล่ะ!!" พอได้ยินคำตอบปุ๊บมะยมก็หน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาทันทีเลย นึกถึงหลักฐานคาตาตั้งแต่ตอนลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นก้อนอะไรไม่รู้อยู่ชิดติดหน้าเลย แถมตนเองยังคิดว่าอุ่นหลับสบายมากเสียด้วย เลยเอามือจับดู ไม่คิดว่าจะเป็นแผ่นอกของคนไปได้

"เป็นไงบ้างเรา หลับสบายดีไหม?" มะยมไม่ตอบเพราะกำลังเขินอยู่ อิฐจึงไม่ว่าอะไร ยอมปล่อยไปก่อน แต่หลังจากนี้ล่ะ จะจัดการให้ดู อิฐคิดในใจ

"งั้นพี่ขอตัวไปอาบน้ำล้างหน้าก่อนนะ แล้วเจอกันที่โต๊ะอาหารนะครับ"

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

"มีอะไรพิเศษเหรอตาอิฐ วันนี้ถึงอารมณ์ดีแต่เช้าเชียว"

"ก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับคุณย่า" อิฐตอบคุณย่าแล้วพลางจิบกาแฟที่พี่แจ่มจัดเตรียมไว้ให้ พร้อมกับข้าวต้มปลา จากนั้นจึงหันไปมองมะยมอย่างมีความหมาย แล้วก้มทานต่อ

"อิ๊ฟว่าต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆค่ะคุณย่า ไม่งั้นจะเดินยิ้มหน้าบานตั้งแต่ลงบันไดมาแบบนี้เหรอค่ะ" อิฐได้แต่ยิ้มบางๆ ไม่ตอบอะไรอีกเลย ผิดกับอีกคนที่ตอนนี้หน้าแดงแล้วแดงอีก ถึงจะก้มหน้าก้มตาทานยังไงก็ยังรู้ว่ากำลังเขินอยู่











ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0




ตอนที่ ๒๑

"สวัสดีเจ้าน้อย ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเจ้าน้อย เป็นไงถึงออกมาอุทยานหลวงได้ล่ะ?"

"สวัสดีครับเจ้าปี้  น้องมาเก็บดอกเก็ดถวาครับ ว่าจะเอาไปถวายพระสักหน่อย ที่สวนข้างคุ้มยังไม่บานเลยครับ" (ดอกเก็ดถวา หรือดอกพุดซ้อน)

"งั้นรึ!! แล้วนั้นใครล่ะ ทหารใหม่หรอกหรือ? ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา" เจ้าหยาดฟ้าถามขึ้นหลังจากได้ทักทายน้องชายต่างอุทรเสร็จ พลันละม้ายชายตาส่งมายังแสงเมืองอย่างพออกพอใจอย่างเก็บไว้ไม่อยู่ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าฟ้าเจ้ากษัตริย์อย่างเจ้าหยาดฟ้าจะรู้สึกพึงพอใจในตัวแสนเมือง เพราะแสงเมืองช่างเป็นชายสมชายจริงๆ อกผายไหล่ผึง คิ้วหนา ตาคม จมูกก็เป็นสันรับกับใบหน้า ถึงแม้ว่าผิวจะคร้ามแดดไปบ้าง แต่ก็มิได้ทำให้ความน่ามองลดลงเลย กลับทำให้ดูดึงดูดมากขึ้นด้วยซ้ำ

"ครับเจ้าปี้"

"เป็นทหารคนสนิทที่เจ้าอ้ายทรงส่งหื้อมาดูแลน้องครับ" แสงเมืองยกมือไหว้เจ้าหยาดฟ้า อย่างรู้หน้าที่

"นี่เจ้าอ้ายเป็นคนส่งคนให้มาดูแลน้อง!!  น้องก็หาใช่แม่ญิง เหตุใดเจ้าอ้ายถึงทำเหมือนต้องคอยดูแลเหมือนไข่ในหินอย่างนี้ด้วยเล่า ว่าไหม๊?" วาจาที่กล่าวออกมาคล้ายกับมีดที่บาดหัวจิตหัวใจเจ้าน้อยยิ่งนัก จนทำให้เจ้าน้อยต้องกำมือตัวเองแน่นเพื่ออดทน อดกลั้น  ตั้งแต่เด็กจนโต เจ้าหยาดฟ้าก็มิเคยพูดกับตนดีๆเลยสักครั้ง แต่ก็นั่นแหละนะ นับประสาอะไรกับตอนโตขึ้นมา คนเคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ตอนเด็กร้ายยังไง ไม่ชอบกันยังไงก็เป็นอย่างนั้น ทั้งๆที่ตนเองก็ไม่เคยทำอะไรให้เจ็บช้ำน้ำใจเลยสักครั้ง

"เจ้าน้อยเจ้า ปี้ว่าแดดมันฮ้อนแล้ว เฮาฟั่งเก็บแล้วฟั่งปิ๊กคุ้มบ่เจ้า? ดอกที่นี่มันงาม แต่กลิ่นมันบ่ค่อยหอมนาเจ้า เผลอๆบางดอกมันเหม็นแหม เปิงเปิ้นว่า "งามก้ารูป จูบบ่หอม" สู้ดอกในสวนข้างคุ้มเฮาก่อบ่ได้ ป่ะปิกเตอะเจ้า" คล้อยหลังที่บัวแก้วจูงแขนเจ้าน้อยออกไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหยาดฟ้าก็ถึงกับเต้นเร้าๆ ใช้มือปัดป่ายทำลายดอกไม้ต้นเล็กๆที่กำลังบานเพื่อระบายอารมณ์ทันที
(((เจ้าน้อยค่ะ พี่ว่าแดดมันร้อนแล้วเรารีบเก็บแล้วรีบกลับคุ้มไหมค่ะ? ดอกที่นี่มันสวย แต่กลิ่นมันไม่ค่อยหอม เผลอๆบางดอกเหม็นเสียด้วยซ้ำ สมแล้วที่เค้าว่า "สวยแค่รูป จูบไม่หอม"สู้ดอกในสวนข้างคุ้มเราก็ไม่ได้ ป่ะกลับเถอะค่ะ)))

"อีบัวแก้ว อีนางกำนันชั้นต่ำ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คอยดูสักวันกูจะทำให้มึงและนายมึงต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า จำเอาไว้ กรี๊ดดดด!!" เจ้าหยาดฟ้าบริภาษออกมาอย่างเหลืออด แต่ถึงอย่างใดก็ต้องระงับสติตนเองไว้ไม่ให้กรี๊ดออกมาดังๆ ได้กัดฟันแล้วกรี๊ดออกมา มือทั้งห้านิ้วกำไว้แน่นจนไม่กลัวจะตนเองจะเจ็บเลย

"ปี้บัวแก้วไปว่าให้เจ้าปี้อย่างนั้น ไม่กลัวโดนเขม่นหรอกหรือครับ? คราวหน้าอย่าทำเลยนะครับ มันได้มิคุ้มเสีย เรากับเค้าเป็นอย่างใดก็รู้ๆกันอยู่" เจ้าน้อยบอกกับบัวแก้วด้วยความเป็นห่วง เพราะหากโดนเขม่นขึ้นมาจริงจะอยู่กันไม่มีความสุขเสียเปล่า

"ก่อปี้อดบ่ไหวแล้วเจ้า อยู่ดีๆก่อมาอู้กระแหนะกระแหน่ บ่กึดว่าเป๋นปี้เป๋นน้องกั๋นเลย"

"เราชินแล้วล่ะปี้บัวแก้ว ปี้บัวแก้วยังไม่ชินอีกหรอกหรือ?" เจ้าน้อยถอนหายใจออกมาอย่างปลดปลง

"จะไปชินได้อย่างใดเจ้า  อิทธิฤทธิ์แต่ละครั้งก่อใช่ว่าจะย่อยๆ ใครอยู่ใกล้มีก้าโดนลูกหลง" บ่อยครั้งที่บัวแก้วได้ยินนางกำนันซุบซิบนินทากันเรื่องความเอาแต่ใจ และโมโหร้ายของเจ้าหยาดฟ้า โดยเฉพาะเวลาที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ยิ่งนางกำนันที่อยู่รับใช้คุ้มของเจ้าหยาดฟ้ายิ่งแล้วใหญ่ น่าสงสารยิ่งนัก

"ช่างเค้าเถอะปี้บัวแก้ว เราอยู่ส่วนเรา เค้าก็อยู่ส่วนเค้า" เจ้าน้อยตัดบทไม่อยากพูดเรื่องปวดหัวนี้ต่อ พูดไปก็ใช่ว่าจะจบจะสิ้น แล้วก็ใช่ว่าตนเองจะทำอะไรได้ เป็นแค่เจ้าในนาม แต่หาได้มีสิทธิ์มีอำนาจอะไรมากมายไม่

"เจ้า อั้นปี้เอาดอกนี้ไปแช่น้ำหื้อก่อนนะเจ้า พรุ่งนี้เช้าเอาถวายพระจะได้บ่ช้ำ"

"ขอบคุณครับ"

"อย่าทรงคิดมากไปเลยขอรับเจ้าน้อย จะผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเป็นคนที่กระหม่อมรัก กระหม่อมก็อยากปกป้องและดูแลทั้งนั้นแหละขอรับ กระหม่อมรักเจ้าน้อย อยากดูแลเจ้าน้อยนะขอรับ อย่าทรงทำหน้าแบบนี้เลยนะ ยิ้มหน่อยนะขอรับ" แสงเมืองเอามือใหญ่ลูบปรางค์งามของเจ้าน้อยอย่างแผ่วเบา ราวกับปลอบประโลม

"ขอบใจท่านมากนะท่านแสงเมือง ที่รักและดูแลเรา ขอบใจจริงๆ" เจ้าน้อยยิ้มบางๆให้แสงเมือง


"ดีมากขอรับ เจ้าน้อยเหมาะกับรอยยิ้มมากนะขอรับ กระหม่อมชอบตอนเจ้าน้อยยิ้ม"


"ชอบแค่ตอนยิ้มเหรอ?"


"ฮั่นแหน่ะ!! เดี๋ยวนี้มีถามแบบนี้ด้วยนะขอรับ กระหม่อมชอบเจ้าน้อยถูกตอนแหละขอรับ ตอนนี้ก็ชอบ" พูดจบแสงเมืองก็ประคองแก้มนวลของเจ้าน้อย แล้วก้มลงจูบเบาๆ แต่เนิ่นนาน

"แกร๊งงง!! เจ้าน้อย!!!" เสียงบางสิ่งบางอย่างตกลงบนพื้นเสียงดังจนทำให้คนทั้งสองตกใจผละออกจากกัน เพื่อหันไปมองต้นเสียง แต่ต้นเสียงดังกล่าวกลับยืนนิ่งเป็นหินราวกับถูกสาปเพราะเหตุการที่ได้พบได้เห็น

"ปี้บัวแก้ว!!!" เจ้าน้อยอุทานออกมาอยากตกใจ ใบหน้าขาวบัดนี้ยิ่งซีดไร้สีเลือดอย่างเห็นได้ชัด

"ออกมาบ่ะเดี๋ยวนี้นะท่านแสงเมือง ป๊าบๆๆ " บัวแก้วใช้มือแยกเจ้าน้อยออกจากแสงเมือง แล้วหันมาตีแสงเมืองไม่ยั้ง

"ปี้บัวหยุด ปี้บัวแก้ว ปี้บัวแก้ว เราบอกให้หยุด!!" เสียงที่ดังมาจากห้องบรรทมเจ้าน้อย ทำให้เหล่านางกำนันเล็กใหญ่ก็รีบเข้ามา กลัวว่าเจ้านายน้อยจะเป็นอันใดไป

"นี่มาก็ดีแล้ว ช่วยจับพี่บัวแก้วไว้หน่อย เร็ว!!" นางกำนันต่างพากันจับพระพี่เลี้ยงคนสนิทเจ้าน้อยไว้

"หื่อๆๆ เจ้าน้อยบอกหื้ออิปี้หยุดเยี๊ยะหยัง ต้องตีหื้อมันหนักๆล่ะบ่ว่า หื่อๆ" บัวแก้วหายใจหอบทันทีที่ถูกจับแยกออกมา

"เสร็จแล้ว ทุกคนออกไปได้แล้ว เดี๋ยวเราจัดการเอง ทุกคนมีอะไรทำก็ไปทำ?" เจ้าน้อยพยายามสงบจิตสงบใจที่เต้นเป็นระส่ำให้เข้าที่ แล้วบอกให้เหล่านางกำนันออกไปจากห้องทันที

"เจ้า...เจ้าน้อย" นางกำนันรับคำ แล้วพากันคลานเข่าแล้วเดินออกไป

"มันเกิดอะหยังขึ้นเจ้า เจ้าน้อย เยี๊ยะหยังห้ามปี้บ่หื้อตีมัน ทั้งๆที่มันล่วงเกินเจ้าน้อย" บัวแก้วถามเจ้าน้อยทันทีที่ปลอดคน สายตาก็มองเจ้าน้อยที แสงเมืองที แต่สายตาที่มองเจ้าน้อยนั้นบ่งบอกว่าเต็มไปด้วยคำถาม ส่วนสายตาที่มองแสงเมืองเหมือนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่พอใจเป็นที่สุด

"เราขอโทษปี้บัวแก้ว เราขอโทษ!! หื้อๆๆๆ " เจ้าน้อยได้แต่พูดออกมาแค่โยคเดียว เพราะไม่รู้ว่าจะบอกกับบัวแก้วว่าอย่างใดดี แสงเมืองเห็นเจ้าน้อยทรงร้องไห้ก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาเช็ดน้ำตาให้คนรัก กริยาของคนทั้งสองยังอยู่ในสายตาของบัวแก้วตลอด แต่ถึงยังไงบัวแก้วก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยังอึ้ง ยังงงกับเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ดี

"เจ้าน้อย จะบอกปี้กาว่าเจ้าน้อยเต็มใจ๋หื้อแสงเมืองทำกา?" เจ้าน้อยได้แต่พยักหน้าตอบเบาๆ พร้อมทั้งน้ำตา

"เราขอโทษครับปี้บัวแก้ว เรารักเจ้าน้อย แล้วเจ้าน้อยก็รักเรา เราสองคน......." แสงเมืองก็จนคำพูดที่จะอธิบายเช่นกัน มันเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ยิ่งอธิบายยิ่งยากจะเข้าใจ ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำใดๆมาอธิบายให้เข้าใจดี

"เจ้าน้อยเจ้า ไหนลองบอกปี้ลอเจ้าว่ามันเป็นอย่างใด?" คำเที่ยงเดินเข้ามากอดเจ้าน้อย เช็ดน้ำตาให้เจ้าน้อย แล้วเอ่ยถามอย่างอาทร

"เราก็ไม่เข้าใจหรอกปี้บัวแก้ว ฮึก!! ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง? ตอนไหน? ฮึก!! ทั้งที่เราสองคนก็เป็นป้อจายทั้งคู่ ฮึก!! เรารู้แค่ว่าเรามีความสุข เรารู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่มีเค้า หื้อๆ แต่ไม่ใช่ว่าอยู่กับพี่บัวแก้วแล้วเราจะไม่รู้สึกอุ่นใจนะ แต่มันคนละอย่างกัน เราก็บอกไม่ถูก หื้อๆๆ"

"เจ้าน้อยจะบอกปี้ว่าฮักท่านแสงเมืองกา?"

"เราไม่รู้หรอกพี่บัวแก้ว ว่ามันใช่ความรักไหม? เราไม่เคยรักใครแบบนี้ แต่เรารู้สึกดี ไม่ได้รู้สึกแย่หรือรังเกียจอะไร ตรงกันข้ามถ้าหากท่านแสงเมืองไม่สนใจเรา เราคงปวดใจมากกว่า"

"แล้วเจ้าน้อยกึดว่ามันจะยืนยาวกาความฮักอย่างอี้ บ่ใช่ว่าเป๋นเพราะเผลอไผลไปกับความใกล้ชิดกาเจ้าน้อย? ตอนนี้ยังทันที่จะหยุดนาเจ้าเจ้าน้อย"

"เราไม่รู้หรอกว่ามันจะสั้นหรือจะยาว แต่เรามีความสุขก็พอแล้วมิใช่หรือปี้บัวแก้ว ชีวิตคนเรามันสั้นนัก ดูอย่างความรักของเจ้าป้อกับเจ้าแม่เราสิ รักกันได้ไม่กี่ปีก็ต้องจากกันแล้ว สู้เอาเวลาที่เรามีอยู่ทำให้ตนเองมีความสุขไม่ดีกว่าหรือ พี่บัวแก้วก็รู้ว่าเราไม่เคยได้รับความรักจากเจ้าป้อเลย อาจเป็นเพราะอย่างนี้มั้ง ที่ทำให้เรารักท่านแสงเมือง"

"เจ้าน้อยยอมรับได้กาที่คนอื่นมองว่ามันเป๋นความรักตี้ผิดปกติ ผิดจารีต ผิดประเพณี บ่กลัวคนอื่นเปิ้นว่าเจ้าน้อยกาว่าเป๋น #ปู้เมีย ????" (ปู้เมีย หรือ ผู้เมีย คือชายที่รักชาย หรือชายที่อยากเป็นหญิง ตุ้งติ้งอ้อนแอ่นอรชร) เจ้าน้อยสะอึกกับคำถามนี้ของปี้คำเที่ยงจนพูดไม่ออก เพราะไม่ได้นึกถึงคนถึงว่าคนอื่นเค้าจะเข้าใจเราไหม? เค้าจะมองเราว่ายังไง?











===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===


  ลงให้หมด 4 ตอนเลย ไว้ใครมีคำถามเกี่ยวกับเจ้าน้อย กับแสงเมือง หรือ มะยม กับพี่อิฐ ค่อยมาตอบนะครับ See U ja

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17
ใครเป็นคนเห็นคะะะ แงๆๆ
สงสารเจ้าน้อย ให้ปี้แสงเมืองปลอบใจน้า
ส่วนน้องมะยม อย่าแกล้งพี่อิฐสิลูก
น่ารักจัง ไม่ได้มาเม้นตั้งสามตอนแหนะ
คราวหน้าไม่พลาดแน่ เป็นกำลังใจนะคะ

ปล. มาอ่านอีกสามตอนหลัง
แงๆๆ มีคนรู้เรื่องแล้ววว
สงสารเจ้าน้อยเหลือเกิน
 :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2015 15:21:36 โดย Akikojae »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
สนุกค่าาาติดตามมม

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===


Talk :

@Akikojae ; ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจแล้วก็คอมเม้นต์ อ่านคอมเม้นต์แล้วมีกำลังใจแต่งขึ้นเยอะเลย ทีแรกไม่ค่อยมีคนมาเม้นต์ มาอ่าน เลยว่าจะไม่แต่งต่อแล้ว. สู้วววว ปล_ผมไปอ่านเรื่องวันทองของคุณด้วยนะครับ น่ารัก สนุกดี น่าติดตาม อ่านรวดเดียวจบเลย

@dahlia ; ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจที่ดี แล้วก็ขอบคุณสำหรับการตรวจคำผิดให้ด้วยนะครับ ฝากติดตามด้วยน้าาาาาา

@beedy ; ขอบคุณครับที่ติดตาม พอได้อ่านคำว่าสนุกมาก ปุ๊บ!! ก็ยิ้มได้เลยทันที กำลังใจมาเลยทันที

@doudoh ; ขอบคุณครับที่ติดตาม อยากแต่งเยอะๆ ลงเยอะอยู่ แต่ถ้าได้กำลังใจเยอะก็คงจะมีแรงแต่งต่อเยอะเลยครับ ฝากติดตามหน่อยน้าคราฟฟฟฟ

@yjm ; ขอบคุณครับที่ดป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบนิยายเรื่องนี้ มาคอยให้กำลังใจ มาเม้นต์แสดงความคิดเห็น ไว้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี ฟีดแบคดีจะแต่งต่ออีกเรื่อง มีเค้าโครงเรื่องละ แต่รอเอาเป็นเรื่องดีกว่าเนอะ สู้ๆ

@patee ;  ขอบคุณครับที่ชื่นชอบนิยายโบราณย้อนยุคแบบนี้ ยังเกรงอยู่ว่าคนอ่านจะเข้าใจภาษาเหนือไหม? จะเอาเหนือจริงๆเลยก็กลัวจะอ่านยาก เข้าใจยาก ฝากติดตามต่อด้วยนะคราฟ พลีสสสส

@rainiefonnie ; แค่คอมเม้นต์ว่าสนุกแต่นี้ ผมก็มีกำลังแต่งต่อแล้วครับ ฝากติดตามเจ้าน้อยกับแสงเมือง และ มะยมกับพี่อืฐด้วยนะครับ ^^

===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0


@อ๊ายอาย ; ขอบคุณครับที่ชื่นชอบ ปักมุดติดตาม คือดีอะ ทำให้มีกำลังใจเยอะเลย

@B52 ; มาอ่านบ่อยๆนะครับ ถ้ามาบ่อย เค้าจะตั้งใจแต่งให้อีกน้าาาา

@sirin_chadada ; ที่เจ้าป่อไม่ให้เจ้าน้อยเรียนศิลปะการป้องกันตัวเพราะ ถ้าทำตัวสนใจลูกคนนี้มาก ก็เกรงว่าจะทำให้เกิดอันตรายได้ เลยต้องทำเย็นชา ไม่สนใจ ทั้งที่อยากให้ลูกได้เรียนเพื่อเอาไว้ป้องกันตัว แต่ก็ทำไม่ได้ ^^

@warin ; thank you. ครับ ฝากติดตามเจ้าน้อยหน่อยนะครับ

@BBchin ; อยากรู้ว่สเจ้าน้อยจะเป็นไงต่อก็มาติดตามกันเยอะๆนะครับ คนแต่งจะได้มีกำลังใจ คิๆ

@googgigmenum ; มันเป็นภาษาเหนือสมัยเก่า บางคำอาจไม่เข้าใจ หรือไม่ถูกต้องยังไง ก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ ขอบคุณครับที่ติดตามเจ้าน้อยของแสงเมือง คิๆ

@Biwty ; ขอบคุณคราฟ

@vk_iupk ; มาติดตามเรื่องราวของเจ้าน้อยกับอสงเมืองกันบ่อยๆนะครับ จะได้ช่วยกันลุ้นว่าความรักของทั้งสองจะต้องเจออะไรบ้าง แล้วจะผ่านไปได้ยังไง??? ลุ้นๆๆๆๆ

>>||>>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0


ตอนที่ ๒๒

"อุ๊ย!! เจอกันอีกแล้วนะเจ้าน้อย ส่งสัยช่วงนี้ปี้ว่าเราคงมีดวงได้เจอกันบ่อยแน่" เจ้าหยาดฟ้าเอ่ยทักน้องชายต่างมารดาอย่างดีอกดีใจอย่างอกนอกหน้า แต่ความดีใจตอนนี้คงไม่ใช่เพราะเจอหน้าน้องชายคนนี้ แต่กลับเป็นเพราะดีใจที่ได้เจอชายหนุ่มองครักษ์คนสนิทของเจ้าน้องชายคนนี้เสียมากกว่า

"ออกมาได้สักที อุตส่าห์มาดักรอตั้งหลายวัน มัวอยู่แต่ในคุ้ม เป็นน้องห้องอยู่นั่นแหละ" เจ้าหยาดฟ้ากัดฟันพูดออกมาเบาๆกับตนเอง เพราะอุตส่าห์เดินตากแดดตากลมมารอตั้งหลายวัน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบเจ้าน้อยและแสงเมืองเลย

"น้องก็ว่างั้นครับเจ้าปี้" เจ้าน้อยตอบเจ้าหยาดฟ้าไปเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้ แต่ในใจกลับคิดว่าไม่อยากจะเจอเลยด้วยซ้ำ หากเป็นไปได้อยากจะหันหลังเดินกลับคุ้มไปเลยเสียมากกว่า แต่คงทำไม่ได้หรอก เจ้าน้อยถอนหายใจอย่างปลดปลงเสียไม่ได้

"นี่น้องมาเก็บดอกไม้หรือ ปี้ก็ว่าจะเก็บดอกไม้ไปร้อยมาลัยถวายเจ้าพ่อเหมือนกัน"

"ครับเจ้าปี้ พรุ่งนี้วันใส่ขันดอกเสาอินทขิลแล้ว น้องว่าจะไปสักหน่อย" (เสาอินทขิลหรือเสาหลักเมืองเชียงใหม่ที่ตั้งอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง ทุกปีจะมีการใส่ขันดอก หรือการถวายบูชาเสาหลักเมืองด้วยดอกไม้ เพื่อให้เป็นสิริมงคลกับเมืองและทุกคนในเมือง)

"อ๊อเหรอ ทหารคนสนิทเจ้าน้อยคนนี้หน่วยก้านดีเนอะ ถ้าปี้อยากจะขอให้ย้ายมาดูแลปี้ เจ้าน้อยจะอนุญาตไหม?" เจ้าหยาดฟ้าตอบไปอย่างมิใคร่สนใจ เพราะปกติตนก็ไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว จะให้มาเข้าวัดเข้าวายิ่งเวหากันใหญ่

"เจ้าน้อยก็เป็นผู้ชาย คงดูแลตัวเองได้ แต่ปี้นี่สิเป็นผู้หญิง ถ้าได้ทหารเก่งๆแบบนี้มาคอยดูแล คงจะดีไม่น้อย" เจ้าน้อยยังทรงเงียบ ไม่ได้ตอบอะไรเจ้าหยาดฟ้า ทำให้เจ้าหยาดฟ้ายิ่งหงุดหงิดกับอาการนิ่งเงียบของน้องชายต่างมารดาคนนี้

"เจ้าปี้รู้ได้อย่างใดว่าท่านแสงเมืองฝีมือดีครับ บางทีทหารที่เจ้าปี้มีอยู่อาจจะฝีมือดีกว่าก็ได้นะครับ"

"แหม!! ทหารของเจ้าอ้ายแต่ละคนก็ต้องเป็นยอดขุนพลฝีมือดีทั้งนั้น ไม่งั้นจะทรงคุ้มครององค์รัชทายาทได้อย่างใด ใช่ไหม?" เจ้าหยาดฟ้าพยายามหวานล้อมสารพัด อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน พยายามข่มตนเองให้อดทน แต่ในใจแทบจะลุกเป็นไฟเมื่อเจ้าน้อยพูดเหมือนจะปฏิเสธ

"ครับ" เจ้าน้อยต้องตอบรับคำเสียไม่ได้เพราะมันคือความจริงที่ทหารทุกนายทุกหมู่เหล่าต้องผ่านการฝึกฝน ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดีเพื่อนคุ้มครองเจ้าหลวงและเจ้ารัชทายาทมิให้ได้รับอันตรายใดๆ

"แล้วน้องว่าอย่างใดที่พี่ขอท่านแสงเมืองไปเป็นองครักษ์คนสนิทของปี้?"

"น้องว่าถ้าเจ้าปี้อยากได้ทหารองครักษ์คนสนิท ลองทูลขอทหารในกรมของเจ้าอ้ายสักคนสิครับ เผื่อเจ้าอ้ายจะประทานคนที่ดีกว่าท่านแสงเมืองให้ จะได้ปกป้องเจ้าปี้ได้อย่างเจ้าปี้ต้องการจริงๆ" สิ้นคำพูดเจ้าน้อย เจ้าหยาดฟ้าแทบจะอยากฉีกเนื้อเจ้าน้อยออกมา  เพราะไม่คิดว่าเจ้าน้อยจะกล้าปฏิเสธตนเอง ใบหน้าตอนแรกที่ปั้นรอยยิ้มมาสวยงาม บัดนี้เหลือเพียงแต่แววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ความเกลียด

"แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!!!" เจ้าหยาดฟ้ายิ้มร้าย แล้วพลันแสร้งเป็นลมล้มลง จนทำให้แสงเมืองต้องรีบเข้าไปประคองรับไว้ตามสัญชาตญาณ

"อุ๊ย!! สงสัยเจ้าหยาดฟ้าจะหน้ามืด ท่านแสงเมืองช่วยอุ้มเจ้าหยาดฟ้าไปนั่งตรงใต้ต้นไม้นั้นหน่อยได้ก่อเจ้า?" นางกำนันคนสนิทเจ้าหยาดฟ้า ที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อครู่รีบกระวีกระวาดเข้ามาดู พร้อมไหว้วานขอให้แสงเมืองอุ้มเจ้าหยาดฟ้าไปน้่งพักที่ใต้ต้นไม้ใกล้ๆแถวนั้นเสร็จศัพท์

"เจ้าหยาดฟ้าเจ้า เจ้าหยาดฟ้า" นางกำนันเอายาดมให้เจ้าหยาดฟ้าดม พร้อมปลุกเรียกเจ้าหยาดฟ้าตื่นไปด้วย

"อื้อ!!"

"เจ้าหยาดฟ้าเป็นใดพ่องเจ้า?" นางกำนันคนสนิทถาม

"เวียนหัวนิดหน่อย" เจ้าหยาดฟ้าพูดอยู่กับอกแสงเมือง แม้ว่าจะดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังคงไม่ผละออกจากอกชายหนุ่มออกมา

"สงสัยเจ้าหยาดฟ้าเป็นลมแดด ยังดีที่ได้ท่านแสงเมืองมารับไว้ทัน บ่อั้นคงต้องเจ็บตั๋วแน่ๆ ทูนหัวของปี้อุสา"

"เจ้าหยาดฟ้าเป๋นหยังนักก่อเจ้า วันนี้แดดก่อบ่ได้ฮ้อน ลมก่อพัดเย็นสบาย เป๋นยังใดถึงเป๋นลมแดดได้เจ้า?" บัวแก้วเอ่ยถามขึ้นหลังจากดูเหตุการณ์อยู่ตั้งนาน ทำไมจะไม่รู้ว่าอาการแบบนี้เค้าเรียกว่าอะไร? เสแสร้งทั้งนั้น มีแต่ผู้ชายโง่ๆเท่านั้นแหละที่จะไม่รู้

"สงสัยเมื่อเจ้าหยาดฟ้าจะนอนดึก เลยเยี๊ยะหื้อเป๋นลม รบกวนท่านแสงเมืองประคองเจ้าหยาดฟ้าไปที่คุ้มได้ก่อเจ้า ปี้เองก็ตัวน้อยเดียว คิดว่าคงจะประคองไปบ่ไหว?" นางกำนันอุสาของเจ้าหยาดฟ้ารีบกุลีกุจอตอบ แล้วไหว้วานแสงเมืองให้พยุงเจ้านายตนเองไปส่งที่ตำหนักทันที

"ลุกขึ้นไหวไหมขอรับเจ้าหยาดฟ้า?"

"อื้อ...ยังเวียนหัวอยู่นิดหน่อย"

"งั้นอดทนอีกนิดนะขอรับ เดี๋ยวกระหม่อมจะพาเจ้าหยาดฟ้ากลับตำหนัก"

"อื้อ...." เจ้าหยาดฟ้าตอบรับคำเบาๆ แล้วจึงหันมามองเจ้าน้อยที่มองอยู่ห่างๆ ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่ากำลังเป็นผู้ชนะในครั้งนี้

"ไปกันเถิดปี้บัวแก้ว เดี๋ยวดอกไม้ที่เก็บมาจะเฉาไปเสียก่อน" เจ้าน้อยหันมามองแสงเมืองด้วยแววตาตัดพ้ออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วบอกบัวแก้วให้กลับคุ้ม ตลอดทางเดินกลับคุ้มแม้ว่าจะยังทรงทำเหมือนไม่สนใจอะไร แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้เจ้าน้อยกลับน้อยใจแสงเมืองเป็นที่สุด ทั้งๆที่รู้ว่าแสงเมืองทำไปเพราะความเป็นองครักษ์ ความเป็นสุภาพบุรุษ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า บางทีแสงเมืองอาจจะเจอคนที่คิดว่าพร้อมที่จะรักแล้วก็ได้ เพราะไม่ว่ายังไงผู้ชายกับผู้ชายมันก็ยากที่จะรักกัน ไม่ว่าจะกรณีใดๆเหตุผลใดๆก็ไม่สมควรจะรักกัน

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

"มึงนี่มันง่าวขนาดอีอุสา แดดก็บ่มี แต่มึงกลับตอบอีพวกนั้นว่ากูเป็นลมแดด" เจ้าหยาดฟ้าใช้ปลายนิ้วผลักหัวนางกำนันคนสนิทแล้วบริพาทอย่างรุนแรง

"ข้าเจ้าบ่ทันกึดเจ้า ขอสุมาเตอะเจ้า เจ้าหยาดฟ้า" อุสายกมือขึ้นพนมขอโทษเจ้าหยาดฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมใช้มือบีบนวดเบาให้คายโมโห เพราะรู้ดีว่าเจ้านายตัวเองนั้นเป็นเช่นใดเวลาทรงโกรธ

"ดีนะ ที่มึงยันทันตอบไปว่ากูนอนบ่พอเมื่อคืน ไม่งั้นแสงเมืองก็คงรู้แน่ๆว่ากูแสร้งทำ"

"แล้วเจ้าหยาดฟ้าจะเอาอย่างใดต่อเจ้าเรื่องแสงเมืองกับเจ้าน้อย?"

"กูขอคิดก่อน แล้วจะบอก มึงบ่ต้องกลัว มึงได้มีส่วนร่วมแน่ ยิงนกนัดเดียว ได้นกมาตั้งสองตัว หึๆๆๆๆ"

"หมายความว่าใดเจ้า เจ้าหยาดฟ้า? ช่วยบอกหื้อบ่าวคนนี้ได้รู้เป็นบุญหัวหน่อยเตอะเจ้า" อุสาใช้วาจาประจบจนเจ้าหยาดฟ้าคายโมโห แล้วจึงเอ่ยถามแผนการต่อไปของเจ้าหยาดฟ้า

"ก็หมายถึง นัดแรกยิงแล้วทำให้เจ้าน้อยมันเสียใจที่สูญเสียของรักไป นัดที่สองก็คือแสงเมือง มึงบ่เห็นเหรออีอุสา หน้าตาก็คมคาย อกผายไหล่ผึ่ง แถมยังเก่งกล้าอีก วันข้างหน้าคงจะได้เป็นใหญ่เป็นโตถ้าหากมีคนส่งเสริม ฮ่าๆๆ " เจ้าหยาดฟ้าตอบด้วยแววตาที่มุ่งร้ายในคราแรก แล้วพลันเปลี่ยนเป็นสายตาที่หลงไหลที่มีต่อชายหนุ่มอย่างแสงเมืองอย่างปิดไว้ไม่มิด ส่วนนางกำนันคนสนิทอย่างอุสาเห็นเจ้านายมีความสุขก็พลันหัวเราะตามไปด้วย

"หันเจ้า ในคุ้มหลวงนี้บ่มีไผบ่รู้จัก ท่านแสงเมือง ขวัญใจ๋นางกำนันหรอกเจ้า แม้แต่ลูกสาว หลานสาวขุนนางในวังก่อยังแอบชะม้ายชายตาหื้อบ่อยๆนาเจ้า"

"หึ!! อีพวกนั้นอย่าหวังว่าจะได้ อย่างใดท่านแสงเมืองก็ต้องเป็นของกู แม้แต่เจ้าน้อยปู้เมียนั่นก็อย่าหวังว่าจะได้ครองครองป้อจายคนนี้เลย!!"



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ไม่ได้เข้ามาอ่านสักพักใหญ่ๆ ตอนนี้ก็ต้องตามไล่อ่านอย่างยาวเลยรวดเดียว สนุกเหมือนเดิมไม่คิดว่าจะมีฉากปัจจุบันด้วย รออ่านอีกจ้ากับความรักและอุปสรรครักของเจ้าน้อย

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17
เจ้าหยาดฟ้าคือร้ายมาก ไม่ชอบนางมาก
ขออย่าให้แสงเมืองถูกโยกย้ายไปเลยนะ
สงสารเจ้าน้อยเหลือเกิน
 :mew2:

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

#เพิ่งเริ่มอุปสรรคความรักของเจ้าน้อยเอง ขอกำลังให้เจ้าน้อยด้วยนะคราฟ สงสารเหมือนกัน หื้อๆๆๆ กระซิกๆ


#ช่วยกันรุมประณามเจ้าหยาดฟ้าเร๊ว นางคือก้างชิ้นโต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2015 14:29:40 โดย ApolloS »

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ตอนที่ ๒๓

"ตาอิฐ วันนี้ทำไมกลับเร็วได้ล่ะลูก?"

"พอดีช่วงนี้เคลียร์งานได้บ้างแล้วครับคุณย่า เลยอยากพักบ้าง" ใช่ว่าอิฐจะไม่อยากกลับบ้านเร็ว แต่งานที่ออฟฟิศมันเยอะเหลือเกิน วันนี้เคลียร์งานได้เร็วเลยอยากกลับมาเห็นหน้างอๆขอคนบางคน เห็นแล้วมันรู้สึกดีบอกไม่ถูก อิฐตอบคุณย่าแต่สายตากำลังมองมาที่ใครคนหนึ่งที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ทำเป็นเฉยเมยเวลามีเขาอยู่ด้วย ที่เมื่อคืนร้องไห้นอนกอดเขาสะอึกสะอื้น  แบบนี้มันน่านัก   อิฐคิดในใจ

"ดีแล้วล่ะลูก นี่ทานข้าวมารึยังลูก?"

"ยังเลยครับคุณย่า ว่าจะกลับมาทานฝีมือคุณย่านี่แหละครับ" อิฐเดินมานั่งลงตรงข้ามกับมะยม ตาก็เอาแต่จ้องคนตรงหน้า จนร่างบางต้องเงยหน้าขึ้นมาแล้วค้อนใส่ อิฐถึงได้หยุดจ้อง

"น้อยมาตักข้าวให้คุณอิฐหน่อยสิ"

"หิวล่ะสิพ่อคูณ หื้ม?? อ้าวทานเลยจ๊ะหนูมะยม"

"ทานสิตัวจุ่น มามองหน้าพี่ทำไม มันไม่อิ่มหรอกนะ!"

"ผิดปกติ ผิดปกติเอามากๆ"

"ผิดปกติอะไรหื้มเรา?"

"ก็ปกติงานจะเยอะจะน้อยแค่ไหนก็ต้องกลับดึกกว่านี้ แต่วันนี้กลับเร็วได้ เพราะมีอะไรที่บ้านรึเปล่า?"

"แล้วไม่ดีรึไงเรา? พี่ชายกลับบ้านเร็ว"

"ดีค่า!! รู้หรอกหน่าว่าเพราะอะไร อิอิ"

"ทานเข้าไปตัวจุ่น จะได้หยุดพูดสักที"

"ค่าาาาา" หลังจากอิฐตักผัดผักให้อิ๊ฟแล้วเลยถือโอกาสตักให้มะยมบ้าง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมแตะมันเลย ทำให้อิฐต้องใช้สายตาจ้องไปอีกรอบเพื่อบังคับให้ทาน


>>>>>>>>>>>>>

"ก๊อกๆๆ"

"พี่อิฐ!!"

"ให้พี่เข้าไปหน่อยสิ"

"มีอะไรเหรอครับ คุยกันข้างนอกนี่ก็ได้"

"แน่ใจเหรอว่าจะคุยกันที่หน้าประตูนี่"

"ครับ พี่อิฐมีอะไรเหรอครับ?"

"ก็ว่าจะมาคุยกันเรื่องที่เมื่อคืนมะยมร้องไห้แล้วนอนกอดพี่ไง?"

"เอ่อ...เชิญครับ" มะยมทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำให้อิฐยกยิ้มเบาๆ ไม่ว่าจะทำหน้ายังไงก็ดูน่ารักน่าเอ็นดู อิฐส่ายหัวให้กับตัวเองเบาๆ แล้วเดินตามมะยมเข้าไป

"หึๆๆ"

"เข้าเรื่องสักทีเถอะครับพี่อิฐ จะยืนจ้องหน้าผมอีกนานไหม? ผมง่วงนอนแล้วครับ"

"เมื่อกี้เรียกตัวเองว่าไงนะ?" มะยมขมวดคิ้วหน้าบึ้งใส่ทันทีที่คนตัวโตกว่าถาม

"พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เรียกตัวเองว่ายังไง?" คนตัวเล็กกว่าไม่ตอบ ยิ่งทำให้อิฐอยากจะปราบคนตรงหน้านี้ลงให้ได้ ดื้อดีนัก

"อ่ะ!! พี่อิฐปล่อยเดี๋ยวนี้!!" อิฐไม่ปล่อยแต่กลับแต่รัดมะยมแน่นขึ้นไปอีก ทำให้ทั้งสองคนยิ่งใกล้กันเข้าไปใหญ่

"เด็กดื้อแบบนี้ต้องโดนลงโทษ พี่บอกแล้วใช่ไหม?"

"ไม่ได้บอกสักหน่อย" มะยมฮึดฮัดเพราะยิ่งคุยก็ยิ่งรัด คนอะไรบ้าอำนาจ เผด็จการ มะยมคิดในใจ

"งั้นต่อไปนี้ถ้าดื้อแบบนี้อีก พี่จะทำโทษเข้าใจไหม?" อิฐใช้สายตาจ้องมะยมอย่างไม่ลดละ จนร่างบางตอนนี้หน้าแดงแล้วแดงอีก อิฐรู้สึกว่าคนตรงหน้านี้เป็นคนที่แสดงออกทางสีหน้าได้ดีเหลือเกิน ตอนโกรธ โมโห หรือว่าเขินอะไรยังไงก็จะแสดงออกมาหมดเลย ยิ่งเป็นแบบนี้อิฐยิ่งรู้สึกว่ามะยมยิ่งน่าแกล้งเข้าไปใหญ่

"เข้าใจไหมเด็กน้อย?" อิฐถามซ้ำอีกที หน้าก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้อีกด้วย ทำให้มะยมเบิกตาโตขึ้นเพราะตกใจ ไม่คิดว่าอิฐจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้

"อื้อ!!" มะยมต้องเบิกตาโตอีกครั้งเพราะตกใจ ในหัวเหมือนมีภาพตอนที่แสงเมืองจูบเจ้าน้อยครั้งแรงผุดขึ้นมา อิฐจูบเบาๆ อาศัยตอนมะยมตกใจ แทรกลิ้นผ่านเข้าไปอย่างง่ายดาย จากจูบเบาๆ ไล่เล็มปากบางทีละนิด จนตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นไล่ต้อนจูบเด็กน้อย ลิ้นเล็กๆพยายามหลบหนี แต่ทำยังไงก็ไม่สำเร็จอยู่ดี จนเวลาผ่านไปร่างบางต้องใช้สองมือทุบลงที่อกหนาของคนตรงหน้าเพื่อบอกว่าหายใจไม่ทัน แข้งขาก็พลันอ่อนยวบลง จนอิฐต้องกอดรับไว้ให้แน่นกว่าเดิม

"หึๆๆ เด็กน้อย!!"

"ปะ...ปล่อยได้แล้ว!!" มะยมได้สติก็เอ่ยปากบอกให้ปล่อย แต่พูดได้ไม่กี่คำก็ต้องรีบหุบปากลง เพราะสายตาของอิฐมองมาอย่างไม่ลดละ บ่งบอกเหลือเกินว่าต้องการอะไร มะยมไม่ใช่เด็กอินโนเซ้นต์ที่จะไม่รู้อะไรพวกนี้เลย จนต้องเลือกที่จะก้มหน้าลงกับอกของคนตรงหน้า

"อะไร? ที่เมื่อคืนยังใกล้กันมากกว่านี้อีก พี่ยังไม่ว่าเลย ทั้งๆที่พี่เป็นคนเสียหายนะ!!"

"ห่ะ!!"

"ก็พี่เป็นคนเสียหายไง มะยมต้องรับผิดชอบนะ"

"เหอะ!!"

"เอาเหอะพี่ให้เก็บเอาไปคิดว่าจะรับผิดชอบพี่ยังไง? แต่ตอนนี้พี่มีอะไรจะถาม" อิฐยอมปล่อยมะยมให้เป็นอิสระ เพราะวันนี้ได้อะไรมากกว่าที่คิดมากเลย มะยมเลยเดินมานั่งที่โซฟาปลายเตียง พยายามสร้างระยะห่างให้มากที่สุด จนอิฐต้องหัวเราะในลำคอออกมา หึๆๆ

"ว่ามาสักทีสิครับพี่อิฐ?"

"ก็...เรื่องฝันของมะยมไง?" อิฐตั้งใจเว้นระยะคำพูด จนร่างบางฮึดฮัดเพราะรอฟัง

"ทำไมเหรอครับ?" มะยมรู้ว่าตัวเองเสียงสั้นแค่ไหน แต่ก็กลั้นใจถามออกไป

"พี่รู้ว่ามะยมกำลังฝันถึงอะไร  รู้ทั้งหมดว่ามะยมกำลังเผชิญหน้ากับอะไร และมีคำถามมากมายที่อยากรู้"

"พี่อิฐหมายความว่าไงครับ?"

"การที่เราฝันถึงใครสักคนหนึ่งที่คล้ายตัวเอง กับใครอีกคนหนึ่งมาโดยตลอด จนเกิดคำถามว่ามันใช่ความจริงหรือความฝัน ทำไมต้องฝันอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆ พี่ว่าบางทีมันก็อึดอัดนะกับการที่เราหาคำตอบกับมันไม่ได้ เพราะพี่ก็เป็น"

"พี่อิฐกำลังจะบอกอะไรเหรอครับ?"

"เอาล่ะพี่คิดว่าเราสองคนคงต้องคุยกันจริงจังสักที" อิ๘เขยิบเข้าไปใกล้มะยมอีกนิด ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรเหมือนเมื่อครู่ แต่มะยมกลับถลึงตาใส่และถอยหนีจนเป็นอิฐเองที่หยุด

"ไม่สงสัยบ้างเหรอทำไมตัวเองถึงฝันแบบนั้นบ่อย ทำไมถึงเจอพี่ที่หน้าคล้ายคนในฝันของมะยม หรือไม่สงสัยเหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเรา?"

"พี่จะบอกว่าพี่ก็ฝันเหมือนกันงั้นเหรอครับ?" มะยมถามออกไปอย่างแผ่วเบา แต่ถึงอย่างนั้นอิฐก็ได้ยิน

"ใช่ พี่ฝันถึงมันตั้งแต่พี่ยังเป็นหนุ่มน้อย หึ!! แต่ก็ไม่เคยคิดหาคำตอบให้มันอย่างจริงจัง จนพี่ฝันถึงมันเรื่อยๆ จนบางทีพี่คิดว่าตัวเองบ้า เป็นประสาทหลอน"

"พี่ไม่กล้าเอาไปพูดกับใครเพราะกลัวเค้าหาว่าพี่บ้า จนพี่ชินกับมัน ฝันถึงมันเรื่อยๆ เหมือนกับการดูละครเรื่องหนึ่ง จนวันหนึ่งพี่ก็ได้เจอกับคนในฝันของพี่ แต่เค้าไม่ใช่เจ้าน้อยของพี่...ไม่ใช่สิ เจ้าน้อยของแสงเมือง"

"พี่อิฐ!!!" หลังจากมะยมเรียกชื่อของตนเองแล้ว ก็ไม่มีคำพูดใดตอบกลับมาอีกเลย อิฐปล่อยให้มะยมอยู่กับตัวเอง ไม่อยากเร่งรัดอะไร เพราะเรื่องแบบนี้มันเข้ายาก หรือพูดอีกอย่างคือมันน่าเหลือเชื่อ ไม่น่าเป็นไปได้ แม้สมัยนี้จะมีเรื่องแบบนี้หลงเหลือในความเชื่อของคนไทยอยู่บ้างก็เถอะ แต่เรื่องการระลึกชาติ หรือการกลับชาติมาเกิดแบบนี้ มันก็ยังเป็นอะไีที่ซับซ้อนหาข้อพิสูจน์ได้ยากจริงๆ

"ทำไมเราต้องฝันอะไรแบบนี้ด้วยครับ............ บางครั้งก็เหมือนความจริงจนน่ากลัว แต่บางครั้งก็มีความสุขเหลือเกิน ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าเฝ้ารอใครสักคน ทำไมมันทรมานขนาดนี้ ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าเค้าคนนั้นจะมีจริงรึเปล่า? จะได้เจอกันไหม หรือเป็นเพียงแค่ความฝัน มันทรมานนะครับ? ฮึก หื้อๆๆ" หลังจากที่มะยมเงียบไปนาน ร่างบางก็เอ่ยออกมาทั้งน้ำตา อิฐเข้าใจน้องว่ามันคือความสับสน คือความกลัว เพราะตัวเองก็เคยเป็น แต่อาจไม่ถึงกับร้องไห้แบบมะยม เพราะมะยมยังเด็ก เรื่องแบบนี้มันเซ้นซิทีฟจริงๆ

"ชู่วววว!!! นิ่งนะครับ พี่ว่าเราต้องผ่านมันไปได้ พี่จะอยู่ข้างๆมะยมเอง " อิฐคอยใช้มือลูบหัวปลอบมะยมจนร่างบางหยุดร้อง แต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นอยู่

"เอ่อ..ขอโทษครับ" มะยมเกาแก้มตัวเองเพราะความเขิน ไม่คิดว่าจะมาบ่อน้ำตาแตกอะไรตอนนี้ เหมือนกับว่าสิ่งที่เก็บเอาไว้มานานมันได้ถูกปลดปล่อยออกไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นกังวลลึกๆ กับมันอยู่ดี

"ยินดีครับ" มะยมสะดุดกึกกับภาพอิฐในตอนนี้ มันช่างคล้ายกับแสงเมืองในฝันเหลือเกิน

"ทำไมจ้องหน้าพี่อย่างนั้นหื้อเด็กน้อย?"

"เอ่อ..ขอโทษครับ เมื่อกี้พี่อิฐให้ความรู้สึกเหมือนแสงเมืองมาก"

"แล้วพี่ไม่เหมือนตรงไหน หื้ม?"

"ตรงที่....แววตา แล้วก็นิสัยมั้งครับ!!" มะยมเกาแก้มอย่างเขินๆอีกครั้ง วันนี้ทำขายหน้าพี่อิฐมาแล้วกี่ครั้งนะ?? มะยมคิดในใจ

"จะบอกว่าพี่นิสัยไม่ดีว่างั้น?"

"เปล่านะครับ เพียงแต่มะยมรู้สึกว่าแสงเมืองเค้าใจดีกับเจ้าน้อยมากแค่นั้นเองครับ"

"หึๆๆ แล้วพี่ไม่ใจดีกับมะยมเหรอ?" มะยมส่ายหัวไปมาเบาๆ

"หึๆๆ เด็กน้อย ถ้าไม่ดื้อกับพี่ พี่ก็ใจดีนะ" อิฐลูบผมมะยมไปมาเบาๆ คล้ายกับหยอกล้อ

"นอนได้แล้ว ดึกแล้วเด็กน้อย" มะยมก็นอนลงตามที่อิฐบอก แต่สายตายังคงมีคำถามมากมายอยู่

"นอนนะ ไว้วันพรุ่งนี้ค่อยคุยกันต่อ ส่วนคืนนี้พี่จะนอนนี่แหละ เผื่อบางคนนอนฝันร้ายอีก"

"แต่..."

"เอาหน่า พี่ไม่ทำอะไรมะยมอีกหรอก เชื่อพี่สิ"




>>>>>>>>>>
ขอกำลังใจให้เจ้าน้อยกับแสงเมืองหน่อยจ้า

รวมถึงกำลังแรงเชียร์ มะยมกับพี่อิฐด้วยคราฟ






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2015 14:40:16 โดย ApolloS »

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เพิ่งได้มาอ่าน ชอบอะ บรรยากาศเหนือๆเนี่ย ทำเราคิดถึงบ้านมากเลย
ตอนของเจ้าน้อยกับแสงเมืองน่ารักมากอะ หวานโคตรๆ อยากรู้ว่าอะไรทำให้ทั้งสองคิดจะจบชีวิต

ส่วนมะยมกับพี่อิฐนี่ดูพ่อแง่แม่งอนดี คือมะยมดูน่าแกล้งมากอะ

ปล. เราสงสัย พี่อิฐคนที่ช่วยมะยมตอนโดนลูกค้าจับแขน แล้วมีเรื่องกัน ให้มะยมต้องทำแผล นี่ไม่ใช่คนเดียวกับพี่อิฐแสงเมืองเหรอ?

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0


@@@@dekzappp :ขอบคุณครับที่มาติดตามเจ้าน้อยกับแสงเมือง และมะยมกับพี่อิฐ
                               ปล_คนที่ช่วยมะยมไว้จากอันธพาลคนนั้นชื่อ อัฐ รึเปล่าเอ่ย?ไม่ใช่อิฐนะครับ อัฐก็จะเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่งที่มีความผูกพันกับเจ้าน้อยแต่ชาติปางก่อน  ใบ้แค่นี้ อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด