พิมพ์หน้านี้ - ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ApolloS ที่ 04-12-2014 20:30:07

หัวข้อ: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 04-12-2014 20:30:07
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.เรื่องสั้นให้จั่วคนว่าเรื่องสั้นด้วยนะครับ และนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: ....หัวใจใฝ่รัก....
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 04-12-2014 20:31:53
Intro หัวใจใฝ่รัก

        เสียงสะล้อ ซอ ซึง ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีล้านนาได้บรรเลงขึ้นอย่างสมพระเกียรติในงานพระราชพิธีศพของ"เจ้านางเอื้องฟ้า" ผู้เป็นพระสนมของ "เจ้าแมนสรวง" กษัตริย์แห่งปิงนคร เมืองที่อุดมสมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งทางเหนือติดกับลำน้ำปิง ด้วยความสูญเสียในครั้งนี้เป็นการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของใครอีกหลายคน โดยเฉพาะเจ้าผู้ครองนคร และลูกชาย "เจ้าน้อยขวัญระมิงค์" ที่ความตายได้พรากอ้อมอกแม่อันเป็นที่รักยิ่งไป ด้วยวัยเพียงแค่ 10 ชันษา แต่เจ้าน้อยหารู้ไม่ว่าการจากไปของเจ้าแม่นั้นจะนำพามาซึ่งการเปลี่ยนของชีวิตพระองค์ไปโดยสิ้นเชิง


ลาแล้วลาไกล๋จากไปลับต๋า          สุดอาลัยหานวลนางน้องหล้า
ร่ำไห้ครวญหาน้ำต๋านองหน้า       บ่ฟื้นคืนมากัลยาพี่กลอย
อ้อมอกแสนอุ่นที่คุ้นหนักหนา      คอยโอบกายาลูกมาแต่น้อย
บ่มีแหมแล้วแม่แก้วบัวคอย         แม้แต่คำถ้อยเอ่ยจ๊อยลูกยา
หัวข้อ: Re: ....หัวใจใฝ่รัก....
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 04-12-2014 20:33:02
ตอนที่ 1

"เจ้าน้อย จะไปตี้ใดเจ้า? ตะวันใกล้ตกดินแล้วนา" พระพี่เลี้ยงคนสนิทกล่าวถามเจ้านายเหนือหัวของตนเองด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่เจ้าน้อยขวัญระมิงค์ของตนสูญเสียพระมารดาไป ก็มีแต่ตนนี่แหละที่คอยดูแล เป็นห่วงเป็นใย คิดแล้วก็น่าสงสาร ทรงเป็นกำพร้าแม่มาตั้งแต่ยังเล็ก แต่หากยังจำได้ว่า ความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่เป็นเช่นไร เห็นแล้วน่าเวทนายิ่งนัก ถึงแม้ว่าจะเติบโตมาจนถึง 21 ชันษาแล้ว แต่ในสายตาของตน เจ้าน้อยก็ยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ หากไม่มีตนแล้ว เจ้าน้อยจะอยู่เช่นไรในเมืองปิงนครแห่งนี้ เพราะแม้จะเป็นเมืองเกิด เป็นเมืองที่พระองค์ทรงเป็นถึงหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ แต่ก็หามีความสุขไม่ ทรงอ้างว้างพระทัย แม้แต่องค์เหนือหัวผู้เป็นพระบิดาก็มิทรงใคร่สนพระทัยนัก นับตั้งแต่พระมารดาของเจ้าน้อยของตนสิ้นพระชนม์ไป

"เราอยากไปเดินเล่นเปิดหูเปิดตาข้างนอกสักหน่อยพี่บัวแก้ว อยู่แต่ในห้องมาทั้งวันแล้ว"

"แล้วการ์บ้านที่ท่านราชครูสอนล่ะเจ้า?"

"หากท่านราชครูกลับมา ก็ให้บอกท่านราชครูว่า เดี๋ยวเราจะกลับมาทำให้ทันส่งพรุ่งนี้เช้า ท่านราชครูก็คงบ่ไปบอกเจ้าป้อหรอก (เจ้าพ่อ-ผู้เป็นพระราชบิดาทางเหนือจะเรียกว่า เจ้าป้อ) ถึงบอกท่านก็คงมิสนใจอะไรเกี่ยวกับเรา" เจ้าขวัญระมิงค์ตัดพ้อพี่เลี้ยงคนสนิทไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ เพราะตั้งแต่เจ้าแม่ของตนสิ้นไป เจ้าป้อก็มิได้สนใจใยดีอะไรตนนัก นอกจากให้เรียนหนังสืออยู่แต่ในคุ้มหลวง แม้แต่การเรียนดาบหรือการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวก็ยังมิทรงอนุญาติ

"โถ่ เจ้าน้อยของบัวแก้ว จะไปกึดนักก่าเจ้า จะไปตี้ใดหื้อปี้บัวแก้วไปตวยก่อเจ้า?"

"ไม่ต้องหรอกพี่บัวแก้ว เราจะไปเดินเล่นแถวๆนี้แหละ เราโตแล้วไม่ต้องเป็นห่วง ดูแลตัวเองได้"

"ห้ามไปไกลนาเจ้า มันใกล้จะมืดค่ำแล้ว แถวหลั......."

"หลังวังก่อห้ามไป มีก้าป่า งูเลี้ยวเขี้ยวขอก่อนัก ....เรารู้แล้วหน่าพี่บัวแก้ว บอกหลายครั้งจนเราจำได้ขึ้นใจเลย" พูดยังไม่ทันจบเจ้านายน้อยของตนเองก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน


"เจ้าน้อยนี่นา อู้ขัดปี้บัวแก้วตลอดเลย" พี่เลี้ยงคนสนิทตัดพ้อไปด้วยความเอ็นดู

"ไปละนะพี่บัวแก้ว เดี๋ยวเราจะรีบกลับมา"

"แล้วข้าวแลงลอเจ้า (ข้าวเย็น) ทรงอยากเสวยอะหยังเป็นพิเศษก่อเจ้า ปี้บัวแก้วจะได้หื้อเปิ้นเตรียมไว้หื้อ?"

"อืม.....เราอยากกินแกงฮังเล กับไส้อั่ว แล้วเอาน้ำพริกอ่องด้วยนะครับพี่บัวแก้ว ขอบคุณครับ" ว่าแล้วก็เดินออกจากคุ้มไป

"เปิ้นได้ข่าวว่า หลังวังเรามีน้ำตกตวย หันว่างามขนาดเลยแม่นก่อตั๋ว? ว่างๆเปิ้นจะได้ไปพ่อง" เจ้าขวัญระมิงค์ได้ยินนางกำนันคนหนึ่งพูดขึ้นระหว่างที่ตนกำลังจะเดินออกคุ้มหลวงไป

"แต้ก่า แต่ทางไปค่อนข้างยาก มีก้าป่ารก แต่ถ้าได้ไปแล้วจะติดใจนา เขาเหมือนสระอโนดาดที่กินรีชอบไปเลยน้ำเลย" เจ้าขวัญระมิงค์ได้ยินดังนั้นจึงรีบตรงไปยังน้ำตกหลังวังทันที แม้ว่าพี่บัวแก้วจะสั่งห้ามไว้ก็ตาม

สายน้ำหลั่งไหลได้ยินมาแต่ไกล หากเข้าอีกไม่เพียงกี่ก้าวก็จะพบน้ำตกที่ไหลรินลงมา น้ำที่ใสจนสามารถเห็นปลาเล็กปลาน้อยว่ายไปมา ถูกโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม บ้างก็มีต้นไม้ต้นเล็กๆขึ้นตามโขดหินกลางน้ำ บ้างก็มีต้นดอกหญ้าขึ้นแซมแนวโขดหินซ้ายขวา ถัดไปชั้นบนอีกนิดมีต้นไม้ใหญ่ที่บัดนี้เริ่มพลัดใบร่วงลงมา และไหลลอยมาตามกระแสน้ำ ภาพที่เห็นนี้ช่างสวยงามและเงียบสงบจนทำให้หัวใจที่แห้งเหี่ยวกลับมามีชีวิตต่ออีกครั้ง คล้ายว่าสายน้ำได้พลัดเอาความหม่นหมองไปจากหัวใจ


"สวยมาก เหมือนที่นางกำนันพูดไว้เลย แต่ทางมายากเหมือนกันนะเนี๊ยะ กว่าจะมาถึงเล่นเอาเหงื่อไหลไคลย้อยเลยทีเดียว" เจ้าน้อยพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆ ว่าแล้วก็เดินไปกวักน้ำล้างมือล้างหน้า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่พอ เลยถอดเสื้อผ้าออกวางไว้บนโขดหินริมน้ำเพื่อที่จะอาบน้ำล้างเหงื่อไคลออก

"ชื่นใจ แบบนี้ค่อยสบายตัวหน่อย" ร่างสูงโปร่งกำลังอาบน้ำอย่างใจเย็น พรางใช้มือขัดตัวตั้งแต่ลำคอที่ยาวระหงส์ ไหล่บาง จนกระทั่งถึงแผ่นหลังอันขาวเนียนละเอียดที่ได้มาจากเจ้าแม่ (เจ้าแม่ หรือ พระมารดาในภาษาเหนือ) "เจ้านางเอื้องฟ้า" ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่ละม้ายไปทางเจ้าแม่มากกว่าเจ้าป้อของตน หรือแม้กระทั่งผิว เจ้าขวัญระมิงค์เผลอคิดไปว่า เป็นเพราะแบบนี้นั่นเองเจ้าป้อของตนจึงไม่ค่อยอยากสนใจใยดีกับลูกคนนี้นัก เพราะมันทำให้พระองค์นึกถึงเจ้าแม่ของตนอยู่เสมอ ตนรู้อยู่เสมอว่าเจ้าป้อรักเจ้าแม่มากเพียงใด ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่พระสนม ที่เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา แต่พระองค์ก็ทรงเป็นที่รัก และเป็นรักเดียวในใจเจ้าป้อมาโดยตลอด แต่ตนกลับอดรู้สึกน้อยใจไม่ได้ว่า ทำไมตั้งแต่เจ้าแม่สิ้นไป เจ้าป้อก็ทรงไม่มาสนใจใยดีตนอีกเลย เหมือนไม่รักลูกคนนี้อีกแล้ว หรือเป็นเพราะเหตุผลใดที่เจ้าป้อต้องทอดทิ้งลูกคนนี้ไป

"แกร๊บ!!!" เหมือนเสียงตัวอะไรเหยียบกิ่งไม้แห้งดังใกล้ๆกับที่ตนอาบน้ำอยู่ ในป่าลึกขนาดนี้ไม่น่าจะมีใครอยากเดินมาเที่ยวหรอกมั้ง? แต่ถ้าหากมีล่ะ?? เจ้าขวัญระมิงค์นึกในใจ

"นั่นใครน่ะ? ออกมานะ เราบอกให้ออกมา!!!" เจ้าขวัญระมิงค์ตกใจ แต่ก็ต้องข่มความกลัวตะโกนถามไป แต่ไม่มีใครออกมาจึงลองเอาก้อนหินก้อนไม่เล็กไม่ใหญ่ขว้างไปยังพุ่มไม้

"โอ๊ย!!" นั่นไงเสียงคนแล้วทำไมไม่ออกมา แล้วยืนแอบมองอยู่นั่นนานรึยังน่ะ? เจ้าน้อยขมวดคิ้วสงสัย

"ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่ออกมาเราจะเอาก้อนใหญ่กว่านี้ขว้างไปอีกนะ!!" เจ้าน้อยร้องขู่เจ้าคนเสียมารยาทออกไป จนกระทั่งมีคนเดินออกมาจากพุ่มไม้นั้น แล้วยกมือขึ้นคล้ายกับว่ายอมจำนน พรางใช้มือลูบหัว เพราะคงจะโดนก้อนหินที่ปาออกไปเมื่อครู่นี้กระมัง

"ทะ..ท่านมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แล้วมานานรึยัง?"

 "ปะ..ป่าวเลย เราเพิ่งมาถึง แล้วก็ต้องขออภัยที่เสียมารยาท เราแค่ผ่านมาแล้วได้ยินเสียงน้ำก็ว่าจะมาล้างหน้าล้างตาเหมือนกัน แต่มาพบท่านเสียก่อน" ผู้มาใหม่รีบตอบไปเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้ว่ามาแอบยืนมองที่พุ่มไม้อยู่ตั้งนาน ทีแรกว่าจะหลบออกไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงละสายตาจากร่างขาวๆเนียนๆนั้นไม่ได้สักที

"แล้วท่านจะยืนมองเราแก้ผ้าอยู่อย่างนี้อีกนานไหม?" เจ้าน้อยขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีกเมื่ออีกฝ่ายยังไม่เลิกมองร่างของตนเอง เมื่อทหารเอกหันกลับหลังไป เจ้าน้อยจึงเริ่มแต่งกายกลับไปเป็นชุดเดิมที่ใส่มา

"ท่านเป็นทหารหรอกหรือ??" เจ้าน้อยถามไปด้วยความสงสัยเมื่อทรงแต่งตัวเสร็จ เพราะชุดที่อีกคนใส่เป็นชุดของทหารในวัง แล้วน่าจะยศที่สูงพอสมควร

"เราเป็นทหารเอกที่เพิ่งย้ายมาประจำการใหม่ เลยขี่ม้ามาสำรวจพื้นที่สักหน่อย" ทหารหนุ่มพอชำเลืองเห็นอีกฝ่ายแต่งตัวเสร็จแล้ว จึงหันกลับมาพินิจมอบคนตรงหน้าอีกที ดูจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็พอเดาได้ว่าคงเป็นลูกเสนาหรืออามาตย์สักคนที่เข้ามาเรียนในวังแล้วแอบหนีมาเที่ยว

"คงจะแอบหนีออกมาเที่ยวสินะ? ดูจากการแต่งตัวน่าจะเป็นลูกท่านหลานเธอที่เข้าเรียนในวังสินะ" ทหารเอกเห็นใบหน้าขาวเนียนที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดไม่ได้ที่จะต่อปากต่อคำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงอยากแกล้ง อยากพูดด้วย อยากต่อปากต่อคำปากเล็กๆแดงๆนั่น

"เรามิได้หนีออกมาเที่ยว เราบอกพี่เลี้ยงแล้ว" เจ้าขวัญระมิงค์ตอบออกไป

"แต่ก็ถึงอย่างนั้นเถอะ ตอนนี้ใกล้พลบค่ำแล้ว แล้วจะกลับยังไง? หรือจะให้เราเอาม้าไว้ให้" ทหารเอกถามไปเพราะความเป็นห่วง

"เราขี่ม้าไม่เป็น" เจ้าน้อยตอบทหารเอกออกไป แล้วจึงพินิจวิเคราะห์ไปหน้าทหารเอกคนนี้อีกครั้งอย่างละเอียด หากแต่พบว่า เป็นคนที่เหมาะสมแล้วกับการเป็นทหาร ด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยความเป็นชายชาตรีชมชายชาติทหาร อกผายไหล่ผึง ตัวสูงใหญ่ ไหล่หนา หน้าตาคมคาย แต่ที่เด่นที่สุดคงจะเป็นคิ้วหนา กับตาคม ต่างจากกับตนเองอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบดู

"งั้นเดี๋ยวเชิญทางนี้เถิด เดี๋ยวเราจะไปส่ง" เจ้าน้อยได้ยินดังนั้นจึงตกใจที่เผลอมองตรงหน้าไปอย่างเสียมารยาท แล้วรีบสาวเท้าเดินตามทหารเอกคนนี้ไป

"พอรู้ใช่ไหมว่าขึ้นยังไง?" ทหารเอกที่เอามือลูบเจ้าม้าคู่ใจก็หันหน้ากลับมาเจ้าน้อยอีกครั้ง ก็พบว่าเจ้าน้อยได้แต่ส่ายหน้าไป ทหารเอกเห็นดังนั้นจึงชี้ให้ดูที่เหยียบขึ้นลังม้าข้างๆตัวมัน จากนั้นก็จับเอวบางแล้วยกขึ้นให้พอที่จะยกขาควบอานม้าได้ คิดไม่ผิดจริงๆว่า รูปร่างอย่างนี้คงไม่หนักมาก แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ทางฝ่ายเจ้าน้อยก็ตกใจไม่น้อยเมื่อทหารเอกจับเอวตนเองแล้วยกขึ้นม้า แต่เมื่อหายตกใจจึงรีบยกขาขึ้นควบอานม้านั้นทันที เพราะเกรงว่าทหารเอกจะหนัก

"กลัวรึ นั่งตัวแข็งทื่อเลย" เจ้าน้อยหันกลับมามองทหารเอกคนดังกล่าวจึงเห็นว่า เค้ากำลังอมยิ้มอยู่ จึงเผลอแสดงสีหน้าที่งอหงิกออกมา ยิ่งไปกว่านั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ หึๆๆ เจ้าน้อยจึงยิ่งขมวดคิ้วหน้างอไม่พอใจไปใหญ่

"อย่ากลัวไปเลย มันเชื่องมาก แต่เฉพาะกับคนที่อ่อนโยนกับมัน หรือคนที่มันถูกชะตาน่ะ" ฟังทีแรกเจ้าน้อยก็ดูผ่อนคลายลง แต่พอได้ยินประโยคหลังก็กลับมาทำตัวแข็งทื่อเพราะกลัวมันอีกครั้ง

"เอาอย่างนี้สิลองเอามือลูบหัวมันเบาๆ ให้มันคุ้นเคยกับเรา ทำให้มันรู้ว่าเราใจดีกับมัน" ทหารเอกจึงเลิกแกล้งอำร่างบางตรงหน้า และสอนวิธีทำความรู้จักกับเจ้าเพื่อนยากสี่ขาตัวนี้

"เห็นไหม มันเชื่องดีออก ปกติถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของมัน มันจะค่อนข้างพยศนะ แต่วันนี้กลับแปลก สงสัยมันจะชอบท่านเสียแล้วกระมัง ไปกันเถอะ" ทหารเอกก็พลันค่อยๆควบม้าออกไป แต่ไม่ลืมที่จะใช้มืออีกข้างกอดเอวร่างบางที่นั่งข้างหน้าไว้ด้วย ยิ่งพอได้จับก็เหมือนรู้สึกว่าตัวเองเป็นบ้า เพราะใจเต้นแปลกๆ เผลอสูดดมเอากลิ่มหอมอ่อนๆ จากเส้นผมที่ยาวมาถึงกลางหลังของคนตรงหน้าไปด้วย ตัวก็นิ่มกว่าผู้ชายปกติหรือเรียกได้ว่าแทบไม่มีมัดกล้ามอะไรเลยเหมือนคนไม่เคยออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนักๆ บ้างเลย ส่วนอีกคนข้างหน้าก็ตกใจเมื่อทหารเอกใช้มือรวบเอวตัวเองไว้ แต่ก็มิได้เอ๊ะอะอะไรออกไป เพราะกลัวตก อีกอย่างตัวเองก็เป็นผู้ชายไม่แปลกไม่เสียหายอะไรสักหน่อย แต่จะติดเกรงใจที่ผมตัวเองยังเปียกอยู่เลยไม่สามารถมัดรวบไว้ได้

"ผมเราทำให้ท่านรำคาญรึเปล่า? ถ้ามันปลิวไปโดนหน้าท่านเราจะให้มัดรวบมันไว้ก่อน" เจ้าน้อยเอ่ยถามออกไป

"ว่ายังไงนะท่าน สิ่งควบม้าดังไปหน่อย เราไม่ค่อยได้ยิน?" ทหารเอกก็พลางเอี่ยวหน้าไปฟังใกล้ๆ แตความใกล้ระดับนี้ทำให้เจ้าน้อยตกใจนิดนึง แต่ที่สุดคงจะเป็นอาการแปลกๆที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ คือใจเต้นเป็นระส่ำแปลกๆ  จะอึดอัดก็ไม่ใช่ หายใจทั่วท้องก็ไม่เชิง จึงตัดสินใจรวบผมของตนที่สะยายอยู่ด้านหลัง แล้วมัดด้วยยางมัดที่พี่เบี้ยงคนสนิทมัดให้เป็นประจำเพื่อตัดปัญหา
หัวข้อ: Re: ....หัวใจใฝ่รัก....
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 04-12-2014 20:35:25
ตอนที่ 2

"เจ้าน้อยกึดหยังอยู่เจ้า ? บ่สบายใจหยัง? บอกปี้บัวแก้วได้ก่อ?" พี่เลี้ยงคนสนิทเอ่ยถามเพราะยามนี้เจ้าน้อยทำหน้าเหงาหงอยเหลือเกิน ปกติก็เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว ยิ่งเป็นแบบนี้พระพี่เลี้ยงยิ่งเป็นห่วง

"เราไม่ได้เป็นอะไรหรอกพี่บัวแก้วแค่คิดอะไรนิดหน่อย พี่บัวแก้วมีอะไรรึเปล่า?"

"ปี้ว่าจะชวนเจ้าน้อยลองออกไปเตวแอ่วกาดนอกคุ้มบ่เจ้า?" พี่เลี้ยงคนสนิทออกความคิดเห็น

"พี่บัวแก้วอยากไปเหรอ ปกติเห็นห้ามตลอด?" เจ้าน้อยถามพี่เลี้ยงด้วยความแปลกใจ

"ปี้บัวแก้วอยากไปดูเสื้อผ้า ดูผู้ดูคนพ่องเจ้า อยู่ในคุ้มอย่างเดียวก่อก้าย (เบื่อ)"  บัวแก้วจำเป็นต้องตอบไปอย่างนั้น เพราะเป็นปกติคงไม่อนุญาติให้เจ้าน้อยออกไป เพราะเป็นห่วง

"แล้วเราจะไปยังไง ออกไปแบบนี้เดี๋ยวชาวบ้านก็แตกตื่นกันหรอก?"

"ปี้บัวแก้วกึดไว้แล้วเจ้า ว่าเฮาจะต้องปลอมตัวเป็นจาวบ้าน จะได้ดูกลมกลืนหน่อย" พี่เลี้ยงคนสนิทได้เตรียมการไว้เสร็จสรรพ

"งั้นก็ได้ครับพี่บัวแก้ว" เจ้าน้อยตอบไปในที่สุด

"เสร็จรึยังเจ้า เจ้าน้อย? ลองออกมาหื้อปี้บัวแก้วดูก่อนลอ" บัวแก้วขานเรียกเจ้าน้อยจากห้องแต่งตัว เผื่อจะได้ช่วยดูเครื่องแต่งกายชาวบ้านที่ให้ไปเปลี่ยน เป็นชุดพื้นเมืองผ้าฝ้ายสีขาวแขนยาวพอดีตัว กับสะโหร่งสีแดงเลือดหมู

"เราดูเป็นยังไงบ้างพี่บัวแก้ว พอดูได้ไหม?" เจ้าน้อยเอ่ยถามไปเพราะความไม่คุ้นเคยกับเครื่องแต่งกายแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่อีกใจหนึ่งก็เริ่มสนุกขึ้นมาเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แม้ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ก็ต้องเรียนดนตรีแบบนี้สลับกันไป บางครั้งก็ไม่มีอะไรทำ ต้องไปขลุกอยู่กับพี่เลี้ยงคนสนิทในห้องเครื่อง

"ปี้ว่าเอาปิ่นเงินอันนั้นออก แล้วเอาปิ่นไม้ของปี้ใส่แทนบ่เจ้า?" บัวแก้วบอกเพราะไม่ตกแต่งอะไรเจ้าน้อยของตนก็ดูแตกต่างจากชาวบ้านอยู่แล้ว ด้วยหน้าตา ผิวพรรณ ที่ดูยังไงก็คงมิใช่ลูกชาวบ้านธรรมดาแน่ๆ จากนั้นจึงแอบออกไปทางช่องเล็กๆของรั้วพุ่มไม้หลังวัง

"เป๋นใดพ่องเจ้า? เจ้าน้อยม่วนก่อ?" บัวแก้วเอ่ยถามเจ้าน้อยเพราะยามนี้หน้าตาดูดีกว่าตอนอยู่ในวังเยอะเลย อาจเป็นเพราะได้เห็น ได้พบเจออะไรที่ไม่เคยเจอมาก่อน เลยทำให้ตื่นตาตื่นใจก็เป็นไปได้

"น่าสนุกดีนะพี่บัวแก้ว คนเยอะดี ของขายก็เยอะ ของกินก็วางเต็มไปหมด" เจ้าน้อยพูดพลางอมยิ้มบางๆให้แก่พี่เลี้ยงคนสนิท

"เจ้าน้อยอยากได้อะหยังบอกปี้บัวแก้วได้นาเจ้า สตางค์อยู่ที่ปี้บัวแก้วนี่ละ"

"เราเดินดูก่อนก็ได้ครับพี่บัวแก้ว แล้วอีกอย่างพี่บัวแก้วอย่าเรียกเราว่า เจ้าน้อยสิครับ เดี๋ยวชาวบ้านจะสงสัย เรียกว่าขวัญเฉยๆ ดีกว่า"

"แต๊ก่าเจ้า ปี้ก่อลืมไป"

"พี่บัวแก้ว นี่คืออะหยังครับดูน่ากินจัง?" เจ้าน้อยถามอย่างตื่นตาตื่นใจ เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นก็ถามไปซะหมด เป็นแบบนี้บัวแก้วค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย

"เปิ้นฮ้องว่า ข้าวต้มถั่ว กับข้าวต้มกล้วยเจ้า แป๋งจากข้าวนึ่งธรรมดาแล้วเอาไปห่อกับใบต๋อง จากนั้นก่อเอาไปต้มรอมันสุก แล้วแกะใบต๋องออก กิ๋นกับม่ะป้าวขุดเป๋นฝอยๆ (มะพร้าวขุดเป็นฝอยๆ) ใส่น้ำต๋าลลงหน่อย เจ้าน้อยลองกิ๋นก่อเจ้า? ลำนา (อร่อยนะ)"

"ลองดูก็ได้ครับ ท่าจะอร่อย" เจ้าน้อยยิ้มออกไปด้วยความสดใส พระพี่เลี้ยงเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกได้ว่าไม่เห็นเจ้าน้อยยิ้มได้แบบนี้นายแล้ว คิดถูกแล้วที่พาออกมา

"อั้นเอา 2 ห่อเจ้าแม่ค้า"

"กี่บาทเจ้า ?"

"50 ตางค์เจ้า" แม่ค้าตอบไปด้วย พลางมองหน้าเจ้าน้อยไปด้วย คงไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน

"นี่เจ้า ขอบคุณเจ้า"

"เป๋นใดพ่องเจ้าลำก่อเจ้า?"

"อร่อยดีครับพี่บัวแก้ว" เจ้าน้อยของตนน่ารักเสมอเวลายิ้มอย่างนี้ พลอยทำให้ตนยิ้มไปด้วย

"เฮาไปทางปุ้นผ่อบ่เจ้า มีขนม มีเสื้อผ้าขายตวย (เราลองไปทางโน้นดูไหมค่ะ)" เจ้าน้อยพยักหน้าตอบ พลางทานข้าวต้มมัดที่ซื้อมาไปด้วย หันมองซ้ายมองขวาดูของที่วางเรียงขายสองข้างทางไปด้วย จนพลัดหลงกับพี่เลี้ยงคนสนิทไป เพราะคนก็เยอะด้วย

"โอ๊ะ!! สุมาเตอะครับ" (ขอโทษครับ) เพราะมัวทาน มัวมองนั่นมองนี่จึงเดินชนคนอื่นเข้า

"เดินให้ดีๆ หน่อยสิครับ มัวทานไปเดินไปแบบนี้เดี๋ยวก็เดินชนคนอื่นเค้าไปทั่วหรอก" ทหารเอกเอ่ยบอกเจ้าน้อยอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้

"รู้แล้วหน่า" เจ้าน้อยขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อโดนตำหนิออกไป แต่ก็ต้องตอบออกไปอย่างเสียมิได้ เมื่อวานก็ครั้งหนึ่งแล้วที่ขายหน้าเพราะตนขี่ม้าไม่เป็น แต่ก็ยังดีกว่าคนที่แอบมองคนอื่นเค้าอาบน้ำล่ะวะ

"ออกมาเที่ยวคนเดียวแบบนี้ พี่เลี้ยงไม่ตามหาแย่หรอกหรือ?"

"เรามากับพี่เลี้ยง ไม่ได้แอบหนีออกมา ดังนั้นไม่มีใครเป็นห่วงหรอก"

"แล้วพี่เลี้ยงไปไหนแล้วล่ะ?" ทหารเอกเอ่ยถามออกไป เพราะมองไม่เห็นพี่เลี้ยงคนสนิทที่ติดตามมาเลยสักคน

"เอ่อ..คือเราพลัดหลงกับพี่เลี้ยงน่ะ เดี๋ยวก็คงเจอ เห็นว่าจะไปเดินทางโน้น"

"งั้นก็เดินให้ดีๆ ล่ะ" ใจจริงทหารหนุ่มก็อยากจะไปส่งอยู่หรอกแต่ก็คิดได้ว่า ทำไมเราต้องไปส่งล่ะ ? เค้าจะอยากให้เราไปส่งรึก็ไม่ใช่ แต่ก็ยังแอบเดินตามไปอยู่ห่างๆ

"โอ๊ะ !!!!"

"เห้อ.....เดินยังไงให้คนเค้าชนได้อีกล่ะเนี๊ยะ หลบคนบ้างสิ ตัวบางขนาดนี้เดี๋ยวก็ล้มไปหรอก ดีนะที่ยังรับไว้ทัน" เจ้าน้อยมัวตกใจ จึงไม่ได้ตอบอะไรไป แต่ที่ตกใจมากกว่านั้นคือตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมแขนของทหารเอกคนนี้อีกแล้ว นอกจากนั้นยังไม่พอ อาการหัวใจเต้นแปลกๆ ก็เกิดขึ้นอีกแล้วเป็นครั้งที่สอง รู้สึกร้อนหน้าร้อนวูบวาบ ในใจก็ร้อนวูบวาบยังไงบอกไม่ถูก

"ปล่อยได้แล้วกระมัง? คนเค้ามองใหญ่แล้ว" ฝ่ายทหารเอกก็เพิ่งรู้สึกตัวตอนที่เจ้าน้อยตอบมาเหมือนกัน อาจเป็นเพราะมัวจ้องมองหน้าหวานๆ ตาสวยๆ ขนตาเป็นแพยาวคนนี้อยู่ก็ได้ เหมือนมีมาอะไรสักอย่างที่ทำให้อยากมองอยากสัมผัสอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้รูปร่างหน้าตาสวยกว่าผู้หญิงธรรมดาซะอีก ไม่รู้ว่าหัวใจเจ้ากรรมจะเต้นเป็นระสำกับผู้ชายด้วยกันได้ด้วยเหมือนกัน พลางปล่อยมือและใช้มือเกาหัวด้วยความฉงนงง

"งั้นมานี่สิ" ทหารเอกพูดพลางจับมือเจ้าน้อยเดินออกมาจากตรงจุดนั้น

"นี่ท่านจะพาเราไปไหน? เราไม่ไป" เจ้าน้อยพยายามแกะแขนออก แต่ก็ไม่เป็นผล

"อยู่เฉยๆเถิด เดี๋ยวเราเดินไปส่ง"

"บอกดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องฉุดแขนกันขนาดนี้เลย" เจ้าน้อยพูด พลางดูแขนตัวเองในมือคนคนตรงหน้า

"ขอโทษทีที่จับแรงไปหน่อย ไม่คิดว่าจะบอกบางขนาดนี้" ฝ่ายทหารหนุ่มพูดออกมาอย่างขอโทษ แต่อีกฝ่ายคงไม่คิดเช่นนั้นนะสิ

"นี่ท่านหมายความว่าไง? ท่านว่าเราบอกบางเหมือนผู้หญิงหรอกหรือ?" เจ้าน้อยขมวดคิ้วอย่างเต็มที่กับประโยคที่ทหารหนุ่มเอ่ยออกมา พูดเหมือนกับเขาไม่ใช่ผู้ชาย แต่กลับเป็นผู้หญิงที่หน้าปกป้อง บอกบางอย่างนั้นแหละ

"ป่าวนะท่าน เรามิได้หมายความตามนั้นเลย เพียงคิดว่าผิวของท่านดูบอกบางกว่าคนปกติทั่วไปเค้าสักหน่อยเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรแอบแฝงเลยขอรับ สาบานได้" ทหารเอกพูด พลางชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วเพื่อสาบาน

"ก็ได้ แล้วเราจะไปทางไหนต่อดีล่ะ?" เจ้าน้อยเอ่ยถามเพื่อตัดปัญหา

"ไปทางโน้นทางที่ท่านว่าดู อาจจะเจอก็ได้" เจ้าน้อยพยักหน้า แล้วปล่อยให้ทหารเอกจูงมือออกไป

"ร้อนไหมหื้ม?" เจ้าน้อยพยักหน้าอีกที พลางใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ไหลตามไรผมไปด้วย ส่วนฝ่ายทหารหนุ่มก็มองตามอกัปกิริยานั้นไปด้วย เห็นหน้าที่จากขาวๆ กลายเป็นสีแดงมีเลือดฝาด หยดเหงื่อไหลลงมาตามไรผม ไหลลงมาตามโครงหน้ารูปไข่ ทำให้นึกถึงตอนที่เจอกันที่น้ำตกเมื่อวาน รูปร่างโปร่งบาง ผิวขาวเนียนละเอียด จนตอนนี้รู้สึกกระสับกระส่ายเป็นที่สุด แทนที่จะเป็นกับผู้หญิงกลับมารู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนนี้ได้ตั้งสองครั้งสองคราแล้วของวันนี้ ใช่ว่าจะไม่เข้าใจอาการแบบนี้ แต่วินาทีนี้มันน่าสับสนน้อยซะที่ไหน จะให้ยอมรับไปเลยก็คงจะยาก เพราะนับตั้งแต่โตเป็นหนุ่มมามาจนอายุ 25 ปีแล้ว ก็รู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงเท่านั้นเอง จึงรีบส่ายหัวกับความคิดของตนเอง

"นี่ท่านเป็นอะไรของท่าน อยู่ดีๆก็ส่ายหัวไปมาทำไมกัน แถมยังทำหน้าแปลกๆอีก?" เจ้าน้อยทักขึ้นอย่างสงสัย

"เอ่อ เปล่า!! งั้นเดี๋ยวเราไปซื้อน้ำมาให้นะ รออยู่ตรงนี้นะ อย่าไปเดินซนที่ไหนล่ะ!!" ทหารหนุ่มรีบบอกเพราะกลัวว่าถ้าไม่กำชับไว้ กลับมาไม่เจอร่างบางตรงหน้านี้แล้วจะเป็นเรื่องอีก

"รู้แล้วหน่า เราโตแล้วหน่า ทำอย่างกับเราเป็นเด็กไปได้" ร่างบางทำหน้างอง้ำไปเลยทีเดียว แต่อีกฝ่ายกลับเห็นว่าเป็นใบหน้าที่ดูน่ารักไม่หยอก แล้วจึงลุกเดินออกไป

"จะไปว่าไปทหารเอกคนนี้ก็เป็นดีมากกว่าที่คิดไว้เหมือนกันนะ เสียอย่างเดียวชอบแอบดูคนอื่นอาบน้ำ" เจ้าน้อยบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะค่อนขอดเรื่องเมื่อวานที่น้ำตก

"เอาน้ำตะไคร้หอม หรือน้ำมะตูมดี?"

"เอามะตูม ขอบใจนะท่าน......."

"เราลืมแนะนำตัวไป เราชื่อ "แสงเมือง"

"ท่านแสงเมือง ทหารเอกในคุ้มหลวง" จากนั้นก็ดื่มน้ำจากกระบอกที่ทำจากไม้ไผ่ตัดให้มีรูปทรงคล้ายๆแก้ว

แทนที่ทหารหนุ่มจะเอ่ยปากรับคำ กลับยิ้มกลับไปอย่างอดเอ็นดูคนตรงหน้าไม่ได้

"เจ้าน้อย!! ปี้เป๋นห่วงขนาดเลย ตวยหาจ่นปอจะทั่วกาด (ตามหาจนจะทั่วตลาด)" ฝ่ายเจ้าน้อยได้ยินคนเรียกชื่อตนเองจึงหันไปดู พบว่าเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทจึงเบาใจลง นึกว่าจะหลงกันนานกว่านี้ซะแล้ว แต่อีกฝ่ายทหารเอกกลับทำหน้าฉงนเพราะชื่อที่พี่เลี้ยงคนสนิทเรียกคนตรงหน้า

"เราไม่ได้เป็นอะไรมากพี่บัวแก้ว ปลอดภัยดี แถมยังเจอกับท่านแสงเมือง ทหารเอกในคุ้มหลวงอีกด้วย"

"ดีละเจ้า ปี้ก่อก๊านใจบ่ดี กลัวเจ้าน้อยจะหลงไปไกล สตางค์ก่อบ่ได้เอาติดตั๋ว ถ้าเจ้าป้อของพระองค์รู้จะเป๋นเรื่องเอาได้ เฮาปิกคุ้มหลวงบ่เจ้า?" เป็นอีกครั้งที่ทหารหนุ่มได้ยินสรรพนามเรียกว่าเจ้าอีกครั้ง เพราะเมื่อวานได้มีโอกาสไปส่งร่างบางตรงหน้านี้แค่ในเขตพระราชฐานเอง แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นถึงเจ้าน้อย ลูกของเจ้าเมือง แถมเมื่อวาน กับวันนี้ยังทำอะไรไปตั้งหลายอย่าง พลางคิดไปด้วย ขมวดคิ้วไปด้วย

"ขอบใจท่านแสงเมืองมากนะ ไว้คราวหน้าคงได้ตอบแทนน้ำใจ เราต้องกลับก่อนนะท่าน ไว้มีโอกาสคงได้เจอกันใหม่" ฝ่ายแสงเมืองที่ยังคงมืนงงกับคนตรงหน้าอยู่ ก็ยังคงมิได้ตอบอันใดออกไป ได้แต่ยิ้มๆให้ไปเท่านั้น
หัวข้อ: Re: ....หัวใจใฝ่รัก....
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 04-12-2014 20:36:35
ตอนที่ 3

"เป็นถึงเจ้าน้อยก็ไม่บอก? หนำซ้ำยังไปแอบดูเค้าอาบน้ำอีก ไม่โดนตัดหัวก็บุญละวะ!!!" ทหารเอกบ่นพึมพำหลังจากฝึกซ้อมดาบให้เหล่าทหารเสร็จ จากนั้นตัวเองก็ถือโอกาสซ้อมต่ออีกนิดหน่อย

"เจ้าน้อยมาตั้งแต่เมื่อใดกัน? กระหม่อมตกใจหมด" ทหารเอกมัวบ่นพึมพำใจลอยนึกถึงเห็นการเมื่อวาน จนไม่ทันได้สังเกตอีกคนที่เดินมาอยู่ใกล้ตัวแล้ว

"ท่านตกใจเป็นด้วยหรือ? เราเดินมาตามปกติ เห็นท่านซ้อมดาบให้ทหารอยู่ เลยหยุดดูได้สักครู่แล้ว"

"เจ้าน้อยทรงมีสิ่งใดให้กระหม่อมรับใช้หรือขอรับ" ทหารเอกกล่าวออกไปอย่างสุภาพ พร้อมกับย่อตัวคุกเข่าลงกับพื้นหญ้าด้วยความเคารพ เพราะคำนึงว่าคนตรงหน้านี้คือ เจ้าน้อย ลูกเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่ตนอาศัยอยู่แห่งนี้ แต่อีกฝ่าย ร่างบางถึงกลับขมวดคิ้ว เพราะปกติพระองค์ก็มิใช่คนถือเนื้อถือตัวอะไรมากนัก หนำซ้ำบรรยากาศการเจอกันครั้งนี้ดูแปลกไปจนเจ้าน้อยต้องถอนหายใจออกมาเบาๆเสียมิได้

"ไม่มีหรอกท่านแสงเมือง ท่านทำตัวตามปกติเถิด เรารู้ว่าปกติทหารอย่างท่านเป็นเช่นไร เราก็คือเรา คือคนปกติเหมือนกับท่าน ถ้าหากตัดคำว่าเจ้าน้อยออกไป เราก็คือคนๆหนึ่งเหมือนกับที่ท่านเจอเมื่อสองครั้งที่ผ่านมา เราอยากให้ท่านทำเหมือนกับตอนเจอเราก่อนหน้านี้ ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรก็ได้" นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าน้อยพูดออกไปด้วยประโยคที่ยาวที่สุดเลยก็ว่าได้

"กระหม่อมคงทำแบบนั้นมิได้หรอกขอรับ มันมิสมควร หากใครมาได้ยินเข้า มันจะไม่ดี พระองค์ทรงเป็นถึงเจ้าน้อย กระหม่อมมิบังอาจ" ทหารเอกปฏิเสธไปอย่างใจคิดเพราะนึกแล้วว่ามันเป็นการไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ที่จะทำเช่นนั้น ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ถือเนื้อถือตัวอะไรเลย แต่ตนก็ลบความเป็นเจ้าของคนตรงหน้านี้ไปไม่ได้อยู่ดี

"เอาอย่างนี้ก็แล้วกันท่านแสงเมือง เวลาอยู่กับเราสองคนท่านก็ทำตัวตามปกติ แต่หากอยู่กับคนอื่นด้วย ท่านก็จงทำอย่างที่ท่านว่าเถิด"

"จะดีหรือขอรับ?" ทหารเอกกล่าวอย่างลังเลออกไป

"อื้ม!!" เป็นอันสรุปตามนั้น

"แล้วเจ้าน้อยจะไปที่ไหนเหรอขอรับ หวังว่าวันนี้คงไม่ไปเที่ยวไหนไกลๆโดยไม่มีพระพี่เลี้ยงอีกนะขอรับ"

"ป่าวหรอก เราเพิ่งเรียนหนังสือเสร็จ เลยออกมาเดินเล่น แล้วก็เจอท่านนี่แหละ ท่านซ้อมดาบของท่านต่อเถิด เราขอดูอยู่ตรงนี้ละกัน"

"ขอรับเจ้าน้อย"

"เจ้าน้อยอยากซ้อมดาบไหมขอรับ?" ทหารหนุ่มเอ่ยถามเจ้าน้อยออกไป เพราะเห็นว่าเจ้าน้อยจ้องมองการซ้อมดาบอย่างสนพระทัย

"เราฟันดาบไม่เป็น และเจ้าพ่อก็มิทรงอนุญาติด้วย" ใบหน้าขาวที่บัดนี้ได้เผลออาการน้อยใจต่อผู้เป็นเจ้าพ่อของตนออกมา ฝ่ายทหารหนุ่มเมื่อได้ยินดังนั้นก็ทำให้แปลกใจอยู่ลึกๆ เพราะหากปกติยิ่งเป็นลูกเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินก็คงต้องร่ำเรียนวิชาการต่อสู้ไว้เพื่อป้องกันตัว เพื่อปกป้องบ้านเมืองของตนเอง แต่เจ้าน้อยกลับทรงไม่ได้รับอนุญาติให้ฝึกการต่อสู้อันใดเลย แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป เพราะตนก็พอรู้มาบ้างก่อนหน้านี้ว่าเป็นยังไง แต่ไม่เคยคาดคิดว่าเป็นร่างบางตรงหน้านี้เองที่เหล่านางกำนันเอ่ยถึงว่า เป็นลูกที่ถูกทอดทิ้งของเจ้าแมนสรวง ตั้งแต่ทรงเสียพระสนมอันเป็นที่รักไป คิดได้ดังนั้นก็รู้สึกสงสารร่างบางตรงหน้าขึ้นมาจับใจ ว่าจะทรงอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยวมากเพียงใดคุ้มหลวง ที่ถูกเรียกว่า "ตำหนักเย็น"

"หากเจ้าน้อยสนพระทัยจริงๆ กระหม่อมจะสอนให้ก็ได้นะขอรับ แต่ไม่ใช่ที่นี่" เจ้าน้อยเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

"อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิขอรับเจ้าน้อย ในเมื่อเจ้าน้อยทรงอยากเรียก แต่เจ้าพ่อมิทรงอนุญาติ เจ้าน้อยก็แอบเรียนก็ได้นิขอรับ" ทหารเอกเผลอยิ้มกับตัวเองเล็กน้อยเพราะยามนี้เจ้าน้อยทรงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจในความหมายที่ทหารเอกพูดเมื่อครู่ จึงรีบอธิบายให้เข้าใจ ช่างเป็นใบหน้าที่ดูน่ารักน่าชังในสายตาของทหารหนุ่มคนนี้มาก

"ท่านจะสอนให้เราเหรอ?" ฝ่ายเจ้าน้อยเมื่อเข้าใจแล้ว ก็รีบตอบไปอย่างใจคิด เพราะหากเป็นคนอื่นสอนเจ้าน้อยก็คงไม่อยากเรียน แต่หากเป็นท่านแสงเมืองก็คงพอจะสอนดาบให้กับคนไม่เอาไหนอย่างตนได้บ้าง เพราะนอกจากการเรียน การดนตรี และงานครัวเล็กๆน้อยๆแล้ว เจ้าน้อยก็ทรงทำอะไรไม่เป็นเลยก็ว่าได้

"ขอรับ แต่ค่าจ้างกระหม่อมคิดแพงหน่อยนะขอรับ?" เจ้าน้อยได้ยินดังนั้นก็กลับมาขมวดคิ้วอีกครั้ง เพราะคิดว่าท่านทหารเอกจะใจดีสอนให้โดยไม่จ่ายเงิน

"ล้อเล่นขอรับ ไม่ต้องขมวดคิ้วถึงขนาดนั้นก็ได้ขอรับ งั้นเชิญทางนี้เถิดขอรับ" ทหารหนุ่มก็เดินนำเจ้าน้อยมาเอาเจ้าม้าสีหมอกที่ผูกเชือกไว้กินหญ้าใกล้กับที่ซ้อมดาบเพื่อใช้เดินทางไปยังน้ำตกที่ทั้งสองเจอกันในคราแรก เพราะคิดว่ามันน่าจะปลอดภัยพอที่จะสอนดาบให้กับร่างบางตรงหน้านี้ได้ ครั้งนี้เจ้าน้อยพอรู้วิธีการขึ้นหลังม้า และคุ้นเคยกับเจ้าสีหมอกบ้างแล้ว แต่ก็ยังอดประหม่าไม่ได้เหมือนกัน เป็นเหตุให้แสงเมืองต้องจับเอวหลวมๆและพยุงขึ้ยอีกครา แต่ก็ไม่ถึงกับจับเอวแล้วยกขึ้นเหมือนคราก่อน เพราะหากเป็นเช่นนั้นเจ้าน้อยคงเขินน่าดู

"หื้อ....ยังหอมเหมือนเดิม" เมื่อเห็นเจ้าน้อยขึ้นบนหลังม้าได้แล้ว ทหารหนุ่มจึงกระโดดขึ้นมานั่งซ้อนด้านหลังแล้วบังคับม้าให้ออกเดินทาง แต่ก็ต้องเผลอหลุดปากออกมาเพราะตนรู้สึกได้ถึงกลิ่นกายของร่างบางตรงหน้านี้ได้อย่าชัดเจน หาได้เหมือนกลิ่นของผู้หญิงไม่ แต่หากเป็นกลิ่นหอมละมุนบางเบาเหมือนดอกไม้สักอย่างที่ตนเองชอบ เลยเผลอสุดดมเข้า

"ท่านว่าอะไรนะท่านแสงเมือง?" ฝ่ายเจ้าน้อยที่ได้ยินไม่ชัดจึงเอ่ยถามให้แน่ใจ

"ป่าวขอรับ"

"ถึงแล้วขอรับ เราจะเรียนดาบกันที่นี่" พอถึงยังที่หมายทหารเอกจึงบังคับให้ม้าหยุดและบอกให้เจ้าน้อยทราบว่า จะเรียนดาบกัน ณที่แห่งนี้นั่นเอง

"เจ้าน้อยกระหายน้ำหรือไม่ขอรับ หากทรงกระหาย กระหม่อมมีน้ำติดอยู่ เดี๋ยวกระหม่อมจะเอาไว้ห้อยไว้ที่ใต้ต้นไม้นั่นนะขอรับ"

"ขอบใจท่านมากท่านแสงเมือง"

"งั้นเจ้าน้อยพร้อมหรือยังขอรับ?"

"เราพร้อมละ"

"ขั้นแรกเจ้าน้อยต้องรู้ก่อนคือ ต้องเตรียมความพร้อมให้ร่างกายตนเอง ไม่ว่าจะเป็นนิ้วมือ และขอมือ แขน ไหล่ หรือแม้กระทั่งลำตัว หรือขา ต้องแข็งแรง รวดเร็ว เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายจำเป็นต้นใช้เสื้อผ้าที่รัดกุม เพราะจะทำให้กระฉับกระเฉงว่องไว" เวลาผ่านพ้นไปจนบ่ายคล้อย ทหารเอกได้สอนไปบ้างพอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป จะหักโหมมิได้ เนื่องจากด้วยร่างกายและความพร้อมของร่างบางยังมีน้อย เพราะยังเป็นวันแรกและเป็นการฝึกขั้นต้นด้วย อีกทั้งตอนนี้ร่างบางคงจะเหนื่อยพอสมควรแล้ว

"พอได้ไหมขอรับที่สอนมาเมื่อครู่?" ร่างสูงใหญ่เอ่ยถามเพราะเป็นห่วง เนื่องจากเวลานี้ร่างสูงโปร่งถึงกลับหน้าแดงไหลไหลเต็มไปหมดเลย คงจะเหนื่อยน่าดู


"พอได้อยู่" ร่างโปร่งพูดไปด้วยหอบไปด้วย พลางเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาตามโครงหน้าสวย

"น้ำไหมขอรับ?" ฝ่ายทหารเอกยืนน้ำในกระบอกให้เจ้าน้อย พลางเผลอจ้องมองใบหน้านวลเวลาดื่มน้ำแต่ละอึ๊ก พลันให้ตนเองรู้สึกหนาวๆร้อนๆ เผลอกลืนน้ำลายตามไปด้วย

"ขอบใจนะท่านแสงเมือง" ทหารเอกพลันรู้สึกตัวอีกทีเมื่อเจ้าน้อยดื่มน้ำเสร็จแล้วยื่นคืนให้ร่างสูงตรงหน้า แล้วจึงรีบยื่นมือไปรับกระบอกน้ำจากมือเจ้าน้อย แต่กลับต้องชะงักเมื่อสองมือแตะกันเบาๆ เมื่อกับว่ามีไฟฟ้าสถิต จนทำให้ทั้งสองคนผละออกจากกัน

"ขอรับ" ทหารเอกได้แต่ตอบไปเบาๆ พร้อมกับดื่มน้ำจากกระบอกที่เจ้าน้อยยื่นให้ไปด้วย ทำให้ฝ่ายเจ้าน้อยรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก

"มือเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหมขอรับ?" ฝ่ายทหารเอกเห็นมือของเจ้าน้อยที่บัดนี้มีแต่รอยแดง และถลอกจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เกรงว่ามือเล็กๆขาวๆนั้นจะเป็นแผล

"ไม่เป็นไรมากหรอกท่านแสงเมือง แผลเล็กน้อย" เจ้าน้อยพูดไปเช่นนั้นแต่กลับแสดงสีหน้าเจ็บเมื่อตัวเองขยับนิ้วมือ ยังไม่ทันที่จะได้เอามือลง ร่างสูงก็ฉวยมือมาดู พร้อมกับใช้ปากเป่าให้เบาๆ เจ้าน้อยเห็นอย่างนั้นถึงกับสะดุดหยุดหายใจ และจ้องมองกิริยาที่ชายหนุ่มทำให้

"คราวหน้าถ้าเจ็บก็บอกสิขอรับ จะได้หยุดพักก่อน หักโหมแบบนี้มันไม่ดี เกิดมือเจ็บขึ้นมา คงไม่ได้ซ้อมกันอีกหลายวัน เข้าใจไหมขอรับ?" ร่างสูงดุเบาๆ เหมือนผู้ใหญ่ดุเด็ก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ร่างบางโกรธแม้แต่น้อย กลับรู้สึกดีที่มีคนคอยเป็นห่วง


"อื้ม!! คราวหน้าเราจะบอกถ้าเราเจ็บ"

"งั้นเรากลับเลยไหมขอรับ" ตลอดทางแม้ว่าจะไม่มีเสียงใดจากทั้งคู่ แต่กลับมีเสียงหนึ่งที่ยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดีคือเสียงจากหัวใจจากคนทั้งสองจนกระทั่งถึงในเขตพระราชฐาน

"เจ้าน้อยไปตี้ไหนมาเจ้า? ปี้บัวแก้วเสาะหาจ่นปอทั่วคุ้มหลวง" เสียงของพระพี่เลี้ยงคนสนิทไตร่ถามด้วยความร้อนเนื้อร้อนใจเมื่อพบเจ้านายของตน ถึงแม้ว่าจะพอหมดห่วงได้เมื่อพบหน้าเจ้านายตน แต่ก็ยังคงอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี

"แล้วมือเป๋นหยังเจ้า ไปเยี๊ยะหยังมามือถึงแดงอย่างอี้ ? ไหนหื้อปี้ดูลอ" ยิ่งเห็นมือที่บัดนี้ทั้งบวมทั้งแดงของเจ้าน้อย บัวแก้วยิ่งเป็นห่วง พลางทั้งลูบเบาทั้งเป่าให้ราวกับเจ้าน้อยยังคงเป็นเด็กเล็กๆที่พอได้รับแผลอะไรมากก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นให้พระพี่เลี้ยงเป่าให้

"เราไปซ้อมดาบกับท่านแสงเมืองมา อย่าเป็นห่วงเลย แผลแค่นี้เอง ไกลหัวใจเยอะเลย" เจ้าน้อยตอบออกไปเพื่อให้พี่เลี้ยงคนสนิทคลายกังวล แต่ฝ่ายพี่เลี้ยงพอได้ยินดังนั่นจึงตะวัดนหน้ามองร่างสูงใหญ่ที่มาส่งเจ้าน้อยถึงในคุ้ม ด้วยความไม่พอใจ

"ปี้บอกกี่ครั้งแล้วเจ้าว่าจะไปเยี๊ยะอย่างอี้ มันอันตราย เจ้าป้อของเจ้าน้อยก่อบ่ทรงอนุญาติแล้วอย่างใดถึงอยากฝึกดาบได้ล่ะเจ้า ถ้าพระองค์รู้จะเป๋นเรื่องเอาใดนาเจ้า" พี่เลี้ยงว่าแกมประชดทหารเอกที่พาเจ้าน้อยไป หนำซ้ำยังทำให้เจ็บตัวกลับมาอีก ตั้งแต่เล็กจนโตมาตนเองก็แทบจะไม่เคยให้เจ้าน้อยต้องบาดเจ็บเลยสักครั้ง ส่วนฝ่ายทหารเอกก็ทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อถูกว่าไปแบบนั้น ทั้งรู้สึกผิด แต่อีกใจก็กลับรู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่สอนดาบให้เจ้าน้อย เพราะมิเช่นนั้นร่างบางตรงหน้านี้คงไม่ได้ทำอะไรที่ตนเองอยากทำ ไม่ได้ยินอย่างเต็มเปี่ยมขนาดนี้หรอก

"อย่าว่าท่านแสงเมืองเลยพี่บัวแก้ว เราเป็นคนอยากฝึกเอง แล้วเราก็เป็นคนบังคับให้ท่านแสงเม้องเป็นคนสอนด้วย พี่บัวแก้วก็รู้ว่าใครจะมาบังคับเราได้ ถ้าเราไม่เต็มใจ" ร่างบางเอ่ยขึ้นเพื่อปกป้องร่างสูงตรงหน้า

"แล้วถ้าเจ้าป้อรู้ขึ้นมาลอเจ้า? เจ้าเยี๊ยะใด?" พี่เลี้ยงคนสนิทถามด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้เจ้าเหนือหัวกริ้วเจ้าน้อย เพราะแค่นี้พระองค์ก็แสนจะน่าสงสารพออยู่แล้ว

"ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกพี่บัวแก้ว ไว้ใจได้ เจ้าป้อไม่รู้หรอก เพราะเราไปเรียนในที่ลับของเรากับท่านแสงเมือง ไม่มีใครรู้หรอก ถ้าพี่บัวแก้วไม่บอกเราไม่บอก ท่านแสงเมืองไม่บอก แล้วเจ้าป้อจะรู้ได้ยังไงล่ะ!!"

"เจ้า เจ้าน้อย ปี้จะบ่บอก" พระพี่เลี้ยงคนสนิทจำใจต้องยอมเพราะมันคือความต้องการของเจ้าน้อย คือความสุขของเจ้าน้อย แต่บัวแก้วก็เพิ่งสังเกตได้ว่าเจ้าน้อยที่แต่ก่อนไม่ค่อยพูดค่อยจาสักเท่าไหร่ บัดนี้กลับพูดมากขึ้น แถมยังยิ้มบ่อยมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถือว่าน้อยอยู่ดีสำหรับเจ้าน้อยของตน หวังว่าสิ่งใดที่เจ้าน้อยชอบ เจ้าน้อยอยากทำ พี่บัวแก้วก็จะไม่ขัด ขอเพียงพระองค์ทรงยิ้มและมีความสุขกับมันให้มากก็พอ
หัวข้อ: Re: ....หัวใจใฝ่รัก....
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 04-12-2014 20:37:40
ตอนที่ 4

"เจ้าน้อยอยู่นี่เอง อ้ายตามหาตั้งนาน" ผู้มาใหม่ได้เอ่ยทักเจ้าน้อยที่ออกมาเดินเล่นที่อุทยานหลวง กับพระพี่เลี้ยงหลังจากเรียนหนังสือเสร็จแล้ว

"เจ้าอ้ายมีอะไรกับน้องหรือครับ ?" (พี่ชาย ในภาษาเหนือจะเรียกว่า อ้าย) พอเห็นว่าเป็นใครเจ้าน้อยก็ตอบออกไป พร้อมกับเห็นร่างสูงของใครอีกคนที่สอนดาบเขาไว้เดินตามเจ้าอ้ายของตนมา

"พอดีอ้ายไปราชการต่างเมืองมา เลยแวะไปหาเจ้าน้อยที่คุ้ม แต่ไม่เจอ ว่าจะเอาว่าเสื้อไหมมาฝาก เห็นว่างามดี น่าจะเหมาะกับน้อง" ร่างสูงตอบมาด้วยใจอาทรต่อผู้เป็นน้องชายต่างสายเลือด ถึงแม้จะเป็นน้องชายที่เกิดต่างพระมารดา แต่ก็มีพระบิดาองค์เดียวกัน เจ้ามิ่งขวัญก็รักและหวังดีต่อน้องชายคนนี้เป็นอย่างมาก เพราะตนมีแต่น้องสาว จึงอยากได้น้องชาย ไว้เป็นเพื่อนเล่น จนในที่สุดเจ้าป้อก็บอกว่าตนเองว่ากำลังจะมีน้องชายให้ ตอนนั้นตนเองรู้สึกดีใจมาก อยากเห็นหน้าน้องเร็วๆ ไม่เคยคิดหรอกว่า น้องจะมาแย่งความรักหรือแย่งอะไรไป เจ้าน้อยเป็นน้องชายที่น่ารัก เวลาไปไหนก็จะเดินตามตนเองอยู่ตลอด เดินทันบ้างไม่ทันบ้าง เขายังจำได้ดี เสียงเล็กๆ ที่คอยเรียกตนเองอยู่เสมอว่า "เจ้าอ้าย ๆ" คิดถึงตอนเด็กๆแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนไหน ร่างบางตรงหน้านี้ก็ยังน่ารัก และน่าเอ็นดูอยู่เสมอ

"ขอบคุณครับเจ้าอ้าย" เจ้าน้อยเมื่อได้รับของฝากจากพี่ชาย ก็ยิ้มบางๆ ให้กลับคืนไป พระองค์ทรงเป็นพี่ชายที่ดีมาก หากไม่มีพระองค์ก็คงไม่มีใครมาปกป้องคนอ่อนแออย่างเขาหรอก เจ้าน้อยยังจำได้ดี ตอนเด็กๆตนเองมักจะติดตามไปนั้นมานี่กับเจ้าอ้ายอยู่เสมอ แม้ถูกแกล้งบ้าง แต่ตนเองก็ไม่เคยโกรธ เพราะอยากเล่นกับพี่ชาย บางครั้งพระองค์จะแกล้งให้วิ่งตาม จนต้องหกล้ม ร้องไห้บ้าง แต่สุดท้ายพระองค์ก็จะกลับมาพยุงให้ลุกขึ้นอยู่ดี ทั้งปัดฝุ่นปัดเศษหญ้าที่ติดตามเสื้อผ้าให้ หรือแม้กระทั่งปลอบเวลาที่ร้องไห้

"อ้ายกะแล้วว่าเจ้าน้อยจะต้องใส่ได้ แล้วก็ต้องงามมากเลย เป็นไงชอบไหม?" เจ้ามิ่งขวัญถามน้องชาย

"ชอบครับเจ้าอ้าย แต่จะซื้อมาทำไมเยอะแยะ ลำบากเปล่าๆ เสื้อผ้าน้องก็มีเยอะอยู่แล้ว" เจ้าน้อยตอบไปด้วยความเกรงใจ เพราะไปราชการทีไรไม่ได้อย่างก็สองอย่างที่เจ้าอ้ายซื้อมาฝาก ฝ่ายคนซื้อมาฝากกลับยิ้มอยู่ทุกครั้ง แต่ก็ไม่เคยฟังเลย

"อ้ายไม่ลำบากเลย อ้ายเต็มใจ เดินผ่านทีแรกเห็นเข้า เลยตัดสินใจซื้อเลย ถือว่าเอาไว้ใส่ตอนงานยี่เป็งนี่ก็ได้เจ้าน้อย"

"รับไปเตอะเจ้า เจ้าน้อย เจ้ามิ่งขวัญเปิ้นอุตส่าห์ซื้อมาฝาก เดวเปิ้นจะเสียใจ๋นาเจ้า" พระพี่เลี้ยงเห็นดังนั้นจึงช่วยพูดอีกแรง

"ขอบคุณครับเจ้าอ้าย" เจ้าน้อยกล่าวขอบคุณพี่ชายตนเองอีกครั้ง

"ไหนมาหื้อปี้บัวแก้วดูลอว่าเจ้าน้อยใส่แล้วจะเปิงเหมือนตี้เจ้ามิ่งขวัญว่าก่อ?" (ใส่แล้วจะเหมาะเหมือนที่เจ้ามิ่งขวัญว่าไหม?) บัวแก้วจัดการแกะห่อกระดาษแล้วเอาเสื้อออกมาทาบตัวเจ้าน้อยดู เป็นเสื้อพื้นเมืองแขนยาวทำจากผ้าไหมสีครีมดิ้นทองนิดๆ แต่ที่แปลกตาคงจะเป็นกระดุมที่ทำจากกะลามะพร้าวขัดเงา

"เปิงขนาดเจ้า เจ้าน้อยของปี้บัวแก้วงามขนาด" บัวแก้วอดชมเจ้านายของตนไม่ได้ นี่ขนาดแค่เอาทาบดูถ้าได้ใส่จริงๆ คงจะสวยกว่านี้

"แล้วมือนั่นไปโดนอะไรมาน่ะเจ้าน้อย ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?" ยังไม่ทันที่บ้วแก้วจะชมเจ้านายจบ เจ้ามิ่งขวัญก็เพิ่งสังเกตเห็นมือน้องชายที่แดงแล้วก็เป็นแผลอยู่ เลยไตร่ถามด้วยความเป็นห่วง

"คะ..คือน้อง......" เจ้าน้อยที่อ้ำอึ้งกับคำตอบ เพราะตกใจที่พี่ชายตนเองถามขึ้นมาดื้อๆ

"อ้อ เจ้าน้อยหกล้มวันก่อนนิดหน่อยเจ้า แต่บ่ได้เป๋นหยังนักเจ้าเจ้ามิ่งขวัญ บัวแก้วใส่ยาหื้อเรียบร้อยแล้วเจ้า" ยังไม่ทันที่เจ้าน้อยจะตอบ บัวแก้วก็ตอบขึ้นมาแทน ดีหน่อยเพราะเจ้าน้อยก็ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรไปดี ตอบไปก็กลัวเจ้าอ้ายของตนจะไม่เชื่อเสียเปล่า ยิ่งทรงจับพิรุธคนเก่งอยู่

"จริงหรอเจ้าน้อย? แล้วดีขึ้นบ้างรึยัง หรือว่ายังเจ็บอยู่?"

"ดีขึ้นแล้วครับเจ้าอ้าย แผลเล็กนิดเดียวเอง น้องไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย เจ้าอ้ายไม่ต้องเป็นห่วงครับ" เจ้าน้อยขวัญระมิงค์รีบปฏิเสธเจ้ามิ่งขวัญไป เพราะเกรงว่าหากไม่รีบจบบทสนทนานี้ ความจะแตก เดี๋ยวพระองค์จะสงสัยได้

"อื้ม งั้นก็ดีละ ดูแลตัวเองด้วยนะเจ้าน้อย รักษาสุขภาพด้วย ใกล้เข้าหน้าหนาวแล้ว"

"ครับน้องจะดูแลตัวเอง เจ้าอ้ายก็เหมือนกันนะครับ ดูแลพระองค์เองด้วยนะครับ อย่าทำงานหนักเกินไป"

"งั้นอ้ายไปละนะ วันงานยี่เป็งใส่มาหื้ออ้ายดูด้วยนะเจ้าน้อย" เจ้ามิ่งขวัญบอกก่อนยิ้มให้บางๆ และเดินออกไป พร้อมกันนั้นได้สั่งให้ทหารเอกของตนแยกไปธุระให้ตนเองได้เลย

"หันก่อเจ้าน้อย บ่น่าไปเฮียนเลยดาบเดิบอะหยังเนี๊ยะ มือก่อเจ็บ แหมเจ้ามิ่งขวัญก่อเกือบจับได้แล้วตวย" บัวแก้วถึงกับถอนหายใจ แล้วก็บ่นออกมาเสียไม่ได้

"เอาหน่าปี้บัวแก้ว เราอยากทำ เรามีครับความสุขที่ได้ทำ" เจ้าน้อยกล่าวออกไปอย่างเสียมิได้ แต่ก็เกือบลืมไปว่ายังมีร่างสูงของใครอีกคนอยู่ด้วย

"แล้วอ้ายแสงเมืองบ่ไปทำธุระหื้อเจ้ามิ่งขวัญเตื่อกาเจ้า เดวเจ้ามิ่งขวัญเปิ้นจะว่าเอานา" บัวแก้วพูดประชดแสงเมืองออกไป เพราะยังเคืองที่แสงเมืองพาเจ้าน้อยของตนไปซ้อมดาบจนมือเป็นแผล ทั้งๆที่เจ้าแมนสรวงได้ทรงห้ามไว้แล้วแท้ๆ

"เราไม่รีบปี้บัวแก้ว ยังพอมีเวลาอยู่" ฝ่ายแสงเมืองได้แต่ยิ้มมุมปากออกมาบางๆ แล้วตอบออกไปคล้ายกับว่าจะยียวนพี่เลี้ยงคนสนิทของเจ้าน้อยที่หวงเจ้านายเสียเหลือเกิน ยิ่งกว่าไข่ในหินซะอีก

"แล้วมาอยู่หยังนี่ เจ้านายตั๋วก่อไปแล้วลอ? ไปได้แล้วก่า" (แล้วมาอยู่ทำไมที่นี่ เจ้านายตัวเองก็ไปแล้วนิ ไปได้แล้วสิ)

"เรามีเรื่องจะคุยกับเจ้าน้อยก่อนแล้วค่อยไป" อ้ายแสงเมืองพูดจบก็หันหน้ามามองร่างบาง ที่บัดนี้ทำหน้างอหงิก ทีเมื่อกี้ยังยิ้มดีๆอยู่เลย ทำไมตอนนี้กลับทำหน้าแบบนี้ได้ล่ะ


"ปี้บัวแก้วไปรอที่คุ้มก่อนก็ได้ครับ" ได้ยินดังนั้นบัวแก้วจึงหันมามองหน้าทหารหนุ่มแล้วก็สะบัดหน้าหนีเดินออกไป เอาแล้วไหมล่ะ เจอแม่เสือหวงลูกเสือแล้วไหมล่ะ

"ท่านมีเรื่องอะไรคุยกับเราเหรอท่านแสงเมือง"

"เจ้าน้อยทรงโกรธกระหม่อมหรือขอรับ?"

"เราจะโกรธท่านด้วยเรื่องอะไร? ท่านไม่ได้ทำอะไรผิดนิ" เป็นครั้งแรกที่ตนเองกล่าวประชดชายหนุ่มตรงหน้านี้

"งั้นเจ้าน้อยก็หันหน้ามาคุยกับกระหม่อมดีๆสิขอรับ หันหน้าไปมองทางโน้นทำไม หรือว่ามันมีอะไรน่ามองกว่ากระหม่อม?"

"แล้วยังไง? เราจะหันหน้าไปมองใคร มองทางไหนก็เรื่องของเรา"

"หรือเป็นเพราะว่าเจ้าน้อยไม่อยากคุย ไม่อยากมองหน้ากระหม่อมแล้วขอรับ?"

"ท่านก็น่าจะรู้ดีท่านทหารเอก!!"  ขืนเรียกด้วยยศแบบนี้คงไม่โกรธก็งอนแน่ๆ

"เอาล่ะขอรับ กระหม่อมยอมรับผิดที่ไม่ได้มาตามนัด ทั้งๆที่เราคุยกันแล้ว แต่กระหม่อมมีเหตุผลนะขอรับ" แม้จะรู้ว่าแสงเมืองไปราชการต่างเมืองกับเจ้าอ้ายของตนเองมา แต่ตนเองก็อดน้อยใจไม่ได้อยู่ดี ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องรู้สึกแบบนี้

"อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิขอรับ กระหม่อมขออภัย ยกโทษให้กระหม่อมด้วยนะขอรับ ต่อไปกระหม่อมจะมาบอกก่อนถ้าติดธุระ" เจ้าน้อยรู้สึกตัวเองจะงี้เง่าเกินไป ทำตัวอย่างกับสาวน้อย แต่ก็อดแปลกใจกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเองที่แต่ก่อนไม่ค่อยแสดงความรู้สึกใดๆกับใครนัก

"อย่าเงียบสิขอรับ ไว้กระหม่อมจะชดเชยให้นะขอรับ แต่ตอนนี้กระหม่อมต้องไปทำธุระให้เจ้ามิ่งขวัญแล้ว พรุ่งนี้มารอกระหม่อมที่อุทยานเล็กหลังคุ้มนะขอรับ กระหม่อมจะพาไปหัดขี่ม้า " ถึงจะทำหน้าเรียบเฉยไปบ้าง แต่ก็อดพยักหน้าตอบตกลงไปเสียไม่ได้
หัวข้อ: Re: ....หัวใจใฝ่รัก....
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 04-12-2014 20:39:29
ตอนที่ 5

"ท่านมารอนานแล้วหรือท่านแสงเมือง" เจ้าน้อยเอ่ยถามเพราะอีกฝ่ายได้มาถึงก่อนตนเองนานแล้ว ทั้งที่ไม่ได้นัดเวลากัน แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงมาถูกเวลานะ หรือว่าคนตรงหน้ามารอเขาตั้งแต่ตอนเช้าแล้วกันแน่ เจ้าน้อยขมวดคิ้วคิดในใจ

"มาได้สักครู่แล้วขอรับ เราไปกันเลยไหมขอรับ เดี๋ยวสายกว่านี้แดดจะแรง" ฝ่ายทหารเอกตอบคำถามแล้วจึงชวนเจ้าน้อยออกเดินทาง เพราะเกรงว่าถ้าช้ากว่านี้แดดจะแรง กลัวร่างบางตรงหน้าตากแดดมากไปเดี๋ยวจะไม่สบาย ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ดี เพราะตนเองจะโดนพระพี่เลี้ยงคนสนิทงับหัวเอาได้

"อื้ม!!"

"เชิญทางนี้ขอรับเจ้าน้อย วันนี้กระหม่อมเตรียมอาหารไว้ให้พระองค์เสวยในป่าด้วยนะขอรับ แต่พระองค์จะเสวยอาหารพื้นๆได้รึเปล่าขอรับ?" ทหารเอกได้ตระเตรียมอาหารเครื่องดื่มไว้เผื่อการนี้โดยเฉพาะ กะว่าเจ้าน้อยคงจะใจอ่อนยอมยกโทษให้บ้าง"

"ไม่มีปัญหาท่านแสงเมือง เรากินง่ายอยู่ง่าย ดีซะอีกจะได้เปลี่ยนบรรยากาศ" ทหารเอกได้ยินดังนั้นจึงยิ้มออกมา คิดไม่ผิดที่อุตส่าห์ให้แม่ของตนทำไว้ให้แต่เช้าก่อนมาที่นี่

"หื้อปี้บัวแก้วไปตวยบ่เจ้า เจ้าน้อย ? จะได้ไปดูแลเจ้าน้อยตวย" บัวแก้วถามเพราะเป็นหวงเจ้านายตัวเอง แต่เหนือสิ่งอื่นใด บัวแก้วไม่อยากให้เจ้าน้อยไปกับทหารเอกคนนี้ ไม่อยากให้ทำอะไรโลดโผนแล้วเจ็บตัวอีก

"ไม่ต้องเป็นห่วงครับปี้บัวแก้ว เราดูแลตัวเองได้ แล้วอีกอย่างมีแค่ม้าตัวเดียว แล้วพี่บัวแก้วจะไปยังไง?"

"ปี้เตียวไปก่อได้เจ้า" (เตียว หมายถึง เดิน)

"มันไม่ใช่ของใกล้ๆนะพี่บัวแก้ว อีกอย่างมันเป็นป่ารกด้วย ผู้หญิงอย่างปี้บัวแก้วจะไหวเหรอ?" เจ้าน้อยพูดด้วยความเป็นห่วงพี่เลี้ยงคนสนิท เพราะรู้ว่าพี่บัวแก้วเป็นห่วงตนเองแค่ไหน

"ก่อได้เจ้า แต่เจ้าน้อยจะไปปิกค่ำนาเจ้า จะไปหักโหมฝึก ดูแลตัวเก่าแทนปี้บัวแก้วตวย ท่านแสนเมืองก่อดูแลเจ้าน้อยตวยเน้อ จะไปหื้อเจ็บตัวปิกมาเหมือนครั้งที่แล้วแหม" บัวแก้วรับค่ำเจ้าน้อย พร้อมกับกำชับทหารเอกให้ดูแลเจ้าน้อยด้วย

"ไปละนะปี้บัวแก้ว"

"ขออนุญาตินะขอรับ" ทหารเอกเอ่ยขออนุญาตเมื่อต้องใช้มือกอดเอวเจ้าน้อยไว้เพื่อไม่ให้ตก

"ทำไมครั้งที่แล้วไม่เห็นขอเลย มาตอนนี้จะขอทำไมกันเล่า?" เจ้าน้อยได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าแล้วก็บ่นออกมาเบาๆ พึมพำกับตัวเอง

"ก็ครั้งก่อนกับครั้งนี้ไม่เหมือนกันนิขอรับ หึๆๆ" เสียงตอบและเสียงหัวเราะเบาๆใกล้หูเจ้าน้อยคล้ายกับว่ากระซิบก็ไม่ใช่ คงเป็นเพราะความใกล้ของคนทั้งสองกระมั้ง

"อ่ะ!!!" ด้วยความที่เจ้าน้อยไม่คิดว่าร่างสูงจะได้ยิน เลยตกใจจนเกือบตกลงจากหลังม้า ยังดีที่ร่างสูงของทหารเอกโอบเอวไว้ได้ทัน

"นั่งดีๆสิขอรับ อย่าดิ้น เดี๋ยวพระองค์จะตก กระหม่อมจะโดนพระพี่เลี้ยงว่าเอาได้นะขอรับ ยิ่งหวงๆอยู่" ทหารเอกพูดแกมหยอกร่างบางตรงหน้า

"แล้วที่ท่านพูดหมายความว่ายังไง? อ่ะ!!!" เจ้าน้อยขมวดคิ้วเอ่ยถามทหารเอก พร้อมหันหน้าไปถามคนข้างหลัง ขณะเดียวกันทหารหนุ่มก็เอี่ยวตัวและก้มลงตอบคำถามเจ้าน้อย แต่ก็ต้องตกใจทั้งสองฝ่ายเพราะแก้มของเจ้าน้อยได้ชนกับริมฝีปากและจมูกของทหารเอกพอดี

"ไม่ใช่ความผิดกระหม่อมนะขอรับเมื่อครู่" ทหารเอกพูดแกมหยอกเจ้าน้อย ส่วนฝ่ายเจ้าน้อยได้แต่หน้าแดงไม่พูดไม่จา แม้ว่าจะเห็นจากด้านข้างเพียงเสี้ยวหน้าก็พอรู้ว่าบัดนี้เจ้าน้อยรู้สึกอย่างไร

"เมื่อกี้เจ้าน้อยถามกระหม่อมใช่ไหมขอรับว่า ครั้งก่อนกับครั้งนี้ไม่เหมือนกันยังไง??" ทหารเอกเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาเพื่อไม่ให้เจ้าน้อยเขินไปมากกว่านี้ เพราะหากทำหน้าแดงมากกว่านี้ คนร่างสูงคงอดใจไม่ได้ที่จะทำแบบเมื่อครู่อีกครา แต่คงไม่ได้เป็นแบบความบังเอิญเมื่อเมื่อกี้หรอก เพราะตอนนี้ทหารเอกเริ่มรู้ตัวเองแล้วว่าที่หัวใจเต้นแรง หรือแม้กระทั่งอาการต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อยามได้อยู่กับร่างบางตรงหน้าคืออะไร มันอาจเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันที่น้ำตกแล้วก็เป็นไปได้ แต่ใจเจ้ากรรมยังไม่อยากยอมรับความจริงก็เป็นไปได้ มาถึงตอนนี้คงต้องยอมรับแล้วล่ะหัวใจ

"ไม่ๆ เรายังไม่อยากฟังตอนนี้" ร่างบางตอบได้เพียงเท่านี้ ร่างสูงจึงได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ


"แล้วยังอยากหัดขี้ม้ากับกระหม่อมอยู่อีกไหมขอรับ?"


"อื้อ" ร่างบางตอบไปด้วยใบหน้าอันแดงก่ำ แบบนี้จะรอดเหรอเจ้าน้อยทหารเอกคิดในใจ แต่อีกใจหนึ่งก็กลับรู้สึกว่าฟ้าสูงเป็นยังไง และแผ่นดินต่ำเป็นยังไง ไม่อาจฉุดดึงร่างบางตรงหน้ามาอยู่ติดกับดินเช่นตนเองได้


"เจ้าน้อยหิวหรือยังขอรับ? " ร่างบางพยักหน้าตอบ เพราะตนเองก็เริ่มรู้สึกหิวแล้วหลังจากที่หัดขี่ม้ามาได้สักพักแล้ว อาจจะไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่นัก แต่ถ้าได้ฝึกบ่อยๆก็คงขี่ได้ดีขึ้น เจ้าน้อยคิดในใจ

"กระหม่อมว่าเราไปนั่งทานตรงใต้ต้นไม้ริมน้ำตกดีไหมขอรับ? เดี๋ยวกระหม่อมจะเอาเสื่อไปปูให้นะขอรับ"

"ท่านไม่ทานกับเราเหรอ?"

"เชิญเสวยก่อนเถิดขอรับ กระหม่อมทานทีหลังได้ขอรับ"

"รอทานทีหลังทำไม ท่านเอามาทานพร้อมกับเรานี่แหละท่านแสงเมือง เราไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง เอางี้ดีไหมให้ท่านคิดว่า ตอนนี้เราคือลูกศิษย์ท่าน แล้วท่านก็คืออาจารย์สอนฟันดาบ สอนขี่ม้าให้แก่เรา" เจ้าน้อยยิ้มออกมาเมื่อพูดจบ เป็นยิ้มที่สวยงามที่สุดเท่าที่ทหารเอกเคยเห็นเลยก็ว่าได้

"อร่อยไหมขอรับ?"

"อร่อยมาก ท่านซื้อที่ไหนมาเหรอ? เผื่อไปข้างนอกอีกเราจะได้ฝากท่านซื้อมาอีก" เจ้าน้อยเอ่ยชมกับข้าวที่กำลังเสวยอยู่ แม้ว่าจะเป็นอาหารธรรมดาแต่ก็ทำให้เจริญอาหารได้มากเลยทีเดียว

"หาซื้อไม่ได้หรอกขอรับ แม่ของกระหม่อมเป็นคนทำเองขอรับ"

"หื้ม? แม่ท่านทำอาหารเก่งจัง อร่อยมากด้วย"

"ไว้เจ้าน้อยอยากเสวยอีก กระหม่อมจะให้แม่ทำมาให้อีกขอรับ"

"ขอบคุณท่านมากนะท่านแสงเมือง" นับว่าเป็นอีกวันที่เจ้าน้อยรู้สึกมีความสุขมาก หลังจากที่เจ้าแม่ได้สิ้นพระชนม์ไป

"เสวยเสร็จแล้วลงไปล้างมือตรงทางลงตรงนั้นนะขอรับ จะได้ไม่ลื่น เดี๋ยวกระหม่อมขอตัวพาเจ้าสีหมอกไปกินน้ำก่อนนะขอรับ เดี๋ยวกระหม่อมกลับมา" แต่พอกลับมากลับพบว่าเจ้าน้อยที่ตอนนี้หลับอยู่บนเสื่อผืนนั้นไปซะแล้ว ใบหน้าขาวๆ ขนตายาวๆ นอนหลับตาอยู่ ทำให้ทหารหนุ่มถึงกับส่ายหัวยิ้มออกมาอย่างอดเอ็นดูไม่ได้ ร่างสูงเผลอจ้องมองร่างบางที่นอนไม่รู้สึกตัวจนไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดให้ร่างสูงของทหารเอกก้มลงแตะเบาๆที่ปากของร่างบาง เมื่อรู้สึกตัวก็สายไปเสียแล้วเพราะบัดนี้เจ้าน้อยได้ลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้านี้เสียแล้ว หากแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลย ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ แต่ใบหน้าของเจ้าน้อยกลับขึ้นสีคล้ายกับลูกตำลึงสุก ในอกร้อนวูบวาบ ใจเต้นแรง จากนั้นก็หลบสายตาที่อีกฝ่ายกำลังมองอยู่ ฝ่ายทหารเอกที่บัดนี้ก็รู้ไม่แตกต่างกัน


"เจ้าน้อยปิกมาแล้วกาเจ้า เป๋นไดพ่องเจ้า?" (เจ้าน้อยกลับมาแล้วเหรอค่ะ เป็นยังไงบ้างค่ะ?" พระพี่เลี้ยงเอ่ยถามหลังจากที่เจ้าน้อยเสด็จกลับมาจากการฝึกขี่ม้าในช่วงบ่ายคล้อย เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าน้อยถึงกับเบิกตาขึ้นพร้อมกับหน้าแดงพลันนึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้

"ก็ดีครับปี้บัวแก้ว ยังไม่คล่องเท่าไหร่ คงต้องฝึกอีกบ่อยๆ งั้น..เราขอตัวก่อนนะปี้บัวแก้วเราอยากอาบน้ำสักหน่อย" ขณะที่เจ้าน้อยกำลังอาบน้ำอยู่ก็พยายามไม่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองในวันนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็สลัดความคิดนี้ออกไปไม่ได้สักที พร้อมกับเผลอเอาปลายนิ้วมือแตะที่ริมฝีปากตัวเองอยู่บ่อยๆ

"ท่านแสงเมือง ท่านทำกับเราแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?"
หัวข้อ: Re: ....หัวใจใฝ่รัก....
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 04-12-2014 21:22:12
ปักหมุดตามอ่านค่ะ
ค่อยๆลงก็ได้นะ
อ่านไม่ทันจริงๆ
ขอปักไว้ก่อนนะเจ้าาา
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ....หัวใจใฝ่รัก....
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-12-2014 23:21:16
รออ่านอีก
หัวข้อ: Re: ....หัวใจใฝ่รัก....
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 05-12-2014 06:17:08
ขอบคุณครับที่ติดตาม

ถ้าอ่านแล้วงงช่วยบอกด้วยนะครับ เพราะเรื่องนี้ต้องแปลจาก "ภาษาคำเมือง" มาเป็นภาษาไทยกลาง เลยทำให้เวียนหัวนิดหน่อย >\\< ยังไงก็จะพยายามนะครับ
หัวข้อ: Re: ....หัวใจใฝ่รัก.... (นิยายกลิ่นอายความเป็นเหนือ)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-12-2014 09:42:08
ทำไมเจ้าพ่อถึงไม่ยอมให้เจ้าขวัญระมิงค์เรียนศิลปะการต่อสู้ล่ะ สงสัยจัง
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ....หัวใจใฝ่รัก.... (นิยายกลิ่นอายความเป็นเหนือ) Up. ตอนที่ 6 (5/ธันวาคม/2557)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 05-12-2014 20:41:03

ตอนที่ 6


"เจ้าน้อยขอรับ" ผู้มาใหม่เห็นร่างบางที่ตนเองไม่ได้เจอมาหลายวันแล้ว แต่ร่างบางที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนี้ไม่ได้สังเกตว่ามีใครยืนจ้องมองตนเองอยู่ เพราะมัวแต่เหม่อลอย คล้ายกับว่าทรงกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

"ทะ..ท่านแสงเมือง" เจ้าน้อยที่ยืนใจลอยอยู่ตกใจที่อยู่ๆมีคนเรียก แต่หากยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อคนที่เรียกคือคนที่ตนเองกำลังหลบหน้าอยู่ตอนนี้

"ขอรับ กระหม่อมเอง" แสงเมืองตอบรับคำเจ้าน้อยพรางมองหน้านวลที่ไม่ได้เห็นมาตั้งหลายวัน เพราะหลายวันมานี้ตนเองรู้สึกว่าร่างบางตรงหน้าคอยหลบหน้าตนเองอยู่เสมอ คิดไปต่างๆนาๆว่าเจ้าน้อยจะทรงโกรธหรือไม่ คิดไปแล้วก็น้อยใจในวาสนาตนเอง เพราะเจ้าน้อยคือผืนฟ้าที่อยู่สูงเกินเอื้อม ส่วนตัวเองก็คือผืนแผ่นดินที่อยู่ต่ำเกินไป

"หมู่นี้ไม่เห็นเจ้าน้อยออกมาซ้อมดาบหรือหัดขี่ม้าเลยนะขอรับ"

"ระ..เราไม่ค่อยว่าง ต้องเรียนหนังสือกับท่านราชครู" ร่างบางตอบไปด้วยใจสั่น ยิ่งเห็นหน้ายิ่งสับสน ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น

"ปกติเจ้าน้อยก็เรียนหนังสืออยู่แล้ว แต่ยังเสด็จออกมาเรียนดาบกับขี่ม้ากับกระหม่อมได้เลย หรือว่าพระองค์ทรงโกรธกระหม่อมเรื่องวันนั้นอยู่ขอรับ?"

"ท่าน!!!" เจ้าน้อยที่ตอนแรกยืนก้มหน้าอยู่ กลับเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเต็มตา พร้อมกันนั้นได้เผลอสบตาที่คนตรงหน้าต้องการสื่ออกมาอย่างเว้าวอน ใช่ว่าไม่คิด แต่มันเป็นไปไม่ได้ผู้ชายกับผู้ชาย

"ตอบกระหม่อมสักนิดเถิดขอรับ หากไม่กระหม่อมจะได้กลับไปอยู่ที่ของกระหม่อม จะไม่มากวนใจเจ้าน้อยอีกขอรับ กระหม่อมรู้ดีขอรับว่ามันเป็นไปไม่ได้ พระองค์คือเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ส่วนกระหม่อมคือทหารผู้ต่ำต้อย กระหม่อมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน จะหยุดก็หยุดไม่ได้" ทหารเอกยอมจำนนกับคนตรงหน้า ได้แต่จับมือร่างบางไว้แล้วคุกเข่าก้มหน้า ราวกับว่ายอมจำนนต่อโชคชะตาที่ทำให้เป็นแบบนี้

"ท่านแสงเมืองลุกขึ้นเถิด เราไม่เคยโกรธท่านเลย แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง หากท่านหรือเราเป็นหญิงก็คงจะดี ไม่ต้องคิดหนักอยู่อย่างนี้ แต่นี่เราทั้งสองเป็นผู้ชาย ท่านว่าเราควรทำเช่นไรท่านแสงเมือง เราคิด คิดมาก คิดมาตลอดตั้งแต่วันนั้น หากแต่ท่านก็ไม่พูดอะไรออกมาเลยตั้งแต่วันนั้น มาวันนี้ท่านมาบอกว่าท่านคิดเช่นไร แต่เราสองคนก็ยังคงทำอะไรไม่ได้อยู่ดีท่านเข้าใจใช่ไหมท่านแสงเมือง" เจ้าน้อยเอ่ยตอบไปด้วยใจสุดแสนจะเจ็บช้ำ ไม่เคยคิดว่าความรักที่ใครเขาพูดถึงเป็นอย่างไร แต่พอมาเจอกับตนเองถึงเพิ่งรู้ว่ามันทำให้ยิ้มได้และก็ทำให้เจ็บช้ำได้ถึงขนาดนี้

"กระหม่อมไม่ขออะไรมาก ขอเพียงแค่ได้รัก รักเจ้าน้อยอยู่อย่างนี้ " ทหารเอกเอ่ยออกไปด้วยใจปรารถนา แม้ว่าจะเป็นแค่ความหวังอันน้อยนิด

"ท่านแสงเมือง" สุดท้ายเจ้าน้อยก็ทัดทานต่อไปไม่ไหว พูดออกมาได้แค่นั้นก็พลันน้ำตาจะไหล

"อย่าทรงร้องไห้เลยขอรับ กระหม่อมมิปรารถนาเห็นเจ้าน้อยทรงร้องไห้" สองมือใหญ่ได้ประคองหน้าร่างบางตรงหน้า พร้อมกับใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ แล้วโอบกอดด้วยความรัก ทั้งรัก ทั้งอยากปกป้อง


"หากเจ้าน้อยไม่ออกมาเก็บดอกไม้ไปทำกระทง กระหม่อมคงไม่ได้เจอพระองค์หรอกใช่ไหมขอรับ?"

"เป็นเพราะท่านนั่นแหละท่านแสงเมือง ท่านทำกับเราไว้แบบนั้น แต่ก็ไม่ตอบอันใดเลย ปล่อยให้เราคิดมาก สับสนอยู่ตั้งหลายวัน" เจ้าน้อยตอบไปอย่างแสนงอน ทำให้ทหารหนุ่มเห็นแล้วยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้ ช่างเป็นกริยาที่น่ารักเสียจริง

"กระหม่อมขออภัยขอรับ ยกโทษให้กระหม่อมนะขอรับ กระหม่อมก็อยากมาเจอเจ้าน้อย แต่เพราะความต่ำต้อยของตนเองจึงไม่กล้าออกมาเจอ แต่จนแล้วจนรอดก็ทนไม่ไหว ต้องออกมารอพบเจ้าน้อยอยู่ทุกวัน แต่ก็ไม่เห็นเจ้าน้อยเลยสักวัน"


"แล้วทำไมตอนนี้ถึงกล้ามาเจอแล้วล่ะ"

"เพราะความคิดถึง อยากเจอ อยากเห็นหน้ากระมังขอรับ" ฝ่ายเจ้าน้อยได้ยินก็เหมือนกับใจเต้นแรง ทำตัวไม่ถูก ทั้งที่ตนเองเป็นฝ่ายอยากรู้เอง มันไม่ยุติธรรมเลยที่ตนเองใจเต้นแรงแทบตาย แต่อีกฝ่ายกลับยังยิ้มได้ปกติ มันน่านัก

"แล้วเจ้าไม่พูดอะไรกับกระหม่อมหน่อยหรือขอรับ?" เจ้าน้อยได้ยินดังนั้นจึงได้แต่ค้อนกลับไป

"ไม่"

"หึๆๆ" แสงเมืองอดยิ้มออกมาเบาๆไม่ได้ เพราะเจ้าน้อยทรงทำตัวน่ารักออกขนาดนี้

"หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะท่านแสงเมือง เราบอกให้หยุด"

"คืนนี้เจ้าน้อยรอกระหม่อมด้วยนะขอรับ กระหม่อมจะพาไปดูงานยี่เป็งที่นอกคุ้มหลวง" เจ้าน้อยได้แต่พยักหน้ารับคำ เพราะรู้สึกเขินไม่หายสักที ตั้งแต่เกิดมา 20 กว่าปี ก็เพิ่งมามีความรัก แล้วก็เพิ่งจะถูกสารภาพรักจากผู้ชายด้วยกันเมื่อครู่นี้เอง

"งั้นกระหม่อมขอตัวก่อนนะขอรับ เจ้าน้อยไม่ต้องทรงทำกระทงให้กระหม่อมนะขอรับ กระหม่อมอยากลอยอันเดียวกับเจ้าน้อย" เจ้าน้อยไม่คาดคิดเหมือนกันว่าความรักจะทำให้คนที่ดูดิบๆห่ามอย่างท่านแสงเมืองจะเป็นได้ถึงเพียงนี้

"เจ้าน้อยออกมาเก็บดอกตะล่อม กับดอกคำปู้จู้ตั้งเมินละ เก็บได้นักรึยังเจ้า? ถ้าบ่ฟั่งปิกไประวังแป๋งกระทงบ่เสร็จเน้อเจ้า" (เจ้าน้อยออกมาเก็บดอกบานไม่รู้โรย กับดอกดาวเรืองนานแล้ว เก็บได้เยอะรึยังเจ้า ถ้าไม่รีบกลับระวังจะทำกระทงไม่ทันเสร็จนะเจ้า) บัวแก้วเอ่ยถามเจ้าน้อยที่กำลังคุยอยู่กับแสนเมืองอยู่ในสวนดอกไม้หลังตำหนักเย็น สวนดอกไม้แห่งนี้เจ้าแม่ของเจ้าน้อยเป็นคนปลูกเองกับมือ จนตอนนี้มีแต่ดอกไม้ต้นไม้อยู่เต็มไปหมด ว่างๆเจ้าน้อยก็จะมาเดินเล่นที่นี่อยู่เสมอ เพราะมันทั้งร่มรื่นและเงียบสงบ

"เอ่อ...เก็บได้นิดหน่อยแล้วครับปี้บัวแกัว ว่าจะกลับคุ้มแล้วเหมือนกัน"

"งั้นกระหม่อมขอตัวนะขอรับ ขอตัวนะครับปี้บัวแก้ว" ทหารหนุ่มเอ่ยลาเจ้าน้อย กับพระพี่เลี้ยงคนสนิทก่อนจะยิ้มออกมาให้เจ้าน้อยบางๆที่มุมปาก ทำให้บัวแก้วรู้สึกคันหัวใจเหมือนมีใครเอาหมามุ้ยมาทา

"ท่านแสงเมืองมาอู้อะหยังกับเจ้าน้อยเจ้า หันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่" บัวแก้วเอ่ยถามเจ้าน้อยเพราะความสงสัย (ท่านสงเมืองมาคุยอะไรกับเจ้าน้อยเหรอเจ้า เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่)

"คืนนี้เราจะออกไปเที่ยวงานยี่เป็งนอกคุ้มกับท่านแสงเมือง"

"บ่ได้นาเจ้า เจ้าน้อย มันอันตราย คนก่อนัก บ่ะถบก่อนัก" (ไม่ได้นะเจ้า เจ้าน้อย มันอันตราย คนก็เยอะ ประทัดก็เยอะ) บัวแก้วเอ่ยห้ามเจ้าน้อยทันทีที่ได้ยิน เพราะเห็นว่ามันไม่ปลอดภัย

"ไม่เป็นไรหรอกปี้บัวแก้ว ท่านแสงเมืองก็อยู่" เจ้าน้อยพูดเพื่อให้พระพี่เลี้ยงคลายความกังวล

"อั้นปี้จะไปตวย จะได้ไปดูแลเจ้าน้อย"

"ถ้าปี้บัวแก้วไปแล้วถ้าเจ้าอ้ายมาหาเราแล้วไม่เจอจะทำยังไง? ถ้าปี้บัวแก้วอยู่จะได้บอกกับเจ้าอ้ายว่าเราไม่สบายนอนหลับไปแล้ว"

"อั้นเจ้าน้อยก่อบ่ต้องไปก่าเจ้า ไปกับเจ้ามิ่งขวัญดีกว่า ปี้จะได้ไปตวยแล้วก่อบ่ต้องเป๋นห่วงตวย"

"เราอยากไปลอยกระทงนอกคุ้ม อยากเห็นงานยี่เป็งนอกคุ้มบ้าง ทุกปีในคุ้มก็ไม่เห็นมีอะไรเลย นะครับปี้บัวแก้วเราจะรีบไปรีบกลับ จะดูแลตัวเอง"

"ปี้จะเยี๊ยะใดได้ล่ะเจ้า ในเมื่อเจ้าน้อยอยากไปขนาดนี่ ร้อยวันปันปี๋บ่เกยอยากไป บ่เกยอ้อนขออะหยังปี๋บัวแก้วเลย" บัวแก้วอดข่อนขอดออกไปเสียไม่ได้ (พี่จะทำยังไงได้ล่ะเจ้า ในเมื่อเจ้าน้อยอยากไปขนาดนี้ ร้อยวันพันปีก็ไม่เคยเห็นอยากไป ไม่เคยอ้อนขออะไรจากพี่เลย)

"ขอบคุณครับปี้บัวแก้ว เดี๋ยวเราซื้อขนมมาฝาก"

"บ่น้องมาอู้เอาใจ๋ปี้เลย อ้ายแสนเมืองต้องมาอู้อะหยังแน่ๆ เจ้าน้อยถึงอยากไป แม่นก่อเจ้า?" (ไม่ต้องมาพูดเอาใจพี่เลย อ้ายแสนเมืองต้องมาพูดอะไรแน่ เจ้าน้อยถึงอยากไป ใช่ไหมเจ้า?)

"ไม่มีหรอก เราก็แค่เบื่อลอยในคุ้มแล้วก็เท่านั้น"

"ก่อได้เจ้า อั้นเฮาไปแป๋งกระทงต่อบ่เจ้า เดียวปี้จ่วย" (ก็ได้เจ้า วั้นเราไปทำกระทงต่อไหมเจ้า เดี๋ยวพี่ช่วย)

"เจ้าน้อยน่าจะไปอาบน้ำแต่งตั๋วได้แล้วนาเจ้า เดียวจะบ่ตันหันขบวนแห่นางนพมาศ ใส่ชุดตี้เจ้ามิ่งขวัญซื้อมาหื้อก่อได้ งามดี" หลังจากทำกระทงมาได้สักพักใหญ่แล้วบัวแก้วก็ให้บอกให้เจ้าน้อยไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะหากไปช้าจะไม่ทันเห็นขบวนแห่นางนพมาศที่ตกแต่งอย่างปราณีต อลังการด้วยช่างฝีมือล้านนาที่เรียกว่า "สล่า"

"ป่ะเดียวปี้ไปจ่วยแต่งตัวหื้อ วันนี้คนนัก ต่างคนก็ต่างจัดแจ๋งแป๋งงามมาอวดกั๋น เพราะเมินๆจะมีเตื่อ" (เดี๋ยวพี่ไปช่วยแต่งตัวให้ วันนี้คนเยอะ ต่างคนต่างจัดแจงแต่งตัวมาอวดกัน เพราะนานๆจะมีครั้ง )

"ครับปี้บัวแก้ว"

"นั่งนี้เลยเจ้าเดียวปี้จะเกล้าผมหื้อ ผมเจ้าน้อยงามขนาด รอยาวแหมหน่อยค่อยเล็มปล๋ายผมออกเนาะเจ้า อ่ะเสร็จล่ะใส่ปิ่นปักผมหน่อยก่องามแล้วเจ้า เจ้าน้อยของปี้บัวแก้วใส่อะหยังก่อเปิงขนาด" เจ้าน้อยพลางมองตนเองในกระจกเงา ใบหน้าขาว ผมดำเงายาวไปถึงกลางหลังถูกรวบขึ้นแล้วปักด้วยปิ่นเงินที่เจ้าแม่ทรงประทานให้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ เพราะปิ่นอันนี้เจ้าน้อยเลยชอบไว้ผมยาว เพราะเมื่อใดที่ใส่ปิ่นปักผมอันนี้ก็เหมือนเจ้าแม่อยู่ด้วยเสมอ ใบหน้าหวานที่ตอนนี้ไรผมได้ตกลงมาเล็กน้อย ยิ่งทำให้เจ้าน้อยดูมีเสน่ห์ ดูอ่อนหวานยิ่งเข้ากับชุดพื้นเมืองผ้าไหมสีครีมดิ้นทอง กับกางเกงผ้าไหมสีแดงเลือดนกเข้มยิ่งทำให้ดูงดงาม

"ขอบคุณครับปี้บัวแก้ว" เจ้ายิ้มให้พี่เลี้ยงพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ พี่บัวแก้วคนนี้เป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ทั้งพ่อและแม่ของตนเลยก็ว่าได้ คอยดูแลทุกอย่างไม่ห่างกาย ตั้งแต่เด็กมาหากไม่ได้พระพี่เลี้ยงคนนี้ ตนก็คงไม่โตมาจนถึงทุกวันนี้หรอก

"เจ้าน้อยจะไปลืมตัดเล็บตัดผมใส่ลงไปในกระทงตวยนาเจ้า หื้อพระแม่คงคาเปิ้นนำเอาความทุกข์โศกโรคภัยไหลไปตวยกระทงเลย จะไปลืมอธิฐานนาเจ้า แล้วก่อดูแลตัวเก่าตวย"
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก...(นิยายกลิ่นอายความเป็นเหนือ) เจ้าน้อย + อ้ายแสงเมือง Up. ตอนที่ 7 (7/11/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 07-12-2014 08:03:37
ตอนที่ 7

"ท่านแสงเมือง" เจ้าน้อยเดินออกคุ้มมาก็พบว่าแสงเมืองมารออยู่ที่สวนหลังคุ้มแล้ว เลยเอ่ยเรียก แสงเมืองที่ยืนหันหลังให้ แสงเมืองเมื่อได้ยินสียงใสๆของเจ้าน้อยเรียกก็รีบหันมามอง แต่ก็ต้องชะงักเพราะเจ้าน้อยของตนช่างงดงามอ่อนหวานเหลือเกิน ใบหน้าหวานนวลงาม ไรผมระแก้มลงมา เกล้าผมที่ยาวสะลวยแล้วปักด้วยปิ่นเงินแกะสลักลายล้านนา

"ท่านแสงเมือง!!!" แสงเมืองมองเจ้าน้อยอยู่นาน เจ้าน้อยจึงลองเรียกดูอีกครั้ง

 "ทำไมท่านมองอย่างนั้น หรือว่ามันดูไม่ดี ?เราจะได้ไปเปลี่ยน" เจ้าน้อยเอ่ยถามเพราะเริ่มรู้สึกประหม่า

"หามิได้ขอรับ เจ้าน้อยงามมากขอรับ" ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อเมื่อได้ยินคำตอบจากร่างสูง

"งั้นไปกันเถิดขอรับ"

"เวลาอยู่ข้างนอกท่านแสงเมืองเรียกเราว่าขวัญสิ คนอื่นจะได้ไม่สงสัย เราก็จะเรียกท่านว่า อ้ายแสงเมือง"

"ได้ขอรับ" แสงเมืองตอบไป แต่เจ้าน้อยกลับขมวดคิ้ว เลยทำให้แสงเมืองต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่

"ได้จ๊ะ ก็มันไม่ชินนิขอรับ" แสงเมืองรีบแก้ เพราะมันไม่คุ้นเอาเสียเลย

"ไปกันเถอะอ้ายแสงเมือง"

"งานเค้าจัดกันที่ไหนเหรออ้ายแสงเมือง?"

"จัดแถวริมน้ำปิงน่ะ ขวัญเอากระทงมาให้อ้ายสิ เดี๋ยวอ้ายจะถือให้" อ้ายแสงเมืองเพิ่งเอ่ยชื่อเจ้าน้อยเป็นครั้งแรก ทำให้รู้สึกประดักประเด่ออย่างบอกไม่ถูก จนทำให้เจ้าน้อยหัวเราะออกมาเสียไม่ได้ ฝ่ายอ้ายแสงเมืองเห็นเจ้าน้อยหัวเราะก็อดยิ้มไม่ได้เพราะเจ้าน้อยในเวลานี้ช่างสดใส ยิ้มสวยยิ่งกว่าใคร

"อ้ายแสงเมืองก็อย่าเกรงสิ พูดปกติเหมือนที่เราเจอกันคราแรกสิ" แสนเมืองพยักหน้ารับคำ

"วันนี้คนเยอะขวัญเดินระวังบ้างนะ ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวหลงไปจะลำบาก เอ่อ..อ้ายขอจับมือได้ไหม?" แสงเมืองกลั้นใจเอ่ยขอเจ้าน้อยออกไป ขณะรอฟังคำตอบจากเจ้าน้อย มือเรียวเล็กได้ยื่นออกมาตรงหน้าให้คนร่างสูงจับ ทำให้ชายหนุ่มส่งยิ้มตาหวานกลับไปให้ไม่ลดละ

"ตาของท่านมันเจ้าชู้นักท่านแสงเมือง" เจ้าน้อยเอ่ยว่าทหารหนุ่มที่บัดนี้ขยันส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้เหลือเกิน

"กระหม่อมเปล่าเจ้าชู้นะขอรับ" อ้ายแสงเมืองรีบปฏิเสธออกมาทันควัน เพราะเกรงว่าหากไปปฏิเสธไปเจ้าน้อยก็จะเข้าใจผิด

"สายตาท่านมันฟ้อง" เจ้าน้อยว่าพลางหันหน้าหนี

"กระหม่อมไม่เคยเจ้าชู้ใส่ใครนะขอรับ สายตาของกระหม่อมถ้ามันรักมันก็บอกว่ารัก มันไม่เคยโกหกนะขอรับ" อ้ายแสงเมืองยิ่งรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเด็กหนุ่มเริ่มรัก ที่ขยันป้อขยันแซว และยิ่งได้ใจเมื่อได้เห็นเจ้าน้อยของตนเขินอาย แก้มนวลขึ้นสีระเรื่อ

"จะไปไหนก็รีบพาไปสิอ้ายแสงเมือง" เจ้าน้อยเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อนที่ตนเองจะเขินไปมากกว่านี้

"จ้าๆ" แสนเมืองรับคำแล้วจูงมือเจ้าน้อยผ่านผู้คนมากมาย หยุดดูนั่นมาบ้างนี่บ้าง มีทั้งร้านรวงของชาวบ้าน ร้านขายพลุและประทัด ร้านขายขนม ขายน้ำสมุนไพร ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะทำให้ต้องเบียดเสียดกันมากขึ้น แสงเมืองจึงปล่อยมือเจ้าน้อย แล้วเปลี่ยนมายืนซ้อนด้านหลังโอบไหล่ไว้ หากคนอื่นคงจะคิดว่าเป็นพี่น้องกันปกติ

"อ้ายแสงเมืองว่านางนพมาศคนนั้นสวยไหม?"

"คนไหน?"

"ดูมือตามมือนี่นะ" เจ้าน้องบอกพลางใช้นิ้วมือชี้ไปที่นางนพมาศที่ยืนอยู่กลางลานประกวดข้างริมน้ำปิง ส่วนฝ่ายแสงเมืองก็มองตามมือที่ชี้ออกไป แต่ไม่เห็นว่าคนไหนเลยขยับเข้ามาใกล้อีกนิดจนกลายเป็นว่าทั้งสองยืนแนบกัน ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจซึ่งกันและกัน ทำให้เจ้าน้อยที่กำลังจะบอกและชี้ให้อีกทีต้องหยุดพูดลงเพราะอีกนิดเดียวหน้าก็จะชิดกันแล้ว

"คนใส่เสื้อสีเขียวเหรอ? สู้ขวัญยังไม่ได้เลย สวยกว่าตั้งเยอะ" แสงเมืองกล่าวไปตามที่ตนเองคิด แต่กลับถูกเจ้าน้อยตีเข้าที่มืออีกข้างที่พาดอยู่บนไหล่ของเจ้าน้อยเบาๆ หลังจากนั้นเจ้าน้อยก็เดินหนีออกมาอีกทางที่คนไม่พลุกผ่านสักเท่าไหร่

"คิดจะจีบเราแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่อ้ายแสงเมือง เราไม่ใช่สาวน้อย จะมาหลงคำป้อยอของท่าน" แม้เจ้าน้อยจะพูดไปเช่นนั้นแต่ในใจกลับสั่นเป็นกลองสะบัดชัยเลยก็ว่าได้

"อ้ายพูดตามความจริงก็ผิดด้วยหรือ?" เจ้าน้อยสะบัดหน้าหนีคนตรงหน้า จนแสนเมืองถึงกลับหัวเราะออกมาเบาๆเสียไม่ได้  เพราะขนาดหินแข็งๆ ยังกร่อนได้ยามเมื่อโดนน้ำทุกวัน นับประสาอะไรกับใจคน แสงเมืองเมื่อคิดได้ดังนั้นจึงรีบเดินตามเจ้าน้อยไป

"ขวัญรออ้ายก่อน ......ป่ะ! เราไปลอยกระทงกันเถอะ" พูดจบแสงเมืองก็จูงมือเจ้าน้อยลงมาริมฝั่งน้ำปิงที่เขาสร้างท่าน้ำไว้สำหรับลอยกระทงโดยเฉพาะ

"ปี้บัวแก้วบอกให้เอาผมแล้วเอาใส่ลงไปในกระทงด้วย เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์" เจ้าน้อยบอกอ้ายแสงเมืองตามที่ปี้บัวแก้วบอกมา

"มาเดี๋ยวอ้ายดึงออกให้" หากเป็นก่อนหน้านี้แสงเมืองคงไม่กล้าทำถึงขนาดนี้ แต่หากเวลานี้ความสุขที่มีอยู่มันทำให้ลืมคำว่าฐานันดรศักดิ์ไป คิดแค่ว่าคนตรงหน้าคือขวัญ ไม่ใช่ขวัญระมิงค์เจ้าน้อยแห่งปิงนคร

"อธิษฐานก่อน" แสงเมืองเอ่ย จากนั้นทั้งสองก็อธิษฐาน แสงเมืองอธิษฐานเสร็จแล้ว แต่เจ้าน้อยยังไม่เสร็จ ร่างสูงจึงลืมตามองไปยังร่างบางที่ดูเอาจริงเอาจังกับการขอพรจากพระแม่คงคาครั้งนี้มาก พอขอพรเสร็จเจ้าน้อยก็ยิ้มให้แสงเมืองบางๆ แล้วจึงช่วยกันเอากระทงลงแม่น้ำ จากนั้นก็ผลักให้มันไหลไปตามกระแสน้ำ

"อ้ายแสงเมืองขออะไรเหรอ?"

"ขอให้รักครั้งมีสมหวัง แม้จะจะมีอุปสรรคบ้างก็ขอให้ฟันฟ่าไปได้ แล้วขวัญล่ะขออะไร?" อ้ายแสงเมืองบอกตามที่ตนเองขอ ตามที่ใจแรารถนาให้เป็น

"ขอให้ทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น ขอมันเป็นตามทางที่มันควรจะเป็น หากนั่นคือโชคชะตา" เจ้าเอ่ยบอกอ้ายแสงเมืองไปตามที่ตนอธิษฐาน เพราะตนเองไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะต้องเจออะไรบ้าง จะร้ายหรือดี แต่หากโชคชะตานำพามาให้เป็นเช่นนี้ ก็ขอให้มันเป็นไปตามทางที่มันควรจะเป็น

"อย่าคิดมากนะขอรับ กระหม่อมมิได้ปรารถนาสิ่งใด นอกเสียจากขอแค่ได้รักและขอมีเจ้าน้อยแบบนี้ตลอดไป  ไม่เคยคิดจะฉุดดึงเจ้าน้อยลงมาจากฟ้า แล้วให้มาอยู่บนดินกับกระหม่อมเลยขอรับ"  สิ้นคำพูดอ้ายแสงเมืองก็จูงมือเจ้าน้อยกลับเข้าไปในงาน


"เดินไปทางโน้นดีกว่าเนอะ ขวัญอยากกินอะไรไหม?" เจ้าน้อยพยักหน้าตอบขณะที่ตาก็มองนั่นมองนี่ มีแต่ของแปลกๆหน้าตาน่ากินทั้งนั้น

"มองเฉยแล้วมันกินได้ไหมน่ะขวัญ ป่ะไปซื้อกัน"

"แม่ค้าขนมจ๊อกนี่ขายอย่างไงครับ?" (ขนมจ๊อก คือ ขนมเทียน หรือขนมนมสาว)

"......บาทเจ้า"

"เอา 5 ห่อครับ"

"ขวัญเดี๋ยวอ้ายไปซื้อน้ำมาให้นะ ได้ขนมแล้วก็รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวอ้ายกลับมา"

"ครับ"

"โอ๊ะ!! สุมาเตอะครับ" (ขอโทษครับ) ร่างบางที่กำลังจะเดินไปรอแสงเมืองที่ใกล้ๆนี้ต้องตกใจเพราะมีคนเดินมาชนอย่างแรง

"เห้ยอะหยังวะ เดินบ่ผ่อต๋ามาต๋าเรือ หันก่อของที่ข้าซื้อมาตกหมดเลย" (เดินไม่ดูตาม้าราเรือ เห็นไหมของที่ข้าซื้อมาตกหมดเลย) ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่เป็นคนเดินมาชนเจ้าน้อยตะโกนถามเจ้าน้อยด้วยความเสียงดังและไม่พอใจ

"เราเดินดีแล้ว แต่อ้ายต่างหากที่เดินมาชนเรา" เจ้าน้อยที่ถึงแม้จะกล่าวขอโทษไปแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่พอใจ แล้วยังมาหาเรื่องตนเองอีก

"อู้อย่างอี้หมายความว่าอย่างได จะบ่รับผิดชอบแม่นก่อ?" อีกฝ่ายที่มากันสามคนได้กระชากเสียงถามขึ้นมา

"เปล่า เพียงแต่เราไม่ได้ผิด จะให้เรารับผิดชอบได้ยังไง เราเดินของเราดีๆแต่อ้ายต่างหากที่มาชนเราเอง" เจ้าน้อยถึงแม้จะกลัวอยู่มาก แต่ก็ตอบออกไปเพราะตนก็ไม่ได้ผิดจริงๆ จะให้รับผิดชอบได้ยังไง

"ปากดีอย่างอี้มันต้องโดนสั่งสอนสักหน่อย มึงเขาจัดก๋านเลย" (พวกมึงจัดการมันเลย)

"ขวัญระวัง!!" อ้ายแสงเมืองที่เพิ่งมาถึงรีบตะโกนให้เจ้าน้อยหลบ เพราะอีกฝ่ายได้ชักมีดออกมาหมายจะแทงร่างบางเสียแล้ว เจ้าน้อยตกใจลื่นล้มลงใกล้ๆ  ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ขายแถวนั้นต่างตกใจ หนีกันชุลมุน อ้ายแสงเมืองจึงรีบเตะขอมือของอีกฝ่ายออกไปจนมีดหลุดออกจากมือกระเด็ดตกไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง จากนั้นจึงเข้าถีบอันธพาลคนนั้นจนล้มไป แต่ก็ยังไม่จบสิ้นเพราะยังมีอีกสองคนที่กำลังเข้ามาล้อมแสงเมืองอยู่

"ป่ะขวัญหนีก่อน" การต่อสู้ผ่านมาสักครู่ แสงเมืองก็ต้องรีบพาเจ้าน้อยฝ่าออกมา เพราะแสงเมืองรู้สึกว่ามันแปลกๆ เหมือนคุ้นหน้าชายสามคนนี้ อีกทั้งทั้งสามคนยังมีฝีมือในการต่อสู้พอสมควร ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาก็คงจะไม่รู้จักการต่อสู้ได้ถึงขนาดนี้ แสงเมืองยังอดแปลกใจไม่หาย

"หลบตรงนี้ก่อนขอรับเจ้าน้อย" แสงเมืองพาเจ้าน้อยมาหลบอยู่หลังพุ่มไม้ไม่ไกลจากที่นั่นสักเท่าไหร่ ทั้งสองหอบเสียงดังเพราะค่อนข้างเหนื่อยจากการวิ่ง

"มันหายไปตางไดวะ? ล่นเวยอย่างกับลิง" (มันหายไปทางไหนวะ? วิ่งเร็วอย่างกับลิง) ฝ่ายอันธพาลสามคนได้วิ่งตามเจ้าน้อยและแสงเมืองมาติดๆ ถามขึ้นเพราะบัดนี้พวกมันตามหาทั้งสองไม่เจอ

"ไอ้ง่าว ฮาก่อล่นตวยคิงมาติดๆ คิงบ่ฮู้แล้วฮาจะฮู้ก่อ?" (ไอ้โง่ กูก็วิ่งตามมึงมาติดๆ  มึงไม่รู้แล้วกูจะรู้ไหม?) ยิ่งพวกมันเดินใกล้เข้ามามากขึ้นทีไร ร่างบางก็ยิ่งใจเต้นแรงเพราะความกลัว เป็นครั้งแรกที่เจ้าน้อยต้องเผชิญสถานการณ์แบบนี้ ฝ่ายแสงเมืองเห็นดังนั้นจึงดึงร่างมามากอดปลอบและโอบหลังไว้ไม่ห่าง

"แยกกันออกตวยหามันลอ ถ้าฆ่ามันบ่ได้ เฮาก่อปิกไปบ่ได้ เจ้าน้อยตั๋วน้อยเดียวคงไปบ่ได้ไกล" ทั้งสองยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่ออันธพาลสามคนนั้นรู้ว่าเขาเป็นเจ้าน้อย ร่างบางกลัวจนตัวสั่น กลัวไปต่างๆนาๆ แสนเมืองจึงโอบร่างบางของเจ้าน้อยให้ซุกอยู่กับอกของตนให้มากขึ้นไปอีก

"แต่มันยังดวงแข็ง มีคนมาจ่วยมันไว้ได้ตัน บ่อั้นเฮาก่อฆ่ามันได้ต๋ามคำสั่งล่ะก่า ป่ะแยกย้ายกั๋นหา" (แต่มันยังดวงแข็ง มีคนมาช่วยมันไว้ได้ทัน ไม่งั้นคงฆ่ามันได้ตามคำสั่งแล้ว ป่ะแยกย้ายกันหา) เจ้าน้อยที่ได้ยินดังนั้นถึงกับตกใจที่มีคนหมายจะฆ่าตนเอง ร่างบางจึงร้องไห้ออกมาเบาๆ

"อย่ากลัวไปเลยขอรับ กระหม่อมจะปกป้องเจ้าน้อยเอง เชื่อกระหม่อมนะขอรับ อย่าร้องนะขอรับ ชู่ว!! เงียบนะขอรับ" เจ้าน้อยพยักหน้าตอบแต่ก็ยังเป็นกังวลไม่หาย กลั้นสะอึกเบาๆในอ้อมอกของแสนเมือง

"หลับตาสักครู่นะขอรับ กระหม่อมรับรองว่าถ้าเจ้าน้อยลืมตามาแล้ว เจ้าน้อยจะพบกับฝันดีเหมือนเช่นเดิมขอรับ" แสงเมืองพูดปลอบใจร่างบาง

"เห้ย!! ฟื๊บ!!" เสียงของอันธพาลคนหนึ่งที่เปล่งออกมาได้ไม่ทันไร ก็ถูกแสงเมืองจัดการใช้สองมือใหญ่หักคอจนล้มลงไป เจ้าน้อยได้ยินเสียงอะไรสักอย่างล้มลงตรงหน้าตนจึงตกใจ

"หลับตาก่อนนะขอรับ อย่าลืมตา" แสงเมืองกำชับเจ้าน้อยอีกครั้งเพราะกลัวร่างบางจะตกใจจนลืมตาขึ้นมามอง แต่ก็ยังไม่พ้น เพราะเสียงเมื่อครู่ทำให้อีกสองคนที่เหลือตามมา แสงเมืองจึงต้องรีบจัดการพวกมันให้เสร็จ มิเช่นนั้นร่างบางตรงหน้าคงต้องขวัญเสียไปมากกว่านี้แน่ๆ

"เสร็จไปอีกหนึ่ง พวกเมิงกล้ามาทำแบบนี้กับคนที่กูรัก อย่าอยู่เลย!!" แสงเมืองหอบหายใจด้วยความเหนื่อย พูดออกมาด้วยเสียงเหี้ยม จนทำให้ร่างบางตกใจอีกครา แต่ก็ยังหลับตาตามที่แสงเมืองบอกอยู่ ฝ่ายอันธพาลที่เหลืออีกคนเห็นเพื่อนของมันตายอยู่ตรงหน้า จึงรีบเผ่นหนีไปก่อนที่จะถูกแสงเมืองจัดการอีกคน

"ตอนนี้เจ้าน้อยปลอดภัยแล้วนะขอรับ อย่าเพิ่งลืมตานะขอรับ ก้าวตามกระหม่อมมา" เจ้าน้อยก้าวตามแสงเมืองมาจากตรงจุดนั้น มือทั้งสองข้างที่สั่นๆกุมมือของแสงเมืองที่ปิดตาตนเองไว้แน่น

"ลืมตาได้แล้วขอรับ" เจ้าน้อยค่อยๆลืมตา พอไม่เห็นอันธพาลทั้งสามแล้วจึงกระโดดกอดแสงเมืองแล้วร้องไห้ออกมาอีกคราด้วยความโล่งใจ ฝ่ายแสงเมืองจึงกอดปลอบด้วยความรู้สึกดีใจที่ตนเองสามารถปกป้องคนสำคัญตรงหน้านี้ได้สำเร็จ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนแม้แต่ปลายก้อย กว่าเจ้าน้อยจะหยุดร้องไห้ก็ต้องใช้เวลาอยู่ในอ้อมกอดร่างสูงอีกนานพอสมควร พอรู้สึกตัวก็อีกทีก็ผละออกมาแทบไม่ทัน ใบหน้าที่มอมแมมไปด้วยคราบน้ำตาบัดนี้กลายเป็นสีแดงระเรื่อ เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองเป็นฝ่ายกระโดดเข้าไปกอดอีกฝ่ายเองแถมยังร้องไห้เสียยกใหญ่น้ำหูน้ำตาเต็มอกเสื้อร่างสูงตรงหน้าไปหมดเลย

"ขะ..ขอบคุณท่านมากท่านแสงเมือง เราเป็นหนี้ชีวิตท่านจริงๆ"

"อย่าทรงพูดอย่างนั้นเลยขอรับ มันคือหน้าของกระหม่อมอยู่แล้วที่ต้องปกป้องหัวใจของตนเอง" แสงเมืองเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มของร่างบางอีกครั้ง สายตาของแสงเมืองตอนนี้จ้องมองมายังใบหน้าขาวอย่างไม่ลดละ ร่างบางเองก็เช่นกันได้มองทุกการกระทำของแสงเมือง จนใบหน้าคมเข้มคร้ามแดดก้มลงมาจนเกือบจะชิดกัน

"หลับตานะขอรับ" แสงเมืองกระซิบบอกเจ้าน้อยเบาๆ จากนั้นจึงก้มลงจูบเบาๆที่ริมฝีปากบาง ทีแรกร่างสูงจะไม่ส่งลิ้นเข้าไปเพราะกลัวร่างบางจะตกใจ แต่จนแล้วจนรอดก็อดไม่ไหว ต้องค่อยๆส่งลิ้นออกไปเลียเบาที่ปากบางเบาๆ จากนั้นจึงค่อยๆสอดปลายลิ้นเข้าไปทีละนิด ฝ่ายเจ้าน้อยอาจตกใจในคราแรกแต่พอแสงเมืองนำพาไปพบความรู้สึกใหม่ที่อ่อนโยนและหอมหวาน จึงค่อยๆเผยอปากรับทีละนิดอย่างเผลอไผล ร่างสูงที่ตอนนี้ค่อยๆจูบร่างบางอย่างถนุถนอม เปลี่ยนมาเป็นหนักหน่วงบ้างสลับกันไป เพราะกลัวร่างบางตรงหน้าจะหายใจไม่ทัน นานนับหลายนาทีจึงหยุดลงแล้วเลื่อนมาหอมแก้มร่างบางอีกที

"หวานมากขอรับ" เจ้าน้อยได้ยินดังนั้นจึงได้แต่ก้มหน้าเขินอาย ไม่คิดว่าตนเองจะกล้าจูบกับผู้ชาย
จากนั้นแสงเมืองจึงจูงมือเจ้าน้อยออกมา

"กลับกันเถิดขอรับ เดี๋ยวปี้บัวแก้วจะเป็นห่วง ดึกแล้วด้วย" มือของร่างสูงได้กุมมือร่างบางมาจนเกือบถึงทางเข้าคุ้มหลวง ระหว่างทางแม้ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากทั้งสองคน แต่ก็มีอยู่สิ่งหนึ่งที่บัดนี้ได้เต้นแรงและรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจราวกับบอกว่า ทั้งสองได้ก้าวข้ามผ่านเส้นกั้นที่เรียกว่าประเพณีไปเสียแล้ว











หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||=นิยายกลิ่นอายความเป็นเหนือ=|| Up. ตอนที่ 7 (7/11/57)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 07-12-2014 09:45:47
 :L2:
หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||=นิยายกลิ่นอายความเป็นเหนือ=|| Up. ตอนที่ 8 (21/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 21-12-2014 15:37:28
ตอนที่ 8

"เจ้าน้อยเจ้า ตื่นรึยัง ก๊อกๆๆ เจ้าน้อย ปี้บัวแก้วขอเข้าไปเน้อ" บัวแก้วเคาะประตูเอ่ยเรียกเจ้าน้อย เพราะเห็นว่าตอนนี้ก็สายมากแล้ว แต่เจ้าน้อยก็ยังมิทรงไม่ตื่นบรรทมสักที หากเป็นปกติก็คงตื่นแต่เช้าตรู่แล้ว ทำให้พี่เลี้ยงคนสนิทอดสงสัยไม่ได้

"เจ้าน้อยบ่ตื่นเตื่อกาเจ้า ขวายละนา" (เจ้าน้อยยังไม่ตื่นเหรอเจ้า สายแล้วนะ) บัวแก้วเอ่ยถามอยู่ข้างๆเตียง แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าเจ้าน้อยจะตื่น จึงเข้าไปเขย่าแขนเจ้าน้อยดู

"ว้ายเจ้าน้อยตั๋วหยังมาฮ้อนเป๋นไฟจะอี้ ตื่นก่อนเจ้าเดียวปี้เอาผ้ามาเช็ดตั๋วหื้อ แล้วค่อยกิ๋นข้าวกิ๋นยา" (ว้าย!!เจ้าน้อยทำไมถึงตัวร้อนเป็นไฟอย่างนี้ ตื่นก่อนนะเจ้าเดี๋ยวพี่เอาผ้ามาเช็ดตัวให้ แล้วค่อยทานข้าวทานยา) บัวแก้วรีบกระวีกระวาดออกไปเอากะละมังเงินใบเล็กๆ ใส่น้ำพร้อมผ้าเพื่อจะเอามาเช็ดตัวเจ้าน้อย

"บัวคำไปแป๋งข้าวต้มอุ่นๆไว้หื้อเจ้าน้อยตวย แล้วก่อเอาฟ้าทะลายโจรต้มเข้าไปหื้อเจ้าน้อยตี้ห้องบรรทมตวยเน้อ"

"เจ้าน้อยเป๋นหยังปี้บัวแก้ว?"

"เจ้าน้อยบ่สบายเป๋นไข้ ตั๋วฮ้อนอย่างไฟ เดียวปี้จะเอาผ้าไปเช็ดตั๋วหื้อเจ้าน้อยก่อนเน้อ ตั๋วก่อขะใจ๋เอาข้าวกับยาเข้ามาหื้อเจ้าน้อยตวย" (เจ้าน้อยไม่สบายเป็นไข้ ตัวร้อนอย่างกับไฟเดี๋ยวพี่จะเอาผ้าไปเช็ดตัวให้เจ้าน้อยก่อน เองก็รีบเอาข้าวกับยามาให้เจ้าน้อยด้วยนะ)

"เจ้าน้อยเจ้า ตื่นก่อนเดียวปี้จะเช็ดตัวจะได้สร่างไข้" เจ้าน้อยลืมตาขึ้นมองพี่เลี้ยงคนสนิท แล้วก็ยกแขนขึ้นให้พี่เลี้ยงถอดเสื้อได้สะดวกขึ้น ใบหน้าขาวนวล ตอนนี้หน้าแดงเพราะพิษไข้ ปากบางแห้งซีด

"ข้าวต้มกับยามาแล้วเจ้า"

"มาก่อดีละบัวคำมาช่วยใส่เสื้อหื้อเจ้าน้อยกำลอ" บัวแก้วเอ่ยเรียกบัวคำมาช่วยใส่เสื้อให้เจ้าน้อย เพราะตนเองใส่คนเดียวคงจะไม่ไหว

"เจ้าน้อยกิ๋นข้าวต้มนาเจ้า จะได้กิ๋นยา หื้อปี้ป้อนก่อเจ้า?"

"ไม่ต้องครับปี้บัวแก้ว เดี๋ยวเราทานเองได้ พี่บัวแก้วช่วยพยุงเรานั่งก็พอ" เจ้าน้อยที่ลุกนั่งขึ้นได้แล้วก็ตักข้าวต้มทาน แต่ก็นิ่วหน้าเพราะขมปากด้วยพิษไข้ แต่ก็ทนตักอีก 4-5 คำ เพราะต้องทานยา

"กิ๋นแหมสักคำ สองคำบ่เจ้าน้อย กิ๋นน้อยเดียวเดียวบ่หายนาเจ้า" พระพี่เลี้ยงเอ่ยบอกเจ้าน้อยด้วยความเป็นห่วง

"เราทานไม่ไหวแล้วปี้บัวแก้ว มันขมปากขมคอ ทานไม่ลง" เจ้าน้อยนิ่วหน้าบอกพี่เลี้ยงคนสนิท

"ได้เจ้า อั้นก่อกิ๋นยาเนาะ จะได้หายเร็วๆ" พอได้ยินคำว่ายา เจ้าน้อยก็เบ้ปากเพราะไม่ชอบกินยาสักเท่าไหร่ หนำซ้ำฟ้าทลายโจรนี่ก็ขมเสียเหลือเกิน

"ฝืนใจ๋กิ๋นหน่อยนะเจ้า ยามันก่อต้องขมถ้าบ่ขมก่อบ่หาย" เจ้าน้อยหยิบยาในถาดที่นางกำนันเตรียมมาให้แล้วรีบดื่มมันลงไป จากนั้นก็ตามด้วยน้ำเปล่า แม้ว่าจะดื่มตามด้วยน้ำเปล่าเพื่อล้างปากแล้วแต่มันก็ยังมีรสขมติดอยู่ในปากอยู่ดี


"เจ้าน้อยเป๋นคนกิ๋นยายากมาตั้งแต่น้อย ใหญ่แล้วก่อยังกิ๋นยายากเหมือนเก่าเนอะเจ้า" บัวแก้วนึกถึงตอนเจ้าน้อยยังเป็นเด็กกว่าจะกล่อมให้ทานยาได้แต่ละครั้ง ต้องยกอุบายมาหลอกต่างๆนาๆกว่าจะยอมทาน

"อั้นก่อนอนพักผ่อนเนาะเจ้า เดียวปี้เข้ามาดูใหม่ พักผ่อนนักๆจะได้หายเวยๆ"


"เจ้าน้อยขอรับ เป็นไงบ้างขอรับ?" วันนี้ทั้งวันแสงเมืองไม่เห็นหน้าร่างบางเวลา ชะเง้อคอยหาแต่ก็ไม่เห็นสักที จนได้ยินนางกำนันพูดกันว่าเจ้าน้อยไม่สบาย แสงเมืองก็ยิ่งเป็นห่วงร่างบาง จนในที่สุดทนไม่ไหวจึงแอบมาหาเจ้าน้อยถึงในห้องบรรทม

"ท่านแสงเมืองท่านเข้ามาได้อย่างไร? ไม่กลัวถูกทหารจับได้แล้วโยนออกไปหรือ?" เจ้าน้อยลืมตาขึ้นมาเห็นว่าเป็นแสงเมืองจึงรีบถามเพราะเกรงว่าจะถูกจับได้

"ไม่กลัวขอรับ กระหม่อมคิดถึง เป็นห่วงเจ้าน้อย"

"เราไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เมื่อคืนตากน้ำค้างนิดหน่อย กลับมาก็แช่น้ำนานไปหน่อยเลยเป็นไข้"  เจ้าน้อยหวนคิด เมื่อคืนหลังจากกลับมาถึงคุ้ม ตนก็บอกปี้บัวแก้วให้เข้านอนได้เลย จากนั้นตนเองก็อาบน้ำอยู่นาน มัวแต่คิดถึงเหตุการณ์ทั้งร้ายและดีปะปนกันไปมาในสมองอยู่ตลอด เฝ้าคิดว่าใครกันนะที่หมายปองเอาชีวิตตนเอง แต่ก็ยังคิดไม่ออกเพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยคิดร้ายต่อใครเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่อีกห้วงหนึ่งของความคิดกลับมีแต่ความหวานละมุนอบอุ่นอยู่ในหัวใจ เพราะใครอีกคนที่ช่วยชีวิตตนเองไว้ เจ้าน้อยทอดถอนหายใจออกมา แล้วจึงได้ออกมาแต่งตัวเข้านอน คงเป็นเพราะอาบน้ำนานกระมังถึงทำให้เป็นไข้

"ขอกระหม่อมขอจับดูได้ไหมขอรับว่าตัวร้อนอยู่รึเปล่า?"

"อื้อ"

"ตัวยังร้อนอยู่นะขอรับ เจ้าน้อยต้องรักษาพระองค์ให้ดีนะขอรับ กระหม่อมเป็นห่วง" แสงเมืองกล่าวไปเพราะใจที่สุดแสนเป็นห่วงคนตรงหน้า แค่อาบน้ำดึกนิดเดียวก็ไม่สบายแล้ว ฝ่ายร่างบางได้แต่พยักหน้ารับคำ

"นอนนะขอรับ เดี๋ยวกระหม่อมจะเฝ้าจนกว่าเจ้าน้อยจะหลับ ไว้พรุ่งนี้กระหม่อมจะมาเยี่ยมเจ้าน้อยใหม่"


>>>>>>>>>>>>

"ผ่านมาสองสามวันแล้ว เจ้าน้อยยังบ่หายสักเตื่อ เดียวไข้ก่อขึ้น เดียวไข้ก็ลด ปี้ว่าท่าจะบ่ดีละก้าหา" บัวแก้วพูดเปรยกับบัวคำนางกำนันในคุ้มเพราะอาการเจ้าน้อยยังไม่ค่อยดีขึ้นสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะเจ้าน้อยทานข้าวน้อย แล้วก็ทานยาทีไรก็อาเจียนออกมาทุกที

"เปิ้นว่าลองไปถามโหรหลวงผ่อบ่ปี้บัวแก้ว? เผื่อเจ้าน้อยไปเยี๊ยะขวัญตกไว้ตี้ใดบ่ฮู้" (ลองไปถามโหรหลวงดีไหมพี่บัวแก้วเผื่อเจ้าน้อยทำขวัญตกไว้ที่ไหนไม่รู้) บัวคำพูดขึ้นมา เพราะทางล้านนามักจะมีความเชื่อเรื่องภูติผี ไสยศาสตร์อยู่พอสมควร เชื่อกันว่าบางทีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยที่เกิดขึ้น อาจจะเกิดจากภูติผี หรือสัมภเวสีก็เป็นไปได้ ส่วนขวัญคือจิตที่สามารถแบ่งแยกออกเป็น 32 จิต และเมื่อตกใจก็อาจทำให้จิตของตนหล่นหายไปได้ บางครั้งจึงต้องมีการเรียกขวัญกลับมาเมื่อตกใจ เช่น ขวัญเอ่ยขวัญมา ขวัญหรือจิตนี้เมื่อตายแล้วมาสามารถไปเกิดได้เป็น 32 ที่หรือ 32 คน

"เอ่อแต๊ ตั๋วลองไปถามผ่อลอบัวคำ หื้อท่านโหรหลวงเปิ้นมาดูเจ้าน้อยกำลอ" (เอ่อจริง ลองไปถามดูหน่อยสิบัวคำ ให้ท่านโหรหลวงเค้ามาดูเจ้าน้อยหน่อย)

"ได้เจ้า" บัวคำรีบเดินออกไปตามโหรหลวงมาดูอาการเจ้าน้อยทันทีหลังจากตกลงกับพระพี่เลี้ยงคนสนิทของเจ้าน้อยแล้ว

"มาแล้วเจ้าปี้บัวแก้ว ท่านโหรหลวงมาแล้ว"

"ท่านโหรหลวงเจ้า เจ้าน้อยบ่สบายมาได้สองสามวันแล้ว กิ๋นยาเท่าใดก่อยังบ่หายสักเตื่อ ร่างกายก่อบ่แข็งแรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ท่านโหรช่วยดูหื้อกำลอเจ้า"

"เจ้าน้อยเกิดวันอะหยัง วันที่อะหยัง เดือนอะหยัง ปีหยังบอกว่าหื้อครบลอ?" โหรหลวงที่มาใหม่ไตร่ถามวันเดือนปีเกิดเจ้าน้อยจากพระพี่เลี้ยงคนสนิทเพื่อใช้ในการทำนาย พร้อมใช้ดินสอขีดๆเขียนๆอะไรสักอย่างลงบนแผ่นกระดานดำ หลังจากบัวแก้วบอกวันเดือนปีเกิดเจ้าน้อยไป


"ดวงชะตาเจ้าน้อยเราได้บอกกับเจ้าแมนสรวงไปตั้งแต่เจ้าน้อยประสูติแล้วว่า ดวงชะตาอาภัพพระมารดา ครั้นเติบใหญ่จะพาลพบเรื่องราวร้ายๆ อันเกิดจากความริษยาและราชบัลลังก์ แต่ในความโชคร้ายก็มีโชคดี  จะทำให้พาลพบคู่บุญแต่ก่อนเก่าที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูล อื้ม..ดวงเจ้าน้อยประหลาดนัก เราขอบอกกับเจ้าน้อยเองได้ไหม ?" ท่านโหรหลวงลูบหนวดยาวๆของตัวเองไปมาพร้อมคุ่นคิดอะไรอย่างอยู่สักพัก ก่อนเอ่ยถามพระพี่เลี้ยง

"ได้เจ้า เดียวข้าเจ้าไปเรียนเจ้าน้อยหื้อเจ้า เผื่อว่าเจ้าน้อยจะทรงบรรทมอยู่"

"เจ้าน้อยเจ้า ท่านโหรหลวงมาขอเข้าเฝ้าเจ้า"

"ท่านโหรหลวงมาขอพบเราด้วยเหตุอันใดกัน?" เจ้าน้อยที่ยังมิทรงหายประชวรไตร่ถามด้วยเสียงแหบแห้ง

"คือปี้กับบัวคำหันว่าเจ้าน้อยบ่สบายหลายวัน บ่หายสักที ปี้กลัวว่าผีมันจะเยี๊ยะหื้อ เลยหื้อท่านโหรหลวงมารักษาหื้อเจ้า แล้วเปิ้นบอกว่าขอบอกกับเจ้าน้อยเอง" (พี่กับบัวคำเห็นว่าเจ้าน้อยไม่สบายอยู่หลายวัน ไม่หายสักที พี่กลัวว่าผีมันจะทำร้ายเจ้าน้อย เลยให้ท่านโหรหลวงมารักษาให้เจ้าน้อยเจ้าแล้วท่านโหรหลวงก็บอกว่าอยากเรียนกับเจ้าน้อยเองเจ้า)

"เราเป็นไข้หวัดเองปี้บัวแก้ว ไม่กี่วันก็หาย ไม่เห็นต้องไห้ท่านโหรหลวงมาดูเลย"

"หื้อเข้ามาดูสักหน่อยนะเจ้า ปี้เป๋นห่วงแต๊ๆ นะเจ้าเจ้าน้อย" (ให้ท่านโหรหลวงมาดูสักนิดนะเจ้า พี่เป็นหางจริงๆ)

"ตกลงครับ งั้นให้ท่านโหรเข้ามาก็ได้ครับ"

"ไม่ต้องมากพิธีหรอกท่านโหรหลวงมีอันใดก็ว่ามาเถิด"

"เรียนเจ้าน้อย ก่อนกระหม่อมบอกสิ่งเหล่านี้ให้กับเจ้าน้อย กระหม่อมขอถามวันเวลาตกฟากของเจ้าน้อยเพื่อความแน่ชัดก่อนได้ไหมขอรับ?" หลังจากนั้นโหรหลวงก็ลบสิ่งที่เขียนลงบนกระดานนั้นใหม่หมด แล้วจึงไตรถามเจ้าน้อยเพื่อความแน่ชัดอีกครั้ง

"ได้สิ เราเกิดวันจันทร์ ที่ 22 เดือนอ้าย ปีมะเส็ง" หลังจากนั้นท่านโหรหลวงจึงได้ขีดๆเขียนๆลงบนแผ่นกระดานดำนั้นอีกครั้ง แต่ก็ต้องขมวดคิ้วไปกว่าเดิม

"เจ้าน้อยจะให้พระพี่เลี้ยงอยู่ฟังด้วยหรือขอรับ? เพราะเรื่องนี้อาจฟังดูแปลกประหลาด" ท่านโหรหลวงเอ่ยถามเจ้าน้อย

"เราไม่มีอะไรปิดบังพี่บัวแก้วหรอกท่านโหรหลวง ว่าอย่างใดท่านบอกมาได้เลย" เจ้าน้อยที่เห็นท่านโหรหลวงขมวดคิ้วจนเป็นปมแล้วยิ่งทำให้ใคร่รู้ยิ่งนัก

"ดวงชะตาเจ้าน้อยช่วงนี้จะเจอแต่เรื่องร้าย ๆ ต้องตกระกำลำบาก พลัดพรากจากที่อยู่ แต่ยังดีที่มีคู่บุญมาคอยหนุนนำช่วยเหลือ แต่ดวงชะตานำพาแสนแปลก คู่บุญของนั้นหนาเป็นเพศเดียวกันขอรับ" เจ้าน้อยแปลกใจอยู่เหมือนกันที่ท่านโหรหลวงบอก เพราะตนเองเพิ่งเจอเรื่องราวร้ายๆมาไม่กี่วันนี้เอง แต่ที่แปลกใจที่สุดคงเป็นเรื่องคู่บุญของตนเป็นบุรุษเพศ

"บ่ใช่แล้วก้าท่านโหรหลวง ดูใหม่ได้ก่อเจ้า?" บัวแก้วถามออกไปด้วยความเป็นห่วง คิดว่ามันอาจมีอะไรผิดพลาดสักอย่างเกิดขึ้นก็ได้

"เราดูมาสองครั้งแล้วพระพี่เลี้ยง แล้วมันก็เป็นดังเช่นเดิม เราก็ตกใจอยู่พอสมควร แต่หากมันคือดวงชะตาเจ้าน้อยก็คงมิสามารถหลีกเลี่ยงมันได้หรอก"
   
"แล้วมีทางช่วยผ่อนหนักหื้อเป็นเบาก่อเจ้า?"

"ให้ทำสะตวงแล้วเอาไปไว้ที่ทางสามแพร่ง เดี๋ยวเราจะทำให้เจ้าน้อยเอง แม่บัวแก้วไม่ต้องเป็นห่วง" สะตวงคือเครื่องทำพิธีทางไสยศาสตร์ ทำกาบกล้วยมาหักเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ใช้ไม้เสียบด้านบนด้านล่าง แล้วใช้ใบตองปูรองพื้น นำข้าวกับพริก เกลือ วางไว้ตามมุมทั้ง ๔ ของสะตวง บางทีก็ใช้ดินเหนียวปั้นเป็นรูปคนใส่ไปในสะตวงด้วย แล้วนำสะตวงวางไว้ที่ปลายเท้าของผู้ป่วย นำมีดวนไปวนมาที่ผู้ป่วย แล้วกล่าวคำเกี่ยวกับการส่งข้าวให้ผี จากนั้น ก็นำสะตวงดังกล่าวไปวางไว้ตามทางแยกหรือตามทิศที่ผู้ทำนายแนะนำไว้

"แล้วต้องเตรียมอะหยังพ่องเจ้า?"

"เตรียมกาบกล้วย ไม้ไผ่ที่ทำเป็นไม้เสียบฐาน ข้าว พริก เกลือ หมาก พลู เมี่ยง อาหารคาว หวานอย่างละนิดหน่อย กล้วย อ้อย เทียน ......"

"ขอบคุณเจ้าท่านโหรหลวง เดียวข้าเจ้าจะไปเตรียมแล้วหื้อบัวคำเอาไปหื้อที่บ้านเน้อเจ้า"

"เจ้าน้อยอย่าเพิ่งกังวลเรื่องที่มันยังไม่เกิดขึ้นเลยนะขอรับ ปล่อยมันไปตามทางของมัน แม้บางครั้งมันหนักหนา ก็ขอให้เจ้าน้อยจงอดทนไว้นะขอรับ ปลายทางของมันจะทำให้เจ้าน้อยมีความสุขแต่ก็อาจจะพบกับความทุกข์ ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เจ้าน้อยเลือก เมื่อถึงทางแยกเจ้าน้อยอาจจะต้องเลือก แม้นว่ามันจะเป็นทางที่ไม่เหมือนผู้อื่น และมากด้วยขวากหนาม กระหม่อมขอให้เจ้าน้อยทรงมีสติ คิดและไตร่ตรองให้ดีนะขอรับ จำคำกระหม่อมไว้นะขอรับ"

"ปี้บัวแก้วไปส่งท่านโหรหลวงด้วยนะครับ เดี๋ยวเราจะนอนต่อสักหน่อย ค่อยมาปลุกตอนเย็นนะ"

"เดียวปี้ไปส่งท่านโหรหลวงหื้อเจ้า แต่เจ้าน้อยบ่ดีนอนจนถึงค่ำมาเจ้า เปื้นว่าบ่ดี ตะวันจะตกมาทับ จนเจ็บไข้ได้ป่วย เดียวจะบ่หายกันไปกั๋นใหญ่"
หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||=นิยายวายกลิ่นอายความเป็นเหนือ=|| อัพจ้า ตอนที่ 9 (22/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 22-12-2014 14:58:27
ตอนที่ 9

"กะรับ ๆ ๆ" เสียงม้าวิ่งผ่านป่า ลัดเลาะจนมาถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง ทั้งสองคนกระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว จับมือกันอย่างเหนียวแน่น คล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครพรากคนตรงหน้านี้ไป แม้ว่าเบื้องหลังจะมีเพียงหน้าผาอันสูงชัน ทั้งสองสบตากันด้วยความจำนนต่อฟ้าดิน จำนนต่อโชคชะตา

"เจ้าน้อยขอรับ ชาตินี้กระหม่อมคงทำบุญมาด้วยกันแค่นี้ หากชาติหน้ามีจริง กระหม่อมขอเกิดมาเป็นคู่รักกับเจ้าน้อย เราสองจะได้อยู่ด้วยกันไปตลอด ขออย่าได้มีอุปสรรคใดๆมาขวางกั้นความรักสองเราอีกเลยนะขอรับ"

"ฟ้าดินเป็นพยานหากชาตินี้นั้นไซร้  ไม่ได้เกิดมาครองคู่กัน ก็จะขอตายตกตามกันไปยังชาติหน้า ขอให้ฟ้าดินจงเห็นใจเราสอง ให้ได้ครองคู่อย่างชู้ชื่น อย่าได้ขมขื่นเพราะรักถูกขัดขวางอีกเลย" เจ้าน้อยกล่าวออกมาทั้งน้ำตาที่รินไหล สุดขมขื่น สุดระทม

"กระหม่อมต่ำต้อยนัก แต่กระหม่อมก็อยากจะขอรักเจ้าน้อยแบบนี้ตลอดไป จะกี่ร้อยชาติ พันชาติ กระหม่อมก็จะขอเกิดมาเพื่อนรักเจ้าน้อย รอที่เราจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งนะขอรับ กระหม่อมขอสัญญาว่าจะขอรักและรอเจ้าน้อยคนเดียว รอกระหม่อมด้วยนะขอรับ" แสงเมืองพูดพลางจูบซับน้ำตาเจ้าน้อยเอาไว้ ตระกองกอดเจ้าน้อยเอาไว้จนได้ยินเสียงม้าควบตามมา

"เราก็รักท่านนะ อ้ายแสงเมือง อึ๊กๆ เราก็ขอสัญญา..ฮึก...แม้นว่าจะกี่ร้อยปี หมื่นปี โกฏิปี ฮึกๆ..หรืออสงไขยปี เราก็จะขอรักท่าน รอท่านแต่เพียงผู้เดียว" เจ้าน้อยแกะผ้ามัดเอวออกมามัดข้อมือของตนเองและแสงเมืองเอาไว้อย่างแน่นหนา

"ขอให้ผ้าผืนนี้เป็นดังสายใยที่คอยผูกมัดเราสอง ขอให้เป็นดั่งพันธนาการที่ผูกมัดสองดวงใจไว้ด้วยกัน อย่าได้มีสิ่งใดมาพรากเราออกจากกันอีกเลย" คำพูดที่บัดนี้แทบจะไม่เป็นคำ มีแต่เสียงสะอื้น แต่กระนั้นก็ยังสามารถเข้าใจได้ว่าเจ้าน้อยตัดสินใจทำเช่นใด

"กะรับๆ ๆ" เสียงม้าของทหารในคุ้มหลวงกำลังตามมาใกล้จะถึงแล้ว

======================

"ไม่ ไม่นะ ไม่ หื้อๆๆ ๆๆ เหือก!!" เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายอันแสนเศร้า แสนทรมานด้วยใจที่ปวดร้าว เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น คล้ายกับว่าจะสิ้นใจ ต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะหยุดลงได้

"มะยมลูก เป็นยังไงบ้าง? โอ๋ๆ หลานยาย อย่าร้อง นิ่งซะนะ" ยายช้อยปลอบหลานชายด้วยใจอาดูร เพราะมีกันอยู่แค่สองยายหลาน พ่อแม่ของมะยมหลานรักก็ตายจากไปด้วยอุบัติเหตุต้องแต่ยังเด็ก

"ยายจ๋ามะยมฝันถึงพวกเค้าอีกแล้ว มันทรมานมากครับยาย ฮึกๆๆ ในฝันมีแต่ภาพลางๆ ไม่รู้ว่าเป็นใคร ฮึก... แต่ทำไมมะยมถึงได้รู้สึกดีกับพวกเค้าเหลือเกิน ฮึกๆ..รู้สึกเสียใจไปกับพวกเค้าด้วย" มะยมฝันถึงภาพเหตุการณ์เหล่านั้นตั้งแต่จบมอปลาย ก้าวเข้าสู่มหาลัยมา แม้ตอนนี้จะชินไปบ้างแล้ว แม้บ้างคืนจะไม่ฝันถึงแล้ว แต่บางคืนก็กลับฝันถึงสองคนนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เด็กหนุ่มก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงฝันเห็นแต่ภาพเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอด

"หลับซะนะมะยมหลานรักของยาย ยายอยู่นี่แล้ว อยู่ข้างหนู"

"ขอบคุณครับยาย มะยมรักยายนะ" เด็กหนุ่มกอดยายผู้เป็นที่พึ่งสุดท้ายที่ตนมี

"ยายก็รักหนูนะ ลองไหว้พระก่อนนอนดูไหม เผื่อจะทำให้รู้สึกดีขึ้น"

"จ๊ะยาย" ปกติมะยมเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดอะไรมาก แต่นับจากฝันประหลาดนี้ ก็เลยทำให้เด็กหนุ่มต้องนอนฝันร้ายร้องไห้ และต้องย้ายมานอนกับผู้เป็นยาย

"หลับตาซะหลานยาย ฝันร้ายจะกลายเป็นดี พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปใส่บาตรกับยายแต่เช้า" ผู้เป็นยายลูบหัวหลานรักด้วยความรัก


=======================

"ยายตื่นนานแล้วเหรอจ๊ะ? เดี๋ยวมะยมล้างหน้าเสร็จแล้วจะมาช่วยยายเตรียมของใส่บาตรนะจ๊ะ" มะยมเป็นเด็กน่ารัก อ่อนโยน มีน้ำใจกับคนรอบข้าง ใครเห็นก็รักและเอ็นดู ยายช้อยจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า หากไม่มีตนแล้ว หลานคนนี้จะอยู่ได้ยังไง

"ยายจ๋า งั้นมะยมพับกลีบดอกบัวนี้ให้นะจ๊ะ ช่วยกันทำจะได้เสร็จเร็วๆ" มะยมยิ้มให้ผู้เป็นยาย ปากก็พูดนั่นพูดนี่ไปเรื่อยๆ แจ้วๆ คล้ายกลับว่าไม่ได้กังวลอะไรกับฝันเมื่อคืน

"วันนี้ยายทำแกงอะไรถวายพระเหรอจ๊ะ? หอมเชียวให้ทายคงเป็น มัสมั่นไก่ใช่ไหมจ๊ะยาย?"

"ใช่จ๊ะลูก เดี๋ยวหนูเอาถุงมาใส่ให้ยายหน่อยนะลูก ยายจะไปเตรียมบัวลอยสักหน่อย"

"จ๊ะยาย แต่ละอย่างหอม แล้วก็น่าทานทั้งนั้นเลยนะจ๊ะ ยายของหนูทำกับข้าวอร่อยที่สุด" ยายช้อยทำข้าวแกงขาย เป็นร้านมุงจากเล็กๆ อยู่หน้าบ้าน ทำแบบนี้มาตั้งแต่มะยมเด็กๆแล้ว ถือว่าเป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวเองและหลานคนนี้จนโตมาจนถึงตอนนี้ ส่วนเรื่องเรียนมะยมเป็นเด็กหัวดี เรียนเก่ง ขยัน จึงมักได้ทุนเรียนดีบ้าง กู้ยืมเงินเรียนบ้างตั้งแต่มอสี่ จนถึงมหาลัยก็ยังกู้ต่อเนื่อง จึงไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องเงินค่าเล่าเรียน ส่วนเงินใช้จ่ายรายวัน หรือซื้อของใช้ส่วนตัว เจ้าตัวก็จะหาเอง ด้วยการรับจ้างทำรายงานบ้าง แปลงานภาษาอังกฤษบ้างแล้วแต่สะดวก

"เสร็จแล้วจ๊ะยาย แค่นี้ก็พอแล้วมั้งจะยาย พระบ้านเราก็มีแค่ 5 รูปรวมกับสามเณรเองนิจ๊ะ"

"หนูทำเพิ่มอีกชุดหนึ่งนะลูก เห็นชาวบ้านเค้าบอกว่ามีพระธุดงค์ท่านปักกลดอยู่ในป่าท้ายวัดโน้นอีกองค์ ยายว่าจะเอาอาหารไปถวายท่านสักหน่อย หนูก็ไปด้วยกันนะลูก"

"จ๊ะยาย หนูชอบทำบุญ ถึงเราไม่รวย เราก็ให้คนที่เค้าลำบากตามที่เรามีเนอะยาย"

"ใช่จ๊ะหลานยาย เราไม่จำเป็นต้องดิ้นรนให้มันเกินกำลัง เราสามารถมีความสุขได้จากสิ่งที่เรามี พอใจในสิ่งที่เรามี แค่เดินตามพระราชดำรัสของในหลวงท่าน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงแบบนี้เราก็อยู่ได้โดยไม่เดือดร้อนตนเองแล้ว"

"จ๊ะยาย ยายของหนูเก่งที่สุดเลยจ๊ะ น่ารักที่สุด ฟ๊อด" มะยมกอดและหอมยายแบบนี้ทุกวัน รักผู้มีพระคุณที่คอยเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่ยังเด็ก

"ป่ะ ไปกันได้แล้วเดี๋ยวจะไม่ทันพระมาบิณฑบาต"

"นิมนต์เจ้าค่ะหลวงตา" สองมือเล็ก ค่อยๆบรรจงหยิบอาหาร ของหวาน ดอกไม้ ใส่ในบาตร

"อะภิวาทะนะสีลิสสะ   นิจจัง   วุฒาปะจายิโน,
จัตตาโร   ธัมมาวัฑฒันติ  อายุ   วัณโณ   สุขัง   พลัง" สองยายหลานกรวดน้ำเสร็จแล้ว จากก็เข้าครัวไปเตรียมของเพื่อจะไปถวายพระธุดงค์ต่อ

"หลานกรวดน้ำให้พ่อกับแม่ รวมถึงเจ้ากรรมนายเวรตามที่ยายสอนแล้วนะจ๊ะ หลานสบายใจขึ้นแล้ว ยายไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ ความฝันมันก็คือความฝัน บางทีหนูอาจจะคิดมากเรื่องนี้แล้วเก็บเอาไปฝันก็ได้จ๊ะยาย" มะยมพูดออกไปตามนั้น แต่หากผู้เป็นยายกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะหากเป็นฝันจริงๆ แค่ครั้งเดียวก็น่าจะลืมไปแล้ว แต่ทำไมยังฝันอยู่ได้ตลอด




===================================
อ่านแล้วมาเม้นหน่อยนะครับ จะได้รู้หีดแบคว่าชอบรึเปล่า ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||= นิยายวายกลิ่นอายเหนือ =|| Up ตอนที่ 9 (22/12
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 23-12-2014 02:55:20
ชอบเรื่องนี้จัง เจ้าน้อยกับแสนเมืองจะเป็นไงต่อนะ
หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||= นิยายวายกลิ่นอายเหนือ =|| Up ตอนที่ 9 (22/12
เริ่มหัวข้อโดย: googgigmenum ที่ 23-12-2014 14:22:33
ชอบมากเลย ใช้ภาษาดี
หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||= นิยายวายกลิ่นอายเหนือ =|| Up ตอนที่ 9 (22/12
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 23-12-2014 14:31:00
ค่อยๆลงก็ได้ค่ะ เราตามอ่านไม่ทัน
มันก็มีงงบ้างแต่เราชอบมากค่ะ
เจ้าน้อยยยย
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||= นิยายวายกลิ่นอายเหนือ =|| Up ตอนที่ 9 (22/12
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 26-12-2014 03:13:18
 :a5:
หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||= นิยายวายกลิ่นอายเหนือ =|| Up ตอนที่ 10 (12/1/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 13-01-2015 09:33:34
ตอนที่ 10

"เจริญพรพระคุณเจ้าเจ้าค่ะ อิชั้น เอาอาหารมาถวายพระคุณเจ้าเจ้าค่ะ"

"เจริญพรนะโยม" หลังจากที่สองยายหลานก้มลงกราบพระธุดงค์เสร็จ  ก็ได้ยกอาหารคาวหวาน น้ำดื่ม พร้อมด้วยดอกไม้ประเคนถวายพระคุณเจ้า

"อะภิวาทะนะสีลิสสะ   นิจจัง   วุฒาปะจายิโน, จัตตาโร   ธัมมาวัฑฒันติ  อายุ   วัณโณ   สุขัง   พลัง" สองยายหลานยกมือขึ้นพนมแนบอก ก้มลงกราบพระธุดงค์
"นี่หลานโยมใช่ไหม?" พระธุดงค์ถามยายช้อยหลังจากก้มลงกราบเสร็จ

"ใช่เจ้าค่ะพระคุณเจ้า"

"ชื่ออะไรเล่าโยม?"

"ชื่อมะยมขอรับพระคุณเจ้า"

"อื้ม...ชาติที่แล้วบุญมีแต่กรรมบัง ชาตินี้หากยังปรารถนาเหมือนดังชาติก่อน ก็ขอให้มั่นทำบุญให้มากๆนะโยม หากมีโอกาสให้ถวายเทียนเป็นคู่ได้ก็ยิ่งดี" อยู่ดีๆพระธุดงส์รูปท่านก็พูดอะไรแปลกๆไม่รู้ขึ้นมา

"ยังไงเหรอขอรับพระคุณเจ้า?" มะยมถามพระคุณเจ้าด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่พระคุณเจ้ากล่าว คล้ายกับว่าคุณเจ้าต้องการบอกสิ่งใดกับตน แต่มันก็ยังไม่ชัดเจนไปซะทั้งหมด

"โยมกำลังเผชิญอยู่กับสิ่งใดล่ะทุกค่ำคืน แม้นว่าโยมจะพยายามคิดว่ามันคือความฝัน แต่ในใจโยมก็ยังคงเป็นกังวลกับมันอยู่มิใช่หรือ?"

"ขอรับพระคุณเจ้า"

"อย่าคิดมากเลยโยม สิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้น ก็ขอให้มันเป็นไปตามครรลองของมัน อย่าได้กังวลกับมันเลย สักวันโยมจะเข้าใจ เพราะทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป มีเหตุผลในตัวของมันเอง"

"ขอรับพระคุณเจ้า" สองยายหลานก้มลงกราบลาพระธุดงค์ก่อนขอลากลับบ้าน



"มะยมรีบตักแกงจะได้รีบทาน แล้วไปเรียน มะยม!!!"

"ยายว่าอะไรนะจ๊ะ"

"เห็นไหมมัวแต่เหม่อ เลยไม่ได้ยินที่ยายพูด"

"หนูขอโทษจ๊ะยาย"

"มะยมเอ๊ย..อะไรมันจะเกิดขอให้มันเกิด ปล่อยให้มันเป็นไปตามทางของมัน เหมือนกับที่พระธุดงค์ท่านได้บอกมาไงลูก ยายไม่อยากให้หนูเป็นกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แค่ทุกวันนี้หนูตั้งอยู่ในความดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน หรือเบียดเบียนใครมันก็ดีแล้วนิ หลานของยายเป็นคนดีพระท่านต้องคุ้มครองอยู่แล้ว"

"มะยมรีบมาทานข้าวทานปลา จะได้รีบไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน"

"จ๊ะยาย หลานจะรีบไปรีบกลับมาช่วยยายขายข้าวแกงนะจ๊ะ"

"เดี๋ยวหนูจะไปเตรียมจานกับช้อนเองนะจ๊ะยาย"

"ดีๆลูก เสร็จแล้วก็ยกไปทานที่ศาลาท่าน้ำนะลูก"

"อร่อยมากเลยจ๊ะยาย"

"อร่อยก็ทานเยอะๆนะลูก ตัวก็เล็กนิดเดียว จะตัวโตเหมือนคนอื่นเค้าสักที"

"หลานพยายามทานเยอะตลอดแหละจ๊ะยาย แต่ทานเท่าไหร่มันก็เท่าเดิม หลานอยากตัวโตๆ หนาๆ จะได้ปกป้องยายได้"

"นั่นสินะหลานของยายคงไม่โตแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ"

"ทานเสร็จแล้ว หนูรีบไปโรงเรียนเลยนะลูก เดี๋ยวยายเก็บพวกนี้ไปล้างเอง"

"ไม่เป็นไรจ๊ะยาย ยายไปเตรียมของที่จะเอาขายเถอะจ๊ะ มหาลัยหนูไม่ไกลมาก นั่งรถแดงไปก็แป๊บเดียวเอง"

"งั้นรีบๆทำ รีบแต่งตัวไปเรียนนะลูก เดี๋ยวจะไปไม่ทันอาจารย์เค้าสอน"

"จ๊ะยาย"



"ยายจ๋า หนูไปนะจ๊ะยาย แล้วหนูจะรีบกลับมาช่วยยายขายของนะจ๊ะ"

================================================================



"เป็นไงบ้างมะยม มาแต่เช้าเลยนะ" มะยมตกใจเสียงเรียกของเพื่อนรัก อาจเป็นเพราะยังคิดถึงเรื่องที่พระคุณเจ้าบอกอยู่ มะยมได้แต่สายหัวไปมา เพื่อไล่ความคิดนี้ออกไป

"ไม่ได้สิอีฟ อาจารย์แกโหด ขืนมาสายมีหวังโดนหักคะแนนแน่อะ" คิดไปถึงอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์ล้านนาที่ลงเรียนทีไร สยองทุกที สั่งงานทีเยอะมาก ดุก็ดุ ทำหน้าเคร่งอยู่ได้ตลอดทั้งวัน เหมือนอาจารย์แกมีรังสีแปลกๆออกมาจากตัวด้วยนะ ฮ่าๆๆ

"จริงสิเนอะ ฮ่าๆๆ" นักศึกษาหลายคนพากันจับกลุ่มลอกการ์บ้านบ้าง นั่งคุยกันบ้าง แต่เสียงดังทั้งหลายก็ต้องหยุดลงเมื่ออารย์เข้าห้องมา

"เอ้า นักศึกษาฟังอาจารย์ เมื่อชั่วโมงที่แล้วอาจารย์ได้พูดถึงเรื่อง อาณาจักรล้านนาและเมืองต่างๆ วันนี้อาจารย์มีข่าวดีมาให้พวกคุณ" ทุกคนต่างเงียบกริบ เมื่ออาจารย์เอามือเคาะโต๊ะ

"ข่าวดีอะไรค่ะอาจารย์?" เสียงนักศึกษาคนหนึ่งถามขึ้น

"ข่าวดีก็คืออาจารย์จะไม่สอนในคาบนี้ แต่จะให้นักศึกษาไปสืบค้นข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับที่อาจารย์ได้สอนไปเมื่อคาบที่แล้ว"

"โด่ อาจารย์" นักศึกษาชายกลุ่มหลังห้องโห่ร้อง เพราะคิดว่าอาจารย์จะใจดีปล่อยให้ทำงานที่ค้าง

"อย่ามาโห่ หรือนักศึกษาคิดว่ามันน้อยไปจะได้เพิ่มให้?" นี่ไงโหดกับนักษาตลอด ดีนะเรารู้จักแบ่งเวลา ไม่ไปเที่ยวเตรดเตร่กินเหล้า เข้าผับบาร์เหมือนคนอื่น ไม่งั้นคงต้องโอดโอยเหมือนเพื่อนคนอื่นแน่ อีกอย่างต้องกลับไปช่วยยายขายของทุกวัน ยายจะได้ไม่เหนื่อยมากไปกว่านี้ อยากเรียนจบเร็วๆ จะได้ดูแลยาย อยากมีบ้านเล็กๆสักหลังเอาไว้อยู่กับยาย อยากมีรถคันเล็กเอาไว้ขับพายายไปนั่นมานี่ แล้วก็อยากให้ยายมีความสุข และอยู่กับมะยมไปนานๆ

"เอามากลุ่มละหนึ่งเรื่อง จากนั้นก็สรุป แล้วนำมาเสนอหน้าชั้นเรียน"

"กลุ่มละกี่คนครับอาจารย์?"

"เดี๋ยวก่อนสิ อาจารย์ยังพูดไม่จบ!!"

"2 คนก็พอ คนเยอะเดี๋ยวจะมีคนเอาเปรียบเพื่อน แค่นี้ครับ เลิกชั้นเรียนได้" นักศึกษาพากันเดินออกชั้นเรียน

"มะยมกลุ่มเราเอาเรื่องอะไรดี?"

"เรายังไม่รู้เลยอะ อีฟอะคิดว่าเราจะทำเรื่องอะไรดี?"

"ยังไม่รู้เหมือนกันอะ งั้นเราไปหาข้อมูลที่ห้องสมุดไหม? เผื่อได้ไอเดียดีๆ"

"ได้ๆ"

"มะยมดูเรื่องนี้สิ น่าสนใจไหมอะ?"

"เราได้ยินกลุ่มมินนี่ว่าจะเอานะ"

"งั้นเราลองแยกย้ายกันหาดีไหมจะได้เสร็จเร็วๆ เริ่มงานเร็วๆ?"

"โอ๊ย!! หล่นมาได้ยังไงเนี๊ยะ หนังสือเล่มไม่ใช่เบาๆ หนาก็หนา" สองเพื่อนสนิทแยกย้ายกันหาหนังสือบนชั้นวางในมุมหนังสือประวัติ แต่มะยมดันโชคไม่ดีหนังสือหล่นใส่อย่างฉิวเฉียด แต่ยังไงก็ทำให้เจ็บอยู่ดี

"เป็นอะไรอะมะยม ได้ยินเสียงร้อง!"

"ไอ้เจ้าเนี๊ยะหล่นใส่เรา อูย...เจ็บจัง"

"ไหนๆเราดูให้ แป๊บนึงนะ ผมมะยมยาวขึ้นอีกแล้วนะ เดี๋ยวเราคลำดูก่อน ตรงนี้ใช่ไหม?" มะยมได้แต่พยักหน้า หน้าตาแทบเล็ด

"ไม่มีเลือดออก แค่โนเฉยๆ แล้วมันตกมาได้ยังไงอะหนังสือเล่มนี้ มะยมมืนหัวไหม? เล่มก็ไม่ใช่เล็กๆ "

"นิดหน่อยอีฟ เราก็ไม่รู้ว่ามันตกมาได้ยังไง มันอาจถูกหยิบมาดู แต่เค้าไม่เก็บมันไว้ดีไง มันเลยตกมาโดนหัวเราพอดีไง ฮ่าๆๆ"

"ปิงนคร เมืองที่เคยยิ่งใหญ่ในล้านนา ......ปิงนคร อื้ม....." มะยมอ่านชื่อหนังสือที่ตกลงมาใส่หัวตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่เคยรู้จัก แต่ทำไมกลับรู้สึกว่าคุ้นเคยกับชื่อนี้เหลือเกิน

"มีอะไรเหรอมะยม ?" อีฟถามมะยมที่ทำสีหน้าคุ่นคิดอะไรสักอย่าง

"ไม่มีอะไรหรอกอีฟ เราแค่คุ้นชื่อเมืองๆนี้เฉยๆ อีฟเคยได้ยินชื่อไหมอะ?" มะยมถามเพื่อนเพราะอีฟเป็นคนที่ค่อนข้างชอบอ่านหนังสือเก่าๆอยู่เสมอ อาจจะคุ้นๆชื่อก็เป็นไปได้ จะได้มีเนื้อหาที่หลากหลายขึ้น

"ปิงนครหรอก? เอ๊ะ...ปิงนคร!!! เหมือนเคยได้ยินผ่านหูผ่านตายังไงไม่รู้บอกไม่ถูก" ไว้เดี๋ยวเราไปถามคุณย่าให้ ท่านอาจจะรู้จัก เพราะท่านอยู่มานานละ อิอิ ความจริงที่เราชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์พวกนี้ก็เพราะคุณย่าเราท่านชอบเหล่าเรื่องราวสมัยก่อนห้ฟังน่ะ เราว่ามันสนุกดีนะ บางครั้งก็โรแมนติกมาก แต่บางครั้งก็น่าเศร้ามาเหมือนกัน"

"งั้นเราเอาเรื่องนี้ไหม ไหนๆก็ไหนๆล่ะ คิดซะว่าหนังสือเลือกเรา เหมือนที่หมวกแห่งฮอกวอร์ดเลือกนักเรียนเข้าสู่บ้านต่างๆไง ฮ่าๆๆ" มะยมพูดเล่นกับเพื่อน แต่อีกใจก็รู้สึกผูกพันกับชื่อๆนี้อย่างบอกไม่ถูก

"ได้เจ้าค่ะ อิอิ"

"เราว่าหนังสือเล่มนี้ก็เก่าอยู่เหมือนกันนะ ดูจากสภาพ" มะยมจึงค่อยๆเปิดหน้าแรกมันดูอย่างถนุถนอม กลัวว่ามันจะขาดไปซะก่อนที่จะได้ทำรายงาน

"เราก็ว่างั้น หากเป็นคนก็คงรุ่นแก่กว่าคุณย่าเราแล้วล่ะ อิอิ"

"งั้นเราไปยืมกันนะ แล้ววันเสาร์สายๆ เราค่อยไปทำรายงานที่บ้านอีฟกัน"

"จ้า"

"มะยมกลับยังไงอะ รอกลับพร้อมเราไหมอะ เดี๋ยวเราให้พี่ชายเรามารับ จะได้แวะไปส่งมะยมด้วย"

"ไม่เป็นไรหรอกบ้านอีฟกับเราคนละทางกัน เดี๋ยวเรากลับรถแดงดีกว่า เกรงใจเปลืองน้ำมัน ฮ่าๆ"

"เกรงจงเกรงใจอะไรกัน เพื่อนกัน เดี๋ยวพี่ชายเราก็จะมารับแล้ว รอก่อนดิ จะได้อยู่เจอพี่ชายเราก่อน เพื่อนคนอื่นได้เจอพี่ชายเราหมดทุกคนแล้วนะ มีแต่มะยมนี่แหละคลาดกันตลอด เราอยากให้เพื่อนรักเราเจอกับพี่ชายสุดที่รักของเรา จะได้รู้จักกันไว้ไง" เพื่อนคนสนิทของมะยมบ่นอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่

"ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากเจอสักหน่อย มันเป็นความบังเอิญที่คลาดกันเองต่างหาก นะ!! ไว้คราวหน้าละกัน วันนี้เรารีบกลับไปช่วยยายขายของ สงสารยาย ท่านอายุเยอะละ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาขนมฝีมือยายมาฝาก"

"ก็ได้ เห็นแก่ขนม เอ่ย..เห็นแก่ยายของมะยมหรอกนะ"

"จ้า งั้นพรุ่งนี้เจอกันเราไปก่อนนะ บาย"

===+===+===+===+===+===+===+===+===+===+



"ยายจ๋า หนูกลับมาแล้ว"

"อย่าวิ่งลูก ไม่ต้องรีบก็ได้" มะยมรีบวิ่งหน้าตั้งมาช่วยยาย เพราะตอนเที่ยงแบบนี้คนเยอะ เห็นว่าเป็นร้านเล็กๆแบบนี้ แต่คนก็เยอะอยู่ทุกวัน คงเป็นเพราะกับข้าวฝีมือยายอร่อย คนถึงติดใจ อีกอย่างราคาก็ไม่แพงด้วย

"หนูไปเปลี่ยนผ้าก่อนสิลูก เดี๋ยวมันเปื้อนมาจะซักยาก"

"จ๊ะยาย"

"เอาอะไรจ๊ะพ่ออัฐ?"

"ผมเอาเหมือนเดิมนะครับยาย"

"ได้จ๊ะลูก งั้นเดี๋ยวไปหาที่นั่งนะ เดี๋ยวยายเอาไปให้ที่โต๊ะ"

"ครับ แล้วมะยมไปเรียนเหรอครับยาย วันนี้ไม่เห็น?"

"เพิ่งกลับมาเมื่อกี้นี่เองลูก ยายไล่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อีกเดี๋ยวคงมา นั่นไงมาละ"

"สวัสดีครับพี่อัฐ"

"คราวหน้าไม่ต้องไหว้พี่แล้วนะ ดูเหมือนแก่ๆยังไงไม่รู้"

"อะ..ครับ เดี๋ยวผมไปช่วยยายขายของก่อนนะครับ"

"ครับ"

"เอาอะไรล่ะพ่อหนุ่ม?"

"ยายมีไรกินบ้างอะ?"

"มีแกงมัสมั่นไก่ แกงเทโพ ลาบคั่ว ไข่พะโล้ และน้ำพริกอ่องกับผักลวกจ๊ะ"

"เอาเทโพ กับไข่พะโล้ละกันยาย กับข้าวก็เดิมๆ"

"นี่จ๊ะ"

"นั่นหลานสาวยายเหรอ? มาทุกทีไม่เห็น มีหลานสาวสวยอย่างนี้ก็ไม่บอก จะได้มาอุดหนุนทุกวัน" วันนี้มะยมแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขาสั้นเหนือเข่าธรรมดา แต่ผมที่ตอนนี้เริ่มยาวระคอ กับหน้าตาออกหวาน รูปร่างก็ผอมบางแบบนี้เลยทำให้ทุกคนคิดว่าเป็นผู้หญิงตัดผมซอย แต่จะทำยังไงได้เนอะ ชินแล้วล่ะตั้งแต่เกิดมา จำความได้

"น้องสาวจ๊ะ ชื่ออะไร?" มะยมได้แต่เงียบ ไม่อยากจะตอบ เพราะดูท่าแล้วเหมือนคนพาล เหมือนนักเลงหัวไม้

"อุ๊บ่ะ ไม่ตอบ หยิ่งพอดู" พอไม่ตอบมันก็แล้วแต่ มะยมไม่ชอบคนแบบนี้เลย

"นี่จ๊ะแกงเทโพ กับไข่พะโล้ อ๊ะ!! ปล่อย!!" มะยมพูดเสียงสั่นบอกให้ไอ้คนแปลกหน้าปล่อยมือ

"จับนิดจับหน่อยก็ไม่ได้"

"ผิวนุ่มดีนะน้องสาว พี่ชื่อเปี๊ยกนะ แล้วน้องล่ะชื่ออะไร บอกพี่ก่อนแล้วพี่จะยอมปล่อยมือ"

"ผมเป็นผู้ชายครับช่วยเรียกให้ถูก แล้วก็ปล่อยมือผมด้วยครับ"

"ผู้ชายเหรอวะหน้าอย่างกับผู้หญิง หุ่นอีก" ไอ้เปี๊ยกพูชดออกมาเบาๆ

"ช่วยปล่อยด้วยครับ" มะยมกลั้นใจบอกให้ปล่อยมืออีกครั้ง ทั้งที่ตนเองทั้งตกใจ ทั้งกลัวในคราวเดียวกัน

"จับนิดจับหน่อย ทำเป็นหวงเสื้อหวงตัว ผู้ชายเค้าไม่หวงเนื้อหวงตัวแบบนี้นะเว้ย" มะยมสะบัดมือยังไงก็ยังไม่สามารถหลุดออกมาได้ ยิ่งทำให้ร่างบางขมวดคิ้ว หน้าซีดไปกันใหญ่ ทั้งรังเกียจและขยะแขยง

"คุณครับ ช่วยปล่อยมือมะยมด้วยครับ" มะยมหันหน้าไปมองตามเสียงที่ขอให้ปล่อยมือตนเอง ทั้งดีใจ แต่ก็ยังไม่โล่งอกไปเสียทั้งหมด เพราะไอ้คนอันธพาลมันยังจับมือของมะยมไว้ยังไม่ปล่อยเลย

"แล้วเองเป็นใครว่ะ มาเกี่ยวอะไรด้วย?" มะยมตกใจเมื่ออันธพาลตะคอกเสียงถามพี่อัฐดังลั่น ลูกค้าในร้านก็เริ่มมองมากันใหญ่แล้วด้วย

"จะปล่อยหรือไม่ปล่อย?" อัฐเอ่ยถามอีกครั้งด้วยสิ่งที่แข็งขึ้น เพราะคนเราสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ ขนาดผู้ชายมันยังกล้าลนลาม

"ไม่ปล่อยเว้ย!!"

"ได้ไม่ปล่อยใช่ไหม พั๊วะ!!"

"ไอ้ห่าเอ๊ย มึงต่อยกูใช่ไหม ? เฮ้ย!! พวกมึงจัดการมันเว้ย!!"

"ว๊ายยยย......กรี๊ด!!!" เสียงลูกค้าในร้านตกใจกับการตะลุมบอนภายในร้าน โต๊ะตั่งกระจัดกระจายเต็มไปหมด



"เป็นไงบ้างครับพี่อัฐ เจ็บตรงไหนบ้าง?" มะยมเห็นหน้าตาอัฐแล้วยิ่งหน้าซีดไปกันใหญ่ มือไม้ทำอะไรไม่ค่อยถูก

"พ่ออัฐนั่งตรงศาลาท่าน้ำก่อนนะ เดี๋ยวยายจะให้มะยมเอายายมาใส่ให้ ดูสิหน้าตายับเยินไปหมด"

"จ๊ะยาย ไปกันเถอะครับพี่อัฐ"

"ซี๊ด....เจ็บ"

"นั่งรอผมตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปเอายามาใส่ให้" มะยมรีบวิ่งไปเอายาบนบ้านมาใส่ให้อัฐ

"มาแล้วครับ เดี๋ยวผมขอดูแผลหน่อยนะครับ เจ็บมากไหมครับพี่อัฐ"

"ซี๊ด...ก็พอดูครับ โอ๊ะๆ เบาๆครับมะยม ซี๊ด..." จะให้บอกว่าไม่เจ็บเลยก็คงไม่ได้ เพราะดูจากสภาพตัวเองแล้ว สะบักสะบอมพอดูเลยทีเดียว พรุ่งนี้ไปทำงานเพื่อนๆคงต้องแซวว่าไปกัดกับหมามาแน่ๆ

"เช็ดแอลกอฮอลเสร็จแล้ว เดี๋ยวทายาแผลเหลืองสักหน่อยนะครับ พี่อัฐทนหน่อยนะครับ" ร่างสูงพะยักหน้าเบาๆรับคำ มือเล็กค่อยๆ ใช้ก้านสำลีชุบยาแผลเหลืองทาบริเวณแผลเบาๆ

"ขอบคุณพี่อัฐมากนะครับ ที่มาช่วยผมไว้ ไม่ได้พี่อัฐคงแย่แน่เลย"

"ไม่เป็นไรครับ พี่เต็มใจช่วย ถ้าไม่ช่วยนี่สิแปลก คนรู้จักกัน" มะยมยิ้มบางให้เป็นการขอบคุณ

"มะยม...คราวหน้าเรียกแทนตัวเองว่ามะยมกับพี่สิ น่ารักดีออก ถือว่าพี่ขอเป็นค่าตอบแทนที่เจ็บตัววันนี้ นะครับ" ร่างสูงเอ่ยขอร้องออดอ้อนร่างบางตรงหน้า

"เอ่อ...."

"นะครับ"

"ครับมะยมจะพยายาม เดี๋ยวพี่อัฐทานยาแก้ปวดกับแก้อักเสบนี้ไปด้วยนะครับ ผม เอ่อ..มะยมกลัวว่ามันจะอักเสบแล้วพี่อัฐจะไม่สบาย" มะยมเอายาสองเม็ดสีขาว และสีฟ้าเขียวให้ร่างสูง

"ขอบคุณครับ"

"เดี๋ยวพี่อัฐเอ็นหลังตรงนี้ก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวมะยมไปช่วยยายเสร็จแล้วจะมาปลุก"








เม้นต์ๆๆๆ











หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||= นิยายวายกลิ่นอายเหนือ =|| Up ตอนที่ 10 (12/1/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 13-01-2015 09:58:05
มะยมน่ารักจัง พี่อัฐเลยเอ็นดู
 :o8:
หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||= นิยายวายกลิ่นอายเหนือ =|| Up ตอนที่ 10 (12/1/58)
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 13-01-2015 10:32:28
ตามเข้ามาอ่าน รวดเดียวจบเลย

ตอนแรกนึกว่าเป็นนิยายย้อนยุค
ที่ไหนได้ น้องมะยมฝันถึง

อยากรู้แล้วค่า ชาตินี้พระเอกคนไหนเอ่ย
แต่ไม่น่าจะใช่พี่อัฐชิมิ
รอตอนต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||= นิยายวายกลิ่นอายเหนือ =|| Up ตอนที่ ๑๑ (๑๔/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 14-01-2015 15:40:07

 ตอนที่ 11
 
"ยายไปนอนก่อนนะลูก อย่านอนดึกล่ะ " ยายช้อยหอมแก้มหลานชายก่อนจะเข้านอน พร้อมทั้งกำชับว่าอย่านอนดึก เพราะทุกทีถ้ารับงานคนอื่นเค้ามาทำ ก็จะนอนดึกอยู่เสมอ
 
"จ๊ะยาย หนูขออ่านหนังสือที่จะเอาไปทำงานกลุ่มพรุ่งนี้อีกสักนิดก่อนจ๊ะยาย สัญญาว่าคืนนี้จะรีบนอนจ๊ะมะยมรักยายนะจ๊ะ"
 
"หลายตำนานกล่าวว่า เมืองปิงนคร เป็นเมืองที่อยู่ในอาณาจักรล้านนา สร้างโดยเจ้าแมนสรวง กษัตริย์ผู้ทรงเฉียบแหลมและแข็งแกร่ง ทรงเป็นกษัตริย์ที่แวดล้อมไปด้วยสตรี แต่แล้วเมืองที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ก็ต้องล่มสลายเพราะสตรีเช่นกัน" มะยมอ่านมาได้เพียงนิดเดียวก็ต้องสะดุดเพราะชื่อของกษัตริย์ผู้สร้างเมืองปิงนคร คล้ายกับว่าจะเป็นชื่อที่ตนเองคุ้นเคยเหลือเกิน แต่ก็เหมือนเป็นชื่อที่ทำให้มะยมรู้สึกคิดถึงและหวั่นกลัวอยู่ลึกๆบอกไม่ถูก
 
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
 
 
"เจ้าน้อยรีบไปเก็บของใช้จำเป็น อ้ายจะพาเจ้าน้อยไปราชการต่างเมืองกับอ้ายด้วย มีเวลาเหลืออ้ายจะได้พาเจ้าน้อยเที่ยวด้วย เห็นน้องอยู่ในคุ้มมาเฉยๆ คงจะเบื่อ หากได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาบ้างก็คงจะดี" เจ้ามิ่งขวัญพูดกับน้องชายพร้อมกับเอามือลูบหัวเบาๆอย่างเอ็นดู
 
"แล้วเจ้าป้ออนุญาตหรือครับเจ้าอ้าย ? น้องไปก็อาจจะเกะกะ ช่วยอะไรเจ้าอ้ายก็ไม่ได้นะขอรับ"
 
"อ้ายไม่ได้ชวนเจ้าไปช่วยธุระราชการบ้านเมือง อ้ายมาช่วยเจ้าไปเที่ยว ไปเปิดหูเปิดตาต่างหากเจ้าน้อย ไปเถิดอย่ามัวรีรอ บอกให้บัวแก้วเก็บข้าวของเครื่องใช้ได้แล้ว"
 
"ครับเจ้าอ้าย"
 
"น้องจะพาบัวแก้ว แล้วก็คนสนิทไปด้วยก็ได้นะเจ้าน้อย อ้ายอนุญาต"
 
"ขอบคุณครับเจ้าอ้าย"
 
"อ้ายจะออกเดินทางตอนสามโมงเช้า น้องยังมีเวลาตระเตรียมของ"
 
"เจ้าอ้ายจะไปกี่วันครับ? น้องจะได้เตรียมเสื้อผ้าไปถูก?"
 
"สักสามสี่วัน งั้นน้องเตรียมของไปนะเจ้าน้อย เดี๋ยวอ้ายไปดูทหารกับขบวนช้างม้า"
 
"ครับเจ้าอ้าย"
 
"ปี้บัวแก้ว เดี๋ยวช่วยเราเตรียมข้าวเสื้อผ้าข้าวของสักสี่ห้าชุด เจ้าอ้ายมิ่งขวัญจะให้เราไปราชการกับพระองค์ด้วยสักสี่สามสี่วัน พี่บัวแก้วก็ไปด้วยกันนะ เจ้าอ้ายจะออกเดินทางตอนสามโมงเช้า"
 
"เจ้าเจ้าน้อย เดียวปี้ไปเตรียมหื้อเจ้า จะได้สั่งหื้อบัวคำเฝ้าคุ้มหื้อตวย" จากนั้นบัวแก้วก็รีบออกไปเตรียมของ สั่งงานนางกำนัลในคุ้ม
 
"กระหม่อมล่ะขอรับเจ้าน้อย?"
 
"ท่านแสงเมือง เราตกใจหมด!!" เจ้าน้อยตกใจที่จู่ๆแสงเมืองก็โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง
 
"ตกใจทำไมขอรับ ขวัญเอ๋ยขวัญม" แสงเมืองใช้สองมือโอบกอดเจ้าน้อยที่ตกใจอยู่ไม่หาย พลางใช้มือหนาลูบหลังปลอบเจ้าน้อย
 
"ไม่ต้องเลยท่านแสงเมือง อย่ามาลุ่มล่าม เดี๋ยวปี้บัวแก้วมาเห็น" เจ้าเอ่ยปรามเบาๆ แต่หากมิได้จริงจังนัก ยิ่งทำให้แสงเมืองได้ใจ  รู้ว่าเจ้าน้อยมิได้ทรงโกรธอะไรนัก
 
"ก็กระหม่อมคิดถึงเจ้าน้อยนี่ขอรับ กว่าจะได้อยู่ด้วยกันสองคนสักที แทบจะไม่มีโอกาสเลย"
 
"ฟ๊อด อ่ะ!! ท่านแสงเมือง!!!"
 
"โอ๋ๆ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิขอรับ กระหม่อมถือเป็นค่ามัดจำที่จะตามไปดูแลเจ้าน้อยต่างเมืองนะขอรับ อย่างอนไปเลย"
 
"ใครบอกจะให้ท่านไปกัน? นับวันยิ่งเอาใหญ่นะท่านนี่ ไม่เหมือนกับท่านทหารเอกที่เราเจอครั้งแรกเลย นี่ถ้าพี่บัวแก้วเห็นนะคงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ "
 
"ท่านเอกที่เจ้าน้อยว่านั้นเป็นยังไงหรือขอรับ แตกต่างจากกระหม่อมตอนนี้ยังไง"
 
"ท่านในตอนนั้นดูนิ่ง ไม่มีคำว่ากะล่อนหรือชอบฉวยโอกาสกับเราแบบนี้เลยสักนิด"
 
"ไม่เลยสักนิดเลยหรือขอรับ ตอนนั้นกระหม่อมว่าเริ่มมีนิดๆแล้วนะขอรับ อย่างเช่นตอนที่เจ้าน้อยทรงเสียจูบแรกให้กระหม่อมตอนคืนยี่เป็งล่ะขอรับ" แสงเมืองพูดกระเซ้าให้เจ้าน้อยเขินอายอยู่ได้ตลอด เพราะตนชอบที่จะมองหน้าขาวๆของเจ้าน้อยกลายเป็นสีระเรื่อยามเมื่อทรงเขิน
 
"ท่านนี่มัน!! หื้ย!!"
 
"กระหม่อมเป็นอย่างนี้ก็เพราะเจ้าน้อยนะขอรับ ทรงรับผิดชอบกระหม่อมด้วย"
 
"ทำไมเราต้องรับผิดชอบท่านด้วย?"
 
"เจ้าน้อยทรงทำให้กระหม่อมสูญเสียความเป็นตัวของตนเองนะขอรับ ทรงรู้รึเปล่า?"
 
"นี่ท่านอย่ามาพูดไปเรื่อยนะท่านแสงเมือง เราต่างหากที่ถูกท่านทำให้ไม่เป็นตัวของตนเอง"
 
"แต่ก็นับว่ากระหม่อมทำได้ดีมิใช่หรือขอรับ? เจ้าน้อยทรงกล้าแสดงความรู้สึกของตนเองมากขึ้น ทรงสดใสน่ารักมากขึ้นหลายเท่ายิ่งนัก"
 
"อย่ามาพูดเลยท่านแสงเมือง ท่านจะไปด้วยก็ไปเตรียมของสิ มามัวหยอกเราทำไม ? เดี๋ยวก็ไม่ทันไปหรอก"
 
"กระหม่อมเตรียมเสร็จแล้วขอรับ"
 
"ท่านเตรียมเสร็จได้อย่างใด? ในเมื่อเจ้าอ้ายเพิ่งมาบอกเราเมื่อครูนี่เอง?" เจ้าน้อยเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
 
"อย่าลืมนะขอรับว่ากระหม่อมเคยเป็นทหารของเจ้ามิ่งขวัญมาก่อน แม้นว่าตอนนี้กระหม่อมจะเป็นองค์รักษ์คู่กายของเจ้าน้อยแล้วก็ตาม แต่กระหม่อมย่อมรู้ว่าเจ้ามิ่งขวัญจะต้องเสด็จไปราชการที่ไหน แล้วพระองค์ก็บอกกับกระหม่อมตั้งแต่เมื่อวานแล้วขอรับ ทั้งยังกำชับให้กระหม่อมดูแลเจ้าน้อยให้ดีอีกด้วย" เจ้าน้อยบัดนี้ทำหน้าแดงเพราะคำว่าองครักษ์คู่กายไปเสียแล้ว
 
"ท่านมันเจ้าเล่ห์แสนกลนัก แล้วจะมาขอเราอีกทำไมกันในเมื่อเจ้าอ้ายทรงประทานอนุญาตให้ท่านไปด้วยแล้วนิ"
 
"หามิได้ขอรับเจ้าน้อย กระหม่อมเคยเป็นองค์รักษ์คนสนิทของเจ้ามิ่งขวัญมาก่อน แต่หากตอนนี้เจ้าน้อยคือนายของกระหม่อม คือเจ้าดวงใจของกระหม่อมนิขอรับ" ยิ่งฟังเจ้าน้อยยิ่งแก้มแดง แสงเมืองมองนวลปรางค์ที่ตอนนี้ขึ้นสีระเรื่อน่ากัดน่าหอมเสียเหลือเกิน
 
"ฟ๊อด นี่ท่านแสงเมือง พอได้แล้ว เดี๋ยวพี่บัวแก้วมาเห็น ท่านจะลำบากเอานะ" เจ้าน้อยเอ่ยพูดได้ไม่เต็มเสียง เพราะเขินอาย ประจวบกับกลัวพระพี่เลี้ยงคนสนิทจะมาได้ยินเข้า
 
"ก็ได้ขอรับ อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า" เจ้าน้อยได้แต่สะบัดหน้าหนี ทำยังไงก็ไม่เคยชนะคนตรงหน้านี้ได้เลย นึกถึงเมื่อรู้จักกันครั้งแรกที่น้ำตก มาจนถึงสอนดาบ สอนขี่ม้า จนตอนนี้ทำทุกอย่างได้แล้ว หากแต่เรื่องฟันดาบก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก เพราะต้องการเอาไว้ใช้ป้องกันตัวเท่านั้น มาจนถึงวันลอยกระทงยี่เป็ง และจนถึงตอนนี้ เจ้าน้อยรู้สึกดีใจและอยากขอบใจคนตรงหน้านี้มากที่คอยดูแล คอยอยู่เคียงข้างไม่ห่างหาย
 
"เจ้าน้อยเจ้ามิ่งขวัญมารับตี้หน้าคุ้มแล้วนาเจ้า พร้อมหรือยัง?"
 
"พร้อมแล้วปี้บัวแก้ว"
 
"เดียวก่อนเจ้า ผมเจ้าน้อยหลุดหมด เดียวปี้มัดหื้อใหม่" เจ้าน้อยรีบหันไปมองหน้าแสงเมือง เพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้
 
"ขอบคุณครับปี้บัวแก้ว ไปกันเถอะ"
 
"จับมืออ้ายไว้นะเจ้าน้อย แล้วค่อยเหยียดขึ้นมาบนหลังช้างนี่ อย่าได้กลัวมัน เพราะมันถูกฝึกมาอย่างดีแล้วก็ที่จะนำมาเป็นช้างทรง มาส่งมือมาเจ้าน้อย" หลังเจ้าน้อยเดินขึ้นไปยืนบนพระแท่นที่ใช้สำหรับขึ้นหลังช้าง ส่วนเจ้ามิ่งขวัญก็ขึ้นไปรออยู่บนพระแท่นบนหลังช้างแล้ว  จึงช่วยจับมือเจ้าน้อยขึ้นหลังช้าง ในขบวนเดินทางนี้ประกอบไปด้วยช้างหนึ่งตัวสำหรับเจ้าน้อยและเจ้ามิ่งขวัญ ขบวนม้าและวัวเทียมเกวียนขนสำภาระเท่านั้น ดูไม่ใหญ่มากเพราะเจ้ามิ่งขวัญทรงอยากให้การเดินทางกระชับไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง  แต่กระนั้นในสายตาของแสงเมืองก็ยังดูใหญ่อยู่ดี เพราะคนปกติหากต้องเดินทางไปไหนมาไหนไกลๆแบบนี้ก็คงใช้ม้าหรือแค่วัวเทียมเกวียนเท่านั้น คงไม่มีช้างพระที่นั่งแบบนี้หรอก คิดไปแล้วยิ่งทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างตนเองกับเจ้าน้อยผู้เป็นที่รักยิ่ง  แต่ก็ใช่ว่าจะหลุดพ้นจากสายตาของเจ้าน้อยไปได้ ทรงเห็นสายตาหม่นของแสงเมืองที่มองมา ราวกับว่าน้อยใจต่อโชคชะตาและความรักต่างฐานันดรศักดิ์นี้เหลือเกิน (เป็นพระแท่นที่ทำจากปูนยกสูงขึ้นพอให้ง่ายต่อการขึ้นหลังช้าง ซึ่งช้างจำเป็นต้องคุกเข่าลงให้อยู่เสมอหรือมีระดับไล่เลี่ยกับพระแท่นเพื่อให้ง่ายต่อการที่พระมหากษัตริย์จะขึ้นหรือลงจากหลังช้าง)
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||= นิยายวายกลิ่นอายเหนือ =|| Up ตอนที่ ๑๑ (๑๔/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 14-01-2015 16:44:35
ฐานันดร นั่นสินะ
อยากให้เจ้าน้อยกับแสงเมืองได้ครองรักกันในเร็ววัน
หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||= นิยายวายกลิ่นอายเหนือ =|| Up ตอนที่ ๑๒ (๑๙/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 19-01-2015 20:32:41
ตอนที่ 12

"เจ้าน้อยนอนในป่าได้ไหม? อากาศมันหนาวนะ อ้ายเป็นห่วง" การเดินทางไปราชการต่างเมืองแม้นว่าจะไม่ไกลมาก แต่ก็ต้องนอนค้างอ้างแรมในป่าระหว่างทางอยู่ดี เจ้ามิ่งขวัญจึงเป็นห่วงเจ้าน้อย เกรงว่าจะไม่สบายเอาได้

"ได้ครับเจ้าอ้าย ขอบคุณครับเจ้าอ้ายที่ทรงเป็นห่วงน้อง" เจ้าน้อยก้มลงกราบแนบอกเจ้ามิ่งขวัญผู้เป็นพี่ชาย ทรงคิดว่า ถึงเจ้าป้อจะไม่สนใจใยดีตนเองเลย แต่ตนเองก็ยังโชคดีที่มีเจ้ามิ่งขวัญ ปี้บัวแก้ว และใครอีกคนที่คอยเป็นห่วง และดูแลเสมอมา

"เจ้าน้อยอย่าลืมห่มผ้าหนาๆตอนนอนนะ บัวแก้วเอามาครบแล้วใช่ไหม? ขาดเหลืออะไรก็บอกอ้ายนะเจ้าน้อย ไปพักเถิดเดินทางมาทั้งวันแล้วคงจะเหนื่อย"

"ครับเจ้าอ้าย"

"เจ้าน้อยนอนบ่หลับกาเจ้า?" พอเข้าไปนอนในกระโจม ก็นอนพลิกไปพลิกมา ได้ยินแต่เสียงจิ้งหรีดเรไรก็พลันทำให้นอนไม่หลับ บัวแก้วจึงเอ่ยถามเจ้าน้อยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบในกระโจม

"สงสัยคงแปลกที่ล่ะมั้งปี้บัวแก้ว เลยนอนไม่หลับ"

"ข่มตานอนเตอะเจ้า เดียวก่อหลับไปเอง ห้าวววว!!!" เสียงบัวแก้วหาว จนน้ำตาไหล การเดินทางไกลทำให้คนเราเหนื่อย แต่ไม่ใช่เจ้าน้อยในตอนนี้ ถึงแม้จะเหนื่อยอยู่บ้าง แต่กลับข่มตานอนไม่ลง

"พี่บัวแก้วง่วงก็นอนก่อนเราได้เลย เราจะออกไปดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยข้างนอกสักพักละกัน"

"บ่ดีนาเจ้า เจ้าน้อย มันเป็นในป่า อันตรายนาเจ้า" บัวแก้วพูดด้วยความเป็นห่วง หากอยู่ในคุ้มก็ยังพอไหวอยู่ แต่ที่นี่มีแต่ป่า อันตรายรายล้อมจึงอดเป็นห่วงเจ้าน้อยไม่ได้

"เราออกไปหน้ากระโจมเฉยๆ สัญญาว่าจะไม่ไปไหนไกลเลย"

"ก่อได้เจ้า รีบไปรีบปิกมานานอนนาเจ้าเจ้าน้อย ........อั้นปี้ขอไปนอนก่อนนะเจ้า ห้าวววว!!" ถึงอย่างไรก็ทัดทานเจ้าน้อยไม่ได้ แต่เจ้าน้อยก็ทรงรับปากแล้วว่าจะไม่ไปไหนไกลกว่าหน้ากระโจม ทำให้บัวแก้วพอโล่งใจได้บ้าง

"ครับปี้บัวแก้ว"

"เจ้าแม่ครับ ลูกคิดถึงเจ้าแม่เหลือเกิน เจ้าแม่อยู่นั้นสบายดีไหมครับ?" เจ้าน้อยมองไปยังดวงจันทร์ที่ส่องสว่างยามนี้ พลันคิดถึงพระมารดา

"ตัก!!" เสียงคนเอาก้อนหินปามาโดนหน้ากระโจมของเจ้าน้อย

"ท่านแสงเมือง" เจ้าน้อยมองหาคนปามันมา ก็พบว่าแสงเมืองหลบอยู่หลังต้นไม้ใกล้ๆกับกระโจมของตน เจ้าน้อยมองซ้ายมองขวาแล้วจึงเดินออกมาหาแสงเมือง

"ท่านแสงเมืองมาที่นี่ทำไม? เดี๋ยวใครก็มาเห็นหรอก ท่านต้องไปตรวจดูทหารเฝ้ายามมิใช่หรือ?"

"ชู่ววว....เจ้าน้อยขอรับ อย่าส่งเสียงดังขอรับ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน กระหม่อมแค่คิดถึงเจ้าน้อยเฉยๆ อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้าก่อนนอนแค่นั้นเองขอรับ" เจ้าน้อยพยักหน้ารับ มองซ้ายมองขวาอีกที ใจเต้นเป็นระส่ำเหมือนคนทำความผิด แล้วกลัวถูกจับได้

"ทางนี้ดีกว่าขอรับ" แสงเมืองจูงมือเจ้าน้อยมาทางด้านหลังกระโจมที่เป็นป่า แต่ก็ไม่ใช่ป่ารกแต่อย่างใด

"ท่านแสงเมืองอยู่ใกล้หูใกล้ตาเจ้าอ้ายขนาดนี้ ท่านยังกล้ามาหาเราอยู่อีก ช่างไม่กลัวอะไรบ้างเลยหรือ?" เจ้าน้อยบ่นกระปอดกระแปด

"กระหม่อมทนความคิดถึงไม่ไหวขอรับ แม้ว่าวันนี้จะได้เห็นหน้า แต่ก็ไม่ได้ยินเสียง เราไม่ได้คุยกันเลยนะขอรับ เพราะเจ้าน้อยอยู่กับเจ้ามิ่งขวัญตลอดเวลา และเราก็เดินทางตลอดเช่นกัน เจ้าน้อยไม่คิดถึงกระหม่อมบ้างหรือขอรับ?" เจ้าน้อยที่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามแบบนี้ จึงได้แต่ก้มหน้าซ่อนหน้าแดงเอาไว้ คิดในใจว่าแสงเมืองช่างกล้านักที่ถามออกมาตรงๆเช่นนี้

"ท่านถามอะไรของท่าน เราง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะท่านแสงเมือง ท่านก็อย่านอนดะ...."

"จะบ่ายเบี่ยงอะไรกระหม่อมอีกหรือขอรับ หื้ม?" คราวนี้แสงเมืองไม่ยอมปล่อยให้เจ้าน้อยหลุดมือไปง่ายอีกแล้ว เพราะความคิดถึงมันมีมากมายเหลือเกิน

"มองหน้ากระหม่อมสิขอรับ พยักหน้าให้กระหม่อมสักหน่อยก็ได้ว่า เจ้าน้อยก็คิดถึงกระหม่อมเหมือนกัน" แสงเมืองส่งสายตาให้เจ้าน้อยอย่างเว้าวอน เจ้าน้อยมองหน้าแสงเมือง สบสายตาที่คอยส่งมาให้ จนใบหน้านั้นค่อยๆก้มลงมาใกล้เรื่อยๆ

"อย่าหลับตาเลยนะขอรับ มองตากระหม่อม แล้วเจ้าน้อยจะเห็นว่ากระหม่อมต้องการบอกสิ่งใดกับเจ้าน้อย" แสงเมืองค่อยๆกระซิบบอกเจ้าน้อยเบาๆ จากนั้นค่อยๆหอมปรางค์สีระเรื่อเบาๆ ไล่ไปจนถึงปากบาง

"อื้ม..." เจ้าน้อยพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ส่งเสียงออกมา มิเช่นนั้นทั้งสองคนคงถูกจับได้เป็นแน่แท้ จนเมื่อเจ้าน้อยหายใจไม่ทัน จึงเอามือเล็กทุบอกของแสงเมืองเบาๆ จากนั้นแสงเมืองจึงค่อยๆผละออกจากปากหวานของคนตรงหน้าอย่างยากเย็น

"อื้ม....อื้อ" เหมือนว่าแสงเมืองจะไม่อาจทนต่อความต้องการร่างบางตรงหน้าได้อีก ยิ่งสัมผัสยิ่งอยากครอบครองเหลือเกิน จึงก้มลงจูบปากบางของเจ้าน้อยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะรุนแรงและเร่าร้อนกว่าเดิมนัก จนพอใจแล้วจึงไล่ลงมาที่แก้มนวลและลำคอระหงส์

"ท่านแสงเมือง" เสียงเรียกเบาๆ ของเจ้าน้อยทำให้แสงเมืองรู้ว่าต้องหยุดตัวเองลง แม้จะควบคุมตัวเองยากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากทำให้เจ้าน้อยกลัวไปมากไปกว่านี้

"กลับเข้าไปในกระโจมนะขอรับ น้ำค้างเริ่มลงแล้ว เดี๋ยวเจ้าน้อยจะไม่สบายเอา"

"นอนห่มผ้าหนาๆ แล้วก็ฝันถึงกระหม่อมบ้างนะขอรับ"

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

"เจ้าน้อยเสวยข้าวเช้าก่อนนะเจ้า เดี๋ยวปี้ไปเตรียมของหื้อ เดียวเฮาจะออกเดินทางต่อกันแล้ว"

"ขอบคุณครับปี้บัวแก้ว เราพับวางไว้บนที่นอนแล้ว ฝากปี้บัวแก้วจัดเก็บให้ด้วยนะครับ"

"เจ้าเจ้าน้อย"

"เจ้าอ้ายเสวยข้าวเช้าแล้วหรือยังครับ?" เจ้าน้อยเอ่ยถามเจ้ามิ่งขวัญที่เดินมาหาตนเองหน้ากระโจม

"เรียบร้อยแล้ว เชิญเจ้าน้อยตามสบายเถิด อ้ายมาถามว่าน้องหลับสบายดีไหม? หรือไม่สบายเพราะอากาศหนาวรึเปล่า?"

"น้องนอนหลับสบายดีครับเจ้าอ้าย อากาศเย็นสบายดีครับ"

"อย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ เจ้าน้อยคอไปโดนอะไรมาน่ะ?" ระหว่างถามไถ่น้องชาย เจ้ามิ่งขวัญก็สะดุดกับรอยบางอย่างสีแดงบางๆ บนคอเจ้าน้อย จะว่าเป็นแมลงหรือยุงกัดก็น่าแปลกอยู่ที่ตนเองกลับไม่โดนกัดเลย เพราะในกระโจมจะมีธูปกลิ่นตะไคร้หอมที่เอาไว้ไล่ยุงไล่แมลงจุดอยู่แล้ว แถมข้างนอกยังมีการก่อกองไฟให้ควันมันไล่ยุง ไล่เอาไว้ผิงอีกด้วย

"ตรงไหนหรือครับเจ้าอ้าย?" เจ้ามิ่งขวัญเอามือแตะเบาๆที่ลำคอขาวของเจ้าน้อย พลางขมวดคิ้วหนัก คล้ายกับว่าเป็นรอยบางอย่างที่ตนรู้จัก

"อะ..เอ่อ...เมื่อคืนก่อนนอนน้องนอนไม่หลับ คงเพราะแปลกที่ เลยออกมาดูดาวดูพระจันทร์แถวๆนอกกระโจม   เลยอาจถูกยุงหรือริ้นไรแถวนี้มันกัดเอาก็ได้ครับเจ้าอ้าย" เจ้าน้อยนึกขอบคุณไหวพริบของตนเองที่ช่วยตอบคำถามของเจ้าอ้ายได้ เพราะตนเองนึกได้ว่าเมื่อคืนแสงเมืองเผลอทำอะไรที่คอตนเองเอาไว้ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะขึ้นสีขนาดเจ้าอ้ายสังเกตได้

"งั้นเจ้าน้อยคงต้องระวังหน่อยแล้ว ในป่าพวกยุงเหลือบริ้นมันเยอะ เดี๋ยวผิวขาวๆของน้องจะแพ้เอาได้" เจ้ามิ่งขวัญยังไม่วายคุ่นคิดถึงยุงหรือริ้นที่มากัดเจ้าน้อย พร้อมกำชับให้เจ้าน้อยดูแลตัวเองให้ดี

=========================

"มะยมๆ ตื่นได้แล้วลูก ทำไมหนูมานอนฟุบอยู่บนโต๊ะนี้ได้ล่ะลูก?"

"ขอโทษจ๊ะยาย หนูอ่านหนังสือเพลินไปหน่อย เลยเผลอหลับไป"

"ถ้าง่วงก็เข้าไปนอนต่อบนที่นอนนะลูก สักพักหนูค่อยตื่นก็ได้ มันยังเช้าอยู่เลย เดี๋ยวยายจะไปทำกับข้าว เตรียมของขายก่อน"

"ไม่เป็นไรจ๊ะยาย หนูไม่ง่วงแล้วจ๊ะ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนดึกมากเลยจ๊ะ" มะยมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ รู้สึกว่าได้นอนเต็มอิ่ม แถมยังฝันแปลกๆอีก

"งั้นหนูก็ลูกไปล้างหน้า แปรงฟันซะนะลูก แล้วค่อยไปช่วยยายก็ได้"

มะยมแปรงฟัน ล้างหน้าไป ก็คิดถึงความฝันเมื่อคืนไปด้วย ในฝันคล้ายกับว่ามะยมเห็นใครอีกคนที่รูปร่างหน้าคล้ายตนเอง เพียงแต่ผมยาวกว่ามาก ใส่ชุดในสมัยก่อน อยู่กับผู้ชายอีกคนที่เป็นทหาร แล้วทหารคนนั้นก็เรียกคนที่หน้าตาคล้ายตนเองว่า "เจ้าน้อย" และเจ้าน้อยก็เรียกทหารคนนั้นว่า "แสงเมือง"

ในฝันครั้งนี้ช่างน่าแปลก เพราะนอกจากหน้าตารูปร่างที่คล้ายกับตนเองแล้ว คนในฝันยังเหมือนกับเป็นคู่รักกันอีกด้วย มะยมส่ายหัวเบาๆ คิดว่าคงเป็นเพราะอ่านหนังสือเล่มนั้นก่อนนอน เลยทำให้ฝันเป็นตุเป็นตะ
หัวข้อ: Re: ||=...หัวใจใฝ่รัก...=||= นิยายวายกลิ่นอายเหนือ =|| Up ตอนที่ ๑๑ (๑๔/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 19-01-2015 20:41:10
ถ้ามะยมคือเจ้าน้อยในชาติปางก่อน
แล้วปี้แสงเมืองเล่า เจ้าอยู่หนใด
งื้อออ ชอบมากค่ะ
เราเม้นไม่ค่อยรู้เรื่องอย่าถือสาน้า อิอิ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๒! (๑๙/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-01-2015 09:28:19
นั่นสิ พี่แสงเมืองรายงานตัวด่วน
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๓! (๒๓/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 23-01-2015 16:08:40
ตอนที่ 13

"ยายจ๋ามะยมไปทำงานกลุ่มกับอิ๊ฟนะจ๊ะ แล้วหนูจะรีบกลับมาช่วยยายเก็บของนะจ๊ะ"

"เตรียมอะไรไปพร้อมแล้วใช่ไหมลูก ?"

"จ๊ะยาย หนูไปนะจ๊ะ"


"สวัสดีครับตาแช่ม ผมมาหาอิ๊ฟครับ จำผมได้ไหม?" มะยมยกมือไหว้ตาแช่มที่เป็นคนสวนของบ้านอิ๊ฟ หลังจากที่มาถึงและกดกริ่งเรียกจนมีคนมาเปิด บ้านของอิ๊ฟเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้สมัยเก่า ผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนากับยุโรปได้อย่าลงตัว เห็นคุณย่าของอิ๊ฟเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนเรือนหลังนี้เป็นเรือนที่อยู่ในคุ้มเจ้าหลวงมาก่อน เป็นเรือนไม้สักทองศิลปะล้านนาทั้งหลัง แต่คุณปู่ของอิ๊ฟนำมาต่อเติมใหม่โดยใช้ศิลปะยุโรปมาผสมผสานเหมือนอย่างทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายหลังในพื้นที่เดียวกัน แต่ที่น่าสนใจที่สุดคงเป็นเรือนไทยไม้สักทองหลังใหญ่ยกสูงแบบล้านนาที่อยู่ด้านในสุดของบ้านอิ๊ฟ มากี่ครั้งๆกี่ครั้งก็ทำให้อดมองไม่ได้เพราะสมัยนี้หาดูได้ยากเรือนไทยล้านนาแบบนี้ ครั้งแรกที่เห็นบ้านเรือนไทยหลังนี้มะยมก็รู้สึกว่า มันสวยมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือรู้สึกคุ้นเคยและผูกพันกับมันมากอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่น่าแปลกคือมันถูกปิดอยู่ตลอด แต่ก็มีคนดูแลมันเป็นอย่างดีเหมือนกันทุกหลัง เพียงแต่ว่าเรือนนี้ไม่มีคนอยู่เหมือนทุกหลังนั่นเอง

"สวัสดีครับ จำได้สิครับคุณหนูมะยม ก็คุณหนูมาที่นี่ออกบ่อย" มะยมยิ้มให้เบาๆ แล้วเดินตามตาแช่มเข้าไป ตาแช่มแกเป็นคนขี้หลงขี้ลืม แต่อยู่กับแกแล้วสนุกดี อาจเป็นเพราะแกใจดีเหมือนยาย แล้วก็ชอบเอานั่นเอานี่มาเล่าให้ฟังเสมอ  จะว่าไปตาแช่มก็เป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี้เหมือนกันนะ มะยมคิดในใจ

"มะยมมาช้าอะ" เพิ่งมาถึงแม่ตัวยุ่งนี่ก็บ่นทันที มะยมยิ้มให้เพื่อนตัวเล็กไป

"โทษทีจ๊ะ เราช่วยยายเตรียมของไว้ขายวันนี้น่ะ เลยมาช้า แต่เราเอาขนมถั่วแปปฝีมือยายมาฝากอิ๊ฟด้วยนะ"

"ชิ นึกว่าเอาขนมมาล่อแบบนี้แล้วอิ๊ฟจะหายโกรธเหรอ?"

"โทษทีนะอิ๊ฟ งั้นเราเอาบัวลอยนี่ให้อีกด้วย ของโปรดอิ๊ฟทั้งนั้นเลยน้า ไม่เอาจริงเหรอ?" มะยมเอ่ยแซวเพื่อนไปเพราะหน้ายัยตัวยุ่งตอนนี้ยุ่งซะยิ่งกว่าอะไรอีก

"ชิ อิ๊ฟไม่ใช่คนเห็นแก่กินนะ"

"งั้นก็แสดงว่าอิ๊ฟไม่เอาใช่ไหม? เราจะได้เอาไปให้ตาแช่ม แกคงดีใจที่ได้กินของอร่อยๆแบบนี้"

"เอาไปใส่จานด้วย!!" มะยมยิ้มให้กับความน่ารักแสนงอนของเพื่อนตัวเล็ก ทำให้รู้สึกเหมือนมีเพื่อนกับน้องสาวในเวลาเดียวกัน

"ขอรับท่านหญิง" มะยมรู้จักบ้านของอิ๊ฟดี เพราะมาบ่อยอย่างที่ตาแช่มว่านั่นแหละ แต่มาทุกครั้งก็ไม่ค่อยเห็นใครเลย นอกจากคุณย่าของอิ๊ฟ เพราะพ่อกับแม่อิ๊ฟออกไปทำงานด้วยกันทั้งคู่ คุณย่าก็คงอยู่ในห้องหรือไม่งั้นก็อยู่ในสวนหลังบ้าน มะยมชอบบ้านอิ๊ฟนะ สวยดี สวนก็สวย มีแต่ดอกไม้หอมๆเต็มไปหมด เดินดูแล้วสบายใจดี ส่วนอีกคนพี่ชายอิ๊ฟ ซึ่งมากี่ทีก็ไม่เคยเจอเลย อิ๊ฟบอกว่าพี่ชายคนนี้บ้างานมาก แถมยังเนื้อหอมอีกด้วย แต่ที่อิ๊ฟสงสัยก็คือพี่ชายตนเองจะเป็นเกย์รึเปล่า? เพราะอายุก็ปาไปตั้งสามสิบกว่าแล้ว แต่ยังไม่เห็นพาแฟนมาให้รู้จักเลย บอกว่ามีดูๆกันบ้าง แต่ดูกันได้ไม่เท่าไหร่ก็เลิกกัน เพราะพี่ชายของอิ๊ฟมัวแต่บ้างาน ไม่สนใจแฟน ผู้หญิงที่ไหนเค้าจะทนได้ เห็นอิ๊ฟบอกว่างี้นะ

"สวัสดีครับคุณย่า"

"ไหว้พระเถิดจ๊ะหลาน ย่าจะทำขนมจีนน้ำเงี้ยว พอดีเลยจะได้มาทานด้วยกัน"

"ขอบคุณครับคุณย่า"

"ดีจังเลยค่ะคุณย่า อิ๊ฟจะกินให้พุงกางไปเลย" เพื่อนสาวของมะยมพูดด้วยสายตาเป็นประกายเพราะฝีมือคุณย่านวลอร่อยที่สุด นานๆทีจะได้กินสักที

"เป็นสาวเป็นนางสมัยนี้เค้าต้องรักษารูปร่างกันไม่ใช่เหรอลูก ขืนกินเยอะขนาดนี้คงไม่มีคนมาจีบหลานย่าพอดี เพราะหลานย่าคงจะอ้วนเป็นตุ่มแน่ๆ"

"แหมคุณย่าค่ะ อิ๊ฟยังไม่อยากมีหรอกค่ะ รอเรียนให้จบก่อน ยังอยากใช้ชีวิตโสดให้เต็มที่ นี่อิ๊ฟก็เพิ่งยี่สิบกว่าเอ็งนะค่ะคุณย่า ยังไม่ต้องรีบก็ได้ อิอิ"

"แล้วมะยมล่ะ มีแฟนกับเค้ารึยังลูก หรือว่าจะรอเป็นโสดพร้อมหลานย่า?"

"ยังไม่มีหรอกครับคุณย่า ผมก็เหมือนอิ๊ฟครับ อยากเรียนให้จบก่อน จะได้หางานทำ จะได้ดูแลยายได้ครับ"

"หนูเป็นเด็กดี คิดดีทำดี ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้หรอก เชื่อย่า ความกตัญญูของหนูจะช่วยให้หนูประสบความสำเร็จและเป็นเกราะคุ้มของหนูจากสิ่งไม่ดี" คุณย่ายกมือขึ้นลูบหัวมะยมอย่างเอ็นดู เพราะนึกรักและเอ็นดูเด็กคนนี้มาตั้งแต่แรกเห็นครั้งเมื่อหลานสาวพาเพื่อนมาทำงานกลุ่มที่บ้านครั้งแรก ทั้งกริยา น่าตาช่างเรียบร้อย น่ารักไปเสียหมด แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความกตัญญูที่มะยมมีอยู่ เพราะได้ยินหลานสาวพูดถึงบ่อยๆว่ามะยมเพื่อนของตนเอง น่ารัก เรียนเก่ง ขยัน เรียนเสร็จหรือว่างก็จะรีบกลับไปช่วยยายขายของทันที

"ครับคุณย่า"

"งั้นย่าไปทำขนมจีนก่อนนะ เดี๋ยวตอนเที่ยงตาอิฐจะกลับมาทานกลางวันด้วยกัน"

"เป็นแบบนี้นี่เอง ถึงว่าวันนี้คุณย่าถึงลงครัวทำเอง เป็นเพราะหลานชายสุดที่รักจะกลับมาทานกลางวันด้วยนั่นเอง อิอิ"

"ก็นานทีย่าจะได้อยู่คุยกับหลานๆพร้อมหน้าพร้อมตาสักที ก็พี่ชายเรานั่นแหละมัวแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ กว่าจะกลับบ้านมาย่าก็ขึ้นนอนแล้ว เป็นแบบนี้ทุกที" คุณย่านนวลบ่นถึงหลานชายบ้างานที่นานๆทีจะได้เจอ

"คุณย่ายังไม่ชินอีกเหรอค่ะ อิ๊ฟชินแล้วล่ะค่ะ ถ้าคุณย่าอยากให้พี่อิฐกลับบ้านเร็วๆ แล้วเลิกบ้างาน คุณย่าก็ให้พี่อิฐแต่งงานมีครอบครัวสิค่ะ เผื่อจะได้รีบกลับบ้านมาเจอหน้าเมียเหมือนกับเค้าบ้าง อิอิ"

"เราก็มีความคิดเข้าท่านะหลานย่า แต่ตาอิฐเค้ายังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอลูก?"

"ใช่ค่ะคุณย่า ใครจะไปทนได้ ผู้ชายบ้างาน ทำงานจนลืมเวลานัด ลืมวันสำคัญ มีนัดกับผู้หญิงแต่ดันทำงานเพลิน จนเลยเวลาเป็นชั่วโมง สองชั่วโมง"

"นั่นสินะ ย่าก็อยากเห็นนักว่าใครมันจะช่วยทำให้หลานย่ากลับมาเป็นคนปกติ ที่ไม่ใช่หุ่นยนต์แบบนี้ได้บ้าง?" ย่านวลหัวเราะเบาๆ กับคำพูดของหลานสาว ส่วนมะยมได้แต่ยิ้มบางๆกับสองย่าหลานที่เมาท์เรื่องมนุษย์โรบอท

"คุณย่าขา หนูกับมะยมมีเรื่องขอร้องให้คุณย่าช่วยค่ะ คือพวกเรากำลังทำงานกลุ่มเกี่ยวกับอาณาจักรล้านนาค่ะคุณย่า แล้วอาจารย์ให้เลือกหัวข้อที่น่าสนใจมาหนึ่งเรื่อง พวกเราก็เลยเลือกเอาเรื่อง "ปิงนครค่ะคุณย่า" แต่มันไม่ค่อยมีข้อมูลสักเท่าไหร่ เลยจะขอให้คุณย่าเล่าให้ฟังได้ไหมค่ะ?"

"ทำไมถึงคิดจะมาถามย่าล่ะลูก?"

"ก็หนูเหมือนจำได้นิดหน่อยว่าคุณย่าเคยพูดถึงเมืองนี้อยู่เหมือนกัน เลยมาขอให้คุณย่าช่วยไงค่ะ นะค่ะคุณย่า?"

"ย่าก็เล่าให้หนูฟังตั้งนานแล้วนิลูก จำไม่ได้รึไง หื้ม? เล่าให้หนูฟังก่อนนอนทุกคืน มาถามย่าตอนนี้ ย่าก็ไม่รู้จะจำได้หมดรึเปล่าเพราะมันนานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยย่ายังเด็กๆโน้น ตอนนี้ย่าก็แก่แล้วด้วยสิ"


"ยังไม่แก่สักหน่อย คุณย่าขอบหนูยังแข็งแรง ความจำดีอยู่เลย" ย่านวลยิ้มและส่ายหัวไปมากับความช่างพูดของหลานสาว

"งั้นหนูเดินไปเอากุญแจมาเปิดบ้านเรือนไทยนะลูก ย่าจะไปทำน้ำขนมจีน แล้วจะตามไปนะลูก ที่นั้นมีหนังสือทีหลายๆอย่างเกี่ยวกับปิงนครเยอะแยะเลย พวกหนูเข้าไปนั่งอ่านก่อนได้เลย"

"ค่ะ/ครับ คุณย่า"


"มะยมคงไม่เคยขึ้นไปบ้านเรือนไทยนี่ใช่ไหม? เรือนหลังนี้เก่าแก่มากเลยนะ ตั้งแต่สมัยคุณทวดเราแล้วล่ะ"

"อื้ม ยังไม่เคยขึ้นไป สวยดีนะบ้านเรือนไทย สมัยนี้หาดูได้ยากด้วย มีแต่บ้านอิฐบ้านปูนไปเสียหมด"

"ตามขึ้นเราขึ้นมาสิมะยม เดี๋ยวก่อนนะเราหากุญแจเปิดบ้านก่อน เอ๊ะ!! เราว่าเราเอามาแล้วนะ สงสัยคงลืมไว้ตอนไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้ งั้นมะยมรอนี่นะ เดี๋ยวเรากลับไปเอามาก่อน" มะยมหยุดยืนดูสภาพบ้านหลังนี้อยู่นานจนอิ๊ฟต้องเรียกให้ตามขึ้นไปบนบ้าน อาจเป็นเพราะยิ่งได้เห็นใกล้ๆ ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าน้ำตามันจะไหล คิดถึงจนบอกไม่ถูก

"อื้ม!!" มะยมรับปากเบาๆ พรางมองบ้านเรือนไทยล้านนาหลังนี้ด้วยความประหลาดใจก็ไม่ใช่ มันมีหลายความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้ ทั้งเงียบเหงา ทั้งเศร้า และเต็มไปด้วยความรักอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นก็เหมือนมีภาพอะไรไม่รู้มากมายที่ค่อยๆไหลเข้ามาในหัวของมะยมเต็มไปหมดเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ เป็นภาพที่มะยมเคยฝันตั้งนานแล้ว ทั้งเสาต้นนี้ ระเบียงตรงนั้น และใครอีกหลายคนที่เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้ มันช่างเหมือนกับในฝันของมะยมเหลือเกิน พลันน้ำตาจะไหล

"อ้าวมะยมเปิดบ้านหลังนี้ได้ยังไงอ่ะ? มะยมๆ" อิ๊ฟเดินเข้ามาเขย่าแขนเรียกมะยม เพราะเห็นว่ามะยมยืนเงียบไม่ตอบอะไร แถมยังเหม่อๆอีก

"ว้าย มะยม มะยมเป็นอะไรอะ" อิ๊ฟร้องลั่นเพราะหลังจากที่ไปเขย่าแขนเรียกมะยมแล้วมะยมไม่ตอบ แต่กลับเป็นลมเกือบล้มลงไป ยังดีที่พี่อิฐเข้ามาประคองไว้ได้ทัน อิ๊ฟตกใจกลัวเพื่อนเป็นอะไร แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ดีที่อิฐมีสติรีบอุ้มกลับไปที่บ้านใหญ่ได้ทันที

"ว้ายคุณอิฐ คุณอิ๊ฟ คุณมะยมเป็นอะไรไปค่ะ?" เด็กในบ้านถามด้วยความตกใจ

"อย่าเพิ่งถามได้ไหมน้อย ไปหายาดมมาให้ก่อน" อิฐบอกเสียงขรึม ทำให้น้อยเด็กรับใช้ในบ้านต้องรีบวิ่งไปหายาดมมาให้ทันที

"เสียงดังอะไรน่ะตาอิฐ ?" คุณย่าที่เพิ่งออกมาจากครัวถามขึ้น เพราะเวลานี้ทุกคนแตกตื่นกันไปหมด

"มะยมเป็นลมค่ะคุณย่า" อิ๊ฟที่เพิ่งได้สติตอบย่านวลออกไป ทั้งที่ใจก็พะวงเป็นห่วงเพื่อนอยู่มาก

"แล้วให้ใครเอายาดมยาหอมมาให้รึยัง?"


"ผมให้น้อยเอามาให้แล้วครับคุณย่า"

""มาแล้วค่ะคุณอิฐ" หลังจากเอายาดมให้คนตัวเล็กดมแล้ว อิฐก็เพิ่งมีโอกาสมมองหน้าเพื่อนสนิทของน้องสาวคนนี้อย่างพินิจวิเคราะห์ 














หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๓! (๒๓/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 23-01-2015 16:24:44
พี่อิฐคือพี่แสงเมืองใช่ไหม  :mew1:
รอวันทุกอย่าเฉลยนะคะ
น้องมะยมรีบฟื้นนะลูก
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๓! (๒๓/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-01-2015 19:13:43
โธ่ เพิ่งจะได้มาอ่านเรื่องนี้ สนุกดี ได้บรรยากาศแบบเหนือๆด้วย  ต้องขอบคุณคนแต่งนะที่อุตส่าห์วงเล็บภาษากลางให้ด้วย ไม่งั้นอาจมึนงง ได้ 555

คุณอิฐคือแสงเมืองใช่มั้ย ชาติปัจจุบันขอให้สมหวังสักทีเถอะ จากเจ้าน้อยมาเป็นมะยม น่ารักจัง

รอตอนต่อไปนะคะ

ปล. แทบไม่ค่อยมีคำผิดเลย นอกจากคำ อนุญาต ที่เห็นผิดบ่อยๆ ต้องไม่มีสระ  ิ นะ
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๓! (๒๓/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: beedy ที่ 25-01-2015 23:18:26
น่าติดตามนะครับ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ สนุกมากๆ

ปล. มาต่อไวๆ นะครับ อิอิ :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๔ (๒๘/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 28-01-2015 13:12:01
ตอนที่14

"อื้อ..." หลังจากดมยาดมได้ไม่นาน มะยมก็ฟื้น

"อย่าเพิ่งลุกสิ" มะยมหันไปมองตามเสียงเข้มๆติดดุอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมืนๆเบลอๆอยู่บ้างก็ตาม

"คะ...คุณ!!!" เสียงที่บ่งบอกว่าตกใจไม่น้อย เพราะมะยมเห็นว่า เจ้าของเสียงดุนั้น เป็นใครคนนั้นที่อยู่ในฝันของตนเอง ไม่ใช่สิต้องบอกว่าคล้ายใครอีกคนในฝันตนเองเสียมากกว่า

"ครับ!" อิฐมองร่างบางที่กำลังจะพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เหมือนกับว่าตกใจจนพูดไม่ออกยังไงอย่างงั้น

"มะยมเป็นยังไงบ้าง อิ๊ฟตกใจหมดเลยรู้ไหม?" ฝ่ายเพื่อนสาวทันทีที่เห็นเพื่อนฟื้นก็รีบพรวดพาดมาทันที

"เอ่อ..ก็ดีขึ้นแล้ว แต่ว่าเราเป็นอะไรไปเหรอ?" มะยมถามหลังจากที่สมองกำลังประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง

"คือมะยมเป็นลมไปตอนที่เรากำลังจะเข้าไปในบ้านเรือนไทยไงล่ะ มะยมจำได้ไหม?"

"อื้อ" มะยมกำลังคิดตามที่เพื่อนบอก จำได้ว่าตนเองกำลังรออิ๊ฟที่กลับไปเอากุญแจมาเปิด จากนั้น....

"พออิ๊ฟมาถึงก็เห็นประตูมันเปิดแล้ว เลยถามมะยมว่าเปิดประตูได้ยังไง แล้วมะยมก็เป็นลมล้มไปเลย อิ๊ฟตกใจแทบแย่ ดีนะพี่อิฐเข้ามาประคองตัวมะยมไว้ได้ทัน ไม่งั้นเจ็บตัวแน่เลย" มะยมขมวดคิ้ว อิฐ? ใครกัน?

"ขมวดคิ้วทำไมมะยม หรือว่าปวดหัว?" มะยมส่ายหน้าปฏิเสธ

"เอ่อ อิ๊ฟลืมแนะนำไป นี่พี่อิฐ พี่ชายอิ๊ฟ ว่าจะแนะนำให้เจอตั้งหลายทีละ แต่คลาดกันตลอด"

"พี่ชายอิ๊ฟเหรอ?" มะยมพูดงืมงำเหมือนคุยกับตัวเอง เหมือนมีภาพทับซ้อนระหว่างพี่ชายของอิ๊ฟ กับแสงเมือง คนที่เคยฝันถึง

"ไม่เป็นไรก็ดีแล้วนะจ๊ะลูก ย่าก็ตกใจแทบแย่ เอ้า!! ดื่มยาหอมนี่อีกนิดนะลูกเผื่อจะได้ดีขึ้น" มะยมมองยาหอมในแก้วที่คุณย่านวลยื่นให้ แล้วก็ทำหน้าแหยงนิดๆ เหมือนเด็กที่กำลังถูกบังคับให้กินยาขม ทำให้อิฐอดยิ้มมุมปากออกมาไม่ได้ กับภาพเด็กหนุ่มตรงหน้า

"ขอบคุณครับคุณย่า แล้วก็ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เป็นห่วงกันใหญ่เลย" มะยมพูดอย่างคนขี้เกรงใจ

"ถ้าจะขอบคุณ ต้องขอบคุณพี่อิฐโน้น เค้าเป็นคนอุ้มเรามา" มะยมรีบหันไปมองอย่างแปลกใจ นี่ถึงกับอุ้มมาเลยเหรอ? เกิดมาไม่ยังเคยถูกใครอุ้มมาก่อน แก้มมะยมถึงกับขึ้นสีบางๆทันที ในหูเหมือนมีเสียงเอคโค่ตะโกนมาว่า อุ้มมาๆๆๆ แล้วสมองก็ดันนึกภาพตามด้วยนี่สิ จะบ้าตาย มะยมคิดในใจ

"ขอบคุณครับ" มะยมยกมือไหว้ขอบคุณพี่ชายเพื่อนที่ช่วยอุ้มตนเองมา แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า ตัวเองจะหนักเกินไปไหม?

"แล้วมะยมเปิดประตูนั่นได้ยังไงอะ? ทั้งๆที่กุญแจอยู่กับอิ๊ฟนะ แล้วบ้านเราก็มีกุญแจเปิดบ้านเรือนไทยแค่ดอกเดียวด้วย?"

"เราก็ไม่รู้เหมือนกัน" มะยมตอบเพื่อนด้วยเสียงเบาๆ ราวกับไม่แน่ใจ เพราะภาพในฝันขณะหนึ่งคือ คนที่หน้าเหมือนตนเอง และถูกเรียกว่าเจ้าน้อยซ่อนมันไว้ตรงช่องแคบๆหัวเสานั่นเอง แล้วก็ไม่รู้ว่าตนเองเดินไปหยิบมันออกมาเปิดได้ยังไงเหมือนกัน ยังงงๆอยู่เหมือนกัน

"อย่าเพิ่งถามเพื่อนเลยลูก ให้เพื่อนได้พักก่อน" คุณย่านวลเป็นบอกให้ยุติการซักถาม นับว่าถือว่าโชคดีของมะยม เพราะไม่รู้จะอธิบายเพื่อนและทุกคนยังไงดี

"กินยานั่นด้วย" เอ๊ะ!! มะยมหันไปตามเสียงที่บอกให้กินยา อุตส่าห์ว่าจะอุ๊บอิ๊บไม่กินแล้วนะ แต่ก็สู้สายตาของพี่ชายเพื่อนไม่ได้ คนอะไรตาดุจัง มะยมจำเป็นต้องรีบกั้นใจดื่มลงไปอย่างขัดใจเล็กน้อย

"อ๊าช...." มะยมเบ้หน้า ไม่ชอบทั้งกลิ่น ทั้งรสชาติมัน แล้วรีบดื่มน้ำที่อิฐเตรียมไว้ให้แล้ว ในใจคิดว่าคนอะไรชอบบังคับอยู่ได้ บ้าอำนาจ

"งั้นเราไปช่วยคุณย่าทำขนมจีนนะมะยม นอนพักก่อน ค่อยทานข้าว แล้วทำงานต่อเนอะ" มะยมได้แต่พยักหน้าให้เพื่อนไป แต่ตายังจ้องใบหน้าของร่างสูงของพี่ชายเพื่อนอยู่

"ทำไม?" มะยมขมวดคิ้วกับคำถาม ทำไม? ของพี่ชายเพื่อน ถามแค่เนี๊ยะนะ แล้วใครมันจะไปรู้ว่ามันหมายความว่าไงล่ะ?

"มองหน้าทำไม?" อิฐเลือกที่จะเปลี่ยนคำถามให้มันยาวขึ้น และเข้าใจง่ายมากขึ้น พร้อมกับยักคิ้วให้ด้วยตามนิสัย เพราะอิฐทำจนเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวไปแล้ว

"ปะ..ป่าวครับ" ในใจอิฐกลับคิดว่า เด็กคนนี้แปลก ทั้งที่เห็นว่ามองอยู่ แต่ก็ยังปฏิเสธ แต่มะยมกลับไม่ได้คิดถึงสิ่งที่อิฐถามเลย คิดแต่ว่า เหมือนจริงๆ เหมือนมาก ราวกับคนๆเดียวกัน จะไม่เหมือนก็ตรงทรงผม กับบุคลิก ผู้ชายคนนี้ช่างลึกลับ ตาดุ ผิดกับแสงเมืองคนนั้นเหลือเกิน

"กะ..ก็แค่คิดว่าหน้าคุณเหมือนใครสักคนที่คิดว่ารู้จักเฉยๆครับ" จ้องอยู่เข้าไป จ้องอยู่นั่นแหละ มะยมคิดในใจว่าจ้องขนาดนี้เหมือนครูดุนักเรียนไม่มีผิด

"ดีขึ้นรึยัง? ถ้าดีขึ้นแล้ว พี่ขอถามนายด้วยคำถามเดียวกับอิ๊ฟ ว่านายเปิดประตูนั่นได้ยังไง?" อะไรเนี๊ยะมะยมบ่นกับตัวเองในใจ ทำอย่างกับมะยมเป็นผู้ต้องหา แล้วตัวเองเป็นตำรวจมาสอบสวนอย่างงั้นแหละ แต่มะยมได้แต่นิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไร

"งั้นพี่เปลี่ยนคำถามใหม่ว่า หน้าพี่เหมือนใคร?"

"แล้วคุณจะถามทำไม ทำอย่างกับคุณรู้จักงั้นแหละ?"

"พี่แทนตัวเองว่าพี่ นายก็ต้องเรียกพี่ว่า "พี่อิฐ" เหมือนที่อิ๊ฟเรียก แล้วก็ช่วยตอบคำถามพี่มาด้วย"

"พี่อิฐอยากรู้ไปทำไม ยังไงบอกไปพี่ก็ไม่รู้จักหรอก"

"ทำไมถึงคิดว่าพี่จะไม่รู้จักล่ะ พี่อาจรู้หรืออาจกำลังสงสัยอะไรเหมือนกับนายก็ได้นะ"

"พี่อิฐหมายความว่ายังไง?"

"พี่หมายความตามที่พูด ถ้านายบอก พี่ก็จะบอกนายเหมือนกันว่า หน้านายก็เหมือนใครอีกคนที่พี่เหมือนว่ารู้จักเหมือนกัน"

"ทานข้าวกันได้แล้วจ้าสองหนุ่ม ขนมจีนมื้อนี้อิ๊ฟเป็นคนทำเอง อร่อยอย่าบอกใครเลย อิอิ" ยังไม่ทันได้คำตอบที่ชัดเจน อิ๊ฟก็เดินมาเรียกทั้งสองหนุ่มให้มาทานขนมจีน เลยทำให้การสนทนายุติลงก่อน

"อะไรยัยตัวยุ่ง รู้หรอกหน่าว่าคุณย่าเป็นใส่เครื่องปรุงให้แล้วเราก็แค่เป็นคนโขลกพริกแกงขนมจีนต่างหาก ทำเป็นคุยใหญ่เลยนะ"

"เอ๊ะ!! พี่อิฐ อิ๊ฟเป็นทำเองกับมือ โขลกเองกับมือ โคนเองกับมือ มันก็ต้องเป็นฝีมืออิ๊ฟสิ อิ๊ฟต้องให้เครดิตตัวเองเป็นธรรมดา ถึงจะมีคุณย่าคอยช่วยก็เหอะ ชิ!!"

"ทะเลาะกันอีกแล้วสองคนนี้ พอไม่เจอกันก็บ่นหากัน แต่พอเจอกันกับมาแหย่กันซะงั้น ไม่อายมะยมเค้ารึไง? หื้ม?" คุณย่าเอ่ยปรามหลานทั้งสองคนอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่

"ไปยกมาสำรับมาเลยน้อย ค่อยๆทยอยยกมาล่ะ เดี๋ยวหกล้มไปไม่ได้ทานกันพอดี"

"ทานเยอะๆนะหนูมะยม จะได้ตัวโตๆเหมือนตาอิฐนี่ไง ตัวแค่นี้เกิดลมมาคงปลิวตามลมไปหมด" มะยมเหลือบสายตาไปที่คนที่คุณย่ายกมาเปรียบเทียบ แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร แล้วก็ก้มหน้าทานต่อ แต่กลับเป็นฝ่ายอิฐเองที่รู้สึกมันเขี้ยว อยากแกล้งคนที่ทำเป็นไม่สนใจตนเองอย่างบอกไม่ถูก

"ครับคุณย่า"

"ตาอิฐก็ทานเยอะนะลูก ทำงานหนักก็ต้องทานเยอะๆนะลูก"

"ครับคุณย่า"

"เอ้าแม่ตัวยุ่งก็ทานเยอะๆสิ แข่งกันผอมกับมะยมรึไงเรา?" คุณย่าเอ่ยทักหลานสาวที่หุ่นพอๆกับเพื่อนเลย

"ง่ะ.....คุณย่าอย่าเรียกหนูแบบอิตาพี่อิฐสิค่ะ" ระหว่างทานไป ทุกคนก็คุยกันบ้าง แต่มะยมเลือกที่จะเป็นผู้ฟังที่ดีมากกว่า แต่ก็ยังมีสายตาอีกคู่หนึ่งที่ไม่รู้ว่าติดใจอะไรกับคำพูดของมะยมนักหนา ถึงได้จ้องเอาๆ แม้กระทั่งตอนทานข้าว ก็ยังจ้อง แบบนี้คนอื่นก็ทานข้าวไม่ลงน่ะสิ







ปล_ทีแรกเห็นไม่ค่อยมีฟีดแบคก็ใจแป้ว เลยไม่ค่อยลง ขอบคุณมากครับที่ติดตาม ปล_ภาษาเหนือบางคำก็ยากที่จะเข้าใจ แต่ผมจะพยายามถ่ายทอดนะครับ
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๔ (๒๘/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 28-01-2015 14:16:12
แอร๊ยยยย พี่อิฐคือแสงเมืองจริงๆด้วยยย
แสดงว่าทั้งสองคนฝันถึงอดีตชาติเหมือนกันสินะ
อยากให้สองคนนี้คุยกันจัง งือออ ชอบเจ้าน้อยกับแสงเมืองอ่ะ
คนเขียนสู้ๆนะคะ สนุกมาก เราชอบ
รอตอนต่อไปค่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๔ (๒๘/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: doudoh ที่ 28-01-2015 15:22:29
มาให้กำลังใจ ลงเยอะๆนะ รออยู่  สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๔ (๒๘/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 28-01-2015 19:18:36

ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจ

สัญญาว่าพรุ่งนี้จะมาลงให้ใหม่นะครับ

(^^)
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๔ (๒๘/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: yjm ที่ 28-01-2015 19:36:42
รออ่านนะ
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๔ (๒๘/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 29-01-2015 18:50:32
สนุกค่ะชอบเรื่องแนวโบราณแบบนี้

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๕ (๒๙/ม.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 29-01-2015 20:30:46
ตอนที่ 15

"คุณย่าขาทานเสร็จแล้วอย่าลืมนัดของเรานะค่ะ"

"จ๊ะหลานย่า"

"นัดอะไรกันเหรอครับคุณย่า?" อิฐถามอย่างแปลกใจ ว่าแม่น้องสาวตัวดีจะชวนคุณย่าทำอะไรอีก ยิ่งแก่นเซี้ยวกับเค้าอยู่

"สองคนนี้เค้าจะให้ย่าเล่าเรื่อง "ปิงนคร" ให้ฟัง เพื่อใช้ทำงานกลุ่มนะลูก" อิฐได้ยินก็ทำหน้าคุ่นคิดว่าทำไมต้องเป็น"ปิงนคร"? แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป

"งั้นย่าไปเข้าห้องน้ำก่อนนะลูก เดี๋ยวย่าตามไป"

"ค่ะ/ครับ คุณย่า"

"นี่..พี่อิฐตามพวกเรามาทำไม? งานการตัวเองไม่มีทำรึไง?"

"อะไรบ่ายนี้พี่ว่าง พี่จะกลับมาอยู่กับคุณย่าให้ท่านหายคิดถึง เกี่ยวอะไรกับเราด้วย?"

"เกี่ยวสิ ก็คุณย่าต้องช่วยอิ๊ฟทำรายงาน"

"เราก็ทำงานของเราไปสิ พี่จะอยู่เฝ้าคุณย่า"

"จิ๊" อิ๊ฟจิ๊เสียง เพราะถูกพี่ชายแกล้ง

"บ่นอะไรขมุบขมิบหายัยตัวยุ่ง ทีเพื่อนเราเค้าไม่เห็นว่าอะไรเลย" อิฐยักคิ้วไปให้มะยมหนึ่งทีตามนิสัย แต่มะยมน่ะสิกลับคิดในใจว่า ใครมันจะไปกล้าว่าอะไรหลานชายเจ้าของบ้านได้ล่ะ พูดมาได้

"นั่นรูปคุณปู่ทวด กับคุณย่าทวดของเรา ยังเป็นรูปขาวดำอยู่เลยเนอะสมัยก่อน" มะยมก็หันไปดูรูปที่ติดบนฝาผนังบ้านเรือนไทยล้านนาตามที่อิ๊ฟบอก เห็นเป็นรูปของคนค่อนข้างมีอายุ ใส่ชุดไทยล้านนา ผู้ชายมีหนวดนิดหน่อย ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงสะโหร่ง ผู้หญิงใส่เสื้อลูกไม้มีสไบทับ ใส่ผ้าซิ่นลายสวย ผมเกล้าขึ้นแล้วเอาปิ่นปัก

"ท่านเป็นเจ้าเหรอ?" มะยมถามเพื่อนสนิท เพราะเห็นด้านล่างเขียนว่า เจ้าภูสรวง กับเจ้าแม่ละอองทิพย์

"จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิงนะ ท่านเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแมนสรวง กษัตริย์เมืองปิงนครน่ะลูก" คุณย่านวลอธิบายให้หลานๆฟัง

"แล้วเจ้าแมนสรวง ท่านไม่มีลูกเหรอครับคุณย่า?"

"มีสิลูก มีอยู่สามพระองค์นะ เท่าที่ย่าจำได้ตอนที่แม่ของย่า หรือคุณย่าทวดเล่าให้ฟังนะ เหมือนว่าองค์โตจะชื่อ "เจ้ามิ่งขวัญ" ส่วนองค์รองจะชื่อ "เจ้าหยาดฟ้า" ทั้งสององค์นี้เป็นพี่น้องกัน ส่วนอีกองค์หนึ่งย่าจำชื่อไม่ได้ แต่ทุกคนจะเรียกพระองค์ว่า "เจ้าน้อย..."

"ขวัญระมิงค์" มะยมฟังคุณย่านวลเล่าไป ใจก็คิดไปถึงความฝันของตัวเองไป จนเผลอนึกถึงหน้าเจ้าน้อยและเอ่ยชื่อของเจ้าน้อยออกไป

"ใช่แล้วล่ะจ๊ะลูก องค์สุดท้องชื่อ "เจ้าน้อยขวัญระมิงค์" เป็นลูกของพระสนมเอื้องฟ้า มีคนเล่าว่าพระองค์หน้าตางดงามราวกับภาพวาด แต่ไม่ค่อยมีใครได้พบเห็น เพราะทรงเก็บตัวอยู่แต่ในคุ้ม"

"มะยมเก่งจัง คืนเดียวก็อ่านได้ขนาดนี้แล้วเหรอ?"

"เอ่อ...คือ....ใช่จ๊ะเราอ่านมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่จบจ๊ะ" จะบอกอิ๊ฟว่าอ่านได้ไม่กี่หน้าเอง เพราะตัวเองก็เผลอหลับคาหนังสือไปเลยก็ไม่ได้ มะยมขมวดคิ้วหนักกับความปากไวของตัวเอง อยากจะตบปากตัวเองสักทีสองที ฝ่ายอิฐที่เอาแต่จ้องร่างบางเพื่อนน้องสาว ก็ขมวดคิ้วเหมือนกัน แต่เป็นละเรื่อง อิฐขมวดคิ้วเพราะจับพิรุธเพื่อนน้องสาวอยู่นั่นเอง ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าเด็กคนนี้กำลังโกหกและกำลังปิดบังอะไรอยู่

"ต่อเลยค่ะคุณย่า"

"ย่าก็จำไม่ค่อยได้หรอกนะลูก เห็นเค้าเล่าต่อกันว่า ในสมัยล้านนา เมืองนี้เป็นเมืองที่แข็งแกร่ง และค่อนข้างเจริญ เพราะอยู่ติดกับแม่น้ำปิง เลยมีการทำการค้ากับหลายเมืองที่ผ่านแม่น้ำปิงมา อีกทั้งยังเป็นเมืองอุดมสมบูรณ์ สมัยนั้นเจ้าแมนสรวงได้ส่งเจ้ามิ่งขวัญไปเรียนที่พม่า เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจึงกลับมาช่วยราชการของพระบิดา"

"ทำไมต้องไปเรียนที่พม่าโน้นล่ะค่ะคุณย่า ไม่เห็นจะดีเลย"

"เพราะสมัยนั้นพม่าเป็นเมืองที่มีอำนาจมากที่สุด และเจริญมากที่สุด เหล่าราชวงศ์หรือแม้ขุนนางก็ส่งลูกส่งหลานไปเรียนที่นั่นเช่นกัน"


"อ้อเข้าใจแล้วค่ะ"

"แล้วพวกหนูไม่จดกันเหรอลูก?"

"ไม่ค่ะคุณย่า หนูอัดคลิปเสียงเก็บไว้แล้วค่ะ กลัวจะจดไม่ทันเหมือนเลคเชอร์อาจารย์ไงค่ะ"

"สมัยนี้เทคโนโลยีมันไปไกลแล้วนี่เนอะ" คุณย่านวลหัวเราะกับเด็กสมัยใหม่กับเทคโนโลยี

"สมัยก่อนเราตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าไหมครับคุณย่า?"

"เป็นสิลูกประมาณ 200 กว่าปี ทางเราต้องส่งเครื่องบรรณาการ เช่นต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง ไม้สัก ช้างม้า และผ้าไหม แพรพรรณต่างๆไปให้เจ้าเมืองพม่า ในยามศึกสงครามก็ต้องส่งทหารไปร่วมศึกด้วย และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ล้านนาเราถูกพม่าปกครองในฐานะกษัตริย์อีกด้วย"

"ยังไงเหรอครับคุณย่า?"

"หลังจากพม่ายกทัพมาตีเราจนสำเร็จ ได้เรียกร้องบรรณาการต่างๆ และได้ส่งเชื้อพระวงศ์หลายๆองค์มาปกครองเราไงลูก"

"แล้วปิงนครล่มสลายได้ยังไงค่ะคุณย่า?"

"บ้างก็ว่ากันว่าล้มสลายเพราะ อิสตรี เพราะเจ้าแมนสรวงทรงเป็นนักรัก รุ่มหลงสตรีจนไม่สนใจราชการ แต่บ้างก็ว่าที่ปิงนครล้มสลายเพราะพระองค์ทรงตรอมพระทัยที่เจ้าน้อย บุตรชายองค์เล็กสิ้นพระชนม์" มะยมได้ยินดังนั้นถึงกับช็อค เหมือนกับใครเอาไม้หน้าสามมาฟาดลงที่หัว


"มะยมเป็นอะไรรึเปล่าทำไมหน้าซีดอย่างนี้ล่ะ?" คำตอบของคุณย่านวลทำให้มะยมหน้าซีดจนยืนไม่อยู่ พลันนึกถึงฝันร้ายที่เขามักฝันบ่อยๆ เกี่ยวกับสองคนนั้น และทุกครั้งก็ต้องนอนร้องไห้ทรมานจนกว่าจะตื่นหรือยายมาปลุก

"ปะ...เปล่าๆ เราโอเคดี"

"ย่าว่าพาเพื่อนเราไปพักก่อนไหมลูก หน้าซีดมากเลย ถ้าพวกหนูอยากได้ข้อมูลอะไรอีกค่อยมาถามย่าใหม่วันหลังก็ได้นะลูก" อิฐประคองมะยมไม่ให้ล้มแล้วพามานั่งริมระเบียงให้อากาศพัดจะได้รู้สึกดีขึ้น

"มะยมดื่มน้ำหวานหน่อยไหม? เผื่อจะได้สดชื่นขึ้น" ยังไม่ทันได้ตอบอะไร เพื่อนตัวเล็กก็วิ่งออกไปเอามาแล้ว เหลือเพียงแต่มะยมกับอิฐ ส่วนคุณย่าก็เดินกลับไปที่บ้านใหญ่แล้วเหมือนกัน

"ดีขึ้นรึยัง?"

"ครับ"

"แต่นายยังหน้าซีดอยู่เลยนะ" มะยมไม่ตอบอะไร คล้ายกับว่าอยู่แต่ในความคิดของตัวเอง จนเพื่อนตัวเองกลับมา

"อะมะยมดื่มนี่ก่อน ทำไมช่วงนี้มะยมเหมือนจะเป็นลมบ่อย เป็นแบบนี้ไม่ดีนะ ไปหาหมอไหม? เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน" อิ๊ฟเอาน้ำเฮลบลูบอยให้มะยมดื่ม มือก็เอากระดาษมาพัดให้เพื่อนไปด้วย

"ไม่เป็นไรหรอกอิ๊ฟ สงสัยเราคงนอนไม่พอเฉยๆน่ะ" มะยมบอกปฏิเสธเพื่อนไป เพราะตนเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเลย เมื่อคืนก็นอนไม่ดึกด้วยซ้ำ แต่จะให้บอกเพื่อนยังไงว่า นึกถึงความฝันกับเรื่องที่คุณย่านวลเล่าให้ฟังเลยเข่าอ่อน เหมือนจะเป็นลม ขืนบอกอย่างนั้นอิ๊ฟคงไม่เชื่อ แถมยังจะคิดว่าเขาเพ้อเจ้อก็ได้

"งั้นคราวหน้าเป็นแบบนี้อีก มะยมต้องไปหาหมอกับเรานะ สัญญาสิ?"

"อื้ม!! สัญญา"

"งั้นเรากลับบ้านไปช่วยยายเก็บของล่ะนะ ไว้พรุ่งนี้เจอกันที่มหา'ลัย"

"พี่อิฐค่ะ ไปส่งเพื่อนอิ๊ฟหน่อยได้ไหมค่ะ?" อิ๊ฟขอให้พี่ชายไปส่งเพื่อนเพราะเป็นห่วงไม่อยากให้เพื่อนกลับบ้านเอง กลัวจะไปเป็นลมเป็นแล้งกลางทาง

"ไม่เป็นไรหรอกเรานั่งรถแดงกลับเองได้ เราโอเคแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง"

"อย่าดื้อ!!" อะไรอีกล่ะอิตานี่ พูดดีๆกับเค้าไม่เป็นรึไง เอาแต่ดุอยู่ได้ ไม่เห็นเหมือนกับแสงเมืองสักนิด มะยมคิดในใจ ขมวดคิ้วหน้างอไปด้วย

"ไปเหอะนะมะยม อย่าเกรงใจเลย เราเพื่อนกันนะ" เพราะคำนี้แหละ มะยมเลยต้องเดินตามหลังร่างสูงอย่างกับยักษ์นั้นไปอย่างช่วยไม่ได้


>>>>> ขอบคุณครับทุกกำลังใจ ^^
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๕ ( ๒๙/มกราคม/๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 29-01-2015 22:09:04
แสงเมืองชาตินี้ดุยิ่งนัก
เจ้าน้อยก็กลายมาเป็นเด็กหนุ่มน่ารัก
ขอบคุณนะคะ สนุกมากๆ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ||=นิยายวายกลิ่นอายเหนือ=|| อัพแล้ว!! ตอนที่๑๕ ( ๒๙/มกราคม/๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: beedy ที่ 29-01-2015 22:45:55
สนุกมากๆเลยครับ  :mew1: :z10: :z10:

เป็นกำลังใจให้คนแต่ง
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) อัพแล้ว!! ตอนที่๑๕ ( ๒๙/มกราคม/๕๘
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-02-2015 13:00:33
พี่อิฐ อะ ดุจัง แต่ชอบ 55555  แอบสงสัยว่า พี่อิฐฝันเห็นอดีตเหมือนกันหรือเปล่า

รอตอนต่อไปนะ (ทำไมเวลาคนแต่งมาต่อเรื่อง พลาดตลอดเลยเรา  :katai1:)
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) มาต่อแล้วครับ!! ตอนที่๑๖ (๗/ก.พ./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 07-02-2015 14:52:00

ตอนที่ 16


"เจ้าน้อยเจ้า วันอาทิตย์นี้จะถึงวันเกิดเจ้ามิ่งขวัญแล้ว เจ้าน้อยจะไปร่วมงานก่อเจ้า?"

"เราไม่อยากไปเลยพี่บัวแก้ว ไปก็เหมือนไม่มีตัวตน สู้ไม่ไป แล้วอยู่ในที่ของเราแบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ" เจ้าน้อยหวนนึกถึงวันสำคัญทุกปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นแบบนี้ทั้งสิ้น ทำให้อดน้อยใจไม่ได้

"แต่เจ้ามิ่งขวัญเปิ้นมาบอกเจ้าน้อยหื้อไปร่วมงานตวยนาเจ้า ถ้าบ่อยากไปเจ้าน้อยหยังบ่บอกเจ้ามิ่งขวัญไปตั้งแต่แรก?"

"เราไม่กล้าปฏิเสธเจ้าอ้าย เพราะรู้ว่าเจ้าอ้ายอยากให้เราไปร่วมงานด้วยจริงๆ"

"อั้นเจ้าน้อยก่อต้องไปร่วมงานแล้วละ บ่อั้นเจ้ามิ่งขวัญจะเสียใจเอาได้นาเจ้า" เจ้าน้อยถอนหายใจอย่างปลงเสียไม่ได้

"บ่ต้องกึดนักนาเจ้า เจ้าน้อย เฮามากึดดีกว่าว่าจะเอาอะหยังหื้อเจ้ามิ่งขวัญดี?" บัวแก้วเห็นเจ้าน้อยหน้าตาหมองลงเลยเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้เจ้าน้อยคลายกังวลลง แม้ว่ามันจะช่วยได้ไม่มากก็ตามที (กึดนัก : คิดมาก)

"เจ้าอ้ายมีของมากมายอยู่แล้ว เราคิดไม่ออกว่าเจ้าอ้ายทรงขาดสิ่งใดบ้าง เพราะทุกสิ่งล้วนถูกจัดหามาให้หมดแล้วตามฐานะรัชทายาท"

"ค่อยๆกึดก่อได้เจ้า เดียวปี้ไปดูในครัวก่อน แล้วจะออกมาช่วยกึดเน้อเจ้า"

"อะแฮ่ม!!" เสียงคนกระแอมดังมาแต่ไกล ทำให้เจ้าน้อยที่อยู่ในภวังค์หันมามอง

"มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงอีกแล้วนะท่านแสงเมือง"

"ถ้าไม่มาเงียบๆแบบนี้ จะเห็นคนบางคนใจลอยหรือขอรับ?

"นี่ท่านแสงเมือง อย่ามารุ่มร่ามนะ เดี๋ยวพี่บัวแก้วมาเห็น"

"แค่จับมือเองขอรับ กระหม่อมไปดูมาแล้ว พี่บัวแก้วกำลังเตรียมสำรับมื้อกลางวันให้เจ้าน้อยอยู่ ยังไม่เข้ามาหรอกขอรับ"

"ท่านมันเจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการนักท่านแสงเมือง" เจ้าน้อยค้อนให้แสงเมืองที่เจ้าแผนการยิ่งนัก ใครจะคิดว่าก่อนเข้ามาแสงเมืองไปดูพระพี่เลี้ยงคนสนิทของตนมาแล้ว

"ครั้งที่แล้วท่านยังไม่เข็ดอีกเหรอท่านแสงเมือง เจ้าอ้ายเกือบสงสัยว่าตัวอะไรมากัดคอเรา ท่านนี้มัน!!" เจ้าน้อยหมดคำต่อว่าร่างสูงหนาตรงหน้า เพราะว่ายังไงก็คงไม่ฟัง แถมยังทำหน้ายิ้มระรื่นอีก

"อย่าทำหน้างอสิขอรับ มันยิ่งทำให้กระหม่อมอยากแกล้งมากขึ้นนะขอรับ" เจ้าน้อยทำตาโตกับคำพูดของแสงเมือง

"ไหนบอกแสงเมืองคนนี้ได้หรือยังครับว่าคิดถึงใครอยู่?" แสงเมืองจูงมือเจ้าน้อยมานั่งบนตั่งใหญ่ แล้วก็ลูบมือบ้าง เอามือมาขึ้นหอมบ้าง จนเจ้าน้อยหน้าแดงแล้วแดงอีก

"เราแค่คิดว่างานวันเกิดเจ้าอ้ายจะเอาสิ่งใดให้เจ้าอ้ายเป็นของขวัญดี เพราะเจ้าอ้ายทรงมีทุกสิ่งอยู่แล้ว ท่านว่าเราควรเอาอะไรให้เจ้าอ้ายดีท่านแสงเมือง แล้วถ้าท่านเป็นเจ้าอ้าย ท่านอยากได้อะไร?"

"ถ้าเป็นกระหม่อม กระหม่อมอยากได้เจ้าน้อยขอรับ" แสงเมืองพูดหยอกล้อเจ้าน้อย สายตาก็ส่งมาอย่างกะลิ้มกะเหลี่ย จนเจ้าน้อยอดไม่ไหวใช้มือเรียวไปทีหนึ่ง

"ยังจะมาเล่นอยู่อีกท่านแสงเมือง"

"ก็มันจริงนิขอรับ กระหม่อมต้องการอย่างนั้นจริงๆนิขอรับ จะให้กระหม่อมปดต่อหัวใจตนเองได้อย่างไรกัน"


"ยิ่งพูดเหมือนเราจะยังไม่ได้คำตอบเรื่องของขวัญเจ้าอ้ายนะ เอาเป็นว่าท่านคิดว่าเราควรให้อะไรดี?" แสงเมืองยิ้มที่เจ้าน้อยทรงหาโอกาสเลี่ยงได้ตลอดจริงๆ

"กระหม่อมว่าเอาเป็นพระสักองค์ที่แกะสลักจากงาช้างดีไหมขอรับ กระหม่อมเคยเห็นแล้วงาช้างก็เป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันผยันอันตรายได้ด้วยนะขอรับ"

"แล้วเราจะไปหาสิ่งที่ท่านว่าได้จากไหนล่ะท่านแสงเมือง?" เจ้าน้อยขมวดคิ้วคิด เพราะสิ่งที่แสงเมืองว่าช่างแปลก และหายากเสียเหลือเกิน

"เรื่องนั้นเอาไว้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมเองเถิดขอรับ กระหม่อมพอรู้จักพรานป่าทำเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่บ้างขอรับ"

"แต่เราสงสารช้างมันอยู่เหมือนกันนะที่ต้องถูกตัดงา"

"อย่าทรงเป็นกังวลเลยขอรับ พรานป่าคนนี้เป็นคนดีขอรับ เป็นคนเลี้ยงช้าง เค้าไม่กล้าตัดงาจากช้างที่ยังไม่ตายหรอกขอรับ"

"งั้นแสดงว่าเอามาจากช้างที่ตายแล้วเหรอท่านแสงเมือง?" เจ้าน้อยถามอย่างสนอกสนใจ

"ใช่ขอรับ ก่อนตัดพรานเค้าก็จะทำพิธีขอขมา ขอตัดงาของช้างตัวนั้นประมาณนี้ขอรับ"

"ค่อยโล่งอกหน่อย ไม่งั้นเราคงไม่กล้าเอาหรอกนะ เราสงสารมัน มันคงเจ็บน่าดู" แสงเมืองอมยิ้มกับคำพูดของเจ้าน้อย ช่างน่ารัก และอ่อนโยนเสมอ

"ไว้วันพรุ่งนี้กระหม่อมไปจัดการให้นะขอรับ"

"ท่านทำมาสององค์นะท่านแสงเมือง เราอยากทำเก็บไว้ด้วย"

"ขอรับเจ้าน้อย แต่ตอนนี้กระหม่อมว่าเจ้าน้อยต้องจ่ายค่าที่กระหม่อมช่วยคิดแล้วนะขอรับ"


>>>>>>>>>>

"เจ้าน้อยใกล้จะได้เวลาแล้วนาเจ้า หยังบ่แต่งตั๋วเตื่อกาเจ้า?" (ทำไมยังไม่แต่งตัวอีกล่ะค่ะ)

"เราไม่อยากไปเลยพี่บัวแก้ว"

"ไปหื้อเจ้ามิ่งขวัญเห็นหน้าสักกำแล้วก่อลักออกมาก่อได้ลอเจ้า" (ไปให้เจ้ามิ่งขวัญเห็นหน้าแล้วค่อยแอบออกมาก็ได้นิค่ะ)

"มาเดียวปี้ทำผมหื้อ วันนี้เอาดอกเอื้องเน็บไปแตนบ่เจ้า เดียวปี้เกล้าผมแล้วเอาเน็บหื้อ" บัวแก้วรู้ว่าเจ้าน้อยรักผมของตนเองมาก แล้วก็ชอบดอกไม้มากด้วยเหมือนกัน หวังว่ามันจะพอช่วยให้เจ้าน้อยคลายความกังวลลงได้ บัวแก้วสงสารเจ้าน้อยเหลือเกิน ต้องอยู่ในฐานะลูกที่ถูกลืม มันช่างทุกข์ระทมเหลือเกิน (ดอกเอื้อง : ดอกกล้วยไม้)

"สวัสดีครับเจ้าอ้าย" เจ้าน้อยยกมือไหว้เจ้ามิ่งขวัญ

"สวัสดีเจ้าน้อย วันนี้น้องงามขนาด บัวแก้วช่างสรรหา เจ้าน้อยเหมาะกับดอกเอื้องนี้มากเลยนะ" เจ้ามิ่งขวัญเอ่ยชมน้องชายที่คืนนี้ใส่เสื้อเหลืองอ่อน สะโหล่งสีขาวนวล และผ้าคาดเอวสีแดงเหลือดนก เกล้าผมแล้วติดด้วยดอกเอื้องผึ้ง (กล้วยไม้ดอกเล็กๆ สีเหลืองมีลักษณะเป็นช่อลงมา)

"ขอบคุณครับเจ้าอ้าย นี่ของขวัญของน้องครับเจ้าอ้าย น้องไม่รู้ว่าจะสรรหาสิ่งใดมาให้เจ้าอ้ายดี เพราะทุกสิ่งเจ้าอ้ายก็ล้วนมีหมดแล้ว"

"ไหนอ้ายดูสิว่าน้องให้อะไรอ้ายมา" เจ้ามิ่งขวัญเปิดกล่องไม้เล็กๆ ที่ใส่ไว้ในถุงผ้าไหมสีทองเล็กๆ แล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ

"ไม่ว่าเจ้าน้อยจะให้สิ่งใดกับอ้ายมา อ้ายก็คิดว่ามันคือสิ่งที่ดีที่สุด และมีค่าที่สุดสำหรับอ้ายอยู่แล้ว ขอบใจเจ้าน้อยมากนะ ของขวัญชิ้นนี้อ้ายถูกใจมาก เจ้าน้อยช่างสรรหาจริงๆ" เจ้ามิ่งขวัญกอดน้องชายคนนี้ไว้แนบอก ด้วยความรู้สึกอยากดูแล อยากปกป้องน้องชายให้ได้มากกว่านี้ ให้เท่ากับสิ่งที่น้องชายคนนี้ขาดไป

"ขอบคุณครับเจ้าอ้าย" เจ้ากล่าวขอบคุณเบาๆแนบอกเจ้ามิ่งขวัญ พลันน้ำตาไหล

"โตแล้วไหงร้องไห้อย่างนี้เจ้าน้อย หยุดเร็ว เด็กน้อย" เจ้ามิ่งขวัญเอามือใหญ่ลูบแผ่นหลังเล็กที่กำลังสะอื้นไห้เบาๆ เจ้าน้องผละออกมาเพื่อไม่ให้น้ำตาเปื้อนเสื้อเจ้ามิ่งขวัญ พลางใช้มือเช็ดน้ำตา แต่ยังไม่ทันเจ้ามิ่งขวัญที่กำลังเช็ดให้อยู่ดี


"ป่ะ!! เข้าไปกราบเจ้าป้อ กับเจ้าแม่ดีกว่า" เจ้าแม่ที่ว่าก็คือ พระชายา ของเจ้าแมนสรวง เจ้าป้อของตนเอง เจ้ามิ่งขวัญจูงมือเจ้าน้อยเดินเข้าไปในคุ้มหลวงอย่างช้าๆ แต่หัวใจเจ้าน้อยกลับเต้นแรงและปวดร้าวเสียเหลือเกิน เมื่อมาถึงกลางคุ้มหลวง เจ้าน้อยก็ยิ่งใจสั่นเหลือเกิน เจ้ามิ่งขวัญรับรู้และเข้าใจจึงบีบมือเล็กนั้นเบาๆ คล้ายกับบอกว่า อ้ายเป็นกำลังใจให้ และจะอยู่ข้างๆเจ้าน้อยนะ

"ถวายบังคมครับเจ้าป้อ" เจ้าน้อยก้มลงกราบลงเบื้องหน้าเจ้าชีวิต เจ้านครด้วยสายตานิ่งเฉยอย่างต้องเก็บมันไว้ลึกๆภายในใจ ส่วนเจ้าแมนสรวงได้แต่พยักหน้าให้เพียงเท่านั้น

"ถวายบังคมครับเจ้าแม่" เจ้าน้อยก้มลงกราบลงอีกครั้งเบื้องหน้าเจ้าแม่ หรือเจ้าสร้อยมาลา พระชายาของเจ้าป้อ

"ลุกขึ้นเถิดลูก ไม่ต้องมีพิธีอะไรมากก็ได้ คนกันเองทั้งนั้น" จากนั้นเจ้าน้อยก็ลุกขึ้นนั่งบนตั่งไม้สักข้างเจ้ามิ่งขวัญ เจ้าสร้อยมาลาเรียกเจ้าน้อยว่า "ลูก" มาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต แต่จะผิดไหมถ้าเจ้าน้อยกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นกับคำว่าลูกที่ส่งมาให้เลยสักนิด

"ขอบพระทัยครับเจ้าแม่" เจ้าน้อยกล่าวคำขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่แห้งผาก เหมือนอยู่กลางทะเลทรายก็ไม่ปาน

"แม่ไม่ค่อยเห็นหน้าเจ้าน้อยเลยลูก มัวแต่ดูแลเจ้าป้อของลูก ดูแลฝ่ายใน เลยไม่ค่อยมีเวลาไปเยี่ยมเจ้าน้อยเลย ลูกเองก็ไม่มาให้แม่เห็นหน้าเลย เป็นไงบ้างสบายดีไหมลูก?"

"ลูกสบายดีครับเจ้าแม่"

"สบายดีอะไรกัน ครั้งก่อนยังเห็นนางกำนัลบอกว่าลูกไม่สบายมิใช่หรือ?"

"เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาครับเจ้าแม่ ตอนนี้หายดีแล้วครับ ขอพระทัยที่เจ้าแม่ทรงเป็นห่วงลูกครับ"

"ยังไงก็รักษาตัวให้ดีนะลูก"

"เจ้าแม่ก็เหมือนกันนะครับ ทรงรักษาสุขภาพด้วยนะครับ" เวลานี้เจ้าน้อยคิดถึงเจ้าแม่ของตนเหลือเกิน

"นางกำนัลยกสำรับมาได้ เสียเวลามามากแล้ว" เจ้าน้อยแม้จะตกใจกับคำพูดดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอันใดออกไป ไม่แม้แต่หันไปมองเจ้าป้อของตนเองเลย เพราะเกรงว่าถ้าหันไปมอง ตนเองต้องร้องไห้ออกมาแน่ พลันจะทำให้งานกร่อยไปเสียเปล่า ฝ่ายเจ้ามิ่งขวัญได้ยินดังนั้นจึงลูบมือเรียวนั้นเบาๆ คล้ายกับจะปลอบใจน้องชาย เจ้าน้อยก็ลูบมือเจ้ามิ่งขวัญตอบเบาๆ เช่นกัน

"ก็ดีเหมือนกันค่ะเจ้าป้อ ลูกก็หิวแล้วเหมือนกัน มัวแต่มาทักทายกันเหมือนกับว่าไม่ได้เจอกันมานมนานอย่างนั้นแหละ" เจ้าหยาดฟ้า หรือเจ้าปี้หยาดฟ้าเอ่ยขึ้น ขณะที่นางกำนัลกำลังยกสำรับมาวางไว้ให้ คล้ายกับว่าทรงตำหนิที่น้องชายคนนี้ที่มาช้า แล้วยังพูดมากอีก เจ้าน้อยไม่ทรงตอบอันใด ได้เพียงแต่ก้มหน้าทานไปช้าๆ  อาหารมื้อนี้เป็นแบบขันโตก นั่งทานกันบนตั่งไม้สักทองฉลุลาย อาหารทุกอย่างถูกทำขึ้น และตกแต่งมาเป็นอย่างดี แต่เจ้าน้อยกลับไม่รู้สึกว่ามันอร่อยเลยสักนิด ทุกอย่างล้วนขม จะกลืนลงคอแต่ละคำช่างยากลำบากยิ่งนัก









หัวข้อ: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๑๗ (๑๓/ก.พ./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 13-02-2015 19:38:12







 ตอนที่ 17





"อ้าวพี่อิฐมาทำอะไรที่มหา'ลัยอิ๊ฟค่ะ" อิ๊ฟถามอย่างแปลกใจ

"พี่ก็มารับเราไง" อิฐตอบแบบหน้าตาย แต่สายตามองไปยังคนตัวเล็กข้างๆน้องสาวตัวเอง ฝ่ายคนถูกมองพอเห็นว่ามีใครมาจ้องอยู่จึงทำหน้าไม่พอใส่ อิฐจึงได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหัวเบาๆ

"แล้วนึกยังไงมารับอิ๊ฟ?"

"ก็พี่อยากมารับไง อยากทำหน้าที่พี่ชายที่ดีบ้าง" อิ๊ฟทำเหวอแบบไม่น่าเชื่อ เพราะปกติแทบจะแงะออกจากโต๊ะทำงาน เป็นไปไม่ได้ที่จะปลีกตัวมารับ

"แล้วรู้ได้ยังไงว่าอิ๊ฟเลิกเรียนแล้ว?"

"ก็พี่เห็นตารางเรียนในห้องเราไง"

"อิตาพี่อิฐแอบเข้าห้องอิ๊ฟทำไม แอบเข้าห้องผู้หญิง นิสัยไม่ดี" อิ๊ฟพูดกระเง้ากระงอดพี่ชายตัวเอง

"อะไร? ตัวเองมีอะไรปิดบังหรือซ่อนไว้เหรอถึงเข้าไม่ได้?"

"ไม่มี!! ตัวเองนั่นแหละมารับเค้าแบบนี้มันผิดวิสัย ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ"

"แอบแฝงอะไร เพ้อเจ้อละตัวยุ่ง" อิฐเอามือยีผมน้องสาวเพราะหมั่นเขี้ยว มาทำตัวขี้สงสัย จับผิดพี่ชาย

"เอ๊ะ!! หรือว่ามารับสาวที่มหาลัยอิ๊ฟ?"

"สาวเสิวที่ไหนกัน" อิฐส่ายหัวกับความคิดของน้องสาว

"อย่าให้รู้แล้วกัน!!" วันนี้อิฐยิ้มหลายครั้งและนะ ยิ้มแรกเพราะเด็กเล็กหน้างอ และยิ้มต่อมาก็คงเป็นเพราะความคิดบ้าบอของน้องสาวตนเองนี่ล่ะ

"แล้วจะกลับไหม? อุตส่าห์มารับ"

"กลับค่ะ!! ป่ะ! มะยมกลับกัน"

"จะดีเหรออิ๊ฟ นัดเราเอาไว้วันอื่นก็ได้นะ เดี๋ยวเรากลับเองได้" มะยมกระซิบเพื่อนสาวเบาๆ เพราะเกรงใจพี่ชายเพื่อนที่ต้องไปส่ง วันก่อนก็ทีหนึ่งละ

"ไม่เอาอะ เราอยากไปกินขนมคุณยาย ไม่ได้เจอคุณยายมาตั้งนานละ"

"พี่อิฐอิ๊ฟจะไปบ้านมะยมก่อนนะ พี่อิฐจะไปด้วยไหม?"

"ไปสิ" มะยมหันหน้ามามองอิฐทันทีหลังจากได้ยินคำว่า "ไปสิ" จากปากของอิฐ ทีแรกคิดว่าไม่น่าจะไปนะเนี๊ยะ มะยมคิดในใจ

"จริงสิพี่อิฐเคยไปส่งมะยมแล้วนิเนอะ จำทางได้ใช่ไหมค่ะ?" อิฐพยักหน้าให้เป็นคำตอบว่าจำได้


"ยาย หวัดดีครับ /คุณยายขา สวัสดีค่ะ" มะยม และอิ๊ฟ ยกมือไหว้ยายที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บของก่อนปิดร้าน

"ไหว้พระเถิดจ๊ะลูก แล้วนั่นพาใครมาด้วยล่ะ?"

"พี่อิฐ พี่ชายอิ๊ฟเองค่ะคุณยาย"

"หน้าตาหล่อเหลา คมคายจริงพ่อคูณ"

"สวัสดีครับคุณยาย"

"หวัดดีจ๊ะพ่อหนุ่ม แล้วทานอะไรกันมารึยังล่ะลูก?"

"อิ๊ฟกำลังว่าจะมาขอฝากท้องที่บ้านคุณยายสักมื้อค่ะ คิดถึงกับข้าวฝีมือคุณยายที่สุดเลยค่ะ" อิ๊ฟเข้าไปจับแขนออดอ้อนยายของเพื่อนเบาๆ

"ปากหวานจริงแม่คูณ ป่ะเดี๋ยวยายทำกับข้าวให้ทาน อยากทานอะไรกันล่ะ หื้อ?" ยายช้อยยิ้มให้กับความน่ารักขี้อ้อนของเพื่อนหลานชาย ความจริงตอนแม่ของมะยมท้อง บ่นอยากกินแต่ของหวาน ของคาวก็ไม่ค่อยกิน นึกว่าจะได้หลานสาว แต่พออกมาก็กลับเป็นผู้ชายซะได้

"อิ๊ฟทานอะไรก็ได้ค่ะคุณยาย ขอให้เป็นฝีมือคุณยายอิ๊ฟทานได้หมดค่ะ"

"แล้วตาอิฐล่ะลูกอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมลูก?"

"ผมเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ทานได้หมดครับคุณยาย?"

"ดีลูก กินง่ายอยู่ง่ายไปที่ไหนก็ไม่ลำบาก"

"มะยมพาเพื่อนกับรุ่นพี่เราไปนั่งเล่นทางโน้นก่อนลูก แล้วค่อยมาช่วยยาย" รุ่นพี่เหรอ? คงไม่ใช่ละ เพราะอิ๊ฟบอกว่าพี่อิฐจบจากที่อื่น ซึ่งไม่ใช่มหาลัยเดียวกัน จะเป็นรุ่นพี่ได้ยังไง? มะยมคิดในใจ

"จ๊ะยาย เดี๋ยวหนูมาช่วยนะจ๊ะ" ยิ้มกับตนเองเพราะคนตัวเล็กพูดแทนตัวเองว่าหนู ทีพูดกับตนเองพูดผม ช่างน่ารักไม่หยอก อิฐส่ายหัวกับความคิดของตัวเองเบาๆ แต่มะยมกลับถลึงตาใส่เพราะเห็นอิฐแอบยิ้มเพราะตนเองแทนตัวเองว่าหนูกับยาย

"กินน้ำรากบัวไหมอิ๊ฟ เดี๋ยวเราเอามาให้?"

"เอาๆ แหะๆ ว่าจะขอกินอยู่ รู้ใจจริงๆคนนี้น่ะ"

"ขอบใจจ๊ะคุณเพื่อน พี่อิฐไม่เคยกินใช่ไหมน้ำรากบัว ลองดูสิ อร่อยนะ"

"ก็อร่อยดีนะ หอมด้วย"

"งั้นเราไปช่วยยายทำกับข้าวก่อนนะ เดี๋ยวมาคุยด้วย"

"เค้าอยู่กันแค่สองคนเองเหรอ?" หลังจากที่มะยมเดินออกไป อิฐก็หันไปสำรวจรอบๆบ้าน จากนั้นเลยถามถึงเจ้าของบ้านเพราะครั้งที่แล้วมาส่งก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย เพราะร่างบางเอาแต่นั่งเงียบตลอด

"หมายถึงใครพี่อิฐ?" อิ๊ฟพอรู้ว่าพี่ชายหมายถึงใคร แต่อยากแกล้งเล่นเฉยๆ เพราะร้อยวันพันปีพี่ชายตนเองเคยจะสนใจคนอื่นเสียที่ไหน แถมวันนี้ยังทำตัวแปลกๆ มารับกลับบ้าน แล้วตามมาบ้านมะยมโดยไม่บ่นสักคำอีก ไม่น่าสงสัยน้อยซะที่ไหน

"อย่ามาเล่นลิ้นยัยตัวยุ่ง?"

"โอ๊ะ มีโวยด้วย อิอิ อ่ะๆ ตอบก็ได้ มะยมอยู่กับยายแค่สองคนตามที่เห็นนั่นแหละ เห็นว่าพ่อแม่ของมะยมเสียไปตั้งนานแล้วนะ รู้แค่นี้แหละ แล้วตัวเองอยากรู้ไปทำไมพี่อิฐ?"

"ก็ถามเฉยๆ เห็นอยู่กันแค่สองคน เลยลองถามดู" พอได้คำตอบแล้ว อิฐก็ลุกเดินออกมาดูต้นไม้บนระเบียง ปล่อยให้แม่น้องสาวตัวดีนั่งเล่นมือถือไปคนเดียว

"ยายจะทำอะไรทานจ๊ะเย็นนี้?" อิฐได้ยินเสียงแจ้วๆของคนตัวเล็กคุยกับยาย จึงเดินมาดูเล็กน้อย เลยเห็นว่าร่างบางกำลังช่วยยายทำกับข้าวอยู่

"ยายว่าจะทำฉู่ฉี่ปลาดุก กับต้มข่าไก่น่ะลูก"

"งั้นหนูทำกับข้าวอีกสักอย่างนะจ๊ะยาย จะได้มีหลายๆอย่าง"

"แล้วหนูจะทำล่ะอะไรลูก?"

"หนูว่าจะทำหลนเต้าเจี้ยวจ๊ะยาย อยากทานอยู่พอดี"

"ตาอิฐจะเอาอะไรลูก ?"

"เปล่าครับคุณยาย ผมแค่อยากมาช่วยน่ะครับ ไหนๆก็ฝากท้องกับคุณยายแล้ว เลยมาช่วยดีกว่าจะได้เสร็จเร็วๆ คุณยายจะได้ไม่เหนื่อยมากด้วยไงครับ"


"ช่างพูดจริงๆพ่อคูณ งั้นไปช่วยมะยมก็ได้ลูก"

"ให้พี่ช่วยอะไรครับ?" มะยมมองซ้ายมองขวา เพราะไม่รู้ว่าจะให้ทำอะไรดี

"ช่วยปอกหอมหัวใหญ่ แล้วก็หั่นก็ได้ครับ" คนตัวโตนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นไม้แล้วลงมือปอกหอมห้วใหญ่ เห็นแล้วค่อนข้างน่าตลกเพราะคนตัวโตกับเขียงอันเล็กดูไม่เข้ากันเอาซะเลย อย่างที่บอกว่าบ้านมะยมเป็นเรือนไม้ยกสูงแบบล้านนา ห้องครัวก็อยู่ด้านบน ทำกับข้าวก็ทำบนพื้นไม้กระดานเลย จึงค่อนข้างลำบากสำหรับผู้ชายตัวโตแบบอิฐ

"เอาเยอะไหม?" อิฐหันไปถามมะยมเพราะไม่รู้ว่าร่างบางต้องการเยอะรึเปล่า?

"3-4 หัวก็พอครับ"

"สอนพี่หั่นหน่อยสิ พี่หั่นไม่เป็น!!" อิฐพูดไปก็พลางเกาหัวแก้เขินไป อาสามาช่วยแต่ทำอะไรไม่เป็นเลย

"ห่ะ???" มะยมหันมามอง เพราะคนที่เสนอตัวช่วยบอกว่าหั่นหัวหอมไม่เป็น ว่าแล้วเชียว ว่าไม่น่าจะทำกับข้าวเป็น เพราะท่าทีก็ดูขัดๆเขินๆ งกๆเงิ่นๆ

"เอาหน่าพี่เป็นคนหัวไว สอนแป๊บเดียวทำได้เลย"

"หั่นขนาดเท่านี้นะครับ เสร็จแล้วก็เอามาใส่ในจานนี้"

"ซื้ด...ซื้ด..ซื้ด" มะยมหันมามองคนตัวโตที่กำลังหั่นหัวหอมไปด้วย น้ำตาไหลไปด้วย พลางเอาแขนเสื้อเช็ดน้ำตาไปด้วย จะว่าน่าสงสารก็คงใช่ ตลกก็ใช่อีกเหมือนกันนั่นแหละ

"มานี่ม่ะ เดี๋ยวผมทำเอง" อิฐเช็ดน้ำตาแล้วหันมามองหน้ามะยมอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ปล่อยมีด ยังดึงดันจะทำต่อให้เสร็จเพราะเหลืออีกซีกเดียวก็ใกล้จะเสร็จละ

"แค่นี้เองพี่สู้ไม่ถอยหรอก ใกล้จะเสร็จละ" มะยมจึงหันไปลงน้ำมัน กระเทียม แล้วก็ตะไคร้ทุบที่หั่นเป็นท่อนแล้วเรียบร้อยลงในกระทะ ส่วนคนตัวโตก็ตามมายืนดูข้างๆ

"กลับไปนั่งข้างนอกก็ได้นะครับ นี่ก็ใกล้เสร็จแล้ว เดี๋ยวอย่างอื่นผมช่วยยายทำเองได้ครับ"

"ไม่เอาพี่อยากช่วย สัญญาจะไม่เกะกะ" บอกว่าไม่เกะกะ แต่ตัวก็โตออกขนาดนี้ แล้วครัวก็เล็กซะขนาดนี้ มันเกะกะมากเลยล่ะ มะยมคิดในใจ

"งั้นก็ช่วยส่งกะทินั่นมาให้ด้วยครับ ถ้าจะช่วย" อิฐยิ้มเบาๆ ที่คนตัวเล็กยอมให้ช่วยต่อ

"ปกติแทนตัวเองว่าหนูเหรอ?"

"อื้ม"

"งั้นก็แทนตัวเองว่าหนูกับพี่สิ"

"ไม่อะ"

"ทำไมล่ะ ? น่ารักดีออก"

"ก็ไม่ทำไมอะ แค่ไม่อยากเรียก"

"งั้นก็แทนตัวเองว่า มะยมแทนสิ"

"ช่วยส่งหัวหอมให้หน่อยครับ" มะยมเลือกที่จะไม่ตอบ แล้วเปลี่ยนไปขอหัวหอมจะคนตัวโตมาแทน

"เอาเต้าเจี้ยวออกทำไม? เค้าไม่ใส่ทั้งอย่างนี้หรอกเหรอ?"

"ยายบอกว่าถ้าใส่เต้าเจี้ยวแบบนี้มันจะเค็มไปให้เอาไปล้างน้ำนิดหน่อย มันจะได้ลดความเค็ม" มะยมตอบนักเรียนโข่งไป แล้วจึงเอาเครื่องปรุงอื่นๆมาใส่ต่อ โคนสักพักรอให้มันสุก มะยมเอาช้อนตักมาชิมเล็กน้อย เผื่อว่าจะขาดอะไรไปจะได้เติม ไม่อยากให้เสียชื่อหลานแม่ค้าข้าวแกง

"โห..นึกว่าพี่อิฐหายไปไหนมา ที่แท้ก็หลบมาช่วยมะยมทำกับข้าวนี่เอง"

"ใช่สิ ใครจะไปมัวแต่นั่งเล่นเกมส์ เล่นเฟซบุ๊คแบบตัวเองกันล่ะ"

"อะไรกัน อื๊ฟถามงานกับเพื่อนหรอก ว่าแต่ตัวเองเหอะนึกยังไงเข้าครัว? ร้อยวันพันปีอิ๊ฟไม่เคยเห็นพี่อิฐเข้าครัวเลย"

"ก็คิดว่ามาทานข้าวบ้านเค้าแล้ว ก็ต้องช่วยเจ้าของบ้านเค้าทำอะไรบ้าง รู้จักไหม? อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น" อิฐได้ยินก็เบ้ปากใส่พี่ชาย แล้วหันมามองเพื่อนรักตัวเอง

"มะยมอยากเล่นควายไหม เดี๋ยวอิ๊ฟปั้นให้ อิอิ" มะยมถึงกับเหวอกับคำถามเพื่อนตัวเล็ก

"เอ่อ...ไม่ดีกว่า" อิ๊ฟได้ยินคำตอบจากเพื่อนแล้วจึงหันไปยักคิ้วให้พี่ชายตนเองไปสองที

หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๑๗ (๑๓/ก.พ./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: yjm ที่ 13-02-2015 20:19:27
อยากเจอมะยมหล่ะสิพี่อิฐ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๑๘ (๒๐/ก.พ./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 20-02-2015 13:59:39


 ตอนที่ 18

"มะยมลูกหนูตักกับข้าวแล้วยกไปเลยก็ได้ลูก เดี๋ยวยายตำน้ำพริกหนุ่ม กับลวกผักเสร็จแล้วจะตามไป"

"จ๊ะยาย"

"มาเดี๋ยวพี่ช่วย ให้เอาไปวางตรงไหน?"

"เอากับข้าวพวกนี้ใส่ในขันโตก แล้วยกไปเลยก็ได้ครับ" อิฐอาสาเข้ามาช่วย แต่ไม่รู้ว่าต้องเอาจานกับข้าวพวกนี้ใส่ไว้ตรงไหน มองซ้ายมองขวา ก็ไม่เห็นถาดหรืออะไรที่จะเอามาใส่ได้เลย มะยมจึงบอกให้เอาขันโตกที่วางอยู่บนตู้กับข้าวออกมา แล้วจัดวางลงไป


"บ้านมะยมเค้าจะทานข้าวกันแบบขันโตก ตัวเองไม่เคยนั่งทานกับพื้นแบบนี้ล่ะสิพี่อิฐ?" อิ๊ฟถามพี่ชาย เพราะคนมาใหม่คงไม่คุ้นเคยกับการทานข้าวแบบนี้ ปกติอยู่ที่บ้าน หรือที่ทำงานก็จะนั่งทานบนโต๊ะกันทั้งนั้น

"อื้ม" อิฐพยักหน้า และตอบรับเบาๆ เพราะตนเองก็ไม่เคยทานแบบนี้จริงๆนี่หน่า ทานยังไงยังไม่รู้เลย ในหัวคิดไปต่างๆนาๆว่าจะทานกับมือแบบสมัยก่อนรึเปล่า? หรือใช่ช้อนแบบปกติ?

"นั่งกันเลยลูก คงหิวกันแล้วล่ะสิ" ทุกคนนั่งล้อมรอบขันโตก 4 คน คนละมุมพอดี เริ่มจากซ้ายมือของมะยมเป็นอิ๊ฟ ขวามือเป็นแขกตัวโต แล้วตรงข้ามตนเองเป็นยาย แล้วอิฐก็ได้คำตอบเพราะทุกคนก็นั่งลงกับที่ของตนเองแล้ว แถมยังมีช้อนสั้นๆ ทั่วไปวางไว้บนจานข้าวแล้ว คิดในใจว่าดีหน่อย เพราะตนเองก็ทานแบบใช้มือไม่เป็นซะด้วย

"หิวมากเลยค่ะคุณยาย ท้องก็ร้องจ๊อกๆ ตั้งแต่ได้กลิ่นแรกๆแล้วค่ะคุณยาย อิอิ"

"หิวขนาดนั้นก็ลงมือทานเลยลูกไม่ต้องเกรงใจ"

"ขอบคุณค่ะ/ครับ คุณยาย"

"ทานเยอะๆนะลูก มะยมก็ทานเยอะๆนะลูกหนูผอมบางเกินไปแล้วนะลูก"

"ทานเยอะแล้วจ๊ะยาย แต่มันไม่อ้วนเองนิจ๊ะ"

"อันนี้หลนเต้าเจี้ยวฝีมือพี่กับมะยม รับรองอร่อย ลองทานสิตัวยุ่ง"

"มาทำเป็นคุย ตัวเองช่วยอะไร ไปเกะกะเค้าล่ะสิไม่ว่า" อิ๊ฟว่าพี่ชายแต่ก็ยังตักมาชิมอยู่ดี

"อย่ามาประมาท พี่เป็นคนหั่นหอมหัวใหญ่เองกับมือ แสบตาจะแย่"

"แค่เนี๊ยะ?"

"อื้ม" อิ๊ฟคิดในใจนึกว่าจะช่วยเยอะกว่านี้ซะอีกทำเป็นคุยซะ

"แล้วมะยมไม่หันหัวหอมเป็นครึ่งซีกแล้วเอาไปแช่น้ำเกลือให้พี่เค้าก่อนเหรอลูก? พี่เค้าถึงได้บอกว่าแสบตา" มะยมตกใจไม่คิดว่ายายจะถามแบบนี้ ฝ่ายคนตัวโตก็จ้องหน้าคนตัวเล็กทันทีที่ได้ยินยายถาม จึงรู้ว่าตนเองโดนแกล้งซะแล้ว ร้ายไม่เบาเห็นแบบนี้ อิฐคิดในใจ

"เอ่อ..ตอนแรกหนูคิดว่าหัวหอมมันนานแล้ว ไม่น่าจะทำให้แสบตา เลยไม่เอาแช่เกลือนะจ๊ะยายจ๋า"

"อิอิ" อิ๊ฟไม่พูดอะไร ได้แต่หัวเราะเบาๆ เพราะรู้ว่าพี่ชายโดนมะยมแกล้งซะแล้ว

"พี่อิฐไม่กินฉู่ฉี่ปลาดุกเหรอ อร่อยนะ โอ๊ะลืมไป..พี่อิฐแกะก้างปลาไม่ค่อยเป็นนี่เนอะ งั้นก็ไม่ต้องกิน เดี๋ยวก้างติดคอจะแย่เอา"

"แกะให้พี่หน่อยสิ!!" มะยมเงยหน้าจากจานข้าวมามองหน้าคนตัวโต ที่ตักฉู่ฉี่ปลาขึ้นมาวางบนจานของตนเอง แล้วขอให้แกะก้างปลาให้อย่าง งงๆ

"ขอบคุณครับ หึๆ" อิฐยิ้มแล้วก็ขอบคุณร่างบางที่อุตส่าห์แกะก้างปลาให้ จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ เพราะรู้ว่าร่างบางไม่ได้เต็มใจทำให้สักเท่าไหร่  แต่ที่แกะให้กินเพราะยายกำลังมองหน้าอยู่ต่างหาก

"คนอะไรตัวโตขนาดนี้แล้ว ยังแกะก้างปลาไม่เป็น?" มะยมพูดกับตัวเองเบา ๆ

"คนอย่างพี่นี้ไง" อิฐได้ยินแม้จะเบามากก็ตาม เลยตอบกลับไปแบบหน้าตาเฉยและเบาเช่นกัน

"ทานให้เยอะๆนะครับพี่อิฐ" มะยมจงใจตักน้ำพริกหนุ่มให้อิฐทาน เพราะคิดว่าว่าร่างสูงคงทานเผ็ดไม่เป็น และไม่เห็นแตะน้ำพริกเลย

"ฮู้ว...ฮ่า" เสียงอิฐสูดปากเพราะเผ็ด นี่ขนาดคำแรกยังเผ็ดขนาดนี้ แล้วที่ตักมาให้นี่ล่ะ จะขนาดไหน? แม้จะรู้ว่าโดนแกล้ง แต่อิฐก็ยังฝืนกินอยู่ ในใจกำลังคิดแผนเอาคืนร่างบางตรงหน้านี้ไปด้วย กินข้าวคำ น้ำคำ หน้าแดง เหงื่อก็ไหลเต็มไปหมด

"เอ้าตาอิฐ เผ็ดก็ไม่ต้องกินลูก กินที่มันไม่เผ็ดนี่ลูก คราวหลังกินเผ็ดไม่ได้ก็บอกน้อง จะได้ไม่ต้องฝืนกิน เดี๋ยวปวดท้องนะลูก" ยายเห็นอิฐกินเผ็ดไม่ได้แล้วอดสงสารไม่ได้ จึงตักหลนเต้าเจี้ยวให้กินแทน

"มะยมเติมน้ำให้พี่เค้าสิลูก พี่เค้าเผ็ดจนหน้าแดงไปหมดแล้ว" มะยมเห็นแล้วสงสาร ไม่คิดว่าอิฐจะกินเผ็ดไม่ได้ขนาดนี้ ส่วนอิฐคิดว่าหลังมื้อนี้อิฐคงประมาทคนตัวเล็กนี้ไม่ได้แล้วล่ะ แสบน่าดูเลย

>>>>>>>>>>>>

"เจ้าน้อยเป็นยังไงบ้างขอรับ?" แสงเมืองถามเจ้าน้อยหลังจากที่ออกมาจากงานวันเกิดเจ้ามิ่งขวัญเสร็จ คอยแล้วคอยเล่าว่าเมื่อไหร่เจ้าน้อยจะเสด็จออกมา เป็นกังวลว่าเจ้าน้อยจะต้องเจอกับอะไรบ้างเมื่อเข้าในนั้น แล้วก็คิดไม่ผิดเมื่อเจ้าน้อยกระโดดเข้าไปกอดทันทีหลังจากที่เดินพ้นจากธรณีประตูนั่นมา ราวกับว่าที่นี่เป็นที่พักพิงที่สุดท้ายที่จะไม่ทำให้เสียใจอีก น้ำตานับไม่ถ้วนไหลหยดลงมาบนใบหน้างาม แต่ไม่มีแม้แต่เสียงร้องไห้หรือเสียงสะอื้นเลย ว่ากันว่าการร้องไห้โดยไม่มีเสียงเลย คือการร้องไห้ที่เสียใจที่สุด มากกว่าการร้องไห้คร่ำครวญเสียอีก

"ร้องออกมาให้หมดนะขอรับ กระหม่อมอยู่ตรงนี้แล้ว" แสงเมืองปล่อยให้เจ้าน้อยร้องให้หมดจนพอใจ ในใจก็สงสารร่างบางยิ่งนัก แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ทำได้เพียงใช้อกนี้ซับน้ำตาให้ และโอบกอดมิให้ร่างบางนี้ต้องเสียใจไปมากกว่านี้ก็เท่านั้น

"เรากลับคุ้มกันเถิดขอรับ กลับบ้านเรากันนะขอรับ" เจ้าน้อยได้ยินคำว่าบ้านของเรา ก็น้ำตาไหลอีกครา พยักหน้ากับอกแสงเมืองเบาๆ ดีที่วันนี้เป็นคืนเดือนมืด สวนนี้จึงสลัวๆ แม้ว่าจะมีใต้จุดอยู่ แต่ก็ไม่เพียงพออยู่ดี ความมืดทำให้พอกำบังกายของทั้งสองที่ตระกองกอดกันมิให้ผู้ใดมาเห็นได้พอดี

"หึ!! มันช่างงามหน้านัก เป็นผู้ชาย แต่กลับมากอดกับผู้ชายด้วยกัน มันช่างทุเรศนักขวัญระมิงค์" เสียงของใครอีกคนที่พูดขึ้นมาหลังจาก เจ้าน้อยและแสงเมืองจูงมือกันเดินออกมา



หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๑๙ (๒๐/ก.พ./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 20-02-2015 14:02:49


ตอนที่ ๑๙

"คุณย่าสวัสดีค่ะ/ครับ"

"สวัสดีลูก"

"คุณย่ากำลังทำอะไรอยู่ค่ะ?"

"ย่ากำลังในเด็กๆพวกนี้เตรียมข้าวต้มกับยาไปให้พี่ชายเราน่ะลูก ไม่รู้ว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมา? เห็นปวดท้องตั้งแต่เมื่อคืนละ แล้วหนูสองคนล่ะมาทำงานต่อเหรอลูก?" มะยมตกใจที่คุณย่านวลบอกว่าพี่อิฐไม่สบายเพราะปวดท้อง เพราะตนเองเป็นคนเอาน้ำพริกหนุ่มให้ร่างสูงทานเมื่อวาน จนทำให้ร่างสูงปวดท้องแน่ๆ ลำบากละมะยมเอ้ย มะยมคิดในใจ

"แล้วพี่อิฐเป็นบ้างค่ะคุณย่า หายรึยัง?"

"น่าจะดีขึ้นบ้างแล้วลูก เดี๋ยวย่าจะเอาข้าวกับยาไปให้สักหน่อย เลยเที่ยงมาตั้งนานละ เดี๋ยวจะปวดท้องไปกันใหญ่ พาลไม่หายสักที"

"เดี๋ยวอิ๊ฟยกไปให้เองค่ะคุณย่า คุณย่าจะได้ไม่ต้องขึ้นลงบ่อยๆไงค่ะ"

"เอางั้นก็ได้ลูก"

"ป่ะมะยมไปกัน!!"

"อ้าว!! เราไปด้วยเหรอ?" อิ๊ฟพูดจบก็ลากแขนมะยมขึ้นไปบนห้องพี่ชายตนเองทันทีไม่รีรอ

"ก๊อกๆ พี่อิฐ อิ๊ฟเอาข้าวต้มกับยามาให้ ตื่นรึยัง? งั้นอิ๊ฟเข้าไปนะ" ทันทีที่น้องสาวตนเองเข้าห้องมา อิฐก็หันมามองร่างบางที่ตามน้องสาวตนเองมาแว๊บหนึ่ง จากนั้นก็ก้มอ่านหนังสือตามเดิม เหมือนว่าไม่ได้สนใจคนในห้องเลย แต่อิ๊ฟกลับมองสองไปมาด้วยสายตาวาวบ่งบอกว่ามีอะไรสนุกให้ทำอีกแล้ว อิอิ

"มะยมถือถาดนี้ให้เราแป๊บหนึ่งได้ไหม คือว่าเราปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำอะ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมอะ โอ๊ย!!ไม่ไหวละ!!"

"พี่อิฐจะให้ผมเอาวางตรงไหนดีครับ?" มะยมหันมองซ้ายมองขวา ไม่รู้จะทำยังไงต่อ จากนั้นจึงเอ่ยถามร่างสูง แต่ก็ไร้คำตอบจากเจ้าของห้อง มะยมจึงเดินเอามาวางตรงโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง แต่ก็พลันสะดุดเมื่ออิฐหันมามองตนเองอีกทีอย่างไม่ลดละ เรียกว่าจ้องแต่ไม่ยอมพูดอะไรน่าจะถูกกว่า

"เอ่อ...งั้นพี่อิฐทานข้าวต้มซะนะครับ เลยเที่ยงมานานละ เดี๋ยวจะปวดท้องอีก งั้นผมขอตัวนะครับ" บรรยากาศอึมครึมจนมะยมหายใจไม่ทั่วท้องเอาซะเลย หาทางชิ่งได้เป็นดีที่สุด คนอะไรจ้องอยู่ได้ แถมยังไม่ยอมพูดยอมจาอะไรอีก ไหนจะหน้าดุๆ กับคิ้วยุ่งๆนั่นอีก จะกดดันกันไปถึงไหน จะขอโทษก็ไม่กล้า เพราะหน้าดุๆนี่แหละ มะยมคิดในใจว่าคงโดนโกรธเข้าแล้วแน่ๆ คราวนี้

"หิว!!" มะยมที่กำลังจะหมุนตัวออกจากห้องไป ต้องหันกลับมามองเจ้าของห้องตัวโตอีกครั้ง เพราะคำว่าหิวที่พูดออกมา คล้ายกับบอกตนเองหรือไม่อย่างไร?

"อะไรนะครับ?" มะยมถามให้แน่ใจอีกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าร่างสูงพูดกับตนเองหรือพูดขึ้นมาเฉยๆกันแน่

"หิว!!" มะยมหันมามองหน้าเจ้าของห้องอีกครั้ง จากนั้นก็เดินไปหยิบชามข้าวต้มมายื่นให้เจ้าของห้องตัวโต

"ป้อน!!"

"หา!!" มะยมเงยหน้ามองอิฐอีกครั้ง ราวกับว่าหูฝาด

"ป้อนสิ!!"  ร่างสูงหนายังคงทำหน้านิ่งขรึมเหมือนเดิม แต่ถ้ามะยมจะทันสังเกตุอีกสักนิดนึงจะเห็นแววตาแพรวระยับของร่างสูงที่เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ จากนั้นก็กลับไปทำสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม

"พี่อิฐทานเองสิครับ ไม่ได้ป่วยหนักจนยกช้อนทานเองไม่ได้สักหน่อย" ร่างบางเอ่ยขึ้นมาทันทีที่อิฐบอกให้ป้อนข้าวให้

"ไม่คิดจะรับผิดชอบกันสักหน่อยรึไง?" มะยมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าร่างสูงหมายความว่ายังไง

"รับผิดชอบอะไรครับ?"

"ก็น้ำพริกเมื่อวานไง" พอได้ยินคำตอบของอิฐ มะยมก็เข้าใจในทันทีว่าต้องรับผิดชอบอะไร จากนั้นก็นั่งลงบนเตียงใหญ่อย่างจำใจแล้วตักข้าวต้มป้อนข้าวต้มให้อิฐทาน  มือก็ป้อนไป มองแค่ปากว่าเคี้ยวหมดก็เป็นพอ แต่หัวใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นแรงจนมือที่ถือชามข้าวต้มสั่นอีก เกิดมายังไม่เคยป้อนข้าวให้ใครมาก่อน หนำซ้ำบรรยากาศยังดูแปลกๆอีกต่างหาก เพื่อนตัวเองก็หายไปเข้าห้องน้ำนานเหลือเกิน เมื่อไหร่จะกลับเข้ามาก็ไม่รู้ มะยมภาวนาให้เพื่อนสาวเข้าเร็วๆ จะได้หลุดพ้นจากบรรยากาศแบบนี้สักที


"นี่!! มองคนป้อนด้วยสิ กลัวพี่รึไง?"

"ปะ..ป่าวครับ"

"แล้วทำไมไม่มองหน้าพี่" มะยมไม่ตอบ แต่เลือกที่จะตักข้าวให้อิฐทานแทน อีกไม่กี่คำก็จะหมดละ มะยมคิดในใจ

"หมับ!! มองหน้าพี่" มะยมตกใจที่อยู่ดีๆ พี่อิฐก็มาขว้างข้อมือตัวเองไว้จนชามข้าวต้มเกือบหก

"พี่อิฐปล่อยมือผม ไม่งั้นผมจะป้อนข้าวพี่ได้ยังไงครับ" เสียงพูดที่สั้นๆ แต่พยายามปรับเสียงให้เข้มขึ้น ดูยังไงก็เหมือนคนกล้าๆกลัวๆชัดๆ ทำให้อิฐยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูร่างบางตรงหน้า

"แทนตัวเองว่าหนูเหมือนที่พูดกับยายสิแล้วพี่จะปล่อย" มะยมขมวดคิ้วเขม็ง เพราะครั้งที่แล้วก็บอกไปแล้วไงว่าไม่เรียก

"ไม่"

"หึๆๆ เขินเหรอที่แทนตัวเองว่าหนู น่ารักดีออก" อิฐมองหน้ามะยมที่ตอนนี้ดื้อแพ่งไม่ยอมเรียก แถมยังจ้องหน้าตนเองอย่างไม่ลดละอีก อิฐยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับปฏิกริยาของร่างบาง เพราะเมื่อกี้ยังไม่กล้าสบตาอยู่เลย

"งั้นแทนตัวเองว่ามะยมกับพี่ เลือกเอา" อิฐมองหน้าร่างบางผ่านไปยังประตูที่ปิดไม่สนิท เห็นว่าน้องสาวตัวเองกำลังแอบยืนยิ้มอยู่ แล้วก็ปิดประตูเดินออกไปไม่เข้ามาช่วยเพื่อนอย่างที่คิด

"ไหนลองพูดสิ บอกว่ามะยมขอโทษครับพี่อิฐ" มะยมทำหน้างอขัดใจอย่างเห็นได้ชัด

"มะยมขอโทษครับพี่อิฐ" มะยมหายใจเข้าครั้งหนึ่งแล้วพูดตามที่อิฐบอก คล้ายกลับว่ากำลังรวบรวมความกล้า และกำลังขับไล่ความประหม่าบ้าๆนี้ออกไปจากตัวเอง เพราะไม่งั้นคงเสียงสั้นจนอิฐหัวเราะแน่ๆ

"อะไรนะ? พี่ไม่ได้ยิน" ถึงแม้ว่าเสียงพูดจะเบา แต่อิฐก็ยังได้ยินอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากแกล้งเด็กดื้อคนนี้อยู่ ต้องปราบพยศซะให้เข็ด อิฐคิดในใจ

"มะยมขอโทษครับพี่อิฐ"

"หึๆๆๆ"

......................................................

"คุณย่าขา เล่าเรื่องปิงนคร กับเจ้าน้อยให้พวกเราฟังอีกสิค่ะ"

"ย่าก็จำอะไรได้ไม่มากนัก แต่เท่าที่จำได้คือ เจ้าน้อยทรงเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว บางก็มีคนบอกว่า เจ้าน้อยเป็นลูกที่ถูกลืม หรือลูกชังของเจ้าแมนสรวง"

"ทำไมล่ะค่ะคุณย่า?"

"ย่าก็ไม่รู้เหตุผลของเจ้าแมนสรวงหรอกลูก แต่คนเค้าเล่าสืบมาว่า หลังจากเจ้าเอื้องฟ้าสิ้นพระชนม์ เจ้าแมนสรวงก็ไม่ได้ใยดีอะไรลูกชายคนเล็กเลย ปล่อยทิ้งให้อยู่ในตำหนักเย็น หรือคุ้มเก่าหลังวังกับพระพี่เลี้ยง"

"เจ้าน้อยน่าสงสารจัง แล้วพี่ชายกับพี่สาวของเจ้าน้อยล่ะค่ะคุณย่า?"

"นี่ไงครอบครัวของเจ้าหลวงแมนสรวง" ย่านวลหยิบเอาหนังสือภาพถ่ายบรรพบุรุษในสมัยก่อนมาให้หลานสาวดู

"ทำไมถึงเรียกว่าเจ้าหลวงล่ะค่ะคุณย่า?"

"ในสมัยก่อนเจ้าผู้ปกครองนคร หรือปกครองเมืองในภาคเหนือเรานี้จะถูกเรียกว่าเจ้าหลวง หมายถึงเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด หรือเจ้าเมืองนั่นเองลูก"

"อ้อ..อย่างนี้นี่เอง"

"ทำไมอิ๊ฟไม่รู้เลยล่ะค่ะว่าต้นตระกูลเรามีความเกี่ยวพันกับปิงนครด้วย?"

"เราจะไปรู้อะไรล่ะแม่คูณ ตอนเด็กๆก็มัวแต่วิ่งซนไปวันๆ นานๆทีถึงจะตามย่าขึ้นมาเรือนไทยหลังนี้" ย่านวลตอบพรางใช้มือที่เริ่มเหี่ยวไปตามกาลเวลาลูบหัวหลานสาวไปด้วย

"แหะๆๆ ก็เรือนไทยหลังนี้มันดูวังเวงยังไงไม่รู้นี่ค่ะคุณย่า"

"แล้วนี่ใครค่ะคุณย่า?"

"เจ้าอ้าย!!!" มะยมพูดออกมาเบาๆ พร้อมขนหนาวลุกซู่เมื่อชะโงกหน้าไปดูรูปที่อิ๊ฟกำลังถามคุณย่านวลอยู่ตอนนี้ เหมือนว่ามีอะไรมาสะกิดให้นึกถึงฝันนั่นอีกครั้ง ฝันครั้งล่าสุดที่ตัวเองยังจดจำได้ดีคือ งานวันเกิดเจ้ามิ่งขวัญ กับความโศกเศร้าของเจ้าน้อยที่แม้จะอยากลืมแต่ยังไงก็ลืมไม่ลง

"อะไรนะมะยม??"

"ปะ..ป่าว เราว่าจะขอดูใกล้ๆ หน่อยน่ะ"

"ได้สิ" ยิ่งได้ดูใกล้ๆ หัวใจมะยมยิ่งเต้นแรง เหมือนกับว่ากำลังได้รับรู้สิ่งที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เลย เพราะทุกครั้งที่ฝันแล้วตื่นมา ก็จะพยายามบอกกับตัวเองว่ามันเป็นแค่ความฝัน อย่าไปใส่ใจ แต่ตอนนี้คงจะเป็นแค่ฝันไม่ได้แล้วสินะ มะยมหน้าซีดเผือด เพราะช็อคกับสิ่งที่ได้รับรู้ พลันนึกถึงสิ่งที่พระธุดงส์พูดเมื่อครั้งก่อนเมื่อไม่นานมานี้

"ชาติที่แล้วบุญมีแต่กรรมบัง ชาตินี้หากยังปรารถนาเหมือนดังชาติก่อน ก็ขอให้มั่นทำบุญให้มากๆนะโยม หากมีโอกาสให้ถวายเทียนเป็นคู่ได้ก็ยิ่งดี"

"ยังไงเหรอขอรับพระคุณเจ้า?" มะยมถามพระคุณเจ้าด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่พระคุณเจ้ากล่าว คล้ายกับว่าคุณเจ้าต้องการบอกสิ่งใดกับตน แต่มันก็ยังไม่ชัดเจนไปซะทั้งหมด

"โยมกำลังเผชิญอยู่กับสิ่งใดล่ะทุกค่ำคืน แม้นว่าโยมจะพยายามคิดว่ามันคือความฝัน แต่ในใจโยมก็ยังคงเป็นกังวลกับมันอยู่มิใช่หรือ?"

"ขอรับพระคุณเจ้า"

"อย่าคิดมากเลยโยม สิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้น ก็ขอให้มันเป็นไปตามครรลองของมัน อย่าได้กังวลกับมันเลย สักวันโยมจะเข้าใจ เพราะทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป มีเหตุผลในตัวของมันเอง" พอนึกถึงสิ่งที่พระธุดงค์ท่านได้บอกไว้แล้ว เหมือนยิ่งทำให้มะยมอยากรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าน้อยมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

"องค์นี้เป็นพี่สาวต่างแม่ของเจ้าน้อยใช่ไหมค่ะคุณย่า??"

"ใช่จ๊ะลูก เจ้าหยาดฟ้า เจ้าปี้ของเจ้าน้อย"

"แต่ดูไม่ค่อยชัดเลยนะค่ะคุณย่า เพราะรูปเก่ามาก เป็นขาวดำด้วย" ย่านวลยิ้มกับคำพูดของหลานสาว เพราะสมัยนี้ยุคพัฒนา มีแต่เทคโนโลยีเต็มไปหมด ไม่เหมือนกับยุคสมัยก่อน

"มะยมดูรูปเจ้ามิ่งขวัญรูปนี้สิ หล่อเนอะ อิอิ" มะยมหันมาดูตามที่เพื่อนบอก แล้วขมวดคิ้วเป็นปม คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเจอใครที่หน้าตาคล้ายๆแบบนี้สักคน แต่นึกไม่ออก

"รูปของเจ้าน้อยก็ไม่ค่อยมีนะค่ะคุณย่า มีแค่รูปเดียว แถมยังเก่าและเลือนลางมากแล้วด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นรูปเจ้ามิ่งขวัญ"

"ก็คงเป็นเพราะเจ้าน้อยทรงเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว อยู่แต่ในคุ้ม หรือตำหนักเย็น เลยไม่ค่อยได้มีใครรู้จัก หรือไม่ค่อยได้ฉายพระรูปร่วมกับครอบครัวสักเท่าไหร่ ส่วนที่มีแต่รูปเจ้ามิ่งขวัญเพราะพระองค์ทรงเป็นลูกชายองค์โต และยังคอยช่วยเหลือพระราชกิจของเจ้าหลวงแมนสรวงบ่อยๆ เลยมีโอกาสได้เดินทางไปราชการ และฉายพระรูปในโอกาสต่างๆบ่อยๆน่ะลูก"

"อ้อ..อย่างนี้นี่เอง แล้วทำไมถึงเรียกคุ้มเจ้าน้อยว่าตำหนักเย็นล่ะค่ะคุณย่า? ฟังดูน่ากลัวพิลึก บรื้ยยย!!"


"ก็เพราะพระตำหนักของเจ้าน้อย ตั้งอยู่ด้านหลังสุดของบริเวณคุ้มหลวง และเจ้าเอื้องฟ้า เจ้าแม่ของเจ้าน้อยก็ชอบปลูกต้นไม้ ดอกไม้จนเต็มไปหมด แต่หลังจากเจ้าแม่ของเจ้าน้อยสิ้นพระชนม์ ตำหนักนี้ก็ดูหมองไป ไม่ค่อยได้รับการดูแล ซ่อมแซมเหมือนกับคุ้มใหญ่ และคุ้มของเจ้าองค์อื่นๆ เจ้าแมนสรวงก็ไม่ได้เสด็จมาที่ตำหนักนี้อีกเลยหลังจากเจ้าเอื้องฟ้าทรงสิ้น ถ้าไม่ได้เจ้าน้อยคอยดูแล ตำหนักนี้คงทรุดโทรมลงไปกว่านี้เยอะเลย แล้วหลานรู้ไหมว่าเรือนไทยที่เราอยู่นี่เคยเป็น ตำหนักเย็น หรือคุ้มของเจ้าน้อยมาก่อนนะลูก" ยิ่งได้ฟังคุณย่านวลเล่า เหมือนยิ่งทำให้มะยมเชื่อว่าความฝันของตนเองนั้นเป็นความจริง ทั้งรูปของเจ้ามิ่งขวัญ ทั้งเรือนไม้หลังนี้ เหมือนมันผูกพันอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่แรกเห็น

"จริงเหรอค่ะคุณย่า??"

"ถึงว่าทำไมดูเศร้าๆ วังเวงยังไงไม่รู้นะค่ะ"

"แล้วคุ้มใหญ่ล่ะค่ะคุณย่า?"

"คุ้มใหญ่และคุ้มของเจ้าองค์อื่นๆ น่าจะถูกรื้อถอน แล้วยกไม้สักทองต่างๆ ให้ทางวัดนำไปสร้างเป็นวิหารแล้วนะลูก เป็นวิหารเก่าแก่ที่ทำจากไม้สักทองทั้งหลังด้วยนะลูก"

"วัดอะไรค่ะคุณย่า?"

"วัดภูมินทร์สรวง ตามนามสกุลของเราไงลูก"

"จริงด้วยค่ะ หนูเพิ่งนึกออก ไม่ได้ไปมานานแล้วเหมือนกัน แล้วก็ไม่คิดว่าจะเป็นวัดนี้ด้วยค่ะคุณย่า"

"ชวนไปทำบุญที่ไร เราก็บอกว่าติดงาน ๆ ทุกที จะไปกับเค้าได้ไงล่ะ พี่ชายเราก็เหมือนกันอีกคน"

"ง่ะคุณย่า ก็งานมันเยอะจริงนี่ค่ะคุณย่า ไหนจะกิจกรรมอีก ส่วนพี่อิฐก็บ้างานมาก แต่ช่วงนี้เหมือนจะเลิกบ้างานมาสนใจอย่างอื่นแล้วนะค่ะคุณย่า อิอิ" อิ๊ฟหัวเราะเบาๆกับความคิดตัวเอง ส่วนย่านวลก็ส่ายหน้ากับความแก่นเซี้ยวของหลานสาวเบาๆ

"จ๊ะแม่คูณ ว่างๆ ก็ค่อยไปกับย่า มะยมด้วยนะลูก"

"ครับคุณย่า.....วัดนี้เป็นวัดประจำตระกูลของคุณย่า แล้วสร้างโดยใครครับคุณย่า"

"สร้างโดยเจ้าภูมินทร์ คุณทวดของตาอิฐและยัยอิ๊ฟนี่แหละลูก  ท่านเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแมนสรวง วัดนี้เลยมีคำว่าสรวงมาต่อท้ายเพื่อให้ระลึกถึงเจ้าแมนสรวงไงลูก"

"งั้นแสดงว่า เจ้าภูมินทร์ก็ไม่ได้ทรงเป็น "สุขุมาลยชาติ" ใช่ไหมครับคุณย่า?"

"ใช่จ๊ะลูก เห็นปู่ของสองหน่อนี่เล่าให้หลานๆฟังเมื่อตอนยังเด็กๆ ว่าเจ้าภูมินทร์ทรงเป็นญาติห่างๆ ทางฝั่งเจ้าแมนสรวง หรือเรียกได้ว่าเป็นหลานห่างๆของเจ้าแมนสรวง และทรงรับมาเป็นบุตรบุญธรรมหลังจากที่พระองค์ทรงสูญเสียเจ้าน้อยไปจ๊ะลูก"

"เดี๋ยวนะมะยม.....มันแปลว่าอะไรอะที่มะยมพูด?" อิ๊ฟเบรคทุกคนกระทันหันเพราะไม่เข้าใจคำว่า "สุขุมาลยชาติ" ที่มะยมพูด

"แปลว่า ทรงมิได้สืบเชื้อสายกษัตริย์โดยแท้น่ะอิ๊ฟ"

"โห..มะยมเก่งจัง"

"เปล่าหรอก เราชอบอ่านเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้น่ะเลยพอรู้บ้าง"

"แล้วเจ้าน้อยทรงสิ้นพระชนม์ได้ยังไงค่ะคุณย่า?"

"ย่าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนไม่ค่อยมีคนรู้เกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของเจ้าน้อยเลยนะลูก แม้แต่เจ้าภูมินทร์ก็ไม่ทรงรู้ และยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้"

..............................................










หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๐ (๒๐/ก.พ./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 20-02-2015 14:06:52


ตอนที่ ๒๐


"มะยม วันนี้กลับช้านิดนึงได้ไหมอะ อยู่เป็นเพื่อนเรารอพี่อิฐก่อนนะ นะ!! "

"ก็ได้จ๊ะ วันนี้ยายไปนอนถือศีลที่วัด กลับค่ำได้"

"เยส!!! งั้นมะยมก็ไปนอนบ้านเราเลยสิ จะได้ไม่ต้องนอนคนเดียว"

"ไม่เป็นไรหรอก เรานอนคนเดียวได้ พูดอย่างกับเราไม่เคยนอนคนเดียวงั้นแหละ"

"แต่เราจะได้ช่วยกันทำงานกลุ่มที่ค้างอยู่ไง ใกล้ส่งแล้วนะมะยม"

"เอ่อ....." จะไปนอนบ้านเพื่อนก็เกรงใจอยู่ แต่งานนี่สิใกล้ส่งแล้วด้วยอะ วิชาอื่นก็มีอีก ทำไม๊ทำไมอาจารย์ต้องสั่งงานใหญ่ๆ พร้อมเดียวกันด้วยนะ??

"ไม่ต้องคิดละ ไปนอนเหอะ เดี๋ยวเราจะได้บอกให้พี่อิฐไปส่งมะยมเก็บเสื้อผ้าก่อน นั่นไงพี่อิฐมาพอดีเลย ป่ะ..มะยม"

"สวัสดีค่ะ/ครับ พี่อิฐ"

"หวัดดีตัวยุ่ง หวัดดีครับมะยม" อิฐยิ้มแล้วยักคิ้วข้างนึงให้มะยม เห็นคนหน้างอแล้วอารมณ์ดี ยิ่งนึกถึงครั้งสุดท้ายที่คนตัวเล็กฟึดฟัดออกจากห้องไปแล้วก็นะ มันเขี้ยวดีแหะ อิฐส่ายหัวให้กับความคิดตัวเอง

"พี่อิฐค่ะ เดี๋ยวแวะไปส่งมะยมเก็บเสื้อผ้าที่บ้านหน่อยได้ไหมค่ะ? มะยมเค้าจะไปนอนค้างบ้านเรา แล้วอยู่ทำงานกลุ่ม เนอะมะยมเนอะ?" มะยมได้แต่พยักหน้างึกงักตามเพื่อนไป ไหนไก็ไหนๆแล้วนี่เนอะ

"เอ่อ..แล้วยายมะยมไปนอนวัดกี่วันอะ?"

"ประมาณ 3 วันนี่แหละ เห็นยายบอกงั้นนะ"

"งั้นก็นอนบ้านเราทั้งสามวันเลยนะ นะ!!"

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

"ทานของว่างก่อนนะ เดี๋ยวเราไปบอกให้พี่แจ่มจัดห้องให้"

"ดีใจจังในที่สุดมะยมก็มานอนบ้านอิ๊ฟอีกแล้ว ครั้งก่อนนอนแค่คืนเดียวเอง แล้วก็กลับ"

"จริงสินะ ไม่ได้มานอนนานแล้วเหมือนกัน จำได้ว่าครั้งก่อนมาติวหนังสือเนอะ"

"ใช่.. แต่กว่าจะได้ติวก็สองทุ่มกว่าแล้วเพราะมัวคุยกัน ฮ่าๆๆ อะทานคุ้กกี้นี่ให้หมดกัน แล้วเดี๋ยวเราเอาของไปไว้บนห้องกัน"

"ป่ะ!!"

"นี่จ๊ะห้องมะยม"

"นอนติดกับห้องพี่อิฐเหรอ?"

"อ้อ...ใช่จ๊ะติดกับห้องพี่อิฐจ๊ะ" มะยมขมวดคิ้วแล้วหันไปมองเพื่อนสาว

"เรานอนห้องข้างๆ อิ๊ฟเหมือนครั้งก่อนไม่ได้เหรอ นะๆ"

"เหมือนมะยมไม่อยากนอนห้องข้างๆพี่อิฐ ทำไมเหรอ? หรือว่าอิตาพี่อิฐชอบแกล้ง หรือทำอะไรมะยม? บอกเราได้นะ"

"ปะ..เปล่าจ๊ะ เราจะได้นอนห้องใกล้กันไง"

"นั่นสินะ แต่ห้องข้างๆเรา เหมือนว่าหลอดไฟมันจะเสียน่ะ  เลยยังไม่ได้ให้ตาแช่มมาซ่อมเลย หรือมะยมนะมานอนกับเราก็ได้นะ เตียงเรากว้างนอนสามคนยังได้เลย" อิ๊ฟแกล้งเอ่ยชวนมะยม เพราะรู้ว่ามะยมไม่ยอมนอนแน่ มะยมบอกว่าผู้ชายกับผู้หญิงถึงจะเป็นเพื่อนกันก็ห้ามนอนห้องเดียวกัน มันไม่เหมาะ" อิ๊ฟยังจำคำพูดของมะยมตอนมานอนที่บ้านตนเองครั้งแรกได้ อิอิ

"เรานอนห้องนี่ก็ได้จ๊ะ" มะยมอดถอนหายใจเสียไม่ได้ ส่วนอิฐที่แอบฟังอยู่ทางหัวบันไดด้านหลังสองคนนี้ได้แต่ขมวดคิ้วแล้วหันหลังลงบันไดไป จะว่าไม่พอใจก็ไม่ใช่ แล้วทำไมถึงไม่พอใจล่ะ?

หลังจากทานข้าวด้วยกันเสร็จแล้วอิฐก็ขอตัวขึ้นมาเคลียร์งานบนห้องต่อ เพราะพรุ่งนี้มีประชุมบอร์ดผู้บริหาร แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไม่มีสมาธิทำงานเลย มัวแต่คิดถึงคนตัวเล็กเพื่อนน้องสาวที่คอยปฏิเสธ หรือหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาตลอด คิดแล้วก็ไม่เข้าใจตนเอง แค่เด็กคนเดียวทำไมเก็บเอามาคิดได้ถึงขนาดนี้ ทำเป็นไม่สนใจก็จบแล้ว แต่ก็นั่นแหละนะ ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน อารมณ์เหมือนคนวัยทองเข้าไปทุกวัน อิฐเหลือบมองนาฬิกานี่ก็เลยเวลาไปมากแล้ว คงต้องอาบน้ำให้หายฟุ้งซ่านก่อน แล้วค่อยกลับมารวบรวมสมาธินั่งทำงานต่อให้เสร็จ

..................................................

"กะรับ ๆ ๆ" เสียงม้า เสียงม้าอีกแล้ว มะยมกำลังฝัน ฝันถึงเหตุการเดิมๆอยู่ ในฝันอาชาขาวตัวหนึ่งกำลังวิ่งผ่านป่า ลัดเลาะจนมาถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง เบื้องหน้าจะมีเพียงหน้าผาอันสูงชัน ส่วนเบื้องหลังคือทางที่ทั้งสองคนได้ลัดเลาะผ่านมา เสียงลมพัดเบาๆ แต่ก็ทำให้เย็นเยือกไปถึงขั้วหัวใจในยามนี้ คนทั้งสองกระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว พร้อมจับมือกันอย่างเหนียวแน่น คล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครพรากคนตรงหน้านี้ไป แล้วก็สบตากันด้วยความจำนนต่อฟ้าดิน จำนนต่อโชคชะตา


"ขอให้ผ้าผืนนี้เป็นดังสายใยที่คอยผูกมัดเราสอง ขอให้เป็นดั่งพันธนาการที่ผูกมัดสองดวงใจไว้ด้วยกัน อย่าได้มีสิ่งใดมาพรากเราออกจากกันอีกเลย" คำพูดที่บัดนี้แทบจะไม่เป็นคำ มีแต่เสียงสะอื้น แต่กระนั้นก็ยังสามารถเข้าใจได้ว่าเจ้าน้อยตัดสินใจทำเช่นใด

"กะรับๆ ๆ" เสียงม้าของทหารในคุ้มหลวงกำลังตามมาใกล้จะถึงแล้ว


======================

"มะยม ๆ เป็นอะไรรีเปล่า ตอบพี่หน่อย?" อิฐเดินผ่านหน้าห้องนอนแขกที่ตัวเล็กพักอยู่ ตั้งใจว่าจะไปชงกาแฟมากินสักหน่อยแล้วค่อยนั่งเคลียร์งานต่อ แต่กลับได้ยินเสียงคนสะอื้นไห้จึงรีบเข้าไปเคาะห้องเรียกมะยม เพราะแน่ใจว่าเสียงมันดังมาจากในห้องของร่างบางแน่ๆ จะเคาะดังกว่านี้ก็กลัวทำให้คนอื่นเค้าตกใจตื่นไปกันหมด เพราะมันดึกมากแล้ว

"หื้อๆๆๆๆ ฮึก หื้อๆๆ" อิฐวิ่งไปเข้าในห้องของตนเองเพื่อไปเอากุญแจมาเปิด พอเปิดเข้ามาได้ก็เห็นมะยมนอนขดตัวร่ำไห้ราวกับจะขาดใจ

"เราก็รักท่านนะ อ้ายแสงเมือง อึ๊กๆ เราก็ขอสัญญา..ฮึก...แม้นว่า..ฮึก...จะกี่ร้อยปี ฮึก...หมื่นปี โกฏิปี ฮึกๆ..หรืออสงไขย ฮึก..ปี เราก็จะขอรักท่าน ฮึก...รอท่านแต่เพียงผู้เดียว หื้อๆๆๆๆ" อิฐได้ยินร่างบางพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย จึงก้มลงไปฟังใกล้ๆ จนพอจับใจความได้ว่าร่างบางฝันถึงอะไร

"มะยมๆ ๆ ตื่นๆ"

"หื้อออ..ๆๆ..ฮึก!! ท่านแส..."

"พี่เอง พี่อิฐ"

"พี่อิฐ!! หื้อๆๆ ฮึก หื้อๆ" พอรู้ว่าตนเองตื่นจากฝันร้ายได้สักที แล้วรู้ว่าคนตรงหน้านี้คือพี่อิฐ มะยมก็ยิ่งร้องไห้ แต่ไม่ได้ฟูมฟายเหมือนตอนฝันแล้ว มีเพียงแต่เสียงร้องเบาๆ จนชายหนุ่มจำเป็นต้องรวบร่างเล็กมากอด แล้วลูบหัวปลอบเบาๆ

"ครับ...นิ่งซะนะ" อิฐปลอบอยู่นานจนมะยมหลับไป จากนั้นเลยจัดให้ร่างบางนอน แต่พอจะผละออกไปเท่านั้นแหละ ก็พบมาชายเสื้อของตนเองถูกมะยมจับไว้ซะแน่นเลย คล้ายกับว่าจับไว้ไม่ให้ไปไหน อิฐส่ายหัวกับสิ่งมะยมทำ ช่างเหมือนเด็กจริงๆ อิฐเลยจำเป็นต้องล้มตัวลงนอนข้างๆเสียไม่ได้

"ทำตัวน่ารักกับเค้าก็เป็นนะ" อิฐมองมะยมที่กำลังขยับตัวเข้ามาซุกอยู่ในอ้อมอกตัวเองทันทีหลังจากหลับไปได้ไม่นาน จากนั้นมือหนาก็พรางใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมไหมที่ปกหน้าร่างบางให้ ไม่คิดว่าจะได้มาอยู่ใกล้ๆ มองใกล้ๆอย่างนี้เลย ปากนิด จมูกหน่อย คงเรียกแบบนี้ได้สินะ อิดคิดในใจ

"เหมือนมาก ยิ่งได้มองใกล้ๆ ยิ่งเหมือน แล้วก็ได้พบกันสักทีนะ อุตส่าห์ฝันถึงตั้งนาน" อิดพูดเบาๆกับมะยม จากนั้นก็ก้มลงจูบหน้าผากเบาๆ ตั้งแต่โตเป็นหนุ่มมา อิฐก็ฝันถึงแต่เรื่องราวแปลกๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนๆหนึ่งอยู่ตลอดเวลา จนตอนนั้นคิดว่าตัวเองคงเป็นประสาทหลอน หรือเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ แต่ก็ยังไม่ได้บอกใครนอกจากคุณย่า จากนั้นก็ฝันมาเรื่อยๆ จนตัวเองเริ่มแน่ใจแล้วว่า เรื่องราวทั้งหมดมันเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วไล่เรียงกันเหมือนกับละครเลย เพียงแต่ตัวละครหลักดันเป็นใครคนหนึ่งที่รูปร่างหน้าตาเหมือนตัวเขาเองราวกับแกะ และผู้ชายหน้าหวานอีกคนเท่านั้นเอง

"หื้อ...อื้อ..เฮ้ย!! พี่อิฐ!!!" มะยมขยับตัวเบา แล้วลืมตา แต่ก็พลันตกใจเพราะมีคนนอนตะแคงจ้องหน้าตนเองอยู่

"ครับ"

"พี่อิฐ" มะยมเรียกชื่อคนตรงหน้าอีกครั้ง แล้วกรอกตาไปมาราวกับกำลังจุนสมองให้เข้าที่  รอการรีบู๊ทใหม่

"ครับผม" อิฐตอบเสียงหวาน พร้อมส่งยิ้มให้บางๆ

"พี่อิฐเข้ามาห้องผม เอ้ย..ห้องมะยมได้ยังไงอะ?" ปฏิกิริยาของมะยมทำให้อิฐยิ้มกว้างในทันที เพราะหลังจากที่หายอึ้งเสร็จ ตัวเล็กก็เริ่มซักถามตนเองในทันที

"ก็เมื่อคืนพี่ได้ยินเสียงแมวน้อยร้องไห้ พี่เลยเข้ามาดู ปรากฏว่าปลอบได้สักพักแล้ว........"

"แล้วอะไรครับ?" มะยมขมวดคิ้วรอคำตอบที่อิฐกั๊กไว้ไม่ยอมบอก

"แล้ว.....แมวน้อยของพี่มันเอามือจับชายเสื้อพี่ไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังเขยิบมานอนซุกพี่อีก พี่เลยจำใจนอนที่นี่เลยไงล่ะ!!" พอได้ยินคำตอบปุ๊บมะยมก็หน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาทันทีเลย นึกถึงหลักฐานคาตาตั้งแต่ตอนลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นก้อนอะไรไม่รู้อยู่ชิดติดหน้าเลย แถมตนเองยังคิดว่าอุ่นหลับสบายมากเสียด้วย เลยเอามือจับดู ไม่คิดว่าจะเป็นแผ่นอกของคนไปได้

"เป็นไงบ้างเรา หลับสบายดีไหม?" มะยมไม่ตอบเพราะกำลังเขินอยู่ อิฐจึงไม่ว่าอะไร ยอมปล่อยไปก่อน แต่หลังจากนี้ล่ะ จะจัดการให้ดู อิฐคิดในใจ

"งั้นพี่ขอตัวไปอาบน้ำล้างหน้าก่อนนะ แล้วเจอกันที่โต๊ะอาหารนะครับ"

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

"มีอะไรพิเศษเหรอตาอิฐ วันนี้ถึงอารมณ์ดีแต่เช้าเชียว"

"ก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับคุณย่า" อิฐตอบคุณย่าแล้วพลางจิบกาแฟที่พี่แจ่มจัดเตรียมไว้ให้ พร้อมกับข้าวต้มปลา จากนั้นจึงหันไปมองมะยมอย่างมีความหมาย แล้วก้มทานต่อ

"อิ๊ฟว่าต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆค่ะคุณย่า ไม่งั้นจะเดินยิ้มหน้าบานตั้งแต่ลงบันไดมาแบบนี้เหรอค่ะ" อิฐได้แต่ยิ้มบางๆ ไม่ตอบอะไรอีกเลย ผิดกับอีกคนที่ตอนนี้หน้าแดงแล้วแดงอีก ถึงจะก้มหน้าก้มตาทานยังไงก็ยังรู้ว่ากำลังเขินอยู่










หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๑ (๒๐/ก.พ./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 20-02-2015 14:15:03




ตอนที่ ๒๑

"สวัสดีเจ้าน้อย ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเจ้าน้อย เป็นไงถึงออกมาอุทยานหลวงได้ล่ะ?"

"สวัสดีครับเจ้าปี้  น้องมาเก็บดอกเก็ดถวาครับ ว่าจะเอาไปถวายพระสักหน่อย ที่สวนข้างคุ้มยังไม่บานเลยครับ" (ดอกเก็ดถวา หรือดอกพุดซ้อน)

"งั้นรึ!! แล้วนั้นใครล่ะ ทหารใหม่หรอกหรือ? ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา" เจ้าหยาดฟ้าถามขึ้นหลังจากได้ทักทายน้องชายต่างอุทรเสร็จ พลันละม้ายชายตาส่งมายังแสงเมืองอย่างพออกพอใจอย่างเก็บไว้ไม่อยู่ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าฟ้าเจ้ากษัตริย์อย่างเจ้าหยาดฟ้าจะรู้สึกพึงพอใจในตัวแสนเมือง เพราะแสงเมืองช่างเป็นชายสมชายจริงๆ อกผายไหล่ผึง คิ้วหนา ตาคม จมูกก็เป็นสันรับกับใบหน้า ถึงแม้ว่าผิวจะคร้ามแดดไปบ้าง แต่ก็มิได้ทำให้ความน่ามองลดลงเลย กลับทำให้ดูดึงดูดมากขึ้นด้วยซ้ำ

"ครับเจ้าปี้"

"เป็นทหารคนสนิทที่เจ้าอ้ายทรงส่งหื้อมาดูแลน้องครับ" แสงเมืองยกมือไหว้เจ้าหยาดฟ้า อย่างรู้หน้าที่

"นี่เจ้าอ้ายเป็นคนส่งคนให้มาดูแลน้อง!!  น้องก็หาใช่แม่ญิง เหตุใดเจ้าอ้ายถึงทำเหมือนต้องคอยดูแลเหมือนไข่ในหินอย่างนี้ด้วยเล่า ว่าไหม๊?" วาจาที่กล่าวออกมาคล้ายกับมีดที่บาดหัวจิตหัวใจเจ้าน้อยยิ่งนัก จนทำให้เจ้าน้อยต้องกำมือตัวเองแน่นเพื่ออดทน อดกลั้น  ตั้งแต่เด็กจนโต เจ้าหยาดฟ้าก็มิเคยพูดกับตนดีๆเลยสักครั้ง แต่ก็นั่นแหละนะ นับประสาอะไรกับตอนโตขึ้นมา คนเคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ตอนเด็กร้ายยังไง ไม่ชอบกันยังไงก็เป็นอย่างนั้น ทั้งๆที่ตนเองก็ไม่เคยทำอะไรให้เจ็บช้ำน้ำใจเลยสักครั้ง

"เจ้าน้อยเจ้า ปี้ว่าแดดมันฮ้อนแล้ว เฮาฟั่งเก็บแล้วฟั่งปิ๊กคุ้มบ่เจ้า? ดอกที่นี่มันงาม แต่กลิ่นมันบ่ค่อยหอมนาเจ้า เผลอๆบางดอกมันเหม็นแหม เปิงเปิ้นว่า "งามก้ารูป จูบบ่หอม" สู้ดอกในสวนข้างคุ้มเฮาก่อบ่ได้ ป่ะปิกเตอะเจ้า" คล้อยหลังที่บัวแก้วจูงแขนเจ้าน้อยออกไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหยาดฟ้าก็ถึงกับเต้นเร้าๆ ใช้มือปัดป่ายทำลายดอกไม้ต้นเล็กๆที่กำลังบานเพื่อระบายอารมณ์ทันที
(((เจ้าน้อยค่ะ พี่ว่าแดดมันร้อนแล้วเรารีบเก็บแล้วรีบกลับคุ้มไหมค่ะ? ดอกที่นี่มันสวย แต่กลิ่นมันไม่ค่อยหอม เผลอๆบางดอกเหม็นเสียด้วยซ้ำ สมแล้วที่เค้าว่า "สวยแค่รูป จูบไม่หอม"สู้ดอกในสวนข้างคุ้มเราก็ไม่ได้ ป่ะกลับเถอะค่ะ)))

"อีบัวแก้ว อีนางกำนันชั้นต่ำ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คอยดูสักวันกูจะทำให้มึงและนายมึงต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า จำเอาไว้ กรี๊ดดดด!!" เจ้าหยาดฟ้าบริภาษออกมาอย่างเหลืออด แต่ถึงอย่างใดก็ต้องระงับสติตนเองไว้ไม่ให้กรี๊ดออกมาดังๆ ได้กัดฟันแล้วกรี๊ดออกมา มือทั้งห้านิ้วกำไว้แน่นจนไม่กลัวจะตนเองจะเจ็บเลย

"ปี้บัวแก้วไปว่าให้เจ้าปี้อย่างนั้น ไม่กลัวโดนเขม่นหรอกหรือครับ? คราวหน้าอย่าทำเลยนะครับ มันได้มิคุ้มเสีย เรากับเค้าเป็นอย่างใดก็รู้ๆกันอยู่" เจ้าน้อยบอกกับบัวแก้วด้วยความเป็นห่วง เพราะหากโดนเขม่นขึ้นมาจริงจะอยู่กันไม่มีความสุขเสียเปล่า

"ก่อปี้อดบ่ไหวแล้วเจ้า อยู่ดีๆก่อมาอู้กระแหนะกระแหน่ บ่กึดว่าเป๋นปี้เป๋นน้องกั๋นเลย"

"เราชินแล้วล่ะปี้บัวแก้ว ปี้บัวแก้วยังไม่ชินอีกหรอกหรือ?" เจ้าน้อยถอนหายใจออกมาอย่างปลดปลง

"จะไปชินได้อย่างใดเจ้า  อิทธิฤทธิ์แต่ละครั้งก่อใช่ว่าจะย่อยๆ ใครอยู่ใกล้มีก้าโดนลูกหลง" บ่อยครั้งที่บัวแก้วได้ยินนางกำนันซุบซิบนินทากันเรื่องความเอาแต่ใจ และโมโหร้ายของเจ้าหยาดฟ้า โดยเฉพาะเวลาที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ยิ่งนางกำนันที่อยู่รับใช้คุ้มของเจ้าหยาดฟ้ายิ่งแล้วใหญ่ น่าสงสารยิ่งนัก

"ช่างเค้าเถอะปี้บัวแก้ว เราอยู่ส่วนเรา เค้าก็อยู่ส่วนเค้า" เจ้าน้อยตัดบทไม่อยากพูดเรื่องปวดหัวนี้ต่อ พูดไปก็ใช่ว่าจะจบจะสิ้น แล้วก็ใช่ว่าตนเองจะทำอะไรได้ เป็นแค่เจ้าในนาม แต่หาได้มีสิทธิ์มีอำนาจอะไรมากมายไม่

"เจ้า อั้นปี้เอาดอกนี้ไปแช่น้ำหื้อก่อนนะเจ้า พรุ่งนี้เช้าเอาถวายพระจะได้บ่ช้ำ"

"ขอบคุณครับ"

"อย่าทรงคิดมากไปเลยขอรับเจ้าน้อย จะผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเป็นคนที่กระหม่อมรัก กระหม่อมก็อยากปกป้องและดูแลทั้งนั้นแหละขอรับ กระหม่อมรักเจ้าน้อย อยากดูแลเจ้าน้อยนะขอรับ อย่าทรงทำหน้าแบบนี้เลยนะ ยิ้มหน่อยนะขอรับ" แสงเมืองเอามือใหญ่ลูบปรางค์งามของเจ้าน้อยอย่างแผ่วเบา ราวกับปลอบประโลม

"ขอบใจท่านมากนะท่านแสงเมือง ที่รักและดูแลเรา ขอบใจจริงๆ" เจ้าน้อยยิ้มบางๆให้แสงเมือง


"ดีมากขอรับ เจ้าน้อยเหมาะกับรอยยิ้มมากนะขอรับ กระหม่อมชอบตอนเจ้าน้อยยิ้ม"


"ชอบแค่ตอนยิ้มเหรอ?"


"ฮั่นแหน่ะ!! เดี๋ยวนี้มีถามแบบนี้ด้วยนะขอรับ กระหม่อมชอบเจ้าน้อยถูกตอนแหละขอรับ ตอนนี้ก็ชอบ" พูดจบแสงเมืองก็ประคองแก้มนวลของเจ้าน้อย แล้วก้มลงจูบเบาๆ แต่เนิ่นนาน

"แกร๊งงง!! เจ้าน้อย!!!" เสียงบางสิ่งบางอย่างตกลงบนพื้นเสียงดังจนทำให้คนทั้งสองตกใจผละออกจากกัน เพื่อหันไปมองต้นเสียง แต่ต้นเสียงดังกล่าวกลับยืนนิ่งเป็นหินราวกับถูกสาปเพราะเหตุการที่ได้พบได้เห็น

"ปี้บัวแก้ว!!!" เจ้าน้อยอุทานออกมาอยากตกใจ ใบหน้าขาวบัดนี้ยิ่งซีดไร้สีเลือดอย่างเห็นได้ชัด

"ออกมาบ่ะเดี๋ยวนี้นะท่านแสงเมือง ป๊าบๆๆ " บัวแก้วใช้มือแยกเจ้าน้อยออกจากแสงเมือง แล้วหันมาตีแสงเมืองไม่ยั้ง

"ปี้บัวหยุด ปี้บัวแก้ว ปี้บัวแก้ว เราบอกให้หยุด!!" เสียงที่ดังมาจากห้องบรรทมเจ้าน้อย ทำให้เหล่านางกำนันเล็กใหญ่ก็รีบเข้ามา กลัวว่าเจ้านายน้อยจะเป็นอันใดไป

"นี่มาก็ดีแล้ว ช่วยจับพี่บัวแก้วไว้หน่อย เร็ว!!" นางกำนันต่างพากันจับพระพี่เลี้ยงคนสนิทเจ้าน้อยไว้

"หื่อๆๆ เจ้าน้อยบอกหื้ออิปี้หยุดเยี๊ยะหยัง ต้องตีหื้อมันหนักๆล่ะบ่ว่า หื่อๆ" บัวแก้วหายใจหอบทันทีที่ถูกจับแยกออกมา

"เสร็จแล้ว ทุกคนออกไปได้แล้ว เดี๋ยวเราจัดการเอง ทุกคนมีอะไรทำก็ไปทำ?" เจ้าน้อยพยายามสงบจิตสงบใจที่เต้นเป็นระส่ำให้เข้าที่ แล้วบอกให้เหล่านางกำนันออกไปจากห้องทันที

"เจ้า...เจ้าน้อย" นางกำนันรับคำ แล้วพากันคลานเข่าแล้วเดินออกไป

"มันเกิดอะหยังขึ้นเจ้า เจ้าน้อย เยี๊ยะหยังห้ามปี้บ่หื้อตีมัน ทั้งๆที่มันล่วงเกินเจ้าน้อย" บัวแก้วถามเจ้าน้อยทันทีที่ปลอดคน สายตาก็มองเจ้าน้อยที แสงเมืองที แต่สายตาที่มองเจ้าน้อยนั้นบ่งบอกว่าเต็มไปด้วยคำถาม ส่วนสายตาที่มองแสงเมืองเหมือนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่พอใจเป็นที่สุด

"เราขอโทษปี้บัวแก้ว เราขอโทษ!! หื้อๆๆๆ " เจ้าน้อยได้แต่พูดออกมาแค่โยคเดียว เพราะไม่รู้ว่าจะบอกกับบัวแก้วว่าอย่างใดดี แสงเมืองเห็นเจ้าน้อยทรงร้องไห้ก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาเช็ดน้ำตาให้คนรัก กริยาของคนทั้งสองยังอยู่ในสายตาของบัวแก้วตลอด แต่ถึงยังไงบัวแก้วก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยังอึ้ง ยังงงกับเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ดี

"เจ้าน้อย จะบอกปี้กาว่าเจ้าน้อยเต็มใจ๋หื้อแสงเมืองทำกา?" เจ้าน้อยได้แต่พยักหน้าตอบเบาๆ พร้อมทั้งน้ำตา

"เราขอโทษครับปี้บัวแก้ว เรารักเจ้าน้อย แล้วเจ้าน้อยก็รักเรา เราสองคน......." แสงเมืองก็จนคำพูดที่จะอธิบายเช่นกัน มันเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ยิ่งอธิบายยิ่งยากจะเข้าใจ ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำใดๆมาอธิบายให้เข้าใจดี

"เจ้าน้อยเจ้า ไหนลองบอกปี้ลอเจ้าว่ามันเป็นอย่างใด?" คำเที่ยงเดินเข้ามากอดเจ้าน้อย เช็ดน้ำตาให้เจ้าน้อย แล้วเอ่ยถามอย่างอาทร

"เราก็ไม่เข้าใจหรอกปี้บัวแก้ว ฮึก!! ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง? ตอนไหน? ฮึก!! ทั้งที่เราสองคนก็เป็นป้อจายทั้งคู่ ฮึก!! เรารู้แค่ว่าเรามีความสุข เรารู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่มีเค้า หื้อๆ แต่ไม่ใช่ว่าอยู่กับพี่บัวแก้วแล้วเราจะไม่รู้สึกอุ่นใจนะ แต่มันคนละอย่างกัน เราก็บอกไม่ถูก หื้อๆๆ"

"เจ้าน้อยจะบอกปี้ว่าฮักท่านแสงเมืองกา?"

"เราไม่รู้หรอกพี่บัวแก้ว ว่ามันใช่ความรักไหม? เราไม่เคยรักใครแบบนี้ แต่เรารู้สึกดี ไม่ได้รู้สึกแย่หรือรังเกียจอะไร ตรงกันข้ามถ้าหากท่านแสงเมืองไม่สนใจเรา เราคงปวดใจมากกว่า"

"แล้วเจ้าน้อยกึดว่ามันจะยืนยาวกาความฮักอย่างอี้ บ่ใช่ว่าเป๋นเพราะเผลอไผลไปกับความใกล้ชิดกาเจ้าน้อย? ตอนนี้ยังทันที่จะหยุดนาเจ้าเจ้าน้อย"

"เราไม่รู้หรอกว่ามันจะสั้นหรือจะยาว แต่เรามีความสุขก็พอแล้วมิใช่หรือปี้บัวแก้ว ชีวิตคนเรามันสั้นนัก ดูอย่างความรักของเจ้าป้อกับเจ้าแม่เราสิ รักกันได้ไม่กี่ปีก็ต้องจากกันแล้ว สู้เอาเวลาที่เรามีอยู่ทำให้ตนเองมีความสุขไม่ดีกว่าหรือ พี่บัวแก้วก็รู้ว่าเราไม่เคยได้รับความรักจากเจ้าป้อเลย อาจเป็นเพราะอย่างนี้มั้ง ที่ทำให้เรารักท่านแสงเมือง"

"เจ้าน้อยยอมรับได้กาที่คนอื่นมองว่ามันเป๋นความรักตี้ผิดปกติ ผิดจารีต ผิดประเพณี บ่กลัวคนอื่นเปิ้นว่าเจ้าน้อยกาว่าเป๋น #ปู้เมีย ????" (ปู้เมีย หรือ ผู้เมีย คือชายที่รักชาย หรือชายที่อยากเป็นหญิง ตุ้งติ้งอ้อนแอ่นอรชร) เจ้าน้อยสะอึกกับคำถามนี้ของปี้คำเที่ยงจนพูดไม่ออก เพราะไม่ได้นึกถึงคนถึงว่าคนอื่นเค้าจะเข้าใจเราไหม? เค้าจะมองเราว่ายังไง?











===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===


  ลงให้หมด 4 ตอนเลย ไว้ใครมีคำถามเกี่ยวกับเจ้าน้อย กับแสงเมือง หรือ มะยม กับพี่อิฐ ค่อยมาตอบนะครับ See U ja
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๑ (๒๐/ก.พ./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 20-02-2015 14:45:36
ใครเป็นคนเห็นคะะะ แงๆๆ
สงสารเจ้าน้อย ให้ปี้แสงเมืองปลอบใจน้า
ส่วนน้องมะยม อย่าแกล้งพี่อิฐสิลูก
น่ารักจัง ไม่ได้มาเม้นตั้งสามตอนแหนะ
คราวหน้าไม่พลาดแน่ เป็นกำลังใจนะคะ

ปล. มาอ่านอีกสามตอนหลัง
แงๆๆ มีคนรู้เรื่องแล้ววว
สงสารเจ้าน้อยเหลือเกิน
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๑ (๒๐/ก.พ./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 20-02-2015 17:03:50
สนุกค่าาาติดตามมม
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๑ (๒๐/ก.พ./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 20-02-2015 18:36:32

===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===


Talk :

@Akikojae ; ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจแล้วก็คอมเม้นต์ อ่านคอมเม้นต์แล้วมีกำลังใจแต่งขึ้นเยอะเลย ทีแรกไม่ค่อยมีคนมาเม้นต์ มาอ่าน เลยว่าจะไม่แต่งต่อแล้ว. สู้วววว ปล_ผมไปอ่านเรื่องวันทองของคุณด้วยนะครับ น่ารัก สนุกดี น่าติดตาม อ่านรวดเดียวจบเลย

@dahlia ; ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจที่ดี แล้วก็ขอบคุณสำหรับการตรวจคำผิดให้ด้วยนะครับ ฝากติดตามด้วยน้าาาาาา

@beedy ; ขอบคุณครับที่ติดตาม พอได้อ่านคำว่าสนุกมาก ปุ๊บ!! ก็ยิ้มได้เลยทันที กำลังใจมาเลยทันที

@doudoh ; ขอบคุณครับที่ติดตาม อยากแต่งเยอะๆ ลงเยอะอยู่ แต่ถ้าได้กำลังใจเยอะก็คงจะมีแรงแต่งต่อเยอะเลยครับ ฝากติดตามหน่อยน้าคราฟฟฟฟ

@yjm ; ขอบคุณครับที่ดป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบนิยายเรื่องนี้ มาคอยให้กำลังใจ มาเม้นต์แสดงความคิดเห็น ไว้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี ฟีดแบคดีจะแต่งต่ออีกเรื่อง มีเค้าโครงเรื่องละ แต่รอเอาเป็นเรื่องดีกว่าเนอะ สู้ๆ

@patee ;  ขอบคุณครับที่ชื่นชอบนิยายโบราณย้อนยุคแบบนี้ ยังเกรงอยู่ว่าคนอ่านจะเข้าใจภาษาเหนือไหม? จะเอาเหนือจริงๆเลยก็กลัวจะอ่านยาก เข้าใจยาก ฝากติดตามต่อด้วยนะคราฟ พลีสสสส

@rainiefonnie ; แค่คอมเม้นต์ว่าสนุกแต่นี้ ผมก็มีกำลังแต่งต่อแล้วครับ ฝากติดตามเจ้าน้อยกับแสงเมือง และ มะยมกับพี่อืฐด้วยนะครับ ^^

===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๑ (๒๐/ก.พ./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 20-02-2015 18:51:32


@อ๊ายอาย ; ขอบคุณครับที่ชื่นชอบ ปักมุดติดตาม คือดีอะ ทำให้มีกำลังใจเยอะเลย

@B52 ; มาอ่านบ่อยๆนะครับ ถ้ามาบ่อย เค้าจะตั้งใจแต่งให้อีกน้าาาา

@sirin_chadada ; ที่เจ้าป่อไม่ให้เจ้าน้อยเรียนศิลปะการป้องกันตัวเพราะ ถ้าทำตัวสนใจลูกคนนี้มาก ก็เกรงว่าจะทำให้เกิดอันตรายได้ เลยต้องทำเย็นชา ไม่สนใจ ทั้งที่อยากให้ลูกได้เรียนเพื่อเอาไว้ป้องกันตัว แต่ก็ทำไม่ได้ ^^

@warin ; thank you. ครับ ฝากติดตามเจ้าน้อยหน่อยนะครับ

@BBchin ; อยากรู้ว่สเจ้าน้อยจะเป็นไงต่อก็มาติดตามกันเยอะๆนะครับ คนแต่งจะได้มีกำลังใจ คิๆ

@googgigmenum ; มันเป็นภาษาเหนือสมัยเก่า บางคำอาจไม่เข้าใจ หรือไม่ถูกต้องยังไง ก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ ขอบคุณครับที่ติดตามเจ้าน้อยของแสงเมือง คิๆ

@Biwty ; ขอบคุณคราฟ

@vk_iupk ; มาติดตามเรื่องราวของเจ้าน้อยกับอสงเมืองกันบ่อยๆนะครับ จะได้ช่วยกันลุ้นว่าความรักของทั้งสองจะต้องเจออะไรบ้าง แล้วจะผ่านไปได้ยังไง??? ลุ้นๆๆๆๆ

>>||>>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||>>||
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๒ (๒๓/ก.พ./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 23-02-2015 07:26:47


ตอนที่ ๒๒

"อุ๊ย!! เจอกันอีกแล้วนะเจ้าน้อย ส่งสัยช่วงนี้ปี้ว่าเราคงมีดวงได้เจอกันบ่อยแน่" เจ้าหยาดฟ้าเอ่ยทักน้องชายต่างมารดาอย่างดีอกดีใจอย่างอกนอกหน้า แต่ความดีใจตอนนี้คงไม่ใช่เพราะเจอหน้าน้องชายคนนี้ แต่กลับเป็นเพราะดีใจที่ได้เจอชายหนุ่มองครักษ์คนสนิทของเจ้าน้องชายคนนี้เสียมากกว่า

"ออกมาได้สักที อุตส่าห์มาดักรอตั้งหลายวัน มัวอยู่แต่ในคุ้ม เป็นน้องห้องอยู่นั่นแหละ" เจ้าหยาดฟ้ากัดฟันพูดออกมาเบาๆกับตนเอง เพราะอุตส่าห์เดินตากแดดตากลมมารอตั้งหลายวัน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบเจ้าน้อยและแสงเมืองเลย

"น้องก็ว่างั้นครับเจ้าปี้" เจ้าน้อยตอบเจ้าหยาดฟ้าไปเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้ แต่ในใจกลับคิดว่าไม่อยากจะเจอเลยด้วยซ้ำ หากเป็นไปได้อยากจะหันหลังเดินกลับคุ้มไปเลยเสียมากกว่า แต่คงทำไม่ได้หรอก เจ้าน้อยถอนหายใจอย่างปลดปลงเสียไม่ได้

"นี่น้องมาเก็บดอกไม้หรือ ปี้ก็ว่าจะเก็บดอกไม้ไปร้อยมาลัยถวายเจ้าพ่อเหมือนกัน"

"ครับเจ้าปี้ พรุ่งนี้วันใส่ขันดอกเสาอินทขิลแล้ว น้องว่าจะไปสักหน่อย" (เสาอินทขิลหรือเสาหลักเมืองเชียงใหม่ที่ตั้งอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง ทุกปีจะมีการใส่ขันดอก หรือการถวายบูชาเสาหลักเมืองด้วยดอกไม้ เพื่อให้เป็นสิริมงคลกับเมืองและทุกคนในเมือง)

"อ๊อเหรอ ทหารคนสนิทเจ้าน้อยคนนี้หน่วยก้านดีเนอะ ถ้าปี้อยากจะขอให้ย้ายมาดูแลปี้ เจ้าน้อยจะอนุญาตไหม?" เจ้าหยาดฟ้าตอบไปอย่างมิใคร่สนใจ เพราะปกติตนก็ไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว จะให้มาเข้าวัดเข้าวายิ่งเวหากันใหญ่

"เจ้าน้อยก็เป็นผู้ชาย คงดูแลตัวเองได้ แต่ปี้นี่สิเป็นผู้หญิง ถ้าได้ทหารเก่งๆแบบนี้มาคอยดูแล คงจะดีไม่น้อย" เจ้าน้อยยังทรงเงียบ ไม่ได้ตอบอะไรเจ้าหยาดฟ้า ทำให้เจ้าหยาดฟ้ายิ่งหงุดหงิดกับอาการนิ่งเงียบของน้องชายต่างมารดาคนนี้

"เจ้าปี้รู้ได้อย่างใดว่าท่านแสงเมืองฝีมือดีครับ บางทีทหารที่เจ้าปี้มีอยู่อาจจะฝีมือดีกว่าก็ได้นะครับ"

"แหม!! ทหารของเจ้าอ้ายแต่ละคนก็ต้องเป็นยอดขุนพลฝีมือดีทั้งนั้น ไม่งั้นจะทรงคุ้มครององค์รัชทายาทได้อย่างใด ใช่ไหม?" เจ้าหยาดฟ้าพยายามหวานล้อมสารพัด อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน พยายามข่มตนเองให้อดทน แต่ในใจแทบจะลุกเป็นไฟเมื่อเจ้าน้อยพูดเหมือนจะปฏิเสธ

"ครับ" เจ้าน้อยต้องตอบรับคำเสียไม่ได้เพราะมันคือความจริงที่ทหารทุกนายทุกหมู่เหล่าต้องผ่านการฝึกฝน ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดีเพื่อนคุ้มครองเจ้าหลวงและเจ้ารัชทายาทมิให้ได้รับอันตรายใดๆ

"แล้วน้องว่าอย่างใดที่พี่ขอท่านแสงเมืองไปเป็นองครักษ์คนสนิทของปี้?"

"น้องว่าถ้าเจ้าปี้อยากได้ทหารองครักษ์คนสนิท ลองทูลขอทหารในกรมของเจ้าอ้ายสักคนสิครับ เผื่อเจ้าอ้ายจะประทานคนที่ดีกว่าท่านแสงเมืองให้ จะได้ปกป้องเจ้าปี้ได้อย่างเจ้าปี้ต้องการจริงๆ" สิ้นคำพูดเจ้าน้อย เจ้าหยาดฟ้าแทบจะอยากฉีกเนื้อเจ้าน้อยออกมา  เพราะไม่คิดว่าเจ้าน้อยจะกล้าปฏิเสธตนเอง ใบหน้าตอนแรกที่ปั้นรอยยิ้มมาสวยงาม บัดนี้เหลือเพียงแต่แววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ความเกลียด

"แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!!!" เจ้าหยาดฟ้ายิ้มร้าย แล้วพลันแสร้งเป็นลมล้มลง จนทำให้แสงเมืองต้องรีบเข้าไปประคองรับไว้ตามสัญชาตญาณ

"อุ๊ย!! สงสัยเจ้าหยาดฟ้าจะหน้ามืด ท่านแสงเมืองช่วยอุ้มเจ้าหยาดฟ้าไปนั่งตรงใต้ต้นไม้นั้นหน่อยได้ก่อเจ้า?" นางกำนันคนสนิทเจ้าหยาดฟ้า ที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อครู่รีบกระวีกระวาดเข้ามาดู พร้อมไหว้วานขอให้แสงเมืองอุ้มเจ้าหยาดฟ้าไปน้่งพักที่ใต้ต้นไม้ใกล้ๆแถวนั้นเสร็จศัพท์

"เจ้าหยาดฟ้าเจ้า เจ้าหยาดฟ้า" นางกำนันเอายาดมให้เจ้าหยาดฟ้าดม พร้อมปลุกเรียกเจ้าหยาดฟ้าตื่นไปด้วย

"อื้อ!!"

"เจ้าหยาดฟ้าเป็นใดพ่องเจ้า?" นางกำนันคนสนิทถาม

"เวียนหัวนิดหน่อย" เจ้าหยาดฟ้าพูดอยู่กับอกแสงเมือง แม้ว่าจะดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังคงไม่ผละออกจากอกชายหนุ่มออกมา

"สงสัยเจ้าหยาดฟ้าเป็นลมแดด ยังดีที่ได้ท่านแสงเมืองมารับไว้ทัน บ่อั้นคงต้องเจ็บตั๋วแน่ๆ ทูนหัวของปี้อุสา"

"เจ้าหยาดฟ้าเป๋นหยังนักก่อเจ้า วันนี้แดดก่อบ่ได้ฮ้อน ลมก่อพัดเย็นสบาย เป๋นยังใดถึงเป๋นลมแดดได้เจ้า?" บัวแก้วเอ่ยถามขึ้นหลังจากดูเหตุการณ์อยู่ตั้งนาน ทำไมจะไม่รู้ว่าอาการแบบนี้เค้าเรียกว่าอะไร? เสแสร้งทั้งนั้น มีแต่ผู้ชายโง่ๆเท่านั้นแหละที่จะไม่รู้

"สงสัยเมื่อเจ้าหยาดฟ้าจะนอนดึก เลยเยี๊ยะหื้อเป๋นลม รบกวนท่านแสงเมืองประคองเจ้าหยาดฟ้าไปที่คุ้มได้ก่อเจ้า ปี้เองก็ตัวน้อยเดียว คิดว่าคงจะประคองไปบ่ไหว?" นางกำนันอุสาของเจ้าหยาดฟ้ารีบกุลีกุจอตอบ แล้วไหว้วานแสงเมืองให้พยุงเจ้านายตนเองไปส่งที่ตำหนักทันที

"ลุกขึ้นไหวไหมขอรับเจ้าหยาดฟ้า?"

"อื้อ...ยังเวียนหัวอยู่นิดหน่อย"

"งั้นอดทนอีกนิดนะขอรับ เดี๋ยวกระหม่อมจะพาเจ้าหยาดฟ้ากลับตำหนัก"

"อื้อ...." เจ้าหยาดฟ้าตอบรับคำเบาๆ แล้วจึงหันมามองเจ้าน้อยที่มองอยู่ห่างๆ ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่ากำลังเป็นผู้ชนะในครั้งนี้

"ไปกันเถิดปี้บัวแก้ว เดี๋ยวดอกไม้ที่เก็บมาจะเฉาไปเสียก่อน" เจ้าน้อยหันมามองแสงเมืองด้วยแววตาตัดพ้ออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วบอกบัวแก้วให้กลับคุ้ม ตลอดทางเดินกลับคุ้มแม้ว่าจะยังทรงทำเหมือนไม่สนใจอะไร แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้เจ้าน้อยกลับน้อยใจแสงเมืองเป็นที่สุด ทั้งๆที่รู้ว่าแสงเมืองทำไปเพราะความเป็นองครักษ์ ความเป็นสุภาพบุรุษ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า บางทีแสงเมืองอาจจะเจอคนที่คิดว่าพร้อมที่จะรักแล้วก็ได้ เพราะไม่ว่ายังไงผู้ชายกับผู้ชายมันก็ยากที่จะรักกัน ไม่ว่าจะกรณีใดๆเหตุผลใดๆก็ไม่สมควรจะรักกัน

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

"มึงนี่มันง่าวขนาดอีอุสา แดดก็บ่มี แต่มึงกลับตอบอีพวกนั้นว่ากูเป็นลมแดด" เจ้าหยาดฟ้าใช้ปลายนิ้วผลักหัวนางกำนันคนสนิทแล้วบริพาทอย่างรุนแรง

"ข้าเจ้าบ่ทันกึดเจ้า ขอสุมาเตอะเจ้า เจ้าหยาดฟ้า" อุสายกมือขึ้นพนมขอโทษเจ้าหยาดฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมใช้มือบีบนวดเบาให้คายโมโห เพราะรู้ดีว่าเจ้านายตัวเองนั้นเป็นเช่นใดเวลาทรงโกรธ

"ดีนะ ที่มึงยันทันตอบไปว่ากูนอนบ่พอเมื่อคืน ไม่งั้นแสงเมืองก็คงรู้แน่ๆว่ากูแสร้งทำ"

"แล้วเจ้าหยาดฟ้าจะเอาอย่างใดต่อเจ้าเรื่องแสงเมืองกับเจ้าน้อย?"

"กูขอคิดก่อน แล้วจะบอก มึงบ่ต้องกลัว มึงได้มีส่วนร่วมแน่ ยิงนกนัดเดียว ได้นกมาตั้งสองตัว หึๆๆๆๆ"

"หมายความว่าใดเจ้า เจ้าหยาดฟ้า? ช่วยบอกหื้อบ่าวคนนี้ได้รู้เป็นบุญหัวหน่อยเตอะเจ้า" อุสาใช้วาจาประจบจนเจ้าหยาดฟ้าคายโมโห แล้วจึงเอ่ยถามแผนการต่อไปของเจ้าหยาดฟ้า

"ก็หมายถึง นัดแรกยิงแล้วทำให้เจ้าน้อยมันเสียใจที่สูญเสียของรักไป นัดที่สองก็คือแสงเมือง มึงบ่เห็นเหรออีอุสา หน้าตาก็คมคาย อกผายไหล่ผึ่ง แถมยังเก่งกล้าอีก วันข้างหน้าคงจะได้เป็นใหญ่เป็นโตถ้าหากมีคนส่งเสริม ฮ่าๆๆ " เจ้าหยาดฟ้าตอบด้วยแววตาที่มุ่งร้ายในคราแรก แล้วพลันเปลี่ยนเป็นสายตาที่หลงไหลที่มีต่อชายหนุ่มอย่างแสงเมืองอย่างปิดไว้ไม่มิด ส่วนนางกำนันคนสนิทอย่างอุสาเห็นเจ้านายมีความสุขก็พลันหัวเราะตามไปด้วย

"หันเจ้า ในคุ้มหลวงนี้บ่มีไผบ่รู้จัก ท่านแสงเมือง ขวัญใจ๋นางกำนันหรอกเจ้า แม้แต่ลูกสาว หลานสาวขุนนางในวังก่อยังแอบชะม้ายชายตาหื้อบ่อยๆนาเจ้า"

"หึ!! อีพวกนั้นอย่าหวังว่าจะได้ อย่างใดท่านแสงเมืองก็ต้องเป็นของกู แม้แต่เจ้าน้อยปู้เมียนั่นก็อย่าหวังว่าจะได้ครองครองป้อจายคนนี้เลย!!"


หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๒ (๒๓/ก.พ/๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-02-2015 04:46:55
ไม่ได้เข้ามาอ่านสักพักใหญ่ๆ ตอนนี้ก็ต้องตามไล่อ่านอย่างยาวเลยรวดเดียว สนุกเหมือนเดิมไม่คิดว่าจะมีฉากปัจจุบันด้วย รออ่านอีกจ้ากับความรักและอุปสรรครักของเจ้าน้อย
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๒ (๒๓/ก.พ/๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 24-02-2015 09:31:30
เจ้าหยาดฟ้าคือร้ายมาก ไม่ชอบนางมาก
ขออย่าให้แสงเมืองถูกโยกย้ายไปเลยนะ
สงสารเจ้าน้อยเหลือเกิน
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๒ (๒๓/ก.พ/๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 11-03-2015 14:24:47

#เพิ่งเริ่มอุปสรรคความรักของเจ้าน้อยเอง ขอกำลังให้เจ้าน้อยด้วยนะคราฟ สงสารเหมือนกัน หื้อๆๆๆ กระซิกๆ


#ช่วยกันรุมประณามเจ้าหยาดฟ้าเร๊ว นางคือก้างชิ้นโต
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๓ (๑๑/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 11-03-2015 14:34:59

ตอนที่ ๒๓

"ตาอิฐ วันนี้ทำไมกลับเร็วได้ล่ะลูก?"

"พอดีช่วงนี้เคลียร์งานได้บ้างแล้วครับคุณย่า เลยอยากพักบ้าง" ใช่ว่าอิฐจะไม่อยากกลับบ้านเร็ว แต่งานที่ออฟฟิศมันเยอะเหลือเกิน วันนี้เคลียร์งานได้เร็วเลยอยากกลับมาเห็นหน้างอๆขอคนบางคน เห็นแล้วมันรู้สึกดีบอกไม่ถูก อิฐตอบคุณย่าแต่สายตากำลังมองมาที่ใครคนหนึ่งที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ทำเป็นเฉยเมยเวลามีเขาอยู่ด้วย ที่เมื่อคืนร้องไห้นอนกอดเขาสะอึกสะอื้น  แบบนี้มันน่านัก   อิฐคิดในใจ

"ดีแล้วล่ะลูก นี่ทานข้าวมารึยังลูก?"

"ยังเลยครับคุณย่า ว่าจะกลับมาทานฝีมือคุณย่านี่แหละครับ" อิฐเดินมานั่งลงตรงข้ามกับมะยม ตาก็เอาแต่จ้องคนตรงหน้า จนร่างบางต้องเงยหน้าขึ้นมาแล้วค้อนใส่ อิฐถึงได้หยุดจ้อง

"น้อยมาตักข้าวให้คุณอิฐหน่อยสิ"

"หิวล่ะสิพ่อคูณ หื้ม?? อ้าวทานเลยจ๊ะหนูมะยม"

"ทานสิตัวจุ่น มามองหน้าพี่ทำไม มันไม่อิ่มหรอกนะ!"

"ผิดปกติ ผิดปกติเอามากๆ"

"ผิดปกติอะไรหื้มเรา?"

"ก็ปกติงานจะเยอะจะน้อยแค่ไหนก็ต้องกลับดึกกว่านี้ แต่วันนี้กลับเร็วได้ เพราะมีอะไรที่บ้านรึเปล่า?"

"แล้วไม่ดีรึไงเรา? พี่ชายกลับบ้านเร็ว"

"ดีค่า!! รู้หรอกหน่าว่าเพราะอะไร อิอิ"

"ทานเข้าไปตัวจุ่น จะได้หยุดพูดสักที"

"ค่าาาาา" หลังจากอิฐตักผัดผักให้อิ๊ฟแล้วเลยถือโอกาสตักให้มะยมบ้าง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมแตะมันเลย ทำให้อิฐต้องใช้สายตาจ้องไปอีกรอบเพื่อบังคับให้ทาน


>>>>>>>>>>>>>

"ก๊อกๆๆ"

"พี่อิฐ!!"

"ให้พี่เข้าไปหน่อยสิ"

"มีอะไรเหรอครับ คุยกันข้างนอกนี่ก็ได้"

"แน่ใจเหรอว่าจะคุยกันที่หน้าประตูนี่"

"ครับ พี่อิฐมีอะไรเหรอครับ?"

"ก็ว่าจะมาคุยกันเรื่องที่เมื่อคืนมะยมร้องไห้แล้วนอนกอดพี่ไง?"

"เอ่อ...เชิญครับ" มะยมทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำให้อิฐยกยิ้มเบาๆ ไม่ว่าจะทำหน้ายังไงก็ดูน่ารักน่าเอ็นดู อิฐส่ายหัวให้กับตัวเองเบาๆ แล้วเดินตามมะยมเข้าไป

"หึๆๆ"

"เข้าเรื่องสักทีเถอะครับพี่อิฐ จะยืนจ้องหน้าผมอีกนานไหม? ผมง่วงนอนแล้วครับ"

"เมื่อกี้เรียกตัวเองว่าไงนะ?" มะยมขมวดคิ้วหน้าบึ้งใส่ทันทีที่คนตัวโตกว่าถาม

"พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เรียกตัวเองว่ายังไง?" คนตัวเล็กกว่าไม่ตอบ ยิ่งทำให้อิฐอยากจะปราบคนตรงหน้านี้ลงให้ได้ ดื้อดีนัก

"อ่ะ!! พี่อิฐปล่อยเดี๋ยวนี้!!" อิฐไม่ปล่อยแต่กลับแต่รัดมะยมแน่นขึ้นไปอีก ทำให้ทั้งสองคนยิ่งใกล้กันเข้าไปใหญ่

"เด็กดื้อแบบนี้ต้องโดนลงโทษ พี่บอกแล้วใช่ไหม?"

"ไม่ได้บอกสักหน่อย" มะยมฮึดฮัดเพราะยิ่งคุยก็ยิ่งรัด คนอะไรบ้าอำนาจ เผด็จการ มะยมคิดในใจ

"งั้นต่อไปนี้ถ้าดื้อแบบนี้อีก พี่จะทำโทษเข้าใจไหม?" อิฐใช้สายตาจ้องมะยมอย่างไม่ลดละ จนร่างบางตอนนี้หน้าแดงแล้วแดงอีก อิฐรู้สึกว่าคนตรงหน้านี้เป็นคนที่แสดงออกทางสีหน้าได้ดีเหลือเกิน ตอนโกรธ โมโห หรือว่าเขินอะไรยังไงก็จะแสดงออกมาหมดเลย ยิ่งเป็นแบบนี้อิฐยิ่งรู้สึกว่ามะยมยิ่งน่าแกล้งเข้าไปใหญ่

"เข้าใจไหมเด็กน้อย?" อิฐถามซ้ำอีกที หน้าก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้อีกด้วย ทำให้มะยมเบิกตาโตขึ้นเพราะตกใจ ไม่คิดว่าอิฐจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้

"อื้อ!!" มะยมต้องเบิกตาโตอีกครั้งเพราะตกใจ ในหัวเหมือนมีภาพตอนที่แสงเมืองจูบเจ้าน้อยครั้งแรงผุดขึ้นมา อิฐจูบเบาๆ อาศัยตอนมะยมตกใจ แทรกลิ้นผ่านเข้าไปอย่างง่ายดาย จากจูบเบาๆ ไล่เล็มปากบางทีละนิด จนตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นไล่ต้อนจูบเด็กน้อย ลิ้นเล็กๆพยายามหลบหนี แต่ทำยังไงก็ไม่สำเร็จอยู่ดี จนเวลาผ่านไปร่างบางต้องใช้สองมือทุบลงที่อกหนาของคนตรงหน้าเพื่อบอกว่าหายใจไม่ทัน แข้งขาก็พลันอ่อนยวบลง จนอิฐต้องกอดรับไว้ให้แน่นกว่าเดิม

"หึๆๆ เด็กน้อย!!"

"ปะ...ปล่อยได้แล้ว!!" มะยมได้สติก็เอ่ยปากบอกให้ปล่อย แต่พูดได้ไม่กี่คำก็ต้องรีบหุบปากลง เพราะสายตาของอิฐมองมาอย่างไม่ลดละ บ่งบอกเหลือเกินว่าต้องการอะไร มะยมไม่ใช่เด็กอินโนเซ้นต์ที่จะไม่รู้อะไรพวกนี้เลย จนต้องเลือกที่จะก้มหน้าลงกับอกของคนตรงหน้า

"อะไร? ที่เมื่อคืนยังใกล้กันมากกว่านี้อีก พี่ยังไม่ว่าเลย ทั้งๆที่พี่เป็นคนเสียหายนะ!!"

"ห่ะ!!"

"ก็พี่เป็นคนเสียหายไง มะยมต้องรับผิดชอบนะ"

"เหอะ!!"

"เอาเหอะพี่ให้เก็บเอาไปคิดว่าจะรับผิดชอบพี่ยังไง? แต่ตอนนี้พี่มีอะไรจะถาม" อิฐยอมปล่อยมะยมให้เป็นอิสระ เพราะวันนี้ได้อะไรมากกว่าที่คิดมากเลย มะยมเลยเดินมานั่งที่โซฟาปลายเตียง พยายามสร้างระยะห่างให้มากที่สุด จนอิฐต้องหัวเราะในลำคอออกมา หึๆๆ

"ว่ามาสักทีสิครับพี่อิฐ?"

"ก็...เรื่องฝันของมะยมไง?" อิฐตั้งใจเว้นระยะคำพูด จนร่างบางฮึดฮัดเพราะรอฟัง

"ทำไมเหรอครับ?" มะยมรู้ว่าตัวเองเสียงสั้นแค่ไหน แต่ก็กลั้นใจถามออกไป

"พี่รู้ว่ามะยมกำลังฝันถึงอะไร  รู้ทั้งหมดว่ามะยมกำลังเผชิญหน้ากับอะไร และมีคำถามมากมายที่อยากรู้"

"พี่อิฐหมายความว่าไงครับ?"

"การที่เราฝันถึงใครสักคนหนึ่งที่คล้ายตัวเอง กับใครอีกคนหนึ่งมาโดยตลอด จนเกิดคำถามว่ามันใช่ความจริงหรือความฝัน ทำไมต้องฝันอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆ พี่ว่าบางทีมันก็อึดอัดนะกับการที่เราหาคำตอบกับมันไม่ได้ เพราะพี่ก็เป็น"

"พี่อิฐกำลังจะบอกอะไรเหรอครับ?"

"เอาล่ะพี่คิดว่าเราสองคนคงต้องคุยกันจริงจังสักที" อิ๘เขยิบเข้าไปใกล้มะยมอีกนิด ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรเหมือนเมื่อครู่ แต่มะยมกลับถลึงตาใส่และถอยหนีจนเป็นอิฐเองที่หยุด

"ไม่สงสัยบ้างเหรอทำไมตัวเองถึงฝันแบบนั้นบ่อย ทำไมถึงเจอพี่ที่หน้าคล้ายคนในฝันของมะยม หรือไม่สงสัยเหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเรา?"

"พี่จะบอกว่าพี่ก็ฝันเหมือนกันงั้นเหรอครับ?" มะยมถามออกไปอย่างแผ่วเบา แต่ถึงอย่างนั้นอิฐก็ได้ยิน

"ใช่ พี่ฝันถึงมันตั้งแต่พี่ยังเป็นหนุ่มน้อย หึ!! แต่ก็ไม่เคยคิดหาคำตอบให้มันอย่างจริงจัง จนพี่ฝันถึงมันเรื่อยๆ จนบางทีพี่คิดว่าตัวเองบ้า เป็นประสาทหลอน"

"พี่ไม่กล้าเอาไปพูดกับใครเพราะกลัวเค้าหาว่าพี่บ้า จนพี่ชินกับมัน ฝันถึงมันเรื่อยๆ เหมือนกับการดูละครเรื่องหนึ่ง จนวันหนึ่งพี่ก็ได้เจอกับคนในฝันของพี่ แต่เค้าไม่ใช่เจ้าน้อยของพี่...ไม่ใช่สิ เจ้าน้อยของแสงเมือง"

"พี่อิฐ!!!" หลังจากมะยมเรียกชื่อของตนเองแล้ว ก็ไม่มีคำพูดใดตอบกลับมาอีกเลย อิฐปล่อยให้มะยมอยู่กับตัวเอง ไม่อยากเร่งรัดอะไร เพราะเรื่องแบบนี้มันเข้ายาก หรือพูดอีกอย่างคือมันน่าเหลือเชื่อ ไม่น่าเป็นไปได้ แม้สมัยนี้จะมีเรื่องแบบนี้หลงเหลือในความเชื่อของคนไทยอยู่บ้างก็เถอะ แต่เรื่องการระลึกชาติ หรือการกลับชาติมาเกิดแบบนี้ มันก็ยังเป็นอะไีที่ซับซ้อนหาข้อพิสูจน์ได้ยากจริงๆ

"ทำไมเราต้องฝันอะไรแบบนี้ด้วยครับ............ บางครั้งก็เหมือนความจริงจนน่ากลัว แต่บางครั้งก็มีความสุขเหลือเกิน ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าเฝ้ารอใครสักคน ทำไมมันทรมานขนาดนี้ ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าเค้าคนนั้นจะมีจริงรึเปล่า? จะได้เจอกันไหม หรือเป็นเพียงแค่ความฝัน มันทรมานนะครับ? ฮึก หื้อๆๆ" หลังจากที่มะยมเงียบไปนาน ร่างบางก็เอ่ยออกมาทั้งน้ำตา อิฐเข้าใจน้องว่ามันคือความสับสน คือความกลัว เพราะตัวเองก็เคยเป็น แต่อาจไม่ถึงกับร้องไห้แบบมะยม เพราะมะยมยังเด็ก เรื่องแบบนี้มันเซ้นซิทีฟจริงๆ

"ชู่วววว!!! นิ่งนะครับ พี่ว่าเราต้องผ่านมันไปได้ พี่จะอยู่ข้างๆมะยมเอง " อิฐคอยใช้มือลูบหัวปลอบมะยมจนร่างบางหยุดร้อง แต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นอยู่

"เอ่อ..ขอโทษครับ" มะยมเกาแก้มตัวเองเพราะความเขิน ไม่คิดว่าจะมาบ่อน้ำตาแตกอะไรตอนนี้ เหมือนกับว่าสิ่งที่เก็บเอาไว้มานานมันได้ถูกปลดปล่อยออกไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นกังวลลึกๆ กับมันอยู่ดี

"ยินดีครับ" มะยมสะดุดกึกกับภาพอิฐในตอนนี้ มันช่างคล้ายกับแสงเมืองในฝันเหลือเกิน

"ทำไมจ้องหน้าพี่อย่างนั้นหื้อเด็กน้อย?"

"เอ่อ..ขอโทษครับ เมื่อกี้พี่อิฐให้ความรู้สึกเหมือนแสงเมืองมาก"

"แล้วพี่ไม่เหมือนตรงไหน หื้ม?"

"ตรงที่....แววตา แล้วก็นิสัยมั้งครับ!!" มะยมเกาแก้มอย่างเขินๆอีกครั้ง วันนี้ทำขายหน้าพี่อิฐมาแล้วกี่ครั้งนะ?? มะยมคิดในใจ

"จะบอกว่าพี่นิสัยไม่ดีว่างั้น?"

"เปล่านะครับ เพียงแต่มะยมรู้สึกว่าแสงเมืองเค้าใจดีกับเจ้าน้อยมากแค่นั้นเองครับ"

"หึๆๆ แล้วพี่ไม่ใจดีกับมะยมเหรอ?" มะยมส่ายหัวไปมาเบาๆ

"หึๆๆ เด็กน้อย ถ้าไม่ดื้อกับพี่ พี่ก็ใจดีนะ" อิฐลูบผมมะยมไปมาเบาๆ คล้ายกับหยอกล้อ

"นอนได้แล้ว ดึกแล้วเด็กน้อย" มะยมก็นอนลงตามที่อิฐบอก แต่สายตายังคงมีคำถามมากมายอยู่

"นอนนะ ไว้วันพรุ่งนี้ค่อยคุยกันต่อ ส่วนคืนนี้พี่จะนอนนี่แหละ เผื่อบางคนนอนฝันร้ายอีก"

"แต่..."

"เอาหน่า พี่ไม่ทำอะไรมะยมอีกหรอก เชื่อพี่สิ"




>>>>>>>>>>
ขอกำลังใจให้เจ้าน้อยกับแสงเมืองหน่อยจ้า

รวมถึงกำลังแรงเชียร์ มะยมกับพี่อิฐด้วยคราฟ






หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๓ (๑๑/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 11-03-2015 17:45:54
เพิ่งได้มาอ่าน ชอบอะ บรรยากาศเหนือๆเนี่ย ทำเราคิดถึงบ้านมากเลย
ตอนของเจ้าน้อยกับแสงเมืองน่ารักมากอะ หวานโคตรๆ อยากรู้ว่าอะไรทำให้ทั้งสองคิดจะจบชีวิต

ส่วนมะยมกับพี่อิฐนี่ดูพ่อแง่แม่งอนดี คือมะยมดูน่าแกล้งมากอะ

ปล. เราสงสัย พี่อิฐคนที่ช่วยมะยมตอนโดนลูกค้าจับแขน แล้วมีเรื่องกัน ให้มะยมต้องทำแผล นี่ไม่ใช่คนเดียวกับพี่อิฐแสงเมืองเหรอ?
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๓ (๑๑/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 11-03-2015 20:35:06


@@@@dekzappp :ขอบคุณครับที่มาติดตามเจ้าน้อยกับแสงเมือง และมะยมกับพี่อิฐ
                               ปล_คนที่ช่วยมะยมไว้จากอันธพาลคนนั้นชื่อ อัฐ รึเปล่าเอ่ย?ไม่ใช่อิฐนะครับ อัฐก็จะเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่งที่มีความผูกพันกับเจ้าน้อยแต่ชาติปางก่อน  ใบ้แค่นี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๔ (๑๑/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 11-03-2015 20:38:02



ตอนที่ ๒๔

"ตื่นเร็วเด็กน้อย"

"อื้อ!!" มะยมส่งเสียงหืมฮัมอย่างรำคาญแล้วพลิกตัวหนีสัมผัสข้างแก้มของตนเองไป

"ขี้เซา!! ถ้าไม่ตื่น งั้นพี่จูบนะ!!" มะยมรีบลืมตาในทันทีที่ได้ยินคำว่าจูบ แล้วยิ่งตื่นเต็มตาเมื่อเห็นอิฐมาอยู่ในระยะประชิด

"รีบตื่นทำไมล่ะ? ว่าจะมอร์นิ่งคิสสักหน่อย" มะยมส่ายหน้าปฏิเสธทันที แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะฟันก็ยังไม่ได้แปรง

"รีบไปอาบน้ำเร๊ว เดี๋ยวพี่จะพาไปวัด" พออิฐผละออกมา มะยมก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปทันที อันตรายชะมัด มะยมเอามือจับหน้าอกตรงหัวใจตัวเองเบาๆ แล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

"มะยมทานข้าวก่อนนะ วันนี้พี่อิฐจะพาเราไปวัดกัน" มะยมผงกหัวรับคำเพื่อนสาวไปเบาๆ ระหว่างทานข้าวทุกคนก็ทานตามปกติ แต่มะยมนี่สิไม่ปกติ เพราะอิฐเอาแต่มองอย่างมีเลศนัยแปลกๆ ทำให้รู้สึกร้อนๆหนาวๆยังไงไม่รู้

"มะยมมาช่วยเราเลือกชุดหน่อยนะ ๆ" อิ๊ฟลากมะยมกลับขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็ว ไม่คิดว่าจะรอคำตอบของเพื่อนเลย

"ไหนจะให้เราเลือกชุดล่ะ แต่เราเลือกไม่เป็นนะ บอกไว้ก่อน" มะยมเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ เพราะไม่เคยเลือกเสื้อผ้าให้ผู้หญิงเลยในชีวิตนี้ ยกเว้นยาย

"ไม่มีอะ เราเลือกเสร็จแล้ว"

"อ้าว!!"

"อยู่นิ่งๆ นั่งเฉยๆ เดี๋ยวเราจัดการเอง"

"เห้ยอะไรอะอิ๊ฟ เราเป็นผู้ชายนะ ไม่ใส่อะลิปแบบนี้" มะยมรีบปฏิเสธอิ๊ฟทันทีเมื่ออิ๊ฟกำลังจะใส่ลิปให้

"ไม่เป็นไรหรอกหน่ามะยม แค่ลิปกลอสสีส้มบางๆเอง ไม่เชื่อเราลองใส่ให้ดู นี่ไงไม่เห็นออกสีมากเลย ก็คล้ายลิปมันแหละแต่มันสีสวยกว่า นะๆลองใส่หน่อยนะใส่เป็นเพื่อนอิ๊ฟไง" ยังไม่ทันตอบอะไรลิปกลอสสีส้มบางก็มาอยู่ที่ปากของตนเองแล้ว เห้อออ!!มะยมอนาจตัวเองยิ่งนัก

"รู้ไหม? มะยมน่ะผิวสวยอยู่แล้ว ไม่ต้องใส่อะไรมากก็น่ารัก แค่นี้ไง แค่ลิปกลอสก็น่ารักแล้ว อีกอย่างเดี๋ยวแดดร้อนหน้าเราก็มีเลือดฝาดเอง บลัชออนชั้นดีเลยล่ะ อิอิ ป่ะไปกันเถอะ!!"

"ไหนอะตัวยุ่งเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ชุดเดิมนิ เสียเวลาจริงๆเรา ป่ะ!!คุณย่าไปรอที่รถแล้ว"

"ค่าาาาคุณพี่ชาย"

"เห็นม่ะว่าขนาดพี่อิฐยังไม่สังเกตเลย" มะยมยิ้มให้อิ๊ฟแหยๆ

"คิๆ"

"หัวเราะอะไรตัวยุ่ง?"

"เปล่าค่ะ แค่รู้สึกมีความสุขจัง" อิ๊ฟสังเกตว่าตลอดทางพี่ชายตัวเองเหลือบมองกระจกหลังอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเพื่อนของตัวเองก็หน้าแดงยิ่งกว่าเลือดฝาดซะอีก

"คุณย่าไปก่อนได้ไหมครับ ผมว่าจะไปซื้อสังฆทานก่อนสักชุดก่อน ไปด้วยกันไหมตัวยุ่ง?"

"ไม่อะ อิ๊ฟร้อน ขออยู่กับคุณย่าดีกว่า มะยมก็ไปกับพี่อิฐสิ จะได้ไปช่วยเลือก พี่ชายอิ๊ฟนานๆทีเข้าวัด คงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก" ถ้าไม่สังเกตอะไรจะไม่เห็นว่าพี่น้องคู่นี้แอบยักคิ้วใส่กันก่อนที่อิฐจะจูงแขนมะยมออกมา

"พี่อิฐ ปล่อยแขนมะยมก่อนก็ได้ มะยมเดินเองได้"

"พี่อิฐมองอะไรอะ? หยุดมองได้แล้ว!!"

"ปากสีสวยดีนะ ตัวยุ่งทำให้เหรอ?" มะยมเบิกตาขึ้นอย่างคนตกใจ พร้อมใช้มือเกาแก้มไปด้วย ไหนอิ๊ฟบอกว่าดูไม่ออกไง?

"ครับ"

"น่ารักดีนะ อะนี่หมวก แดดร้อนจนหน้าแดงไปหมดแล้ว" ใครว่าหน้าแดงเพราะแดดกันล่ะ มะยมแอบคิดในใจ อิฐสังเกตปฏิกิริยาของมะยมอยู่หลายครั้งแล้ว ทำให้รู้ว่าเวลาเขินร่างบางตรงหน้านี้จะชอบเกาแก้ม

"พี่อิฐอยากซื้ออะไรถวายอ่ะ?" มะยมตั้งใจเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่งั้นคงทนไม่ไหวแน่ แค่นี้ก็เขินจะแย่

"เอานี่ละกัน มะยมถวายกับพี่นะ" อิฐยกสังฆทานแบบที่เป็นเทียนคู่มา ทำให้มะยมแปลกใจเล็กน้อย พลันนึกขึ้นได้ว่าครั้งหนึ่งพระธุดงค์ท่านเคยพูดอะไรแปลกๆกับตนเองไว้ เกี่ยวกับฝัน และการถวายเทียน จนตอนนี้ตนเองพอจะเข้าใจในสิ่งที่พระธุดงค์บอกบ้างแล้วล่ะ

"มะยมถือของเรานะ เดี๋ยวพี่ถือของอิ๊ฟกับคุณย่าเอง" สังฆทานของคุณย่ากับอิ๊ฟเป็นบาตรพระขนาดใหญ่พร้อมจีวร มะยมจึงพยักหน้ารับคำตามที่อิฐบอก

"อะนี่ของเรากับคุณย่า"

"มาถวายกันได้แล้วลูก พระคุณเจ้าท่านรอนานแล้ว" คุณย่านวลเรียกหลานมากราบพระแล้วก็ถวายภัตตาหารและสังฆทาน

"ครับ/ค่ะ คุณย่า"

"ตาอิฐ มะยมลูก ยกสังฆทานขึ้นประเคนให้พระคุณเจ้าสิลูก" เมื่อทั้งสองยกของขึ้นประเคนให้ประคุณเจ้าเสร็จ พระท่านจึงให้พร พร้อมกรวดน้ำให้แด่เจ้ากรรมนายเวร พ่อเกิดแม่เกิด ปู่แถนย่าแถน เทวดาอารักษ์ พร้อมทั้งถวายไว้ภายหน้า (พ่อเกิดแม่เกิด คือบุคลาธิษฐาน หรือบุคคลที่ทำให้เราเกิดมานั่นเอง บางความเชื่อพ่อเกิดแม่เกิด คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนที่คอยดูแลเราครั้งยังไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ และเป็นผู้ที่ส่งเรามาเกิดนั่นเอง)

"นี่คงเป็นโยมอิฐกับสีกาอิ๊ฟใช่ไหมสีกานวล?"

"ใช่เจ้าค่ะพระคุณเจ้า"

"เติบโตขึ้นเยอะเลยนะ แล้วนั่นใครอีกคนล่ะ?"

"เพื่อนของหนูอิ๊ฟเจ้าค่ะพระคุณเจ้า ชื่อมะยม" มะยมก้มลงกราบหลวงตาสามครั้ง แล้วจึงเงยหน้าขึ้นเอามือประนมวางที่อก

"อื้ม!! เหมือนมาก ๆ แม้เวลาผ่านไปนานเท่าใดก็ยังไม่สู้แรงอธิษฐานได้จริงๆ"

"พระคุณเจ้าว่างยังไงนะครับ?"

"อาตมาคิดว่ามันน่าจะถึงเวลาแล้วล่ะที่จะต้องบอกโยมทั้งสองเกี่ยวกับคำถามในใจที่ยังคงสงสัยกันอยู่"

"พระคุณเจ้าว่ายังไงนะเจ้าค่ะ?"

"สีกานวลเคยเชื่อเรื่องแรงอธิษฐานไหม?"

"ไม่ค่อยแน่ใจเจ้าค่ะ"

"แล้วโยมทั้งสองล่ะ โยมอิฐ โยมมะยม?"

"เชื่อขอรับ/เชื่อครับ"

"แล้วเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดไหม อันนี้อาตมาถามแต่ละคน?"

"โยมอิฐ ว่ายังไง?"

"เชื่อครับ"

"โยมมะยมล่ะ ?"

"แต่ก่อนไม่ค่อยเชื่อขอรับ  เอ่อ..อาจเรียกได้ว่าคอยปฏิเสธอยู่ตลอดก็ว่าได้ขอรับหลวงตา"

"แล้วตอนนี้ล่ะ??"

"ตอนนี้ยังคงสับสนอยู่บ้างเล็กน้อยขอรับหลวงตา"

"แล้วสีกาทั้งสองล่ะ มีความเห็นว่ายังไงบ้าง?"

"อิชั้นไม่มีความเห็นเจ้าค่ะพระคุณเจ้า เพราะมันยากที่จะเข้าใจหรือเชื่อได้เหลือเกิน"

"หนูคิดว่ามันอาจเป็นไปได้ก็ได้นะค่ะหลวงตา เพราะเราเป็นชาวพุทธ แล้วชาวพุทธเราก็มีความเชื่อมีคติแบบนี้อยู่บ้าง ตั้งแต่การไหว้ผี การบูชาเทพเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้กระทั่งหมอผีก็ยังมีไม่ใช่เหรอค่ะหลวงตา ทุกสิ่งล้วนเป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพี่สูจน์ได้ แต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องลบหลู่ใช่ไหมค่ะหลวงตา?"

"หลานสาวคนนี้ของสีกานวลเป็นคนมีหัวคิดดีนะ ไม่เสียแรงที่อาตมาเป็นคนตั้งชื่อให้ตอนเกิด"

"แล้วถ้าอาตมาจะบอกว่า โยมสองคนเป็นคนที่ผูกพันกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว จะเชื่อไหม?"

"ยังไงหรือเจ้าค่ะพระคุณเจ้า?" เป็นย่านวลที่เอ่ยถามคำถามนี้กับพระคุณเจ้า

"ตามที่อาตมาได้ถามไปตั้งแต่แรกนั่นแหละ คำสัตยาอธิษฐานเป็นตัวผูกมัดและนำพาให้คนสองคนมาเจอกัน"

"ยังจำคำสัตยาอธิษฐานที่ให้กันไว้ได้อยู่ได้หรือไม่โยม?"

"ครับ/ครับ"

"งั้นลองเขียนคำสัตยาอธิษฐาน คำสัญญาที่ให้กันไว้ให้อาตมาดูหน่อยได้ไหม?"

"ได้ครับ/ได้ครับ" หลวงตาได้เอากระดาษพร้อมปากกายื่นให้อิฐและมะยมคนละแผ่น คนละด้าม อิฐมองหน้ามะยมที่ตอนนี้มีแต่ความวูบไหวสั่นกลัวอยู่ในสายตา จนอดสงสารเสียไม่ได้ จึงเอามือมาแตะเบาๆเพื่อให้ร่างบางคลายความกังวล แล้วทั้งสองจึงตั้งใจก้มหน้าเขียนมันลงไป แล้วยื่นกระดาษของตนเองให้กับหลวงตา

"อย่ากลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นโยม เป็นโยมเองไม่ใช่เหรอที่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้" ทั้งสองไม่ตอบอะไร เพราะมันเหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ในอกจนไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ หลวงตาเอากระดาษทั้งสองแผ่นนี้วางบนอาสนะต่อหน้าคนทั้งสี่คน ทำให้คนทั้งสี่คนไม่เว้นย่านวลกับอิ๊ฟก็ตกใจกับคำตอบที่เขียนลงไปของอิฐและมะยม

"ยังฝันถึงเรื่องราวเหล่านั้นอยู่รึไม่โยมอิฐ โยมมะยม?"

"ครับหลวงตา /ครับหลวงตา"

"อย่าได้เป็นกังวลกับมันเลยโยม มันไม่ได้มีอะไรเลวร้าย"

"โยมอิฐไปหยิบหยังสือปกสีชาดที่ทำจากผ้าไหมนั้นให้อาตมาหน่อยได้ไหม? อาตมามีอะไรจะให้ดู"

"นี่คือรูปของเจ้าน้อยขวัญระมิงค์กับแสงเมืององค์รักษ์คนสนิท พร้อมพระพี่เลี้ยงคนสนิทของเจ้าน้อย เห็นแล้วให้คำตอบกับอาตมาได้รึยังว่าสิ่งที่โยมทั้งสองเจอ มันคือความจริงหรือแค่ความฝัน?"

อิฐรับหนังสือภาพนั้นมาดูพร้อมกับมะยม เป็นครั้งแรกที่มะยมเห็นเจ้าน้อยและแสงเมืองได้ชัดเจนขนาดนี้ นอกจากความฝัน มะยมอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาเบาๆ แผ่นหลังเล็กไหวสะท้านเพราะสะอื้นไห้ จบสิ้นกันทีกับคำถามที่ว่ามันเป็นไปได้เหรอ? มันเป็นความจริงหรือความฝัน? เป็นภาพที่เจ้าน้อยทรงประทับนั่งอยู่บนเก้าอี้ในสถานที่ใดสักแห่ง แต่คิดว่าน่าจะเป็นในคุ้มหลวง แล้วมีแสงเมืองกับบัวแก้วยืนอยู่ด้านหลัง"

"ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่ามือของแสงเมืองจับอยู่ที่บ่าของเจ้าน้อย ปกตินายทหารจะไม่สามารถปฏิบัติเช่นนี้กับเจ้าเหนือหัวได้ นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองได้อย่างดีทีเดียวเลยว่าไหม?"

หนังสือภาพเล่มดังกล่าวได้ถูกส่งต่อมายังคุณย่านวลและอิ๊ฟทันทีที่เมื่อมะยมร้องไห้จนอิฐต้องเอาร่างบางมาประคองปลอบ

"มันยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี แม้ว่ากาลเวลาจะทำให้สีขาวและดำของมันซีดลงไปบ้างเล็กน้อย พวกโยมอาจสงสัยว่าทำไมอาตมาถึงมีภาพพวกนี้ได้ ? จำผู้หญิงในภาพที่ถ่ายร่วมกับเจ้าน้อยได้ไหม? สีกาท่านนี้คือคุณยายทวดของอาตมาเอง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่อาตมาจะรู้เรื่องราวของเจ้าน้อยบ้างจากคำบอกเล่าของคุณยายทวดสืบทอดกันมา เพราะการได้รับใช้เจ้าฟ้าเจ้ากษัตริย์ถือเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลเราอย่างหนึ่ง "

"เราสองคนควรทำยังไงดีครับหลวงตา?"

"ก่อนที่จะถามอาตมาว่าต้องทำยังไง โยมทั้งสองควรตัดสินใจให้ดีก่อนว่าจะเอายังไงต่อ? ถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างปกติ  ก็ควรลืมเรื่องราวที่ได้รับรู้วันนี้ให้หมดเสีย แต่หากโยมยังคลาแคลงใจและยังต้องการให้เป็นอย่างคำสัตยาอธิษฐานที่ให้กัน  อาตมาก็พอจะมีทางช่วยอยู่บ้าง" หลังจากคำพูดของพระคุณเจ้าจบลง ทั้งสองก็หันมามองหน้ากัน อิฐบีบมือของมะยมเบาๆคล้ายกับว่าให้กำลังใจ

"เราอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องของเจ้าน้อยและแสงเมืองครับ" เป็นอิฐเองที่ตอบมันออกมา

"แม้ว่าอาตมาจะบวชเรียนมาตั้งแต่ยังเด็ก  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจช่วยเหลือพวกโยมได้หรอกนะ  แต่อาตมามีบรมครูท่านหนึ่งที่คิดว่าจะช่วยโยมทั้งสองได้  หากโยมทั้งสองตัดสินใจว่าอยากรู้เรื่องราวเหล่านั้นจริงๆ"

"ครับ/ครับ"



===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||

มาต่อให้อีกแล้ว แต่งได้วันละตอนเองนะตัวเอง ความขี้เกียจมันมีมากเหลือเกิน คิๆ

ไว้เค้าจะพยายามมาต่อให้ตัวเองอีกน้าาา ปูเสื่อรอได้เลย คิกๆ

หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๔ (๑๑/มี.ค./๕๘) วันนี้มาต่อให้สองตอน
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-03-2015 00:06:31
มีตัวช่วยดีขนาด
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๔ (๑๑/มี.ค./๕๘) วันนี้มาต่อให้สองตอน
เริ่มหัวข้อโดย: GUNPLAPLASTIC ที่ 12-03-2015 03:53:48
ตามอ่านทันเเล้วค่ะ นี้ดิฉันพลาดเรื่องนี้ไม่ได้อย่างไร :katai1: ตอนเรกคิดว่าจะเป็นเรื่องย้อนยุคอย่างเดียว
เเต่ดีจังที่มีมาต่อสมัยนี้อีกด้วย เรื่องนี้ใช้ภาษาดีมากเลยค่ะ เราชอบมาก บรรยายความเป็นล้านนาได้ดีจริงๆ :mew4:
รออ่านทั้งตอนอดีตเละปัจจุบันนะค่ะ แสงเมืองกับเจ้าน้อยนี้คงจะดราม่ายาวๆเลย ฮือ เเต่ไม่ป็นไรค่ะ
เชียร์พี่อิฐรุกมะยมให้เร็วไว เร็วเท่าไหร่ก็รักกันได้นานขึ้นนะค่ะ รอตอนต่อไปนะค่ะคุณคนเเต่ง กอดๆๆ :กอด1: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๔ (๑๑/มี.ค./๕๘) วันนี้มาต่อให้สองตอน
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-03-2015 13:30:12
โฮ่!!   ชอบมากๆ  ซึ้งมาก
แรงอธิษฐานมันรุนแรงยิ่งนัก
เรายิ่งบ้าๆชาติที่แล้วด้วย
เวลาอ่านเรื่องเก่าๆจะเพ้อตลอด55
ชอบภาษาเหนือ   อ่านแล้วเหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้    :heaven
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๔ (๑๑/มี.ค./๕๘) วันนี้มาต่อให้สองตอน
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 12-03-2015 16:11:48


Gunplaplastic : ขอบคุณครับที่ติดตาม ฝากช่วยลุ้นคู่เจ้าน้อยด้วยนะครับ คู่นี้น่าสงสาร //ฝากเชียร์คู่ปัจจุบันด้วยจ้า ใจอยากให้พี่อิฐรุกมะยมเร็วกว่านี้ใจจะขาด แต่ทำไมได้ มันรวดเร็วไป ^^

MukmaoY : ชอบก็มาติดตามบ่อยๆนะครับ คิๆ

B52 : คุณB52 ก็เป็นคนเหนือเหรอครับ เห็นพูดภาษาเหนือ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๕ (๑๒/มี.ค./๕๘) มาต่อให้ทุกวันเลย
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 12-03-2015 18:36:18
ตอนที่  ๒๕



"ตาอิฐ...ไม่ว่าหลานจะตัดสินใจยังไง ย่าก็เชื่อว่าหลานคิดดีแล้ว จัดการทุกอย่างเสร็จแล้วกลับมาหาย่านะลูก ดูแลตัวเองด้วย ดูแลน้องด้วยด้วยนะลูก"
 
 
"ขอบคุณครับคุณย่า คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"
 
 
"มะยมลูก หนูบอกยายแล้วรึยังลูก?"
 
 
"ยังครับคุณย่า มะยมไม่รู้จะบอกยายยังไงดี เพราะตอนนี้ยายยังถือศีลอยู่ที่วัดอยู่เลยครับคุณย่า"
 
 
"เอาไว้เดี๋ยวยายบอกให้เองนะลูก ไม่ต้องเป็นห่วง"
 
 
"ขอบคุณครับคุณย่า มะยมลาล่ะครับ"
 
 
"ดูแลตัวเองด้วยนะลูก เราก็อีกคนแม่ตัวยุ่ง อย่าแก่นเซี้ยวให้มันมาก แล้วก็ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะลูก" ย่านวลกอดหลานๆอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้
 
 
"ป่ะมะยมไปกัน" อิ๊ฟจูงมือมะยมตามหลังอิฐออกมาหลังจากบอกลาคุณย่านวลเสร็จ
 
 
"อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิมะยม เราไม่ได้ไปรบสักหน่อย เดี๋ยวก็ได้กลับมาแล้ว" อิ๊ฟจับมือเพื่อนมาปลอบเบาๆ
 
 
"แต่เราเป็นห่วงยาย เราไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง เรา...." อิ๊ฟส่งสัญญาณให้อิ๊ฟเข้าปลอบมะยมแทน เพราะคิดว่าอิฐคงมีวิธีปลอบมะยมได้ดีกว่าตนเองแน่ๆ
 
 
"ทำหน้าดีๆสิเด็กน้อย อย่าคิดมาก มีพี่อยู่ทั้งคนจะกลัวอะไร? หรือว่าไม่เชื่อใจพี่ หื้ม?" มะยมส่ายหน้าเบาๆ
 
 
"ดีมาก งั้นก็ยิ้มหน่อยสิคนดี"
 
 
"ฮั่นแหน่ เดี๋ยวนี้มีเด็กโหน้งเด็กน้อย คนโดงคนดี ไปเรียกกันแบบนี้ตอนไหนเอ่ย? ทำไมเราไม่รู้? อิอิ"
 
 
"เอ่อ....คือว่า...." มะยมอึกอักตอบเพื่อนสาวไม่ถูก ไม่คิดว่าอิฐจะกล้าพูดอะไรแบบนี้ แต่ที่แน่ๆหน้ามะยมตอนนี้กลายเป็นสีแดงลูกตำลึงสุกไปแล้วล่ะ
 
 
"ตามนั้นแหละตัวจุ่น อย่าถามมาก อยู่เป็นผู้ชมไปนั่นแหละดีแล้ว"
 
 
"อะโด่กับน้องกับนุ่งก็ไม่บอก ถามมะยมเอาก็ได้!!"
 
 
"ไม่ให้ถามใครทั้งนั้นแหละ นอนไปก่อนไป๊ อีกนานกว่าจะถึง"
 
 
"มะยมๆ จะนอนแล้วเหรอ? ตอบคำถามเราก่อนดิ นะๆ เราไม่หวงพี่ชายหรอก" อิ๊ฟยังคงเซ้าซี้ถามมะยม แต่มะยมก็ยังคงแกล้งหลับต่อไป ไม่งั้นคงโดยซักฟอกจนขาวสะอาดแน่
 
 
"นั่งดีๆตัวยุ่ง ปล่อยให้มะยมหลับไปเถอะ เราเองก็นอนไปเลยก็ได้ พี่หนวกหู" อิ๊ฟที่กำลังพยายามชะโงกหน้าไปถามมะยมที่เบาะหลังโดนอิฐดุ เลยทำให้ต้องหยุดซักถามไปโดยทันที
 
 
"ก็ได้ แต่ตอนนี้เราจะไปที่ไหนนะพี่อิฐ? ไกลไหมอะ?"
 
 
"หลวงตาบอกว่าให้ไปหาหลวงปู่ฤาษีที่วัดถ้ำป่านิมิตรตาราม ที่กาญ คิดว่าไกลไหมล่ะ?"
 
 
"ไกล งั้นอิ๊ฟนอนนะ มะยมๆ อิ๊ฟรู้ว่ามะยมยังไม่หลับ มาเปลี่ยนที่กับอิ๊ฟหน่อยนะ อิ๊ฟอยากนอนเอนด้านหลังอะ นะๆ" มะยมจำเป็นต้องลืมตาขึ้นมาตามคำร้องขอของเพื่อน แต่กลับต้องยิ่งเขินเพราะเพื่อนอิ๊ฟแอบยักคิ้วให้สองที แซวทางปากไม่ได้ อิ๊ฟก็เลยยักคิ้วให้แทน อิอิ
 
 
"พี่อิฐๆ จอดให้พวกเราแลกที่กันหน่อยสิ ถ้าแวะปั๊มก็ปลุกอิ๊ฟด้วยนะ จะแวะซื้อขนม อิอิ ฝันค่าทุกคน"
 
 
"อ่ะ!!" มะยมตกใจที่จู่ๆ มือของตัวเองก็ถูกขว้าเอาไปจับไว้ที่หน้าขาของคนตัวโตกว่า
 
 
"ชู่ว!! (อย่าเสียงดัง) " อิฐทำมือแนบปากบอกว่าให้เงียบ แล้วชี้มาทางด้านหลังที่อิ๊ฟนอนอยู่ แค่นี้ก็ทำให้มะยมไม่กล้าเอ่ยปากโต้แย้งแล้วล่ะ อิฐยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
 
 
"ปล่อยนะพี่อิฐ" มะยมฮึดฮัดเบาๆ เพราะกลัวอิ๊ฟที่นอนอยู่เบาะหลังจะได้ยิน แต่ก็ไม่กล้าดึงมือตัวเองออกมาเพราะกลัวรถจะเสียหลัก ทำให้อิฐยิ่งได้ใจ
 
 
"ไม่ครับ"
 
 
"จะขับก็ขับดีๆ เอามือคนอื่นไปจับไว้ทำไม?" มะยมบ่นเบาๆแล้วหันหน้าไปมองวิวนอกกระจกด้านข้างแทน เพราะรู้ว่ายังไงอิฐก็คงไม่ปล่อย
 
 
"ก็อยากจับอะ นุ่มดี หอมด้วย" อิฐพูดจบก็เอามือของมะยมมาหอม
 
 
"พี่อิฐ!!" มะยมตาโต อ้างปากค้าง แล้วหันไปมองอิ๊ฟที่นอนอยู่ที่เบาะหลัง กลัวว่าเพื่อนจะเห็น จะมองคนขับก็ไม่กล้าสู้หน้า ไม่กล้าสบตา เกิดเป็นมะยมทำไมถึงใจเสาะขนาดนี้เนี๊ยะ แค่คนๆเดียวเองทำไมไม่กล้า!!! มะยมคิดในใจ
 
 
ตลอดทางอิฐจับมือของมะยมอยู่ตลอด เว้นเสียแต่เวลาเปลี่ยนเกียร์ต้องเอามือออก พอมือเป็นอิสระมะยมก็รีบเอามือกลับมาวางไว้บนตักตัวเองเหมือนเดิม แต่ที่ไหนได้อิฐก็เอามันกลับไปกุมไว้อยู่ดี
 
>>>>>>>>
 
"ตัวยุ่งๆ ตื่นได้แล้ว ถ้าไม่ตื่นก็ไม่ต้องกินข้าวนะ !!!" ความจริงอิ๊ฟไม่ได้หลับเลย แล้วก็เห็นหมดทุกช็อตเลยด้วย ไม่คิดว่าพี่ชายตัวเองจะมีมุมนี้ด้วยนะเนี๊ยะ ไม่เสียแรงที่เปิดโอกาสให้ คึๆร้ายกาจอะพี่ชายเรา
 
 
"อื้ออออ ง่วง!!" การแสดงยอดเยี่ยม เพิ่มแอคติ้งเล็กน้อยๆพอ เดี๋ยวมันจะเวอร์ เดี๋ยวสองคนนี้จะสงสัย อิอิ
 
 
"ป่ะไปทานข้าวกันก่อน เดี๋ยวค่อยเดินทางกันต่อ"
 
 
"ค่าาาาา"
 
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
 
 
 
"เจ็บใจนัก กูยอมทำถึงขนาดนี้แสงเมืองยังบ่สนใจ มัวสนใจแต่น้องชายนอกคอกของกู แกร๊งๆ แกร๊ง ตุ๊บ!!" เจ้าหยาดฟ้าระบายอารมณ์ลงกับข้าวของในคุ้มจนกระจัดกระจาย เพราะมีสาเหตุมาจาก แสงเมืองคนที่เจ้าหยาดหมายพอชอบพอ
 
 
หลายวันมานี้เจ้าหยาดฟ้าเพียรพยายามเข้าหาแสงเมืองทุกวิธี ไม่ว่าจะบุกไปเยี่ยมน้องชายที่น่ารังเกียจอย่างเจ้าน้อย หรือแม้กระทั่งเดินผ่านไปยังสนามซ้อมดาบของเหล่าทหาร เผื่อว่าจะได้เห็นและทำให้แสงเมืองรู้ว่าเจ้าหยาดพึงพอใจในตัวแสงเมือง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ผล
 
 
"ใจ๋เย็นก่อนเจ้า เจ้าหยาดฟ้า ว๊าย!! ตุ๊บ!!" แม้แต่นางกำนันคนสนิทก็ยังโดนลูกหลงของเจ้าหยาดฟ้า อุสาพยายามบอกให้เจ้าหยาดฟ้าใจเย็นๆ แต่ถึงอย่างใดก็ไม่สามารถเย็นลงได้ เพราะความอิจฉาที่แสงเมืองรักและจงรักภักดีต่อน้องชายนอกไส้ของตนเอง ยิ่งทำให้เหมือนกับไฟที่คอยลุกลามหัวใจของเจ้าหยาดฟ้าไปเรื่อยนั่นเอง
 
 
"มึงจะให้กูใจเย็นได้อย่างใดอีอุสา แสงเมืองช่างจงรักภักดีต่อเจ้าน้อยขนาดนั้น บ่ว่าจะหาวิธีใดมายั่วยวน ก่อบ่สำเร็จ คนโง่ แสงเมืองคนโง่ มันบ่ใช่แม่ญิง จะไปฮักมันทำไม กูนี่เป็นแม่ญิง สามารถให้ความสุขกับแสงเมืองได้ เพชรงามอย่างกู ทำไมบ่ชายตามอง กลับไปขว้างก้อนกรวดก้อนหินอย่างเจ้าน้อยมันมาเชยชม คนโง่!!!!!"
 
 
"มึงลองช่วยกูคิดสิอีอุสา กูจนปัญญาจะเข้าหาอ้ายแสงเมืองแล้ว ชะม้ายชายตาก็แล้ว แกล้งทำเป็นลมเป็นแล้งก็แล้ว มารยากี่ร้อยเล่มเกวียนกูก็ใช้มาหมดแล้ว ทำไมอ้ายแสงเมืองถึงบ่แลตามองกูเลย ห่ะอีอุสา?"
 
 
"เอาอย่างอี้บ่เจ้า โบราณเปิ้นว่า"บ่ได้ด้วยเล่ห์ ก่อหื้อเอาด้วยกล บ่ได้ด้วยกล ก่อต้องใช้มนต์คาถา""
 
 
"มึงหมายความว่าอย่างใดอีอุสา? อย่ามัวอมพะนำ กูใจร้อน อยากใคร่รู้"
 
 
"ข้าเจ้าได้ยินมาว่า หมู่บ้านบนดอยไกลออกจากที่นี้ไปแหมประมาณ 4-5 หมู่บ้าน มีหมู่บ้านชาวเขามาตั้งอาศัยอยู่ เปิ้นเล่ากั๋นว่าหมู่บ้านนี้มีหมอผีไสยศาสตร์ตวยนาเจ้า ว่ากั๋นว่าเก่งขนาด ถ้าเยี๊ยะบ่ได้ยินดีคืนตังค์หื้อเจ้า!!!"
 
 
"กูกลัวอีอุสา!!"
 
 
"บ่ต้องกลัวเจ้า เจ้าหยาดฟ้า เดียวข้าเจ้าจะไปตวย รับรองอ้ายแสงเมืองไปไหนบ่รอดแน่เจ้า เจ้าน้อยก่อเจ้าน้อยเตอะ อ้ายแสงเมืองก่อตึงบ่ใยดี!!"
 
 
"แล้วมึงแน่ใจกาว่ามันจะได้ผล?"
 
 
"แน่ใจเจ้า ขนาดผัวอี่อิ่นคำไปมีเมียน้อย มันยังปิกมาหาเลย หนำซ้ำยังบ่สนใจเมียน้อยคนนั้นแหม แสดงว่าหมอผีคนนี้เก่งขนาดเจ้า เจ้าหยาดฟ้า เชื่อข้าเจ้า!!"
 
 
"แล้วมึงรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างใดอีอุสา?"
 
 
"อี่อุสามันเป็นมาเล่าหื้อข้าเจ้าฟังเจ้า เจ้าหยาด"
 
 
"ดี!! อั้นแหมสองสามวัน เราค่อยไป ต้องไปตอนวันที่เปิ้นมีกาดจะได้บ่มีคนสงสัย" (กาด  หมายถึง  ตลาด)
 
 
 
 
>>>>>>>>>>>>>>> #################################<<<<<<<<<<<<<<<<<<
 
 
มาต่อให้แล้วจ้าาาาา  ตามคำสัญญา เพิ่งแต่งเสร็จสดๆร้อนๆ 
 
อาจไม่เหมือนสัญญาของเจ้าน้อยกับแสงเมือง  แต่เค้าก็รักษาสัญญาแล้วนะตัวเองงง


เจอกันพรุ่งนี้จ้า ###เจ้าหยาดฟ้าตอนนี้ต้องบอกเลยว่า  (ความสวยไม่ให้...คุณไสยสิค่ะ)

 
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๕ (๑๒/มี.ค./๕๘) มาต่อให้ทุกวันเลยจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 12-03-2015 19:58:03
ว๊ายยย เขิน อ่านผิดไปได้ยังไงน้อออ >///< รอติดตามว่าอัฐจะเป็นใครในชาติที่แล้วกัน

แหมะ ขนาดขับรถนี่ก็กุมมือไม่ปล่อยนี่จะรักกันได้หวานเกินไปละๆ เหมือนเค้าลางความหวานของแสงเมืองจะแผ่ให้อิฐแล้ว

ส่วนเจ้าหยาด นี่คิดจะเล่นคุณไสยเลยเหรออ

หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๕ (๑๒/มี.ค./๕๘) มาต่อให้ทุกวันเลยจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: GUNPLAPLASTIC ที่ 12-03-2015 20:30:23
อื้อหือ ถึงกับเล่นคุณไสย เเสงเมืองไม่น่ารอด ดราม่าลากยาวเลย :katai1: :katai1:
ชะนีเรื่องนี้ทำไมทำตัวให้ยุ่งยากจังค่ะ ผุ้ชายในวังนี้มีคนคนดียวก็ไม่ใช่ ทำไมต้องเจาะจง ตอบบ :fire: :m31:
รอคุณคนเเต่งมาต่อค่ะ ให้พี่อิฐรุกเบาๆกะได้ เดี๊ยวน้องตกใจ เเต่เราว่านี้ก็รุกเร็วนะนะค่ะ โฮะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๕ (๑๒/มี.ค./๕๘) มาต่อให้ทุกวันเลยจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-03-2015 22:38:29
พี่อิฐมือไวตั้งแต่ชาติก่อนยันชาตินี้
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๕ (๑๒/มี.ค./๕๘) มาต่อให้ทุกวันเลยจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 13-03-2015 21:21:38
มาแล้วววว +1 +เป็ด เลยยย อ่านสามตอนรวดด
มะยมน่ารักมากจนพี่อิฐอดใจไม่ไหวตั้งหลายรอบแหนะ
น่ารักกกก ชอบมาก มีน้ำตาซึมตามด้วย
แต่อิชะนีนี่มันจัญไรแท้ คิดจะทำคุณไสย
อย่าให้แสงเมืองเป็นอะๆรเลยนะ
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๕ (๑๒/มี.ค./๕๘) มาต่อให้ทุกวันเลยจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 14-03-2015 20:50:33
ชอบค่ะ หลงมะยมมาก ชอบอิ๊ฟอ้ะ น่ารักกก

หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๖ (๒๑/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 21-03-2015 16:09:26


ตอนที่ ๒๖

"เราต้องเอารถจอดตรงนี้กันนะ เพราะรถมันเข้าไปไม่ได้ ต้องเดินไป"

"ไกลไหมอะพี่อิฐ?"

"อะไรเรา ยังไม่ได้เริ่มออกเดินทางเลย ก็ถามหาจุดหมายซะล่ะ?"

"อิ๊ฟถามเฉยๆ หรอกหน่า"

"ถ้าคิดว่าไม่ไหว ก็ให้พี่ไปกับมะยมสองคนก็ได้นะ"

"ไม่เอา มาด้วยกันขนาดนี้ละ จะมาทิ้งกันได้ยังไง?"

"ดีมากน้องพี่ ป่ะออกเดินทางกันเถอะ เดี๋ยวสำภาระพวกเต้นท์และพวกน้ำอาหาร เอามาใส่ไว้ในเป้พี่นะ เดี๋ยวพี่แบกเอง"

ตอนนี้ไม่ว่าจะหันมองซ้ายหรือขวาก็มีแต่ต้นไม้ มีแต่ป่า ยังดีที่พอมีทางเดินที่ชาวบ้านใช้หาของป่ากันบ้าง ทำให้ไม่ดูยากทำบากเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นเบ้ใส่สำภาระ และข้าวของเครื่องใช้จำเป็นเหล่านี้ก็ยังหนักและทำให้เดินลำบากอยู่ดี


"ไหวไหมตัวยุ่ง? ถ้าไม่ไหวก็เอาเป้มาให้พี่ เดี๋ยวพี่จะสะพายไว้ด้านหน้า เราจะได้ไม่หนัก" อิ๊ฟส่ายหัวแล้วยิ้มให้พี่ชายบางๆ เพราะไม่อยากเป็นภาระ แค่นี้พี่ชายของตนเองก็แบกอะไรไม่รู้เยอะแยะอยู่แล้ว

"ไหวค่ะ แต่พักก่อนได้ไหมพี่อิฐ อิ๊ฟเหนื่อย" อิ๊ฟหยิบกระปุกน้ำออกมาดื่ม ยิ่งเหนื่อยก็ยิ่งกระหายน้ำมากขึ้น เพราะเราสูญเสียน้ำในร่างกายออกมาในรูปแบบของเหงื่อ

"อย่ากินเยอะตัวยุ่ง ยังอีกไกลอยู่เดี๋ยวจะไม่มีน้ำดื่ม ถ้ากระหายก่อจิบๆเอานะ"

"ค่ะ"

"เป็นยังไงบ้างครับ ไหวไหม?" อิฐเดินมานั่งข้างมะยม แล้วเอ่ยถามเบาๆ สีหน้ามะยมตอนนี้ซีดอย่างเห็นได้ชัด จนอิฐอดเป็นห่วงไม่ได้

"อื้ม!!" มะยมตอบรับเบาๆ เพราะเหนื่อยมาก ไม่เคยเดินป่าแบบนี้มาก่อน ขนาดออกค่ายอาสายังไม่เหนื่อยขนาดนี้เลย มะยมคิดในใจแล้วเอาน้ำออกมาดื่ม

"ทนหน่อยนะ!!" อิฐเอามือลูบหัวเบาๆ ใจจริงอยากจะทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าอยู่กลางป่า แล้วก็มีน้องสาวของตัวเองอยู่ คิดถึงแก้มนุ่มๆ กับปากบางๆนี้จะแย่ คนสมัยเค้าบอกว่าเข้าป่าอย่าพูดถึงสิ่งไม่ดี อย่าทำอะไรที่ลบลู่ต่อสถานที่ เพราะทุกที่ย่อมเคยมีประวัติมีเจ้าของที่เคยอยู่ทั้งนั้น แม้กระทั่งการปวดหนัก หรือปวดเบาก็ยังต้องขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่นั่นก่อนเสมอ เพราะไม่อย่างนั้นจะถือว่าเป็นการลบลู่

"หิวรึยัง หื้ม?" มะยมพยักหน้าเบาๆ บอกว่าหิวแล้ว

"อะไร? ถามแต่มะยม ไม่ถามน้องนุ่งบ้างเลย" อิ๊ฟเอ่ยแซวขึ้นมาทันที

"แล้วหิวรึยังล่ะตัวยุ่ง?" อิ๊ฟพยักหน้างึกๆ บอกว่าหิวแล้ว หิวมาก ถึงมากที่สุด

"งั้นก็หาที่ทานข้าวกัน คุณย่าเตรียมข้าวเหนียว หมูทอด กับไข่ต้มมาให้นะ มื้อนี้ทานแค่นี้กันก่อน มื้อต่อไปค่อยว่ากัน"

"ค่ะ!! ทานตรงนั้นดีไหมพี่อิฐมีร่มไม้ด้วย ไม่ไกลจากแม่น้ำด้วย ทานเสร็จจะได้เดินไปล้างมือด้วยไง" อิ๊ฟพูดเสร็จก็แบกเป้ไปทันที ไม่รอคำตอบใคร เพราะหิวมาก

"ป่ะมะยมไปกัน" อิฐยิ้มบางๆให้กับตัวเอง เพราะคนตัวเล็กข้างๆนี้ยอมให้จูงมือเดินไปโดยไม่ปฏิเสธสักคำ

"อย่าเพิ่งทานนะครับ เดี๋ยวพี่เอาข้าวนี้ไปให้เจ้าที่เจ้าทางก่อน" อิ๊ฟและมะยมก็พยักหน้าตอบรับ รอให้อิฐเอาข้าวไปให้เจ้าที่เจ้าทางเสร็จแล้วจึงเริ่มทานกัน

(คนเหนือจะมีความเชื่อว่า ถ้าเรามีความจำเป็นต้องทานข้าวในป่าหรือไปทานข้าวในสถานที่อื่นที่เราไม่คุ้นเคย หรือแม้กระทั่งสถานที่ที่เราเคยมาแล้ว เราก็ต้องแบ่งข้าวและกับข้าวออกเป็นส่วนเล็กๆ พอดีคำ เพื่อเอาไปไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เพื่อขอใช้สถานที่แห่งนั้นพักแรมหรือทานข้าว เช่น ชาวนาเวลาไปลงแขกเกี่ยวข้าว ก็จะต้องแบ่งอาหารและกับข้าวเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำสักสองสามคำ เพื่อเอาไปไหว้เจ้าที่เจ้าทาง หรือพระแม่โพสพ อาจวางไว้บนตอไม้ หรือใบไม้แล้วเอาวางใต้ต้นไม้สักต้นก็ได้)

"หิวรึไงเรา รีบทานซะขนาดนั้น ระวังติดคอด้วยนะ"

"ค่ะ!!"

"ทานไข่ต้มด้วยสิมะยม เดี๋ยวพี่แกะเปลือกให้"

"ขอบคุณครับพี่อิฐ" มะยมยิ้มให้อิฐเล็กๆ แล้วก้มหน้าทานต่อ

หลังจากอาหารกลางวันเสร็จทุกคนก็ออกเดินทางต่อ มีแดดบ้างร่มบ้าง เพราะตอนนี้ตะวันกำลังอยู่ตรงเหนือหัว ถ้ามีต้นไม้ก็มีร่ม แต่ถ้าไม่มีต้นไม้ก็ต้องร้อนกันไป มะยมปาดเหงื่อที่ไหลย้อยตามไรผมและตรงขมับ หน้าขาวๆตอนนี้แดงเพราะแดดเผาไปแล้ว


เดินผ่านดอยเป็นลูกๆ ผ่านแม่น้ำไม่รู้จะกี่สาย จนตอนนี้ทุกคนเริ่มจะหมดแรงกันแล้ว โดยเฉพาะอิ๊ฟและมะยม ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาว แต่อากาศที่นี่ตอนกลางวันอากาศร้อนมาก ทำให้รู้สึกเหนื่อยเพิ่มเป็นสองเท่า แต่พอพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินกลับทำให้รู้สึกว่าอากาศมันเย็นลง ซึ่งแตกต่างจากตอนกลางวันมากทีเดียว


"พี่อิฐนั่นใช่วัดที่เราตามหาไหม?" มะยมที่เป็นคนเดินนำมาคนแรกเอ่ยถามอิฐอย่างตื่นเต้นหลังจากเห็นถ้ำขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่ถูกจีวรพระมัดไว้รอบๆต้น นอกจากนั้นยังมีกลดของพระธุดงค์ปักอยู่หนึ่งอันใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ ดูภายนอกไม่ค่อยเหมือนวัดสักเท่าไหร่ ถ้าไม่สังเกตเห็นจีวรพระที่ผูกติดต้นไม้ไว้ล่ะก็นะ

"อาจจะใช่นะ พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คิดว่าน่าจะใช่ เพราะแถวนี้ก็คงไม่มีวัดไหนอีกแล้วมั้ง เราเข้าไปข้างในกันเถอะ" ถ้ำนี้เป็นถ้ำกว้างๆ มีเพดานอยู่สูงขึ้นไปน่าจะสักประมาณ 20 เมตรเห็นจะได้ มีหินงอกหินย้อย นอกจากนั้นก็มีน้ำสายเล็กๆไหลผ่านปากถ้ำออกมา ทั้งสามคนเดินลัดตามลำน้ำนั่นไปทันที คิดว่าถ้าเป็นหน้าฝนถ้ำนี้คงเต็มไปด้วยน้ำแน่ๆ เดินผ่านไปได้สักพัก จากที่คิดว่าไม่เหมือนวัด ก็พบพระพุทธรูปขนาดใหญ่ทั้งปางสมาธิ ปางมารวิชัยตั้งเรียงสลับกันไปจนถึงกลางถ้ำ แต่ที่แน่ๆ ถ้ำนี้ต้องมีค้างคาวมาอาศัยอยู่แน่ๆเพราะได้กลิ่นฉี่กับขี้ค้างคาว หรือไม่งั้นก็ขี้นกสักอย่าง

"มากันแล้วเรอะ?" ทุกคนพากันตกใจที่จู่ๆ ก็มีเสียงคนถามขึ้นมา มะยมและอิ๊ฟรีบกระโดดไปเกาะอิฐไว้อย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ อิฐพยายามเพ่งสายตาผ่านความมืดเข้าไปก็เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่

"ปล่อยพี่ก่อนตัวยุ่ง มะยม กลัวทำไมนั่นเสียงพระธุดงส์ท่าน?" อิ๊ฟกับมะยมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆอย่างกล้าๆกลัวๆ พบเห็นว่าเป็นพระธุดงส์อย่างที่อิฐบอกเลยรู้สึกโล่งอก คิดว่าจะเจอกับอะไรลี้ลับซะแล้ว

"นมัสการพระคุณเจ้าครับ" ทั้งสามคนก้มลงกราบลงกับพื้น

"เอาเทียนที่อยู่ข้างๆโยมมาจุดสิ ปกติอาตมาก็จุดบ้างไม่จุดบ้าง จะเอาไว้ใช้แต่ยามจำเป็นเท่านั้น"

"ครับ" อิฐหยิบเทียนไขเล่นใหญ่ขึ้นมาหนึ่งเล่มหลังจากที่ปรับสายตากับความมืดในถ้ำนี้ได้

"จำอาตมาได้ไหมโยม เราเคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่ง"

"จะ..จำได้ครับพระคุณเจ้า" มะยมเอ่ยเสียงติดขัด ไม่คิดว่าพระธุดงส์ที่ตนเองกับยายไปใส่บาตรวันนั้นจะเป็นรูปเดียวกับที่หลวงตาบอกให้มาหา

"ในที่สุดโยมก็เดินทางมาสักที"

"ครับ?" มะยมเอ่ยขึ้นอย่างฉงนสงสัย

"พระคุณเจ้ารู้ว่าพวกเราจะเดินทางมาเหรอครับ?"

"อื้ม!!"

"นี่ใช่ไหมคู่บุญของโยม อื้ม!! เหมือนจริงๆ เหมือนทั้งคู่"

"คือพวกเราสองคน....." อิฐกำลังจะบอกว่าพระคุณเจ้าถึงเจตนาที่มาพบท่านถึงที่นี่ แต่พูดยังไม่ทันจบพระท่านก็พูดขึ้นมาเสียก่อน ยิ่งทำให้ทุกคนประหลาดใจมากกว่าตอนแรกซะอีก

"อาตมารู้ ถึงมารอพวกโยมที่นี่ไง"

"ครับ"

"เดินทางมาคงจะเหนื่อย งั้นไปอาบน้ำก่อนสิ ด้านในสุดของถ้ำมีน้ำตกเล็กๆ สามารถอาบได้"

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


"มะยมไปอาบสิ อิ๊ฟอาบเสร็จแล้ว"

"ป่ะมะยมไปอาบกัน!!" มะยมรีบหันมามองแล้วรวดเร็ว คิดว่าตัวเองต้องฟังอะไรผิดแน่ๆ หรืออาจเป็นเดินทางมาเหนื่อยเกินไป เลยทำให้หูแว่ว

"อะไรเรา ทำหน้าอย่างนั้นทำไม? อาบด้วยกัน จะอายทำไม? ป่ะ!!" มะยมขนมวดคิ้วจนเป็นปม อาบเอิบด้วยกันอะไร ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยอาบน้ำกับใครเลย แม้แต่เข้าค่ายก็แอบไปอาบคนเดียวหลังจากที่เค้าอาบกันหมดแล้ว

"ไม่เอา"

"หึๆๆ เอาหน่า จะได้เสร็จเร็วๆ อิ๊ฟกับพระคุณเจ้าจะได้ไม่ต้องรอนานไงล่ะ" มะยมกัดปากตัวเองเบาๆ อย่างคนคิดหนัก ให้อาบกับคนอื่นมันไม่ชินจริงๆนี่หน่า แต่จะให้คนอื่นรอเราคนเดียวก็คงไม่ดี

"พี่สัญญาเลยอ่ะ ว่าจะไม่แอบมองมะยมโอเค๊? งั้นรีบตามพี่มานะ เดี๋ยวพระท่านรอ!!" มะยมจำใจต้องเดินตามอิฐเข้าไปข้างในอย่างใจเต้นตุ่มๆต่อมๆ

"พี่อิฐ!!" มะยมอุทานออกมาเบาๆ แล้วเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้าตนเอง เพราะตอนนี้อิฐถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่บ็อกเซอร์แล้ว ทำให้หน้ามะยมขึ้นสีลามมาจนถึงคอ อิฐหัวเราะออกมาเบาๆ หึๆๆ อย่างอดไม่ได้

"คนหน้าไม่อาย!!"

"ว่าอะไรเรา พี่ได้ยินนะ กลับไปจะคิดบัญชี"

"ถอดเสื้อผ้าสิ หรือว่ายังเขินพี่อยู่ งั้นเดี๋ยวพี่ไปหลบอยู่ตรงมุมโน้นก่อนก็ได้" มะยมถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเล็กแล้วก็เดินลงไปในน้ำบ้าง ใช้ขันตักน้ำขึ้นมาอาบ ความเย็นของน้ำทำให้รู้สึกดีขึ้น

"ขาวดีเนอะ!!"

"อ่ะ!!" มะยมหันไปหาอิฐอย่างรวดเร็วเพราะมีคนมากระซิบที่ข้างๆหูจะไม่ให้หันไปได้ยังไงล่ะ

"หึๆๆ" อิฐได้แต่หัวเราะเบาๆอย่างถูกใจกับปฏิกริยาของคนตรงหน้า ช่างขี้อายซะจริง

"พี่อิฐไหนว่าจะไปอาบตรงมุมโน้นไงครับ?"

"ก็พี่เปลี่ยนใจแล้ว ตรงนั้นมันมีหินแหลมๆเยอะ!!" อิฐอยากปรบมือให้กับความเจ้าเล่ห์ของตนเองจริงๆในเวลานี้

"................"

"อาบไปเหอะหน่า อายอะไรนักหนา พี่ยังไม่อายเลย" มะยมได้แต่หันหลังให้อิฐแล้วกลั้นใจอาบๆให้มันเสร็จไป ไม่คิดว่าอิฐจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้  คนนิสัยไม่ดี มะยมคิดในใจ




>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

ขอบใจครับทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้ ปลื้มปริ่มแทนเจ้าน้อยและแสงเมืองจริงๆ คราฟ เช็ดน้ำตารัวๆ ร้องไห้หนักมากกับเรื่องนี้ 555555

### ขอบคุณครับ Akikojae ที่บวกเป็ดให้ ซึ้งใจมาก จนน้ำตาไหลพรากๆเบย กอดๆเค้าหน่อย
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๗ คุณไสย หมอผีเฒ่า (๒๒/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 22-03-2015 18:17:21
ตอนที่ ๒๗

"พร้อมกันแล้วใช่ไหม?"

"ครับ/ครับ"

"พวกโยมแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าอยากทำมันจริงๆ?"

"ครับ/ครับ"

"งั้นก็ตามอาตมามา" พระธุดงค์นำพวกเราอิฐกับมะยมมาจนถึงอีกห้องหนึ่งของถ้ำด้านใน ซึ่งเป็นห้องที่พอจะมีแสงอาทิตย์รำไรลอดผ่านเพดานมาอยู่บ้าง เพราะน่าจะเคยเป็นปล่องภูเขาไฟมาก่อน หรือไม่งั้นก็คงเป็นเพราะเพดานหินปูนด้านบนมันพังลงมา ทำให้แสงสว่างสามารถเล็ดลอดผ่านลงมาได้

"นั่งท่าเทพพนมลงนะโยม แล้วหยิบธูปขึ้นมาจุด 21 ดอกทั้งสองคน จากนั้นให้กล่าวนะโม 3 จบ"

"กล่าวตามอาตมา ...............แม่พระธรณีเจ้าเอ๋ย............. เวลานี้แม่อยู่หรือยัง................ โปรดมาช่วยดับทุกข์ลูกบ้าง............... แม่สังขาตัง โลกะวิทูร............... ข้าพเจ้า......(กล่าวชื่อพวกโยมไป).........ขอตั้งจิตอธิษฐาน..............(โยมอยากอธิษฐานสิ่งใดก็กล่าวไป  แล้วจึงปักธูปทั้งหมดนั้นลงดิน)"

"ตอนนี้สิ่งที่พวกโยมจะต้องทำคือ ทำจิตใจให้สงบ จากนั้นนั่งขัดสมาธิเพื่อทำสมาธิ  หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ ทำอย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าใจจะสงบ หากจิตของเราเผลอวอกแวกคิดถึงสิ่งอื่น ก็ขอให้ดึงมันกลับมายังสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่ในขณะนี้ อย่าลืมว่าพวกโยมมีเวลาแค่เวลาหนึ่งก้านธูปนี้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกโยมอาจเป็นอันตรายได้"

"อาตมาฝากสีกาดูธูปนี้ด้วยนะ หากมันหมดลงเมื่อไหร่ ก็ให้รีบปลุกพวกเค้าทั้งสองทันทีนะ อาตมาไปนั่งสมาธิละ"

"ค่ะพระคุณเจ้า"

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

"กูดูเหมือนนางกำนันหรือยังอีอุสา?"

"เหมือนแล้วเจ้า เจ้าหยาดฟ้า แต่ถึงอย่างใดเราก่อต้องระวังไว้ก่อนนาเจ้า ต๋อนออกไปปี้ว่าเจ้าหยาดต้องก้มหน้าลงสักหน่อยนาเจ้า แล้วก่อเอาผ้ามาคุมไว้ตวย เดียวทหารประตูคุ้มมันจะจำเอาได้"

"ได้ ป่ะไปกันได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันกลับมา ประตูคุ้มจะปิดเสียก่อน"

"นั่นใครน่ะแม่อุสา?"

"นางกำนันในคุ้มเจ้าหยาดฟ้าเหมือนกันนั่นแหละ"

"แล้วเป็นอย่างใดต้องคุมหน้าคุมตาตวย? ไหนเราลองดูหน้าหน่อยสิ?"

"ว้ายๆบ่ได้ๆ นางเป๋นโรคน้ำเหลืองเสียง พวกท่านบ่ใคร่อยากเห็นหรอก ขนาดข้าเจ้ายังบ่อยากเห็นเลย มีก้าน้ำหนอง น้ำเหลือง นี่ก่อว่าจะออกไปซื้อยาที่นอกคุ้มสักหน่อย เผื่อมันจะหาย" อุสาตกใจรีบร้องห้ามเมื่อทหารที่เฝ้าหน้าประตูคุ้มหลวงเอ่ยขอดูหน้าเจ้าหยาดฟ้าที่ปลอมตัวเป็นนางกำนัน แต่ยังดีที่ยังสามารถใช้ความตลบตะแลงหลอกพวกทหารเหล่านั้นได้ว่า นางกำนันคนนี้เป็นโรคร้ายแรงน่ารังเกียจ พวกทหารหน้าคุ้มหลวงจึงยอมปล่อยออกมาได้

"กูใจไม่ดีหมดเลยอีอุสา นึกว่าจะโดนจับได้ซะแล้ว ขวัญเอ๊ยขวัญมา" เจ้าหยาดเอามือลูบหน้าอกเบาๆเรียกขวัญ ที่หนีไปเพราะตกใจตอนทหารหน้าคุ้มหลวงขอเปิดดูหน้า

"เราไปกันต่อเตอะเจ้า เดียวจะบ่ทันปิกมา"

.....................................


"บ่ต้องอู้อะหยังนัก กูรู้กูเห็น แค่มองเข้าไปในตาของหมู่สู ก่อรู้แล้วว่าต้องการอะหยัง?"

"หมายว่าอย่างใด?" เจ้าหยาดขึ้นเสียงไม่พอใจ ไม่เคยมีใครกล้ามาพูดแบบนี้กับตนเองมาก่อน

"เจ้าหยาดเจ้า เดียวปี้อู้เองเจ้า ใจ๋เย็นๆ" อุสาพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบให้เจ้าหยาดฟ้าใจเย็นลง

"ป้อหมอพอจะช่วยพวกเราได้ก่อเจ้า ถ้าได้รับรองเจ้านายของข้าเจ้ามีรางวัลตอบแทนหื้ออย่างงามแน่นอนเจ้า"

"ไอ้เรื่องได้มันน่ะได้แน่นอน แต่มันจะยากไปสักหน่อย หมู่สูจะยอมทำกา?"

"ป้อหมอรู้กาเจ้าว่าเรามาที่นี่เพื่ออะหยัง?"

"ต้องการทำหื้อคนที่เจ้านายสูหมายปองหันมาชอบบ่ใช่กา?" เจ้าหยาดหันมามองพ่อหมอคนนั้นทันทีที่พูดจบ ไม่คิดว่ามันจะแม่นอะไรขนาดนี้ เพราะตนเองก็ไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิตนี้ บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่อีอุสาพูดไว้ก็ได้ว่า หมอผีชาวเขาคนนี้เก่งมากในเรื่องไสยศาสตร์ ถึงได้ล่วงรู้เรื่องที่ตนเองกำลังจะทำก็เป็นไปได้

"มะ..แม่นแล้วเจ้าป้อหมอ"

"ข้าขออู้กับเจ้านายมึง....แน่ใจ๋กาว่าจะทำอย่างอั้น คนๆนี้เป็นคนดวงแข็งขนาดนา เป๋นคนที่บ่กลัวอะหยังเลย ดูจากลักษณะท่าทางแล้ว เป๋นคนฮักเดียวใจ๋เดียว เก่งกาจ กึดจะเอาของหมู่นี้ไปข่มมันจะดีกา?"

"ถ้าแม่หมอทำบ่ได้ ก็ไม่เป็นอะไร ถือซะว่าวันนี้เราไม่ได้มาที่นี่ก็แล้วกัน ป่ะอีอุสากลับ"

"เดี๋ยว!! แต่มันก่อพอมีวิธีอยู่ บ่ใช่จะบ่มี สูเขาจะลองก่อล่ะ?"

"หึๆๆ" เจ้าหยาดหัวเราะในลำคอเบาๆอย่างพอใจ

"ส่วนมึงออกไปตังนอก ข้าจะทำพิธี" อุสาคานออกไปจากห้องทำพิธีของหมอผีคนนั้นทันที แต่ก็ยังอดเป็นห่วงเจ้านายของตนเองไม่ได้ จากนั้นอยู่ดีๆประตูห้องพิธีก็ถูกปิดลงทันทีโดยไม่ได้มีคนมาปิดมันเลยสักนิด จะว่าเป็นเพราะลมก็ไม่ใช่ เพราะตอนนี้ไม่มีลมเลยสักนิด ทำให้อุสาเริ่มรู้สึกกลัวๆกับสถานที่นี้อย่างบอกไม่ถูก

"ส่วนเจ้านาง ก่อเอาผ้าซิ่นนี้ไปเปลี่ยน แล้วนุ่งกระโจมอกออกมา" เจ้าหยาดฟ้าตกใจที่หมอผีเอ่ยเรียกตนเองว่าเจ้านาง ทั้งๆที่ไม่น่าจะรู้ว่าตนเองเป็นใคร เจ้าหยาดเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาทันที นอกจากนั้นยังมีสายตาโลมเลียของหมอผีเฒ่าที่มองมาที่เจ้าหยาดอยู่เสมอ เจ้าหยาดนึกอยากจะหยุดไอ้พิธีกรรมบ้าๆนี้ลงอย่างครามครัน หากไม่นึกถึงการได้ครอบครองแสงเมืองแล้วล่ะก็ เจ้าหยาดคงไม่ยอมทำอะไรบ้าๆแบบนี้เป็นแน่ เจ้าหยาดหายใจออกอย่างเสียไม่ได้ แล้วเอ่ยชื่อแสงเมืองๆ ในใจก่อนที่จะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่หมอผีเฒ่าบอก

"เสร็จแล้วก่อมานั่งลงตรงหน้าเรา .....ขยับมาอีก!! ถ้าเจ้านางกลัวก่อกลับเปลี่ยนผ้าแล้วปิกไปเสีย!!!" เจ้าหยาดฮึดฮัดแล้วขยับเข้าไปตามที่หมอผีเฒ่าบอก

"ป้อหมอจะทำอะหยังน่ะ???"

"หึๆๆ ข้าจะเอานำมันผีพราย 7 ป่าช้าลงหื้อเจ้านาง" หมอผีเฒ่าเอามือแตะที่มีน้ำมันเหนียวๆแตะลงที่เนินอกของเจ้าหยาดฟ้า แล้วร่ายคาถา จากนั้นก็วนไปทางด้านหลัง ไหล่ และลำคอ เจ้าหยาดตัวสั่น  ทั้งขยะแขยงมือเหี่ยวของหมอผีเฒ่านี้เต็มทน เกิดมาไม่เคยให้ใครจับต้องเรือนกายของตนเองมาก่อน แต่ก็ยังกล้ำกลืนฝืนทนให้จนเสร็จ

"เสร็จละ แต่ยังไม่สมบูรณ์ ดึงผมของเจ้านางมาสักห้า-หกเส้น แล้วส่งมาให้ข้าสิ" หมอผีรับผมของเจ้าหยาดฟ้ามาแล้าเอาไปใส่ในใบตองจ่อเพื่อทำบุหรี่ขี้โย แล้วร่ายคาถาพึมพำ

"รับไปสิเจ้านาง เอาบุหรี่ขี้โยนี้ไปให้คนๆนั้นสูบ บ่ว่าจะวิธีใดก่อต้องทำหื้อมันสูบหื้อได้!! ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของเจ้านางอีกอย่างหนึ่ง" เจ้าหยาดฟ้าหันมามองอย่างสงสัยกับคำพูดของหมอผีเฒ่า

((( บุหรี่ขี้โย คือบุหรี่ในสมัยก่อนที่ทำจากยาสูบปกติ เปลือกมะขามแห้งที่ทุบให้เป็นชิ้นเล็กมาพันกลับใบตองจ่อ หรือใบตองที่รีดด้วยเตารีดถ่านแล้ว )))

"ยังไม่เสร็จอีกหรือป้อหมอ??"

"คนดวงแข็งอย่างทหารเอกคนนั้น หากบ่ทำขนาดนี้ คิดกาว่าจะเอามันอยู่?"

"อย่างสุดท้ายแล้ว บ่ต้องใจร้อนขนาดนั้น ....เจ้านางลุกไปถอดผ้าแล้วลงไปอาบในน้ำนั้น แล้วเอากลิ่นกาย เหงื่อไคลของตัวเจ้านางออกมา แล้วเอาไปหื้อมันอาบ" เจ้าหยาดหายใจออกมาอย่างเหลืออด แต่ก็อดทนทำ เจ้าหยาดฟ้าไม่ได้แก้ผ้าออกไปทั้งหมดอย่างที่หมอผีเฒ่าบอก แต่เข้าอาบทั้งผ้าถุงกระโจมอก แล้วค่อยถอดมันออกเมื่อเข้าไปอยู่ในถังน้ำขนาดใหญ่นั้นแล้ว ส่วนหมอผีเฒ่าแม้ว่าเจ้าหยาดจะอยู่ในถังน้ำอันใหญ่ที่ทำจากไม้แล้ว แต่ก็ไม่วายมองตามเจ้าหยาดอย่างโลมเลีย


"หากมันลุ่มหลงเจ้านางแล้ว อย่าลืมท่องคาถานี้ยามคืนเดือนดับตวย บ่อั้นคาถามันจะเสื่อมเอาได้"

"ขอบคุณป้อหมอ ไว้ถ้ามันได้ผลเราจะกลับมาตอบแทนอย่างงาม" เจ้าหยาดฟ้าเดินไปเปลี่ยนผ้ากลับมาเป็นชุดเดิม แล้วเอาถุงเงินยื่นให้พ่อหมอเป็นการขอบคุณ

.......................

>>>>> กลัวเค้าหาว่าคนแต่งโรคจิต เอาแค่นี้ก็พอแล้วกัน <<<<< ต้องรักษาภาพพจน์ คิๆๆ









หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๗ คุณไสย หมอผีเฒ่า (๒๒/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-03-2015 18:45:37
ขอให้ไม่สำเร็จ   :call:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๘ น้ำตาเจ้าน้อย (๒๔/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 24-03-2015 21:18:53
ตอนที่ ๒๘

"มึงคิดได้รึยังอีอุสาว่ากูจะเอาน้ำนี้ไปให้แสงเมืองอาบได้อย่างใด? มันแทบบ่มีทางเป็นไปได้เลย มึงก็รู้"

"ข้าเจ้าก่อคิดบ่ออกเจ้า เจ้าหยาด"

"มันต้องมีวิธีสิหน่า แต่ตอนนี้กูต้องเอาบุหรี่นี้ไปให้แสงเมืองสูบหื้อได้ก่อน ส่วนเรื่องนั้นค่อยว่ากันใหม่ กูก็คิดบ่ออก"

....................

"ท่านแสงเมืองเจ้า ๆ รอข้าเจ้าก่อน" อุสาร้องเรียกแสงเมืองในขณะที่แสงเมืองกำลังจะกลับไปคุ้มไปหาเจ้าน้อย หลังจากฝึกซ้อมให้ทหารเสร็จแล้วในช่วงเช้า

"ว่ายังไงอุสา?"

"เจ้าหยาดหื้อเอาบุหรี่ กับของเหล่านี้มาหื้อท่านเพื่อเป๋นการตอบแทนที่ครั้งก่อน ท่านแสงเมืองได้ช่วยเจ้าหยาดฟ้าไว้นะเจ้า"

"เอ่อ...ไม่เห็นต้องลำบากเจ้าหยาดฟ้าเลย มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าเป็นคนอื่นก็ต้องทำแบบเรานี่แหละ ส่วนของที่เจ้าหยาดให้เอามาให้ เราคงรับมันไว้ไม่ได้หรอก ฝากบอกเจ้าหยาดฟ้าด้วยนะว่า เรารู้สึกทราบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างใดเราก็ไม่สามารถรับมันไว้ได้อยู่ดี"

"แต่เจ้าหยาดตั้งใจจะหื้อท่านแสงเมืองแต๊ๆนาเจ้า นาเจ้ารับมันไว้!!"

"แต่...."

"ถ้าบ่อยากรับสิ่งของเหล่านี้ ก็ช่วยรับเมี่ยงคำ กับบุหรี่นี้ไปก่อได้เจ้า นะท่านแสงเมือง อย่างน้อยเจ้าหยาดจะได้รู้แล้วว่าท่านรับน้ำใจจากเจ้าหยาดบ้างเพื่อเป็นการตอบแทน"

"ก็ได้ครับ"

"อั้นข้าเจ้าไปก่อนนะเจ้า" ดีนะที่เจ้าหยาดรู้ว่าอย่างใดท่านแสงเมืองก่อบ่ยอมรับข้าวของเหล่านี้แน่ๆ เลยใช้มาเป็นข้ออ้างหื้อท่านแสงเมืองรับบุหรี่นี้ไปได้อย่างง่ายดาย ของมีค่าบ่รับ ก่อเลยได้ของเล็กๆน้อยๆแบบบุหรี่นั้นแทน หึๆๆ อุสาคิดในใจ แล้วยืนมองจนแสงเมืองจุดบุหรี่นั้นสูบจนหมดมวน

"เป็นอย่างใดบ้างอีอุสา แสงเมืองบ่รับเหรอ?"

"เป๋นเหมือนที่เจ้าหยาดว่าไว้เลยเจ้า ว่าท่านแสงเมืองจะบ่รับข้าวของมีค่าหมู่นี้ ปี้เลยอู้หื้อท่านแสงเมืองรับบุหรี่กับเมี่ยงคำไว้แทนแล้วเจ้า"

"สรุปแสงเมืองรับบุหรี่ไว้แล้วแม่นก่ออีอุสา?"

"แม่นเจ้า"

"แล้วมึงคิดว่าแสงเมืองจะสูบมันไหม ?"

"สูบเจ้า เพราะปี้เห็นท่านแสงเมืองสูบกับตาจนหมดมวนเลยเจ้า"

"ดีมากอีอุสา อ่ะ..นี่รางวัลของมึง รวมถึงที่มึงพากูไปวันนั้นด้วย หึๆๆ"

.....,,,,,,.....

"เหนื่อยไหมท่านแสงเมืองฝึกทหารวันนี้?" แสงเมืองไม่ตอบอะไร คล้ายกับเหม่อลอย

"ทำไมหน้าตาท่านดูไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?" เจ้าน้อยเอามือขี้นแตะบนหน้าผากของคนรักเบาๆ

"ฟืบ!!" มือเล็กๆของเจ้าน้อยถูกปัดออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่แตะลงบนหน้าผากของแสงเมือง ร่างบางตกใจจนพูดไม่ออก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เคยมีสักครั้งที่แสงเมืองจะทำแบบนี้กับตนเอง เจ้าน้อยยืนนิ่ง สายตามีแต่ความน้อยใจ

"ขออภัยครับเจ้าน้อย ขออภัย กระหม่อม เอ่อ...รู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวไปพักก่อนนะขอรับ" แสงเมืองกล่าวขอโทษเจ้าน้อยแล้วขอลาออกมาทันที คำว่าพักนั้นคือข้ออ้าง เวลานี้ในหัวแสงเมืองสับสนไปหมด ไม่เข้าตนเองเหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นถึงปัดมือคนรักออก อีกส่วนหนึ่งก็มีแต่ภาพของเจ้าหยาดฟ้ามาผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ตนเองรู้สึกปวดหัว ใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก

............


"พี่บัวแก้วครับ เห็นท่านแสงเมืองไหมครับ?" ตั้งแต่เมื่อวานหลังจากถูกปัดมือออก เจ้าน้อยก็ไม่ได้เจอแสงเมืองอีกเลย แปลกเพราะปกติทุกคืนจะมาบอกฝันดีกับตนเองก่อนนอนเสมอ

"ปี้ก่อบ่เห็นตั้งแต่เช้าแล้วนาเจ้า"

"หรือว่าไม่สบาย เพราะเมื่อวานเห็นอาการไม่ค่อยดี งั้นเราไปดูที่ห้องดีกว่า"

"หื้อปี้ไปตวยก่อเจ้า?" เจ้าน้อยพยักหน้าเบาๆ

"ท่านแสงเมืองๆ เป็นอะไรรึเปล่า?..... ตื่นรึยัง? ก๊อกๆๆ ท่านแสงเมือง งั้นเราขอเข้าไปนะ"

"เจ้าหยาดฟ้า เจ้าหยาด.... เจ้าหยาดฟ้าขอรับ เจ้าหยาด" เจ้าน้อยถลาเข้าไปดูแสงเมืองที่ตอนนี้นอนตัวสั่น เพราะเป็นไข้ แต่สิ่งที่เจ้าน้อยได้ยินกลับทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น ร่างบางชะงักเมื่อได้ยินชื่อของคนๆหนึ่งออกมาจากปากของคนรัก ทำไมแสงเมืองถึงละเมอเรียกชื่อ เจ้าปี้ออกมาได้ หัวเจ้าน้อยมีแต่คำถามเต็มไปหมดตอนนี้

"ปี้บัวแก้ว......" เจ้าน้อยเรียกชื่อพี่เลี้ยงออกมาอย่างแผ่วเบา ในหัวคิดไปต่างๆนาๆ

"ปี้ว่าปลุกขึ้นมากินข้าวแล้วกินยาก่อนเตอะเจ้า สงสัยเป็นเพราะพิษไข้ เลยทำหื้อเพ้ออะหยังไปเรื่อยออกมา เจ้าบ่ต้องสนใจเจ้า"

"ท่านแสงเมือง ๆ ตื่นก่อน ลุกขึ้นมาทานข้าว ทานยาจะได้หายไข้"

"เดียวปี้ไปเอาข้าวต้มกับยามาหื้อเจ้า"

"มาแล้วเจ้าข้าวต้ม ปลุกแล้วบ่ตื่นกาเจ้า? มาเดียวพี่ช่วยพยุง เจ้าน้อยจะได้ป้อนข้าวได้ง่าย"

"ท่านแสงเมืองตื่นเดี๋ยวนี้ แล้วมาทานข้าว" เจ้าน้อยออกแรงเขย่ามากขึ้น จนแสงเมืองลืมตาขึ้นมามองเจ้าน้อย แล้วยิ้ม

"เจ้าหยาดฟ้า ๆ มาหากระหม่อมแล้วเหรอขอรับ กระหม่อมคิดถึง ในที่สุดก็มาหากระหม่อมสักที!!" คำพูดแต่ละคำของแสงเมืองที่พูดออกมา ทำไมชามข้าวที่เจ้าน้อยถืออยู่หลุดตกลงมา คล้ายกับว่าไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าขาวตอนนี้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ตาสวยตอนนี้เครือไปด้วยน้ำตาที่ค่อยๆไหลลงมาอย่างช้า ปากบางที่คนตรงหน้าเคยจูบเคยเม้ม ตอนนี้ถูกเจ้าของมันกัดไว้เพื่อไม่ให้เสียงร้องไห้และเสียงสะอื้นมันออกมา ไหล่บางตอนนี้สั่นเพราะการสะอื้นไห้

"เจ้าน้อยของปี้ ทูนหัวของปี้" แม้แต่บัวแก้วก็พูดไม่ออกกับเหตุการณ์นี้  เจ้าน้อยรักแสงเมืองมากบัวแก้วรู้ ความรักของเจ้าน้อยเริ่มจากศูนย์ แล้วเพิ่มมันขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มขึ้นพร้อมๆกับความผูกพัน บัวแก้วไม่คิดเลยว่าเจ้าน้อยจะต้องมาเสียใจกับเรื่องนี้เลยจริงๆ แม้ในคราแรกตนเองจะไม่อยากให้เจ้าน้อยกับแสงเมืองรักกัน แต่สุดท้ายแสงเมืองก็แสดงให้เจ้าน้อยและตนเองได้เห็นแล้วว่ารักและหวังดีกับเจ้าน้อยมากเพียงใด แต่ตอนนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ บัวแก้วไม่เข้าใจพอๆกับเจ้าน้อยในเวลานี้

"ปี้ว่ามันอาจจะเข้าใจผิดสักอย่างก่อได้ ลองปลุกท่านแสงเมืองมาถามดีๆดีกว่านาเจ้า " เจ้าน้อยไม่ตอบอะไร ได้แต่ร้องไห้เงียบๆ หัวใจตอนนี้ถูกบีบ คล้ายว่ามันจะแตกสลายไปเสียแล้ว เสียงสะอื้นเบาๆยังคงมีให้ได้ยินเรื่อยๆ

"ท่านแสงเมืองๆ ตื่นบ่ะเดี๋ยวนี้ ท่านแสงเมือง " กว่าบัวแก้วปลุกให้แสงเมืองตื่นขึ้นมาได้ ต้องทั้งใช้เสียง ทั้งเขย่า จนในที่สุดทนไม่ไหวใช้มือตบเบาๆที่แก้มของแสงเมืองจนตื่นขึ้นมาอย่างสะลืมสะลือ

"ใคร? ไม่ใช่เจ้าหยาดฟ้า ออกไป!! เราจะไปหาเจ้าหยาดฟ้า!!!" พอลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแสงเมืองก็พรวดพาดออกไปจากห้องทันที ปากก็บอกว่าจะไปหาเจ้าหยาดฟ้า จนนางกำนันแถวนั้นตกใจกันไปหมด




หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๘ น้ำตาเจ้าน้อย (๒๔/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 24-03-2015 21:28:57
ต้องช่วยให้ได้นะ  ดวงแข็งนี่
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๘ น้ำตาเจ้าน้อย (๒๔/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: cross ที่ 24-03-2015 21:36:06
มันค้างง่ะ งืออออออออ สงสารเจ้าน้อยยด้วย
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๘ น้ำตาเจ้าน้อย (๒๔/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 25-03-2015 03:11:59
ค้างอ้ะะะ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๒๙ ยอมปล่อยมือ (๒๕/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 25-03-2015 12:43:18
ตอนที่ ๒๙

"บ่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้ มึงดูสิอุสา ในที่สุดแสงเมืองก็ยอมคุกเข่าเป็นทาสรักกู ฮ่าๆๆ" เจ้าหยาดฟ้ามองแสงเมืองอย่างพึงพอใจ ไม่คิดว่าพยัคฆ์ร้ายผู้แสนทรนงอย่างแสงเมืองจะยอมสยบให้กับตนเองได้ง่ายดายขนาดนี้ คงต้องขอบคุณหมอผีเฒ่านั้นจริงๆ เจ้าหยาดฟ้ายิ้มร้ายอย่างผู้ชนะแล้วหันไปลูบใบหน้าคมคร้ามแดดของแสงเมืองที่กำลังนอนหลับไหลอยู่ข้างๆตอนนี้

"แล้วเจ้าหยาดจะทำอย่างใดต่อไปเจ้า?"

"มึงไปเตรียมน้ำอาบให้กูหน่อยอุสา เดี๋ยวกูจะให้แสงเมืองอาบน้ำที่หมอผีเฒ่านั่นให้มา รับรองคราวนี้ไปไหนบ่รอดแน่ หึๆๆ" เจ้าน้อยก้มลงมาสั่งอุสาเบาๆ


........,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,..............


"เจ้าหยาดเจ้า เจ้าน้อยมาขอพบเจ้า"

"หึ!! ดี งั้นก็ให้เจ้าน้อยมาพบกูในห้องนี้เลยก็ได้" เจ้าหยาดยิ้มอย่างคนมีเล่ห์ แววตาเต็มไปด้วยความสะใจ

"ตื่นแล้วเหรอแสงเมือง อุ๊ย!! อย่าสิ....หึๆๆ อย่า...หึๆๆ เดี๋ยวนางกำนันข้างนอกได้ยิน จะเอาไปพูดจนถึงหูเจ้าป้อได้นะ นะคนดี ฟ้ายังสว่างอยู่เลย อดใจรออีกนิดนะ อุ๊ย!!  เจ้าน้อยมาพอดี รอสักครู่นะเจ้าน้อยปี้ขอแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน พอดีว่าเจ้าน้อยมากระทันหัน แล้วแสงเมืองก็...เอ่อ...." ทันทีสองเท้าของเจ้าน้อยเข้ามาในห้องได้ไม่กี่ก้าว แม้ยังไม่ได้เห็นอะไร แต่ก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงหัวร่อต่อกระซิกของคนทั้งสอง ทำให้หัวใจเจ้าน้อยสั่นไหว ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นภาพเหล่านี้เลย หากเป็นไปได้อยากขอหายไปจากตรงนี้ หรือไม่งั้นก็ขอตายมันซะตรงนี้เลย มันคงจะง่ายกว่าการที่เห็นคนรักของตนเองไปมีสัมพันธ์กับคนอื่นแบบนี้

"ครับเจ้าปี้!!" เสียงตอบของเจ้าน้อยนั้นแผ่วเบา คล้ายจะหมดลมหายใจ หยาดน้ำตาคลอหน่วยตาจนแทบจะไหลรินออกมา มือเล็กๆได้แต่ปาดมันออกไป ถึงขนาดนี้แล้วน้ำตาก็คงไม่ได้ช่วยอะไร แต่แค่อยากมาเห็นกับตาตัวเอง แล้วจะได้กลับไปก็แค่นั้น สองมือเล็กกุมอยู่ตรงหัวใจ ที่เคยมีใครคนหนึ่งเคยพร่ำฝากหัวใจของเขามาให้ บอกว่ารักและจะไม่ขอทวงมันคืน แล้วตอนนี้ล่ะมันยังมีอยู่ไหมหัวใจดวงนั้นของท่าน? เจ้าน้อยหวนคิด

"นั่งก่อนสิเจ้าน้อย ปี้ต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท แต่ปี้รู้สึกอ่อนเพลียเหลือเกิน เพราะบ่ได้หลับมาทั้งคืน คิดว่าเจ้าน้อยเข้าใจพี่นะ อุ๊ย!!แสงเมือง ขอเราไปแต่งตัวก่อนนะ หึๆๆ!!" เจ้าน้อยเหลือบมองคนตรงหน้าอย่างน้อยใจ ไฉนท่านลืมสัญญาของเรา ว่าจะรักเพียงเราคนเดียว น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงบนแก้มขาว เจ้าน้อยได้แต่ปาดมันออกไป

"เจ้าน้อยมาหาปี้เพราะเรื่องทหารคนสนิทของน้องเหรอ?"

"ครับ!!"

"ปี้ขอโทษอีกครั้งที่เป็นต้นเหตุให้คนของเจ้าน้อยบ่ทำการทำงาน และละทิ้งหน้าที่"

"ครับ"

"เจ้าน้อยยังจำได้ไหมว่าครั้งก่อนปี้เคยขอตัวแสงเมืองมาเป็นองครักษ์คนสนิทของปี้ แต่เจ้าน้อยปฏิเสธ มาถึงตอนนี้เห็นแบบนี้ เจ้าน้อยยังจะปฏิเสธอยู่อีกไหม?" แต่ละถ้อยคำ แต่ละการกระทำมันทำให้เจ้าน้อยเห็นแล้วว่า คนที่แสงเมืองรักเป็นใคร? เพราะขณะที่เจ้าหยาดพูดอยู่กับเจ้าน้อย แสงเมืองก็คอยคลอเคลียอยู่กับเจ้าหยาดอยู่เสมอ แล้วไฉนเลยเจ้าน้อยจะกล้าขอคนของตนเองคืนได้ล่ะ

"น้อยไม่ขอ...คะ..คืนแล้วครับเจ้าปี้ ฝากดูแลเขา..แทนน้องด้วยนะครับ น้องลาล่ะครับ!!"  เจ้าน้อยมองหน้าแสงเมืองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเอ่ยตอบเจ้าหยาดฟ้าด้วยเสียงแหบพร่า เครือสั่นไหว น้ำตาหนอน้ำตาแม้ว่าอยากกลั้นไว้เท่าใด แต่กลับไหลออกมามากขึ้นเท่านั้น

"ปิกคุ้มเฮาเตอะเจ้า เจ้าน้อย" แม้แต่บัวแก้วก็มิอาจทนเห็นภาพเหล่านี้ได้ พลันน้ำตาไหลตามเจ้านายน้อยของตนเอง บัวแก้วพาเจ้าน้อยที่หอบสะอื้นออกมาจากคุ้มของเจ้าหยาดฟ้า เจ้าน้อยเวลานี้เหมือนแก้วใสที่แตกละเอียดกระจัดกระจาย ไม่เหลือให้เห็นแก้วงามเหมือนครั้งก่อน ร่างบางทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง เหมือนหัวใจจะขาดรอนๆ ตอนเห็นคนรักประคองกอดคนอื่นที่ไม่ใช่เขา มันเจ็บจนอยากดิ้นตาย ไม่คิดว่าจะเจ็บมากมายขนาดนี้

"ทูนหัวของปี้ ไห้ออกมาหื้อหมดเตอะเจ้า หื้อน้ำตามันไหลเฉพาะวันนี้ วันพรุ่งนี้เฮาจะเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งกว่าเดิมนะเจ้า หื้อๆๆ" บัวแก้วอดร้องไห้เพราะสงสารเจ้าน้อยเสียไม่ได้ ตั้งแต่เจ้าแม่ของเจ้าน้อยเสียไป เพิ่งจะมีครั้งนี้แหละที่เจ้าน้อยทรงร้องไห้เสียใจมากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง หัวอกคนเป็นพระพี่เลี้ยง ที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ก็พลันเจ็บตามไปด้วย

....................

"หื้อๆๆ ฮึก!! หื้อๆๆ"

"มะยมๆ ตื่นๆ ได้ยินเราไหม? ตื่นสิมะยม!!"

"พี่อิฐตื่น พี่อิฐ ตื่นๆๆ พี่อิฐ ช่วยตื่นมาดูมะยมหน่อย อิ๊ฟสงสารเพื่อน หื้อๆๆ ตื่นสิพี่อิฐ!" หมดก้านธูปดอกหนึ่งพอดี แต่ที่ทำให้อิ๊ฟร้อนรนขนาดนี้เพราะมะยมเพื่อนของเขากำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นขณะทำสมาธิ ปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น คล้ายกับว่าจิตของมะยมจมอยู่กับสิ่งที่ได้พบเห็นนั้นมาก อิ๊ฟจึงหันไปปลุกพี่ชายของตัวเองเพื่อจะให้มาช่วย แต่อิฐก็ทำท่าฮึดฮัด อยู่ในสมาธิของตนเองจนไม่ได้ยินเสียงอิ๊ฟเช่นกัน

"พระคุณเจ้าเจ้าขา ช่วยด้วยเจ้าค่ะ มะยมกับพี่อิฐเป็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ ช่วยพวกเค้าด้วยนะค่ะ!!" อิ๊ฟรีบวิ่งไปบอกพระธุดงค์อย่างใจไม่ดี

"ตื่นได้แล้วโยม นำจิตของโยมกลับมากันได้แล้ว ตอนนี้พวกโยมไม่ใช่เจ้าน้อยหรือแสงเมือง จงกลับมาหาความจริงในปัจจุบันได้แล้ว" พระธุดงค์ท่องอะไรสักอย่าง แล้วเป่าลงที่หัวของคนทั้งสอง แล้วปลุกเรียกดวงจิตของมะยมและอิฐให้กลับมา

"เฮือก!! " มะยมและอิฐสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากสมาธิทันที

"หื้อๆๆ ฮึก หื้อๆๆ!! พี่อิฐ!! แสงเมือง หื้อๆ" มะยมโผเข้ากอดอิฐทันทีที่ออกจากสมาธิ แล้วเอาแต่ร้องไห้อยู่กับอกของอิฐ แม้ว่าจะออกจากสมาธิแล้ว แต่ทุกอย่างยังติดอยู่ในหัวอยู่

"พี่ขอโทษมะยม พี่ไม่ได้ตั้งใจ ยกโทษให้พี่นะ พี่ขอโทษ!!" อิฐเอ่ยขอโทษออกมา แล้วร้องไห้เบาๆกับเรื่องราวในอดีตที่ได้พบเห็น ไม่แปลกเลยที่มะยมจะร้องไห้คร่ำครวญขนาดนี้ เป็นใครเจอก็ต้องร้องไห้ออกมาเหมือนกัน เจ้าน้อยในอดีตช่างน่าสงสารเหลือเกิน แต่จะโทษใครได้ในเมื่อมันคือชะตาของพวกเขาในอดีต

"หยุดร้องไห้เถอะนะคนดี แม้ว่าชาติที่แล้วพี่จะทำผิดกับมะยมไว้มากเหลือเกิน แต่ให้โอกาสพี่ได้ไหม? ชาตินี้พี่จะไม่ทำให้มะยมร้องไห้เสียใจแบบนั้นอีกแล้ว พี่ขอโทษ" อิฐตัดสินใจดีแล้ว ตัดสินใจได้นานแล้วว่าอยากจะดูแลคนๆนี้ อยากให้เขามีความสุข อยากเห็นเขายิ้ม ไม่อยากให้มีความทุกข์เหมือนในอดีตชาติที่แล้วอีก


หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๐ สับสน - สารภาพ (๒๕/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 25-03-2015 16:01:38




ตอนที่ ๓๐








"อาตมาขอคุยกับโยมคนนี้สักครู่ได้ไหม?"

"ครับ/ค่ะพระคุณเจ้า" อิฐและอิ๊ฟคานเข่าออกไปให้พระคุณเจ้าได้คุยกับมะยม

"ชีวิตคนเรานั้นมันสั้นนะโยม ดังนั้นอยากทำอะไรก็ทำ เพราะวันข้างหน้าโยมจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่า วันนั้นทำไมโยมถึงไม่ทำมัน จะมัวมากังวลอะไรกับอนาคตข้างหน้า มันเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อดีตมันก็คืออดีต ที่โยมยังกังวลอยู่ตอนนี้เพราะกลัวว่ามันจะกลับมาซ้ำรอยเหมือนอดีตงั้นใช่ไหม?"

"ครับพระคุณเจ้า"

"หากผมต้องเจ็บปวดขนาดนั้นผมคงจะทนไม่ไหวอีกแน่ครับ"

"หากโยมไม่ยอมเปิดใจ แล้วลองทำมัน แล้วโยมจะรู้เหรอว่ามันดีหรือไม่ดี อาตมาไม่มีสิทธิ์มาบังคับให้โยมทำหรือไม่ทำอะไร แต่จงจำไว้ให้ดีว่าคนเราหนีหัวใจตัวเองไปไม่พ้นหรอก อาตมาเชื่อว่าโยมมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่ไม่กล้าที่จะยอมรับมันเท่านั้นเอง" พูดจบพระคุณเจ้าก็เดินออกไป ทิ้งให้มะยมอยู่กับตัวเองเพื่อจะได้ตกผลึกความคิดได้

"เป็นยังไงบ้างหื้ม?" อิฐเดินเข้ามาหลังจากที่ไม่เห็นว่ามะยมเดินตามพระธุดงค์ออกไป เลยเข้ามาตาม

"ก็ดีครับ................" มะยมไม่ตอบอะไรอีกเลย ส่วนอิฐก็นั่งอยํ่ข้างๆเงียบๆ ไม่กล้ารบกวน เหมือนคนตัวเล็กมีอะไรให้คิดอยู่

"ถ้าเราไม่รักก็จะไม่เจ็บเหมือนเจ้าน้อยใช่ไหมครับ?" หลังจากที่เงียบไปนานมะยมก็ถามขึ้นมาเบาๆ อิฐมองมะยมแล้วเอามือลูบหัวเบาๆ เขารู้ว่ามะยมกำลังสับสน

"มะยมกังวลกับเรื่องนี้เองเหรอ หื้ม? พี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะสุขสมหวังยังไงหรือเปล่า มีอุปสรรคเหมือนความรักของเจ้าน้อยกับแสงเมืองไหม? แต่พี่รู้ว่าตอนนี้.....พี่รัก และอยากดูแลมะยมมาก วันข้างหน้ามันคืออนาคต พี่ไม่รู้หรอกว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง? แต่พี่ก็พร้อมที่จะฟันฟ่ามันไปนะ ถ้ามะยมให้โอกาสพี่" อิฐเอามือของมะยมมากุมไว้ อยากให้มันช่วยถ่ายทอดความรู้สึกนี้ไปหามะยมบ้าง อยากให้คนตรงหน้ามั่นใจในตัวเขาบ้าง สักนิดก็ยังดี!!

"พี่รักมะยมตอนไหนเหรอ? ทำไมเรื่องราวมันเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้?"

"ตอนแรกพี่แค่แปลกใจว่าหน้าเหมือนคนในความฝันพี่เลย มันเลยทำให้พี่อยากรู้จัก พอได้เจอกันบ่อยขึ้นพี่ก็เริ่มคิดว่าเพื่อนของน้องสาวน่าเอ็นดูดี น่าแกล้ง ตอนแรกพี่ก็คิดว่าคงเป็นเพราะพี่ไม่เคยมีน้องผู้ชายล่ะมั้ง แต่พอพี่ไม่เจอมะยม พี่ก็คอยมองหา คอยแอบๆถามอิ๊ฟบ้าง"

อิฐรู้สึกเขินๆเวลาบอกความรู้ตัวเองแหะ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำแบบนี้ แต่ก็นะถ้าไม่บอกออกไป เด็กน้อยข้างหน้านี้ก็ไม่กล้าเปิดใจสักที ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองแสดงออกไปมากแล้วนะ แต่ทำไมยังไม่มั่นใจสักที ไม่ยอมเปิดใจให้สักที

"จนวันที่มะยมฝันร้ายแล้วร้องไห้จับชายเสื้อพี่ไว้ไม่ยอมปล่อย พี่กลับยิ้ม คิดว่ามะยมน่ารักดี อีกใจหนึ่งพี่ก็คิดว่าที่ตัวเองไม่ยอมมีแฟนจริงๆจังๆสักที เดี๋ยวคบเดี๋ยวเลิกคงเป็นเพราะพี่คอยคิดถึงแต่คนในฝันรึเปล่า?"

"แต่ไปๆมาๆพี่กลับคิดว่าถ้าคนพี่ชอบเป็นเจ้าน้อยพี่คงเฉา เพราะเจ้าน้อยอ่อนโยนและเปราะบางเหลือเกิน แถมยังไม่ค่อยแสดงออกอะไรอีก ไม่เหมือนกับเด็กคนหนึ่งที่หน้าคล้ายกัน แต่นิสัยไม่คล้ายเลย เค้าเป็นน่ารัก น่าแกล้ง จนพี่อยากแกล้งอยู่ตลอดเวลา มันอดยิ้มไม่ได้ทุกครั้งที่พี่เจอเด็กคนนั้น ชอบแหย่ให้อีกฝ่ายแสดงอารมณ์ออกมาให้หลากหลาย ทั้งหน้าบูด หน้าหนิ่วคิ้วขมวด เขินจนหน้าแดง นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้พี่มองมะยมแตกต่างจากเจ้าน้อย ทำให้พี่แอบมอง และอดสนใจไม่ได้"

"ละ...แล้วไงต่อครับ?" มะยมกลั้นใจถามออกไป ทั้งทีตอนนี้เขินจะแย่ แต่ก็อยากรู้นี่หน่า

"แล้วพี่ยิ่งแน่ใจตัวเองมากขึ้นตอนที่มะยมเมินพี่แล้วพี่จูบมะยมไป พี่ไม่ชอบเลยความรู้สึกตอนที่ถูกเราเมิน มันรู้สึกหงุดหงิด อยากให้มะยมสนใจแต่พี่ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็เมินเฉย แล้วก็เรื่องจูบ ทั้งที่พี่ก็เคยมีแฟนแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมพี่ก็ยังใจเต้นกับมัน อยากทำแล้วอยากทำอีก" พอพูดจบมะยมก็หน้าแดงแล้วเอามือฟาดแขนอิดเบาๆ ยิ่งเห็นอิฐยิ่งมันเขี้ยว อยากจะฟัดนัก แก้มแดงๆเวลาเขินเนี๊ยะนะ แล้วปากแดงๆนั่นอีก ไม่ได้ชิมมากี่วันแล้วนะ? อิฐคิดไปจ้องปากของมะยมไป จนมะยมยกมือตีอิฐอีกครั้ง

"ทะลึ่ง!! ลามก!!"

"อะไรก็อยากทำตัวน่ารัก น่ากินทำไมล่ะ!!"

"หยุดนะพี่อิฐอย่ามาพูดแบบนี้นะ!! นี่มันในวัดนะ"

"ก็ได้เห็นว่าต้องสำรวมหรอกนะ ไม่งั้น.....หึๆๆ" อิฐเอาหน้าเข้าไปใกล้หน้าของมะยมจนต้องผงะออกเพราะตกใจ

"อะ..อะไรเล่า?"

"หึๆๆ" อิฐไม่ตอบอะไร ได้แต่หัวเราะหึๆๆ ส่วนมะยมก็ได้แต่หันหน้าไปทางอื่นเพราะเขิน

"พี่ตอบไปหมดแล้ว งั้นก็เปิดใจให้พี่สักทีนะ ชาติที่แล้วก็ไม่สมหวัง แต่ชาตินี้พี่ไม่ยอมนะรู้ไหม?"

"อย่ามากะล่อนพี่อิฐ!!" มะยมเห็นแล้วอดว่าไม่ได้ ช่างหน้าไม่อายเลยจริงๆ บทจะขรึมก็ขี้เก๊กสุดๆ เหมือนอย่างครั้งแรกที่เจอกัน เอ่อ..ดุด้วย!! แต่พอจะกะล่อน เจ้าเล่ห์แล้วล่ะก็นะ มันน่าตีนัก คิดแล้วหมั่นไส้

"งั้นเป็นแฟนกันนะ นะ?" มะยมเขิน ได้แต่ก้มหน้า ใครใช้ให้ถามตรงๆแบบนี้กันเล่า

"ไม่ตอบ งั้นถือว่าตกลง ไม่ปฏิเสธนะ" อุตส่าห์บอกไปตั้งขนาดนี้ แล้วยังไม่ตกลงนะ คอยดูจะรวบรัดตัดตอนซะเลย ปล่อยให้ลอยนวลมานานละ หึๆๆ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๐ สับสน-สารภาพ (๒๕/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 25-03-2015 16:22:06
 :o12:
ไม่อยากเห็นอดีต  มันเศร้ายิ่งนัก
ขอฟินกับปัจจุบันดีกว่า
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๐ สับสน-สารภาพ (๒๕/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: cross ที่ 25-03-2015 16:41:20
สงสารเจ้าน้อย เจ็บจนไม่อยากหายใจเลยเจอแบบนี้
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๑ แก้คุณไสย (๒๕/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 25-03-2015 20:53:38


 

ตอนที่ ๓๑

 
"ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเจ้าน้อย ช่างยินดียิ่งนัก"
 
"สวัสดีครับแม่ชี"
 
"สบายดีไหมเจ้าน้อย หน้าตาดูซีดเซียว ไม่สดใสเลย มีเรื่องอะไรรึเปล่า?"
 
"ปะ...เปล่าครับแม่ชี แค่ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายนิดหน่อยน่ะครับ" เจ้าน้อยกล่าวอึกอัก ไม่เต็มปากนัก เพราะไม่อยากโกหกผู้ทรงศีล
 
"ไม่สบายแล้วทำไมไม่พัก มาเยี่ยมแม่ชีทำไม?" ใช่ว่าแม่ชีจะไม่รู้ว่าเจ้าน้อยโกหกไม่ตอบความจริง แต่ถึงอย่างนั้นแม่ชีก็อดห่วงไม่ได้เช่นกัน เจ้าน้อยเปรียบเหมือนลูกในอุทร ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ก็ตาม แต่แม่ชีก็รักและเป็นห่วงเจ้าน้อยเหมือนลูกแท้ๆ
 
"ลูกไม่ได้มาเยี่ยมแม่ชีนานแล้ว ระลึกถึงก็เลยอยากมาเยี่ยมครับ"
 
"ก่อนแม่ของเจ้าน้อยจะจากไป นางได้เอ่ยฝากฝังเจ้าน้อยไว้กับแม่ชี เพราะนางเป็นห่วงเจ้าน้อย กลัวว่าจะไม่มีใครคอยดูแล นอกจากบัวแก้วแล้ว เจ้าน้อยก็แทบจะปิดกั้นทุกคนเลยก็ว่าได้ แล้วเจ้าน้อยคิดเหรอว่า หากตอนนี้นางมองมาที่เจ้าน้อย นางยังจะสบายใจอยู่อีกเหรอ?"
 
"ขอโทษครับแม่ชี เพียงแต่เรื่องนี้มัน......" เจ้าน้อยอึกอักตอบแม่ชีไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเล่าดีไหม จะเริ่มเล่ายังไง?
 
"รักเขาแม่เหรอลูก?" สรรพนามที่ใช้เปลี่ยนไป น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาทรทำให้เจ้าน้อยน้ำตาไหล
 
"ครับแม่ชี"
 
"ถ้าขาดเขาไปแล้วเจ้าน้อยอยู่ได้ไหม?"
 
"ยะ...อยู่ได้ครับ แต่ก็คงคิดถึงเหมือนใจจะขาด"
 
"สิ่งไหนที่มันเป็นของเรา อย่างใดมันก็เป็นของเรา แต่สิ่งไหนที่ไม่ใช่ของเราตั้งแต่แรก ทำอย่างใดมันก็ไม่ใช่ของเรา เจ้าน้อยเข้าใจที่แม่ชีบอกไหมลูก?"
 
"เข้าใจครับแม่ชี"
 
"เจ้าน้อยมาถือศีล นุ่งขาวห่มขาวกับแม่ไหมลูก เผื่อบางทีจิตใจจะได้สงบขึ้น ?"
 
"ครับแม่ชี"
 
 
"เจ้าน้อยจะเชื่อไหมว่าคนเราถ้าเป็นคู่กันแล้วมันย่อมไม่แคล้วกัน? แม่ชีอยากให้เจ้าน้อยปฏิบัติธรรมเพื่อสะเดาะเคราะห์ เคราะห์หนักจะได้กลายเป็นเบา ส่วนวันข้างหน้าถ้ามันมีอุปสรรคร้ายแรงหรือหนักหนามากกว่านี้ แม่ก็อยากให้เจ้าน้อยใช้ความคิดให้มากก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไปนะลูก"
 
"แม่ชีหมายความว่าอย่างใดครับ?"
 
"ทำตามที่แม่บอกเถอะลูก แม่บอกเจ้าน้อยได้แค่นี้จริงๆ หลังจาก 7 วันนี้แล้ว แม่จะบอกเจ้าน้อยอีกทีว่าควรทำยังไง บุญครั้งนี้ถ้าเจ้าน้อยอยากเอาให้เขาก็อธิษฐานเอานะลูก"
 
"ครับแม่ชี"
 
"เดียวปี้กลับไปเอาเครื่องนุ่งขาวห่มขาวมาหื้อเจ้า"
 
"ขอบคุณครับปี้บัวแก้ว ขอบคุณสำหรับทุกเรื่อง แล้วก็ขอโทษด้วยที่หลายวันมานี้ทำให้ต้องเป็นห่วง"
 
"บ่เป๋นหยังเจ้า ปี้ยินดีทำเพื่อเจ้าน้อยเสมอ"
 
ระหว่างเจ็ดวันมานี้เจ้าน้อยต้องถือศีล 8 นั่นหมายถึงว่านอกจากศีลห้าแล้ว ห้ามนอนบนที่นอนสูงใหญ่ หรูหรา ต้องนอนกับพื้น,  ห้ามทานอาหารในช่วงเวลาวิกาล หรือหลังเที่ยงวันไปแล้ว และห้ามร้องรำทำเพลง ผลัดแต่งหน้า หรือใช้เครื่องหอม
 
 
"เป็นยังไงบ้างเจ้าน้อย?"
 
"ก็ดีครับแม่ชี อาจยังไม่ชินบ้างที่ต้องกิน ต้องนอนแบบนี้ แต่ไม่ได้ทำให้ลูกลำบากอะไรครับ"
 
"แล้วเรื่องหัวใจเล่า เป็นอย่างใดบ้าง?"
 
"ลูกว่าจะไม่คิดถึงเขาแล้ว แต่ก็มันทำไม่ได้ครับแม่ชี ในหัวลูกมีแต่เค้า แม้แต่ตอนนั่งสมาธิ บ่อยครั้งที่จิตของลูกเผลอคิดถึงเขา ลูกมาถือศีลนั่งสมาธิแต่จิตใจของลูกก็ยังไม่ค่อยสงบเลย คงบาปมากใช่ไหมครับ?"
 
"ไม่บาปหรอกลูก เพียงแต่เจ้าน้อยมาด้วยจิตใจอันห่วง เลยทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ทุกครั้งลูกก็จะดึงสมาธิกลับมาไม่ใช่เหรอลูก แค่นี้มันก็พอแล้ว ไม่ใช่แค่การทำสมาธิ การที่ลูกถือศีลทั้ง 8 ข้อมันก็ได้บุญแล้วล่ะ  อย่าคิดมากเลยลูก เอาไว้ครั้งหน้าก็ค่อยมากับเขาก็ได้ลูก"
 
"ลูกไม่เข้าใจครับ แม่ชีบอกลูกว่าให้มาถือศีลครั้งหน้ากับเขา เขาหมายถึงใครครับ?"
 
"คนรักของลูกเค้ายังรักลูกอยู่ เพียงแต่เขากำลังมีเคราะห์อยู่ แม้ว่าจะดวงแข็งอย่างใด ในยามมีเคราะห์คนเราก็ต้องได้รับผลจากเคราะห์นั้นเช่นกัน จึงทำให้ตอนนี้เขาถูกอวิชชาครอบงำอยู่ แม่ชีถึงอยากให้เจ้าน้อยถือศีล หนึ่งเพื่อสะเดาะเคราะห์ของเจ้าน้อย และสองเพื่อให้คนรักของเจ้าน้อยได้พ้นจากเคราะห์ครานี้ด้วย แม้ว่ามันจะช่วยได้ไม่มาก แต่หากมันสำเร็จแม่ก็อยากให้เขาถือศีลแบบเจ้าน้อยดูบ้างนะลูก ลองดู"
 
"แม่ชีหมายถึง ท่านแสงเมืองถูกคุณไสยเหรอครับ?" เจ้าน้อยถามอย่างตกใจ
 
"อื้ม!!"
 
"แล้วลูกต้องช่วยเขาอย่างใดบ้างครับแม่ชี ลูกอยากช่วยเขา" เจ้าน้อยร้อนรนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อยากช่วยคนรักเหลือเกิน
 
"ลูกไปตักน้ำจากบ้านที่มีบ่อน้ำมา 7 บ่อ แล้วเอาขมิ้นส้มป่อยผสมลงไป จากนั้นเอาไปสรงน้ำพระพุทธรูป แล้วอธิษฐานขอพระพุทธคุณช่วยขจัดปัดเป่าเพศภัย สรรพเคราะห์ เสนียดจัญไรให้เขา เสร็จแล้วให้ลูกเอาน้ำที่สรงนี้ไปให้เขาอาบ อย่าให้เกินวันคืนเดือนดับนะลูก ไม่งั้นคงหมดทางช่วย"
 
"ขอบคุณครับแม่ชี ลูกจะทำตามทุกอย่างให้เสร็จภายในเร็ววันครับ"
 
"ส่วนนี้คือสิ่งสำคัญ แม่ขอพูดกับเจ้าน้อยแค่สองคนได้ไหม?" เจ้าน้อยหันมามองบัวแก้ว จากนั้นพระพี่เลี้ยงคนสนิทก็คานเข่าออกไปเพื่อให้เจ้าน้อยได้คุยกับแม่ชีแค่สองคน
 
"ทั้งหมดที่แม่บอกมันช่วยได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ เจ้าน้อยจะกล้ามอบสิ่งสำคัญของตัวเจ้าน้อยให้เขาไหม?"
 
"ลูกเต็มใจช่วยเขาครับแม่ชี ไม่ว่าลูกต้องแลกด้วยอะไรก็ยอม!!"
 
"พรหมจรรย์และความรักเจ้าน้อยกล้าให้เขาไหมลูก?" เจ้าน้อยคิดหนักกับสิ่งที่แม่ชีบอก  แม้ว่าเขาจะรักแสงเมืองมาก แต่เขาไม่รู้ว่าแสงเมืองจะรังเกียจเขาไหม ถ้าหากต้องทำอย่างนั้นกับผู้ชายด้วยกัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เจ้าน้อยอดถอดถอนหายออกเสียไม่ได้
 
 
...................
 
"หลายวันมานี้ แสงเมืองบ่ได้ดั่งใจกูเลย ยามหลับบางคืนก็เพ้อถึงเจ้าน้อยมันขึ้นมา ทำให้กูหงุดหงิดมึงเข้าใจไหมอุสา"
 
"อุสามึงแน่ใจเหรอว่า วันนั้นมึงได้เอาน้ำที่หมอผีเฒ่าให้มานั้นผสมลงไปให้แสงเมืองอาบแล้ว?"
 
"อะ...เอ่อ!!"
 
"มึงอ้ำๆอึ้งๆแบบนี้ หมายความว่าอย่างใดอีอุสา ตอบกูมาเดี๋ยวนี้!!!ก่อนที่กูจะสั่งให้ทหารมาเคี่ยนมึง!!!"
 
"คะ....คือ อุสาขอสุมาเตอะเจ้า เจ้าหยาดฟ้า อุสาผิดไปแล้ว พื้นห้องสรงน้ำมันลื่น อุสาบ่ทันระวัง ละ..เลยล้ม บ่คิดว่าน้ำนั้นมันจะหล่นตกลงมา โอ๊ย!!! " เจ้าหยาดฟ้าฟาดฝ่ามือลงมาที่ซีกหน้าของอุสาเพราะความโกรธหลังจากได้ยินว่าแสงเมืองยังไม่ได้อาบน้ำนั้นเลย ทำให้อุสาก้มลงกราบเจ้าหยาดฟ้า ตัวสั่นๆ ด้วยความกลัว ข้ารับใช้ตัวเล็กๆมีหรือจะสู้ความเป็นนาย
 
"เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!! อีง่าว มึงนี้มันง่าวเหมือนควาย แล้วอย่างนี้กูจะทำอย่างใดต่อไป ทำแผนกูพังไปหมด เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!! ทหาร ๆ เข้ามาเอาอีอุสาไปลงหวาย 50 ที" เจ้าหยาดโกรธ โกรธมากกว่าครั้งไหนๆ อุตส่าห์วางแผน ยอมลงทุนถึงขนาดนี้ แต่กลับล้มไม่เป็นท่าเพราะความสับเพร่าของอีไพร่อุสาเพียงคนเดียว เสียงข้าวของตกลงไปกับพื้น เพราะเจ้าหยาดพังมันลงมาจนล้มระเนระนาดเพื่อระบายความโกรธ
 
"ปล่อยกู ๆ กูจะไปหาเจ้าน้อย กูจะไปหาดวงใจของกู พวกมึงปล่อยกูบัดเดี๋ยวนี้ ตุ๊บๆ ตั๊บๆ"
 
"ว๊าย......." เสียงนางกำนันร้องดังสนั่น เพราะทหารในคุ้มเอาแสงเมืองไว้ไม่อยู่ ส่วนเหล่านางกำนันที่เข้าไปขวางก็ถูกผลักออกจนล้มตามกันไปหมด
 
"แสงเมืองจะไปไหน? หยุดก่อน ท่านจะไปไหน? ว๊ายย....โอ๊ย!!" แม้แต่เจ้าหยาดฟ้ายามนี้แสงเมืองก็ไม่ยอมฟัง แสงเมืองตื่นมา รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคย ไม่ใช่ห้องนอนของเจ้าน้อยคนรักของตนเอง จนถามนางกำนันรู้ว่าที่นี่คือห้องนอนของเจ้าหยาดฟ้า แล้วตนเองก็มาอยู่ที่นี่ได้หลายวันมาแล้ว แสงเมืองสับสนไปหมด มันเกิดอันใดขึ้นกับตนเอง ทำไมต้องมาอยู่ที่คุ้มของเจ้าหยาดฟ้า? แสงเมืองคิดถึงเจ้าน้อย คิดถึงเหลือเกิน แล้วตอนนี้เจ้าน้อยจะเป็นอย่างใดบ้าง ? แสงเมืองคิดไปต่างๆนาๆ
 
.............
 
"เจ้าน้อยขอรับ เจ้าน้อย!!"
 
"ทะ...ท่านแสงเมือง!!" พูดได้แค่ชื่อน้ำตาของเจ้าน้อยก็พลันจะไหล เขาคิดถึงแสงเมืองเหลือเกิน คิดถึงมาก คิดถึงอกอุ่นๆ ไหล่กว้างๆที่เคยซบนี้เหลือเกิน
 
"เจ้าน้อยขอรับ กระหม่อมขอโทษ กระหม่อมคิดถึง โอ๊ยยย!! ปวดหัว ปวดเหลือเกิน ปวด!!!" แสงเมืองเอามือกุมหัวตัวเองอย่างคนเสียสติ ในหัวมีภาพเจ้าน้อย ทับซ้อนกับภาพเจ้าหยาดเต็มไปหมด มีคนสวดอะไรไม่รู้ดังก้องอยู่ในหูจนต้องเอามือปิดหูไว้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังได้ยินอยู่ดี
 
"ท่านแสงเมือง!! พี่บัวแก้วๆ เข้ามาช่วยเราหน่อย ท่านแสงเมืองกลับมาแล้ว!! "
 
"ท่านแสงเมือง!!"
 
"ปี้บัวแก้วอย่าเพิ่งตกใจ รีบไปเอาน้ำพระพุทธคุณมาก่อน เดี๋ยวเราจะพาท่านแสงเมืองไปที่ห้องสรงน้ำรอ"
 
"เจ้าๆ เดียวปี้ไปเอามาหื้อ!!" บัวแก้วกระวีกระวาดวิ่งออกไปเอาน้ำพระพุทธคุณที่เตรียมไว้มาให้เจ้าน้อยตามคำสั่ง
 
"ท่านแสงเมืองทนเอาหน่อย เดี๋ยวท่านก็จะหายแล้ว มองหน้าเรา เราเจ้าน้อยของท่านไง!!"
 
"เจ้าน้อย.......!!" แสงเมืองลืมตาขึ้นมองเจ้าน้อย แล้วใช้มือจับหน้านวลของเจ้าน้อยเอาไว้ คิดถึงคิดถึงเหลือเกิน แล้วก็ขอโทษด้วย แสงเมืองอยากบอกเหลือเกินแต่ตอนนี้เขาปวดหัวเกินที่จะเอ่ยบอกเจ้าน้อย แม้แต่เรี่ยวแรงก็แทบจะไม่มีเลย
 
"พนมมือนะท่านแสงเมือง แล้วท่องนะโม สามจบ แล้วว่าตามเรา....................................."
 
"เฮือก.!!! ..ฮ่าๆ ร้อน!! ร้อนไปหมด ไม่ไหวแล้ว!!" แสงเมืองกระสับกระส่าย คล้ายกับคนบ้า นอนกลิ้งไปมาตามพื้น จนเจ้าน้อยอดสงสารไม่ได้
 
"ทนหน่อยนะท่านแสงเมือง เราอยู่ตรงนี้ไง อยู่ข้างท่านนี่ไง ท่านต้องหาย ท่านต้องหาย" เจ้าน้อยเห็นคนรักเจ็บปวดทุรนทุรายจนแทบอยากเจ็บแทน สองแขนเล็กได้แต่เข้าไปกอดแสงเมืองเอาไว้จนแสงเมืองสงบลง
 
 
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๑ แก้คุณไสย (๒๕/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: cross ที่ 25-03-2015 21:29:57
ช่วยแล้วๆๆๆๆ กลับมาเร็วๆๆท่านแสงเมือง
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๑ แก้คุณไสย (๒๕/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 25-03-2015 23:35:23
เย่ๆ  จะช่วยแล้ว
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๑ แก้คุณไสย (๒๕/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: PHEROMONE♥ ที่ 26-03-2015 13:52:16
เอาใจช่วยเจ้าน้อยกับแสงเมือง :m5:
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๑ แก้คุณไสย (๒๕/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 26-03-2015 20:42:07
โอ้ฉันพลาดเรื่องนี้ไปได้ไง ตามหาแนวนี้มานานมากกลิ่นอายแบบล้านนาเนี่ยสุดยอด
มากเลยครับคนแต่งรอติดตามตอนต่อไปอยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๒ พรหมจรรย์และรักแท้ (๒๘/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 28-03-2015 09:00:32

ตอนที่ ๓๒

"เจ้าน้อย!!"

"แสงเมืองท่านเป็นไงบ้าง?"

"กระหายน้ำขอรับ"

"ได้เดี๋ยวเราไปเอามาให้"

"กระหม่อม...ขอโทษนะขอรับ ที่ทำให้เจ้าน้อยเสียใจ กระหม่อมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างใด กระหม่อม........"

"ไม่ต้องพูดแล้วล่ะท่านแสงเมือง เราเข้าใจ"

"เข้าใจว่าอย่างใดขอรับ?"

"เข้าว่าท่านไม่ได้ตั้งใจ ท่านโดนเสน่ห์คุณไสย"

"หมายความอย่างใดหรือขอรับ? กระหม่อมไม่เข้าใจ"

"เราขอโทษแทนเจ้าปี้หยาดฟ้าด้วยนะ นางคงทำไปเพราะรักท่าน ให้อภัยนางเถิดนะท่านแสงเมือง"

"ขอรับ เจ้าน้อยรู้ไหมขอรับ.....ความรักของกระหม่อมคือความปรารถนาดีอยากให้คนที่เรารักมีความสุข แต่ความรักของเจ้าหยาดฟ้า คือการเห็นแก่ตัว และการครอบครอง แบบนี้เค้าเรียกว่ารักตนเองมากกว่านะขอรับ ขออภัยที่กระหม่อมต้องพูดแบบนี้"

"เราเข้าใจ..ท่านยกโทษให้เจ้าปี้เราเพราะเห็นแก่เรา แต่จะให้ไม่โกรธเลยก็คงเป็นไปไม่ได้"

"โอ๊ย!!! เสียงใครสวดอะไรน่ะ?"

"เสียงอะไรท่านแสงเมือง?"

"เสียงสวดขอรับ มันดังไปทั่วเลย"

"ท่านแสงเมืองฟังเรา ตั้งสติฟังเรา ตอนนี้คุณไสยของท่านยังไม่หมดไป น้ำมนต์นั่นช่วยท่านได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น"

"โอ๊ย!! ปวดหัว ออกไป!! หยุดสวดได้แล้ว!!!"

"ท่านแสงเมืองมองหน้าเรา....ตอบเราหน่อย...ว่าท่านรังเกียจเรารึเปล่าท่านแสงเมือง? เราอยากมั่นใจ" เจ้าน้อยใจเต้นแรงไปหมดแล้วตอนนี้ ทั้งกล้าทั้งกลัวปะปนกันไปหมด แต่เขาอยากช่วยแสงเมือง นี่คือความปรารถนาของเขาในตอนนี้ เจ้าน้อยรวบรวมความกล้าถามออกไป อยากรู้ว่าถ้าเขาอยากมอบมันให้แสงเมืองเขาจะรังเกียจไหม?

"กระหม่อมมะ..ไม่เคยรังเกียจคนที่ตนเอง..รัก กระหม่อมรัก..เจ้าน้อย" เจ้าน้อยมือสั่นอย่างเห็นได้ชัด มือเล็กเอื้อมไปจับหน้าแสงเมืองไว้ แล้วจูบเบาๆลงที่ปาก แล้วผละออก เพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง?


"อึก!! ขอบคุณครับดวงใจของกระหม่อม" แสงเมืองข่มความเจ็บปวดแล้วกล่าวขอบคุณเจ้าน้อย ก้มลงจูบเบาๆ ลงที่ปากบาง ไล่มาจนถึงปรางค์นวลที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงชาดไปแล้ว แล้วกลับไปจูบลงที่ปากบางนั้นอีกครั้ง  แสงเมืองรู้ว่าเจ้าน้อยไม่ประสากับเรื่องนี้ เลยทำให้ตัวสั่นเมื่อเขาเริ่มตะโบมจูบ แสงเมืองเว้นระยะให้ร่างบางได้หายใจก่อน แล้วดึงปิ่นปักผมนั้นออก ตามด้วยอาภรณ์ท่อนบน เจ้าน้อยในยามนี้ช่างงดงามเหลือเกิน ผมที่ถูกปล่อยลงมายิ่งทำให้รับกับใบหน้าหวานนี้เหลือเกิน

"อือ.......ทะ...ท่านแสงเมือง"

"รู้สึกดีไหมขอรับ?"

"อื้ม!!"

"กระหม่อมขอนะขอรับ!!" แสงเมืองทอดสายตาหวานเชื่อมให้เจ้าน้อย อยากให้รู้ว่านี่แหละคือคนที่เขารัก และจะขอรักตลอดไป นิ้วมือใหญ่แทรกเข้าอย่างยากลำบาก จนแสงเมืองต้องคานเข่าไปหยิบเอาน้ำมันใส่ผมที่โต๊ะเครื่องแป้งมาช่วย มิเช่นนั้นเจ้าน้อยคงจะเจ็บมากกว่านี้

"อึก!!"

"ทนหน่อยนะขอรับ!!" เจ้าน้อยพยักหน้าเบาๆ ร่างบางของเจ้าน้อยตอนนี้แดงไปหมดทั้งตัว จนแสงเมืองต้องบอกกับตัวเองว่าให้อดทนก่อน แล้วเพิ่งจำนวนนิ้วให้อีก ไม่ใช่ง่ายๆเลยที่มันจะเข้าไปได้ ยิ่งร่างกายของเขากับเจ้าน้อยแตกต่างกันซะขนาดนี้

"อึก!! ท่านทำเถิด เรายังไหว เราอยากให้ท่านหายกลับมาเป็นเหมือนเดิม เป็นแสงเมืองของเรา" แสงเมืองพยักหน้าแล้วจ่อแกนกลายอันอุ่นร้อนเข้าไปตรงทางแคบ

"โอ๊ย!! อึก!!" เจ้าน้อยกรีดเสียงออกมาเมื่อสิ่งนั้นกำลังชำแรกเข้าไปในร่างกายของตนเอง แบบนี้สินะเขาเรียกว่าสิ้นพรหมจรรย์ แม้จะไม่ใช้ผู้หญิง แต่เจ้าน้อยก็อยากให้มันกับคนที่รักเท่านั้น แม้ว่าจะไม่มีพรหมจรรย์เหมือนผู้หญิง แต่เจ้าน้อยก็อยากให้คนแรกและคนสุดท้ายของเขาเป็นแค่คนๆนี้เท่านั้น

"ไหวไหมขอรับ?"

"ไหว!!" แม้จะบอกว่าไหว แต่น้ำตากับไหลหยดลงมาบนแก้มนวล จนแสงเมืองต้องก้มลงไปจูบเบาๆที่หางตา แล้วเลียหยาดน้ำตาที่ไหลนองบนปรางค์งามของเจ้าน้อย

"กระหม่อมรักเจ้าน้อยนะขอรับ ขอบคุณที่มอบมันให้กระหม่อม" พูดจบแสงเมืองก็เริ่มขยับตัว เอวแกร่งขยับเบาๆ แล้วเพิ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเจ้าน้อยส่งเสียงออกมา ร่างบางต้องกลั้นเสียงนั้นเอาไว้ เกรงว่าคนข้างนอกจะได้ยิน แสงเมืองมองแล้วยิ้มกว้าง ไม่มีส่วนใดที่ตนเองจะไม่ได้สำผัสลงบนตัวของเจ้าน้อยเลย ตอนนี้เขาทั้งสองคนเป็นของกันและกันแล้ว


"ช่วยปลดปล่อยเราเถิด เราไม่ไหวแล้ว" เจ้าน้อยร้องขอเสียงแหบกระเส่า

"อีกนิดนะขอรับ"

"อ้าาา!! ไม่ไหวแล้ว" เจ้าน้อยรู้สึกเหมือนใจจะขาด ร้อนวูบหวาบทั่วท้องน้อยไปหมด จนถึงฝั่งไปก่อนแสงเมือง

"อื้อๆ อ้าาาาา...." หลังจากเจ้าน้อยเสร็จไปไม่นาน แสงเมืองก็เร่งจังหวะตามเจ้าน้อยไปติดๆ แสงเมืองฟุบตัวแนบชิดกับร่างของเจ้าน้อยอย่างหมดแรง ช่างมีความสุขยิ่งนักเวลานี้ ใช้เวลาเพียงครู่แสงเมืองก็ลุกขึ้นมาเล็กน้อยแล้วก้มลงจูบลงที่หน้าผากหมนของเจ้าน้อยเบาๆ โดยที่ยังไม่ได้ถอดถอนมันออกไป

"เขินหรือขอรับ?" เจ้าน้อยบิดหน้าหนี หลับตาข่มความเขินอาย จนแสงเมืองเอ่ยทักออกมา ปฏิกิริยาของเจ้าน้อยเวลานี้ช่างน่ารักเหลือเกิน

"ลุกได้ไหมขอรับ เดี๋ยวกระหม่อมจะพาไปอาบน้ำ" เจ้าน้อยลืมตา ส่ายหน้าเบาๆ บอกว่าไม่ไหว ขาล้าไม่มีแรงไปหมด

"เกาะดีๆนะขอรับ เดี๋ยวกระหม่อมพาไป จุ๊บ!!" แสงเมืองถอนแกนกายออก แล้วก้มลงมองทางที่ตนเองชำแรกเข้าไปเมื่อครู่ บัดนี้มีเลือดปนออกมากับน้ำรักของเขาเล็กน้อย

"เจ็บไหมขอรับ?" แสงเมืองถามอย่างเป็นห่วง

"นิดหน่อย" เจ้าน้อยตอบไม่เต็มเสียง แสงเมืองส่ายหน้าเบาๆแล้วอุ้มเจ้าน้อยออกไปอาบน้ำ

"ให้กระหม่อมอาบให้นะขอรับ เจ้าน้อยเหนื่อยมามากแล้ว" ยิ่งพูดเจ้าน้อยยิ่งแก้มแดง บ่งบอกได้เลยว่าตอนนี้เขินมาก

"นอนนะขอรับ เดี๋ยวกระหม่อมไปเอายามาให้ กันไว้ก่อน เดี๋ยวจะไม่สบายนะขอรับ เดี๋ยวกระหม่อมมานอนด้วย" เจ้าน้อยพยักหน้าเบาๆ แล้วมองตามแสงเมืองเดินออกไปจนพ้นธรณีประตู





>>>>>>  สารภาพว่าเค้าแต่ง NC  ไม่เป็นนะตัวเอง อาจจะไม่ฟิน ยังไงตัวเองก็ช่วยจิ้นเองอีกแรงเนอะ เค้าขอโทษจ้า
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๒ พรหมจรรย์และรักแท้ (๒๘/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-03-2015 10:26:17
ไม่เป็นไรครับสนุกมากเลยครับแต่งต่อไปเรื่อยๆนะครับรออยู่
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๒ พรหมจรรย์และรักแท้ (๒๘/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-03-2015 11:07:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๒ พรหมจรรย์และรักแท้ (๒๘/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 28-03-2015 12:01:19
เดี๋ยวเราจิ้นต่อเอง เออิ้กๆ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๓ พรากรัก (๒๘/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 28-03-2015 16:05:27
 



ตอนที่ ๓๓



"อีอุสามันเป็นอย่างใดบ้าง? คงไม่ตายไปแล้วหรอกนะ?" เจ้าหยาดฟ้าเอ่ยถามอาการอุสาจากนางกำนันในตำหนัก เพราะใคร่อยากรู้ว่ามันเป็นอย่างใดบ้างแล้ว?

"ยังเจ้า เจ้าหยาด แต่มันจับไข้เจ้า"

"ก็ดี นึกว่าจะตายไปแล้วซะอีก"

"แล้วเจ้าหยาดฟ้าจะหื้อทำอย่างใดกับมันต่อเจ้า?"

"ไปขอยาที่หมอหลวงมาทาหื้อมาซะ แล้วต้มยาหื้อมันกินด้วย"

"เจ้า!!" นางกำนันตอบแล้วคานเข้าออกไปจัดการตามที่เจ้าหยาดฟ้าสั่ง

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

สี่ห้าวันผ่านไปอาการเจ็บและไข้ของอุสาดีขึ้น   เพราะได้ยาดีที่เจ้าหยาดประทานมาให้ อุสาเป็นทาสที่เจ้าหยาดชุบเลี้ยงไว้ เพราะตัวมันเองแต่ก่อนหน้านั้นเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านที่ถูกจับนำมาขาย และถูกทารุณกรรมจากคนที่เป็นนาย จนในที่สุดมันก็หนีออกมา จนมาเจอกับเจ้าหยาดฟ้ากลางตลาดหน้าคุ้มหลวง เหตุการณ์วันนั้นมันวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนมาด้วยความหวาดกลัว จนมาชนเจ้าหยาดฟ้าล้ม มันยกมือขึ้นพนมเหนือหัว ร้องขอความช่วยเหลือ บอกว่าแม้แต่ชีวิตก็ให้ได้เพียงขอให้ช่วยชีวิตมันจากคนพวกนั้นไว้ จนมาถึงตอนนี้มันก็กลายมาเป็นทาส เป็นบ่าว เป็นนางกำนันผู้จงรักภักดีกับเจ้าหยาดฟ้า แม้ว่าจะด่า จะเคี่ยนตีมันยังไง มันก็ยังสำนึกในบุญคุณของเจ้าหยาดแต่ครั้งก่อนที่ได้ช่วยมันออกมาจากขุมนรกขุมนั้นไว้อยู่ดี


"เพล้ง!! ตุ๊บ!! เพล้งๆๆ เพล้ง!! ......ว๊าย!!! เจ้าหยาดใจเย็นๆก่อนเจ้า"

"มึงจะหื้อกูใจเย็นได้อย่างใด ในเมื่อแสงเมืองกลับไปหาเจ้าน้อยมันแล้ว!! กูสู้อุตส่าห์ยอมลงทุนวางแผนมาซะดิบดีขนาดนี้ เป็นเพราะมึงอีอุสา เป็นเพราะความง่าวของมึง ทำหื้อแสงเมืองหลุดมือไป กูบ่อยากเป็นคนแพ้ กูบ่อยากแพ้ไอ้เจ้าน้อยมัน กูบ่ยอม!! กูเกลียดมัน!! กูชังน้ำหน้ามันนัก!! ไอ้น้องน้องไส้!! ไอ้วิปริตผิดเพศ!!"  เจ้าหยาดฟ้ากล่าวบริภาษอย่างรุนแรง เหมือนนางกลางตลาดเหมือนแม่ค้าไม่มีผิด

"เพล้ง!!!!!!!!!" เสียงข้าวของตกลงบนพื้นเพราะฝีมือของเจ้าหยาด ทรงอารมณ์รุนแรงแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ใครๆก็รู้ แล้วยิ่งถ้าไม่ได้ดั่งใจ ก็ยิ่งอารมณ์โกรธเกรี้ยว พาลลงที่ข้าวของในห้อง หรือไม่งั้นก็นางกำนันที่อยู่ใกล้ๆ

"เจ้าหยาดเจ้าในเมื่อท่านแสงเมืองกลับไปหาเจ้าน้อยแล้ว แล้วเยี๊ยะหยัง (ทำไม) เฮาบ่ไปกราบทูลเจ้าหลวงว่า เจ้าน้อยกับท่านแสงเมืองประพฤติตนมิชอบ ผิดจารีตประเพณี แอบลักลอบคบหากันเชิงชู้สาว ป้อจายกับป้อจาย มันผิดธรรมชาติ วิปริต!! รับรองเจ้าหลวงต้องบ่ยอมแน่ๆเจ้า หนำซ้ำจะสั่งลงโทษทั้งสองคนตวยก็เป๋นไปได้นาเจ้า"

"หึ!! มึงนี้รู้ใจกูขนาดอีอุสา ใครทำกูเจ็บ มันจะต้องเจ็บกว่ากูเป็นร้อยเท่า พันเท่า!!  เดี๋ยวกูจะเข้าไปพบเจ้าป้อ รับรองงานนี้สะใจแน่ ฮ้าฮะๆๆๆๆ"

"ฮ่าๆๆๆ" เมื่อเห็นนายพึงพอใจ อุสาก็หัวเราะออกมาตามนายตนเองบ้าง

>>>>>>>>>>

"เจ้าป้อเจ้า ลูกมาเอาพวงมาลัยดอกมะลิมาถวายเจ้า!!"

"ขอบใจลูกมาก บ่เห็นต้องลำบากเลย ปกตินางกำนันก็ทำมาหื้อป้ออยู่แล้ว"

"เจ้าป้อสบายดีก่อเจ้า ลูกบ่ได้มาเยี่ยมเจ้าป้อหลายวันแล้ว?" เจ้าหยาดพูดอย่างประจบเจ้าแมนสรวง

"ป้อก็เรื่อยๆ ตามประสาคนแก่นะลูก"

"เจ้าป้อยังบ่แก่สักหน่อย ยังต้องอยู่ช่วยเลี้ยงลูกของเจ้าอ้ายมิ่งขวัญกับลูกอีกนาน ฮิๆๆ"

"ฮ่าๆๆ ป้อก็รอว่าเมื่อใดลูกของป้อจะมีหลานหื้อป้อสักที อ้ายของลูกก็บ่ยอมแต่งงานสักที ส่วนลูกก็บ่หันชอบพอหนุ่มคนไหนเลย ส่วนเจ้าน้อย.........." เจ้าแมนสรวงหยุดคำพูดลงเพราะ ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมลูกคนเล็กนี้เสียเลย แทบไม่รู้ความเป็นไปเลย รู้สึกผิดที่ไม่ได้สนใจใยดีลูกคนนี้เลย

"หึ!! เจ้าน้อย เจ้าป้อเลิกคาดหวังไปเลยเจ้า !!"

"ทำไมลูกพูดอย่างนั้นเจ้าหยาดฟ้า เจ้าน้อยก็น้องชายลูกนะ"

"ลูกทราบเจ้า เจ้าป้อ!! แต่ที่ลูกบอกหื้อเจ้าป้อเลิกคาดหวัง เพราะว่าเจ้าน้อยคงแต่งงานมีลูกเหมือนคนอื่นบ่ได้หรอกเจ้า!!"

"แล้วเป็นอย่างใดถึงเป็นไปบ่ได้เจ้าหยาดฟ้า?"

"นี่เจ้าป้อยังบ่รู้กาเจ้าว่า....ว่า...."

"ว่าอะหยังเจ้าหยาด?"

"ลูกขอประทานอภัยเจ้า เจ้าป้อ ตะ..แต่ลูกบ่สามารถจะพูดออกมาได้ มันบ่ดีบ่งาม ทำหื้อเสื่อมเสียชื่อเสียงราชวงศ์เรา เจ้าป้อจะทรงกริ้วได้" เจ้าหยาดแสร้งทำเป็นหลุดปากพูดมันออกมา แล้วทำเป็นอ้ำๆอึ้งๆไม่กล้าตอบ เพื่อทำให้เจ้าแมนสรวงทรงอยากรู้คำตอบมากกว่านี้ ถ้าไม่ทำอยากนี้จะทำให้เจ้าแมนสรวงคิดว่าเจ้าหยาดใส่ร้ายน้อย ไม่รักน้อง

"บอกป้อมาเจ้าหยาด ถ้าลูกบ่บอกป้อจะไปหาเจ้าน้อยเอง" เจ้าหยาดนั่งก้มหน้าเงียบ จนทำให้เจ้าแมนสรวงทนไม่ไหว จะเดินออกจากคุ้มไปหาเจ้าน้อยที่ตำหนักเย็นทันที

"ลูกยอมแล้วเจ้า เจ้าป้อ ยอมบอกแล้วเจ้า คะ..คือ ลูกได้ยินเหล่าทหารและนางกำนันพูดกันว่า เจ้าน้อยแอบมีสัมพันธ์พิเศษกับทหารองครักษ์คนสนิทเจ้า เจ้าป้อ!!"

"สัมพันธ์พิเศษ ลูกหมายความว่าอย่างใดเจ้าหยาด? เจ้าแมนสรวงหน้าเคร่งเครียด จนคิ้วชนกัน เป็นที่รู้ว่าไม่ค่อยพอใจนักกับสิ่งที่ได้ยิน

"หมายถึง การมีสัมพันธ์ทางกาย จะ...จนหื้อทหารคนนั้นเข้าไป....ระ...ร่วมหลับนอนได้ถึงในห้องนอนเจ้า!!"

"บัดซบ!! ป้อจะไปหาเจ้าน้อย!!" เจ้าแมนสรวงตบมือลงบนโต๊ะทรงงานเสียงดัง เพื่อระบายความโกรธเกรี้ยว

"เจ้าป้อเจ้า เจ้าป้ออย่าไปเลยนาเจ้า ลูกคิดว่ามันอาจเป็นความเข้าใจผิด ข่าวลือ อย่างใดมันก็แค่ข่าวลือ อาจบ่ใช่ความจริงก่อได้นาเจ้า!!" เจ้าหยาดฟ้าแสร้งร้องห้ามเจ้าแมนสรวงไว้ แต่ในใจอยากให้เจ้าแมนสรวงไปจัดการเจ้าน้อยเสียตอนนี้เลยต่างหาก

"ปล่อยป้อ เจ้าหยาด ป้อจะไปถามเจ้าน้อยตรงๆ ว่ามันเป็นมาอย่างใดกันแน่?"ทเจ้าแมนสรวงเดินลิ่วไปตำหนักเล็กของเจ้าน้อยทันที

>>>>>>>

"เจ้าหลวง!!" บัวแก้วตกใจที่จู่ๆเจ้าแมนสรวงก็เสด็จมาถึงคุ้มเจ้าน้อย แล้วนั่งลงยกมือกราบลงแนบพื้น

"เจ้าน้อยอยู่ไหน?" บัวแก้วยิ่งแปลกใจเมื่อเจ้าแมนสรวงถามหาเจ้าน้อย ร้อยวันพันปีก็แทบจะไม่สนใจใยดี หรือถามไถ่อะไรเลย แต่วันนี้ทำไมถึงมาถึงที่นี่ได้

"นอนอยู่ในห้องบรรทมเจ้า เดียวข้าเจ้าไปเรียกหื้อเจ้า เชิญเจ้าหลวงรอกะ...." บัวแก้วยังพูดไม่ทันจบ เจ้าแมนสรวงก็เดินตรงดิ่งเข้าไปที่ห้องนอนเจ้าน้อยเสียแล้ว



"เจ้าน้อย!!"

"เจ้าป้อ!!"

"เพี๊ยะ!!" แรงตบที่ฟาดลงมายังแก้มของเจ้าน้อยเสียงดังไปทั่วห้อง จนทำให้หน้าของเจ้าน้อยล้มลงกับพื้นทันที

"ว๊าย!! เจ้าน้อย!!" บัวแก้วถลามารับเจ้าน้อย แต่ก็ยังไม่ทันอีกคนที่อยู่ข้างๆ แสงเมืองรีบเข้ามาประคองคนรักเอาไว้ทันทีที่เจ้าแมนสรวงฟาดฝ่ามือลงกับหน้าเจ้าน้อย

เจ้าน้อยหันมาสบตาเจ้าแมนสรวงอย่างน้อยอกน้อยใจ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เจ้าแมนสรวงจะลงมือกับตนเองขนาดนี้ แค่ไม่รัก ไม่สนใจใยดีลูกคนนี้ เจ้าน้อยก็น้อยใจมากพอแล้ว น้ำตาหยาดหยดลงบนใบหน้างามทันที

"ฮึกๆ ๆๆ" ไม่มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญ มีแต่เพียงเสียงร้องไห้เบาๆ ตามด้วยเสียงสะอื้น แสงเมืองบรรจงใช้มือใหญ่ลูบเช็ดน้ำตาให้คนรักเบาๆ สงสารเหลือเกิน สงสารเจ้าน้อย หัวใจเจ้าน้อยเหมือนแก้วบางๆ แล้วแน่นอนว่าบัดนี้แก้วนั้นก็คงแตกสลายลงไปแล้ว

"มึงออกมาจากตัวเจ้าน้อยเดี๋ยวไอ้แสงเมือง!!" เจ้าแมนสรวงคำรามสั่งแสงเมืองอย่างโมโห

"กูก็นึกไม่ออกจากทหารคนใดที่จะมีสัมพันธ์กับลูกกู ที่แท้ก็เป็นมึงนี่เอง เพี๊ยะๆ !!" เจ้าแมนสรวงตบแสงเมืองอย่างไม่ยั้งมือ แต่ก็ยังไม่สาสมกับที่มันกล้าคิดกับเจ้าน้อยเช่นนี้ เจ้าแมนสรวงกัดฟันกรอดๆเพื่อข่มอารมณ์ของตนเอง

"ตอบเรามาเจ้าน้อย.. ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างใด? มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด?..... เราบ่ยอมหื้อมันเกิดขึ้น เจ้าน้อยจะเป๋นปู้เมียบ่ได้!!!!" เจ้าแมนสรวงโกรธจนตัวสั่น  แทบระงับไว้ไม่อยู่ ลูกน้อยที่ตนเองอุตส่าห์คอยดูอยู่ห่างๆ จะสนใจมากก็กลัวจะเป็นอันตราย เลยให้คนอื่นมาดูแลแทน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า ตนเองส่งเนื้อไปให้ถึงปากเสือเสียเอง!!!!!!!!!!!!

"ลูกหื้อคำตอบเจ้าป้อไม่ได้หรอกครับว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างใด เมื่อใด? แต่ลูกรักเขา ลูกรักท่านแสงเมืองครับเจ้าป้อ!! หื้อๆๆ ฮื้อ ฮึก!! หื้อๆๆ"

"หยุด!! ทหารแยกตัวเจ้าน้อยออกมา แล้วเอาตัวไอ้แสงเมืองไปขังไว้คุกหลวง"

"ไม่นะครับเจ้าป้อ อย่าเอาเขาไป อยากพรากพวกเราเลย เจ้าป้อครับ!! เจ้าป้อ!!!......หื้อๆๆๆ หื้อๆๆ ฮึก หื้อๆ" เจ้าน้อยรู้สึกเหมือนใจจะขาดลงอีกครั้ง เมื่อเจ้าป้อได้สั่งให้จับแสงเมืองแยกออก แล้วเอาไปขังในคุกหลวง ที่นั่นมีแต่การทรมาน มีแต่กลิ่นอับชื้น และเย็นเยือกเพราะสร้างอยู่ใต้ดิน เจ้าน้อยสงสารสงเมือง

"หยุดได้แล้วเจ้าน้อย หยุดร้องไห้คร่ำครวญเสียที ต่อไปนี้เราขอสั่งให้เจ้าอยู่สำนึกตัวเองแต่ในคุ้ม ห้ามออกไปไหน นี่คือคำสั่งของเรา!!"

"หื้อๆๆ ฮึก!! เจ้าป้อ ลูกขอร้อง.. หื้อๆๆ อย่าเอาเขาไปจากลูกเลย ฮึก!! ลูกไม่เหลือใครอีกแล้ว!!!" เจ้าแมนสรวงได้ยินคำว่า ลูกไม่เหลือใครอีกแล้ว!! ของเจ้าน้อย คล้ายกับมันกระตุกหัวใจตนเองยิ่งนัก เพราะตนเองก็เป็นพ่อที่ไม่เอาไหนเลยจริงๆ ทิ้งลูกไว้ลำพัง เติบโตเพียงลำพังกับพี่เลี้ยงคนสนิท โดยที่ไม่เคยให้ความรักและเอาใจใส่เหมือนกับลูกๆคนอื่นๆเลยหลังจากที่แม่ของเจ้าน้อยเสียไป

"เจ้าน้อย เจ้าลุกขึ้นก่อนเจ้า ฮื้อๆๆ อย่าทำอย่างอี้เลยเจ้า ฮึก!! ทูนหัวของปี้บัวแก้ว" บัวแก้วอดร้องไห้ไปกับเจ้าน้อยไม่ได้ เจ้าน้อยช่างน่าสงสารเหลือเกิน สงสารที่ต้องเจอกับรักต้องห้ามที่ไม่มีใครยอมรับ แม้จะรักกันแค่ไหน แต่ก็เป็นไปไม่ได้จริงๆ

"ปี้บัวแก้ว หื้อๆๆ ช่วยพูดกับเจ้าป้อหน่อย ฮึก!! อย่าเอาแสงเมืองไปจากเราเลย หื้อๆๆ"

"หยุด!! พอได้แล้ว บัวแก้วฝากดูเจ้าน้อยด้วย อย่าให้ออกไปไหนเป็นอันขาด!!"

"เจ้า เจ้าหลวง" พูดจบเจ้าแมนสรวงก็เดินออกไป ปล่อยเจ้าน้อยร้องไห้อยู่กับพระพี่เลี้ยงต่อไป แม้จะสงสารลูก แต่หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมไม่อยากให้ลูกได้ชื่อว่า เป็นคนวิปริตผิดเพศเด็ดขาด




>>>>>> เสิร์ฟมาม่าช้างน้อย ซองเล็กเบาๆ คิๆ






หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๓ใจสลายและพลัดพราก (๒๘/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 28-03-2015 17:42:52
มันยังขายอยู่บ่นิ ยำยำช้างน้อย   :heaven
เผอิญช่วงนี้ยังมิหิว  ยังมิอยากกินเลยคนแต่ง5555
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๓ใจสลายและพลัดพราก (๒๘/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 28-03-2015 17:50:31
 
@MukmaoY >>>> บ้านเค้ามีอยู่นะตัวเอง อิยำยำช้างน้อยเนี๊ยะ !! ของเค้าอร่อยนะขอบอก !!!
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๓ใจสลายและพลัดพราก (๒๘/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: cross ที่ 28-03-2015 19:18:36
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดมาก เจ้าน้อยเอ้ยยยย

หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๓ พรากรัก (๒๘/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-03-2015 22:34:25
นังหยาดฟ้านี่เลวจริงๆไม่น่าชื่อหยาดฟ้าเลยจริงๆน่าจะหยาดนรกมากกว่า
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๓ พรากรัก (๒๘/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 28-03-2015 22:39:21
สงสารเจ้าน้อยยยย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๓ พรากรัก (๒๘/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-03-2015 22:57:19
เจ้านางหยาดฟ้าใจร้ายอ่ะ แค่ผู้ชายคนเดียวถึงกับต้องทำร้ายน้อง(แต่ก็คงไม่นับว่าเป็นน้องสินะ)
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ภาษาเหนือ (๒๙/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 29-03-2015 09:42:26
 


 

อีกไม่กี่ตอนก็คงจะจบแล้วนะครับ คิดว่างั้นนะ น่าจะประมาณ 40 ตอนรึเปล่าก็ไม่รู้!!

 

วันนี้เค้าจะมาพูดถึงเรื่องคำศัพท์ภาษาเหนือ ปล_ในเรื่องนี้เค้าปรับให้มันไม่เหนือเกินไป เพราะกลัวคนอ่านจะเข้าใจยาก ปกติบางครั้งที่มี ก็ใช้ในภาษากลางนะ เพียงแต่เติมไม้จัตวา เข้าไปเท่านั้นมันก็กลายเป็นภาษาเหนือแล้ว

 

1. หื้อ     :  ให้

2. บ่       :  ไม่

3. เจ้า     :  เป็นคำลงท้ายเช่นเดียวกับคำว่า "ค่ะ" ในภาษากลาง

4. อย่างอี้ : อย่างนี้

5. เจ้าป้อ : เจ้าพ่อ (พระบิดา)

6. เจ้าแม่ : เจ้าแม่ (พระมารดา)

7. แม่นเจ้า : ใช่ค่ะ

8. ปู้เมีย : เป็นคำพูดที่ใช้แทนคนที่มีรสนิยมชอบพอในเพศเดียวกัน หรือออกแนวตึ้งติ้ง

9. บุหรี่ขี้โย : บุหรี่ที่พันด้วยใบตองจ่อ หรือใบตองที่รีดด้วยเตารีดถ่านในสมัยก่อน ข้างในจะเป็นยาสูบและเปลือกมะขามแห้งตำละเอียด

10.สะตวง : การตระเตรียมของเซ่นไหว้ผี เพื่อทำการสะเดาะเคราะห์ ทำจากกาบกล้วยขวดเป็นสี่เหลี่ยมแล้วเอาไว้เสียบให้เป็นชั้นวางของได้ จากนั้นเอาของเซ่นเช่น พริก เกลือ บุหรี่ เมี่ยง ไม้ขีดไฟ ของกินใส่ลงไป ปกติจะเอาไปไว้ที่ทางสามแพร่งแล้วกล่าวคำสะเดาะเคราะห์ ส่วนมากจะให้คนที่เรียนคาถาโดยตรงมาทำพิธีให้

11. ปี้     : พี่สาว

12. ไปตวย : ไปด้วย (ปกติคำว่าตวย หรือโตย จะหมายถึง (ด้วย) ในภาษาเหนือ

13. ก่อเจ้า? : ไหมค่ะ? (ก่อในที่นี้เป็นประโยคคำถาม จะหมายถึง ไหม? ไหม๊?)

14. กา ?    : เหรอ? (ในภาษาเหนือมีคำว่า <กา?> ที่ใช้ในประโยคคำถาม ซึ่งหมายถึง เหรอ? เช่นคำว่า >>> ไว้ใจได้ได้กา? : ไว้ใจได้เหรอ? // กินข้าวแล้วกา? : กินข้าวแล้วเหรอ?

15. อู้.      : พูด

16. อะหยัง?  : อะไร?

17. ปิก : กลับ เช่น ปิกบ้าน หมายถึงกลับบ้าน // ปิกมา หมายถึง กลับมา

18. กาด : ตลาด

19. จ๊าง : ช้าง

20. กึด : คิด เช่น กึดนัก หมายถึง คิดมาก // กึดเติงหา หมายถึง คิดถึง

21.ข้าวแลง : ข้าวเย็น

23. ตี้ไหน : ที่ไหน

24. เยี๊ยะหยัง : ทำไม?

25. หัน : เห็น เช่นคำว่า บ่หันหน้าตั้งเมิน หมายถึง ไม่ (เห็น) หน้าตั้ง (นาน)

26. เมิน หมายถึง นาน

27. ผ่อ : ดู

 
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๔ เป็นแฟนกันแล้วนะ. (๒๙/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 29-03-2015 12:50:53




ตอนที่ ๓๔


"มะยมตื่นๆ พี่อิฐตื่นๆ กลับมาได้แล้วทั้งสองคน หมดก้านธูปหนึ่งดอกแล้ว ตื่นๆ"

"เอ่อ....." มะยมมีท่าทีเขินอายอย่างเห็นได้ชัด เพราะนึกถึงเหตุการณ์ของเจ้าน้อยและแสงเมืองตอนแก้คุณไสยด้วยพรหมจรรย์แล้ว ยิ่งทำให้แก้มขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ ลามมาจนถึงกกหู และลำคอ ส่วนฝ่ายแสงเมืองไม่มีอาการอะไร นอกจากเอาแต่จ้องมะยมอย่างไม่ลดละ ด้วยสายตาความหวามเชื่อม บ่งบอกได้เลยว่าอิฐกำลังคิดอะไร? ทำให้มะยมเขินจนต้องหันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่กล้าสบตา เจ้าน้อยนะเจ้าน้อย ทำให้เขาเขินอีกแล้ว แล้วในสมาธินั่นก็มีทั้งภาพแล้วก็เสียงด้วย แล้วอย่างนี้เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะเนี๊ยะ? จะกล้ามองพี่อิฐได้ยังไง?

"เอ๊ะ!! ทำไมมะยมถึงหน้าแดง? อากาศก็ไม่ร้อนสักหน่อยในถ้ำอะ" อิ๊ฟถามอยากแปลกใจ

"อะ...เอ่อ..."

"พอดีมีเหตุการณ์หนึ่งในสมาธิน่ะที่ทำให้มะยมเขิน??" แทนที่จะช่วยกันแก้ต่างไม่ให้อิ๊ฟสนใจ กลับทำให้อิ๊ฟยิ่งอยากรู้น่ะสิ

"พี่อิฐ!! อย่านะ!!"

"โหย...อะไรอะมะยม บอกกันนิดกันหน่อยก็ไม่ได้!!" อิ๊ฟทำท่าทีโอดครวญกับเพื่อน

"ไม่ได้มันคือความลับ!" มะยมทำสีหน้ากึ่งเล่นกึ่งจริงจัง จนอิ๊ฟค้อนใส่

"ก็ได้ ความลับก็ความลับ แต่...อ๊ะๆๆ เดี๋ยวนี้เค้าพัฒนานะ มีการสั่งพี่อิฐด้วย!!" มะยมเบิกตาโต หน้าแดงเพราะคำแซวของอิ๊ฟ ตัวเองไม่ได้สั่งพี่อิฐนะ ไม่ได้สั่ง แค่ขอร้องเฉยๆ

"อ้อ!! พี่ลืมบอกไปคือว่า พี่กะ...อุ๊บ!!" ยังไม่ทันได้บอกอะไร มะยมก็รีบถลาเข้ามาปิดปากอิฐเสียก่อน ทำให้อิฐอดยิ้มกับความขี้อายของมะยมไม่ได้ แค่จะบอกว่าตอนนี้เขาสองคนเปลี่ยนสถานะกันแล้วนะ ก็แค่นั้น!! ทำไมต้องเขินขนาดนั้นด้วย หึๆๆ

"คะ...คือไม่มีอะไรจ๊ะอิ๊ฟ คือ ๆ พี่อิฐจะบอกว่า.... นั่งสมาธินาน จนหิวน่ะ แหะๆ" มะยมแก้ตัวอย่างเป็นพัลวัน จนอิฐส่งสายตากรุ้มกริ่มแซวมาให้ มะยมก็เลยสะบัดหน้าหนีเข้าให้เลย

"อ้อ!! งั้นเราไปทานข้าวกันป่ะ อิ๊ฟก็หิวแล้วล่ะ?" มะยมรีบเดินออกไปก่อนที่ตนเองจะแสดงพิรุธอะไรมากกว่านี้ ใจเต้นแรงไปหมด

"พี่อิฐบอกอิ๊ฟเดี๋ยวนี้นะ เรื่องเมื่อกี้อะ? นะๆๆๆ" มะยมออกไปโน้นละ อิ๊ฟไม่ถามมะยมก็ได้ แต่แอบถามพี่อิฐแทน

"อะไรตัวจุ่น?" อิฐทำท่าทีไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งอิ๊ฟ

"จิ๊!! อย่ามาทำไขสือนะ ตัวเองกับมะยมไปถึงไหนกันแล้ว?"

"นี่ๆตัวยุ่ง ใช้คำให้มันดีๆหน่อย ถึงไหนๆของเราน่ะ มันลึกซึ้งแล้วนะนั่น หึๆๆ"

"อ้าวเหรอ แหะๆ ก็อิ๊ฟไม่รู้นิ ไม่รู้ล่ะบอกน้องมาเลยนะ!!"

"ก็.....อื้ม!!...." อิฐแกล้งอึกอักไม่ยอมบอก

"โอ๊ย.... อย่ามาลีลาพี่อิฐ น้องอยากรู้ ไหว้ล่ะ!!" อิ๊ฟอดประชดแกมเล่นๆกับอิฐไม่ได้ คนอยากรู้ แต่กลับลีลาไม่บอกซะได้

"ก็ตามนั้นแหละ!!"

"ตามนั้น ตามไหน? อะไรอิ๊ฟไม่เข้าใจ ตัวเองรู้กันสองคน แล้วมาบอกว่าตามนั้นแล้วน้องจะรู้ไหมพี่อิฐ บอกมาๆ"

"วู้ว!!! ก็เป็นแฟนกันแล้ว พอใจยังตัวจุ่น เรานี่นะ..มันจุ่นเรื่องของคนอื่นเหมือนชื่อเลยจริงๆนะ"

"อย่ามาพี่อิฐ เค้าไม่ได้ชื่อนั้นสักหน่อย แล้วอีกอย่างนั่นเพื่อนอิ๊ฟนะ จะไม่ให้สนใจได้ยังไง......ดีใจจัง ได้มะยมเป็นพี่สะใภ้ ไม่ชอบเลยยัยป้าพวกนั้น?"

"หมายถึงใครน่ะเรา หื้ม?"

"ก็จะหมายถึงใครได้ล่ะ? ก็หมายถึงคู่ควงก็ตัวเองนั่นแหละ แต่ละคนยิ่งกว่าปอบผีฟ้าซะอีก!!"

"ปอบผีฟ้ายังไง? หึๆๆ"

"ก็แต่งหน้าทาปากอย่างกะคนไปกินเลือดใครมาอย่างงั้นแหละ!!" อิ๊ฟพูดจบก็เบะปากใส่ทันที

"ไปว่าเค้าอย่างนั้นได้ยังไงน่ะเรา ไม่น่ารักนะรู้ไหม? หึๆๆ"

"ก็มันจริงนี่หน่า นิสัยก็ไม่น่ารัก สู้มะยมก็ไม่ได้ พวกนางอะนะ ต่อหน้าพี่อิฐอีกอย่าง ลับหลังนี่อีกอย่างหนึ่งเลย อิฐเคอะ!!... อิฐขาาาา!!" อิ๊ฟทำเสียงเรียนแบบคู่ควงของอิฐ จนทำให้อิฐหัวเราะออกมาเสียไม่ได้ เขารู้ว่าน้องสาวของเขาไม่ชอบพวกเธอเอาเสียเลย แม้แต่คุณย่าก็คงไม่ชอบใจนักกับพวกหล่อน แม้จะมีรูปร่างหน้าตาสะสวย แต่ความเป็นกุลสตรีนี้หาไม่ได้เลย เอาแต่งทำตัวสวยไปวันๆ ทำให้อดนึกถึงอีกคนตามที่อิ๊ฟพูดไม่ได้เลย หน้าตาก็ออกไปทางผู้หญิงอยู่นะ แล้วก็นิสัยน่ารักเลยทีเดียวแหละ งานบ้านงานเรือนก็ได้ หึๆๆ คิดแล้วหมั่นเขี้ยว อิฐคิดในใจ

"แล้วพี่อิฐจะเอายังไงกับพวกเธอ จะให้มาระรานเพื่อนอิ๊ฟไม่ได้ อิ๊ฟไม่ยอมนะจะบอกให้!!"

"รู้แล้วหน่า ถ้าเสร็จจากนี่แล้ว ก็ว่าจะกลับไปเคลียร์กับพวกเธอจริงๆจังๆสักที ไว้ใจพี่ได้หน่า คนนี้พี่จริงจัง!!" ความจริงไม่ต้องเคลียร์ก็ได้นะ เพราะเขาไม่เคยคิดจริงจังกับพวกเธออยู่แล้ว ไม่เคยเอ่ยปากขอคบ หรือขอเป็นแฟนเลยด้วยซ้ำ เป็นแค่คู่ควง ไปกินข้าวดูหนัง อื่นๆบ้างธรรมดาตามประสาผู้ชาย

"ก็ดีค่ะ ไม่งั้นอิ๊ฟจะยุให้มะยม เลิกกะพี่อิฐ มะยมยิ่งไม่ชอบคนเจ้าชู่หลายใจอยู่ด้วย"

"ครับผมๆ แม่องครักษ์พิทักษ์มะยม ป่ะ..ไปทานข้าวกัน หายไปนานเดี๋ยวมะยมสงสัยเอา"




"อาตมาคิดว่าพวกโยมน่าจะกลับไปในที่ขอพวกโยมได้แล้วล่ะ เพราะหน้าที่ขออาตมาก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของพวกโยมเอง ที่จะทำมันต่อและฝันฝ่าอุปสรรคเหล่านั้นไปให้ได้"

"จำคำอาตมาไว้นะว่า แม้ว่าต่อจากนี้จะเจออุปสรรคใหญ่น้อยแค่ไหน ขอให้โยมมีสติ คิดและไตร่ตรองมันให้ดี แล้วก็อย่าลืมว่าก่อนที่พวกโยมจะทำสมาธิต้องทำสิ่งใดก่อนบ้าง มันคือสิ่งสกคัญที่อาตมาได้สอนพวกโยมไป ส่วนสีกา สีกาเป็นคนที่คนดูแลเขามาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ชาตินี้ก็ขอให้เกื้อหนุนพวกเขาต่อนะ แล้วก็อย่าลืมว่า หมดก้านธูปหนึ่งดอก ต้องรีบปลุกพวกเขาทันที"

"หมายความว่ายังไงเหรอค่ะพระคุณเจ้า หนูเป็นคนที่เกื้อหนุนพวกเขาตั้งแต่ชาติที่แล้ว?" อิ๊ฟถามอย่างไม่เข้าใจ

"สีการู้สึกผูกพันก็กับเพื่อนคนนี้ของสีกามากไหม?"

"มากเจ้าค่ะพระคุณเจ้า"

"นั่นก็เป็นเพราะว่า ก่อนตายจิตสีกาหวนรำลึกถึงแต่เขา ดังนั้นเมื่อเกิดใหม่อีกชาติ จิตสีกาก็จะตามมาผูกพัน มาดูแลเขา เหมือนในชาติที่แล้วที่สีกาได้ทำไว้ แม่บัวแก้ว" พูดจบพระธุดงค์ก็เดินกลับเข้าไปในถ้ำเพื่อทำเข้าฌานทำสมาธิเหมือนเดิม

"เราไม่เข้าใจอะมะยม พระคุณเจ้าบอกว่าชาติก่อนอิ๊ฟเป็นคนดูแลมะยมอย่างงั้นเหรอ ดูแลยังไง? แล้วทำไมต้องดูแลล่ะ?"

"เอาอย่างนี้นะอิ๊ฟเราจะเล่าให้ฟังคร่าวๆ สิ่งที่พระคุณเจ้าท่านต้องการบอกคือ ชาติที่แล้วเราสามคนเป็นคนที่เคยผูกพันกันมาก่อน โดยเฉพาะเราทั้งสองคน อิ๊ฟคือพระพี่เลี้ยงคนสนิทที่ชื่อ พี่บัวแก้ว เป็นคนที่คอยดูแลเราตั้งแต่ยังเล็ก ส่วนเราก็อย่างที่อิ๊ฟได้รู้มาตั้งแต่แรก เจ้าน้อยผู้อาภัพไงล่ะ" มะยมยิ้มให้กับเพื่อนบางๆ อิ๊ฟไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรยาก ออกจะเป็นที่เฉลียวฉลาดเสียด้วยซ้ำ จึงพยักหน้าเบาๆ บอกว่าเข้าใจแล้ว

"เพราะอย่างนี้นี่เองเราถึงถูกชะตากับมะยมตั้งแต่วันแรกที่เจอตอนรับน้อง อิอิ"

"ขอบใจนะอิ๊ฟที่คอยดูแลเราตั้งแต่ชาติที่แล้ว แล้วก็ขอบคุณที่คอยเป็นเพื่อนที่ดี เป็นกัลยาณมิตรที่ดีกับเราเสมอมา"

"ป่ะ!! เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวต้องเก็บของ แล้วออกเดินทางอีก"

"เย้!! จะได้กลับบ้านแล้ว อิ๊ฟคิดถึงบ้านที่สุด คิดถึงคุณย่า คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ คิดถึงกับข้าวฝีมือคุณย่า คิดถึงเตียงนอนนุ่มๆ แต่อิ๊ฟขี้เกียจเดินกลับ มันไกลอะ"

"ขี้เกียจเดินงั้นก็อยู่นี่ต่อก็ได้นะตัวยุ่ง" อิฐพูดแกล้งน้องสาวเบาๆ

>>>>>>>>>>>>>>>>>>

"ยายจ๋าหนูกลับมาแล้วจ้ายาย" พอมาถึงบ้าน แต่ยังไม่ทันขึ้นเรือน มะยมก็ส่งเสียงร้องเรียกหายายซะลั่นบ้านเลย

"พระคุ้มครองหลานยาย" สองยายหลานกอดกันกลม ยายช้อยลูบหัวหลานชายด้วยความคิดถึง

"คิดถึงยายจัง ฟ๊อด!!"

"นั่งก่อนพ่ออิฐ เดี๋ยวยายไปเอาน้ำมาให้"

"ขอบคุณครับคุณยาย" น้ำลอยดอกมะลิเย็นๆ ทำให้สดชื่นอย่างบอกไม่ถูก อิฐชอบความเป็นไทยแบบบ้านของมะยม ถ้าใด้มาอยู่คงจะปลอดโปร่ง ไม่เหมือนในเมืองที่มีแต่คนพลุกผล่าน รถราเยอะแยะเต็มไปหมด

"เหนื่อยไหมล่ะ พ่อคุณ? กลับมาจากป่าก็ต้องมาส่งหลานยายอีก"

"ไม่เหนื่อยหรอกครับ ผมเต็มใจครับ"

"ถึงเต็มใจก็เถอะ แต่ถ้าเหนื่อยก็ให้นอนที่บ้านโน้นอีกคืนก็ได้นะ ยายไม่ว่าอะไร"

"ไม่เอาแล้วครับยาย หนูคิดถึงยาย เป็นห่วงยาย อยากทานกับข้าวฝีมือยาย" อิฐหัวเราะ หึๆๆ ออกมาทันทีที่มะยมปฏิเสธว่าไม่อยากนอนบ้านเขาอีก จนทำให้มะยมหันมาค้อนใส่อย่างไม่จริงจังนัก

"ช่างขี้อ้อนจริงๆหลานคนนี้ อยู่กับพี่เค้าช่างอ้อนแบบนี้ไหมหื้ม?" มะยมตกใจไม่คิดว่ายายจะถามแบบนี้ ร่างบางไม่ตอบว่ายังไง ได้แต่มองหน้ายายอย่างไม่เข้าใจความหมาย

"ไม่ต้องมองหน้ายายอย่างนั้นหรอกเรา ยายอยู่มานาน ทำไมจะมองไม่ออกว่าเป็นยังไง?"

"ละ...แล้วยายไม่ว่า...."

"ยายไม่ว่าอะไรหรอกลูก ขอให้หนูมีความสุข ยายก็ดีใจแล้ว ชีวิตนี้เป็นของหลาน หลานก็เป็นคนเลือกเอง ส่วนยายเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ก็ไม่รู้ จะอยู่กับหนูตลอดไปก็ไม่ได้"

"ไม่เอานะยาย ยายพูดอย่างนั้นสิ ยายต้องอยู่กับหนูไปนานๆนะ หนูรักยาย"

"ขอบคุณครับคุณยาย ผมจะดูแลมะยมให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ"






Talk :  กลับมาหวานกันบ้างเนอะ  หน่วงกันมาหลายตอนละ

  :sad4:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๔ เป็นแฟนกันแล้วนะ (๒๙/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 29-03-2015 13:40:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๔ เป็นแฟนกันแล้วนะ (๒๙/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-03-2015 14:12:20
ขอหวานๆหลายๆตอนได้ป่ะเราชอบจัง
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๔ เป็นแฟนกันแล้วนะ (๒๙/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-03-2015 15:22:37
ดีแล้วว   แต่เจ้าหยาดนี่กลับชาติมาเป็นกิ๊กพี่อิฐใช่ป่าว
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๕ คนบ้ากาม ลามก (๒๙/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 29-03-2015 16:01:36



ตอนที่ ๓๕

"มะยมมาหาพี่อิฐเหรอ?"

"เปล่า..เรามาหาอิ๊ฟนั่นแหละ"

"ให้มันจริงเห๊อะ คนเป็นแฟนกัน มาหากันก็ไม่แปลกอะไรนิ คิๆ"

"อิ๊ฟ!!"

"โอ๊ะ..ไม่แซวแล้วก็ได้ พี่อิฐอยู่ในห้องโน้น ตื่นรึยังก็ไม่รู้? ไปปลุกให้ลงมาทานข้าวหน่อยสิมะยม เดี๋ยวจะปวดท้องเอานะ" มะยมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ถามว่าเราอะเหรอ? แล้วอิ๊ฟก็พยักหน้าให้สองสามทีบอกว่า อื้มใช่!! ฮ่าๆๆ

"ไปเหอะหน่า กลัวพี่ชายเราปล้ำรึไง?" ยิ่งถูกแซวมะยมยิ่งหน้าแดง

"ก๊อกๆ"

"อื้อ.....เข้ามาเลย ฮ้าววว!!.....มะยมเองเหรอ?" อิฐทำเสียงงัวเงีย ทีจริงเขาตื่นตั้งนานแล้ว น้ำเนิ้มก็อาบแล้วด้วย

"เอ่อ...........พี่อิฐครับ....อิ๊ฟบอกให้มาปลุกไปทานข้าวครับ" มะยม งมหาเสียงตัวเองไม่เจอ เพราะไม่คิดว่าจะมาเจออิดในสภาพนี้ เสื้อก็ไม่ใส่ ใส่แต่บ็อกเซอร์ผืนเดียว หนำซ้ำอะไรต่อมิอะไรยังเคารพธงชาติเด่นหลาซะขนาดนั้น เป็นใครเห็นก็ตกใจ แต่ก็นั่นแหละ ขนาดพึ่งตื่นใหม่ยังหล่ออะ คนอะไรน่าอิจฉาจริงๆ มะยมคิดในใจ แล้วเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า

"อื้ออออ แป๊บนึงนะครับ ข้าวเอาไว้กินทีหลังก็ได้ แต่ตอนนี้ขอชื่นใจแฟนก่อน ฟ๊อด!!"  มะยมที่อยู่ใกล้เตียงนอน ถูกดึงลงมาหอมจนทำให้ร่างทั้งร่างล้มลงบนตัวอิฐทันที

"คนนิสัยไม่ดี เจ้าเล่ห์!!"

"นิดหน่อยเอง คนเป็นแฟนกัน" คนถูกว่ากลับลอยหน้าลอยตาตอบเฉย

"ปล่อยได้แล๊ว!! อะ!! " มะยมถูกคว้าตัวมารวบไว้ก่อนที่จะลุกออกไป

"ขอจูบได้ไหม๊?" มะยมหน้าแดง ทุกทีไม่เห็นขอ ตอนนี้จะมาขอเพื่ออะไร?

"อื้อ......อึก.....!!"

"มือปลาหมึก!! นี่พี่อิฐแกล้งหลับใช่ไหม ทั้งที่ตัวเองตื่นแล้ว ไอ้คนเจ้าเล่ห์ คนฉวยโอกาส!!" ในระหว่างที่อิฐจูบ มือก็สอดเข้ามาในเสื้อของมะยม จนมะยมต้องเอามือออก แล้วมะยมก็รู้อีกอย่างหนึ่งก็คือ คนหลับที่ไหนจะมีกลิ่นยาสีฟันกับกลิ่นครีมอาบน้ำติดขนาดนี้

"ก็โอกาสมันมีไว้ให้ฉวยนิ ฮ่าๆๆ .....อ๊ะๆๆ !! อย่าตีพี่นะ ไม่งั้นพี่จะจับปล้ำนะขอบอก ยิ่งเช้าๆแบบนี้มันยิ่งคึกนะ"

"หื้ย!! ตาแก่ลามก!'

"พูดจาไม่เพราะเลยเด็กน้อย แบบนี้มันต้องลงโทษ!!"

"อุ๊บ!! อื้อออออออ ....อื้อ...อื้อ...อ่าห์....."

"ถึงพี่แก่ แต่พี่แรงดีนะขอบอก ลองไหมล่ะ?"

"นี่พี่อิฐ!! ผู้หญิงของพี่เคยบอกไหม? ว่าพี่เป็นคนลามกหน้าตาย ละ..แล้วทะลึ่งที่สุดด้วย"

"ไม่เคยมีใครว่านะ พวกเธอออกจะชอบด้วยซ้ำ แต่พี่ขอแก้นิดนึงนะ พวกเธอไม่ใช่ผู้หญิงของพี่ เพราะพี่ไม่เคยคบกับพวกเธอ แค่พาไปดูหนังกินข้าวเฉยๆหรอก"

"เชื่อก็บ้าละ!! เอาความภูมิฐานมาหลอกล่อคนอื่นเค้า แต่จริงแล้วพี่น่ะเป็นคนบ้ากามที่สุด!!"

"คำก็บ้ากาม คำก็ลามก เดี๋ยวพ่อจับปล้ำจริงซะหรอก?"

"อย่านะ!!"

"โอ๊ะ..ไม่ปล้ำดีกว่า อยากได้แบบเจ้าน้อยและแสงเมือง จะว่าไปเจ้าน้อยตอนนั้นก็ดูเซ็กซี่ดีนะ มะยมก็คล้ายเจ้าน้อยนะ ลองดูบ้างไหมล่ะ?"

"หน้าไม่อาย!! พูดไม่อายฟ้าอายดิน ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ อิ๊ฟรอนานแล้ว!!"

"ปล่อยก็ได้ แต่มะยมต้องให้รางวัลพี่นะ"

"ห่ะ? รางวัลอะไร?"

"รางวัลที่พี่พามะยมไปตามหาแสงเมืองกับเจ้าน้อย แล้วก็พากลับมาอย่างปลอดภัยนี่ไงล่ะ!!"

"ไม่เห็นเกี่ยวเลย"

"เกี่ยวสิ งั้นก็ไม่ปล่อยนะคนดี หึๆๆ"

"จิ๊!! รางวัลอะไรบอกมาสิ?"

"พี่ขอจูบหวานๆจากมะยม แต่มะยมต้องเป็นคนทำเองนะ"

"ไม่!!"

"งั้นก็อยู่อย่างนี้แหละ!" อิฐกระชับกอดมะยมเข้าไปอีก หมาป่ากับลูกแกะน่ะ ยังไงผู้ชนะก็คือหมาป่านะรู้ไหมเด็กน้อย? อิฐคิดในใจ

"หลับตาก่อนสิพี่อิฐ .....จุ๊บ!!" มะยมถอนหายใจก้มลงจูบอิฐเสียไม่ได้ ไม่งั้นคนข้างล่างคงรอนาน มันจะดูไม่ดีเอา

"แบบนั้นใครเค้าเรียกจูบกัน ต้องแบบนี้ต่างหากเล่า"

"อุ๊บ!! ....อื้อ!!........อื้อ.........อ่าห์!!......อึก!! พะ...อื้อ!! พอ เจ็บ!!" จูบเท่าไหร่ก็ไม่พอ ไม่ได้หวานเหมือนในนิยายที่เค้าพูดกัน แต่มันให้ความรู้สึกอ่อนละมุน อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ สติสุดท้ายอิฐได้ยินเสียงมะยมบอกว่าเจ็บ เขาคงเผลอกัดและทำรอยกับมะยมไม่น้อยเลยจริงๆ อิฐแปลกใจเหลือตัวเองเหลือเกิน มะยมทำให้เขารู้สึกเหมือนกับคำว่า หื่นกาม ลามกที่เจ้าตัวพูดกับเขาเมื่อกี้เลยจริงๆ ปกติกับคู่ควงคนไหนก็ไม่เคยอยากจะครอบครองหรือทำรอยแสดงความเป็นเจ้าของเลย แต่กับมะยมไม่ใช่ อิฐก้มลงมองซอกคอขาวของมะยม แล้วเอามือตบที่หน้าผากตัวเองเบาๆ แล้วแบบนี้จะลงไปได้ยังไงวะ?

เสียงหอบของคนสองคน บ่งบอกได้เลยว่า ถ้าไม่หยุดมันตอนนี้ รับรองมันจะหยุดไว้ไม่อยู่แน่นอน อิฐถอนหายใจอย่างรุนแรง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหยุดมัน ความรู้สึกมันพุ่งพล่านจนสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนมะยมก้มหน้าเอามือกำผ้าห่มไว้แน่นเลย

>>>>>>>>>>>>

"ก๊อกๆ ว๊าย!!" อิ๊ฟตกใจสภาพเพื่อนตัวเอง ไม่บอกก็รู้ว่าโดนพี่ชายของเขาฟัดมาแน่ๆ อิ๊ฟมองรอยที่คอขาวของมะยมสองสามรอย ไหนจะเสื้อผ้าที่แตกต่างกับตอนมาราวกับฟ้ากับเหวนั่นอีก เขาไม่น่าให้เพื่อนไปปลุกอิฐเลยจริงๆ เท่ากับว่าส่งเนื้อไปให้ถึงปากเสือเลยจริงๆ อิ๊ฟคิดในใจ

"เอ่อ...คือ..คืออิ๊ฟ เห็นว่าขึ้นมานานแล้ว เลยขึ้นมาตาม" อิ๊ฟรู้สึกเขินแทน ต้องกุมสองมือตัวเองไว้แก้เขิน แต่ที่แน่ๆ มะยมเอ๊กซ์มากตอนนี้ ปากเจ่อนิดๆ เสื้อเชิ้ตกระดุมหลุดลงมาจนเห็นหัวไหล่กับรอยสีกุหลาบนั่นอีกล่ะ เข้าใจพี่อิฐอยู่นะว่าทำไมถึงไม่ลงไปสักที

ส่วนมะยมตอนนี้นั่งตาโต แข็งทื่ออยู่ตรงหน้าอิฐเหมือนถูกสตาร์ฟไว้ยังไงอย่างงั้น ไม่คิดว่าอิ๊ฟจะขึ้นมาเห็น แล้วเขาเองก็ไม่ได้ล็อคประตูด้วย คิดว่าจะมาปลุกแป๊บเดียวแล้วลงไปนี่หน่า มะยมเขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วตอนนี้

"เดี๋ยวพี่ตามลงไป!!" อิฐก็เขินจนต้องเิามือลูบท้ายทอยแก้เขินไป

"ค่ะ!!" พูดจบอิ๊ฟก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเขินแทน แต่ที่แน่ๆ พี่ชายตัวเองร้ายกาจอะ

"โอ๋ๆๆ เด็กน้อย เพื่อนเราออกไปแล้วครับ" อิฐเข้ามาลูบหัวมะยมเบาๆ คงตกใจที่มีคนพรวดพราดเข้ามาเห็นตอนกำลัง.......

"คนบ้า คนนิสัยไม่ดี บอกว่าให้หยุดก็ไม่หยุด"

"โอ๊ะ!! เขินรุนแรงนะเราน่ะ หึๆๆ"

"หื้ย!!"

"เอาหน่า ไหนๆก็ไหนๆละ ยายของมะยมก็รับทราบแล้วว่าเราเป็นแฟนกันแล้ว ยัยอิ๊ฟก็รู้แล้ว อย่าคิดมากเลยนะครับ จุ๊บ!!"

"จิ๊!!" มะยมจิ๊ปากไม่พอใจนิดๆ

"งั้นขอพี่แต่งตัวแป๊บนึงนะ เดี๋ยวลงไปทานข้าวกัน" อิฐลงจากเตียงไปแต่งตัวแล้ว ส่วนมะยมก็กำลังจัดเสื้อผ้าให้ตัวเองใหม่

"ป่ะไปกัน" อิฐจูงมือมะยมลงมาทานข้าว ดีที่วันนี้คุณย่าไปวัด เพราะเป็นวันพระใหญ่ ไม่งั้นโดนดุแน่ๆ เอาลูกเอาหลานเค้ามาปู้ยี่ปู้ยำซะขนาดนี้





"วันนี้มีข้าวต้มปลาทูนะพี่อิฐ คุณย่าทำทิ้งไว้ให้" ระหว่างทานข้าว มะยมเอาแต่ก้มหน้าเขินจนหน้าจะชิดถ้วยข้ามต้มอยู่แล้ว ส่วนอิ๊ฟได้แต่สังเกตุเพื่อนตัวเอง ว่าไม่บุบสลายส่วนใดอีกใช่ไหม? พี่ชายตัวเองรุนแรงใช่ย่อย!! คิๆๆ

"พี่ชายเราแซบไหมมะยม?"

"แค๊กๆ ฮึก!!" มะยมสำลักข้ามต้มจนหน้าแดงเพราะคำถามของอิ๊ฟ จนอิฐต้องลูบหลังแล้วส่งกระดาษทิชชู่ให้ น่าสงสารจริงๆ เด็กน้อย









Talk
>>>>>>ฟินไหมตอนนี้?  อิอิ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๕ คนบ้ากาม ลามก (๒๙/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-03-2015 16:38:38
อีฟเจอของดีตลอด
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๕ คนบ้ากาม ลามก (๒๙/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-03-2015 16:41:20
ฟินที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๕ คนบ้ากาม ลามก (๒๙/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 29-03-2015 17:16:10
ตามอ่านเกือบสิบตอน ขยันมากเลยค่ะ
ร้องไห้เพราะสงสารเจ้าน้อยกับแสงเมืองเหลือเกิน
คนรักกันทำไมต้องจับแยกด้วย ฮือออ
ส่วนตอนปัจจุบันพี่อิฐมะยมน่ารักมากค่ะ
ชอบมากๆ ฟินมากด้วย
เห็นบอกจะจบแล้ว ใจหายมาก
ตามมาตั้งแต่แรกๆ แงๆๆ
ขอบคุณนะคะ ขอโทษที่มาช้า พอดีมีธุระ ^^
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๕ คนบ้ากาม ลามก (๒๙/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 29-03-2015 17:27:48
ฟินมากค่า ชอบหวานๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๕ คนบ้ากาม ลามก (๒๙/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-03-2015 18:38:00
น่ารักกก    น้องช้ำหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๕ คนบ้ากาม ลามก (๒๙/มี.ค./๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 30-03-2015 07:47:14

Talk :

B52 : แสดงว่าอิ๊ฟมีดงวด นางโชคดีนะ 5555ลองคิดดูเป็นเราจะฟินแค่ไหน555

บูมเบส  : บทจะฟินก็ฟิน บทจะเศร้าก็นะ

Akikojae. : ขอบคุณตัวเองนะที่ติดนามมาตั้งแต่แรกจนจะจบ รีบจบเพราะมีเรื่องใหม่มาจ่อแล้วอะ  มันฮึด 55555

Malila  : คู่มะยมก็หวานมาก ส่วนคู่เจ้าก็ขมมากเหลือเกิน >\\<

MukmaoY. :  ใกล้จบคงช้ำเรื่อยๆ555
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๖ เช็ดบาทบาทา (๑/เม.ย.//๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 01-04-2015 14:46:40


ตอนที่ ๓๖


สั่งห้ามหื้อฮัก         มันหนักใจ๋จ๋น
บ่อยากเป๋นคน       หม่นหมองนองหน้า

ต่างฐานันดรศักดิ์   แม้ฮักเหลือเกิน
บ่สู้น้ำเงิน              คนเมินต่ำต้อย

แสงเมืองยากไร้     แต่ใจแกร่งกว้าง
สุดยากจะขวาง      สองทางรักเฮา

กึดอยากปาหนี      วิถีของเจ้า
ไปตายหน้าเอา      สองเราเจ้าน้อย


>>>>>>>>>>>>>ค่าวคำเมือง<<<<<<<<<<<<<<

"อ๊ะ!!"

"ชู่ววว!!!!!!!! เจ้าน้อยขอรับ กระหม่อมเอง แสงเมือง" เจ้าน้อยส่งเสียงตกใจเมื่อมีคนโผล่เข้ามาในห้องนอนยามค่ำมืดดึกดื่น จนทำให้แสงเมืองต้องรีบใช้มือปิดปากเจ้าน้อยไว้ กลัวว่าทหารและนางกำนันข้างน้องจะได้ยิน

"ท่านแสงเมือง!!" เมื่อรู้ว่าเป็นคนรัก เจ้าน้อยก็รีบโผเข้ากอด

"เราเป็นห่วงท่านมาก ท่านแสงเมือง"

"ขอบคุณขอรับเจ้าน้อย ยอดดวงใจของกระหม่อม"

"ฮึก!! ท่านออกมาได้อย่างใด? เจ้าป้อทรงปล่อย ฮึกๆ ท่านออกมาแล้วหรือ? ฮึก"

"กระหม่อมหลบหนีออกมาขอรับ กระหม่อมคิดถึงเจ้าน้อยเหลือเกิน ทนไม่ไหวที่จะอยู่ห่างกายเจ้าน้อยแม้เสียวนาที"

"ฮึกๆ เราก็เหมือนกัน" เจ้าน้อยร้องไห้ออกมาเบาๆ ความคิดถึงโหยหามันช่างทำร้ายคนเราได้เหลือเกิน และแน่นอนว่ามันมีอนุภาพมากพอที่จะทำให้แสงเมืองหนีออกจากคุกหลวงเพื่อมาหาเขาในตอนนี้

"ชู่วววว!! เงียบนะขอรับ กระหม่อมอยู่ตรงนี้แล้ว" เจ้าน้อยพยักหน้าอยู่กับอกแสงเมืองเบาๆ สองมืองามก็เช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเบาๆ

"เจ้าน้อยไม่ได้ถูกลงโทษอะไรใช่ไหมขอรับ?" แสงเมืองถามอย่างเป็นห่วง กลัวว่าเจ้าแมนสรวงจะทรงโกรธจนสั่งลงโทษเจ้าน้อย

"เปล่า เจ้าป้อเพียงแค่สั่งกักบริเวณเราเท่านั้น"

"ดีละขอรับ หากเจ้าน้อยทรงถูกลงโทษมากกว่านี้ หัวใจของกระหม่อมคงจะเจ็บและรู้สึกผิดไปมากกว่านี้" แสงเมืองประคองหน้าเจ้าน้อยไว้แล้วจูบเบาๆที่หางตาเพื่อซับน้ำตาให้

"เราคิดถึงท่าน คิดถึงจนใจแทบขาด กลัวว่าท่านจะถูกลงอาญา" ยิ่งคิดน้ำตาเจ้าน้อยก็ยิ่งไหลซึมออกมา ขนตาที่เป็นแพหนามีแต่หยาดหยดของความเสียใจ

แสงเมืองก้มลงจูบเบาๆ ลงที่ใบหน้างามของเจ้าน้อยอีกครั้งเพื่อซับน้ำตา แต่ครั้งนี้ปากหนาพรมจูบไล่ลงมาจนถึงแก้มนวล ปากบางของเจ้าน้อย

"อื้อ......!!!!!!!....."

"เงียบๆนะขอรับ เดี๋ยวทหารกับนางกำนันข้างนอกจะได้ยิน" แสงเมืองบอกกึ่งแซวเจ้าน้อย จนถูกเจ้าน้อยทุบเข้าให้สองสามที

"กระหม่อมคิดถึงเจ้าน้อยเหลือเกิน คิดถึงเหมือนใจจะขาด เจ้าน้อยขอรับ........หนีไปกับกระหม่อมไหมขอรับ?" เจ้าน้อยไม่ได้เตรียมใจมาเพื่อที่จะได้ยินคำถามแบบนี้ เลยทำให้หูอื้อ สมองไม่รับรู้อะไรไปชั่วขนาด หนีงั้นเหรอ? หนีไปอยู่ที่ไหน? แล้วจะหนีจากเจ้าป้อพ้นอย่างใด? เมื่อได้สติ หัวเจ้าน้อยก็มีแต่คำถามเต็มไปหมด มันกระทันหันเหลือเกิน จนตั้งรับไม่ติด

"นะขอรับ ขืนอยู่ที่นี่กระหม่อมคงไม่ได้ออกมาหาเจ้าน้อยอีกแล้ว หรือไม่งั้นกระหม่อมอาจจะถูกเนรเทศไปอยู่ที่อื่นก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นกระหม่อมคงทนไม่ไหว หากร่างกายและหัวใจจะอยู่คนละที่อย่างนี้ กระหม่อมอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเจ้าน้อยนะขอรับ หนีไปอยู่กับกระหม่อมนะขอรับ เราจะไปสร้างบ้านอยู่ไกลๆ ตามชนบท ปลูกผักปลูกไม้ เลี้ยงไก่กันสองคนไงขอรับ ไปกับกระหม่อมนะขอรับ?" เมื่อความรักของพวกเขาช่างต่างฐานันดรศักดิ์กันเหลือเกิน คนหนึ่งเป็นถึงเจ้า ส่วนอีกคนเป็นเพียงแค่ทหารต่ำต้อย แล้วจะอย่างใดเล่าให้ความรักนี้สมหวัง ไม่ถูกพรากจากกันอย่างนี้?

        เจ้าน้อยคิดหนัก หากไม่มีแสงเมืองก็คงเหมือนร่างกายนี้ไร้จิตใจ แต่เขาจะตัดสินใจอย่างใดได้เล่า ในเมื่อยังมีคนข้างหลังที่ต้องนึกถึงอยู่ ปี้บัวแก้วจะถูกลงโทษไหมถ้าหากเขาทำเช่นนี้? แล้วเจ้าอ้ายล่ะ? จะทรงโกรธน้องคนนี้หรือไม่ที่หนีไปแบบนี้?

"อื้อ!! รอจะไปอยู่กับท่าน" ไม่ว่าจะทำอย่างใด แต่สุดท้ายเจ้าน้อยก็ต้องเลือก เลือกตามความรักไป เลือกหัวใจตนเอง

"ขอบคุณขอรับเจ้าน้อย กระหม่อมขอสัญญาว่าจะรักและดูแลเจ้าน้อยเพียงคนเดียว และตลอดไปขอรับ"

"ขอบใจท่านมากที่รักเรา"

"งั้นคืนพรุ่งนี้ตี4 ก่อนฟ้าสางกระหม่อมจะเอาม้ามารอรับเจ้าน้อยที่กระท่อมชาวนา ที่อยู่ด้านทิศตะวันออกของกำแพงเมืองนะขอรับ กระหม่อมต้องไปแล้วขอรับ เจอกันพรุ่งนี้นะขอรับ ยอดดวงใจของกระหม่อม จุ๊บ!!" ฟ้าใกล้สางแล้ว แสงเมืองต้องไปแล้ว มิเช่นนั้นจะถูกจับได้ แล้วหนทางที่จะได้อยู่ด้วยกันในอนาคตก็จะไม่มีอีก แสงเมืองจำต้องลาคนรักไปก่อนในตอนนี้ แต่อีกไม่นาน เขาจะกลับมารับเจ้าน้อยไปอยู่ด้วยกันให้ได้ เขาสัญญา!!

"แล้วท่านจะไปอยู่ที่ใดกันตอนนี้ ? คุ้มหลวงคงประกาศตามหาท่านไปทั่วแล้ว" เจ้าน้อยกล่าวอย่างเป็นห่วงแสงเมือง แม้นเป็นทหารแต่ถึงอย่สงใดก็สู้ทหารจำนวนมากของเจ้าป้อและเจ้าอ้ายไม่ได้

"ไว้ใจกระหม่อมเถิดขอรับ กระหม่อมเป็นทหาร เอาตัวรอดได้ อย่าทรงเป็นห่วงเลยขอรับ" แสงเมืองพูดให้เจ้าน้อยคลายความกังวลลง

"เราจะรอท่านมารับนะทานแสงเมือง!! เราจะรอ"

"เจ้าน้อย!!" แสงเมืองเอ่ยชื่อเจ้าน้อยอย่างตกใจ ไม่คิดว่าเจ้าน้อยลดตัวลงนั่งกับพื้น แล้วใช้ผมดำงามของตนเองบรรจงเช็ดปลายเท้าให้แสงเมืองเบาๆ

"ขอบคุณเจ้าน้อยเหลือเกินขอรับ ที่รักและมอบชีวิตนี้ให้กับกระหม่อม กระหม่อมจะเก็บรักษาและถนุถนอมมันไว้เป็นอย่างดีขอรับ" การที่เจ้าน้อยเอาผมเช็ดเท้าให้แสงเมือง เป็นการแสดงออกของหญิงสาวที่มีต่อสามี เป็นการให้เกียรติและให้สัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์ตลอดไป แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา แสงเมืองก้มลงประคองเจ้าน้อยให้ลุกขึ้น แล้วจูบลงเบาๆหน้าผาก

"กระหม่อมต้องไปแล้วขอรับ อย่าลืมนะขอรับวันพรุ่งนี้ตี4 ก่อนฟ้าสาง กระหม่อมจะไปรอเจ้าน้อยที่กระท่อมชาวนาด้านทิศตะวันออกของกำแพงเมืองนะขอรับ"

>>>>>>>>>>>>>>>>>>



"ปี้บัวแก้วครับ ถ้าหากเราไม่ได้อยู่ที่นี้แล้ว ขอให้ปี้บัวแก้วกลับไปอยู่ที่บ้านกับครอบครัวนะครับ แล้วนี่เป็นของส่วนตัวของเราที่อยากให้ปี้บัวแก้วเก็บไว้ ขอบคุณที่คอยดูแลเรามาตลอด เหมือนปี้สาว เหมือนแม่คนที่สอง ขอบคุณครับ" เจ้าอดบอกลาคนที่ดูแลตนเองมาตั้งแต่ยังเล็กไม่ได้ ปี้บัวแก้วเปรียบเหมือนคนในครอบครัว เป็นคนที่เจ้าน้อยรักและปรารถนาอยากให้มีความสุข แม้ว่าจากนี้ไปเจ้าน้อยจะไม่ได้เห็นความสุขเหล่านี้ก็ตาม

"เจ้าน้อยจะไปที่ไหนเจ้า? เยี๊ยะหยังอู้อย่างอี้?"

"เราไม่ได้จะไปไหน เพียงแต่ชีวิตคนเรานี้มันสั้นนัก จะเป็นอย่างใดใครจะรู้ เราแค่อยากให้คนที่เรารักมีความสุข ไม่ต้องคอยมารับใช้ใครอีกแล้ว นะครับปี้บัวแก้ว หากไม่มีเราแล้วให้พี่กลับไปใช้ชีวิตอยู่บ้านนะครับ สัญญากับเราสิพี่บัวแก้ว "

"เจ้าปี้สัญญา แต่ตอนนี้เจ้าน้อยอยู่นี่ แล้วจะหื้อปี้ไปอยู่ไหนเจ้า? ปี้จะอยู่กับเจ้าน้อย ขอติดตามเจ้าน้อยไปทุกที อยากหันเจ้าน้อยมีความสุขกับทุกวันของชีวิต จะไปอู้ถึงอนาคตหรือสิ่งบ่เป็นมงคลอย่างนั้นนาเจ้า เปิ้นว่าบ่ดี" บัวแก้วอดติงเจ้าน้อยเสียไม่ได้ คนโบราณเค้าถือเรื่องแบบนี้

"ครับ!!"




===||===|===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||

ประกาศจ้า : เรื่องนี้ใกล้จบแล้ว แต่เค้ามีแพลนจะแต่งอีกเรื่องนะ ชื่อเรื่องว่า "บุพเพ...น้องเขย"

                   เป็นแนวปกติละ ไม่ย้อนยุค หรือกลับชาติมาเกิดละ ส่วนเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่คิดว่าจะต่อจนจบ

                   ถ้าผิดพลาดยังไงต้องขออภัยด้วยจ้า คนแต่งมือใหม่!!
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๖ เช็ดบาทบาทา (๑/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 01-04-2015 14:59:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๖ เช็ดบาทบาทา (๑/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 01-04-2015 15:56:56
รอๆตอนตอนไปปป
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๖ เช็ดบาทบาทา (๑/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 01-04-2015 17:17:21
ว้าววว  ได้รู้อะไรใหม่ๆอย่างเอาผมเช็ดเท้าสามีด้วย
แม้แต่เราเองยังหวงผมเลย  แล้วภรรยาที่ภักดีถึงขนาดเอาผมเช็ดเท้าได้นี่สุดยอด

คนแต่งแต่งดีนะ อยากให้มีคนมาอ่านเยอะๆจัง
แต่แนวเราอาจจะคนไม่นิยม ไม่mass
เป็นกำลังใจต่อไป  ฝึกแต่งตามใจตัวเองก็สนุกดี
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๖ เช็ดบาทบาทา (๑/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 01-04-2015 19:20:38
น้ำตาไหลในความรักของสองคนนี้จริงๆค่ะ
เราชอบเรื่องนี้มากๆ เขียนดีมากเลย
เห็นว่าเปิดอีกเรื่อง ไว้ถ้าปลีกตัวจากงานหลักได้จะตามไปอ่านนะคะ
รอตอนหน้าน้า ไม่อยากให้จบเลยอ่ะ
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๖ เช็ดบาทบาทา (๑/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 01-04-2015 22:18:40
ขอให้หนีรอดได้ไหมอ่ะสงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๗ สัญญารักเจ้าน้อย (๒/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 02-04-2015 13:04:24


Talk : คำขอของคนอ่านไม่ได้ผลจ๊ะ สงสารนะ แต่เนื้อเรื่องมันวางมาแล้วอะ  @บูมเบส

Talk. : เสียดายคนอ่านไม่ชอบเรื่องแนวนี้กัน ขอบคุณครับAkikojae  ที่มาติดตาม เป็นแฟนพันธ์แท้ของเจ้าน้อยแสงเมือง


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>





ตอนที่ ๓๗

คืนทั้งคืนเจ้าน้อยแทบหลับตานอนไม่ได้ ทั้งกังวล ทั้งกลัวไปหมด เจ้าน้อยรีบเอาเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ออกมา พร้อมมองไปยังทุกที่ในห้องนี้อย่างอาลัย ไม่ว่าจะมุมไหนก็มีแต่ความทรงจำ หัวใจดวงน้อยเศร้าใจนัก

"เฮ้ย!! นั่นไผน่ะ? ออกมาบ่ะเดี๋ยวนี้!!" (นั่นใครน่ะ? ออกมาบัดเดี๋ยวนี้!!) ทหารเฝ้ายามเดินตรวจตราทั่วบริเวณคุ้มหลวงเอ่ยขึ้น ทำให้เจ้าน้อยที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้ตกใจ รีบเอามือปิดปากตัวเองไว้ หัวใจเจ้าน้อยแทบหยุดเต้น กลัวจะถูกจับได้

"เมี๊ยวววว!!"

"ที่แต๊ก่อแมว บ่ะไปเตอะ" เจ้าน้อยยังโชคดีที่มีแมวกระโดดออกมาจากพุ่มไม้พอดี ไม่งั้นเจ้าน้อยคงไม่รู้จะทำอย่างใดให้รอดจากจุดนี้ไปได้ ใจเต้นระรัว หน้าซีดเพราะความกลัว เจ้าน้อยรีบลอดกำแพงพุ่มไม้ด้านหลังคุ้มหลวงออกมาทันทีที่ทหารเดินยามเดินออกไป สองเท้ารีบจ้ำเดินออกไปยังกระท่อมชาวนาที่แสงเมืองนัดไว้

"เจ้าน้อยขอรับ!!" เจ้าน้อยโผเข้ากอดแสงเมืองทันทีที่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคย

"ท่านแสงเมือง" เจ้าน้อยเรียกชื่อคนรักด้วยเสียงแผ่วเบา น้ำตารินไหล ใครเล่าจะรู้ว่าน้ำตาที่ไหลตอนนี้เป็นเพราะตนเองกำลังเศร้าใจที่ต้องจำลาจากคนอันเป็นที่รัก เจ้าป้อ เจ้าอ้าย ปี้บัวแก้ว จำลาที่อันเคยพักอาศัยมาตั้งแต่เกิด ไหลบางสั่นสะท้านเพราะสะอื้นไห้ ระคนกลัวสิ่งที่กำลังจะทำตอนนี้

"ร้องออกมาให้หมดนะขอรับ แล้วเราจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน กระหม่อมรักเจ้าน้อยนะขอรับ ขอให้เจ้าน้อยมั่นใจว่า แสงเมืองคนนี้จะรักและดูแลเจ้าน้อยตลอดไปนะขอรับ" แสงเมืองปลอบเจ้าน้อยที่กำลังร้องไห้อยู่กับอกตนเอง

"ไปกันเถอะขอรับ เดี๋ยวฟ้าจะสางเสียก่อนขอรับ!!"

"อึ๊บ!!" แสงเมืองจับเอวเจ้าน้อยยกขึ้นบนหลังม้า ฝ่ายเจ้าน้อยก็รีบเกาะหลังม้าตัวนั้นไว้เพื่อเป็นที่ยืด กันตก จากนั้นแสงเมืองก็ขึ้นมานั่งด้านหลัง

"จำมันได้ไหมขอรับ? เจ้าม้าตัวนี้ ตัวที่เจ้าน้อยเคยนั่งตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน ตัวที่กระหม่อมเอามาสอนเจ้าน้อยขี่ม้าไงขอรับ"

"จำได้ เจ้าสีหมอก!!"

"ฮี่ๆๆ" ม้าก็เหมือนจะจำเจ้าน้อยได้ มันขานรับเจ้าน้อยเบาๆ

"จับให้ดีๆนะขอรับ ไป๊เร็วเจ้าสีหมอก!! ย่ะๆ"

ตลอดสองทางเจ้าน้อยมองเส้นทาบอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะยังมืดอยู่แต่ก็มีพระจันทร์กลมเด่นส่องแสงลงมาให้ทั้งคนและม้าเดินทางไป

"เจ้าน้อยขอรับ...กระหม่อมว่าเราต้องเร่งม้าแล้วขอรับ กระหม่อมได้ยินเสียงเหมือนมีคนตามมา

"ใครกัน เจ้าป้อเหรอ? หรือเจ้าอ้าย?" เจ้าน้อยรีบถามทันทีเพราะกลัวว่าถ้าหากเป็นเจ้าป้อหรือเจ้าอ้าย เขาทั้งสองคงหนีไปไหนไม่รอดแน่ๆ ใจดวงน้อยเต้นแรงเป็นระส่ำเพราะความกลัวอีกครั้ง

"ฟื่บๆ" เสียงแซ้ที่ใช้ฟาดเพื่อเร่งม้าดังขึ้น สองฝีเท้าเจ้าสีหมอกก็เร่งให้เร็วขึ้นตามความต้องการของเจ้านายมัน

"อย่ากลัวไปเลยขอรับ กระหม่อมจะอยู่ข้างๆเจ้าน้อยเอง ดวงใจของกระหม่อม" แสงเมืองกระชับแขนที่โอบเอวเจ้าน้อยไว้แน่ขึ้น เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกตอนนี้ไปให้ บอกว่าอย่าหวั่นกลัวไปเลยตราบใดที่มีเขาอยู่ด้วย

"กรับๆๆๆ" เสียงฝีเท้าของม้าของอีกฝ่ายที่ตามมา ไม่บอกก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใครที่ตามมา ยิ่งเสียงควบม้าใกล้เข้ามายิ่งบีบหัวใจมากขึ้น

"กรับๆๆๆๆ ฟ๊าบๆ" เสียงแซ้ สลับกับเสียงฝีเท้าของอาชางามที่ลัดเลาะแนวป่าไป จากฟ้ามืดตอนนี้เริ่มสว่างขึ้นแล้ว พระอาทิตย์กำลังขึ้น เหล่านกน้อยใหญ่กำลังออกจากรังเพื่อไปหากิน หากเป็นปกติทั้งสองคงจอดชมความงามยามเช้าแล้วล่ะ แต่เวลานี้หัวใจกลับไม่อยากชื่นชมมันเลยสักนิด

"กรับ ๆ ๆ" เสียงม้าวิ่งผ่านป่า ลัดเลาะจนมาถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง ทั้งสองคนกระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว จับมือกันอย่างเหนียวแน่น คล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครพรากคนตรงหน้านี้ไป แม้ว่าเบื้องหลังจะมีเพียงหน้าผาอันสูงชัน ทั้งสองสบตากันด้วยความจำนนต่อฟ้าดิน จำนนต่อโชคชะตา

"เจ้าน้อยขอรับ........." แสงเมืองเอ่ยชื่อเจ้าน้อย พร้อมมองหน้านวลนี้อย่างเศร้าในอกเหลือเกิน น้ำตาของลูกชายไหลริน

"ชาตินี้กระหม่อมคงทำบุญมาด้วยกันแค่นี้ หากชาติหน้ามีจริง กระหม่อมขอเกิดมาเป็นคู่รักกับเจ้าน้อยอีก เราสองจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขออย่าได้มีอุปสรรคใดๆมาขวางกั้นความรักสองเราอีกเลยนะขอรับ" แสงเมืองพูดพรางใช้สองมือเช็ดน้ำตาของเจ้าน้อยเบาๆ เหตุไฉนรักแล้วต้องพรากจากกัน ใยสวรรค์ไม่เห็นใจเราสองบ้าง?

"ฟ้าดินเป็นพยานหากชาตินี้นั้นไซร้  ไม่ได้เกิดมาครองคู่กัน ก็จะขอตายตกตามกันไปยังชาติหน้า ขอให้ฟ้าดินจงเห็นใจเราสอง ให้ได้ครองคู่อย่างชู้ชื่น อย่าได้ขมขื่นเพราะรักถูกขัดขวางอีกเลย" เจ้าน้อยกล่าวออกมาทั้งน้ำตาที่รินไหล สุดขมขื่น สุดระทม ม่านประเพณีนั้นไซร้ที่พวกเขาไม่สามารถข้ามมันไปได้ ไหนจะฐานันดรศักดิ์อีกที่คอยแบ่งแยกพวกเขาออกจากกันอีก

"กระหม่อมต่ำต้อยนัก แต่กระหม่อมก็อยากจะขอรักเจ้าน้อยแบบนี้ตลอดไป จะกี่ร้อยชาติ พันชาติ กระหม่อมก็จะขอเกิดมาเพื่อนรักเจ้าน้อย รอที่เราจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งนะขอรับ กระหม่อมขอสัญญาว่าจะขอรักและรอเจ้าน้อยคนเดียว รอกระหม่อมด้วยนะขอรับ ดวงใจของกระหม่อม!!!" แสงเมืองพูดพลางจูบซับน้ำตาเจ้าน้อยเอาไว้ ตระกองกอดเจ้าน้อยเอาไว้จนได้ยินเสียงม้าควบตามมา ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาไม่สามารถหลบหนีไปที่ไหนได้อีกแล้ว ด้านหน้าคือผืนป่าที่ผ่านมา ส่วนด้านหลังคือหน้าผาอันสูงชัน

"เราก็รักท่านนะ อ้ายแสงเมือง อึ๊กๆ เราก็ขอสัญญา..ฮึก...แม้นว่าจะกี่ร้อยปี หมื่นปี โกฏิปี ฮึกๆ..หรืออสงไขยปี เราก็จะขอรักท่าน รอท่านแต่เพียงผู้เดียว!!! " เจ้าน้อยแกะผ้ามัดเอวออกมามัดข้อมือของตนเองและแสงเมืองเอาไว้อย่างแน่นหนา เขาตัดสินใจแล้ว หากรักนี้ไม่สมหวัง ก็จะขอรักกันในชาติหน้าดีกว่า

"ขอให้ผ้าผืนนี้เป็นดังสายใยที่คอยผูกมัดเราสอง ขอให้เป็นดั่งพันธนาการที่ผูกมัดสองดวงใจไว้ด้วยกัน อย่าได้มีสิ่งใดมาพรากเราออกจากกันอีกเลย" คำพูดที่บัดนี้แทบจะไม่เป็นคำ มีแต่เสียงสะอื้น แต่กระนั้นก็ยังสามารถเข้าใจได้ว่าเจ้าน้อยตัดสินใจทำเช่นใด

"กรับๆ ๆ" เสียงม้าของคุ้มหลวงกำลังตามมาใกล้จะถึงแล้ว

"เจ้าป้อ!! เจ้าอ้าย!!"

"ไอ้แสงเมือง!!! มึงส่งลูกคืนมาบัดเดี๋ยวนี้ ปล่อยลูกกู!!!" ทันทีที่มาถึงเจ้าแมนสรวงก็แผดเสียงขึ้นทันที

"ทหารเข้าไปจับเอาตัวเจ้าน้อยออกมา!! แล้วเอาไอ้แสงเมืองกลับไปด้วย กูจะฆ่ามันด้วยตัวของกูเอง!!"

"หยุด!! อย่าเข้ามานะ!!" เจ้าน้อยตะโกนสั่งห้ามเหล่าทหารไม่ให้เข้ามา

"เราบอกให้หยุด!!" เจ้าน้อยร้องตะโกนสั่งทหารอีกครั้ง ทหารหยุดลังเล

"เจ้าป้อครับ เจ้าอ้ายครับ ฮึกๆ ปล่อยเราสองคนไปเถิด เราสองคนรักกันจริงๆ ฮึกๆ อย่า...พรากเราสองคนจากกันเลย ได้โปรด!!!" เจ้าน้อยเอ่ยขอร้องด้วยใจแทบสลาย วิงวอนขอความเห็นใจ

"ไม่ได้ เจ้าน้อยเป็นถึงราชบุตรแล้วอย่างใดถึงทำตัวอย่างนี้ กลับมาป้อเดี๋ยวนี้เจ้าน้อย อย่าขัดคำสั่งป้อ!!!"

"ไม่ครับเจ้าป้อ ฮึก!!! หากเจ้าป้อจะให้ลูกกลับไปโดยไร้เขา ฮึกๆ!! ลูกขอตายอยู่ตรงนี้ดีกว่า!! ลูกขาดเขาไม่ได้ หื้อๆๆ ฮึก!! ชีวิตนี้ลูกไม่เคยขอสิ่งใดกับเจ้าป้อเลย ฮึกๆ ลูกขอได้ไหมครับ อย่าพรากเราจากกันเลย!!" เจ้าน้อยจับมือแสงเมืองถอยหลังไปอีก จนเกือบติดหน้าผาแล้ว ก้อนหินก้อนดินหลายก้อนไหลตกลงไป ทำให้เจ้าแมนสรวงและเจ้ามิ่งขวัญต้องรีบหยุดฝีเท้าที่จะเข้าไปหาเจ้าน้อยละแสงเมือง

"เจ้าอ้ายครับ ฮึกๆ ช่วยบอกเจ้าป้อหน่อยนะครับ ฮึกๆ บอกเจ้าป้อหน่อยว่าอย่าพรากความรักของน้องเลย หื้อๆๆ แล้วชาตินี้น้องจะไม่ขอสิ่งใดกับเจ้าอ้ายอีกเลย นะครับเจ้าอ้าย" เมื่อวอนขอเจ้าป้อไม่ได้ เจ้าน้อยจึงวอนขอให้เจ้าอ้ายช่วยแทน

"เจ้าน้อย.... อย่าทำอย่างนี้เลยนะน้องพี่ น้องยังมีอ้าย มีเจ้าป้อ กลับไปอยู่ด้วยกันนะเจ้าน้อย ส่วนแสงเมือง...อ้ายสัญญาว่าจะขอเจ้าป้อไม่ให้ลงโทษมัน นะเจ้าน้อย!!" เจ้ามิ่งขวัญร้องห้ามเจ้าน้อย อีกมือหนึ่งก็พยายามส่งไปหาเจ้าน้อย อยากให้น้องกลับมาจากตรงนั้น มันอันตรายเหลือเกิน เขาไม่อยากจะเสียน้องชายคนนี้ไป

"บ่ได้!!  ทหารเข้าไปเอาตัวเจ้าน้อยบัดเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่งเรา!!" สิ้นคำสั่งของเจ้าแมนสรวง ทหารก็วิ่งเข้าหาเจ้าน้อยและแสงเมืองทันที

"หื้อๆๆ ฮึกๆ งั้นลูกก็ขอทูลลาครับเจ้าป้อ ขอทูลลาครับเจ้าอ้าย อภัยให้ลูกด้วย หื้อๆๆๆๆ"

"เจ้าน้อย!!!! /เจ้าน้อย!!!!" เจ้าแมนสรวงเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นเมื่อเห็นลูกชายคนเล็กตกลงไปจากหน้าผา น้ำตาของผู้เป็นพ่อหลั่งไหลออกมาไม่หยุด เจ้ามิ่งขวัญทรุดตัวลงกับพื้นข้างๆเจ้าแมนสรวง น้ำตาหลายหยดไหลลงอาบแก้ม ไม่มีแล้วน้องน้อยที่ตนเองคอยถนอมดูแล ไม่มีอีกแล้วคนที่เรียกเจ้าอ้ายๆ เสียงแจ้วๆ







หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๗ สัญญารักเจ้าน้อย (๒/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 02-04-2015 13:13:49
ชาตินี้ไม่สมหวัง ก็ขอให้ชาติหน้า รักราบรื่นนะคะ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๗ สัญญารักเจ้าน้อย (๒/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 02-04-2015 13:21:27
Talk :

@ MukmaoY : การที่ผู้หญิงเอาผมบรรจง็ดเท้าให้สามีนั้นเป็นการแสดงถึงความรัก ความเคารพอย่างสูง ความซื่อสัตย์ ยอมหมดแล้วในชีวิตนี้ หรือการยกชีวิตนี้ให้นั่นเอง เป็นการแสดงออกของผู้หญิงทางเหนือ หรือแม่ญิงล้านนา

เราคิดว่าหัวหรือผมอยู่สูง แล้วเท้าอยู่ต่ำ เป็นของต่ำ การที่ผู้หญิงใช้ผมซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งเช็ดเท้าให้ เช็ดของต่ำให้ แสดงให้เห็นแล้วว่ารักและภักดียิ่งครับ

@Malila. : ชาติปัจจุบันต้องรอลุ้นอีกอึดใจเดียวครับ จะพยายามเค้นให้จบถึงตอนที่ 40 ให้ได้จ้า ขอบคุณคราฟที่มาติดตาม
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๗ สัญญารักเจ้าน้อย (๒/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 02-04-2015 15:19:41
 :m15: :m15: :m15: เศร้าอ่ะพ่อใจร้ายมากทั้งที่ไม่เคยทำอะไรที่ดีให้ลูกเลยแท้ๆ เวรกรรมจริงๆ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๗ สัญญารักเจ้าน้อย (๒/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 02-04-2015 16:06:30
เจ้าพ่อนะ ไม่เห็นดรงศพไม่หลังน้ำตา
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๗ สัญญารักเจ้าน้อย (๒/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-04-2015 17:19:14
ท่วมใจ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๗ สัญญารักเจ้าน้อย (๒/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 02-04-2015 18:49:24
ฮืออออ ถูกบีบให้ทำแบบนี้จนได้
สงสารเจ้าน้อยแสงเมืองเหลือเกิน
ชาตินี้ก็ประครองรักกันให้มั่นนะ
รอตอนต่อไปค่ะ
ตอนนี้น้ำตาไหลริน
 :m15:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๗ สัญญารักเจ้าน้อย (๒/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 02-04-2015 22:57:30
ชาติใหม่ก็เริ่มต้นใหม่นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๗ สัญญารักเจ้าน้อย (๒/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: PHEROMONE♥ ที่ 03-04-2015 03:20:54
เป็นพ่อยังไง ให้ลูกแค่นี้ก็ไม่ได้ นี่มันความสุขของลูกนะ!!  :angry2:
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ๓๗ สัญญารักเจ้าน้อย (๒/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: nicksrisat ที่ 03-04-2015 22:56:27
ก่อนอื่นต้องขุบคุณคนเขียนมากๆเลยครับแต่งเรื่องนี้ได้ดีมากๆ นี่เป็นเรื่องแรกจิงๆเหรอครับ
ผมพลาดเรื่องนี้ไปได้ไงเป็นคนชอบอ่านประวัตติศาสตร์อยู่แล้ว
มาอ่านเรื่องแนวย้อนยุคแบบนี้ยิ่งชอบมากๆเลยครับ  มาช้าไปหน่อยเรื่องใกล้จะจบแล้วเสียดายจังครับ
อยากอ่านอีกเยอะๆ  เรื่องนี้ขอบอกอินมากๆอ่านโดนไม่ต้องอ่านคำแปลภาษาเหนือเลยครับ
ส่วนตัวเคยเรียนอยู่ที่เชียงใหม่เลยเข้าใจภาษาเหนือและสามารถพูดได้เลยอ่านแล้วเข้าใจเลยครับ
ไงก็ขอบคุณมากๆที่แต่งเรื่องราวดีๆเรืองนี้มาให้อ่าน ขอบคุณมากๆครัย
รอติดตามตอนต่อไปและติดตามเรื่องต่อไปด้วนคนนะครับ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๘ อุปสรรครัก (๘/เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 08-04-2015 09:21:45


Talk:

@Nicksrisat : ดีใจจังที่มีคนชอบแนวนี้ แล้วก็ดีใจที่มีคนชมว่าแต่งดี เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกจริงๆครับตอนแรกยังกลัวว่าจะออกมาไม่ดี ใจแป้วเลย คุณนิค? เข้าใจภาษาเหนือก็ยิ่งดีเลยครับจะได้อรรถรสมากขึ้นเพราะ แต่ละคำถ้าเอาคำเมืองจริงๆมันจะถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครมากขึ้น. ขอบคุณครับที่ติดตาม

@Akikojae : ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้สมองตันมาก จะจบแล้วแต่คิดไม่ออกว่าจะจบยังไง?

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ตอนที่ ๓๘

"ปวดใจมากไหม? ตอนที่ได้รู้ว่าเจ้าน้อยตายยังไง? หื้ม?" หลังจากทำสมาธิแล้วเห็นภาพสุดท้ายของเจ้าน้อยทำให้มะยมพูดไม่ออก มันหน่วงหัวใจไปหมด ทั้งสงสาร ทั้งหดหู่บอกไม่ถูก

"ครับ" อิฐเอามือลูบหัวมะยมเบาๆ เพื่อปลอบ

"พูดอะไรหน่อยสิเรา เงียบแบบนี้พี่เป็นห่วงนะรู้ไหม?"

"พี่อิฐครับ...........ถ้าเกิดว่า ครอบครัวของพี่รับเรื่องของเราไม่ได้ล่ะครับ?"

"เชื่อใจพี่นะ พ่อแม่พี่เค้าต้องรับได้"

"ครับ"

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

"อิฐค่ะเคธี่มาเยี่ยมค่ะ ฮัลโหลดาร์ลิ้ง!! แวร์อาร์ยูวววววว?"

"เดี๋ยวก่อนค่ะคุณ อย่าเพิ่งเข้าไปนะค่ะ!!"

"ทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้ นี่บ้านของแฟนฉัน หล่อนนั่นแหละอย่ามาขวาง หลบไป๊!!"

"เดี๋ยวค่ะคุณ เดี๋ยวค่ะ!!"

"โอ๊ะ!! คุณอิ๊ฟค่ะ!!"

"ไม่เป็นไรค่ะพี่น้อย เดี๋ยวอิ๊ฟจัดการเองค่ะ"

"ค่ะ"

"สวัสดีค่ะพี่เคธี่ มาพี่อิฐเหรอค่ะ?"

"ใช่จ๊ะน้องอิ๊ฟ แล้วดาร์ลิ้งของพี่อยู่ไหนค่ะ เอ๊ะ? หรือว่าอยู่ในห้อง งั้นพี่ขอขึ้นไปตามนะค่ะ?"

"เดี๋ยวค่ะ!! พี่อิฐไม่ชอบให้คนอื่นเข้าไปยุ่งพื้นที่ส่วนตัวเขานะค่ะ เดี๋ยวอิ๊ฟไปบอกให้ค่ะว่าพี่เคธี่มาหา"

"เหรอค่ะ? งั้นโอเคค่ะ แต้งค์นะค่ะน้องอิ๊ฟ"



"ก๊อกๆๆ"

"อุ๊ย!! อิ๊ฟเคาะประตูแล้วนะค่ะ!!" มะยมกับอิฐรีบผละตัวออกจากกันอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา

"ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย" อิฐหายใจออกแรงๆหนึ่งที แล้วตอบแม่คุณน้องสาวไป ให้มันได้อย่างนี้สินะ!! อิฐฮึดฮัดเล็กน้อย ส่วนมะยมหน้าแดงจนทำตัวไม่ถูก จนต้องขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อหลบความอาย กี่ครั้งแล้วนะที่ทำตัวเองขายหน้าขนาดนี้ มะยมอยากจะกลายเป็นขอมดำดินมุดตัวหายไปซะตอนนี้เลย


"จะมาขัดจังหวะพี่บ่อยไปไหมตัวยุ่ง? อยากได้พี่สะใภ้ไม่ใช่เหรอเรา?"

"อิ๊ฟไม่ได้ตั้งใจนี่ค่ะ อยากได้มันก็อยากได้อยู่หรอก แต่ขอไม่ใช่แม่คาที่นั่นนะค่ะ!!" เป็นที่รู้กันว่าชื่อคาที่นั่นคือใคร ก็แม่น้องสาวของเขาเล่นเปลี่ยนชื่อให้ แถมยังเรียกให้ได้ยินบ่อยขนาดนี้

"เกี่ยวอะไรกับเคธี่?"

"จะไม่ให้เกี่ยวได้ไงล่ะ ก็เธอมารอพี่อิฐอยู่ด้านล่างแล้วไงค่ะ อิฐค่ะคาที่มาเยี่ยมเคอะ!! ฮัลโหลดาร์ลิ้งงงง แวร์ยายู้วววว!!!!!!" อิ๊ฟแกล้งดัดเสียงเรียนแบบเคธี่ แต่ยังไงเสียงก็แหลมสู้หล่อนไม่ได้หรอก

"แล้วตัวยุ่งบอกเธอว่าไงล่ะ?"

"ทีแรกเธอจะขึ้นมาหาพี่อิฐถึงบนห้องนอนเลย แต่อิ๊ฟห้ามไว้ก่อน ความจริงน่าจะให้เธอขึ้นมานะค่ะ จะได้เห็นอะไรดีๆแบบที่อิ๊ฟเห็น อิอิ"

"ไปบอกให้เธอรอแป๊บนึงเดี๋ยวพี่ขอบอกกับเด็กน้อยของพี่ก่อนนะ"

"กลัวมะยมงอนว่างั้น?"

"ก็เปล๊า!! แค่บอกไว้ก่อนจะได้ไม่ทะเลาะกันทีหลัง"

"อ้ออออ!! รีบๆเคลียร์กับยัยผีปอบนั่นนะค่ะ ไม่งั้นอิ๊ฟจะยุให้มะยมงอน ถึงตอนนั้นคนแถวนี้ต้องเฉาตายแน่ คิๆๆ"

"จ้าๆๆ องครักษ์พิทักษ์มะยม!!"

"งั้นอิ๊ฟไปนะค่ะ"

"ได้ยินแล้วใช่ไหม?"

"อะไรครับ?" มะยมยังทำหน้าเฉย เมื่ออิฐถาม

"ก็เรื่องที่อิ๊ฟพูดเมื่อกี้น่ะ?"

"ครับ"

"พี่ไม่ได้เป็นนัดเธอมานะ พี่อยู่กับมะยมตลอด จะนัดเธอมาทำไม?"

"งั้นก็แสดงว่าถ้ามะยมไม่อยู่ก็จะนัดมาใช่ไหมครับ?"

"ไม่ใช่สักหน่อยครับที่รัก"

"อย่ามาเรียกแบบนั้นนะ!!"

"ทำไมล่ะ? ก็พี่รักของพี่"

"อ้อ!! เหมือนที่เค้ารักพี่อิฐ เรียกพี่อิฐว่าที่รักอย่างนั้นใช่ไหมครับ?"

"เค้าเรียกอะไรไม่เกี่ยวกับพี่นะมะยม พี่จะห้ามเค้าได้ยังไง?"

"คนเจ้าชู้!!"

"พี่เปล่าเจ้าชู้นะ เชื่อพี่สิคนดี"

"ลงไปหาเธอเถอะครับ เดี๋ยวเธอจะรอนาน" มะยมตัดบทไม่อยากคุยแล้ว เขารู้สึกเหมือนตัวเองจะงี่เง้ายังไงก็ไม่รู้

"งั้นลงไปกับพี่นะ"

"ไม่ครับ"

"จะลงไปดีๆไหม หรือจะให้พี่อุ้ม? พี่ทำจริงนะ ไม่เชื่อลองดู!! "

"จิ๊!!!"

"หึๆๆ"



"อุ๊ย!! อิฐมาสักที เคธีมารอคุณนานแล้วนะค่ะ คิดถึงคุณจังเลย จุ๊บ!!" มะยมตกใจที่จู่ๆเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกระโดดเกาะคออิฐแล้วจูบ ถึงมันจะไม่ใช่จูบแบบลึกซึ้ง เป็นแค่การทักทายแบบฝรั่งของเธอ แต่ยังไงมะยมก็รู้สึกไม่ชอบอยู่ดี แต่เธอสวยจริงๆ ยอมรับว่าสวยมาก ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า หรือรูปร่าง ส่วนอิ๊ฟคงเห็นจนชินละ ได้แต่เบ้ปากนิดๆแล้วหันหน้าหนี

"มีอะไรเหรอครับเคธี่?" เมื่อกี้เป็นจุ๊บเบาๆ แต่ตอนนี้เคธี่เริ่มเข้ามาเกาะแขน แล้วเอาหน้าอกหน้าใจที่พกมาเต็มที่เข้าแนบกับแขนอิฐไปด้วย จนอิฐต้องแงะมือออก แล้วหันไปมองมะยม แต่มะยมกลับทำหน้าเฉย นิ่ง ไม่มองหน้าตนเองซะงั้น

"เคธี่จะมาชวนอิฐไปดินเนอร์ค่ะ"

"ขอโทษนะครับเคธี่ วันนี้ผมอยากทานข้าวกับที่บ้านครับ วันครอบครัว" พอพูดถึงครอบครัวเคธี่ถึงได้มีโอกาสมองมาที่มะยม

"ปล่อยเดี๋ยวนี้นะพี่อิฐ!!" มะยมพูดกับอิฐเบาๆลอดไรฟัน แล้วพยายามแกะมือของตัวเองออกจากมือใหญ่ของอิฐ

"............."

"อุ๊ย!! นี่ใครกันเหรอค่ะอิฐ ญาติคุณเหรอค่ะ? น่ารักจัง"

"............."

"เอ่อ...เพื่อนอิ๊ฟเองค่ะ" เมื่อทั้งสองคนไม่ตอบ อิ๊ฟจึงเป็นคนตอบแทน น่าหมั่นไส้พี่อิฐนัก จะทำอะไรก็ไม่ทำ ไม่เด็ดขาด ถ้าโดนมะยมโกรธจะสมน้ำหน้าให้ จะไม่ช่วยเลยคอยดู อิ๊ฟคิดในใจ หมั่นไส้พี่ชายตัวเอง แล้วก็รำคาญยัยปอปผีฟ้านี้เต็มทน

"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ!!" มะยมสะบัดมือของอิฐออกทันที แล้วเดินออกไป

"รออิ๊ฟด้วยสิมะยม.."


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


"ปล่อยเดี๋ยวนี้นะพี่อิฐ!! ปล่อย!!!"

"ฟ๊อด........"

"อย่ามารุ่มร่ามกับคนอื่นแบบนี้นะพี่อิฐ!!"

"คนอื่นที่ไหน? นี่แฟนพี่ จุ๊บ!!"

"ปล่อยได้แล้วพี่อิฐ ผมจะกลับบ้าน"

"เมื่อกี้เรียกตัวเองว่ายังไงนะ? สอนไม่จำ!! ต้องทำโทษ!!!"

"อุ๊บ!!............."

"เปิดปากให้พี่หน่อยสิคนดี"

"..........."

"หึๆๆ"

"อ๊ะ!! เจ็......!" อิฐอาศัยช่วงที่มะยมบอกว่าเจ็บ สอดลิ้นเข้าไป เด็กดื้อต้องเจอแบบนี้

"อื้อ...............อื้อ............."

"เก่งขึ้นเยอะเลยเนอะ สอนแค่ไม่กี่ครั้ง" มะยมหน้าแดงขึ้นสีเพราะคำพูดของอิฐ

"คนหน้าไม่อาย เจ้าเล่ห์ นิสัยไม่ดี!!"

"หยุดนะ ไม่งั้นจะโดนอีกนะ!!"

"............" มะยมอ้างค้าง เพราะคำขู่ อยู่ด้วยกันทีไรขาดทุนตลอด

"งอนพี่เหรอครับคนดี?"

"เปล่า!!"

"เอ๊ะ!! หรือว่าหึงพี่ครับ? หึๆๆ"

"หึงทำไม?"

"ก็ไม่รู้สินะ คนแถวนี้ชอบปากแข็งนี่เนอะ" มะยมไม่ตอบ กอดอก แล้วหันหน้าหนี

"เอาละ มะยมฟังพี่นะ.... พี่ไม่ได้รักเคธี่ เรื่องของพี่กับเธอจบลงแล้ว ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่ามันไม่เคยเริ่มต้นขึ้นต่างหาก พี่ไม่เคยคบเธอแบบแฟน เป็นแค่คู่ควงที่ไปกินข้าว ดูหนังบ้าง แล้วที่เธอมาวันนี้ก็พี่ไม่รู้จริงๆ พี่อยากให้มะยมมั่นใจในตัวพี่ว่า พี่รักมะยม รักมาก กว่าจะได้เป็นแฟนกันก็ยาก










หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๘ อุปสรรครัก. (๘//เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 08-04-2015 09:46:50
แล้วทำไมอิพี่อิฐไม่บอกสถานะเข้าไปล่ะเก็บไว้เพื่อ คนเขียนครับแล้วเกิดอะไรขึ้นหลังเจ้าน้อยตายบ้างอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๘ อุปสรรครัก. (๘//เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 08-04-2015 10:16:49
ชาตินี้นางคงไม่เล่นของอีกนะ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๙ ขวางรัก (๘//เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 08-04-2015 10:47:57


ตอนที่ ๓๙



"มะ...มิ่งขวัญ... ป้อคงอยู่บนโลกนี้ได้อีกบ่นาน อึก!!....ป้อขอฝาก ปะ...ปิงนครไว้กับลูกด้วย ป้อเชื่อว่า...ละ...ลูกต้องเป็นกษัตริย์....ที่ดีกว่าป้อได้แน่"

"เจ้าป้ออย่าพูดอย่างนั้นสิครับ เจ้าป้อต้องอยู่กับลูกไปอีกนาน"

"ป้อรู้ตัวเองดี อึก....เวลาของป้อใกล้หมดแล้ว ป้อ....จะได้ไปอยู่กับเจ้าน้อยเสียที อึ!! ป้อคิดถึงเจ้าน้อย ป้อทำผิดต่อเจ้าน้อยเหลือเกิน!!!" เจ้าแมนสรวงหลั่งน้ำตาเงียบๆไร้เสียงสะอื้นไห้ ในใจมีแต่ความรู้สึกผิดที่มีต่อเจ้าน้อย แต่ใครจะรู้ว่า...ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกเป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่าตนเองจะเป็นพ่อที่ไม่ดีนัก แต่ก็รักและปรารถนาอยากให้เจ้าน้อยเจอแต่สิ่งที่ดี ไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่าเจ้าน้อยเป็นปู้เมีย เป็นตัวประหลาดน่ารังเกียจ คนเป็นพ่อคงทนไม่ได้หรอก หากลูกจะถูกใครเขาว่าอย่างนั้น "ป้ออยากให้เจ้าน้อยเข้าใจ" เสียงในใจลึกๆของเจ้าแมนสรวงคล้ายกับกระซิบบอกเจ้าน้อย หวังว่าเจ้าน้อยจะได้ยิน

"เจ้าป้อครับ เจ้าน้อยจากไปแล้วนะครับ แต่เจ้าน้อยจะยังอยู่ในใจของเราตลอด เจ้าป้อต้องรักษาสุขภาพนะครับ เจ้าน้อยคงไม่อยากเห็นเจ้าป้อทรงประชวรอย่างนี้ อยู่กับลูกไปอีกนานๆนะครับเจ้าป้อ"

"เกิดแก่ จะ...เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา...มิ่งขวัญ ถ้าบุญป้อบ่มีแล้ว ขอให้ลูก....อะ...เอาอัฐิป้อใส่ไว้ในสถูปอึก....ข้างๆกับเจ้าน้อยนะลูก ป้อ!!...อยากอยู่ใกล้ๆ จะ..เจ้าน้อย ฮึก!! "

"คะ..ครับเจ้าป้อ"

"จะ..เจ้าน้อยมารับป้อแล้ว!! อึก!!..." เจ้าแมนสรวงเพ้อถึงแต่เจ้าน้อยอยู่ตลอดเวลา แม่กระทั่งก่อนจะจากไปก็ยังเอ่ยถึงแต่เจ้าน้อย

"เจ้าป้อ!!" เจ้ามิ่งขวัญร้องให้คร่ำครวญอย่างสุดฝืนทันที หลังจากมือของเจ้าแมนสรวงที่กุมไว้หลุดตกลงมาจากมือของตนเอง พร้อมกับดวงตาที่ปิดสนิท

"หื้อๆๆๆๆๆ"


"มะยมตื่น ๆ "

"พี่อิฐ!!" มะยมผวาตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นอิฐจึงโผเข้ากอด

"ฝันร้ายเหรอครับ" มะยมพยักหน้ากับอกอิฐเบาๆ

"ฝันร้ายจะกลายเป็นดี นอนต่อนะ จุ๊บ!!" อิฐรวบเอามะยมมากอด แล้วลูบหัวปลอบเบาๆ จนคนตัวเล็กหลับไปอีกครั้ง

>>>>>>>>>>>>>>>>

"ฮ้า ฮะๆๆๆ กรี๊ด!! " ใครน่ะ? เสียงใคร? มะยมสั่นกลัวกับเสียงหัวเราะนี้เหลือเกิน คล้ายกับว่าเสียงมันตามมะยมมา แม้ว่าจะวิ่งหนีไปทางไหนก็ยังได้ยิน เป็นเสียงหัวเราะของผู้หญิง ทั้งหัวเราะทั้งกรีดเสียงร้อง

"เจ้าน้อย!! แกจะตายทำไมไม่ตายคนเดียว เอาแสงเมืองไปด้วยทำไม? เพราะแก แกทำให้แสงเมืองต้องตาย เอาแสงเมืองคืนมา ๆ !!"

"ช่วยด้วย!! ช่วยด้วย!! ใครก็ได้ช่วยที!!" มะยมร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครมาช่วยเลย เสียงหัวเราะนั่นคุ้นมาก คล้ายว่าเคยได้ยินที่ไหน?

"ฮ้า ฮะๆๆๆ"

"ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที หื้อๆๆๆๆ"

"มะยมตื่น ๆ"

"หื้อๆๆๆ พี่อิฐช่วยมะยมด้วย" ทันทีที่ลืมตา มะยมก็ร้องไห้ขอให้อิฐช่วย ช่วยอะไร? อิฐไม่เข้าใจ

"โอ๋ๆๆ นิ่งนะ มันก็แค่ฝันร้าย พี่อยู่กับมะยมนี่แล้วไง หยุดร้องนะคนดี" อิฐพยายามปลอบมะยมที่ห้องไห้อยู่กับอกจนหลับไป

หลายวันมานี้มะยมฝันร้ายจนร้องไห้ แต่ร่างบางก็ไม่ได้บอกอะไรเลยว่าฝันร้ายเรื่องอะไร จนบางครั้งก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แถมหมู่นี้ยังซึมลงอีกต่างหาก


"เป็นไงบ้างลูก มะยม...ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย"

"ไม่สบายใจนิดหน่อยครับคุณย่า "

"ไม่สบายใจอะไร หนูบอกย่าได้นะลูก ถึงย่าจะแก่แล้ว แต่ก็อยากรับรู้ปัญหาของลูกหลานนะ"

"..................คุณย่าเชื่อเรื่องการผูกพยาบาทไหมครับ? แม้ว่าจะไปวัดป่ามาแล้ว เห็นเรื่องราวในอดีตมาแล้วว่าเจ้าน้อยตายยังไง? แต่มะยมก็ยังฝันถึงสิ่งเล่านั้นอยู่ดีครับคุณย่า ฝันถึงเจ้าแมนสรวงที่ทรงตรอมใจตายเพราะการจากไปของเจ้าน้อย และฝันถึงเสียงหัวเราะของผู้หญิงคนหนึ่งที่คอยกร่นด่าเจ้าน้อย ว่าเอาแสงเมืองไปจากเธอทำไม?"

"แล้วหนูบอกพี่เค้ารึยังลูก รู้ไหมว่าพี่เค้าเป็นห่วงหนูมากนะลูก"

"ยังครับคุณย่า" มาถึงตอนนี้มะยมรู้สึกผิดมากที่ไม่บอกให้อิฐรู้ จนเค้าเป็นห่วง

"ทำไมล่ะลูก หื้ม?"

"ผมไม่อยากให้พี่อิฐเป็นห่วงครับคุณย่า"

"ได้ยินแล้วใช่ไหม? พ่อตัวดี งั้นก็ออกมาได้แล้ว"

"............"

"พี่เค้าเป็นห่วงหนู เลยมาขอให้ย่าลองถามดูว่าหนูมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า? คนรักกันมีอะไรก็ต้องคุยกันนะลูก"

"มะยมขอโทษครับคุณย่า"

"ไม่ต้องขอโทษย่าหรอก ถ้าจะขอโทษต้องขอโทษพี่เค้าโน้น หึๆ"

"มะยมขอโทษครับพี่อิฐ" มะยมพนมมือไหว้ลงที่อกอิฐเพื่อขอโทษ ไม่คิดว่าจะทำให้อิฐเป็นห่วงถึงขนาดนี้

"ครับ ต่อไปมีอะไรก็บอกพี่นะ พี่เป็นห่วง"

"ครับ"

"เอาล่ะ..เมื่อกี้หนูว่ายังไงนะลูก มะยม? บอกว่าฝันถึงเสียงหัวเราะของผู้หญิง และเสียงกร่นด่าเจ้าน้อยใช่ไหมที่ทำให้หนูไม่สบายใจแบบนี้?"

"ครับคุณย่า"

"แล้วหนูจำได้ไหมว่าเป็นเสียงใคร?"

".......เสียงของ....เจ้าหยาดฟ้าครับคุณย่า" หลายวันมานี้มะยมเฝ้าคิดอยู่ตลอดว่า เสียงของผู้หญิงในฝันนั้นเป็นเสียงใคร ทำไมถึงได้กร่นด่าเจ้าน้อยขนาดนั้น จนในที่สุดก็คิดได้ว่า คงไม่มีใครจะเกลียดชังเจ้าน้อยได้เท่าเจ้าหยาดฟ้าอีกแล้ว นางคงจะรักแสงเมืองมากจนผูกพยาบาทที่แสงเมืองต้องตายตามเจ้าน้อยไป

"คนที่ทำคุณไสยใช่ไหมลูก? ไม่จ้องแปลกใจหรอก พี่อิฐเค้าเล่าให้ย่าฟังหมดแล้วลูก"

"ครับ"

"อย่าคิดมากเลยลูก คนเราเมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้ว ถือว่าคนสองคนนั้นเป็นคู่บุญคู่กรรมกัน เมื่อที่สิ้นบุญหมดกรรมกันในชาตินั้นๆแล้ว ต้องมีการทำพิธีตัดผัวตัดเมียก่อนทำพิธีเผา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาตามห่วงหาอาทรกันในชาตินั้นๆอีก"

"ส่วนอีกอย่างหนึ่งคือ การตัดพยาบาท คือ การขอขมาขออโหสิกรรม ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ไม่ว่าจะทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ หรือความตั้งใจ ก็ต้องทำการขออโหสิเพื่อไม่ให้มาผูกพยาบาทกันในชาตินั้นๆได้อีก หนูอย่าเป็นกังวลไปเลยลูก มันอาจเป็นแค่ความฝันก็ได้ ในเมื่อเจ้าน้อยกับแสงเมืองก็ได้จากไปเพราะฝีมือของเจ้าหยาดฟ้าแล้ว คนตายไปแล้วจะมาผูกพยาบาทกันอีกทำไม?" คุณย่านวลพูดให้มะยมคลายความกังวลแล้วเอามือลูบหัวเบาๆอย่างเอ็นดู ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนสองคนที่จากไปแล้วในชาติที่แล้ว จะได้มาพบกันและรักกันถึงในชาตินี้เพราะคำสัญญา

"นั่นรถใครมาน่ะ?"

"อิฐขา เคธี่มาหา อุ๊ย!! คุณย่าสวัสดีค่ะ" วันนี้เคธี่ใส่ชุดเดรสสีแดงเพลิงเหนือเข่า มีระบายนิดๆพอสวยงาม แต่งหน้าเข้ากับชุด ทาปากด้วยลิปสติกสีแดงชาด ไม่ว่ายังไงก็ดูสวยไปหมด มะยมลองย้อนมาดูตัวเอง ช่างไม่มีอะไรสู้เธอได้เลย เป็นเด็กผู้ชายธรรมดา กะโปโล มะยมคิดในใจ

"จ๊ะหนูเคธี่ เข้ามานั่งข้างในก่อนสิลูก"

"ขอบคุณค่ะคุณย่า"

"งั้นย่าไปก่อนนะลูก ว่าจะเอนหลังสักหน่อย ให้หนุ่มสาวเค้าคุยกันดีกว่า"

"อิฐขา เคธี่มาชวนไปดินเนอร์ ครั้งที่แล้วคุณก็ปฏิเสธเคธี่มาแล้วครั้งหนึ่งนะค่ะ ครั้งนี้เคธี่ไม่ยอมนะค่ะบอกไว้ก่อน"

"เออ..งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" มะยมไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้ ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ เลยขอตัวออกมาดีกว่า

"เดี๋ยวก่อนสิมะยม อยู่ด้วยกันนี่แหละ" อิฐจับมือมะยมไว้ให้อยู่ด้วยกันก่อน

"เคธี่ครับ...ผมคงไปด้วยไม่ได้"

"แต่อิฐค่ะ ช่วงนี้คุณไม่มีเวลาให้เคธี่เลยนะค่ะ นะคะไปนะคะอิฐ"

"ขอโทษด้วยนะเคธี่ ผมคงไปไม่ได้ เดี๋ยวแฟนผมเค้าจะโกรธเอา ยิ่งขี้น้อยใจอยู่" อิฐตอบเคธี่ แต่ประโยคหลังตั้งใจจะแซวคนบางคนด้วย

"อะไรกัน อิฐทำอย่างนี้ได้ยังไง แล้วเคธี่ละคะ เคธี่ก็เป็นแฟนคุณนะคะ?"

"เดี๋ยวก่อนเคธี่ ผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ เราไม่ได้คบกัน แล้วผมเองก็ไม่เคยขอคุณเป็นแฟนด้วยนะ"

"แล้วเรื่องของเราทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาล่ะค่ะ มันคืออะไร? เคธี่เป็นฝ่ายเสียหายนะคะอิฐ"

"คือผมขอโทษนะเคธี่ ผมเป็นผู้ชาย เมื่อมีผู้หญิงเข้ามาก็ไม่อยากปฏิเสธ แต่ตอนนี้ผมเจอคนที่ผมอยากจริงจังด้วย แล้วอยากก็หยุดอยู่ที่เขาแล้ว ผมก็ไม่อยากทำแบบนั้นอีก ผมไม่อยากทำให้เค้าเสียใจ คุณเข้าใจไหมเคธี่?"

"มันเป็นใครค่ะ มันเป็นใคร อิฐบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ เคธี่จะไปตบมัน มันกล้าแย่งของเคธี่ไป เอ๊ะ!! เมื่อกี้คุณว่ายังไงนะ? เค้างั้นเหรอ? ยะ...อย่าบอกนะว่าเป็นเด็กนี่นะคะอิฐ? อร๊ายยยย!! เคธี่ไม่ยอม คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะอิฐ"

"หยุดทำตัวแบบนี้นะเคธี่ ผมทนคุณมามากแล้วนะ อย่าทำให้ผมหมดความอดทน"

"ทำไมคะอิฐคุณจะทำเคธี่? คุณมันแย่ แย่ที่สุด มานี่อิเด็กนี่" มะยมตัวปลิวตามแรงกระชากของเคธี่ เขารู้สึกแย่มากจริงๆ ตอนนี้ ถ้าใครมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้คงจะเข้าใจว่ามันน่าอึดอัดแค่ไหน ขอร้องล่ะใครก็ได้ช่วยพาเขาไปจากตรงนี้ที

"หยุดนะเคธี่ อย่ามายุ่งกับคนของผม ไม่งั้นเราได้เห็นดีกันแน่"

"นี่คุณปกป้องมันถึงขนาดนี้เลยเหรอค่ะ มันคงลีลาดีกว่าเคธี่ใช่ไหม คุณถึงได้ติดอกติดใจมันขนาดนี้" มะยมรู้ว่าอิฐเป็นผู้ชาย ไม่แปลกหรอกที่จะคบหาผู้หญิงสักคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำใจไม่ได้กับเรื่องแบบนี้ เขาไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน แต่เมื่อมีความรักก็อยากให้แฟนไม่เจ้าชู้ แล้วเขาจะเชื่อใจอิฐได้ไหมนะ?

"กลับไปซะเคธี่ อย่าให้ต้องไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อนกัน ผมขอร้อง!!"

"หื้ย!! อย่าคิดนะว่า เคธี่จะยอมหยุดแค่นี้ เคธี่จะฟ้องคุณป้า"






หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) Up!! ตอนที่ ๓๙ ขวางรัก. (๘//เม.ย../๕๘)
เริ่มหัวข้อโดย: cross ที่ 08-04-2015 13:01:54
เหอๆๆๆๆๆ สงสารมะยม เจอแบบนี้ไม่ไหวๆ มาม่าครอบครัวจะมาแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้ว!!
เริ่มหัวข้อโดย: ApolloS ที่ 08-04-2015 14:24:56



ตอนที่ ๔๐


"สวัสดีครับคุณพ่อแม่  กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ?"

"เพิ่งมาถึงเมื่อครู่เองลูก" คุณวิชาญตอบลูกชายไป ส่วนคุณหญิงพจนีย์ได้แต่ปั้นปึ่งไม่ยอมตอบอิฐ

"ทำไมคุณแม่ทำหน้าอย่างนั้นล่ะครับ ไม่สบายรึเปล่าครับ?"

"แม่แกเค้าคงเหนื่อยจากการเดินทางน่ะลูก เอาไว้พักสักนิดนึงเดี๋ยวก็คงดีขึ้นเอง"

"ชั้นสบายดีคุณ แต่ที่ไม่สบายเพราะพ่อลูกชายคุณนี่แหละ!!"

"อ้าวไหงงั้นอะคุณ ลูกคุณก็ลูกผมนะ เอาหน่าคุณไปพักผ่อนก่อนเดี๋ยวตอนเย็นค่อยคุยก็ได้ กลับมาเหนื่อยๆก็พักก่อน ตาอิฐมันไม่ไปไหนหรอก"

"ก็ได้ค่ะ" พูดจบคุณพจนีย์ก็ลุกเดินขึ้นไปบนห้องทันที ยิ่งทำให้อิฐไม่เข้าใจว่าไปทำอะไรให้คุณแม่งอน หรือน้อยใจอะไรอีก

"อย่ากังวลไปเลยลูก แม่เค้าแค่น้อยใจ"

"เรื่องอะไรครับคุณพ่อ?"

"แล้วเราทำอะไรไว้บ้างล่ะ?"

"ผมทำอะไร?"

"ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้วนิเรา?"

"เรื่องนี้เองเหรอครับที่คุณแม่โกรธ?"

"คงงั้นมั้ง!! ดีละมีแฟนกับเค้าสักที จะได้ไม่ลอยไปลอยมาสักที แล้วเตรียมคำตอบเรื่องแฟนแกไว้ให้ดีนะตาอิฐ ได้ข่าวว่าเป็นเด็กผู้ชายด้วยนิ?" อิฐดีใจที่อย่างน้อยคุณพ่อก็เข้าใจ

"ใครบอกคุณพ่อครับ?"

"ก็จะใครอีกล่ะ? ก็แฟนเก่าแกคนล่าสุดไง ลูกสาวเพื่อนแม่แกน่ะ!!"

"ไม่ใช่นะครับคุณพ่อ ผมกับเธอไม่ได้เป็นแฟนกันนะครับ แค่คู่ควงเฉยๆ"

"ฝ่ายเราน่ะคิดว่าเป็นแค่คู่ควง แต่ฝ่ายนั้นน่ะสิจะคิดเหมือนแกไหม?"

"........"

"นี่แหละโทษฐานของคนเจ้าชู้ แล้วแฟนแกอยู่ไหน? พามาให้ดูหน่อยสิ"

"ได้ครับคุณพ่อ เดี๋ยวผมไปรับมาทานข้าวเย็นที่บ้านนะครับ"

"ได้ งั้นพ่อไปดูแม่แกก่อนนะ ตอนเย็นค่อยคุยกัน"

"ครับคุณพ่อ"


>>>>>>>>>>>>>

"พี่มารับไปทานข้าวเย็นที่บ้านพี่ครับ คุณพ่อคุณแม่พี่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ" อิฐขับรถออกบ้านมารับมะยมที่บ้านสวนทันที มากี่ๆก็รู้สึกสบายใจ รู้สึกโล่ง ปลอดโปร่ง

"เออ...ยังไม่ไปได้ไหมครับพี่อิฐ? คือมะยมยังไม่พร้อม" มะยมทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคลาบไม่ออก รู้สึกยังไม่พร้อมจะไปพบกับครอบครัวของอิฐสักเท่าไหร่

"ไม่ได้ครับ พี่คุยกับคุณพ่อพี่ไว้แล้ว ท่านอยากเจอตัวมะยม ไปนะครับ คุณพ่อคุณแม่พี่ท่านใจดี"

"มะยมไม่มีทางเลือกแล้วใช่ไหมครับ?"

"กลัวอะไรหื้มเรา?"

"........กลัวคุณพ่อคุณแม่พี่อิฐจะไม่ชอบเอา ก็มะยมเป็นผู้ชายนะครับ ท่านจะรับได้เหรอ?"

"เชื่อใจพี่นะครับ"

"ครับ"

"ป่ะ..ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน แล้วก็เตรียมชุดไปนอนบ้านพี่ด้วยนะสำหรับคืนนี้"

"ไม่นอนไม่ได้เหรอครับ มะยมไปนอนมาหลายคืนแล้วนะครับ เพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วัน เป็นห่วงยายด้วย"

"ยายไม่ว่าหรอก เดี๋ยวพี่ไปขอให้"

"นิสัยไม่ดี แบบนี้ยายก็ไม่ว่าไรสิ"

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

"คุณพ่อครับ คุณแม่ครับนี่มะยมแฟนผมครับ" มะยมยกมือไหว้พ่อแม่อิฐ รวมไปถึงคุณย่านวลด้วย

"สวัสดีลูก นั่งก่อนๆ ตาถึงนี่หว่าไอ้ลูกชาย" คุณวิชาญทักทายว่าที่ลูกสะใภ้ แล้วหันมาขยิบตา พูดกับอิฐ

"เป็นเพื่อนสนิทลูกสาวพ่อด้วยใช่ไหมหนูมะยม?"

"คะ...ครับคุณลุง อิ๊ฟนิสัยดี น่ารัก แล้วก็เป็นเพื่อนที่ดีมากเลยครับ"

"เห็นตาอิฐเล่าว่าอยู่กับยายแค่สองคนเองเหรอลูก?"

"ครับ"

"แล้วรับได้เหรอที่ลูกชายลุงมันเจ้าชู้ หื้ม?"

"โถ่คุณพ่อครับ ผมเลิกเจ้าชู้แล้วครับ อย่าพูดอย่างนั้นเดี๋ยวเค้างอนผมอีก" อิฐโอดครวญเสียไม่ได้ ก็บอกว่าเลิกแล้วๆ นั้นมันอดีต

"เหอะ!! ไอ้ลูกชายมีแวว ก.ม นะเนี๊ยะ"

" >\\\<" มะยมหน้าแดงเพราะคำว่า ก.ม = กลัวเมียของพ่ออิฐ

"พี่เลิกเจ้าชู้จริงๆนะครับมะยม เชื่อพี่สิ นะๆ"

"เอ่อ..เพิ่งเคยเห็นเสือสยบก็คราวเนี๊ยะเว้ย เก่งจริงๆหนูมะยม" พ่ออิฐก็ขยันแซวจนมะยมหน้าแดงลงมาจนถึงลำคอเลย เห็นแล้วยิ่งน่ารัก

"ว่าไงคุณไม่พูดสักคำ ลูกพาแฟนมาไหว้เนี๊ยะ?"

"จะคบกันได้รอดรึเปล่าก็ไม่รู้ ? ยิ่งเป็นผู้ชายทั้งคู่อยู่" มะยมหน้าเสียไปกับคำถามของคุณหญิงแม่อิฐทันที จากที่ตอนแรกกลัวๆตอนนี้ยิ่งหน้าซีดไปกันใหญ่ จนอิฐต้องลูบมือปลอบให้กำลังใจ

"คุณแม่!!"

"เอาหน่าคุณ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลูกชายเราจะได้เลิกลอยไปลอยมาเหมือนพ่อพวงมาลัยสักที คุณก็บ่นอยู่ไม่ใช่เหรอ? ลูกทำงานจนไม่กลับบ้านกลับช่องก็บ่นอยากให้ลูกมีแฟน พอลูกมีแฟนก็ไม่เอาอีกละ"

"ไม่ได้ค่ะคุณพี่ ลูกอาจจะกำลังหลงอยู่ก็เป็นไปได้"

"นี่คุณลูกเรามันจะสามสิบอยู่แล้ว คงจะมาหลงอะไรอยู่หรอก"

"แล้วหนูเคธี่ล่ะลูก? ไหนแต่ก่อนลูกยังสนิทสนมชอบเธออยู่ไม่ใช่เหรอลูก? ตาอิฐ"

"ผมไม่ได้รักเคธี่ตั้งแต่แรกแล้วครับคุณแม่ ผมยอมรับว่าไปกินข้าว ดูหนังกันบ้าง แต่มันก็แค่นั้นครับคุณแม่ มันไม่มีอะไรพิเศษกับเธอมากกว่านี้"

"ตาอิฐคิดดีก่อนไหมลูก"

"ได้โปรดเถอะครับคุณแม่ ผมรักมะยม ถ้าไม่ใช่มะยมผมก็รักใครอีกไม่ได้ครับ"

"แต่แม่ไม่เห็นด้วยนะตาอิฐ เข้าใจแม่หน่อย พวกลูกเป็นผู้ชายทั้งคู่ แล้วจะไหนสังคมอีกล่ะ?"

"ผมไม่สนใจสังคมหรอกครับ ผมสนใจแค่คนของผมเท่านั้น สังคมจะว่ายังไงก็เรื่องของเขา เราห้ามไม่ได้อยู่แล้ว"

"แต่แม่ไม่เห็นด้วยนะตาอิฐ!!"

"เธอจะไม่เห็นด้วยก็เรื่องของเธอแม่นีย์ ขนาดชั้นเป็นคนเลี้ยงตาอิฐกับยัยอิ๊ฟมาตั้งแต่ยังเด็ก ชั้นยังไม่ว่าอะไรสักคำเลย!!" คุณย่านวลที่แอบฟังอยู่ตั้งนานอดไม่ได้ที่จะพูดขั้นมา

"คุณแม่!!"

"ชั้นขอถามเธอหน่อยมานีย์ เธอรักลูกรึเปล่า? ถ้าเธอรักเค้า ทำไมเธอไม่คิดถึงความสุขของลูก เราเองก็อายุปูนนี้แล้ว จะอยู่กับเค้าไปได้นานเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้ ชีวิตของเค้าก็ให้เค้าตัดสินใจเองเถิด"

"แล้วสังคมเค้าไม่ว่าลูกนีย์เหรอค่ะ ว่า.....ว่า..."

"สังคมไทยสมัยนี้มันก็เปลี่ยนไปแล้วนะแม่นีย์ เธอเองก็ไปอยู่ไปทำงานต่างประเทศมานานก็น่าจะเข้าใจ ว่าสังคมสมัยนี้เค้าเปิดกว้างกันแล้ว เค้าไม่ได้วัดค่าของคนกันที่เพศ เค้าวัดกันที่ความสามารถ และความดี"

"แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งพวกเค้าไปกันไม่รอดล่ะค่ะคุณแม่? มันไม่ง่ายนะค่ะเรื่องแบบนี้"

"วันนั้นมันยังมาไม่ถึงแม่นีย์ เราเองเป็นพ่อแม่ได้แต่คอยมองพวกเค้าอยู่ห่างๆ ถ้าวันนั้นมาถึงจริง พวกเค้าก็ควรรู้เองว่าต้องทำยังไง ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน ที่จะคอยประคับประคองกันไปให้ตลอดรอดฝั่ง"

"แต่นีย์รักลูก นีย์ผิดเหรอค่ะ? นีย์อยากเห็นลูกมีครอบครัวที่ดี มีพ่อแม่ลูก อยากเห็นหลานตัวน้อยๆ"

"มันไม่ผิดหรอกแม่นีย์ มันเป็นปกติของคนเป็นพ่อแม่ แต่ตาอิฐเค้าโตพอที่จะรู้แล้วว่าสิ่งไหนดีและไม่ดีกับตัวเค้า เรื่องหลานเราก็รออุ้มหลานจากยัยอิ๊ฟก็ได้นิ ลูกเธอมีตั้งสองคน จะกลัวอะไร?"

"แต่นีย์อยากอุ้มหลานที่เป็นลูกของตาอิฐนี่ค่ะคุณแม่"

"เธออย่าพูดอย่างนี้เชียวนะแม่นีย์ เพราะมันหมายความว่าเธอรักลูกไม่เท่ากัน งั้นถ้าเป็นลูกของยัยอิ๊ฟแล้วเธอจะไม่รักอย่างนั้นใช่ไหม? เดี๋ยวยัยอิ๊ฟมาได้ยินจะน้อยใจเอานะ"

"นีย์ไม่ได้หมายว่าอย่างนั้นค่ะคุณแม่" พจนีย์จนคำตอบกับแม่สามีตัวเอง เพราะท่านพูดก็ถูกของท่าน แต่เขาก็ยังอยากให้ลูกมีครอบครัวที่ปกติทั่วไปอยู่ดี มันไม่ง่ายเลยชีวิตคู่แบบนี้ ขนาดคู่ชายหญิงยังไปด้วยกันยากสมัยนี้ แล้วคู่รักแบบผู้ชายกับผู้ชายแบบนี้ล่ะจะทนแรงต่อต้าน แรงกล่าวว่าของสังคมคนรอบข้างได้อย่างไร?

"เอาล่ะมีอะไรก็พูดไปสิตาอิฐ พิสูจน์ให้แม่เราเห็นสิว่า หลานสองคนรักกันจริง"

"คุณแม่ครับ ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าอนาคตจะเป็นยังไง ในเมื่อผมตัดสินใจแบบนี้ ผมก็จะยอมรับกับอนาคตของมันทั้งดีและร้ายครับคุณแม่ แต่ในตอนนี้ผมมีความสุขดี ผมก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่ คุณย่ายินดีไปกับผมด้วย ผมรู้ว่าความรักแบบนี้มันมีอุปสรรค เมื่อถึงตอนนั้นผมก็พร้อมจะฟันฝ่ามันไปครับ ขอแค่มีคนที่ผมรัก มีครอบครัวที่คอยให้กำลังใจ ผมก็ไม่กล้วอะไรแล้วครับ"

"พวกเธอสองคนยังไม่รู้หรอกว่าเด็กสองคนนี้เค้าทำไมถึงรักและผูกพันกันขนาดนี้ พวกเค้าต้องผ่านอะไรมาเยอะนะพ่อชาญ แม่นีย์ จนชั้นแทบจะไม่เชื่อเหมือนกัน ถ้าไม่ได้เห็นรูปหลักฐานอะไรพวกนั้น"

"ยังไงครับคุณแม่?" คุณวิชาญถามผู้เป็นแม่

"น้อยๆ ไปเอาหีบเครื่องเขินที่บนหัวเตียงชั้นมาหน่อยสิ"

"ค่ะคุณท่าน"


"อ่ะดูซะ ว่าคนในรูปพวกนี้เหมือนใคร?" คุณย่านวลส่งรูปถ่ายขาวดำของเจ้าน้อยและแสงเมืองให้ดู แม้ว่ามันจะดูเก่าไปบ้สงแต่ก็พอจะดูออกได้

"พวกเค้าเป็นใครครับคุณแม่ แล้วรูปของพวกเค้ามันเกี่ยวกันยังไงครับ?" วิชาญรับมรดูแต่ก็ยังไม่เข้าอะไรอยู่ดี

"คนในรูปคือเจ้าน้อยขวัญระมิงค์ ลูกชายคนสุดท้องของเจ้าแมนสรวง เจ้าหลวงผู้ครองปิงนคร ส่วนผู้หญิงด้านหลังคือพระพี่เลี้ยงคนสนิทชื่อ บัวแก้ว กับทหารองครักษ์คนสนิทชื่อ แสงเมือง"

"เดี๋ยวก่อนนะครับคุณแม่ เจ้าหลวงปิงนคร งั้นก็เจ้าแมนสรวงต้นตระกูลเราใช่ไหมครับคุณแม่?"

"อื้ม!! แล้วพวกเธอดูสิว่าคนในรูปหน้าคล้ายใคร?"

"เอ้.....ก็คุ้นๆอยู่นะครับ"

"งั้นเอานี่ไปอีกรูป แม่ได้มาจากหลวงตาที่วัด"

"นี่มัน......."

"พวกเค้าหน้าเหมือนสองคนนี้ใช่ไหม?"

"ครับ มันยังไงกันครับคุณแม่ ช่วยเล่าให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหมครับ?"

"พวกเราต่างก็ทำงาน และต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย จนไม่รู้เลยว่า ลูกเรา ตาอิฐเค้าฝันถึงเรื่องราวประหลาดนี้มาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนเป็นหนุ่มแล้ว ฝันถึงเจ้าน้อย กับแสงเมือง คนในรูป............................บลาๆ................"

"แล้วทีนี้จะยังกีดกันความรักของทั้งคู่อีกไหมแม่นีย์ ไม่สงสารลูกมันเหรอ? อุตส่าห์เฝ้าตามความรักมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว? แล้วชาตินี้ยังจะถูกพรากความรักนั้นไปอีก"

"เออ...........นีย์ยอมแล้วค่ะคุณแม่ แม่ยอมแล้วจ๊ะตาอิฐ แม่ไม่รู้ว่าพวกหนูจะผ่านอะไรมาด้วยกันขนาดนี้ แม่ขอโทษนะลูก หนูมะยม"

"ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ขอแค่คุณแม่เข้าใจ ทุกคนเข้าใจพวกเราก็ดีใจแล้วครับ"

"กว่าจะผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งเยอะขนาดนี้ แม่ก็ขอให้ลูกสองคนรักกันนานๆนะลูก ให้คิดเสมอว่ากว่าจะผ่านอะไรมาได้ขนาดนี้มันยากขนาดไหน"

"ครับคุณแม่"

"แม่นี่สิลูก มะยม มาหาแม่หน่อยสิลูก"

"ต่อไปมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับแม่นะลูก"

"ครับคุณป้า"

"ไม่เอาสิลูก เรียกแม่นะลูก"

"ครับคุณแม่" มะยมเขินแปลกๆ ไม่เคยเรียกอะไรแบบนี้เลย

"ฟ๊อด!!" คุณพจนีย์อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มมะยม จะว่าไปเด็กคนนี้ก็น่ารักอย่างที่ตาอิฐว่าจริงๆ ใครเห็นก็ต้องรักเอ็นดู

"เห้อออ!! กว่าจะแฮปปิ้งเอ็นดิ้งกันได้ เล่นเอาอิ๊ฟลุ้นจนตัวโก่งเลยนะค่ะ โล่งอก!! ในที่สุดก็ได้มะยมมาเป็นพี่สะใภ้สะที อิอิ"

"อิ๊ฟ!!" ยังไม่ได้เป็นสักหน่อย มะยมคิดในใจ >\\<

"แซวเพื่อนนะตัวยุ่ง นี่แอบฟังตั้งนานแล้วใช่ไหม หื้อ?" อิฐขยี้ผมน้องสาวอย่างหมั่นเขี้ยว

"เค้าเปล่าสักหน่อย แค่เดินผ่านมาแล้วได้ยินต่างหาก เรื่องแบบนี้ใครจะพลาดได้ล่ะ คิๆ"

"ให้มันอย่างนี้สิลูกสาวพ่อ แก่นเซี้ยวจริงๆเลยเรา มาหาพ่อนี่ซิ"

"โถ่คุณพ่อค่ะ...อ๊อยยยย!!" อิ๊ฟแกล้งร้องครวญครางเพราะโดนบิดจมูกเบา

"ทีนี้ก็ไม่ต้องห่วงแล้วนะค่ะ ส่วนเรื่องหลานอิ๊ฟรับผิดชอบเอง แต่ต้องรอนานหน่อยนะค่ะ เพราะอิ๊ฟยังหาแฟนไม่ได้เลย ฮ่าๆๆ"

"ก็เราทั้งแก่น ทั้งห้าวขนาดเนี๊ยะผู้ชายที่ไหนจะมาเอา ดูอย่างเพื่อนเรานี่สิ เรียบร้อยจะตาย ได้แฟนไปแล้วเห็นไหม?" อ้าว!! แซวอิ๊ฟอยู่ แต่ทำไมดูเหมือนเลขมันมาออกที่มะยมกันนะ มะยมเขินจนหน้าแดงเพราะโดนแซว

"ขอบคุณครับคุณย่า ผมรักคุณย่าที่สุดเลย ฟ๊อด!!"

"รักด้วยคน ฟ๊อด!! อิ๊ฟก็รักคุณย่านะค่ะ"

"ย่าก็รักพวกหนูลูก แม่นี่สิลูกมะยม"

"ขอบคุณครับคุณย่า" มะยมคลานเข่าเข้าไปกราบลงที่ตักคุณย่านวล แล้วกอดเบาๆ

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

"แล้วพี่อิฐจะเอายังไงกับคุณเคธี่ครับ?" มะยมถามขึ้นขณะที่เข้ามาในห้องอิฐแล้ว จะว่าไปตั้งแต่เป็นแฟนกัน ไม่ค่อยได้เข้าไปห้องอิ๊ฟเลย โดนลากมาอยู่ห้องนี้ตลอด

"ก็ไม่เอาไงหรอกครับ ตอนนี้ไม่มีคุณแม่พี่คอยสนับสนุนแล้ว เธอคงทำอะไรไม่ได้หรอก ปล่อยเอาไว้อย่างนั้นนั่นแหละ พี่ไม่ใช่แสงเมืองคนเดิมอีกแล้วนะ ตอนนั้นพี่ไม่สามารถปกป้องและดูแลคนที่พี่รักได้ แต่ตอนนี้พี่จะรักและดูแลมะยมให้ดีที่สุดครับ เชื่อใจพี่นะ?"

"ครับ"

"ขอบคุณครับที่รักพี่"

"ขอบคุณเหมือนกันครับที่รักและรอกันมานานขนาดนี้ ท่านแสงเมืองของมะยม"

"หึๆๆ เจ้าน้อยของพี่"

"อื้อ............" โดนจูบแบบไม่มันตั้งตัวแบบนี้ ใจหายหมด คนบ้า!! ขวัญเอ๊ย..ขวัญมา

"ป๊าบ!!" มือเล็กตีลงที่ต้นแขนอิฐเบาๆ หลังจากที่เป็นอิสระแล้ว

"อะไรกันแค่นี้ก็ต้องตีพี่ด้วย ใจร้ายไปแล้วนะมะยม" อิฐแกล้งร้องครวญคราง

"ก็คนมันตกใจ!!"

"อะไรกัน ยังไม่ชินอีกเหรอ แบบนี้มันต้องฝึกไว้เยอะๆนะจะได้คุ้นเคย หึๆๆ"

"คนบ้า คนหื่น ตาแก่บ้ากาม!!"

"ว่ากันขนาดนี้ พี่ชักอยากได้แบบที่เจ้าน้อยแก้คุณไสยให้แสงเมืองแล้วสิ หึๆๆ"

"หยุดนะ ไม่งั้นมะยมร้องให้คนช่วยจริงๆนะ!!"

"ใครจะมาช่วยกัน เค้าก็รู้ว่าเราเป็นแฟนกัน ร้องไปเค้าก็คิดว่าเราแกล้งกันเฉยๆ เชื่อพี่เหอะ ยอมๆพี่เถอะนะ"

"อร๊ากกกก!! อิตาแก่บ้ากาม ปล่อยนะ อร๊ากกกกก!!"




Happy  Ending



===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===


: ขอบคุณคุณทุกคนที่คอยติดตาม และให้กำลังใจมาจนจบเรื่องนะครับ


>>> อย่าลืมว่า หากคุณพบความรักดีๆ แบบนี้แล้ว จงเก็บรักษามันไว้ดีๆนะครับ เพราะความรักที่ดี คนรักที่ดีแบบนี้มันหายากสมัยนี้

ปล.เจอกันครั้งต่อไปในเรื่อง "บุพเพ...น้องเขย" นะครับ

ใครอยากให้มีตอนพิเศษก็กระซิบบอกกันได้นะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 08-04-2015 17:09:42
 :impress2:  ชอบเรื่องนี้ที่สุด
มันกำลังพอดีๆไม่หนักสมองมากนัก
รักเจ้าน้อย   :ling1:
ขอบคุณคนแต่งน้าที่ขยันอัพจนจบ  น่ารักมั่กๆ  :katai2-1:
ปล.ขอตอนพิเศษ  เอาแบบ  :oo1:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 08-04-2015 17:27:24
ขอบคุณครับ


  o13
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-04-2015 18:14:10
 :mew1: ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 08-04-2015 18:27:07
ขอบคุณมากครับ สำหรับนิยายดีๆแบบนี้ยังไงก็จะติดตามผลงานอื่นๆต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 08-04-2015 18:40:42
อืม จบลงไปอีกเรื่องแล้วสินะ แต่ว่า อ่านช่วงหลัง ๆ รู้สึกมันยังไงไม่รู้ มันน่าจะดราม่ามากกว่านี้ หรือมันขาดอะไรสักอย่างอ่ะ อ่านตอนแรกมันดีมากเลยนะ แต่ก็ชอบเรื่องนี้นะ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 08-04-2015 18:46:28
จบซะแล้ววว  ขอบคุณนะค่ะ

สนุกกกๆ :L1:
หัวข้อ: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 !!
เริ่มหัวข้อโดย: nicksrisat ที่ 08-04-2015 19:37:38
จบแล้วเหรอ  ได้ตามนิดเดียวเอง รีบจบไปไหน เรื่องยังไม่เครียร์เลยคับ :katai1:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 08-04-2015 20:09:19
จบแล้วววววว ตามอ่านสามตอน
คิดว่าจบไวไป แต่เนื้อเรื่องมาถึงขั้นนี้มันก็ต้องจบแล้วสินะ
แงๆๆ ไม่อยากให้จบเลยค่ะ อ่านมาตั้งนาน
เรื่องนี้สนุกมาก ทั้งอดีตชาติ ทั้งปัจจุบัน
ชอบเจ้าน้อยแสงเมืองมากๆ เป็นคู่ที่รักกันจนวันตายจริงๆ
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวดีๆเหล่านี้
ยังไงก็รอตอนพิเศษน้าาา
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: chen ที่ 10-04-2015 21:50:33
น่าอ่านมากเลยค่ะ อ่านเพลินเลย ทั้งภาคอดีตที่เศร้า
แต่สุดท้าย รักแท้ ปัจจุบันก็สมหวัง
ชอบที่ใช้ภาษาเหนือด้วย เหมือนได้เรียนภาษาไปในตัว
รอผลงานเรื่องต่อไปนะคะ ...รอตอนพิเศษด้วยคนค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-04-2015 19:41:43



                       ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้   :L1:  เป็นกำลังใจให้และติดตามนิยายเรื่องต่อไปนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 11-04-2015 23:11:58
ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ทำไมคนอื่นชอบเข้ามาบงการพวกเค้าด้วยน้า สนุกครับมากครับ รอเรื่องใหม่นะครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 12-04-2015 01:52:28
อ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ สนุกมากคะ อินมากกก เศร้าหวานฮาหื่นครบรสมากเลย
รักเจ้าน้อยที่สุด  :mew2:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: oiw08 ที่ 12-04-2015 09:50:02
เป็นนิยายที่สนุกมากๆ
แต่งได้ดีมากๆเลยคะ อ่านไป ร้องไห้ไป สงสารเจ้าน้อย T__T
ชาติปัจจุบัน พี่อิฐกับมะยมน่ารักมากๆเลย ดีใจที่ทั้งคู่สมหวังซะที
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ เดียวจะรอติดตามเรื่องต่อไปคะ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 12-04-2015 12:14:01
สนุกมากเลยค่ะ
 :pig4: สำหรับเรื่องดีๆแบบนี้จ้า
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-04-2015 22:32:27
ขอบคุณจ้า :pig4: สำหรับนิยายดีๆแบบนี้ จะรอติดตามผลงานอื่นๆต่อไปจ้า :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: inkirako ที่ 13-04-2015 00:23:59
อิ่มใจมากค่ะที่ได้อ่าน​ ขอบคุณ​ค่ะ​
เจ้าน้อย​อินเนอร์​แรงมากค่ะ​ เด็ดเดี่ยว​มาก​
น้ำตาไหล​อะ​ตอนที่​ดราม่า​หนัก​ๆ​
หัวข้อ: Re: ...หัวใจใฝ่รัก...(นิยายกลิ่นอายความเป็นเหนือ) เจ้าน้อย + อ้ายแสงเมือง Up. ตอนที่ 7 (7/11/57)
เริ่มหัวข้อโดย: elfeleves ที่ 13-04-2015 01:27:47
ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆ สนุกมากเลยค่ะ วันเดียวอ่านจนจบเลย
แต่อาจเป็นเพราะอ่านรวดเดียวจบ เลยยังจำรายละเอียดบางอย่างได้อยู่ หรือตกหล่นตอนไหนไม่รู้ เลยมีข้อสงสัย คนที่สั่งให้ฆ่าเจ้าน้อยในตอนที่ 7 กับที่แอบอยู่ในมุมมืดตอนที่ 18 คือใครเหรอคะ
ตอนที่ 7

"แยกกันออกตวยหามันลอ ถ้าฆ่ามันบ่ได้ เฮาก่อปิกไปบ่ได้ เจ้าน้อยตั๋วน้อยเดียวคงไปบ่ได้ไกล" ทั้งสองยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่ออันธพาลสามคนนั้นรู้ว่าเขาเป็นเจ้าน้อย ร่างบางกลัวจนตัวสั่น กลัวไปต่างๆนาๆ แสนเมืองจึงโอบร่างบางของเจ้าน้อยให้ซุกอยู่กับอกของตนให้มากขึ้นไปอีก

"แต่มันยังดวงแข็ง มีคนมาจ่วยมันไว้ได้ตัน บ่อั้นเฮาก่อฆ่ามันได้ต๋ามคำสั่งล่ะก่า ป่ะแยกย้ายกั๋นหา" (แต่มันยังดวงแข็ง มีคนมาช่วยมันไว้ได้ทัน ไม่งั้นคงฆ่ามันได้ตามคำสั่งแล้ว ป่ะแยกย้ายกันหา) เจ้าน้อยที่ได้ยินดังนั้นถึงกับตกใจที่มีคนหมายจะฆ่าตนเอง ร่างบางจึงร้องไห้ออกมาเบาๆ



 ตอนที่ 18

"หึ!! มันช่างงามหน้านัก เป็นผู้ชาย แต่กลับมากอดกับผู้ชายด้วยกัน มันช่างทุเรศนักขวัญระมิงค์" เสียงของใครอีกคนที่พูดขึ้นมาหลังจาก เจ้าน้อยและแสงเมืองจูงมือกันเดินออกมา

ว่าจะเป็นเจ้าหยาดฟ้า ทั้งสรรพนามที่ใช้เรียกก็ดูไม่ใช่ แล้วก็ดูเหมือนว่าพึ่งมาเจอหน้าแสงเมืองครั้งแรกในตอนที่ 19 ดังนั้นตอนแรกๆ ยังไม่น่ามีประเด็นให้อยากฆ่าเจ้าน้อย
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 13-04-2015 10:21:03
ขอบคุณเรื่องเศร้าเคล้าความสุข  สนุกมากคะชอบแนวย้อยยุคแบบนี่จังแถมได้เรียนภาษาเหนือไปไหนตัว
ชอบตัวละครทุกตัวคะ แต่ให้เจ้าน้อยกะแสงเมืองชนะเลิศ จะไปเกาะติดเรื่องใหม่จร้าาา
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 13-04-2015 14:15:11
สนุกมากกกกกกก o13
อ่านรวดเดียวจบเลย จุใจจริงๆ
ยกมือสูงๆขอตอนพิเศษหวานๆๆๆค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 14-04-2015 23:35:54
เหมือนจะยังไม่เคลียร์เรื่องฝันร้ายในตอนท้ายของมะยม
อยากให้มะยมได้เจอเจ้าหลวงแม้นสรวง ไม่รุ้เจ้าหลวงได้มา
เกิดใหม่รึเปล่า ส่วนเจ้าหยาดฟ้าอาจกำลังชดใช้กรรมในภพใดภพหนึ่ง?
ท่านแสนเมืองกับเจ้าน้อยในที่สุดก็ได้รักได้ครองคู่กันสักที
พี่อิฐต้องเลิกเจ้าชู้เด็ดขาดเลยนะ ไม่งั้นบัวแก้วเอ้ยอิ๊ฟจัดการแน่ 555
ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 15-04-2015 20:21:35
โอยยยยยยยย
เรื่องนี้สนุกมากค่ะ
เพิ่งได้อ่าน
ชอบเรื่องสไตล์นี้จังเลย
ผูกเรื่องโอเคเลยนะคะ บางจุดที่เป็นปม ตั้งใจไม่คลายหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ไม่ได้คาใจอะไรมาก
เราชอบลำดับเรื่อง สนุกดี
แต่คุณแม่ยอมง่ายไป คือตั้งแง่มาใหญ่ แต่มันจะจบแล้ว ยอมๆก็ได้
หึหึ แล้วก็ขอชมคนแต่งมากๆ ที่ขยันสุดๆ
อัพเรื่อยๆ จนจบเรื่อง
บางคนนี่ท้อ ไม่อัพไปแล้วอ่ะ ฮือออ ปรบมือค่าาา

รอเรื่องหน้านะคะะ
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 16-04-2015 00:03:41
อ่านจบแล้ววว ชอบมากเลย แต่งได้ดีค่ะ :) อ่านไปลุ้นไป ตอนดราม่านี่ก็น้ำตาไหลตามเลย
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 26-04-2015 12:22:44
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: namsoso ที่ 26-04-2015 22:42:01
ก่อนอื่นต้องขอบคุณคนเขียนมากๆเลยนะคะ แต่งเรื่องได้สนุกมากกกกกกกก
มากจนแอบคิดคิดว่าเป็นเรื่องจริงเลยอ่า ><'
แบบว่าเป็นคนเหนืออยู่แล้ว เลยอ มีความเชื่อเรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกัน
ขอบคุณจริงๆค่ะ

ปล.เรื่องแต่งดีแล้วนะคะ เนื้อหาอ่านง่าย สบายๆ แต่แอบมีคำผิดบ้าง นิดหน่อยไม่ใช่คำที่อ่านแล้วสะดุดเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 08-05-2015 23:34:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 15-05-2015 02:51:20
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: เหมือนจะง่าย  แต่ไม่ง่ายเลย
สงสาร เจ้าน้อยจัง
แต่ในชาตินี้ก็สมหวังล่ะนะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: dekthuem ที่ 21-05-2015 13:58:03
สนุกมากเบย เป็นกำลังใจให้เขียนเรื่องต่อๆไปมาอ่านอีกนะ สู้ๆครับ^^
หัวข้อ: Re: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 23:18:58
 :mew1: