ผมมีพล็อตนิยายอยู่ในหัวคร่าว ๆ ไม่รู้จะเริ่มเขียนยังไง รบกวนช่วยชี้แนะด้วยคับ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมมีพล็อตนิยายอยู่ในหัวคร่าว ๆ ไม่รู้จะเริ่มเขียนยังไง รบกวนช่วยชี้แนะด้วยคับ  (อ่าน 8873 ครั้ง)

ออฟไลน์ Alone_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รบกวนนักอ่านหรือนักเขียน หรือใครก็ได้ช่วยยกตัวอย่าง พล็อตนิยายให้ผมสักห้าบรรทัดหน่อยได้ไหม ? คับ ผมมีพล็อตในหัวคร่าว ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มเขียนยังไง ? รบกวนด้วยนะคับ :mew5: :mew5:
 
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
จะไม่ยกตัวอย่างพล็อต แต่จะบอกว่าไอ้ 'คร่าวๆในหัว' ที่มีอยู่ในนั่นน่ะ เอามันออกมาจากหัวซะครับ
เขียนหรือพิมพ์ออกมาเลย มันจะไม่ปะติดปะต่อยังไงก็ตาม เขียนเลย เพราะพอเขียนแล้วอ่าน มันจะชัดกว่าตอนอยู่ในหัว ทีนี้สมเหตุสมผลหรือมีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน เราก็พอเห็นแล้วละ

สำคัญคือคิดอะไรออกต้องเขียนไว้ เดี๋ยวหาหัวท้ายมาใส่ให้มันได้เอง

ออฟไลน์ Alone_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
เข้ามาตอบ  :hao7:

ไอ้ "อะไรคร่าวๆ" นั้นเป็นเพชรเม็ดงามที่ยังไม่เจียระไน ขอแนะนำให้จดบันทึกไว้คร่าวๆ อาจเขียนเป็นคำที่จะทำให้ระลึกได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกถึงมัน หรืออาจเป็นประโยค หรืออาจเป็นอะไรก็ตามที่จะทำให้จำอารมณ์ที่วาบขึ้นมานั้นได้ ทีนี้ถ้าถามว่า จะเริ่มเขียนอย่างไร ต้องมีพล็อตไหม คำตอบคือ นักเขียนบางท่านไม่มีพล็อต เขียนไปโดยอารมณ์และทรงผมล้วนๆ เช่น Stephen King (เรื่อง Under the Dome, Carrie, The Dark Tower series, The Stand ฯลฯ) แต่บางท่านอาจวางพล็อตไว้โดยละเอียดเป็นหน้าๆ ก่อนเขียน เช่นคุณประภัสสร เสวิกุล (เขียนเรื่อง เวลาในขวดแก้ว, ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน, อำนาจ, ชี้ค, ฯลฯ) ไอ้จะมีหรือไม่มีพล็อตนั้นมันขึ้นกับความถนัดของแต่ละคน โดยส่วนตัวแล้ว ดิฉันจะไม่วางพล็อตไว้ก่อน เพราะเมื่อวางพล็อตแล้วจะเขียนไม่ออก มันเหมือนกับถูกล่ามโซ่ไว้ กระดิกกระเดี้ยไม่ได้ อารมณ์ไม่มา ปัญญาก็ไม่เกิด พาลให้เตลิดเข้าป่าเข้าดง แต่ในกรณีไม่มีพล็อตนั้นจะมีข้อเสียด้วย กล่าวคือทำให้เนื้อเรื่องไม่กระชับ อาจมีน้ำโผล่มาด้วยประมาณหลายส่วน บางทีก็พานิยายของตัวเองออกทะเลอ่าวไทย เผลอๆ ออกไปไกลถึงมหาสมุทรอินเดีย คือดิฉันจะเขียนโดยเอาความอยากเขียนเป็นหลัก คืออยากเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ต้องวางพล็อต เพราะเชื่อว่า ตัวละครนั้น เมื่อเราได้สร้างเขาขึ้นมาแล้ว เขาจะมีทางของเขาเอง และเขาจะมีวิธีบอกเล่าเรื่องราวของเขาให้เราฟังและให้เราบอกต่อไปสู่ผู้อ่าน  :hao7:  แต่ปัญหาคือ เพราะไอ้การที่ต้องรอให้ตัวละคร "บอก" เรานี่แหละ โดยมากจึงเขียนได้ช้าถึงช้าเต่าคลาน ดิฉันจึงนับถือนักเขียนหลายท่านทั้งนิยายชายหญิง หรือนักเขียนในเล้าที่เข็นนิยายออกมาได้เร็วๆ (และเขียนได้ดีด้วย)

สรุปคือว่า ลางเนื้อชอบลางยา คุณอาจเขียนโดยร่างพล็อตไว้ หรือไม่ร่างก็ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือ เริ่มเขียน ถ้าไม่ลองเขียนก็จะไม่ได้ค้นพบเสียทีว่า ตัวเองทำได้หรือไม่

ทีนี้ก็มาถึงข้อที่ว่า จะเริ่มเขียนอย่างไร

บางทีคุณอาจจะเขียนสิ่งที่ผุดขึ้นในสมองลงไปก่อน (ดั่งที่คุณ Indy-Poet ได้บอกไว้) เขียนไปเถอะค่ะ อะไรก็ได้ จะเขียนคำด่าตาลุงข้างบ้านที่ชอบตื่นแต่เช้ามาเกาพุงให้เห็นตรงหน้าต่าง หรือจะเขียนชมหนุ่มหล่อที่ออกวิ่งแต่เช้าตรู่ทุกวันให้ได้เห็นหนั่นขาอันแน่นด้วยกล้ามเนื้อและเรียกน้ำลายให้ไหล หรือแม้แต่ใบหน้าเหี่ยวชะแร้แก่ชราของยายใส่เสื้อคอกระเช้ามาขายผักวางบนแผ่นกระดาษอยู่ข้างถนน ฯลฯ เขียนค่ะ เขียน เขียน เขียน และเขียน (Roald Dahl ผู้ที่เขียนเรื่อง The BFG, The Chocolate Factory ฯลฯ บอกว่า เขาจะเก็บสมุดโน๊ตกับปากกาติดตัวตลอดเวลา เพราะเมื่อมีอะไรพุ่งวาบเข้ามาในหัวเหมือนผีพุ่งใต้ เขาจะรีบจดไว้ทันทีกันลืม)

ยกตัวอย่างเช่น คุณเกิดมีไอเดียเกี่ยว ใบหน้าตรงหน้าต่าง แล้วมันก็ติดตราตรึงอยู่ในหัวของคุณตลอดเวลา ไม่ยอมจากไปไหน ไม่ผิดอะไรกับเหาฉลาม คุณก็อาจจะจดบันทึกไว้ แล้วจากนั้นก็ลองเริ่มเขียน การลองเริ่มเขียนก็อาจเริ่มด้วยการบรรยายฉากค่ำคืน ลมพัด เสียงหวีดหวิว เสียงหมาหอน ฯลฯ หรืออาจจะเริ่มด้วยบนสนทนาก็ได้หากไม่ถนัดบรรยาย ประมาณ...

"จ้า เป็นอะไรหรือลูก"

แม่ถามด้วยแววประหลาดใจในน้ำเสียง พลางมองตามคลองสายตาผมไปที่หน้าต่าง

"เอ้อ ไม่มีอะไรครับ"

...จะให้บอกได้อย่างไรว่าเห็นหน้าใครก็ไม่รู้ ลอยอยู่ตรงหน้าต่างนั่น!

"ลูกหน้าซีดนะ ไม่สบายหรือเปล่า" แม่บอก พลางขยับกายจะลุกมาจากที่นอน ผมรีบแตะไหล่ท่านไว้เป็นเชิงไม่ให้ลุก แล้วรีบตักซุปในถ้วยให้ท่านกินต่อ แต่ไอ้ความรู้สึกราวกับว่ามีใครกำลังมองมาที่พวกเราตลอดเวลานั้นก็ไม่หายไปเสียที...


ค่ะ ลองเขียนดูนะคะ การเขียนเป็นศิลปะ ต้องใช้ความรัก ความเอาใจใส่ค่ะ อ้อ...แล้วก็อย่าลืมว่า การจะเขียนให้ได้ดี ต้องอ่านเยอะๆ ด้วย เพราะการอ่านจะทำให้เราฟอร์มไอเดียและความเข้าใจเกี่ยวกับการเขียนได้ การจะทำอะไรต้องมีครูค่ะ หนังสือที่เราอ่านนั่นแหละคือครูของเรา

ขอให้เขียนอย่างมีความสุขนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
ถูกใจบวกและให้เป็ด Wordslinger กระหน่ำ
กดบวกเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ด้วยจ้า
 :mew1:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
พล็อตดราม่าควีนของเราตอนจะเขียนเหรอ? อืม... :confuse:

ตูอยากเขียนนิยายสักเรื่องที่ตัวเอกตอแหล แล้วพระเอกเลวแบบเชี่ยๆ เลย ชอบกันดีนักใช่มั้ยอีเมะเจ้าพ่อมาเฟียผ่านมาร้อยหอยแต่พ่ายเหมืองทองเคะอ่อนต่อโลกเนี่ย ชอบนักใช่มั้ยไอ้ฉากหื่นๆ พิมพ์นิยมเช็ดตัวตอนเป็นไข้หน้าแดง เสื้อเปียกฝน โคตรโมเม้นสาวน้อย ชอบกันนักใช่มั้ยอีเมะชนเมะ ตัวเอกแม๊นแมนนะเธอว์ มโนไปเองว่าตูหล่อสาวหลงแต่เมะสูงกว่าหล่อกว่าคิ้วเข้ม ทำไมเมะต้องรวยเวอร์วันๆไม่ต้องทำมาหาแด-วะ ทำไมต้องวิดวะ ทำไมต้องหมอ ทำไมต้องเถื่อนๆ ทำไมต้องมีกองทัพสาววายวะ? นี่เมิงกะจะไม่เหลือชายแท้ไว้ในเรื่องเลยรึไง ใครๆ ก็ได้คู่ผัวตัวเมียขุดเหมืองกันทุกผู้ ทำไมๆ และอีกหลายๆ ทำไม


เราเริ่มเขียนด้วยคอนฟลิคสลลับด้าน แล้วก็ปั้นคาแรคเตอร์ออกมาได้ สองตัวเป็นเมะกับเคะ อยู่ๆ มีประเด็นในหัวว่า "ฉันจะเขียนนิยายที่วิบากกรรมมันมาจากนิสัยของทั้งคู่นี่แหละ" ไม่ต้องถึงมือที่สามอีสองคนนี้ก็ไปกันไม่รอด! จะเห็นว่าเราก็ยังล้อสไตล์พิมพ์นิยมของนิยายทั่วไปอยู่ แต่มาถึงตอนนี้เราได้แก่นแล้วไง คือนิสัยของตัวละครทำให้เกิดปัญหา

ที่เหลือพอเราได้คาแรคเตอร์ตัวละครชัดๆ แล้วตัวละครมันจะเล่าเอง เช่นอีพี่ชัชนิสัยขี้โมโห แต่ฮีเป็นผู้ใหญ่แล้ว แถมยังทำงานเป็นเซลล์ซึ่งรู้ๆ กันอยู่มันต้องคารมดีพูดเก่ง ดังนั้น ถ้าฮีเดินไปเจอคนอื่นมาจีบแฟนตัวเองในที่สาธารณะ ฮีคงไม่ระเบิดลงตรงนั้น แต่ถ้ามีเชื้อไฟเป็นฮีกลับคอนโดมาเจอแฟนกับกิ๊กเก่าซบกัน ฮีสามารถปะทุลุยได้ทันที
คืออารมณ์ประมาณนี้อ่ะ มันไม่เหมือนเราตั้งเป้าว่าจะให้เกิดอะไรในเรื่อง แต่มันเหมือนกับว่าเราเดาว่า เออนะ ตัวละครเป็นคนแบบนี้ มันต้องทำแบบนี้แน่ๆ

วิธีแบบเราเค้าเรียกจมมั้ง ใช้ได้ดีกับนิยายที่ชวนอิน เล่าเรื่องราวในชีวิต แต่ถ้าเป็นนิยายแนวสืบสวน หรือจงใจเล่าแบบเหนือชั้นแผนซ้อนแผน ต้มคนอ่าน เน้นไปที่เนื้อเรื่องมากกว่าตัวละคร เค้าเรียกแบบลอยมั้ง ส่วนมากพวกนี้จะวางพล็อตไว้ทั้งเรื่องก่อน ฟังมาจากคุณลวิตร์อ่ะ
แต่อย่างของเราใช่มะ เราก็จะมองว่าเออเนอะ เล่าไปถึงตรงไหนแล้วมันควรจบ ก็ตัดจบตรงนั้น

แต่เราเองก็เป็นนักเขียนมือใหม่ เขียนนิยายห่วยๆ ไปเรื่อยๆ มีความอยากของตัวเองเป็นที่ตั้ง อยากนำเสนอในสิ่งที่ตัวเองคิดมากกว่าทำตามเทรนด์เพื่อให้คนอื่นชื่นชม ตรงนี้แหละที่เราว่าตัวเอกในนิยายเรากับสิ่งที่เราทำมันไม่ต่างกันเลย เรานำเสนอตัวเอกนิสัยไม่ดี แล้วก็รอดูว่าจะมีคนชอบตัวเอกของเรามั้ย ตัวเอกของเราจะมีพื้นที่ยืนในสังคมรึเปล่า? เหมือนกับที่นิยายของเราจะฝ่าเข้าไปในใจคนอ่านได้รึเปล่า

คำตอบคือฝ่าไม่ไหวหรอก มันมีทั้งเหนื่อยและท้อ นักเขียนมือใหม่บางคนคาดหวังมากเจอปราการด่านนี้เข้าไปแล้วจะห่อเหี่ยวเลย บางคนทิ้งงานเขียน รื้อโครงใหม่ ตัดจบ งอนโวยวายใส่คนอ่านก็มี แต่เราพยายามให้กำลังใจตัวเองว่าทำให้มันเต็มที่ พยายามให้ถึงที่สุด เริ่มแล้วก็ควรต้องไปกับมันจนจบ อย่าทิ้งกลางคัน ต้องทำให้คนอ่านเขาอยากอยู่กับเราไปจนจบให้ได้ จะตามด่าหรือตามชมก็ช่าง ขอแค่ให้เค้าหันมามองก็พอ เพราะเราชื่อว่าตอนจบของเราจะต้องทำให้คนอ่านแฮปปี้ พอเราคิดแบบนี้ใช่มะ เชื่อมั้ย ไม่เคยตันอะ มีแต่ว่า เอ... วันนี้จะแกล้งคนอ่านยังไงอีกดีน้อ จะเขียนเสียดสีสังคมนี้ยังไงอีกดีน้า? วันนี้จะเล่นประเด็นไหน มันไหลไปเรื่อยๆ เลยอ่ะ บางคนอาจจะด่าว่านิยายแบบนี้มีแต่น้ำ จับฉ่าย แต่ถ้ามันไม่ออกทะเลมากไป เราว่าไม่เป็นไรหรอก

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29


ตัวอย่างพล็อตนิยายเหรอ??? อืมม เอาเป็นแนวแอบรักเพื่อนสนิทดีไหม


จะยกตัวอย่างพล็อตหลักนะ

เป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ...นักศึกษาปีสองหรือปีสาม คณะอะไรสักอย่างก็ได้ พระเอกนายเอกเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง จะเป็นรูมเมทหรือแค่คลาสเมทก็ตามใจคุณ  เอาเป็นพระเอกมีแฟนอยู่แล้ว นายเอกแอบหลงรักโดยที่พระเอกไม่รู้ตัวเลย เวลาดำเนินมาเรื่อย ๆ โดยมีเหตุการณ์ต่างๆสอดแทรกเข้ามาอาจจะมีคนเข้ามาจีบนายเอกแต่พระเอกหวงแสดงออกนะ แต่ก็บอกนายเอกว่าหวงแบบเพื่อนไม่มีอะไรมากคือพระเอกยังไม่เข้าใจตัวเอง

คุณจะต้องนำดราม่าเข้ามาตรงนี้ คือให้เป็นจุดพีคของเรื่องให้ต่างฝ่ายต่างค้นหาหัวใจตัวเอง มีพระรองที่แสนดีมาหักล้างอิพระเอกปากแข็งที่ทำให้นายเอกเจ็บปวดอยู่เรื่อย ๆ

จนมาถึงวันที่นายเอกตัดสินใจจะตัดใจจากพระเอก จะเปิดโอกาสให้กับหัวใจตัวเอง คิดจะไปคบเค้าจริง ๆ เพราะคิดว่าพระเอกยังไงก็ไม่รักตัวเองแบบนั้น  พระเอกจะตายล่ะที่นี้ ถึงได้รู้ใจตัวเองตอนที่เค้าจะไป ว่าที่คอยหวงนายเอกมาตลอดเนี่ยก็เพราะว่ารัก จากนั้นพระเอกก็ต้องเคลียร์ตัวเองแล้วเริ่มจีบนายเอก นายเอกก็เล่นตัวสักนิดหน่อย พอสองคนเป็นแฟนกัน ก็หวานๆสักตอนสองตอนก็จบ



วิธีเขียนพล๊อตย่อยคร่าว ๆ ของแต่ละตอน(อาจจะเป็นเรื่องสั้นสัก 12 ตอนจบ)

ตัวอย่างนะ  คุณก็กะเอาไว้ว่า....

ตอนที่ 1-3 จะแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของเพื่อนระหว่างพระเอกกับนายเอก โดยต้องมีบทพูดหรือบทบรรยายสอดแทรกให้ได้รู้ว่าพระเอกมันไม่รู้ใจตัวเอง คิดกับนายเอกแค่เพื่อน แต่นายเอกน่ะรู้ใจตัวเองคิดเตลิดไปนานแล้ว

ตอนที่ 4-6 พระเอกเริ่มสงสัยว่านายเอกคิดอะไรกับตัวเองมากกว่าเพื่อนไหม มีการลองใจ อาจเอา nc เติมเข้าไปตรงนี้ก็แล้วแต่คุณ

ตอนที่ 7-8 มีคนเข้ามาจีบนายเอก นายเอกก็ไม่สนใจแต่ว่าพระเอกน่ะหวง ชอบเค้าแล้วแต่ยังไม่ยอมรับหัวใจตัวเอง คุณก็ปั้นบทให้คนที่เข้ามาจีบนายเอกเนี่ยมันดีมันหล่อมันโดนจนพระเอกนี่หวั่นใจ หวง งุ่นง่านแต่ก็ยังไม่ยอมรับตัวเองอีก บีบบทให้นายเอกรู้สึกเจ็บปวด (เม้นท์ด่าพระเอกก็จะมาตรึมเลย)

ตอนที่ 9-10 พระเอกนายเอกระหองระแหงกัน นายเอกตัดสินใจถามพระเอกว่าคิดยังไงกับตัวเอง นายเอกสารภาพความรู้สึก พระเอกไอ้ปากแข็งมันก็ยังคงคำตอบว่าไม่ได้คิดอะไร คิดกับนายเอกแค่เพื่อน ณจุดนี้คุณก็ดึงแฟนพระเอกเข้ามาเอี่ยวอีก เอาให้นายเอกเจ็บมากๆจนตัดสินใจว่าจะเดินจากไป จะเปิดโอกาสใหม่ๆให้กับตัวเองลองศึกษาใครสักคนดู คุณก้อันเชิญบทพระรองผู้แสนดีเข้ามาเสียบ ณ ตอนนี้เลย ปลอบใจนายเอก จนพระเอกเห็นว่านายเอกเริ่มห่างตัวเองไปให้ความสำคัญกับคนอื่น พระเอกก็จะตายห่าล่ะทีนี้ ทำอะไรไม่ถูกเลย ไปตามนายเอกที่ห้อง โทรหา ไลน์หา ทำทุกอย่างเจ็บปวดหัวใจ อะไรก็แล้วแต่คุณจะต่อเติมให้พระเอกเจ็บปวดกับการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง  จนรู้ว่าจริง ๆ แล้วคนที่ตัวเองรักคือใคร คนที่ตัวเองขาดไม่ได้คือใคร คนที่ตัวเองอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดคือใคร

บทที่ 11 พระเอกเคลียร์ตัวเองแล้วเริ่มจีบนายเอก นายเอกก็มีเล่นตัวนิดหน่อย ในที่สุดก็ตอบตกลง แจม nc นิดๆให้น่ารัก

บทที่ 12 หวาน ๆ ปิดท้าย หรือจะจบลงที่เตียงยังไงก็ได้แล้วแต่คุณ(เอ็นซีจัดหนักๆสักตอน)


**แนะนำแบบนี้โอเคไหม มันเป็นแค่พล๊อตตัวอย่าง เราเองก็ไม่ได้เก่งเลย คิดเป็นตัวอย่างให้คุณได้แค่นี้ล่ะค่ะ ขอให้ผลิตผลงานออกมาไวๆนะ สู้ๆ ทำให้สำเร็จนะคะ**



ออฟไลน์ แจงลอน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เข้ามาเก็บข้อมูล (ดีๆ ทั้งนั้นเลย) และเป็นกำลังใจให้ จขกท.นะคะ  :impress2:

ออฟไลน์ Alone_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
INDY-POET
Wordslinger
AI.NoR
coffeeQbread

ไม่คิดว่านักเขียนหลาย ๆ ท่านที่ผมติดตามผลงานจะมาให้คำตอบ มันเป็นอะไรที่เซอร์ไพส์มาก 
ขอบคุณสำหรับ ความรู้ที่มอบให้ ผมเองเป็นแค่นักเขียนมือใหม่ เคยแต่งมาแล้ว 4-5 เรื่อง
แต่ไม่จบสักเรื่อง แต่ไม่รู้เป็นเพราะผมเริ่มรักในงานเขียนแล้วหรือเปล่า ...
วันไหนที่ไม่ได้แต่งนิยาย รู้สึกว่าตัวเองเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง สุดท้ายนี้

ขอขอบพระคุณมากจริง ๆ คับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2014 17:14:33 โดย Alone_ »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
INDY-POET
Wordslinger
AI.NoR
coffeeQbread

ไม่คิดว่านักเขียนหลาย ๆ ท่านที่ผมติดตามผลงานจะมาให้คำตอบ มันเป็นอะไรที่เซอร์ไพส์มาก 
ขอบคุณสำหรับ ความรู้ที่มอบให้ ผมเองเป็นแค่นักเขียนมือใหม่ เคยแต่งมาแล้ว 4-5 เรื่อง
แต่ไม่จบสักเรื่อง แต่ไม่รู้เป็นเพราะผมเริ่มรักในงานเขียนแล้วหรือเปล่า ...
วันไหนที่ไม่ได้แต่งนิยาย รู้สึกว่าตัวเองเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง สุดท้ายนี้

ขอขอบพระคุณมากจริง ๆ คับ

 :a2:  เราต่างหากที่ควรจะขอบคุณ คุณAlone ที่อ่านนิยายแปลกๆ ของเรา อารมณ์ตอนนี้คือแทบถลาไปกราบเลยล่ะ มันปลื้ม!  :impress:
คุณแต่งมา4-5เรื่อง เก่ากว่าเราอีก เราพึ่งแต่งจบจริงๆ แค่1เรื่อง เป็นเรื่องสั้นด้วย ที่เหลือยังไม่จบเลย เรื่องไหนที่ยังเขียนไม่จบต่อให้คิดพล็อตคร่าวๆ ไว้หมดแล้วเรายังไม่นับน่ะ เพราะพล็อตกับการเขียนให้ออกมาไปตามที่คิดมันก็มีอะไรขัดกันอยู่ บางทีเขียนไม่ออก นึกคำไม่ได้ สารพัดปัญหา

แอบเสนอว่าถ้าตันลองพักแล้วไปทำอะไรเรื่อยๆ คิดไปๆ เดี๋ยวมันก็ปิ๊งเองอะไรทำนองนี้มั้ย?
เรื่องพี่ชัชน้องต้นเราไม่เคยตันนะ แต่STRINTเราเคยตันแหละ เขียนค้างไว้ที่LV3. เราก็พักเลยเป็นปี หนีไปแต่งพี่ชัชน้องต้นจนจบ ตอนนี้กลับมาหยิบงานชิ้นนี้อ่านแล้วเริ่มเขียนต่อปรากฏว่าไม่ตันแฮะ คือพล็อตที่คิดไว้หนึ่งปีก่อนก็ยังอยู่ในหัวนะ เรื่องยังเหมือนเดิม แต่คราวนี้เรารู้แล้วว่าต้องทำยังไงให้ตัวละครเดินไปตามพล็อต รู้สถานการณ์ ฉาก คำพูด ของตัวละครอ่ะ พอรู้แล้วมันก็เขียนได้
สถานการณ์คือ คนจะได้กัน เมาแล้วพลาด มุกซ้ำม๊าก! รู้ว่าตัวละครต้องลากกันไปงานเกมที่ต่างจังหวัด แต่ทีนี้แหละ จะเขียนยังไงให้มันไปเมาไปพลาด พลาดแล้วยังไง ตื่นมาแล้วเกิดอะไรขึ้น คือพอโล่งแล้วคาแรคเตอร์ลงเราก็เขียนได้เองเลยอ่ะ ลื่นปรื๊ด!
หรือเป็นเพราะมีอย่างอื่นสะสมเลยคิดไม่ออก? งั้นก็ไปทำอย่างอื่นก่อน โล่งแล้วมันก็ไหลออกมาเอง หรือถ้าคิดอีกแง่ เขียนงานที่รักมากที่สุดก่อน ทุ่มเทกับมันให้จบ พอจบแล้วจะได้โล่ง ไม่ค้างไปลงกับอย่างอื่น

เราอ่านนิยาย The Southern Vampire Mysteries หรือ The Sookie Stackhouse Novels มันมีดัดแปลงเป็นซีรี่ย์ฉายทาง HBO ด้วย ชื่อว่า TRUE BLOOD (แต่เนื้อเรื่องไม่เหมือนกันนะ!)
เราชอบอย่างนึงในเรื่องนี้คือ สถานการณ์บางอย่างดำเนินไปเรื่อยๆ ดันมีอะไรโผล่มาซะงั้น แหวกแนวไปเลย
เช่น นางเอกกลับมาจากมหกรรมกระซวกแม่มด กำลังเหนื่อยๆ ปนเหงาเพราะแวมขี้อ้อนที่รักจะหายความจำเสื่อมกลับมาหยิ่งเหมือนเดิม เข้าบ้านมาดันเจอกิ๊กเก่าหมาป่าเอาลูกซองมาขู่ นังตัวร้ายโดนแวมกระซวกตาย กลายเป็นฉากยัยนางเอกนั่งขัดบ้านกับบ่นปนพล่ามซะงั้น ไม่เหลือเวลารำลึกความหลังอะไรกันแล้วนอกจากช่วยกันทำความสะอาดเช็ดคราบเลือด แล้ววันต่อมาพี่แวมก็ฟื้นกลับเป็นปกติ แต่มันเล่นประเด็นต่อไปได้ว่า พี่แวมก็รู้สึกว่ามีอะไรค้างๆ คาๆ
แต่ถ้าเป็นนิยายปกติมันต้องพลอดรักยันวินาทีสุดท้ายใช่มั้ยล่ะ? บางทีการอ่านอะไรหลายๆ แนวก็ช่วยได้นะ ทั้งนิยายทุกๆ แนว ไลท์โนเวล การ์ตูน มุกแก๊ก หรือแม้แต่พวกขายหัวเราะ ถ้าเรามีวัตถุดิบในมือเยอะๆ เราก็จะเลือกมาใช้ได้เยอะตามอ่ะ อารมณ์ประมาณนั้นเลย

เราไปค้นบทความของคุณลวิตร์มาแปะให้ดีกว่า เอามาจากเฟสเขา เป็นนักเขียนไทยอีกคนที่เราชอบมาก ทุกเรื่องจะมีความอบอุ่นที่แฝงอยู่อ่ะ มันคือสไตล์เขาเลย บางเรื่องก็สนุกบางเรื่องก็เฉยๆ บางเรื่องฮา แต่เราตามงานเขาทุกเล่มเลยแหละ แหะๆ

เวลาที่ตัน:

เวลาที่ตันก็เหมือนอยู่ในซอยตัน คือว่าไปทางนี้ไม่ได้แล้ว แต่ความตันทางจิตวิญญาณนั้นไม่เหมือนซอยตันจริง ๆ คือว่าซอยตันมันก็จะตันจนกว่าท่านจะทุบกำแพงลงมา แต่อาการตันทางจิตใจนั้น แม้บางทีไม่ทุบกำแพง จู่ ๆ ที่ตันอาจจะหายตันได้ (เพราะความตันเป็นภาวะหนึ่งในใจเท่านั้น)
ความตันอาจจะเกิดขึ้นจากหลาย ๆ อย่าง เช่น ข้อมูลไม่พอ โครงเรื่องมันผิดมาตั้งแต่แรก สภาพจิตใจไม่พร้อม (กลัว มีเรื่องให้คิดมากเกินไป ฯลฯ) ไปจนถึงการอยู่แต่ที่เดิม ๆ นานเกินไป (ทั้งอยู่ในสถานที่เดิม ๆ และการอยู่ในสภาพจิตใจแบบเดิม ๆ นานเกินเหตุ)

ทั้งหมดนี้ แต่ละคนไม่เหมือนกันเลย และแต่ละคนจะมีวิธี approach ต่างกันมาก ๆ ด้วย จะมีคนที่บอกว่าทั้งชีวิตไม่เคยตันเลย ตันคืออะไร และคนที่ตันเป็นเดือน ๆ ปี ๆ เคสร้ายแรงถึงยี่สิบกว่าปีก็มี (แน่นอนว่าตานั่นมีหนทางทำมาหากินทางอื่น) ดังนั้นถ้าเจอคนที่เขียนหนังสือเหมือนกัน แล้วมันดันตันไม่เหมือนเรา ขอให้เข้าใจว่าเขาเป็น "คนละไทป์" อย่างได้ไปริษยามารศรี หรือเหยียดหยามดูแคลน แต่ละไทป์จะมีข้อดีต่าง ๆ กันไป
ข้าแบ่งคนเขียนหนังสือออกเป็นสองประเภทคร่าวๆ นี่เป็นการแบ่งจากประสบการณ์ล้วน ๆ ซึ่งอาจจะแบ่งให้ละเอียดไปกว่านี้ได้ ข้าเรียกว่า
- คนเขียนที่จมลงไปในเรื่อง
- คนที่เขียนลอยอยู่เหนือเรื่อง

ขอให้สังเกตว่า ถ้าอ่านงานของคนเขียนที่จมลงไปในเรื่อง ส่วนใหญ่ท่านจะหลงรักตัวละคร ท่านจะอินมาก ๆ ไม่ใช่แค่อินเพราะท่านเคยอกหัก อีตัวละครนั่นก็เคยอกหัก แต่ท่านอินเพราะท่าน sympathize กับตัวละครได้ในระดับลึก ประหนึ่งเป็นคนรู้จักกันเป็นอย่างดี
ถ้าอ่านงานของคนเขียนที่ลอยอยู่เหนือเรื่อง ส่วนใหญ่ท่านจะตื่นเต้นกับพล็อตที่ซับซ้อนลึกซึ้ง การโยงใยต่าง ๆ ท่านจะทึ่งว่า เฮ้ยคิดได้ไงฟะ แต่ท่านจะไม่รู้สึกกับตัวละครมากเท่ากับแบบแรก บางทีท่านอาจเฉย ๆ ที่มันตายหรือเป็นอะไรด้วย มันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตัวท่านแต่อย่างไร ท่านเป็นแค่คนดู
แน่นอนว่างานเขียนจำนวนมากจะผสมผสานทั้งสองแบบนี้เข้าด้วยกัน แต่คนเขียนส่วนใหญ่มักจะหนักไปด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งจะเห็นได้ชัดในบางผลงาน โดยเฉพาะงานที่ "เขียนไม่ดีแบบเอกซตรีม" งานของแบบจมที่เขียนไม่ดีจะฟุ้งฟูมฟาย (ถ้ามันไม่ตันจนเขียนไม่ออกเลย) งานของแบบลอยที่เขียนไม่ดีจะสากกะเบือ

ทั้งสองกลุ่มก็มีโอกาสตันได้เหมือนกัน แต่เท่าที่เห็น พวกจมจะมีปัญหามากกว่า ถ้าท่านรู้จักตัวเองว่าเป็นแบบจมหรือลอย ก็ช่วยไปได้เยอะแล้ว อย่างน้อยก็ช่วยได้ในกรณีที่ท่านตันแต่ทำไมเพื่อนอีกคนมาบอกว่าตันคืออะไร ไม่เคยได้ยิน แกขี้เกียจเองละกระมัง

ทีนี้มาถึงคำถามว่าทำไมพวกจมถึงตันง่ายกว่า
คำตอบง่าย ๆ คือพวกจมมี emotional expense มากกว่า ในระดับที่บางทีเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย เช่นคิดวนไปเวียนมาว่าก็ลูกตูมันไม่ยอมไปทางโน้นนี่ มันไม่ถูกนี่ มันต้องผิดแน่ ๆ ไปจนถึงอาจจะคิดด้วยว่า คนอ่านอาจจะไม่ชอบ มันจะไม่สนุกถูกใจ ข้ามันห่วย ชีวิตนี้ไม่มีความหวังอีกต่อไป (พวกจมจะฟีลสิ่งรอบตัวได้ดีกว่า จึงคิดมาก)
ในขณะที่พวกลอยนั้นไม่ค่อยฟีลอะไร นอกจากงานที่อยู่ตรงหน้า ด้วยเหตุนี้จึงมีความสามารถในการมองสิ่งต่างๆ ได้เป็น objective มากกว่า อ้าว ไม่ยอมไปเรอะ งั้นลากมันไปก่อน ไว้เขียนเสร็จค่อยแก้อีกทีก็ได้ อ้าว ไม่สนุกเรอะ ไม่เป็นไร เขียนไปก่อน แก้ใหม่ทีหลังได้ นอกจากนั้นเพราะถอยห่างออกมาจากงานมากกว่า จึงสามารถเห็นภาพในมุมที่กว้างกว่าด้วย พอเห็นภาพมุมกว้างก็สามารถเลือกทางใหม่ ๆ ได้เร็วกว่า เหมือนคนเล่นหมากรุก หมากไปทางนี้ไม่ได้ก็ไปทางนั้น

ที่จริงคือสำหรับพวกจมนั้น ในเวลาที่รู้สึกแย่มาก ๆ จะต้องรีบถามตัวเองว่า "จมลึกไปหรือเปล่า" ด้วยนะ เพื่อที่จะได้มีสติ แล้วดึงตัวเองให้ลอยขึ้นมาให้ได้ ถ้าสามารถถอยออกห่างจากเรื่องได้นิดหน่อย ก็จะสามารถเห็นมุมกว้างได้เหมือนกัน (แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องฝึก จะทำไม่ได้ง่าย ๆ เท่ากับพวกที่ลอยโดยธรรมชาติอยู่แล้ว)

###

อันนี้เป็นหลักทั่ว ๆ ไปสำหรับเวลาที่ตัน แต่ขอบอกว่าคนเขียนนี่ก็ไม่เคยหายตันแบบหายขาดเลยนะ ก็มีช่วงที่ตันอยู่ แล้วก็สู้กับการตันมาตลอด เพราะอย่างนั้นถึงต้องพยายามหาทางต่าง ๆ เท่าที่จะเป็นไปได้มาเรื่อย ๆ มาฝึกตัวเองให้อยู่กับมันให้ได้
ที่จริง บางทียังคิดด้วยซ้ำว่า การตันนี่เป็นสัญญาณที่ดีนะ มันคือตัวบอกว่าตรงนี้ไม่ใช่แล้ว เราจะยอมทำตามแผนนี้ไปเรื่อย ๆ แบบไม่ดูตาม้าตาเรือไม่ได้แล้ว เราต้องทำอะไรสักอย่าง และถ้ายอมอยู่กับมันจนผ่านมันไปได้ (ซึ่งจะเป็นพีเรียดที่ข้าจะนิสัยไม่ดี จิตตก ฯลฯ) ก็มักจะมีไอเดียที่ดียิ่งกว่าแผนที่วางไว้มา
แต่แน่นอนว่าข้าไม่อยากนิสัยไม่ดี จิตตก ลงไปถึงก้นเหวก่อนทุกครั้งที่ตัน ข้าก็ว่าคนทุกคนก็ไม่อยากเป็นอย่างนั้นโดยไม่จำเป็นเหมือนกัน เพราะอย่างนั้นจึงได้ลิสต์สิ่งที่ช่วยไว้ได้

- เปลี่ยน
การตันก็เหมือนเจอซอยตัน มันแปลว่าท่านอยู่ที่เดิมซ้ำ ๆ นานเกินไป และท่านเดินต่อไปทางนี้ไม่ได้ ท่านกำลังเอาหัวชนกำแพง ท่านจึงได้ทุกข์ทรมาน
ถ้าเมื่อไหร่ที่ทำอะไรซ้ำ ๆ อยู่ที่เดิมจนชักไม่ไหวแล้ว ให้รู้เลยว่ากำลังย่ำอยู่ในสภาพจิตแบบเดิม เมื่อรู้ว่าอยู่ในสภาพจิตแบบเดิม ให้ย้ายออก ขั้นแรกคือเลิกเขียน
ลองเปลี่ยนทุกอย่าง ตั้งแต่สถานที่เขียน ไปจนถึงการเล่าเรื่อง เปลี่ยนคนเล่าเรื่อง เปลี่ยนโฟกัสตัวละคร ตัวเอกมองเรื่องอย่างนี้ ไม่สนุก ไหนลองเปลี่ยนไปดูข้างตัวร้ายบ้าง
ลองเอาเรื่องไปถามคนอื่น บางทีก็ไม่ต้องเป็นคนที่อ่านเรื่องของเราก็ได้ เช่นเอาไปถามว่าถ้าเธอเป็นคนนี้ ๆ มีสถานการณ์แบบนี้ ๆ เธอจะทำยังไง คำตอบที่ได้รับ บางทีจะน่าสนใจมาก ๆ เพราะเราคิดว่ามันต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ แต่คนอื่นกลับมองไม่เหมือนเรา มันจะช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ และพาเรากลับสู่การมองภาพมุมกว้างได้
สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนนี่ บางครั้งเพราะปัญหาทางจิตใจล้วน ๆ โดยเฉพาะคนที่จมนาน ๆ และมีระบบวิจารณ์ตัวเองที่ดุร้ายเขี้ยวโง้ง (เช่นข้าพเจ้า) ถ้าจมนานเกินไปจะคิดในแง่ร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ และวนลูปเดิมซ้ำจนกลายเป็นการทำร้ายตัวเอง ดังนั้นทางที่ดีคือหาทางเปลี่ยนลูปใหม่ บางทีออกไปเดินรอบหมู่บ้านสักรอบก็จะรู้สึกดีขึ้นแล้ว

- สำรวจ
ถ้าหากว่าเปลี่ยนแล้วยังไม่เวิร์ค อาจจะมีปัญหาอื่น ๆ อยู่ เช่นปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่นบางทีเราคิดมาไม่หมด ขาดบางอย่างที่สำคัญไป ก็ต้องมาหาว่าไอ้ที่ขาดนั่นคืออะไร บางคนจะเขียนไม่ได้ถ้าไม่รู้จะไปต่อยังไง (แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ไม่รู้ไปจนจบเลยว่ามันจะไปต่อยังไง แต่เสือกเขียนได้ เนื่องจากตามตัวละครไปเรื่อย ๆ แกจะทำยังไงก็ทำไปเถอะลูก อนึ่ง นี่เป็นข้อดีของพวกจมที่พวกลอยจะไม่ค่อยได้ลิ้มรสหรอก)
การสำรวจนี่ ขอให้สำรวจหลังจาก "เปลี่ยน" แล้ว ห้ามสำรวจในภาวะที่กำลังจมลึกเด็ดขาด เพราะระบบวิจารณ์ตัวเองจะทำงาน และท่านจะไม่สามารถมองมุมกว้าง ส่วนใหญ่ท่านจะวนเวียนอยู่ที่ปัญหาเดิม ๆ และทางแก้ที่ท่านก็ไม่ชอบ แถมยังไม่สร้างสรรค์ด้วย (< ระบบวิจารณ์ตัวเองจะไปแอคติเวตสมองซีกซ้าย ทำให้ความคิดสร้างสรรค์ไม่ออกมา)

- รอ
นี่อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักสำหรับหลาย ๆ คน แต่บางทีก็จำเป็นต้องรอจริง ๆ เพื่อให้ได้คำตอบที่ดีที่สุด
อนึ่ง ระหว่างที่รอนั้น ขอให้เชื่อไว้เสมอว่าจะต้องมีอะไรดี ๆ มา แต่อย่าไปคาดหวังแบบต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ให้โยนความคาดหวังกับนิยายทิ้งไปไว้ที่ห้องด้านใน ๆ ของจิตใจเลย ให้เสพรับประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาอย่างเต็มที่ ให้ไปเที่ยว ให้ถาม ให้รู้ว่าบางทีคำตอบอาจจะไม่มีมาในสามวันเจ็ดวัน แต่สุดท้ายคำตอบมันจะมา ปรกติมันจะมาจริง ๆ นะ แต่ระหว่างที่รอนี่แหละมันทรมาน เพราะไม่รู้ว่าจะมาจริงไหม
ข้ายังจำได้ว่าตอนที่ติดช่วงท้าย ๆ ของผู้เสกทรายมาก งานที่ทำอยู่ก็เกิดทำให้ได้เขมร ข้าเดินเข้าไปในคุกตุลเสลง (เป็นที่ขังนักโทษการเมืองที่ทารุณมาก ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์) ตอนนั้นข้านึกออกเลยว่าอัยด์รู้สึกยังไง มีประสบการณ์ยังไง เขียนถึงอัยด์ได้ทันที
ข้าก็ไม่รู้ว่าตัวจะได้ไปเขมร ไม่คิดว่าจะได้ไปตุลเสลง ไม่รู้ด้วยว่าไปแล้วจะได้อะไรกลับมา บางทีการจะเขียนให้ได้ก็ต้องศรัทธาในสิ่งที่ชีวิตจะโยนมาให้แบบนี้เหมือนกัน (แต่ไม่ใช่งอมืองอเท้ารออย่างเดียว)

- ทะลวง
นี่คือทางที่พวกลอยจะใช้บ่อย ๆ แต่พวกจมมักจะไม่กล้าใช้ คือเขียนไปเลยแล้วแก้ทีหลัง หรือบางทีทะลวงไปแล้วมันก็อาจจะดีก็ได้
บางทีถ้ารอเท่าไหร่ก็ไม่มา แล้วมันติดอยู่นิดเดียวเอง เปลี่ยนยังไงก็ไม่ใช่ ก็ต้องทำใจให้กล้าหาญ แล้ว "ทะลวง" มันไปเลยเหมือนกัน การทะลวงทำได้ตั้งแต่หลับหูหลับตา เขียนให้ข้ามตรงนี้ไปให้ได้ จนกระทั่งถึงข้ามแม่งมันทั้งกะบินั่นแหละ เปลี่ยนเซ็ตติ้งไปอีกฝั่งนึงเลย แล้วมาคิดอุดช่องว่างเอาอีกที กล้า ๆ หน่อย แล้วส่วนใหญ่หลังจากที่เป๋ไปสักพัก มันจะเข้าที่เข้าทางเองแบบงงๆ (นี่คือประสบการณ์ตรง)
ทีนี้ถามว่าจะรู้ได้ไงว่าตอนไหนให้รอ ตอนไหนให้ทะลวง คำตอบก็คือไม่มีคำตอบที่ชัดเจนหรอก ไม่มีจริง ๆ แล้วแต่แต่ละคนเลือกยังไง แต่ถ้ารอนานแล้วยังไม่มีอะไรมา บางทีจักรวาลก็อาจจะบอกว่าเอ็งจงทะลวงเต๊อะอยู่ก็ได้นะ
อนึ่ง ถ้าเป็นไปได้ พยายามอย่าทะลวงด้วยความกลัว เพราะเรื่องต่อจากนั้นจะเกร็งและสากกะเบือทันที ถ้าทะลวงอย่างสร้างสรรค์ได้ก็จะดี (เช่นเปลี่ยนเป็นอีกฝั่งไปเลย)
อย่างไรก็ตาม พึงทราบว่าท่านรีไรท์ใหม่ได้เสมอ แก้ไขได้เสมอ ให้คิดว่านี่กำลังเล่น ไม่ใช่จริง จริงอีกทีทีหลังได้ เพอร์เฟคอีกทีหลังก็ได้ ท่านก็จะสบายใจในการทำงานและมีความสร้างสรรค์ได้มากขึ้นเหมือนกัน



ก็ไม่รู้จะช่วยได้รึเปล่า แต่เฟซเขาสนุกดีนะ แหะๆ  :o8: เราเป็นคนพูดมาก อย่ารำคาญเขานะ แค่ทอล์กประจำเรื่องก็กลัวคนอ่านเบื่อแล้ว แหะๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Alone_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ก็ไม่รู้จะช่วยได้รึเปล่า แต่เฟซเขาสนุกดีนะ แหะๆ  :o8: เราเป็นคนพูดมาก อย่ารำคาญเขานะ แค่ทอล์กประจำเรื่องก็กลัวคนอ่านเบื่อแล้ว แหะๆ

ช่วยได้เยอะเลยคับ ไม่รำคาญหรอกคับ มีอะไรก็มาแบ่งปันผมได้ .... : )
ผมชื่อแบงค์นะคับ ถ้าไม่รังเกียจ ... วันไหนว่าง ๆ ก็มาสอดส่องนิยายของผมได้นะคับ
ไม่ได้อวยหรือว่าเอาหน้านะคับ นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นได้เพราะคำแนะนำของทุก ๆ ท่าน

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44350.msg2868493;topicseen#msg2868493

รักแรกพบ ....



ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ว่างแล้น... ตอนนี้พักยาวๆ ว่าจะหานิยายอ่านรีบูทสมองก่อนลงมือปั่นเรื่องใหม่ต่อ อิ อิ

อ่านคำนำแล้วดูท่าตอนเรียนจะได้ 4 วิชาภาษาไทยใช่มั้ย แทบมาเป็นกลอน เราขอยอมแพ้  :mew4:

ว่าแต่ เว็บนี้มันแอดนิยายหรือกระทู้ที่เราติดตามได้มั้ย บางทีกระทู้หล่นไม่รู้จะหายังไงอ่ะ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
แบงค์อย่าคิดมาก ปัญหาของท่านเราผ่านมันมาแล้ว.... บางทีเทคโนโลยีก็ทำให้ไร้อารมณ์นะ ลองหันมาจับปากกาดูมั้ย?

บางทีนั่งหน้าแป้น เคาะอะไรไม่ออก พอได้จับปากกาอาจจะเขียนลื่นหัวแตกก็ได้

ผลงานของเราเอง พี่ชัชน้องต้นทั้งนั้นเลย เหอะๆ


เราใช้วิธีพกสมุดเล่มถนัดมือกับดินสอล่ะ ซุกไว้ใต้หมอนเลย เขียนๆ จนง่วง ว่างเมื่อไหร่ก็เขียน คิดพล็อตได้ก็เขียน เขียนแล้วไม่ชอบก็ขีดฆ่า โยงเติงประโยค ลบ ฉีกทิ้ง กากบาททั้งหน้า จดโน้ตย่อๆ จดพล็อตหลักๆ จดมาร์กกันลืมว่าจะให้ใครทำอะไร คือทำได้ทุกอย่าง


สมุดกับดินสอมันใช้ดีจริงๆ นะเออ  o13 โคตรขลังเลยอ่ะ

แม้แต่ที่พิมพ์อยู่นี้ก็เกิดพล็อตประหลาดๆ ระหว่างหนุ่มคลั่งเทคโนโลยีกับหนุ่มติสอารมณ์บ้านๆ
ฉาก
1 ... A ไปดูข้อมูลบางอย่างที่บอร์ด เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาจะถ่ายรูป แบตดันหมด ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรนอกจากโทรศัพท์กับกระเป๋าเงิน เสื้อผ้าแฟชั่นกางเกงเดฟฟิตเปรี๊ยะ หัวเสียยืนตบโทรศัพท์หวังว่ามันจะฟื้น<<แสดงให้เห็นถึงนิสัยใจร้อนของตัวละคร
2 ... มีมือยื่นดินสอ <ถ้าเอาเป็นปากกาหมึกซึม หรืออะไรแพงๆ เราจะได้ตัวละครไฮโซ ถ้าใช้ดินสอดำก็จะได้หนุ่มติส แต่ถ้าใช้ดินสิไม้แท่งเล็กแถมจากอิเกียเราจะได้หนุ่มขี้งก> กับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ มาให้ <ถ้าใส่เป็นกระดาษโน้ตลายการ์ตูนเราจะได้ตัวเอกโอตาคุทันที>
3 ... A รับมาใช้ มองสบตาอะไรก็ว่าไป
       ถ้าหันมาอีกที เขาไปแล้ว ลืมอุปกรณ์เขียนไว้ แต่เอาหัวใจไปด้วยก็จะได้รักหวานๆ มุ้งมิ้ง แต่ถ้าหันมาแล้วเจอ "ค่ายืมยี่สิบว่ะ" เราจะได้ตัวเอกเกรียนแตกชวนตบ

เดี๋ยวนะ! ไหนบอกหนุ่มติสอารมณ์บ้านๆ บอกแล้วอย่าให้เค้าพู๊ด! ฟุ้งมาก... ปวดตับกับนิสัยตัวเอง จิ้นคิดได้เป็นตุเป็นตะ บางทีพล็อตมันก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว ขอแค่ชอบอ่าน ชอบคุย แบงค์อยากเล่าอะไรให้คนอ่านฟังก็เขียนเลย คุยเหมือนที่คุยกับเรานี่แหละตะเอง


แวะมาอีดิทอีกทีว่า เฮ้ยเดี๋ยว! ทำไมมันกลายพันธุ์เป็นกระทู้คุยเรื่องการพยายามเขียนนิยายไปแล้วอ่ะ  :katai1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2014 20:05:34 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
ไม่ได้โผล่มานี่นานเลย อิอิ  ไอ้บรรดาก๊วนผมมันหายหัวไปไหนหมดแล้วไม่รู้   แต่พอเข้ามาก็เจอกระทู้เด็ดเลยเชียว  ต้องขออนุญาตเก็บข้อมูลด้วยคนครับ อิอิ :katai4:

เร็วๆนี้จะพยายามเร่งเขียนเรื่องใหม่ให้เสร็จครับ  เป็นเรื่องสั้นๆแนวผสมๆไม่ดราม่ามาก  เดี๋ยวเสร็จแล้วคงทยอยลงให้ได้ลองอ่านกันครับ

ออฟไลน์ เด็กน้อยไร้เดียงสา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เข้ามาเก็บข้อมูลดีๆด้วยคนค่ะ
กำลังคิดว่าจะเริ่มวางผล็อตค่ะ
เจอกระทู้นี้แบบยอดเยี่นมค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด