DOLLFIE
ตุ๊กตาต้องสาป
1
ความอยากได้ตุ๊กตาทำให้ผมเป็นกังวล...
ผมนั่งมองสมุดบัญชีในธนาคารที่บอกยอดคงเหลือในบัญชีแค่หลักหมื่น แต่อย่างว่าล่ะครับหลักหมื่นในนี้คือค่าใช่จ่ายจิปาถะรวมไปถึงค่าอุปกรณ์ในการเรียนของผมในแต่ละเทอมด้วย ถ้าอยากจะเติมให้มันมีจำนวนแบบเหลือใช้นี่ก็คงต้องออกไปหางานพิเศษไม่ก็รับจ๊อบจากลูกค้า แต่ช่วงนี้เหมือนลูกค้าเหล่านั้นจะหายหน้าหายตาไปทำให้ยอดเงินในบัญชีที่คงเหลือร่อยหรอกว่าทุกเดือนที่ผ่านมา...
"เฮ้อ....!" ถอนลมหายใจแบบปลงๆแล้วโยนสมุดบัญชีกลับเข้าไปในลิ้นชักตามเดิมก่อนจะเอนหลังไปบนที่นอนนุ่มด้วยความรู้สึกปวดใจจี๊ดๆ เวลาที่หันไปเห็นดอลฟี่ลูลู่ ดอลฟี่มินนี่ ดอลฟี่เซย์ แล้วมันสะเทือนใจยังไงชอบกล พวกเขาคือลูกๆของผมเองล่ะครับ ทุกตัวได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของผมทั้งสิ้น
เวลาที่จ้องมองตาของพวกเขามันทำให้ผมมีความสุข ตุ๊กตาทุกตัวก็มีจิตวิญญาณเหมือนกันนั่นล่ะครับทุกตัวต้องการความรักจากเจ้านายของมันทั้งนั้น คนที่รักตุ๊กตาอย่างผมพวกเขาคงจะรู้ดีว่าความรู้สึกของผมเป็นยังไง แต่ลูกที่นั่งอยู่บนโซฟาที่ผมจัดท่าทางเอาไว้พวกเขาไม่ได้มีแววตาเหมือนกับตุ๊กตาตัวนั้น...
มันดู... มีเสน่ห์ รู้สึกเคลิบเคลิ้ม เศร้า... และ... มันดูมีชีวิตจริงๆ
"..."
"บ้าเอ๊ย!" สบถกับตัวเองด้วยความหงุดหงิดชิบหาย ตั้งแต่วันนั้นที่ผมกับเขาได้เจอกันผมก็มักจะนั่งคิดมากตลอด ไม่อยากไปเจอเขาอีกเพราะกลัวจะเจ็บปวด อาการของผมนี่ยิ่งกว่าโดนผู้หญิงหักอกอีกว่ะ แต่ถึงอยากจะไปดูอีกก็กลัวว่าจะทำใจได้ยาก แค่ตอนนี้ที่คิดผมก็คิดแล้วล่ะว่าดอลฟี่ตัวนั้นจะเจอเจ้านายที่ดีสำหรับเขาแล้วหรือยัง อย่างน้อยราคาเหยียบแสนนั่นก็คงทำให้หลุดรอดไปจากมือของไอ้พวกเด็กๆที่ยังไม่เลิกกินนมผง ผมหวังว่าเขาจะเจอเจ้านายที่มีฐานะ สามารถแต่งตัวให้เขาได้ คอยดูแลทำความสะอาด และ... คุยกับเขาเหมือนคนบ้าคนหนึ่ง...
ผมนี่แม่ง... เป็นผู้ชายที่โคตรมุ้งมิ้งเลยว่ะ!
พอๆ สะบัดหัวไล่ความคิดทั้งหมดออกไป ผมควรลืมได้แล้วว่าอย่าเอาเรื่องนั้นมาทำให้ชีวิตนักศึกษาอย่างผมต้องรวนเร เพราะตุ๊กตาตัวนั้นนั่นล่ะที่ทำให้ผมโดดเรียนมาเกือบทั้งอาทิตย์แล้ว!
(มันก็แค่ข้ออ้างของคนขี้เกียจ...)
RRRRRrrrrrrrrrrr
ชะอุ้ย!
สะดุ้งตกใจพอเป็นพิธีเมื่ออาการเหม่อของผมทำให้จิตตกอะไรนิดหน่อยก็ผวาไปซะหมด หันไปมองมือถือที่ส่องไฟสว่างวาบแล้วดูหน้าไอ้คนโทรมา...
"เชี่ยไก่" เบะปากให้ไอ้เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบอาทิตย์
"เอออออ...."
[[ตายยังคับคุณเพื่อน หรือมึงกลายร่างเป็นดอลฟี่ของมึงไปแล้วไม่โผล่หัวมาให้กูเห็นเลยนะแหม่]] น้ำเสียงติดประชด
"เออ ยังไม่ตาย แล้วยังไม่ได้กลายร่างด้วยแค่เบื่อๆนอนอืด"
[[อย่างมึงเนี่ยนะที่จะอยู่ในสภาวะนั้น ถามจริงเหอะที่ไม่มามหาลัยนี่มึงติดหญิงหรือติดดอลฟี่มึง]]
"ถ้ามีหญิงมาจีบกูๆคงไม่มานั่งเล่นตุ๊กตาหรอกเชี่ยไก่ แค่เขาเห็นหน้ากูก็วิ่งหนีกันหมดแล้ว"
[[เออไอ้คนหน้าโหด ว่าไงครับจะเข้าซุ้มหรือเปล่า]]
"ถ้ากูบอกว่าขี้เกียจล่ะ"
[[เชิญมึงนอนตายอยู่ในห้องมึงเถอะไอ้เต๋า! ไม่ได้เว้ยต้องเข้า วันนี้พี่โอเขาจะเซอร์วันเกิด...]]
ผมย่นคิ้วกับประโยคที่มันเงียบเสียง "อะไรวะไม่พูดต่อ"
[[เออๆ มาเหอะถ้ามึงไม่เข้าซุ้มมึงขาดกับพี่เขาแน่]]
"อะไรวะร้ายแรงมากเลย?"
[[มาก็รู้ไม่มามึงก็อย่าได้เข้าซุ้มอีก แค่นี้นะเว้ย!]]
"เอ๊า! ไอ้เหี้ยนี่" ยังไม่ทันรู้เรื่องก็วางสายไปฉิบ
ผมยังคงงงกับไอ้บทสนทนาเมื่อครู่ สรุปนี่คือต้องเข้ามหาลัยจริงๆใช่ไหมวะ แต่ขี้เกียจว่ะ ขี้เกียจโคตรๆ ขี้เกียจจนไม่รู้อะไรจะเอาอะไรมางัดจากที่นอนดี...
ผมยันตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยอาการอึนๆ มองไปทางดอลฟี่ที่นั่งนิ่ง เป็นตุ๊กตานี่ก็ดีเว้ยวันๆไม่ต้องทำอะไรเลย ผิดกับมนุษย์ที่มีหน้าที่มีภารกิจที่จะต้องทำ แล้วทำไมผมถึงอยากเป็นตุ๊กตาล่ะวะเป็นมนุษย์ดีๆอยู่แล้วแท้ๆ พอๆเลิกฟุ้งซ่านทางที่ดีผมควรรีบอาบน้ำแล้วรีบไปมหาลัยก่อนจะดีกว่า ไอ้พวกเพื่อนๆนี่มันทำตัวแปลกๆ ยิ่งใกล้วันเกิด...
"เออวันนี้วันเกิดกูนี่หว่า..."
บางครั้งเรื่องสำคัญในชีวิตก็เหมือนไม่สำคัญนั่นล่ะครับ เพิ่งระลึกได้ว่าวันนี้วันเกิดตัวเอง อันที่จริงผมควรที่จะโทรไปหาแม่ผมตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เป็นเพราะว่าลืม ผมเลยต้องรีบโทรไปหาท่านตอนที่นึกขึ้นได้
[[ว่าไงลูก]]
"แม่ วันนี้วันเกิดเต๋าแต่เต๋าไม่มีโอกาสไปไหว้แม่ สบายดีใช่ไหมครับขอบคุณที่เลี้ยงดูเต๋ามาจนโตขนาดนี้ ขอบคุณนะครับเต๋าจะเป็นเด็กดี"
[[ฮ่าๆ อะไรของเราเนี่ยมาซะเสียงเศร้าเลย]]
"ก็คิดถึงไง"
[[จ้าๆ ว่าแต่เรียนอยู่หรือเปล่าโทรมาป่านนี้]]
"เปล่าครับวันนี้ไม่มีเรียน แม่เองก็อย่างหักโหมร่างกายนะ ทางโน้นหนาวไหมล่ะแม่"
[[ไม่หรอกลูกที่นี่อากาศหนาวแค่ช่วงเช้า เหมือนเมืองไทยนั่นล่ะ ว่าแต่เราเถอะอยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า]]
"ไม่เอา ไม่อยากได้"
ถึงอยากได้แต่มันก็แพงเกินไปผมคงไม่กล้าที่จะขอ ถึงจะรู้ว่าแม่สามารถให้ได้ แต่... ผมรู้อีกนั่นล่ะว่าแม่ต้องโทรไปขอผู้ชายคนนั้น ซึ่งผมไม่คิดอยากได้ของๆจากเขาเลยสักนิด แม่เงียบเสียงไปสักพักพร้อมๆกับผมที่คิดว่าน่าจะเลิกคุยได้แล้ว
[[เต๋า]]
"ครับแม่"
[[ไปไหว้พ่อเขาบ้างนะลูกอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง]] หน้าผมจากอารมณ์ดีนี่เปลี่ยนเป็นเบื่อหน่ายในทันทีที่แม่พูดถึงเขา
"ครับแล้วเต๋าจะโทรไปหา แต่ไม่ใช่วันนี้ แค่นี้นะแม่"
ผมตัดสายทันทีไม่รีรอให้แม่ต้องพูดถึงคนๆนั้นกรอกหูผมอีก แต่ถ้าอยากให้ผมโทรไปหาหรอ ฝันไปเถอะ ผมไม่มีวันโทรไปหาคนที่ทิ้งแม่กับผมแล้วไปมีคนอื่นหรอกนะ ถึงเขาพยายามจะรับผิดชอบผมยังไงผมก็ไม่มีวันที่จะยอมรับอะไรจากเขา ...
หยุดคิดเรื่องไร้สาระแล้วไปอาบน้ำซะ!
ผมวางโทรศัพท์ลงข้างๆอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะพาร่างของตัวเองเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยความเร็วแค่สิบนาทีเท่านั้น และออกมาแต่งตัวพร้อมกับหยิบอุปกรณ์ที่จะไปนั่งวาดรูปเล่นที่ซุ้มใส่เป้ แต่ก่อนจะออกจากบ้านผมต้องบอกลูกๆของผมซะก่อน
"วันนี้อาจจะกลับเย็นนะ แล้วอย่าตีกันล่ะพ่อจะรีบกลับมา" ยิ้มให้พวกเขาแล้วลูบผมตัวละทีก่อนจะวิ่งไปที่ประตูเมื่อรู้ว่ามันสายมากแล้ว
มันอาจจะแปลกที่ผมทำแบบนี้ แต่มันเป็นความสุขเล็กๆของผมที่ไม่เคยมีใครเข้าใจแม้แต่เพื่อนสนิทของผมอย่างไอ้ไก่ มันชอบด่าผมว่าปัญญาอ่อนเล่นกับตุ๊กตาเหมือนเด็กสามขวบ ผมไม่เถียงครับไม่ได้ว่ามันกลับไปด้วยในเมื่อผมชอบแบบนั้นจริงๆ แค่มันไม่ล้อว่าผมเป็นตุ๊ดนี่ก็บุญของมันที่ไม่โดนบาทาผมก็พอแล้ว ไอ้เพื่อนผมมันรู้ดีวาผมชอบ แต่คนอย่างไอ้เต๋านี่แมนร้อยเปอร์เซ็นต์
เพียงแค่ว่าผู้ชายหล่อๆแมนๆอย่างผมใครเขาจะคิดว่าจะเป็นเหมือนพวกสาวน้อยที่บ้าดอลฟี่เป็นบ้าเป็นหลัง แน่นอนครับมันเป็นเพียงแค่รสนิยมอย่างหนึ่งซึ่งไม่ได้เหมารวมว่าจะต้องชอบตุ๊กตาไปทั้งหมด มันก็แค่... ความชอบของคนเราที่ไม่เหมือนกัน...
"กว่าจะมาได้นะมึง" ผมยิ้มให้ไอ้พวกเพื่อนๆที่มารวมตัวอยู่ที่ซุ้มหลายสิบคนพูดง่ายๆเหมือนรวมเครือญาติยังไงอย่างงั้น มีพวกพี่พลรุ่นปู่ก็มาด้วย ค่อนข้างที่จะประหลาดใจกับพวกเขานิสนึง
"รถติดว่ะ" ผมบอกไอ้ไก่ที่ทักผม พวกมันกำลังนั่งเล่นเกมเศรษฐีกันเลยครับ
"เต๋ามานี่ๆ" เป็นพี่โอเองนั่นล่ะครับที่เรียกผมๆเลยต้องลากขาไปหาพี่เขาแล้วยกมือไหว้พอเป็นมารยาทของน้องที่ดี
"เย็นนี้อยู่กินเลี้ยงก่อนนะ กำลังให้ไอ้แบคไปซื้อเหล้าห้ามชิ่งหนีนะเฮ้ย!"
"เลี้ยงในโอกาสอะไรอ่ะพี่ข้ออ้างป่าวผมเห็นพวกพี่เลี้ยงทุกอาทิตย์นะเหล้าน่ะ แดกจนบวมหมดแล้วเนี่ย"
"อ้าวไอ้ห่าปากหมาเดี๋ยวพ่อตบคว่ำ"
"แหะๆผมล้อเล่น" ผมยกมือไว้ขอโทษพี่โอแบบกวนๆ สีหน้าพี่แกนี่อยากจะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้พี่เขาดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษว่ะ ถ้าปกตินี่ผมคงโดนเตะก้นไปแล้ว ผมกวาดสายตามองหาที่ว่างที่พอจะแทรกตัวนั่งได้บ้าง วันนี้สมาชิกชาวศิลป์เยอะจริงๆ โต๊ะหินอ่อนที่อยู่หน้าซุ้มพวกไอ้ไก่ก็ครองไปหมดแล้วคงเหลือแต่วงไพ่เนี่ยละวะที่พอจะมีที่ว่าง แต่เมื่อหย่อนก้นนั่งลงไปอย่างหวังว่าจะได้อยู่เฉยๆ
"สัดเต๋า นั่งทำบื้อไรล่ะมึงวางตังดิ่"
"โหยไรวะมาถึงก็จะให้กูเล่นแล้วห่านี่" ผมด่าไอ้ดีโด้ที่เป็นเจ้ามือประจำวงมันกำลังเคาะไพ่คะยั้นคะยอให้ผมวางเงินให้ได้
"อย่าพูดมากในเมื่อหย่อนก้นลงมาแล้วก็อย่าเสือกทำตัวแตกต่าง"
"เออรีบเหอะมึง กูจะลุ้นไพ่" ไอ้ชินโวยสงสัยจะขาดตอนผมเลยต้องควักหาเศษเหรียญอย่างจำใจ แล้วไอ้ดีโด้ก็เริ่มสับไพ่ สักพักไอ้พี่โอที่เลิกจากงานศิลป์แน่นอนว่ากลิ่นสีนี่ติดตัวตามมาด้วย หย่อนก้นนั่งข้างๆผมแล้วควักเงินลงมาสมทบพร้อมๆกับขยิบตาให้ผมเหมือนรู้กัน เดี๋ยวพ่อจะแดกเจ้าให้หมดตูดเลยเหอะ ไม่รู้ซะแล้วว่าชวนใครไม่ชวน มาชวนเจ้าพ่อแห่งโชคลาภถ้ายิ่งนั่งข้างๆกับไอ้พี่โอนี่แล้วใหญ่ เทคนิคการโกงอย่างฉับไวนี่ใครก็ไม่สามารถมองเห็น ห้ามลอกเลียนแบบนะครับแบบนี้มันไม่ดี แต่ถ้าทำกับเพื่อนนี่มันจะสะใจไปอีกอย่าง
นี่แหละครับชีวิตมหาลัยเป็นไปอย่างชิลๆไม่มีอะไรพิเศษหวือหวา ก็แค่เรียนๆเล่นๆไปวันๆ ไม่มีกฎเกณฑ์ว่าจะต้องไปแข่งขันกับใคร เพียงแค่สำนึกไว้ว่ารับผิดชอบงานตัวเองให้ดีก็พอ มหาลัยผมเป็นมหาลัยเปิด และทางมหาลัยไม่ได้เคร่งเครียดอะไรกับเรื่องเล็กๆเหล่านี้
แน่นอนครับว่ามันผิดกฎแต่ถ้าอยู่ในซุ้มข้างหลังที่ลับตาคนพวกผมเลยไม่ค่อยจะเกรงใจเท่าไร แต่พวกรุ่นน้องคณะอื่นเดินผ่านนี่ก็ไม่อยากจะเดินเฉียดเข้ามาในอาณาจักรของพวกผมนักหรอกครับ อาจจะเป็นเพราะกลัวโดนไอ้พวกรุ่นพี่หน้าเถื่อนๆติสต์แตกพวกนี้ฉุดกระทำชำเลาก็เป็นได้ สายตาของพวกคนเหล่านั้นชินแล้วล่ะครับไม่ต้องไปสนใจ
หลังจากที่แดกเจ้ามือไพ่ไปหลายตา ไอ้ดีโด้ก็เริ่มหน้าเผือดสีเหมือนคนปวดขี้ แน่นอนว่าข้ออ้างแม่งคงไม่พ้นปวดขี้นั่นแหละสุดท้ายวงไพ่เลยล้มเลิกเพราะไม่มีใครอยากจะเป็น แหงล่ะในเมื่อไอ้เพื่อนเลวสองตัวที่กำลังนั่งหัวเราะคิกคักเพราะโกงเหรียญจากไอ้โด้ได้มาเต็มกระเป๋า ซึ่งรวมไปถึงเงินของไอ้เพื่อนๆที่โดนเจ้าแดกด้วย ใครมันจะกล้าลงต่อล่ะ ส่วนผมนี่พอเถอะจะให้เป็นเจ้า ฝัน? ฮ่าๆๆๆ
"เอ้าไอ้ห่ามัวแต่เล่นกันให้กูไปซื้อของ โคตรแดกแรงกูเลย" เสียงไอ้แบคด่าพวกไอ้ไก่ที่เล่นเกมเศรษฐีมาราทอนกันจนเย็นพร้อมๆกับวางของอะไรไม่รู้เยอะแยะ น้องเป็ดที่คาดว่าน่าจะโดนเรียกไปช่วยใช้ตังถือของพะลุงพะลังไม่ต่างกัน ผมเห็นขวดเหล้าขวดเบียร์ที่อัดแน่นอยู่ในถุงแล้วรู้สึกอยากขึ้นมาตงิดๆ เลยพากันลุกไปช่วยมันเคลียร์โต๊ะแล้วเก็บที่เคลียร์ทาง เพื่อนั่งก๊งเป็นกิจวัตร
"เค้ก? เค้กใครวะ" ถามไอ้แบคที่ดึงเบียร์ออกมาจากถุง มันมองไปทางพี่โอที่เดินเข้ามายืนอยู่ข้างหลัง ผมเลยหันไปทางพี่โอแทน
"ไม่รู้สิ วันนี้วันเกิดใครก็ไม่รู้" ลอยหน้าลอยตาพูดมากเลยพี่
"วันเกิดหมาครับพี่ วันเกิดหมางงแต่ผมว่าแม่งแกล้งทำเป็นไม่รู้มากกว่า"
"ไอ้ไก่เหี้ยแดกเดี๋ยวกูอัดปากด้วยก้นขวด"
"ฮ่าๆๆๆ" มันยังมีหน้ามาหัวเราะผมที่ถือขวดเบียร์จะทำจริงๆ
"วันเกิดอยากจะแดกไงไอ้ห่า ไอ้นี่ก็ถามแปลก"
"พอๆเลยพวกมึงสองตัวนี่ทะเลาะกันทุกวัน แม่งตีกันแล้วก็แดกกันเอง เชิญมึงไปตีกันตรงนู้นค่ะไอ้คู่จิ้น"
"อ้าวอีแคทเดี๋ยวกูจับมึงทำเมียเลยสัด!" ไอ้ไก่ค่อนข้างจะของขึ้น แต่มันน่าจะแกล้งแหย่มากกว่า
"หรา ดีเหมือนกันว่ะกูกำลังหาผัว"
แล้วมันก็หัวเราะกันเองรวมไปถึงผมที่ยืนขำกับการทะเลาะกันของพวกมัน เนี่ยล่ะครับเอกศิลป์อยู่กันอย่างพี่น้องไปวันๆไม่ได้หวือหวาแต่สนุกจนลืมเรื่องบางเรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่ไป เสมือนครอบครัวของผมเลยก็ว่าได้ สุดท้ายแล้วไอ้สองคนนั้นก็ถูกจับแยกโดยพี่พลที่ดึงพวกมันออกมาเพื่อห้ามศึกมวยไก่ กับมวยลูกแมวที่กำลังจะเกิด
"นี่แกล้งไม่รู้ใช่ไหมเนี่ยว่าวันเกิดใคร" ผมหันไปมองพี่โออีกครั้งแล้วส่ายหน้าไม่รู้จริงจริ๊ง!
"ดีแล้วล่ะ" พี่เขาว่ายิ้มๆ แล้วหันไปส่งซิกทำท่าเหมือนไปสั่งให้เพื่อนเขาทำอะไรบางอย่างแล้วไฟก็ดับพรึบ! เค้กที่เคยวางอยู่หายไปครับแล้วมันก็โผล่มาอยู่ข้างหน้าผมพร้อมๆกับเทียน21ที่จุดไฟจ่ออยู่ที่ปาก ไอ้เพื่อนๆมันก็ร้องเพลงแฮปปี้เบิดร์เดย์โดยมีผมยืนงงอยู่...
เอ้า! นี่เลี้ยงวันเกิดให้ผมหรอ? ผมนี่ซึ้งน้ำตาจะไหล แล้วยืนเขินแม่งอยู่ตรงนั้นที่พี่โอซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่สุดถือเค้กแล้วยื่นให้ผมเป่า
"เอ้าสุขสันต์วันเกิด" ผมยิ้มเขินๆครับ ไม่ต้องรอให้เขาสั่งอธิฐานอะไรผมหลับตาไปครู่หนึ่ง
กูอยากได้ดอลฟี่สามแสน...
แล้วผมก็เป่าปู้ดไปพร้อมๆกับวางยาด้วยการแถมน้ำลายพอเป็นพิธี แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าแดกครับ ฮ่าๆๆๆ
"โหยมีเซอร์ไพรส์ผมด้วยนี่ปลื้มวะ" ผมบอกพี่โอแล้วหันไปมองไอ้เพื่อนๆที่เริ่มจะก๊งเหล้ากันแล้ว ถึงในใจจะรู้ว่ามันก็เป็นแค่ผลพลอยได้ละวะ ในเมื่อพวกผมดื่มกันเป็นเรื่องปกติ นี่แหละอนาคตของชาติที่ดี...
"ฮ่าๆๆ ตอบแทนที่ทำให้ชีวิตของพี่ไม่จืดชืด"
"ฮะ?" ผมหันไปมองงงๆ พี่เขาโบยมือไหวๆ
"ไม่มีไร กินข้าวเย็นเหอะหิวแล้วจะได้แยกย้ายกลับบ้านหรืออยากไปนอนกับพี่"
"หึ ไม่เอาอ่ะครับผมเกรงใจ" ผมส่ายหน้าแทบจะทันที
"อย่าไปชวนมันเลยพี่ ไอ้เต๋ามันไม่ชอบค้างที่อื่นมันกลัวลูกๆมันงอน"
"ไอ้ไก่" ผมปรามมันพร้อมสายตาดุๆ ไอ้ห่านี่มันอมยิ้มแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ได้น่าถีบมาก
"ลูก?" หน้าพี่โอเหมือนสงสัยผมเลยแก้ตัว
"ไม่มีไรหรอกพี่ไอ้ไก่มันแค่แหย่เล่น" แล้วเดินไปตบหัวไอ้ไก่ป้าบหนึ่ง ไอ้เพื่อนเลวที่คิดจะแฉความลับของผมคลำหัวป้อยๆแล้วเงยหน้ามองผมเป็นหมางงแดก แล้วยิ้มแหยๆให้ผมที่ทำตาเขียวใส่มัน
ไอ้ห่าเอ๊ย! ถ้าขืนมีใครรู้ว่ากูบ้าตุ๊กตาหมดกันภาพพจน์ผู้ชายแมนๆ แต่มันคงจะรู้ตัวนั่นล่ะครับว่าผมไม่พอใจ มันรีบเอาใจด้วยการรินเบียร์ใส่แก้วให้ผมซะล้น แล้วยิ้มหวานให้ผมพร้อมๆกับนวดไหล่ให้ผมหายงอนมัน แล้วหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงโห่แซวของไอ้เพื่อนๆผู้หญิงแก๊งชะนีสาววายที่ชอบเอาผมไปจิ้นกับมันร้องแซว จนผมอยากจะยันไอ้เพื่อนให้ออกห่าง แม่งยังมีหน้ามาหัวเราะ
แต่ผมไม่รู้หรอกว่าพี่โอเขาจะติดใจหรือเปล่า ผมแอบชำเลืองมองพี่เขาแต่พี่แกก็ไม่ได้เห็นจะสนใจไรอีก พี่แกก็นั่งดื่มเหล้ากับพวกเพื่อนๆเขาปกติไม่ได้แสดงความอยากรู้อยากเห็นอะไร มีแต่ผมละมั้งที่รู้สึกกลัวไปเอง ทำไงได้ล่ะผมกลัวว่าจะโดนล้อว่าเป็นตุ๊ดนี่ ถึงแม้ว่าเอกผมจะมีประเภทนี้เกือบสามสิบเปอร์เซ็น และพวกเราก็ไม่ได้รังเกียจอะไร แต่อย่างว่าล่ะ... ผมไม่ชอบให้ใครเข้าใจผมผิด...
"มึงยังโกรธกูอีกหรา ไอ้เต๋า เชี่ยเต๋า โอ๋ๆอย่างอนกูนะ"
เสียงอ่อนเสียงหวานใส่อย่าคิดว่ากูจะใจอ่อนเฟร้ย! หยุดฝีเท้าในระหว่างที่ผมกำลังเดินกลับห้องของตัวเอง ซึ่งไอ้เพื่อนตัวดีที่ตามผมต้อยๆคงจะมาอาศัยค้างกับผมด้วย แน่นอนว่าถึงผมจะไม่เต็มใจเท่าไรนัก แต่มันก็ยังคงหน้าด้านที่จะนอน
"งอนพร่องมึงสิ" แล้วก็เดินฉับๆหน้าตูมไปเรื่อยๆ ไอ้ห่านี่ก็พันแข้งพันขาอยู่ได้วุ้ย!
"โหยไอ้นี่เล่นพ่อว่ะ กูก็แค่แซวขำๆ"
"กูขำด้วยปะห่า แค่นี้กูก็หาแฟนไม่ได้เพราะโดนจับจิ้นกับมึงเนี่ย แถมไปบอกว่ากูมีลูกรุ่นน้องได้เข้าใจผิดหมด" ไอ้พวกนั้นยิ่งปากไม่มีหูรูดอีกป่านนี้กระจายข่าวซุบซิบแพร่กระจายเป็นไวรัสแล้วมั้ง!
"ใครว่า! พี่เต๋าออกจะหล่อ ออกจะแมน เสียอย่างเดียวชอบทำหน้าตึง ไอ้ที่มึงหาแฟนไม่ได้นี่อย่ามาโทษกูสิวะไอ้นี่"
"เออเพราะมึงนั่นแหละ!" ผมส่ายหน้าเอือมๆกับไอ้ท่าทางกวนตรีน! ที่ยิ้มแก้มปริแล้วยักคิ้วใส่ผมนี่แหละ ไม่ให้ผมหน้าตึงได้ไงโดนมันกวนตีนตั้งกะอยู่ที่มหาลัยแล้วนี่ยังจะตามมากวนตีนต่อที่หอ นี่ถ้าไม่เห็นว่ามันเมามันคงโดนผมดีดกระเด็นไปนานแล้ว
"ฮ่าๆๆ อะไรว๊าวันเกิดตัวเองแท้ๆอารมณ์ดีหน่อยน่า" มันยังมีหน้ามาเกาคางผมอีก ปัดมือมันออกไปด้วยความรำคาญแล้วสงครามขนาดย่อมก็เกิดขึ้น แต่สงครามนั้นก็ต้องหยุดชะงักเมื่อผมเห็นเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่หน้าห้องผม พวกเราหยุดชะงักกึกอยู่กับที่ ยกเว้นไอ้ไก่ที่หยุดยืนเพราะงงกับอาการของผม
"อะไรวะ?"
ผมเพ่งไปที่สิ่งนั้นด้วยความสนใจ เสื้อผ้าแบบนั้น... แล้วท่านั่งพิงประตูนั่นอีก....
"เอ้าไอ้นี่ถามไม่ตอบ"
ผมเดินฉับๆไปที่ตุ๊กตาดอลฟี่ซึ่งผมมั่นใจว่ามันต้องใช่แน่ๆ และมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด ในทีแรกผมนึกว่าลูกๆของผมแอบออกมานั่งเล่นหน้าห้อง แต่จะบ้าเรอะ! ตุ๊กตามันจะเดินเองได้ที่ไหน แต่พอผมย่อตัวลงอุ้มเขาขึ้นมา อาการตกใจหัวใจของผมนี่รัวอย่างกับเต้นแท็ป
ดวงตาสีครามทะเล ใบหน้าคมจมูกโด่งกลีบปากอวบอิ่มผมสีบรอน ผมไม่อยากจะเชื่อ! นี่ผมเมาไปหรือเปล่าวะที่เห็นภาพหลอน...
"ดอลฟี่ตัวใหม่ของมึงหรอทำไมมานั่งตรงนี้วะ?" แล้วคำยืนยืนจากไอ้ไก่ที่บอกว่าผมไม่ได้ฝันไป!
ผมรีบลุกขึ้นแล้วควักกุญแจไขเข้าไปในห้องในทันทีแล้ววางเขาเอาไว้ที่โซฟาตัวยาวกลางห้อง อาการตกใจ และดีใจของผมทำให้สับสน
ถามเขา"มาได้ไง" แบบงุนงงสุดๆ
"มึงลืมหยิบกระเป๋ามาด้วยว่ะ" ผมหันไปมองไอ้ไก่ที่ถือกระเป๋าที่มีรูปร่างเหมือนกล่องมากกว่าเข้ามาด้วย ผมเลยรีบเดินไปรับที่มือมันแล้วเปิดเพื่อสำรวจว่าข้างในนั่นคืออะไร
มันเป็นเซทแต่งตัวของตุ๊กตาครับ จำเซทที่พนักงานคนนั้นบอกผมได้ไหม นั่นล่ะมันอยู่ในกล่องนี่ทั้งหมดพร้อมๆกับจดหมายสีขาวที่แนบอยู่ ผมงุนงงกับมันมากว่าใครส่งดอลฟี่ราคาเหยียบแสนมาให้ผม
รู้สึกโกรธที่ไม่ยอมให้ผมกับมือแล้วมาวางไว้หน้าห้อง ถ้าเกิดมีใครขโมยหรือหยิบไปจะเกิดอะไรขึ้นวะ! ดีนะที่ผมมาเห็นก่อน
"พ่อ..."
ผมครางเสียงต่ำรู้สึกเซงที่เขายังคงวุ่นวายกับผมไม่เลิก
"ของขวัญพ่อมึงส่งมาหรอ?" ผมพยักหน้าให้ไอ้ไก่ที่นอนแผ่บนโซฟาข้างๆผม
"เหมือนรู้ใจเลยเนอะส่งดอลฟี่มาให้ แต่น่ารักดีว่ะ" ไม่พูดเปล่ามันยังอุ้มมาดูด้วย ผมรีบตบมือมันแล้วเอามากอดเอาไว้เอง มันเลิกคิ้วแล้วหัวเราะให้กับอาการหวงของ และเห่อตุ๊กตาตัวใหม่
"ไม่โทรไปขอบคุณเขาหรอวะ"
"ทำไมกูต้องโทร? ไม่ได้ขอให้ซื้อ"
"แต่มึงก็ชอบนี่" ผมเงียบแล้วมองมันตาขวาง
"ถ้ามึงอยากนอนค้างกับกูก็อย่าพูดอีก"
"เอ้าไอ้นี่กูแค่ถามโกธรกูอีกละ มึงนี่สมควรแล้วที่ไม่มีแฟนขี้งอนชิบหาย"
ผมยักไหล่อย่างไม่ยีระในคำพูดของมันแล้วหันมามองดอลฟี่ที่อยู่ข้างหน้า ใครจะไปคิดไปหวังล่ะว่าเขาจะได้มาอยู่กับผมจริงๆ หลังจากที่เศร้า และนอยมาหลายวันเรื่องที่ไม่มีตังซื้อเจ้าตุ๊กตาดอลฟี่ตัวนี้ วันดีคืนดีกลับมานั่งอยู่หน้าห้อง เรียกได้ว่าเป็นของขวัญที่ทำให้ผมดีใจที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ผมข้องใจว่าพ่อผมรู้ได้ไงว่าผมอยากได้มัน...
"กูไปนอนก่อนนะ" ผมพยักหน้าให้มันไปทีแต่สายตายังจับจ้องไปที่ดวงตาสีครามนี่อยู่ มันดูมีประกาย และผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าตุ๊กตาตัวนี้เขาดูเหมือนอารมณ์ดีไม่ต่างจากผม เมื่อผมเห็นมุมปากที่มักจะทำหน้าบึ้งตึงอยู่ตลอดเวลากำลังยกยิ้มขึ้นมาบางๆ...
บางทีผมอาจจะคิดไปเอง...
"ยินดีต้อนรับลูกพ่อ! ชื่ออะไรดีล่ะ" ผมเอียงคออย่างใช้ความคิดเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา และผมก็ตื่นเต็มสองลูกตาพร้อมด้วยการสร่างเมาเป็นปลิดทิ้ง หันไปมองลูลู่ มินนี่ และเซย์ที่นั่งอยู่แล้วยิ้มบางๆ
"ชื่อคริสดีไหม หรือจะชื่อเควิ่น ไม่ๆไม่ดีกว่าชื่อคริสน่ะดีแล้ว จะได้หล่อ และเก่งเหมือนคริสเรสฟิลไง ฮ่าๆๆๆ"
"มึงนี่คิดชื่ออื่นไม่ออกแล้วสินะ เอาไอดอลกูมาตั้งเฉย" ไอ้ไก่มันยังไม่วายบ่นครับ
"นอนไปเหอะไอ้ห่าไก่กูคุยกับลูกกู"
"เดี๋ยวเช้ามึงมาไฟว์กับกูเลยดีกว่ารอบที่แล้วยังเล่นค้างเอาไว้เลย"
"กูไม่เล่นเว้ย! กูจะเล่นกับลูกกู"
"เออ! เรื่องของมึง" น้ำเสียงเอือมๆพร้อมๆกับตะแคงหันหลังให้กับผม สงสัยมันคงจะขี้เกียจเถียงผมแล้วแน่ๆ แต่ผมไม่สนหรอกในเมื่อมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ตรงหน้า
"คริส... นายนี่น่ารักจริงๆเลยนะ"
ผมยิ้มให้กับคริสที่มองผมตาไม่กระพริบ รู้สึกมีความสุขอย่างแปลกประหลาด และรู้สึกว่าตัวของคริสเองก็รู้สึกดีที่ได้มาอยู่กับผมไม่น้อย นับว่าเป็นอีกวันที่ทำให้ผมยิ้มได้อย่างมีความสุข ความน่าหลงใหลของเขาทำให้ผมไม่อาจที่จะข่มตาหลับได้ ในเมื่อดวงตาที่ดูมีเสน่ห์กำลังจับจ้องมองผมอยู่อย่างนั้น เหมือนเป็นแรงดึงดูดอะไรบางอย่างที่บอกผมว่า...
เจ้าจงตกอยู่ในห้วงแห่งความรักของข้าเสียเถอะ...
ขอบคุณสำหรับคำคอมเม้นค่ะจะพยายามปั่นเท่าที่ความขยันจะบังเกิดแฮ่...