เรื่องสั้น : ตอนที่ 3 (จบ)
เช้าวันนี้อากาศไม่ดีเลย ฝนตกหนัก ฟ้าครึ้มมีแต่เมฆสีดำทะมึน มองลงไปยังถนนเบื้องล่างก็เห็นรถติดกันเป็นแถวยาว ทุกสิ่งรอบตัวผมอึมครึมราวกับมีเรื่องร้ายกำลังจะมาเยือน หรือมันจะเริ่มอึมครึมตั้งแต่ที่ผมได้รับการติดต่อกลับจากป้าแอนเมื่อคืน
‘วันนี้ตำรวจมาพบป้า เอารูปของผู้ชายคนนั้นมาให้ดู แล้วถามป้าว่ารู้จักไหม แต่ป้าตอบไปแล้วว่าไม่รู้จัก และก็ไม่เคยเห็นมาก่อน’
ก็คงยื้อเวลาได้อีกไม่นานนัก เพราะอีกไม่นานตำรวจก็คงจะสาวมาถึงตัวผมได้ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผมหวั่นใจสักเท่าไหร่ แต่ที่ผมรู้สึกไม่สบายใจก็เห็นจะเป็นป้าแอนมากกว่า ผมไม่อยากให้ป้าโดนข้อหาในฐานะที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปด้วย ทั้งๆ ที่เป็นผมเองไปขอร้องให้ป้าช่วยจัดการศพของไอ้แก่นั่นให้ เพราะการลงมือฆ่าคนครั้งแรก ผมทั้งลนลานและตื่นกลัว ผมอาเจียนเพราะกลิ่นคาวเลือด แต่พร้อมกันนั้นก็รู้สึกดีใจที่ในที่สุดไอ้ปีศาจที่ทรมานผมมาหลายปีก็หายไปจากโลกใบนี้
“เม เห็นแผ่นหนังที่กันต์ซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อนรึเปล่า” เสียงของกันต์ทำให้ผมละสายตาจากการจราจรเบื้องล่าง แล้วหันกลับไปมองเขาที่กำลังตรวจดูตามลิ้นชักเพื่อหาของที่ต้องการ
เขามาหาผมตั้งแต่เช้ามืด ดีที่เมื่อวานฟรานมีธุระสำคัญต้องไปทำ ไม่งั้นคงได้มีรถไฟชนกันเกิดขึ้นในห้องของผมแน่
“ไม่รู้สิ กันต์เอาไว้ที่ไหนล่ะ จำได้รึเปล่า”
“จำไม่ได้ เมช่วยหาหน่อย”
“โอเค เดี๋ยวพี่ไปดูที่ห้องนั่งเล่นให้ก็แล้วกัน”
ผมเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เริ่มหาจากชั้นวางทีวีที่มีแผ่นหนังและซีดีเพลงที่ฟรานชอบวางอยู่เต็ม แล้วเพราะจำนวนมันมากขนาดนั้น ผมถึงต้องใช้เวลาค้นหาพอสมควร แต่ก็หาไม่เจอ กำลังจะกลับเข้าห้องนอนเพื่อไปบอกกันต์ว่าที่ห้องนั่งเล่นไม่น่ามี ก็ได้ยินเสียงทีวีดังขึ้นจากในห้องนอน
“กันต์! หาเจอแล้วเหรอ”
ไร้เสียงตอบรับ แต่เสียงของลำโพงทีวีก็ยังคงดังอยู่อย่างนั้น แต่มันไม่ใช่เสียงเพลงจากหนังเรื่องไหนๆ กลับเป็นเสียงร้องโหยหวนที่ฟังแล้วขนลุกซู่ ผมรีบเดินไปที่ห้องนอน พอไปถึงก็เห็นกันต์เบิกตากว้างจ้องมองภาพในทีวีอยู่ ใบหน้าของเขาซีดเผือด และพอเห็นหน้าผม เขาก็รีบก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
“เม...นี่มัน...อะไร” เสียงของกันต์ขาดห้วง ใบหน้าไร้สีเลือดราวกับคนเพิ่งอาเจียนไปแล้วหลายต่อหลายรอบ
ผมมองไปที่หน้าจอทีวี หลักฐานชิ้นสำคัญที่ไอ้หน้าโง่คนหนึ่งเอามาขู่ผมกำลังหมุนวนอยู่ในเครื่องเล่นซีดี มันถ่ายไว้ได้ชัดอย่างที่มันบอกผมจริงๆ
“ไม่มีอะไร” ผมตอบพลางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับอาการประหวั่นพรั่นพรึงของคนตรงหน้า ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปใกล้ๆ เขาที่ก็ถอยร่นหนีผมไปจนชิดผนัง “นี่...เป็นอะไรไป”
“ถอยไป”
ผมคลี่ยิ้ม ไล้นิ้วไปตามแก้มของกันต์ เขาหลับตาลงพลางเบนหน้าหลบ
“กลัวพี่เหรอ”
“ถอยไป...ผมจะกลับ!”
“ให้กลับ...ไม่ได้หรอก”
“พี่ปล่อยผมนะ! ถ้าไม่ปล่อยผมจะแจ้งตำรวจ จะบอกให้หมดเลยว่าพี่ทำอะไรไว้บ้าง ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาเป็นใคร แต่พี่ฆ่าเขา พี่ต้องติดคุก!”
ผมยกมือบีบคางของกันต์ เขาพยายามดิ้นหนี แววตาที่มองผมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ไหนบอกว่ารักพี่ อยากอยู่กับพี่ ตอนนี้...ดิ้นหนีทำไม”
“พี่เม...อย่าทำผม ผมเจ็บ...”
น้ำตาของกันต์ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรเลย ทั้งๆ ที่เขาเป็นเด็กดีของผมมาตลอด แต่ตอนนี้แววตาที่เขามองผม มันเปลี่ยนไปแล้ว
“พี่เม...ไม่...อย่านะ ผมไม่... อ้ะ... อย่าทำกับผมแบบนี้ ปล่อยผม!”
ผมจะปล่อยแน่ๆ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้... เรือนร่างของกันต์ยังคงให้ความสุขกับผมได้ และตราบจนนาทีสุดท้ายผมก็อยากจะได้ความสุขนั้นมาครอบครอง
“ฮืออออ ใครก็ได้...ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย...”
ไม่มีใครมาช่วยได้หรอก...ต่อให้ร้องตะโกนดังขนาดไหน ก็คงไม่มีใครได้ยิน...
ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง!
เสียงออดจากหน้าประตูทำให้ผมหยุดขยับเอวไปเพียงครู่ แก่นกายยังคงถูกบีบรัดอยู่ในช่องทางคับแคบของคนที่นอนน้ำตานองหน้าอยู่ข้างใต้ เลือดสีสดไหลซึมเพราะการฉีกขาด กันต์มองหน้าผมอย่างวิงวอน นัยน์ตาแดงก่ำพบเจอแต่คำขอร้อง ขอให้ผมปล่อยเขาไป
ติ๊งต่องๆๆๆๆๆๆๆ!
คราวนี้ดังรัวยิ่งกว่าเดิม และตามมาด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือของผม หยิบขึ้นมาดูก็ต้องตกใจเล็กน้อยเมื่อเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอคือเบอร์ของฟราน
ผมยกมือข้างหนึ่งปิดปากของกันต์ไว้ โน้มตัวลงไปเพื่อที่จะดันแก่นกายของตัวเองเข้าไปให้ลึกขึ้น ผมกดรับสาย เปิดลำโพงแล้ววางมือถือไว้ข้างตัว เพื่อที่ว่ามืออีกข้างจะได้จับรวมแขนทั้งสองข้างของกันต์ไว้ได้ ไม่งั้นไอ้เด็กนี่ข่วนผมแน่
(เม อยู่รึเปล่า ออกมาเปิดประตูให้ผมหน่อย)
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่อยากเจอฟรานตั้งแต่ที่เราเริ่มคบกันมา
“ตอนนี้ผมมีแขก คุณกลับไปก่อน”
(แขกที่ว่าน่ะใคร แล้วทำไมผมถึงอยู่ด้วยไม่ได้)
“แล้วผมจะโทรหา”
(เม! อย่าเพิ่งวางนะ! คุณอยู่กับใคร บอกผมมาเดี๋ยวนี้)
น่าหงุดหงิดจริงๆ ทำไมถึงได้ทำตัวน่ารำคาญขนาดนี้ แล้วไอ้เด็กนี่มันจะดิ้นไปถึงเมื่อไหร่ ตอนนี้ล่ะฤทธิ์เยอะนัก เมื่อก่อนยังร่านอ้าขารับผมอยู่เลย เวลาของโลกนี้ทำให้คนเปลี่ยนไปจริงๆ คงมีแต่ความตายเท่านั้นล่ะมั้งที่จะไม่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป...
(เม!)
ผมกดตัดสายทิ้งก่อนจะเริ่มดำเนินกิจกรรมรักของตัวเองต่อไป ลำคอขาวๆ ของกันต์ก็ถูกผมขบเม้มจนเป็นรอยจ้ำไปทั่ว
“ร้องไห้ทำไม...พี่กำลังจะพาขึ้นสวรรค์ ไม่มีความสุขเลยเหรอครับ” ผมกระซิบข้างๆ ใบหูเล็กเบาๆ ก่อนจะแลบลิ้นเลีย ลากตั้งแต่ใบหูไปจนถึงข้างแก้มที่เปรอะไปด้วยน้ำตา
“ปากก็บอกว่าไม่ต้องการพี่ แต่ก็รัดพี่แน่นเชียว”
“ผมจะแจ้งตำรวจ พี่มันชั่ว! สารเลว อึก! อ๊า!”
ผมสวนกายกระแทกเข้าไปแรงๆ ใบหน้าเหยเกของกันต์ทำให้ผมหัวเราะออกมาอย่างสะใจ กันต์กรีดร้องเสียงลั่น พร้อมๆ กับที่โทรศัพท์มือถือของผมก็สั่นเตือนว่ามีคนโทรเข้ามาอีกรอบ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้...ผมต้องส่งเด็กคนนี้ขึ้นสวรรค์เสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้น...เด็กนี่จะส่งผมไปลงนรกแทน...นรกที่มีชื่อว่า ‘คุก’
.
.
.
“คุณนอกใจผม! สวมเขาให้ผม! คุณทำอย่างนี้กับผมได้ยังไงเม!”
ผมยืนนิ่ง ปล่อยให้ฟรานตะโกนใส่ผมได้ตามต้องการ เพราะยังไง...ผมก็ไม่ยอมรับข้อกล่าวหานี้อยู่แล้ว
“คุณเข้าใจผิด ผมไม่ได้มีใคร”
“ไม่มีใครงั้นเหรอ! แล้วเมื่อวานทำไมไม่มาเปิดประตูให้ผม”
“คุณคิดมากไปเองนะฟราน ผมไม่มีใครจริงๆ”
“ผมไม่ได้โง่นะเม คุณคิดว่าผมจะไม่ได้ยินเสียงครางของชู้คุณอย่างงั้นเหรอ!”
“น่าอายจัง คุณได้ยินมันด้วยเหรอ” ผมคลี่ยิ้มสบายๆ ก่อนจะจับมือของฟรานมาแนบที่แก้ม “มันเป็นเสียงจากหนังที่ผมกำลังดู ผมก็แค่คิดถึงคุณแล้วไม่รู้จะระบายยังไง...แล้วผมก็แค่...”
“แต่คุณบอกว่าคุณมีแขก”
“ผมโกหก” ใช่...ผมโกหก เรื่องที่บอกคุณวันนี้นั่นแหละที่โกหก เป็นไปได้ผมก็ไม่อยากจะโกหกเลยจริงๆ แต่มันจำเป็น
“คุณทำให้ผมคลั่งจนแทบบ้า แล้วก็มาบอกแค่ว่าคุณโกหก คุณไม่คิดบ้างเลยเหรอว่าผมจะรู้สึกยังไง”
“ผมขอโทษ ฟรานอย่าโกรธผมนะ เราไม่ทะเลาะกันแล้วได้ไหม ผมไม่ชอบเลยเวลาที่คุณโมโหอย่างนี้”
“...”
“แล้วผมก็ไม่ชอบเวลาที่คุณเมาด้วย มันเหมือนหมาบ้าเลยรู้ไหม”
ตอนนี้เขาสร่างเมาแล้วก็เลยคุยกันได้รู้เรื่องหน่อย แต่ตอนที่มายืนหน้าห้องผมเมื่อตอนตีห้าน่ะ แทบจะคลานสี่ขาเข้ามาเลย ไม่รู้ว่ากลับมาที่ห้องผมถูกได้ยังไง
“ผมบ้าก็เพราะคุณ ยังไม่รู้ตัวอีก นิสัยเสียว่ะเม”
“ขอโทษครับขอโทษ”
“ผมมึนหัว อยากนอนแล้ว”
“คุณจะนอนที่นี่เหรอ”
“ไม่ได้รึไง”
ผมอยากจะบอกว่าไม่ได้อยู่หรอกนะ เพราะการที่เขาโผล่หน้ามาในเช้ามืดที่ผมกำลังจะจัดการลบทุกอย่างทิ้ง มันทำให้ผิดแผนไปหมด ผมถึงต้องเอา ‘บางอย่าง’ ที่ต้องทิ้ง ใส่กลับเข้าไปในตู้เสื้อผ้าตามเดิม
“ได้สิ”
ถ้าผมบอกว่าไม่ได้ มันคงจะมีปัญหาตามมาทีหลัง แต่การให้เขาอยู่ที่นี่ มันก็คงจะเกิดปัญหาขึ้นไม่ช้าก็เร็ว อ่า...นั่นไง เขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้ว
“คุณล็อคไว้เหรอ”
“อืม แต่ผมทำกุญแจหาย วันนี้ว่าจะตามช่างมางัดเปิดให้เหมือนกัน”
“แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ เสื้อผ้าผมอยู่ข้างในนั้น ผมอยากอาบน้ำ ก่อนจะนอน”
“ก็ไปอาบสิ เสื้อผ้าน่ะไม่ต้องใส่ก็ได้ เพราะฟรานก็รู้ว่าผมชอบเวลาที่ฟรานไม่ใส่อะไรเลยมากกว่า”
ต่อให้ฟรานจะบอกว่าเขาไม่โง่ แต่คำพูดของคนที่เขากำลังหลงอย่างผม ก็ทำให้เขาโง่ได้เหมือนกัน...
.
.
.
แต่คนที่ผมคิดว่าเขาโง่...กลับไม่เคยปล่อยให้ผมอยู่ตามลำพังเลย เขาตามติดผมมาสามวันเต็มๆ เราอยู่ด้วยกันแทบทุกเวลา กินข้าว ดูทีวี พูดคุยกันบ้างและจบลงด้วยการทำรักจนถึงเช้าทั้งสามวัน จนตอนนี้ผมเริ่มกังวลใจเพราะบางอย่างในตู้เสื้อผ้าเริ่มส่ง กลิ่นแปลกๆ ออกมา
“ฟราน ไปเที่ยวกันนะ ผมเบื่อที่จะอยู่ที่ห้องเต็มทีแล้ว ฟรานพาผมไปทะเลนะฟราน ไปอาทิตย์หนึ่งเลยเป็นไง” เป็นครั้งที่ร้อยแล้วล่ะมั้งที่ผมพยายามชวนเขาออกไปเที่ยว แต่เขาก็ปฏิเสธทุกครั้ง
“ผมไม่อยากไป ขี้เกียจขับรถ ผมอยากพัก”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ จะที่ไหนก็เหมือนกัน”
“ผมอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง คุณไม่อยาก...ลองทำกับผมบนหาดทรายชื้นๆ หรือไง”
ฟรานยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองผมอย่างจริงจัง “อยาก...งั้นเดี๋ยวผมช่วยคุณจัดกระเป๋า ว่าแต่ช่างที่คุณบอกจะให้มาเปิดตู้เสื้อผ้า เขาบอกว่าจะมาวันไหนเหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกัน เขาผิดนัดมาหลายครั้งแล้ว คงงานยุ่งจริงๆ ผมก็ไม่ค่อยอยากกวน คอนโดนี้มีช่างอยู่คนเดียวก็ต้องทำใจหน่อย เพราะไม่ได้มีแค่ห้องเราที่พักอยู่ที่นี่” จะไม่มีใครมาหรอก เพราะผมไม่ได้ตามใครมาเลย
“งั้นผมจะเปิดให้เอง”
“คุณจะทำตู้เสื้อผ้าผมพังรึไง”
“ผมก็งัดเป็น เพราะก่อนเป็นตำรวจ ผมเคยเป็นขโมยมาก่อน”
“คุณล้อเล่นใช่ไหม”
“คุณคิดว่าไงล่ะ”
ไม่ได้มีแววล้อเล่นอยู่บนใบหน้าดูดีของเขาเลยสักนิด นั่นทำให้ผมลำบากใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่คิดว่ายังไงเวลาแบบนี้ก็ต้องมาถึง
“ความจริง...ผมอยากจะอยู่กับคุณให้นานกว่านี้นะฟราน” เพราะผมก็คิดว่าตัวเองก็ให้ความสำคัญกับคุณอยู่มากเหมือนกัน แต่เป็นคุณเองที่กำลังจะทำให้ทุกอย่างมันพัง
“ผมก็เหมือนกัน” ยิ้มของฟรานทำให้ผมต้องยิ้มตาม เป็นรอยยิ้มที่ราวกับเคยเห็นเมื่อนานมากแล้ว เขาเดินนำเข้าไปในห้องนอน ไปยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ในขณะที่ผมเลี่ยงมายืนชิดผนังอยู่อีกฝั่ง
กริ๊ง!
เสียงตกกระทบกันของกุญแจดังขึ้นเมื่อผมโยนมันลงบนพื้น ฟรานหันมามองหน้าผม แล้วก้มลงเก็บมันขึ้นมา
“ผมรู้หรอกว่าถ้าไม่ยอมเปิดตู้ คุณก็จะไม่ยอมให้ผมไปไหน”
“ใช่...ผมไม่ยอมให้ไปหรอก คุณจะไปไหนไม่ได้อีกแล้วเม”
“...”
“แม่บ้านที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกจับแล้วเมื่อสองวันก่อน แต่เธอก็คงติดคุกแค่ไม่กี่ปีเพราะข้อหาสมรู้ร่วมคิดโทษก็ไม่ได้หนักเท่าไหร่”
“คดีที่คุณตามอยู่น่ะเหรอ รู้ตัวคนร้ายแล้วใช่ไหม”
“ก็ไม่เชิง”
“ผมดีใจด้วยนะ ปิดคดีได้แบบนี้ คุณคงมีเวลาว่างให้ผมมากขึ้นใช่ไหม”
“อืม...คงใช่ แต่ผมเกรงว่า...คุณจะไม่ว่างแล้วล่ะ”
น้ำคำที่ไม่ยินดียินร้ายของฟรานจบลงพร้อมกับที่ประตูตู้เสื้อผ้าเปิดออก ภาพที่ไม่น่ามองฉายชัดเข้ามาในดวงตาของผม ร่างเปลือยของศพที่ตาเบิกโพลงจนเห็นนัยน์ตาขาวชัดกำลังจ้องมองมา ทั้งเลือดและน้ำเหลืองไหลซึมออกตามผิวหนังที่มีหนอนเริ่มชอนไช
“คุณใจร้ายมากนะที่ปล่อยเขาไว้อย่างนี้” ฟรานหันมาพูดกับผม ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจแม้แต่น้อย ราวกับเขารู้อยู่แล้วว่าเมื่อเปิดประตูจะต้องเจอกับอะไร
“ผมก็ไม่อยากทำอย่างนี้นักหรอก เขาเป็นเด็กดี ขยันขันแข็ง เอาการเอางาน และก็คงรักผมมากด้วย”
“เขาตายได้ยังไง”
“ผมพลั้งมือไปหน่อย เพราะตอนที่สุขสุดๆ ก็เผลอบีบคอเขา มันก็แค่นั้น”
“ชีวิตคนทั้งชีวิต คุณจะใช้คำว่า แค่นั้น ไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ไม่ใช่สิ่งไร้ค่า”
“คนที่มีพร้อมทุกอย่างอย่างคุณน่ะ ไม่เข้าใจความโหดร้ายของโลกใบนี้หรอก”
ฟรานมองหน้าผม เนิ่นนานราวกับกำลังค้นหาคำตอบอะไรบางอย่าง แต่สีหน้าเศร้าสร้อยของเขาก็คงบอกกับผมได้เพียงว่า เขาไม่พบคำตอบที่ต้องการ
เขาเดินไปที่โต๊ะข้างหัวเตียง เปิดลิ้นชักเพื่อหยิบกุญแจมือออกมา ก่อนจะเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผมที่ยื่นแขนทั้งสองข้างออกไป
ผมเตรียมใจไว้แล้ว เพราะรู้ว่าวันนี้ต้องมาถึง ...คนทำผิดกฎ ย่อมถูกลงโทษ เป็นเรื่องธรรมดา
กลิ๊ก!
กุญแจมือถูกคล้องเข้าที่มือทั้งสองข้าง ฟรานมองมันนิ่งนานก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วพูดว่า
“ผมรู้ว่าโลกมันโหดร้าย แต่ผมก็ไม่เคยคิดฆ่าใครเหมือนคุณ”
คำพูดของฟรานทำให้ผมกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ตลกจริงๆ กับความคิดของเขา
“นั่นเพราะว่าคุณไม่เคยเจอเหมือนที่ผมเจอ”
“...”
“ผมสนุกมากจริงๆ เวลาที่ได้อยู่กับคุณ ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดีๆ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นละครฉากหนึ่งของคุณก็ตาม”
ผมไม่ใช่ไม่รู้เจตนาของเขาที่เข้ามาใกล้ผม แต่ผมมีความสุขนะที่ได้อยู่กับเขา
“ได้เวลาไปสถานีตำรวจแล้วครับคุณเมฆา” ฟรานทำราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด ท่าทางเย็นชาของเขากับน้ำเสียงเรียบนิ่งที่ใช้ ทำให้รู้สึกคิดถึงคนๆ หนึ่งขึ้นมามากเหลือเกิน...
.
.
.
“วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เจอกัน”
“อืม”
“มาลาผมเหรอ”
“อืม”
“ได้ข่าวว่าคุณกำลังจะแต่งงาน”
“อืม”
“งั้นผมอวยพรให้คุณมีความสุขนะ คงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะ สารวัตรเวหา เพื่อนเก่าของผม”
เพื่อนเก่า... ใช่... เราน่ะเป็นเพื่อนเก่ากัน เขาไม่คิดว่าเมฆาจะยังจำเขาได้ ในเมื่อใบหน้าของเขาผ่านการศัลยกรรมมาแล้วครั้งหนึ่งเพราะเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนทำให้มีรอยแผลเป็นรอยใหญ่บนใบหน้า
“เม...ตอนนั้น...ผมขอโทษ” ไม่ทันที่เขาจะได้พูดจนจบประโยค เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาในห้อง
“หมดเวลาเยี่ยมแล้วครับ”
รอยยิ้มของคนตรงหน้าคงจะได้เห็นเป็นครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะฉะนั้นเขาก็อยากจะมองให้นาน แต่สถานการณ์ก็ไม่เอื้อเลยสักนิด นักโทษประหารที่มีกำหนดการประหารในวันพรุ่งนี้ถูกคุมตัวไปอย่างรวดเร็วเมื่อหมดเวลา...
เมฆาถูกตัดสินประหารชีวิตเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน แต่เขาก็ไม่เห็นเจ้าตัวเดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด เอาเข้าจริงๆ เขาไม่เคยรู้เลยว่าคนๆ นั้นคิดอะไร ไม่เคยมองออกเลยสักครั้ง เพราะใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นมักจะกลบเกลื่อนเรื่องทุกข์ใจไว้จนหมด เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว...
‘เพราะมีเวหา เมฆาถึงอยู่ได้’
‘พูดอะไรเลี่ยนชะมัด’ จำได้ว่าตอนนั้นรู้สึกรำคาญไอ้รอยยิ้มจืดๆ ของมันมาก
‘ก็จริงนี่นา ถ้าไม่มีท้องฟ้า ก้อนเมฆจะอยู่ได้ยังไงล่ะ’
‘แต่ท้องฟ้า ไม่มีเมฆก็อยู่ได้ เพราะฉะนั้นไปไกลๆ เลย แกมันน่ารำคาญ’
‘ว้า...โดนโกรธอีกแล้ว’
‘ไม่ได้โกรธเว้ย เกลียดขี้หน้า ไปเลยไป ไปให้ไกลๆ เลย แกมันตัวประหลาด ชอบมาเกาะติด รู้ว่าคนเขารำคาญก็มาใกล้อยู่ได้’
‘ใจร้ายจังเลย แต่เมไม่ไปหรอกนะ อยากอยู่ด้วย’
แม้เขาจะเตะต่อยมันยังไง ก็ไม่ยอมออกห่างเขาสักที ตามติดเขาเกือบตลอด ตามติดไปแทบทุกที่ เวลาเขาหกล้มก็หายามาใส่ให้ อดทนกินของที่เขาไม่ชอบแทนเขา และก็อีกหลายๆ อย่างที่มันทำให้... เขาไม่เคยลืม
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทำร้ายมัน...แค่ความคิดของเด็กผู้ชายที่ไม่อยากโดนมองเป็นตัวประหลาด โดนล้อว่าชอบเพศเดียวกัน ก็เลยทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยลงไป
“บ้าเอ้ย!! คงไม่มีใครแต่งงาน ในวันที่เพื่อนกำลังจะตายหรอก...ผมก็แค่โกหกคุณเท่านั้นเอง!!”
‘เว...ดูสิ ท้องฟ้าที่ไม่มีเมฆน่ะ...สวยจริงๆ เลยนะ’
................................................................The End................................................................
จบแล้วค่า เรื่องสั้น อยากลองแต่งแนวนี้ดูบ้าง
ขอบคุณมากๆ เลยค่าที่แวะกันเข้ามาอ่าน