[เรื่องสั้น].........(ไม่)รักได้ไง ตอนพิเศษ เซอร์ไพรส์วันครบรอบ [จบ][18-08-2016]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น].........(ไม่)รักได้ไง ตอนพิเศษ เซอร์ไพรส์วันครบรอบ [จบ][18-08-2016]  (อ่าน 25772 ครั้ง)

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง [4-11-2014]
«ตอบ #30 เมื่อ04-11-2014 23:58:45 »

แล้วเกี๊ยงก็ลงท้ายด้วยความหื่น  :jul1:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [4-11-2014]
«ตอบ #31 เมื่อ05-11-2014 18:04:54 »

Cake


หลังจากที่ผมใจหายใจคว่ำกับการที่เกี๊ยงบอกว่าเคยคิดจะขอผมเป็นแฟน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้จริงจังเท่าไหร่ อีกอย่างเรื่องมันก็ตั้งนานมาแล้วด้วย แต่ทำไมผมกลับมีความรู้สึกดีๆ กับคำพูดเหล่านั้นกันนะ ผมไม่รู้หรอกว่าเค้าพูดจริงหรือเปล่า แต่การมีคนที่มารักเรามันก็คงดีกว่ามีคนเกลียด แต่เค้าจะรักเราได้นานแค่ไหนกันละ นั่นแหละคือสิ่งที่ผมกลัว หลังจากพ้นผ่านเรื่องนี้ไปได้ เกี๊ยงก็มีเรื่องใหม่มากวนใจผมอีกจนได้

ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าถึงสนใจอยากจะรู้จักพี่ตี้ บุคคลผู้ซึ่งผมเคยคบด้วยตอนเรียน ม.ปลายพี่ตี้ย้ายมาเรียนที่เดียวกับผมตอนที่ผมอยู่ ม.4 ส่วนตัวพี่แกตอนนั้นเรียน ม.6 ผมกับพี่ตี้ค่อนข้างจะตัดสินใจคบกันเร็ว แต่มันก็เหมือนความรักแบบเด็กๆ คบกันเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร นั่นคือในมุมมองของพี่ตี้ละมั้ง เพราะสำหรับผมเองมันเหมือนเราทุ่มเทเต็มที่ แต่พี่เค้ากลับมองผมเป็นแค่ของเล่นชิ้นนึง ผมจึงไม่อยากจะหวนคิดถึงอดีตตอนนั้นเท่าไหร่นัก

ตอนนี้ผมเริ่มรู้แล้วว่าทำไมเกี๊ยงถึงสนใจอยากรู้ว่าพี่ตี้คือใคร เพราะตอนนี้ผมว่าเค้าต้องกำลังคิดอะไรลามกกับผมอีกแล้วแน่ๆ เพราะอยู่ๆ ก็มาถามผมว่าเคยมีอะไรกับพี่ตี้หรือเปล่า ไอ้ผมก็รู้สึกแปลกๆ ที่จะต้องมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้กับเพื่อนอย่างเค้าฟัง อีกอย่างเพราะวันนี้ผมอยู่กับเค้าสองต่อสองเพียงลำพัง มันยิ่งไม่สมควรมาคุยเรื่องอะไรแบบนี้กันตอนนี้ ไม่อย่างงั้นมันอาจจะเลยเถิดเหมือนครั้งก่อนก็เป็นได้ แต่ดูเหมือนผมจะคิดช้าไป เพราะยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวอะไร

“งั้นก็ลองอีกรอบก่อนก็ได้ แล้วนายค่อยตัดสินอีกทีว่าใครทำให้นายมีความสุขได้มากกว่ากัน”สิ้นคำพูดนั้น ผมก็ถูกจู่โจมด้วยจูบอันเร่าร้อนของเค้าแทบจะทันที ด้วยความที่ผมไม่ได้ตั้งตัวหรืออย่างไรแต่ทำไม ผมถึงคล้อยตามเค้าไปได้ นี่มันอะไรกัน แต่แล้วจู่ๆ

“เค้กๆๆ เค้กลูก ออกมาช่วยแม่ขนของหน่อยลูก”เสียงตะโกนมาจากหน้าบ้านทำให้สติผมกลับคืนก่อนจะผลักเค้าออกห่าง พร้อมกับหอบหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอด และตะโกนตอบเจ้าของเสียง

“ครับแม่”ผมตอบออกไปทั้งที่ยังงงๆ ก็ไหนว่าพ่อกับแม่ผมจะกลับมะรืน แล้วทำไมโผล่มาวันนี้ได้กันละ ผมกับเค้ายืนมองหน้ากันด้วยความตกใจ ประหลาดใจไม่แพ้กัน เค้าคงอยากจะถามผมเหมือนกันเพราะผมบอกไปว่าพ่อกับแม่จะกลับมะรืน ส่วนผมเองก็อยากจะถามแม่เหมือนกันว่าทำไมกลับมาวันนี้ มาขัดจังหวะ เฮ้ยไม่ใช่ ทำไมมากะทันหันแบบนี้ นี่ดีนะที่ไม่โผล่มาเห็นผมกับนายตะเกียงนี่นัวเนียกันอยู่ เพราะถึงแม้พ่อแม่ผมจะรับรู้ว่าผมมีรสนิยม ชอบเพศเดียวกัน แต่ผมก็ไม่เคยพาใครมาทำประเจิดประเจ้อที่บ้านเลยสักครั้ง อย่างมากก็มาทักทายแนะนำให้รู้จักพอเป็นพิธี ผมรีบจัดเสื้อผ้าผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะเดินนำเกี๊ยงออกมาหน้าบ้าน

“อ้าวมีเพื่อนอยู่ด้วยเหรอลูก”แม่ผมเอ่ยถามตามมารยาท กับคนที่ยกมือไหว้พ่อกับแม่ผม นี่แม่ผมคงจำเค้าไม่ได้หรอกมั้ง แม้ว่าแต่ก่อนเราจะเป็นเพื่อนสนิทกันและเค้าก็เคยมาค้างกับผมบ่อยๆ แต่วันเวลาผ่านไปนาน และหน้าตารูปร่างของเค้าก็ค่อนข้างจะเปลี่ยนไปเยอะพอควร นี่แม่ผมคงจะคิดว่าเป็นแฟนใหม่ผมอีกตามเคย

“คุณพ่อคุณแม่ จำผมได้ไหมครับ ผมเกี๊ยงไงครับ”ผู้ที่เหมือนจะถูกลืมไปแล้วรีบออกตัวว่าคือใคร ซึ่งก็เรียกความสนใจจากบุพการีทั้งสองของผมได้เป็นอย่างดี เพราะท่านทั้งสองหันมาจ้องมองเค้าเป็นตาเดียวก่อนจะทำท่านึกออก

“อ้าวลูกเกี๊ยงที่เคยมาบ้านเราบ่อยๆ สมัยเด็กๆ นั่นใช่ไหมเค้ก”พ่อผมหันมาถามเอากับผม ซึ่งก็ได้แต่พยักหน้ารับ แล้วตอนนั้นมันเด็กตรงไหน ม.ต้นเค้าก็ถือว่าโตกันแล้ว

“อืมๆ ตอนแรกแม่ก็นึกว่าเป็น...”แม่ผมหยุดพูดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจะพูดอะไรออกมา ผมรู้ว่าแม่คงกำลังจะบอกว่าคิดว่าเป็นแฟนผม

“เป็นอะไรเหรอครับ”บุคคลที่ถูกกล่าวหาทางความคิด รีบชิงถามเหมือนไม่อยากเป็นแค่ผู้ที่ถูกกล่าวหา ก่อนจะรีบเข้าไปหอบหิ้วข้าวของจากแม่ผมอย่างประจบประแจงจนน่าหมั่นไส้

“ไม่มีอะไรหรอกลูก ว่าแต่นี่ไปไงมายังไง หายเงียบไปตั้งแต่ย้ายโรงเรียนคราวนั้น เลยไม่ได้ติดต่อกับเค้กมันเลยสิ ทางนี้เองก็ย้ายบ้านมานี่หลายปีแล้วเหมือนกัน สบายดีนะ”แม่ผมก็พูดเจื้อยแจ้วไปพร้อมกับช่วยกันหอบหิ้วของเข้าบ้าน ดูเหมือนคุณนายท่านจะซื้อข้าวของมาเยอะเหลือเกิน นี่ขนอะไรมาบ้างละแม่ผม

“ทานข้าวทานปลากันรึยังละนี่”แม่ผมครับพูดไป ถามไปเรื่อยแทบจะไม่เว้นช่องว่างให้ได้ตอบกันเลยทีเดียว

“ทานเรียบร้อยแล้วละครับ”เกี๊ยงตอบแม่ผมอย่างยิ้มแย้ม นี่อย่ามาทำเนียนนะ แม่ใครแม่มันนะโว้ยไม่ต้องแอบมาตีซี้เลย

“อ้าว แล้วนั่นเค้กชวนเพื่อนดื่มอีกแล้วใช่ไหม ชอบจริงๆเลยนะไอ้เหล้าเบียร์นี่ แม่ละสงสัยจริงๆ ว่ามันอร่อยตรงไหน เห็นดื่มกันยังกะน้ำหวาน แล้วนี่ชีสไปไหนละ หือ”แม่ผมพอเห็นหลักฐานวางอยู่คาตาว่าผมดื่มเบียร์ไปก็เริ่มบ่นอีกแล้วครับ จริงๆ แม่ก็ไม่ได้ห้ามดื่มหรอกครับแต่แกชอบบ่นไปแบบนั้นเองจริงๆ ไม่มีอะไรหรอก นี่ก็พาลบ่นไปถึงไอ้เจ้าน้องชายตัวดีของผมอีก ถ้าเกิดบอกความจริงไป ว่าไอ้คุณน้องชายบังเกิดเกล้าไปเมาอยู่บ้านเพื่อน มีหวังได้ฟังแม่ผมบ่นไปอีกยาว ผมหันไปมองพ่อผมก็เห็นพ่อยิ้มๆ แบบปล่อยให้แม่บ่นไปเหอะ

“ไอ้ชีสไปทำรายงานบ้านเพื่อนนะแม่”ผมจำต้องโกหกไปเพื่อให้ท่านสบายใจ การโกหกให้บุพการีสบายใจไม่ถือเป็นบาปน้า(สำหรับผม)เพราะถ้าบอกความจริงไปเดี๋ยวแม่ก็เป็นห่วงเป็นกังวลอีกจะทำให้ท่านทุกข์ใจเปล่าๆ สู้โกหกให้สบายใจจะดีกว่า ผมเห็นเกี๊ยงแอบหันมามองผมด้วยที่โกหกคำโต

“งั้นก็แล้วไป นึกว่าไปเที่ยวเล่นดื่มเหล้าอีกแล้ว”ยังกะรู้เลยครับแม่ผมเดาแม่นจริงๆ อย่างว่าแหละท่านเลี้ยงพวกผมมาทำไมจะไม่รู้จักนิสัยลูกๆ ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ อย่างคนมีพิรุธ

“แล้วนี่ลูกเกี๊ยงดื่มไปเยอะไหมเนี่ย ต้องขับรถกลับบ้านกลับช่องอีก ไหวหรือเปล่า เค้กก็ไม่คิดเลยชวนเพื่อนดื่มเดี๋ยวก็ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุอีก จะด่งจะดื่มก็ให้รู้จักคิดหน้าคิดหลังบ้างเกิดเพื่อนฝืนขับรถออกไปจะเป็นยังไง”โหแม่ผมนี่ขนาดเพิ่งกลับมาไม่กี่นาทีแต่ร่ายยาวได้อย่างไม่มีเบรกเลยครับ

“ดื่มไปไม่กี่กระป๋องเองแม่จะเมาอะไรเล่า”ผมรีบแย้งเพราะดื่มไปนิดเดียวแทบจะยังไม่มึนเลยด้วยซ้ำ

“ไอ้เรานะมันดื่มเป็นอาชีพ เจ้าเค้กแต่เกี๊ยงละลูก ว่าไงลูกเกี๊ยงนี่ขับรถกลับไหวหรือเปล่า”ตกลงนี่ใครลูกแม่กันแน่เนี่ย รู้สึกจะห่วงผิดคนหรือเปล่านะแม่ผม

“นี่ผมก็รู้สึกมึนๆ นิดหน่อยแล้วเหมือนกันแหละครับ แต่คิดว่าพักสักครู่ก็คงหาย”คำตอบของเกี๊ยงทำเอาผมหันขวับไปจ้องเค้าเลยทีเดียว ก็จะมงจะมึนอะไรกันละ ทีเมื่อกี้ยังจะปล้ำผมอยู่เลย ตายละหว่าพอนึกเรื่องนี้ขึ้นมาดันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเสียแล้วผม

“งั้นถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ค้างที่นี่ก่อนก็ได้ เค้กก็ดูแลเพื่อนดีๆ แล้วกัน เดี๋ยวพ่อกับแม่ขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าก่อนแล้วกัน วันนี้เหนื่อยมากจริงๆ ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่นะลูก”แม่ผมหันมาสั่งลาลูกชายคนใหม่พร้อมกับคำสั่งกลายๆให้ผมดูแลก่อนจะพากันขึ้นชั้นสองไปกับพ่อ

“กลับได้แล้วมั้ง”ผมเอ่ยปากไล่แขกอีกรอบ คราวนี้ไม่เกรงจงเกรงใจ ไม่กลัวเพื่อนน้อยใจแล้วครับ เพราะเริ่มรู้สึกว่าเค้ากำลังคิดจะทำอะไรสักอย่าง

“อ้าวเมื่อกี้ไม่ได้ยินเหรอ คุณแม่บอกว่าถ้าไม่ไหวก็ค้างที่นี่ได้นี่นา”คุณเพื่อนตัวดี ยังคงตีหน้าทะเล้นไม่เห็นว่าอยากจะกลับเลยสักนิด

“ไม่ได้เมาเลยสักนิดไม่ใช่เหรอ”ผมหันมาเก็บพวกเบียร์ที่เราดื่มไป เหมือนเป็นการไล่แขกทางอ้อม

“ว้านึกว่าเค้กจะอยากให้ค้าง เพื่อที่เราสองคนจะได้สานต่อจากเมื่อสักครู่เสียอีก”นั่นไงว่าแล้วว่าต้องวกมาเรื่องนี้อีกจนได้ ไอ้ผมละอุตส่าห์จะไม่คิดแล้วนะเนี่ย แต่ดูเค้าจะพยายามต้อนผมให้จนมุมอยู่ตลอดเลยนะเนี่ย

“เฮ้ย...จะทำอะไรเนี่ย”พอผมหันหลังกลับเข้าหาเค้าผมก็ต้องตกใจเพราะเค้าเล่นมายืนชิดผมอยู่ แถมด้วยความตกใจทำให้ผมเซเพราะจะเบี่ยงตัวออกจากเค้า แต่เค้ากลับเอื้อมมือมารั้งผมไว้ ทำให้ตอนนี้เหมือนเค้ากำลังจะกอดผม ผมเลยต้องรีบห้ามเค้าเสียก่อนเพราะตอนนี้ในบ้านไม่ได้มีแค่ผมกับเค้า(ถ้ามีกันสองคนนี่จะยอมว่างั้น)

“ทำแค่นี้แหละ”เหมือนการห้ามปรามของผมจะไม่เป็นผลเพราะ เค้ากอดกระชับผมเข้าพร้อมกับแนบริมฝีปากมาที่แก้มของผมเนิ่นนาน ก่อนจะค่อยๆ คลายอ้อมกอดออก ผมได้แต่ยืนนิ่งเพราะไม่รู้จะทำยังไง ไอ้ครั้นจะขัดขืนก็ไม่รู้ว่าร่างกายเป็นอะไรทำไมไม่ต่อต้านเค้าก็ไม่รู้

“งั้นวันนี้เรากลับก่อนก็ได้ แต่เค้กต้องสัญญาว่าจะให้เรามาหาได้บ่อยๆ นะ”ดวงตาที่มุ่งมั่น แต่เหมือนจะแฝงไปด้วยความหมายอีกหลายอย่างของเค้า จ้องมองลึกลงมาในดวงตาของผม เหมือนกำลังค้นหาคำตอบบางอย่างจากผม แต่ให้ตายซิ ทำไมผมรู้สึกอยากจะสัมผัสริมฝีปากของเค้าที่อยู่ไม่ห่างนั่นจังเลย อย่าบอกนะว่านี่ผมจะเริ่มหวั่นไหวกับเพื่อนคนนี้เสียแล้ว

“แล้วใครเค้าจะไปห้ามนายได้กันละ”ผมจำต้องรีบเบือนหน้าหลบสายตา พร้อมกับตอบรับกลายๆ ว่าอนุญาตให้เค้ามาหาได้บ่อยๆ

“สัญญาแล้วนะ”เกี๊ยงยิ้มกว้างให้กับผม

“อืม”ผมเพียงรับคำสั้นๆเท่านั้น ก่อนจะเดินออกมาส่งเค้ากลับบ้าน

“ฝันดีนะ อย่าลืมฝันถึงเราด้วยละ”


---------------------------------------------
แวะมาต่อเหมือนเดิมคร๊าบบบ

สุขสันต์วันลอยกระทงล่วงหน้านะคร๊าบบบ

พรุ่งนี้แล้ว เที่ยวกันให้สนุก หวังว่าทุกคนจะมีคู่ลอยกระทงกันแล้ว  o22 o22
:bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [5-11-2014]
«ตอบ #32 เมื่อ06-11-2014 17:34:55 »

Ta-kiang


ผมจ้องมองเบอร์โทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่อ กำลังคิดอยู่ว่าจะโทรหาเค้าหรือไม่โทรดี ใจจริงก็อยากจะโทรนั่นแหละ แต่กลัวเค้าจะหาว่าผมบ้าเพราะเพิ่งกลับจากบ้านเค้าแล้วยังจะโทรหาเค้าอีกเหรอ

“เฮ้อ...”ผมถอนหายใจยาว วันนี้ผมต้องแอบผิดหวังที่อยู่ๆ พ่อแม่ของเค้ากลับมาก่อนกำหนด ผมเลยอดที่จะดำเนินแผนการกับเค้กต่อ แต่ผมจะไปโกรธพวกท่านไม่ได้หรอก เพราะพวกท่านเป็นว่าที่พ่อตา แม่ยายของผม อีกอย่างดูท่าทางพวกท่านก็ดูจะเอ็นดูผมอยู่เหมือนกันนะ  สงสัยผมต้องรีบทำคะแนนจากฝั่งผู้ใหญ่บ้างแล้ว เข้าทางพ่อแม่เค้าก็น่าจะเป็นผลดีกับผมเหมือนกันนะ

“เฮ้ย...”ผมสะดุ้งตกใจหัวใจแทบวาย ที่อยู่ๆ โทรศัทพ์ผมดันแผดเสียงร้องขึ้นมาอย่างดัง พอหยิบขึ้นมาดู หัวใจผมยิ่งเต้นโครมครามมากขึ้นไปอีก ก็คนที่โทรเข้ามาหาผมนี่สิ

“ที่รัก ที่รักงั้นเหรอ นี่เค้กโทรหาเรางั้นเหรอ”ผมได้แต่ตะโกนอยู่คนเดียวแทนที่จะกดรับ เพราะตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นยังไงบอกไม่ถูก นี่มันอะไรกันก็แค่เค้าโทรหาผม ผมจะตื่นเต้นทำไมกัน ผมรวบรวมสติก่อนจะกดรับ

“ว่าไงครับที่รัก”ผมทำเสียงเจ้าชู้ส่งไปตามสาย เก๊กเสียงหล่อเต็มที่ อยากรู้จังว่าเค้าคิดถึงผมเหมือนที่ผมคิดถึงเค้าบ้างไหมน้า แค่ในฐานะเพื่อนคนนึงก็ยังดี  แต่เค้าคงคิดถึงผมบ้างแหละไม่งั้นจะโทรหาผมทำไมกัน

“แม่ให้โทรมาถามว่ากลับถึงบ้านปลอดภัยดีไหม แม่เค้าเป็นห่วงกลัวว่านายเมาขับรถไม่ไหว”ว้าที่แท้ก็คุณแม่ยายที่เป็นห่วงผม นึกว่าเค้าจะห่วงใยผมเสียอีก แต่ไม่เป็นไรเพราะนี่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วละ

“แม่หรือลูกกันแน่น้า ที่เป็นห่วงเรา หือ...เค้กเป็นห่วงเราก็บอกมาเหอะ เอะหรือคิดถึงเราอยากได้ยินเสียงก่อนนอน”คนอย่างนายตะเกียงมันไม่ยอมละความพยายามหรอกน่า

“ใครจะไปห่วงนายกันเล่า เบียร์ก็ดื่มไปนิดเดียว นายเองก็ไม่ได้เมาซะหน่อย แค่โทรมาตามคำสั่งแม่เท่านั้นแหละ”เค้าทำเสียงฮึดฮัดเหมือนไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่ผมจะคิดว่าเค้าพูดประชดผมเพราะเขิน คิดแบบนี้ผมมีกำลังใจเพิ่มขึ้นเยอะเลย

“นั่นสินะเค้กก็รู้ว่าเราไม่ได้เมา งั้นก็คงคิดถึงเรามากๆ แน่เลยเพราะขนาดไม่ได้เป็นห่วงยังยอมโทรมาหาเราเลย หรือว่าเค้กเกิดชอบเราขึ้นมาเสียแล้ว”ผมแกล้งแย่เค้าไปอีก

“ใครเค้าจะไปเป็นแบบนั้นกันเล่า ไม่คุยด้วยแล้ว”

“เดี๋ยวๆๆ ...อ้าว วางซะแล้ว”ไม่น่าเลยผมได้คุยกับเค้านิดเดียวเอง แต่แค่นี้มันก็ทำให้ผมหลับฝันดีแน่ๆ เลย

หลังจากวันนั้น ผมก็ยังไม่ได้แวะเวียนไปบ้านของเค้กอีกเลย เพราะช่วงนี้งานผมสุมหัวเหลือเกิน ขนาดแค่เวลาจะโทรหาเค้าผมยังไม่ค่อยจะมี ถ้าผมว่างโทรไปเค้าก็ไม่ว่างซะงั้น จะทำได้ก็แค่เพียงส่ง sms หยอกนิดหยิกหน่อยแค่นั้นเอง แต่ยังไงผมก็ต้องตั้งสติกับการทำงานก่อน แม้จะคิดถึงเค้กแค่ไหนก็เถอะผมจะเสียงานเสียการไม่ได้ เพื่ออนาคตของเราสองคนผมต้องรีบก่อร่างสร้างตัว(เค้าจะยอมมีอนาคตด้วยหรือเปล่ายังไม่รู้เลย)

“เฮ้ย”ผมอุทานด้วยความตกใจ เพราะมีเบอร์นึงโทรเข้ามาหาผม แล้วมันบันไว้ว่า “ที่รัก”ด้วยนี่สิ ครั้งที่สองแล้วที่เค้กโทรหาผม ปกติมีแต่ผมที่โทรไป แม้ครั้งแรกที่เค้าเคยโทรมาจะบอกว่าแม่ให้โทรมาผมก็ดีใจอยู่ดี ครั้งนี้หวังว่าเค้าจะเป็นคนโทรมาเองนะ

“มัวแต่ตื่นเต้นอยู่รึไง รับช้าเหลือเกินเพ่”เสียงที่ออกมาจากปลายสายทำเอาผม ดีใจเก้อ ก็มันใช่เค้กของผมที่ไหนกัน น้ำเสียงกวนๆแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องชายจอมกวนของเค้ก เจ้าชีสนั่นเอง

“ก็นึกว่า...”ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบอีกฝ่ายก็สวนมาก่อนแล้วครับ

“นึกว่าที่รักโทรมาละสิ แหมไอ้เค้กก็บันทึกเบอร์พี่ว่าที่รักซะด้วยนิ หรือว่าพี่เป็นคนทำ”ผมไม่ได้ตอบแต่หัวเราะแห้งๆให้อีกฝ่ายทราบว่าผมเป็นคนทำเองนั่นแหละ

“ว่าแต่นี่โทรมามีอะไรกับพี่หรือเปล่า”เพราะอยู่ดีๆ ชีสคงไม่ได้จะโทรมากวนผมเล่นเฉยๆหรอกมั้งเนี่ย

“ก็เห็นพี่หายไปเลย อยากรู้ว่าถอดใจจากพี่ผมไปหรือยังทำไมไม่เห็นมาทำคะแนนเลย ปล่อยให้คนอื่นมาก่อความวุ่นวายอยู่ได้”คนอื่นมาก่อความวุ่นวาย หมายความว่าไงกัน

“มีคนไปจีบเค้กเหรอ”ผมถามด้วยความร้อนรน

“ไม่เชิงหรอกมั้ง อยากรู้ป่ะละ ถ้าอยากรู้เย็นนี้ก็แวะมาโรงพยาบาลหน่อยแล้วกัน”โรงพยาบาล นี่มันอะไรกัน ผมไม่ได้เจอกับเค้กไม่นาน เค้าเป็นอะไรหรือเปล่า

“เค้กเข้าโรงพยายบาลเหรอ”รีบถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง

“พ่อผมความดันขึ้นนะไม่ใช่ไอ้เค้กหรอก ยังไงเย็นนี้ถ้าว่างก็แวะมาหน่อยแล้วกัน มีหลายๆเรื่องที่พี่น่าจะได้รู้ไว้บ้าง แล้วก็จะได้มาทำคะแนนกับว่าที่พ่อตาด้วยไง นี่ผมเห็นว่าพี่น่าจะรักไอ้เค้กมันจริงนะ ไม่งั้นผมไม่ลงทุนหลอกยืมโทรศัพท์ไอ้เค้กมาทำแบบนี้หรอก”คำพูดของชีสทำเอาผมต้องรีบเคลียร์ทุกอย่างเพื่อเย็นนี้เสียแล้ว ชีสคุยกับผมอีกนิดหน่อยพร้อมกับบอกโรงพยาบาลที่พ่อพวกเค้ารักษาตัวก่อนจะวางสายไป ผมไม่ลืมที่จะขอเบอร์ผู้ช่วยอย่างชีสไว้ด้วย จะได้ไว้ขอคำปรึกษาจากเค้าเพราะชีสคงมีอะไรดีๆแนะนำผมให้พิชิตใจพี่ชายเค้าได้แน่ๆ




ตกเย็นผมเคลียร์งานเรียบร้อย แวะหาซื้อของเยี่ยมคนป่วยเป็นพวกของบำรุงนิดหน่อย ผมไม่ค่อยรู้ว่าคนที่เป็นความดันต้องบำรุงอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ก็เลยซื้อสุ่มไปก่อน หวังว่าที่ผมซื้อไปจะไม่ใช่ของต้องห้ามสำหรับคนป่วยนะ ผมไม่ได้ทานข้าวเย็นไปก่อนตามคำแนะนำของชีส เพราะจะได้ชวนเค้กไปทานข้าวได้ ชีสบอกว่า เค้กจะยังไม่ทานข้าวแน่นอนเพราะปกติจะแวะเฝ้าคุณพ่อก่อน แล้วหัวค่ำตอนกลับค่อยออกมาหาไรกิน คนที่นอนเฝ้าคุณพ่อคือคุณแม่นั่นเอง แต่ชีสก็ไปเฝ้าด้วยเกือบทุกวันแต่กว่าจะไปก็อาจจะดึกหน่อย บางวันเค้กก็อยู่เป็นเพื่อนแม่จนกว่าชีสจะมา หรือบางวันชีสก็จะมาพร้อมแม่จากบ้าน ตอนที่แม่กลับไปเอาของที่บ้านระหว่างที่เค้กเป็นคนอยู่เฝ้าในช่วงเย็น

ผมเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องคนไข้ที่ชีสบอกไว้ คงไม่ถือเป็นการเสียมารยาทนะเพราะปกติ ห้องในโรงพยาบาลเค้าก็คงไม่มีใครรอให้คนในห้องมาเปิดประตูให้ พอเข้าไปผมเห็นภาพคุณพ่อกับคุณลูกกำลังคุยกันอยู่ แต่คงเพราะเสียงที่ผมเปิดประตูเข้ามาแม้จะไม่ดังมากแต่ก็ทำให้ทั้งสองหันมามองผม

“สวัสดีครับคุณพ่อ”ผมยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวคำทักทาย ก่อนจะยื่นของเยี่ยมให้กับเค้กซึ่งมองผมอย่างแปลกใจว่าไปยังไงมายังไงถึงได้มานี่ได้

“ไปไงมาไงละลูก”เหมือนคุณพ่อจะรู้ว่าลูกชายตัวเองสงสัยแต่ด้วยเพราะมีฟอร์มคุณพ่อเลยถามแทน

“ก็พอดีแวะไปหาเค้กที่บ้านนะครับ แล้วเห็นชีสบอกว่าคุณพ่ออยู่นี่ก็เลยมาเยี่ยมนะครับ”ผมตอบออกไปอย่างมีไมตรี ก่อนมาผมไม่ได้แวะเข้าไปที่บ้านของพวกเค้าหรอกนะครับ แต่เพื่อความสมจริง เจ้าชีสบอกผมว่ามีช่วงที่คุณแม่ออกไปซื้อของเดี๋ยวจะบอกว่าผมแวะเข้าไปช่วงนั้น นี่ผมไม่ได้วางแผนอะไรเองนะเนี่ย เป็นการให้ความร่วมมือจากเจ้าชีสล้วนๆ โกหกผู้หลักผู้ใหญ่แบบนี้ผมจะบาปไหมน้อ

“แล้วนี่เจ้าชีสกับแม่จะมาตอนไหน”คุณพ่อเอ่ยถามถึงอีกสองคน

“เห็นชีสว่ารอคุณแม่ไปซื้อของนะครับตอนที่ผมแวะเข้าไป”อันนี้ต้องโกหกต่อเนื่องเพื่อความสมจริง คุยกันสักพักแม่กับเจ้าชีสก็มาถึง ก็กล่าวทักทายกันพอประมาณ ดีที่ผมพอจะคุ้นเคยกับครอบครัวนี้มาพอสมควรแล้ว แม้จะห่างเหินกันไปนานแต่มันก็ช่วยให้ผมไม่เคอะเขินมากนัก จะมีเขินๆ นิดหน่อยก็ตรงที่คิดว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องมาเป็นพ่อตาแม่ยายผมนี่สิ

“นี่ยังไม่ได้กินข้าวกินปลากันใช่ไหมลูก”คุณแม่เริ่มถามด้วยความห่วงใย เจ้าชีสแอบยักคิ้วให้ผมเล็กน้อยเป็นสัญญานว่าเดี๋ยวผมต้องเริ่มแผนการขั้นต่อไปด้วย

“ยังไม่หิวนะแม่”เค้กตอบเหมือนไม่ค่อยจะใส่ใจ ปกติแม่กับชีสจะทานกันเรียบร้อยมาจากบ้าน เพราะเค้กจะให้ที่บ้านเตรียมไว้ให้ตอนกลับค่อยทานที่บ้าน ส่วนคุณพ่อก็จะทานที่ทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้ และวันนี้ชีสน่าจะจัดการให้ผมแล้วว่าไม่ให้คุณแม่เตรียมกับข้าวไว้ให้เค้ก

“แต่แม่ไม่ได้เตรียมกับข้าวไว้ให้นะ เห็นว่าลูกเกี๊ยงมาเลยจะให้ลูกเกี๊ยงพาลูกชายแม่ไปกินข้าวหน่อย ช่วงนี้ยิ่งดูเครียดๆอยู่ ไปกับเพื่อนกับฝูงบ้างเผื่อจะรู้สึกดีขึ้น ยังไงแม่ฝากหน่อย”คุณแม่คุยกับเค้กก่อนจะหันมาบอกผมอีกที ไอ้ผมก็ตอบตกลงแทบจะทันทียังแอบคิดว่านี่คุณแม่กำลังเปิดทางต้อนรับลูกเขยอย่างผมหรือเปล่า แต่ก็ยังไม่ปักใจเพราะเหมือนเค้กจะมีปัญหาอะไรอยู่หรือเปล่า

แถมเจ้าตัวเค้าเองก็ตั้งแง่ปฏิเสธไม่ยอมไปกับผมท่าเดียว แต่ก็โดนคุณแม่พูดโน้มน้าวแกมบังคับ จนในที่สุดก็ยอมมากับผมจนได้ เราไปทานข้าวกันที่ร้านอาหารไทย ที่ตกแต่งร้านได้ดูร่มรื่นดี บรรยากาศเปิดเพลงเบาๆ ใช้ได้ทีเดียวเหมาะกับคู่รักอย่างผม(ขี้ตู่อีกแล้วตู)

“ดูเครียดๆ เป็นไรหรือเปล่า”ผมเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเพราะดูๆ เค้กออกจะกังวลอะไรบางอย่างอยู่ไม่น้อย

“เราทำให้พ่อความดันขึ้น ทำให้พ่อต้องเข้าโรงพยาบาล”แล้วเค้กก็ร้องไห้ออกมาเหมือนอัดอั้นมานาน จนผมอดจะตกใจไม่ได้ แต่ก็ปลอบเค้าทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไง นี่มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ




------------------------------------
แวะมาต่อก่อนไปลอยกระทงคร๊าบบบบ

สุขสันต์วันลอยกระทงทุกคนนะครับ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง [6-11-2014]
«ตอบ #33 เมื่อ06-11-2014 23:52:49 »

แลดูคู่นี้ไม่ค่อยมีปัญหานะ ค่อยๆเรียนรู้กันไป  :hao3:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [6-11-2014]
«ตอบ #34 เมื่อ08-11-2014 15:37:42 »

Ta-kiang




“ดีขี้นไหม”ผมยื่นทิชชู่ให้เค้าซับน้ำตา โดยที่ตอนนี้ผมถือวิสาสะย้ายมานั่งข้างเค้าเรียบร้อย จากที่ตอนแรกนั่งอยู่ตรงข้ามกันคนละฝั่ง เค้กเช็ดน้ำตา พร้อมกับพยักหน้าบอกผมว่าเริ่มรู้สึกดีขึ้น คงเพราะได้ร้องได้ออกมาแล้วนั่นเอง ผมเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าการร้องไห้ก็เป็นวิธีที่จะช่วยทำให้ผ่อนคลายได้เหมือนกัน บางทีอัดอั้นหรือเก็บอะไรไว้ในใจมากๆ บางทีพอร้องไห้มันก็เหมือนได้ระบายออกมา

“เรานี่ขี้แยเนอะ มาร้องได้อะไรเอาตรงนี้ โทษทีนะ”เค้กบอกอย่างเขินๆ นี่คงจะรู้สึกอายๆขึ้นมาละมั้งเนี่ย เพราะดูหน้าเค้ามีสีแดงระเรื่อขึ้นมาหน่อยๆ ว่าแต่นี่เค้าหนักอกหนักใจอะไรกันนะ แถมยังบอกว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อเค้าความดันขึ้นอีก แต่ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลผมก็เห็นเค้กกับพ่อก็ดีๆ กันอยู่ไม่น่าจะมีอะไรนี่นา ต่อมความอยากรู้ของผมเริ่มทำงานมากขึ้น แต่จะให้ถามตรงๆ มันก็ดูจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“อยากเล่าหรือระบายอะไรไหม”ผมถามออกไปเป็นการหยั่งเชิงเพราะถ้าบางทีเค้าอาจไม่อยากเล่าอะไร ผมก็คงไม่มีสิทธิ์ที่จะละลาบละล้วงเค้าใช่ไหมครับ แต่ถ้าเค้ายอมเล่านี่แสดงว่าเค้าคงเริ่มเปิดใจรับผมมากขึ้นแล้วละมั้ง

“ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี”เค้าเหมือนทำท่านึก นี่แสดงว่าเค้ากำลังจะเล่าให้ผมฟัง ผมยิ้มให้เค้าอย่างที่คิดว่าจริงใจที่สุดในชีวิต กะให้เค้าสัมผัสถึงความจริงใจที่ผมมีให้เค้าบ้าง

“จำผู้ชายคนที่เราเคยเจอที่ลานเบียร์ได้ไหม”คำถามที่เค้าตั้งเอากับผมทำให้นึกย้อนไปเมื่อวันที่ผมได้เจอเค้าครั้งแรกหลังจากไม่ได้เจอกันเสียนาน วันที่ผมตามเค้าไปบาร์เกย์ ก่อนจะไปดื่มกันและจบลงที่คอนโดของผม แค่คิดก็รู้สึกอยากกลับไปวันนั้นอีกสักครั้ง อ้าวเฮ้ย นี่เค้าให้ผมนึกถึงไอ้คนที่เจอกันที่ลานเบียร์นี่นา ผมพยักหน้าว่าจำได้ก็ไอ้คนที่เคยเป็นแฟนกับเค้ก แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงหว่า

“เค้าไปหาเราที่บ้าน ตามไปง้อให้เราคืนดีกับเค้า ตื๊ออยู่หลายวัน แต่โดนเราปฏิเสธตลอดเค้าเลยโมโหมีปากเสียงกันพอสมควร แล้วพ่อดันมาเจอตอนทะเลาะกันพอดี แม้ว่าที่บ้านเราจะรู้ว่าเราเป็นเกย์ แต่พ่อเราที่เป็นโรคความดันอยู่แล้ว และท่านก็เครียดๆ กับที่เราเปลี่ยนคนที่คบด้วยบ่อยๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอไอ้บ้านั้นตะโกนด่าเราปาวๆ ว่าสำส่อนมั่วไม่เลิก พ่อเลยเป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ ถึงพ่อจะบอกว่าไม่ใช่เพราะเรา ไม่อยากจะโทษว่าเป็นความผิดเรา พ่อมักจะบอกว่าท่านแก่แล้วมันก็ต้องมีเจ็บป่วยแบบนี้เป็นธรรมดา แต่เรารู้ว่าที่เป็นแบบนี้มันเพราะตัวเราเอง ทำไมกัน ทำไมเราต้องเป็นคนแบบนี้”เค้กมีน้ำตาปริ่มๆ ออกมาอีกแล้ว จนผมต้องดึงตัวเค้าซบมาที่ผม ฟังแล้วก็ชักนึกโมโหไอ้บ้าลานเบียร์นั่นจริงๆ เลย มาทำให้ครอบครัวเค้าปั่นป่วน แต่เอะจากที่เค้กเล่ามา มันเหมือนจะมีข้อดีสำหรับผมอยู่บ้างนะเนี่ย เพราะถ้าคุณว่าที่พ่อตาไม่อยากให้ลูกชายสุดที่รักเปลี่ยนแฟนบ่อย เดี๋ยวผมจะอาสาเป็นแฟนถาวรให้ลูกชายคุณพ่อเองครับ
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ท่านก็แค่เป็นห่วงเค้กเท่านั้นแหละ จากนี้ไปถ้าไม่อยากให้ท่านเป็นห่วงอีกเค้กก็ไม่ต้องเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ แบบนั้นอีกไง แล้วก็ยกตำแหน่งนั้นให้เราเดี๋ยวจะรักษาไว้เท่าชีวิตเลย”ผมพูดที่เล่นทีจริงให้เค้าผ่อนคลายขึ้นบ้าง แต่พอเค้าเงยหน้ามามองผม ผมก็จ้องตอบด้วยแววตาที่มุ่งมั่นเพื่อให้เค้ารับรู้ว่าผมหมายความอย่างที่พูดจริงๆ

“คบเกี๊ยงเป็นแฟนมีแต่พ่อเราจะทรุดหนักกว่าเดิมละไม่ว่า”เค้าพูดอย่างล้อๆ ก่อนจะขืนตัวออกจากผม แหมจะรีบออกไปไหนยังสูดกลิ่นเค้กไม่เต็มปอดเลย

“ไหงงั้นอ่ะ เราออกจะเตรียมตัวเป็นลูกเขยที่ดีรอแล้วนะเนี่ย”เมื่อเห็นเค้าเริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ปฏิบัติการของผมก็ต้องเริ่มขึ้นอีกครั้ง โอกาสอย่างนี้ต้องรีบคว้าครับ แต่เค้าแสร้งทำเป็นไม่สนใจคำพูดของผม

“ไปนั่งฝั่งนู้นได้แล้ว ทานข้าวกันดีกว่า ชักหิวแล้ว”เค้าผลักไสให้ผมไปนั่งอีกฝั่งตรงข้ามเค้า ผมแกล้งยื้อยุดกับเค้าเล็กน้อย ก่อนจะยอมย้ายไปนั่งอีกฝั่ง

“วันหยุด เราไปดูหนังกันไหม”เสาร์อาทิตย์นี้ผมว่างหลังจากโหมงานหนักมาหลายสัปดาห์แล้ว ส่วนเค้กคิดว่าเค้าไม่น่าจะติดธุระอะไร อีกอย่างดูคุณพ่อเค้าก็คงอีกไม่กี่วันน่าจะกลับบ้านได้แล้ว คงจะไม่เป็นการเสียมารยาทเท่าไหร่ที่จะชวนเค้กออกเดท

“เราไม่ว่างไว้วันหลังแล้วกันนะ”คำตอบของเค้าทำเอาผมต้องถอนหายใจ อะไรกันนึกว่าเค้าจะว่างไปกับผมเสียอีก

“วันหยุดยังต้องทำงานอีกเหรอ”ผมพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจหน่อยๆ เพื่อให้เค้าสงสารเผื่อจะเปลี่ยนใจไม่ทำงาน แล้วไปเดทกับผมแทน เค้าคงไม่เสียการเสียงานเท่าไหร่หรอก แต่ถ้างานเสียมีปัญหาหรือโดนไล่ออกก็ไม่เป็นไร แฟนคนเดียวผมเลี้ยงได้ แหมๆไม่ทันไรดันแช่งให้เค้าโดนไล่ออกซะแล้วผม

“ไม่ได้ทำงานหรอก พอดีต้องไปธุระต่างจังหวัดหน่อย”อ้าวไม่เห็นบอกกันบ้างเลยว่าจะไปต่างจังหวัด (ก็กำลังบอกอยู่นี่ไงฟร่ะ ไอ้ฟาย)

“ไปทำอะไรเหรอ”ถึงจะเสียมารยาทละลาบละล้วง แต่ผมก็ต้องฝึกเค้าเอาไว้หน่อย ให้เค้กชินเวลาเราเป็นแฟนกันจริงๆ จะได้ไม่มีเรื่องอะไรปิดบังกัน จะไปไหนมาไหนต้องบอกเล่าให้อีกฝ่ายทราบบ้าง

“ไปงานแต่งนะ”

“ไม่เห็นชวนกันบ้างเลย”ผมแสร้งทำเป็นน้อยใจ ทั้งๆที่จะน้อยใจเค้าทำไมเพราะงานแต่งใครก็ไม่รู้ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมเท่าไหร่

“ไม่ใช่งานเรานิจะได้เชิญใครไปได้ตามใจชอบ”เค้กหันมาว่าผมอย่างไม่จริงจังนัก

“ถ้างานเค้กไม่ต้องเชิญยังไงเราก็ต้องไปอยู่แล้ว”ผมบอกออกไปยิ้มๆ แต่เค้กทำหน้างงๆ อย่างไม่เข้าใจผมเลยต้องอธิบายต่อ

“ก็เราต้องไปเป็นเจ้าบ่าวให้เค้กอยู่แล้วนี่นา จริงไหม”พูดจบก็ยิ้มประจบประแจงเค้าเต็มที่

“ไอ้บ้า ทะลึ่ง”เค้าว่าผมอย่างงอนๆ แต่ผมไม่ถือเค้าหรอก ออกจะน่ารักขนาดนี้ ว่าอะไรผมก็ไม่ถือสาทั้งนั้นแหละ

“แต่จริงๆ งานแต่งนี่ก็เพื่อนเรานี่แหละ เกี๊ยงจำไอ้เอกได้ไหม เพื่อนที่เคยเรียนมัธยมด้วยกันนะ”ผมพยายามนึกถึงเพื่อนคนที่เค้กพูดถึง ก็พอจะจำได้ลางๆ เพราะมันก็หลายปีมาแล้ว ป่านนี้คงเปลี่ยนไปเยอะแล้ว ผมพยักหน้ากับเค้กว่าพอจะจำไอ้เอกนี่ได้บ้าง

“ที่เอกมันไม่เชิญเกี๊ยงคงเพราะไม่มีที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อมั้ง แต่ที่มันติดต่อเราได้เพราะตอนม.ปลายมันก็เรียนที่เดิมเหมือนเรานั่นแหละ งานนี้เพื่อนๆ สมัยมัธยมคงไปเยอะพอสมควร”แบบนี้ถ้าผมขอเนียนตามไปด้วยก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรใช่ไหมครับ เพราะก็ถือว่าเจ้าบ่าวเป็นเพื่อนผมเหมือนกัน

“เกี๊ยงจะไปไหมล่ะ แต่เจ้าภาพเค้าไม่ได้เชิญแบบนี้ กล้าไปอยู่เหรอ”แนะดูพูดเข้า ที่รักของผม เค้าไม่ได้เชิญผมแต่เชิญเค้กแค่นี้ผมก็ไปได้แล้ว เพราะอะไรนะเหรอครับ

“เดี๋ยวเราไปในฐานะแฟนเค้กไง แค่นี้ก็ถือว่าเค้าเชิญแล้วเพราะเค้าไม่ได้บอกนิว่าเค้กต้องไปคนเดียว เค้าคงให้พาแฟนได้ด้วยได้ใช่ไหมละ”คนอย่างนายตะเกียงซะอย่าง เนียนไปเรื่อยแหละครับ เค้กกำลังตั้งท่าจะว่าผมอีกแล้วแต่ผมชิงพูดต่อขึ้นเสียก่อน

“แล้วบ้านไอ้เอกไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯนี่เหรอ ทำไมต้องไปแต่งที่ต่างจังหวัดด้วย”ผมเอ่ยออกไปด้วยความสงสัยเพราะจำได้ว่าเพื่อนคนนี้ก็คนกรุงเทพฯ นี่นา เราเรียนด้วยกัน หรือมันย้ายบ้านไปอยู่ต่างจังหวัดแล้วหว่า

“ก็ไปแต่งที่บ้านแฟนมันไง”เค้กตอบอย่างเสียไม่ได้แต่เหมือนจะยังเคืองๆ ที่ผมตู่เอาว่าจะไปในฐานะแฟนเค้านะเนี่ย

“แล้วตกลงจะให้เราไปด้วยได้หรือเปล่าเนี่ย”ต้องรีบตกลงครับเดี๋ยวจะไม่ได้ไปกับเค้า

“อยากไปก็ไปสิ ใครจะไปห้ามนายได้กันล่ะ”เหอๆ ตอบแบบนี้ก็เสร็จผมสิครับ

“แสดงว่าตกลงเป็นแฟนกับเราแล้วใช่ไหม”เค้าหันมามองผมแทบจะทันทีคงจะไม่เขาใจละสิว่าทำไมผมพูดทึกทักเอาแบบนี้

“ก็ถ้าเราจะไปได้ก็ต้องไปในฐานะแฟนเค้ก แล้วนี่เค้กให้เราไปด้วยก็แสดงว่าเราสองคนเป็นแฟนกันแล้ว ทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย”คำหลังนี่ผมเน้นเป็นพิเศษ พร้อมสายตาเจ้าชู้ที่ส่งให้เค้าอย่างมีความนัยแฝงไว้เต็มที่ แต่เค้ากลับเชิดหน้าใส่ผมซะงั้น จากตอนแรกที่เหมือนจะว่าผม แต่คงวิเคราะห์แล้วว่าพูดอะไรมาไอ้คนอย่างผมมันตีความเอาเข้าตัวหมดอยู่แล้ว เลยถือคติไม่ต่อความยาวสาวความยืดใช่ไหมล่ะ แต่เสียใจด้วยการเงียบเช่นนี้ก็เข้าทางผมเหมือนกัน

“ไม่ตอบนี่แสดงว่าเป็นอันตกลงแล้วนะ”เค้าหันมาอ้าปากเตรียมพร้อมเต็มที่แต่ผมก็ทำหน้าทะเล้นใส่โดยไม่สนใจท่าทีของเค้า ยังไงซะการไปต่างจังหวัดคราวนี้ผมก็จะไปในฐานะแฟนของเค้า เอะว่าแต่ไปนี่ต้องค้างคืนด้วยหรือเปล่าน้า เหอๆ แบบนี้มันต้องมีลุ้นอะไรดีๆ ซะแล้ว

และแล้ววันที่ต้องไปต่างจังหวัดก็มาถึง ตอนนี้คุณพ่อของเค้กก็ออกจากโรงพยาบาลมาเรียบร้อยแล้ว เค้กเองก็ดูสบายใจขึ้นเยอะแล้วละครับ วันนี้เราตกลงกันว่าจะออกเดินทางช่วงเช้าของวันเสาร์เพราะงานเค้าจัดกันตอนเย็น จังหวัดที่เราจะไปกันก็ขับรถประมาณห้าหก ชั่วโมงก็คงถึงบ่ายๆ เห็นเค้กว่าทางเจ้าภาพเตรียมโรงแรมที่พักไว้ให้เหมือนกันแต่อาจจะไม่เพียงพอ เราเลยตกลงกันว่าจะหาที่พักเอง อีกอย่างหลังจากเสร็จงานก็คงค้างคืนก่อน ค่อยกลับตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ไอ้ผมละนับวันรอให้ถึงวันนี้วันที่จะได้ไปค้างคืนกับเค้กสองคน งานนี้ยังไงไอ้ตะเกียงต้องกินเค้กให้ได้ ฮ่าๆๆ สงสัยใกล้บ้าเต็มทีแล้วครับผม

“ขับรถดีๆ นะ ถ้าลูกเกี๊ยงไม่ไหวก็เปลี่ยนให้เจ้าเค้กขับบ้างก็ได้นะ”คุณแม่สั่งความตอนที่ผมเข้าไปรับเค้กที่บ้าน

“ไม่ต้องห่วงครับยังไงก็ไหว”ผมบอกออกไปอย่างขึงขัน พร้อมกับเบ่งกล้ามโชว์คุณแม่ซะเลย คุณแม่หัวเราะชอบใจใหญ่แต่อีกคนดูจะเริ่มหมั่นไส้ผมเสียแล้วมั้งนะ ก็กล่าวล่ำลาคุณแม่แล้วก็ออกเดินทางกันครับ ระหว่างทางผมก็หยอดเรื่อยๆ แหละครับ เผื่อเค้กจะยอมใจอ่อนบ้าง เราถึงที่หมายในช่วงบ่ายนิดหน่อย เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลางานเริ่ม หลังจากเลือกโรงแรมที่จะพักได้ และทานอาหารกลางวันที่มาทานเอาตอนบ่ายเรียบร้อยแล้ว ก็กะว่าจะงีบพักซักหน่อยเพราะ รู้สึกล้าๆ จากการขับรถมาเหมือนกัน กะว่าใกล้ถึงเวลาแล้วค่อยพากันอาบน้ำแต่งตัวไปที่งาน

“นอนพักหน่อยไหม”ผมเอ่ยถามอีกคนพร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แถมด้วยการส่งสายตาหื่นๆ ใส่เค้า จริงๆ ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรเค้าหรอกนะครับ เพราะเดี๋ยวจะไม่มีแรงไปงานกันเสียก่อน เอาไว้รองานเลิกคืนนี้ดีกว่า เหอๆ

“ตามสบายเถอะเราไม่ง่วง”เค้าตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก แต่ผมว่าเค้าคงกลัวๆ ผมอยู่นะเนี่ยก็เล่นไปนั่งที่โซฟา ดูทีวีอยู่ตั้งไกล แต่ช่างเหอะผมขอนอนพักเอาแรงไว้สำหรับคืนนี้ดีกว่า ว่าแล้วผมก็ค่อยๆ หลับตาลงก่อนจะเริ่มไม่รู้สึกตัวอีก

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนที่รู้สึกว่าได้ยินเสียงเรียกของใครอีกคน คาดว่าน่าจะได้เวลาอันสมควรที่จะต้องอาบน้ำแต่งตัวกันแล้ว ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียเหมือนคนที่ยังไม่อยากตื่น พอลืมตาก็ประเมินสถานการณ์แล้วว่าเค้กเองก็ยังไม่ได้อาบน้ำ สมองผมเริ่มคิดแผนการบางอย่างอีกครั้ง เมื่อเค้าบอกว่าให้ลุกอาบน้ำแต่งตัวเพราะใกล้ได้เวลาแล้ว

“เค้กไปอาบก่อนนะขอนอนต่ออีกนิด อาบเสร็จแล้วเรียกเราด้วยนะ”ผมบอกอย่างงัวเงียแล้วก็แกล้งดึงผ้าห่มคลุมปิดหน้า ให้เหมือนคนที่ยังไม่ตื่นเต็มที่

“งั้นเดี๋ยวเราอาบเสร็จแล้วจะมาเรียกนะ”เค้าบอกก่อนจะลุกออกไป ผมหรี่ตามองเค้าถอดเสื้อผ้าและก็ใส่เพียงผ้าผืนเดียวพันกายท่อนล่างเท่านั้น ผมต้องกลืนน้ำลายลงคงอย่างยากลำบากกับภาพที่เห็น ช่างขาวเนียนเหลือเกิน แต่ก็ต้องบอกกับตัวเองว่าอดทนไว้ก่อน อดทนไว้ พอเค้าหายเข้าห้องน้ำไป ผมก็ตั้งตารอ ว่าเมื่อไหร่เค้าจะออกมาเสียที ผมรออยู่นานพอควรก็เห็นว่าเสียงน้ำจากภายในห้องเงียบลงไปแล้ว แสดงว่าอีกไม่นานเค้าก็คงออกมาแล้ว ผมแกล้งทำเป็นหลับต่อ แต่หูพยายามเงี่ยฟังเสียงว่าเค้าจะออกมาหรือยัง

ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเปิดประตูออกมา ตามมาด้วยเสียงฝีเท้า และเสียงเรียกชื่อผม ให้ตื่น แต่ผมยังคงแกล้งหลับไม่รู้เรื่อง เมื่อเห็นผมยังไม่ตื่น เสียงฝีเท้าก็เหมือนจะใกล้ผมเข้ามาเรื่อยๆ แล้วก็มาหยุดอยู่ข้างเตียงที่ผมนอนอยู่ แต่ทำไมเค้าเหมือนนิ่งเงียบอยู่ละ ผมกำลังรู้สึกว่าเค้ากำลังจ้องมองผมอยู่นะเนี่ย ผมได้กลิ่นหอมจางๆ อยู่ใกล้ๆ คงเป็นกลิ่นอะไรไปไม่ได้นอกจากกลิ่นกายของเค้านั่นเอง แม้ไม่ได้ลืมตาผมก็เดาได้ว่าเค้าคงยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแน่นอน หึๆ ผมได้แต่นึกภาพของเค้าว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่

“เกี๊ยง ตื่นได้แล้ว”เสียงเรียกอยู่ใกล้ๆ ผม พร้อมกับสัมผัสถึงมือเนียนนุ่มที่ตบเบาๆ ตรงแก้มผม ผมแอบยิ้มในใจก่อนจะลืมตาขึ้น และด้วยความรวดเร็วโดยที่เค้าไม่ทันตั้งตั้ง ผมฉุดเค้าให้ล้มทับลงมาบนตัวผม สองมือกอดรัดเค้าไว้ในทันที รอยยิ้มที่คงจะเจ้าเล่ห์ของผมถูกส่งออกไปให้เค้าได้เห็นในระยะใกล้ๆ เพราะตอนนี้เค้าล้มทับผมอยู่ สีหน้าเค้าดูตกใจไม่น้อย พร้อมกับการที่กำลังดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของผม

“เล่นอะไรเนี่ย ปล่อยเถอะ แล้วลุกไปอาบน้ำได้แล้ว”เค้าบอกอย่างอายๆ ก่อนจะหยุดดิ้น เพราะยิ่งเค้าดิ้นสภาพเค้ายิ่งดูหล่อแหลมกับการที่มีเพียงผ้าพันกายท่อนล่าง มือผมลูบไล้ไปบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเค้าอย่างจาบจ้วง พอเห็นเค้านิ่งผมก็ขยับตัวโน้มหน้าขึ้นไปหา สองแก้มของเค้าที่ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีลูกตำลึงช่างน่าลิ้มลองเหลือเกิน แต่ผมว่าริมฝีปากบางนั้นต่างหากที่น่าลิ้มลองมากกว่า ผมค่อยๆ ขยับริมฝีปากเข้าหาเค้า น่าแปลกที่เค้าเองก็ไม่ได้ขัดขืนกลับขยับเข้ามาหาผมเสียด้วยซ้ำ แล้วปากของเราสองคนก็ประกบเข้าหากัน ผมสอดลิ้นเข้าไปหยอกเย้ากับลิ้นของเค้า ซึ่งเค้าไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด ผมลิ้มรสหวานของลิ้นเค้าอย่างโหยหา เพราะผมก็ไม่ได้มีโอกาสสัมผัสเค้าหรือใครๆ มานานมากแล้ว ความต้องการของผมตอนนี้รู้สึกมันจะมีมากมายแล้วเหลือเกิน 

สองมือที่ลูบไล้แผ่นหลังของเค้าเริ่มเลื่อนต่ำลงไปจนถึง ผ้าที่พันกายท่อนล่าง ก่อนจะหายเข้าไปยังแก้มก้นกลมกลึงของเค้าที่อยู่ภายใต้ผ้านั้น

“อ๊า...”เค้าถอนริมฝีปากออกจากผมก่อนจะมีเสียงที่แหบพร่าหลุดออกจากปาก ผมมองตามริมฝีปากนั้นอย่างเสียดาย มือเค้าเอื้อมมาจับสองมือซุกซนของผมให้หยุดนิ่ง ก่อนจะค่อยๆ ยันกายลุกออกจากผม

“ไปอาบน้ำเถอะ”เค้าลุกขึ้นหันหลังให้ผม ทำให้ผมต้องส่งสายตาละห้อยตาม แต่ไม่เป็นไรยังไงคืนนี้ก็ยังมี ยังไงเสียดูเหมือนวันนี้เค้าจะคล้อยตามผมอยู่ไม่น้อย เหมือนความหวังผมจะเริ่มใกล้ความจริงแล้วนะเนี่ย ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ ด้วยหัวใจพองตัว คืนนี้เจอกันใหม่นะเค้กนะ

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เราก็เดินทางไปยังโรงแรมที่จัดงานทันที เหมือนเค้กจะเขินๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนผมเข้าไปอาบน้ำทำให้เค้าคอยหลบตาผม ไม่กล้ามองหน้าผม แต่ผมว่าเค้าก็น่ารักดีนะ ไม่ว่าเค้กทำอะไรก็ดูน่ารักน่ากินไปหมดแหละครับในสายตาผม ตอนนี้ผมเริ่มไม่ค่อยจะสนใจงานต่งงานแต่งสักเท่าใดแล้วละครับ สนใจแต่ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับห้องพักเสียทีมากกว่า

“ตกลงจะนั่งจ้องกันอยู่แบบนี้ไม่เข้างานใช่ไหม”เค้กสะกิดเรียกผมที่เอาแต่จ้องมองเค้าไม่ยอมลุกเสียทีทั้งที่มาถึงงานแล้ว

“อ้าวเค้กนึกว่าจะเบี้ยวไม่มาเสียแล้ว”เสียงเจ้าบ่าวทักทายทันทีที่เราสองคนเข้าไปถึงทางเข้างาน เค้กหยิบกล่องของขวัญที่เตรียมมาส่งให้คู่บ่าวสาว

“แหมเพื่อนแต่งงานทั้งที ก็ต้องมาร่วมแสดงความยินดี ยังไงก็ยินดีด้วยแล้วกันนะ รีบๆมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองล่ะ”ผมเห็นไอ้เอกเจ้าบ่าวเหล่ๆ มองมาทางผม ผมจำได้แล้วละครับว่าไอ้เอกนี่คือใคร แต่ก่อนตอนที่ผมเรียนกับพวกเค้าเราก็ซี้ปึกกันในระดับนึงเหมือนกัน แต่นี่ดูท่ามันจะจำผมไม่ได้นะเนี่ย

“ใครอ่ะ”ไอเอกกระซิบถามกับเค้ก แต่เค้กกลับหันมามองผมแล้วยิ้มแต่ไม่ได้ตอบ ส่วนไอ้เอกกลับมองมาทางผมอย่างมีเลศนัย

“ไอ้เค้กอย่าบอกนะว่านั้นแฟนมรึง แหมนี่กะพามาเปิดตัวเลยใช่ไหมมรึง”คิดว่าเพื่อนๆ สมัยม.ปลายคงรู้อยู่แล้วละครับว่าเค้กเองชอบผู้ชาย แต่คำพูดไอ้เอกนี่ช่างโดนใจผมจริงๆ แต่ดูเค้กจะไม่ค่อยพอใจคำตอบนั้นเท่าไหร่หรอกนะครับเห็นทำหน้ามุ่ยๆ หน่อยๆ เค้กคงคิดว่าไอ้เอกจะจำผมได้เลยไม่ได้แนะนำ แต่ไอ้เจ้าบ่าวนี่ก็คงจำไม่ได้แหละครับ ก็คนไม่ได้เจอกันตั้งนานนี่เนอะ

“ไอ้บ้า...มรึงแหกตาดูดีๆซิ จำเพื่อนเก่าไม่ได้เลยหรือไง”เค้กต่อว่าพร้อมกับให้ไอ้เอกมองดูผมใหม่ จริงๆ ไม่ต้องว่ามันบ้าก็ได้นะ เพราะไอ้เอกมันก็พูดความจริงถูกแล้วนี่นา

“หน้าคุ้นๆ เหมือนกันนะ แต่นึกไม่ออกว่ะ”ไอ้เอกทำหน้าพยายามนึก ก่อนจะยิ้มออกมา

“ไอ้เกี๊ยง ไอ้เกี๊ยงจริงๆ ใช่ไหม เฮ้ยมาได้ไงเนี่ย”มันเดินเข้ามาจับผมเขย่า ไม่ต้องดีใจขนาดนั้นก็ได้เพื่อน แค่เจอเพื่อนเก่าไม่ใช่เจอแฟนเก่าเสียหน่อย

“เออกรูเองแหละ ทำเป็นจำเพื่อนจำฝูงไม่ได้นะมรึง”ผมว่ายิ้มๆ อย่างไม่ได้ถือสา พร้อมกับยื่นของขวัญให้ จริงๆตอนแรกกะว่าจะให้เป็นชิ้นเดียวกันกับเค้ก แต่เค้กไม่ยอมบอกว่าควรจะให้ใครให้มันดีกว่า ผมก็เลยต้องยอมตามใจเค้าครับ

“แล้วมรึงมาได้ยังไง กรูไม่ได้เชิญซะหน่อย”แหมไอ้นี่พูดซะ แต่มันก็คงแซวเล่นๆ ตามประสาเพื่อนฝูงนั่นแหละครับ แม้ไม่ได้เจอกันนานแต่มิตรภาพของเราก็ยังไม่จางหายหรอกครับ

“งั้นกรูกลับก่อนแล้วกันนะ”ผมแกล้งพูดกลับไป

“แหมไอ้นี่กรูล้อเล่นหรอกน่า เพื่อนมาร่วมยินดีทั้งที ยังไงก็ขอบใจมากที่มา ทั้งที่กรูไม่ได้ชวน ไปๆ เข้าไปข้างในกันดีกว่าเพื่อนๆคงดีใจที่ได้เจอมรึง”ไอ้เอกดันหลังผมเข้าไปก่อน แต่ยังฉุดเค้กไว้เพื่อพูดบางอย่าง แม้ไอ้เอกจะกระซิบแต่หูหาเรื่องของผมก็ผึ่งจนได้ยินเกือบจะชัดเจน

“ตอนแรกตกใจหมดนึกว่ามรึงพาแฟนมาเปิดตัว เพราะวันนี้พี่ตี้แกมาด้วยนะมรึง แกถามหามรึงด้วย เหมือนแกอยากจะปรับความเข้าใจบางอย่างกับมรึงนะ”ปรับความเข้าใจ ๆ ใครกันจะมาปรับความเข้าใจกับเค้ก เมื่อกี้ไอ้เอกบอกว่าชื่ออะไรนะ พี่ตี้งั้นเหรอ ชื่อคุ้นๆ แต่ไอ้พี่ตี้นี่มันใครกันว่ะ



----------------------------------------------------
คู่นี้อาจจะไม่หวือหวามาก ก็ต้องรอดูต่อไปนะคร๊าบบบ ว่าจะราบรื่นตลอดหรือเปล่า  o13

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [8-11-2014]
«ตอบ #35 เมื่อ09-11-2014 21:55:18 »

Cake
วันนี้เกี๊ยงมารับผมตั้งแต่เช้าเพื่อที่จะเดินทางไป งานแต่งของไอ้เอกที่ ตจว.เราไปถึงในตอนบ่ายหน่อยๆ จากการที่ต้องอยู่ในห้องกับเค้าสองคนมันทำให้ผมรู้สึก เกร็งๆ เพราะตั้งแต่วันที่ผมไปร้องไห้ต่อหน้าเค้าอันนั้นผมก็รู้อายๆ อยู่แล้ว แถมคำพูดทึกทักของเค้าที่เหมาเอาว่าผมเป็นแฟนแล้วนั่นอีก ผมยังงงกับตัวเองว่าทำไมผมไม่ปฏิเสธ แล้วยิ่งพอเค้าทึกทักเอาจากที่ผมเงียบแทนที่ผมจะโต้ตอบ แต่ก็เพียงแสดงอาการไม่ค่อยพอใจเท่านั้น แล้วยิ่งตอนนี้ที่พอมาอยู่ในห้องพักกับเค้าสองคน

เจอไอ้สายตาหื่นๆ ของเค้ามันทำให้ผมมีอาการแปลกๆ แปลกยังไงนะเหรอครับก็ผมดันหวั่นไหวขึ้นมานี่นะสิ เลยต้องพยายามอยู่ห่างๆ เค้าเอาไว้ เพราะผมกำลังกลัวใจตัวเอง คงเพราะผมอาจจะห่างเรื่องอย่างว่ามาค่อนข้างพักใหญ่แล้วก็เป็นได้ ทำให้มันหวั่นไหวได้ง่ายๆ แบบนี้ นี่ก็จากครั้งสุดท้ายที่ผมเผลอตัวไปกับเค้าในครั้งนั้น ร่างกายผมก็ไม่ได้ปลดปล่อยอีกเลย พอมาเจอการจ้องผมด้วยสายตาอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้เลยยิ่งต้องอยู่ห่างเค้าไว้น่าจะดีกว่า

แต่ดูเหมือนเกี๊ยงนี่ก็พยายามยั่วผมเหลือเกิน พอเค้าเรียกผมให้นอนพักบนเตียงกับเค้า ผมก็จำต้องปฏิเสธทั้งที่ตัวเองก็รู้สึกเพลียๆ เหมือนกัน เมื่อเช้าก็ตื่นมาตั้งแต่เช้า ทว่าผมต้องอยู่ให้ห่างเค้าเอาไว้ก่อนเลยแกล้งทำเหมือนสนใจจะดูทีวีเสียเต็มประดา จนเมื่อเห็นว่าเค้าหลับไปแล้วผมเองก็หลับตาลงเหยียดกายตรงโซฟานั่นเอง

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเย็นเห็นเกี๊ยงเองยังหลับอยู่ เลยกะว่าจะปลุกให้เค้าลุกอาบน้ำอาบท่าจะได้สดชื่น แต่เค้าก็ให้ผมอาบก่อน ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าไปชำระร่างกายจนเรียบร้อย แต่ออกมาเรียกเกี๊ยงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ว่าจะปลุกเค้า แต่พอมองเค้าที่หลับแน่นิ่ง ผมกลับเพ่งมองใบหน้ายามหลับของเค้าอยู่อย่างหลงใหล ริมฝีปากของเค้าช่างน่าสัมผัสเหลือเกิน นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย ผมรีบสลัดไล่ความคิดนั้นออกไป ก่อนจะแตะมือเบาๆที่หน้าเค้าเป็นการปลุก ทว่าเค้ากลับดึงผมลงไปนอนทับเค้า

เล่นเอาผมใจหายใจคว่ำ แต่แล้วผมกลับปล่อยให้เค้าทำตามอำเภอใจโดยไม่ได้ขัดขืน เราลิ้มรสหวานจากลิ้นของกันและกัน สมองผมกำลังมึนงงนี่ผมเป็นอะไรกัน ทำไมเหมือนผมกำลังมีความต้องการในตัวเค้า แต่ผมต้องสั่งตัวเองให้หยุดก่อนอะไรมันจะเลยเถิดเดี๋ยวจะไม่ได้ไปงานแต่งไอ้เอกกันพอดี แต่นี่ผมชักจะแปลกใจกับตัวเองเข้าไปทุกทีแล้วนะเนี่ย ผมเป็นอะไรไป ผมรีบบอกให้เกี๊ยงเข้าไปอาบน้ำ ส่วนผมก็แต่งตัวรอ

แอบโล่งใจที่ในที่สุดผมก็พากันมาถึงงานแต่งไอ้เอกจนได้ เราทักทายพูดจากันเล็กน้อย ตอนแรกไอ้เอกจำเกี๊ยงไม่ได้แถมยังคิดว่าเป็นแฟนผมซะอีก นี่ตกลงเราสองคนเหมือนเป็นแฟนกันขนาดนั้นเลยเหรอ

“ตอนแรกตกใจหมดนึกว่ามรึงพาแฟนมาเปิดตัว เพราะวันนี้พี่ตี้แกมาด้วยนะมรึง แกถามหามรึงด้วย เหมือนแกอยากจะปรับความเข้าใจบางอย่างกับมรึงนะ”ไอ้เอกกระซิบบอกกับผมก่อนที่จะเข้าไปในงาน พี่ตี้งั้นเหรอเค้ายังอยากจะมีอะไรคุยกับผมอีกอย่างนั้นหรือ เรื่องของผมกับพี่เค้ามันก็นานมากแล้ว และเราก็ต่างคนต่างไปไม่ได้ติดต่อกันมาตั้งนาน จะมีอะไรที่อยากจะคุยกับผมอีก

“รีบไปกันเถอะอยากเจอเพื่อนๆ แล้วดูซิจะมีใครจำเราได้บ้าง”เกี๊ยงที่เดินนำไปก่อนกลับมาจูงมือผมเดินตาม ผมมองหาโต๊ะที่มีเพื่อนคนที่พอจะรู้จักก็เจอกลุ่มนึงโบกไม่โบกมือมาทางผม ซึ่งดูแล้วก็น่าจะเรียกผมนั่นเอง

“โหไม่นึกว่าเพื่อนจะมากันเยอะขนาดนี้”ผมยืนมองที่โต๊ะของเพื่อนๆ พร้อมกับกวาดสายตาไปรอบโต๊ะ นี่หลายๆ คนไม่ได้เจอกันนานมากแล้วนะเนี่ย มีเพื่อนคนนึงรีบจัดแจงที่นั่งสองที่สำหรับผมกับเกี๊ยง แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนๆ จะยังดูไม่ออกว่าคนที่มากับผมคือใคร

“นี่ๆ จำได้หรือเปล่าว่านี่ใคร”ผมเลยต้องรีบกระตุ้นให้ทุกคนดูออกว่าไอ้คนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างผมนี่มันคือใคร ว่าแต่แล้วนี่เกี๊ยงมันจะยิ้มอะไรนักหนา

“แฟนคนไหนมรึงหรือไงเค้กกรูจะไปรู้จักไหม”หนึ่งเสียงดังขึ้นมา

“กิ๊กคนล่าสุดมรึงเหรอเนี่ย หล่อใช้ได้เลยนะ”เสียงที่สองตามมา

“ดูเหมาะสมกันดีนะ กะจะมาดูแนวทางงานนี้ไปใช้ในงานแต่งมรึงเหรอเค้ก”สามแล้วครับ

“แหมงานนี้มีหวังกิ๊กใหม่ต้องปะกับกิ๊กเก่าแน่ๆเลย”รู้สึกว่ามันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะครับเนี่ย ส่วนไอ้คนข้างๆผมกลับไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย กลับยิ้มรับทุกคำกล่าวหาอย่างสบายอารมณ์เหลือเกิน

“หยุด!!!!!”ผมรีบห้ามเสียงเซ็งแซ่ของบรรดาเพื่อนๆ ที่เริ่มจะวิพากษ์วิจารณ์ผมกับเกี๊ยงไปมากกว่านี้

“นี่พวกมรึงจำเพื่อนเก่าไม่ได้เลยเหรอ นี่เกี๊ยงไง”ผมต้องรีบเฉลยก่อนที่ความเข้าใจผิดจะมากไปกว่านี้ พอผมบอกว่าเกี๊ยงเท่านั้นแหละทุกคนจ้องเค้าเป็นตาเดียวเลย เพราะเพื่อนที่อยู่ในโต๊ะตอนนี้ก็เคยเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ม.ต้น ตอนที่เกี๊ยงยังเรียนด้วยกันนั่นแหละ

“แล้วมรึงสองคนไปเป็นแฟนกันได้ยังไงวะ สงสัยพวกเราต้องฉลองกันแล้วนะเนี่ยเพื่อนเราได้กันเอง”ตกลงว่าที่บอกไปว่านี่คือเกี๊ยงมันก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยใช่ไหม

“กรูว่าแล้วแมร่งแต่ก่อนเห็นมรึงสองคนตัวติดกันยังกะตังเม ที่แท้ก็แอบกิ๊กกันแต่ไม่ยอมบอกเพื่อนฝูงนี่เอง”ไอ้ตอนนั้นมันติดกันแค่สองคนที่ไหน พวกเมริงก็อยู่กับกรูด้วยตลอดนั่นแหละ มั่วไปเรื่อยจริงๆไอ้พวกนี้

“เฮ้ยไอ้เกี๊ยงมรึงระวังนะวันนี้กิ๊กเก่าไอ้เค้กมันมาด้วย เกิดถ่านไฟเก่าเค้าคุขึ้นมามรึงอาจจะแห้วได้”สนุกกันเข้าไปไอ้เพื่อนพวกนี้

“พวกมรึงเข้าใจอะไรผิดป่ะเนี่ย หรือแดรกเหล้ามากไป พูดเองเออเองกันทั้งนั้น ถามกรูสักคำไหม”ผมบอกอย่างเซ็งๆ แต่พวกมันก็ไม่ค่อยสนใจผมยังหัวเราะสนุกสนานชอบอกชอบใจกันเหมือนเดิม

“ไปไหนเหรอเค้ก”เกี๊ยงฉุดข้อมือผมไว้ตอนที่กำลังจะลุกออกจากโต๊ะ

“ไปห้องน้ำหน่อยนะ”ไม่ได้จะลุกหนีเพื่อนไปไหนหรอกครับ แค่จะไปทำธุระส่วนตัวนิดหน่อยเท่านั้นเอง

“เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน”เค้ารีบลุกตามผม

“อ้าวๆๆๆ นี่จะห่างกันไม่ได้เลยหรือไงพวกมรึง”แล้วเสียงเป่าปาก พร้อมคำแซวก็ตามมาอีกระลอกใหญ่ นี่พวกมันไม่เกรงใจคนอื่นบ้างเลยหรือไงทำยังกะทั้งงานมีกันอยู่แค่นี้ แต่คนอื่นเค้าก็เสียงดังเหมือนกันแหละว้า

“เกี๊ยงอยู่คุยกับเพื่อนๆ เถอะ”ผมแกะมือเค้าออกก่อนจะเดินตามทางไปห้องน้ำ ในห้องน้ำคนค่อนข้างเยอะนิดหน่อยคงเพราะในงานพากันดื่มแอลกอฮอล์เยอะเลยพากันปวดฉี่บ่อยๆ ละมั้ง ผมรออยู่สักพักก็ได้ทำธุระเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ

“น้องเค้กครับ”หนึ่งเสียงเรียกผมตรงทางเดินหน้าห้องน้ำทำให้ผมต้องหันไปมอง พอเห็นหน้าผมก็หลุดชื่อเค้าออกมาเบาๆ

“พี่ตี้”

ออฟไลน์ youuue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [9-11-2014]
«ตอบ #36 เมื่อ10-11-2014 07:31:22 »

โอ้...เรื่องเลี่ยงไม่ได้ของงานแต่งรุ่น...เกี๊ยงจะเอาไง
.สู้ :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [9-11-2014]
«ตอบ #37 เมื่อ10-11-2014 22:02:13 »

Ta-kiang

“เฮ้ยไอ้นั่นใครว่ะ”ผมเอ่ยถามเพื่อนที่นั่งข้างๆ พร้อมกับชี้ไปที่ผู้ชายอีกคนที่ เดินคุยกับสุดที่รักผมมาอย่างสนิทสนม

“อ๋อพี่ตี้ไง แกย้ายมาเรียนโรงเรียนเราตอนมรึงย้ายไปแล้ว ก็แฟนเก่าไอ้เค้กมันไง แล้วมรึงจะสนใจทำไมไม่เห็นจะเกี่ยวกับมรึงเลยนี่ไอ้เกี๊ยง”อ้าวไอ้นี่เมื่อกี้ยังทึกทักกันไปเองไม่ใช้เหรอว่าผมเป็นแฟนกับเค้ก ทั้งๆ ที่ผมเองยังไม่ได้เอ่ยปากบอกไอ้ผมก็นึกว่าพวกมันเข้าใจกันแล้ว อีกอย่างถ้านั่นคือไอ้พี่ตี้แฟนเก่าเค้ก ผมที่เป็นแฟนปัจจุบันก็ต้องยิ่งรีบทำความรู้จักไว้ไม่ใช่เหรอ เพื่อป้องกันไม่ให้มาวุ่นวายกับเค้กของผมอีก ผมก็ว่าอยู่ว่ามันคุ้นๆ ชื่อไอ้นี่ที่ไหน มันคือคนที่ผมเคยถามเค้กตอนเอารูปให้ผมดูนั่นเอง แต่เค้กก็บอกแค่เพียงว่าจบกันไปนานแล้วและก็จบไม่สวยเท่าไหร่ไม่ใช่เหรอ แล้วจะยังมาคุยกันสนิทสนมแบบนี้อยู่อีก

“นี่อย่าบอกนะไอ้เกี๊ยงว่าที่พวกกรูแซวเมื่อกี้เป็นเรื่องจริง”อ้าวไอ้พวกนี้พูดแบบนี้มันหมายความว่าไงผมชักจะงงๆ

“แล้วพวกมรึงคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไงกัน”ผมตอบกลับไปอย่างฉุนๆ โดยที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่สองคนไกลออกไป ยังไม่เห็นทีท่าว่าเค้กจะกลับมานั่งที่โต๊ะผมเลยตัดสินใจจะลุกเข้าไปหา

“เดี๋ยวก่อนคุยกันให้รู้เรื่อง นี่มรึงอย่าบอกนะว่ามรึงกับไอ้เค้กเป็นแฟนกันจริงๆ เพราะไอ้ที่พวกกรูพูดกันเมื่อกี้คือแค่แซวไอ้เค้กมันเล่นแค่นั้น ตอนแรกก็คิดว่าไอ้เค้กมันพาแฟนมาอยู่หรอกนะ แต่พอรู้ว่าเป็นมรึงก็เลยคิดว่าไม่มีอะไรแถมเมื่อกี้ไอ้เค้กมันก็เหมือนจะพยายามปฏิเสธอยู่ไม่ใช่เหรอว่าพวกกรูเข้าใจผิดไป”ไอ้เพื่อนตัวดีฉุดแขนผมไว้ พร้อมกับสาธยายให้ฟังอีกยืดยาว ไอ้พวกบ้าเอ๊ย ไอ้เราก็นึกว่าพวกมันคิดว่าผมเหมาะสมกับเค้กจริงๆ ผมพยายามสะบัดแขนลุกขึ้นแต่ยังโดนเพื่อนดึงไว้อยู่

“กรูกำลังจีบเค้กอยู่ชัดเจนไหม”ผมหันมาตอบอย่างจริงจัง พวกเพื่อนเลยหันมาจ้องผมตาวาวกันเลย แถมทำเหมือนไม่ค่อยจะเชื่อผมสักเท่าไหร่ อะไรของพวกมันกันนี่เห็นผมเป็นคนไม่น่าเชื่อถือไปแล้วรึไงกัน

“ปล่อยสักทีสิวะกรูจะไปหาเค้ก”ผมชักจะเริ่มไม่พอใจพวกเพื่อนๆนี่แล้วนะครับเนี่ย

“พวกกรูไม่เข้าใจว่ะ อธิบายมาให้ละเอียดสิว่ะ ส่วนไอ้เค้กไม่ต้องกลัวมันบุบสลายหรอก กลางงานแต่งแบบนี้ไอ้เค้กกับพี่ตี้คงไม่ทำอะไรกันกลางงานหรอกมรึง ทำเป็นหวงไปได้ แฟนรึก็เปล่า ส่วนสองคนนั้นนะเค้าก็คนเคยรักกัน ปล่อยเค้าคุยกันหน่อยเถอะ”อ้าวไหงเพื่อนผมถึงกลายเป็นว่าเข้าข้างคนอื่นแบบนี้ละเนี่ย มันกรรมอะไรของผมที่มามีเพื่อนแบบนี้กันนะ

สรุปแล้วผมก็ปลีกตัวออกไปหาเค้กไม่ได้เลย เพราะโดนพวกเพื่อนๆ ซักฟอกเรื่องระหว่างผมกับเค้กไอ้ครั้นไม่อยากจะเล่าหรือตอบแบบไม่สบอารมณ์ พวกมันก็หาว่าผมโกหก ผมไม่ได้รักได้ชอบเค้ก จริงๆ น่าจะปล่อยให้เค้กคืนดีกับไอ้พี่ตี้ยังจะดีเสียกว่า พูดมาแบบนี้ผมเลยความอดทนหมดแล้วครับ ลุกออกจากโต๊ะตรงไปหาเค้กทันที ไม่สนใจเสียงทัดทานจากพวกเพื่อนๆ อีก

“เมื่อไหร่จะกลับไปนั่งที่โต๊ะเสียที”ทันทีที่ถึงตัวเค้าผมก็พูดอย่างเคืองๆ เค้าเล็กน้อยโดยไม่สนใจอีกคนข้างๆเค้าเลย ทำเหมือนไอ้นั่นไม่มีตัวตน เพราะจริงๆมันก็ไม่ได้มีตัวตนในสายตาผมหรอก

“ใครเหรอ”ไอ้คนไร้ตัวตนหันไปถามเค้ก พร้อมกับชายตามองมาทางผมอย่างเหยียดๆ แหมถ้าไม่ติดว่านี่เป็นงานมงคลนะ เจอดีแน่

“อ๋อเพื่อนที่มาด้วยวันนี้ที่ผมเล่าให้ฟังไงครับ เค้าเคยเรียนม.ต้น กับพวกผม ชื่อเกี๊ยง ...แล้วเกี๊ยงนี่พี่ตี้ เป็นรุ่นพี่เราตอนม.ปลายไง”เค้กพูดเสียงระรื่นแนะนำให้ผมรู้จักกับไอ้พี่ตี้แฟนเก่าของเค้า ซึ่งผมไม่ได้อยากรู้จักนักหรอกนะ อีกอย่างเค้าบอกว่าผมเป็นแค่เพื่อนที่มาด้วยกันงั้นเหรอ ทำไมผมรู้สึกไม่ชอบคำนี้เลย เค้าน่าจะแนะนำว่าผมเป็นอะไรที่ดูดีกว่านี้ โอเคผมไม่หวังสูงขนาดให้เค้าบอกใครต่อใครว่าเป็นแฟน แต่ขออะไรที่มันดีกว่าแค่เพื่อนที่มาด้วยกันได้ไหม

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ น้องเกี๊ยง”ผมไม่ได้กล่าวอะไรกับไอ้พี่ตี้ทำเพียงฉุดข้อมือเค้กเตรียมจะลากกลับไปที่โต๊ะ แต่เค้กยังยื้อผมไว้แล้วหันกลับไปคุยกับไอ้พี่ตี้อีก

“พี่ตี้ไปนั่งด้วยกันไหม พวกเพื่อนๆ ผมพี่ก็น่าจะรู้จักทุกคน”จะชวนมันมาทำไมเนี่ย เค้กนะเค้ก ผมชักจะน้อยใจแล้วนะ

ไอ้พี่ตี้นี่ก็กระไรอยู่น่าจะรู้นะว่าเค้กชวนตามมารยาทเพราะทั้งโต๊ะที่ผมอยู่ก็มีแต่เพื่อนรุ่นเดียวกับผม เคยเรียนห้องเดียวกันทั้งนั้น พี่แกก็ยังตามมานั่งอีก แถมแย่งความสนใจของเค้กจากผมไปหมดเลย สรุปว่าทั้งโต๊ะเค้าคุยกันสนุกสนานหมดเว้นผมเป็นส่วนเกินอยู่คนเดียว ที่ผมพูดคุยอะไรด้วยไม่ได้เพราะเค้าเล่นคุยกันแต่เรื่องตอน ม.ปลาย แล้วผมมันไม่ได้เรียนกับพวกเค้านี่สิ พอจะพูดถึงตอนที่ผมเคยอยู่พวกเพื่อนๆ ก็ดันความจำสั้นจำไม่ได้กันซะงั้น จำได้แต่เรื่องราวตอนม.ปลาย ไอ้ผมเลยได้แต่เซ็งแล้วเซ็งอีก นั่งนับเวลาว่าเมื่อจะได้กลับเสียที

เวลาประมาณเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว พิธีการต่างๆ เสร็จสิ้นเรียบร้อย แขกบางส่วนทยอยกลับ และอีกหลายคนเริ่มมึนๆตึงๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ โดยเฉพาะโต๊ะพวกผมเอง เว้นผมไว้คนนึงแล้วกันเพราะไม่มีอารมณ์จะดื่ม ตอนนี้ผมเริ่มจะไม่ใช่แค่น้อยใจเค้กเสียแล้ว แต่ชักจะโกรธๆเสียแล้ว คอยดูเถอะว่าทำให้ผมโกรธแล้วจะเจออะไรบ้าง

“ไปเที่ยวต่อกันไหม”จากที่ตอนแรกนึกว่าจะได้เวลากลับ แต่ไอ้พี่ตี้ครับ มันช่างเป็นมารผจญผมเหลือเกิน ดันออกปากชวนเที่ยวต่ออีก

“ผมว่าดึกแล้ว อีกอย่างนี่ก็เมากันมากแล้วแยกย้ายกันกลับไม่ดีกว่าเหรอครับ”ผมพยายามพูดให้ฟังดูดีที่สุดทั้งที่ในใจอยากจะต่อว่าแรงๆ ก็เหอะ พยายามเสนออีกความเห็นให้ทุกคนได้กลับไปพักผ่อน

“แต่จริงๆ นานๆจะได้เจอกันทั้งที ไปด้วยกันอีกหน่อยก็ดีนะ กรูไปคนนึงละมีใครไปไหม”กลับกลายเป็นเค้กของผมนั่นเองที่ขัดผม แถมเพื่อนๆ ยังเห็นดีเห็นงานกันอีกต่างหาก

“เกี๊ยงจะกลับก่อนก็ได้นะถ้าไม่สนุก เดี๋ยวเราให้พี่ตี้ไปส่งก็ได้”มันชักจะมากไปล้วนะเนี่ย

“มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิ คืนนี้ถึงไหนถึงกัน”แล้วจะคิดบัญชีย้อนหลังให้ดูนะเค้ก มาเล่นกันแบบนี้ ผมจำต้องตามไปกับฝูงเพื่อนจนได้ เพราะยังไงเสียก็ไม่ปล่อยให้ไอ้พี่ตี้คลาดสายตา จะไม่ให้มันมาทำมิดีมิร้ายอะไรเค้กเด็ดขาด ว่าเค้กเองก็อย่าไปใกล้มันนักได้ไหม พูดก็พูดนะครับตั้งแต่ที่ไอ้พี่ตี้ตามไปนั่งที่โต๊ะด้วยผมแทบจะไร้ตัวตนเป็นอากาศ เป็นธาตไปแล้วมั้งสำหรับเค้ก นี่ตกลงเค้าแคร์ผมสักนิดไหมเนี่ย สมองผมตอนนี้มันตื๊อจนคิดไม่ออกแล้วครับว่าจะทำยังไงต่อดี ได้แต่ตามติดเค้าแบบนี้ไปก่อนแหละครับ

“เป็นไรว่ะไอ้เกี๊ยง ไม่สนุกเหรอ”เพื่อนคนนึงเอ่ยถามผมขึ้นหลังจากที่พวกเราทั้งหมดมาต่อกันที่ผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้คนอื่นๆ ก็ทั้งดื่ม ทั้งโยกย้ายตามเสียงเพลง แต่ผมตอนนี้ไม่มีอารมณ์แบบนั้นเลย สายตาผมต้องจดจ้องสองคนที่คลอเคลียกันอยู่ไม่ห่าง นี่เค้กกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ จะกลับไปคบกับไอ้พี่ตี้นั่นอีกหรือไงกัน ถึงได้ตัวติดกันแบบนี้ ไอ้ครั้นผมจะไปจับเค้าแยกก็เกรงว่าถ้าเกิดเค้กตอกหน้าผมกลับว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วผมจะทำยังไง ผมด้อยกว่าตรงที่ไม่รู้ว่าเค้กเค้าชอบผมสักนิดหรือเปล่า แต่ไอ้พี่ตี้นั้นถึงแม้จะเลิกรากันไปแต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นคนที่เค้กเคยรัก หรือตอนนี้อาจจะยังมีเยื่อใยอยู่อีกก็เป็นได้

“พี่ตี้แกไม่มีแฟนเหรอว่ะ”ผมเอ่ยถามเพื่อนคนข้างๆ อยากจะทราบข้อมูลพื้นฐานของคู่แข่งบ้าง เผื่อผมจะได้หาทางกำจัดคู่แข่งคนนี้ได้ง่ายขึ้น

“ไม่รู้สิ ได้ข่าวว่าแกไปอยู่เมืองนอกเพิ่งกลับมาไม่นานนี่เอง”ดูท่าแหล่งข้อมูลของผมจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

“แล้วทำไมพี่แกถึงเลิกกับเค้กว่ะ”อันนี้เพื่อนผมน่าจะรู้บ้าง เพราะมันเป็นเรื่องในตอนที่ยังเรียนด้วยกันอยู่ ถึงตอนนี้ปากและหูของผมจะพูดและฟังเพื่อน แต่สายตาผมไม่ได้ละจากเค้กเลย

“ตอนนั้นพี่แกคบกับไอ้เค้กพร้อมกับอีกคนนึง ตอนแรกเค้กมันก็ไม่รู้หรอก แต่ก่อนเค้กมันไม่ประสีประสาเรื่องอย่างนี้ พี่ตี้นี่แฟนคนแรกของมันเลย อย่างว่าคนยังไม่เคยมีแฟนพอมีคนมาจีบ มันก็ต้องมีเผลอใจไปบ้างแหละ อีกอย่างพี่ตี้ก็ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่ ก็เลยเป็นอันว่าทั้งสองคนตกลงคบกัน แต่เมื่อนานวันเข้าความลับก็เริ่มจะเปิดเผยออกมา ว่านอกจากไอ้เค้กพี่ตี้ก็ยังคบกับอีกคนนึงอยู่”ไอ้พี่ตี้นี่มันเลวจริงๆ แบบนี้เค้กยังจะไปพูดจาดีๆ กับมันอีกเหรอ

“แล้วทำไมพวกมรึงยังเห็นเค้าเป็นคนดีกันอยู่อีกว่ะ ทั้งที่เค้าทำกับเค้กขนาดนั้น” เป็นผมจะกีดกันไม่ให้ไอ้พี่ตี้นี่ได้เจอเค้กอีกเป็นอันขาด

“ตอนนั้นคนที่ร้ายไม่ใช่พี่ตี้หรอกมรึง แต่เป็นกิ๊กอีกคน ของพี่ตี้ต่างหาก พี่ตี้คบกับไอ้เค้กมาก่อน แล้วไอ้นั่นมันชื่อพีท พีทมันมากิ๊กกับพี่ตี้ทีหลัง คือยอมเป็นแค่กิ๊กในตอนแรกไม่ได้เปิดตัวเป็นแฟนเหมือนไอ้เค้ก พี่ตี้ยอมเป็นกิ๊กกับไอ้พีทนั่นเพราะว่า ถ้าไม่ยอมเป็นกิ๊กด้วย คนที่จะเดือดร้อนก็คือไอ้เค้กของเรานี่แหละ โดนไอ้พีทนั่นใส่ร้ายกลั่นแกล้งสารพัด แต่ก็ไม่มีใครจับได้คาหนังคาเขาไงเลยไม่มีใครทำอะไรได้ แล้วนานวันเค้าไอ้พีทมันไม่ทำอะไรเค้กก็จริง แต่มันเริ่มจะอยากเป็นมากกว่า คนรักที่อยู่แต่ในเงา พอถึงวันที่ต้องเลือก พี่ตี้ดันเลือกไอ้เค้ก แต่ผลที่ออกมาคือไอ้เค้กไม่ได้มีชีวิตสงบสุขเลยนั่นเอง พี่ตี้เลยต้องกลับไปคบไอ้พีท แต่ก็ไม่ยืด สุดท้ายก็เลิกกัน จากนั้นพี่ตี้ก็ง้อไอ้เค้กเรื่อยมานะ จนแกเรียนจบนั่นแหละ แต่เค้กมันไม่ยอมดีด้วย ที่พี่ตี้มางานแต่งวันนี้อาจจะอยากมาขอคืนดีกับไอ้เค้กก็ได้ใครจะไปรู้ กรูว่ามรึงจะสู้เค้าได้เหรอ”ไอ้เพื่อนทรยศ เห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อน ไม่เข้าข้างกันแล้วยังจะมาเห็นคนอื่นดีกว่า

แต่ผมว่าไอ้พี่ตี้นี่ก็ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย คนรักแค่คนเดียวปกป้องแค่นี้ไม่ได้หรือไง สมแล้วที่เค้กไม่ยอมดีด้วย แต่ตอนนี้เค้กจะยังคิดแบบนั้นอยู่อีกไหม นี่มันอะไรกันนักกันหนา อ้าวๆ แล้วนั่น

“กลับได้แล้ว”ผมตรงปรี่เค้าไปลากแขนเค้กเลยครับ มันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็เมื่อกี้ถ้าผมช้าอีกนิด ทั้งสองคนก็จะจูบกันอยู่แล้ว ถ้าเค้กคิดจะคืนดีกันกับไอ้พี่ตี้นั่นจริงๆ ก็ไม่ควรมาทำประเจิดประเจ้อให้ผมเห็นแบบนี้ เพราะเค้าก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับเค้า ด้วยอารมณ์ทั้งโมโห น้อยใจ และหึงหวง ทำให้ผมลากเค้าออกมา ไม่รู้สิเมื่อก่อนเค้าจะเคยเป็นของใครมา แต่ตอนนี้ผมอยากให้เค้ามีผมแค่คนเดียว

“เป็นอะไรนะเกี๊ยง เจ็บนะ”เค้าพยายามยื้อไม่เดินตามผมแต่ด้วยเรี่ยวแรงและพละกำลังแล้ว เค้าสู้ผมไม่ได้อยู่แล้ว ก็น่าจะเจ็บอยู่หรอกเพราะมือที่ผมจับเค้าบีบแน่นอยู่พอสมควร

“เค้กคิดยังไงกับเรา บอกมาตรงๆ เลยดีกว่า”ผมลากเค้าออกมาจนนอกผับแล้วครับตอนนี้ เพื่อนๆ คงจะงงๆ อยู่บ้างแต่มีเพียงไอ้พี่ตี้เท่านั้นที่ตามออกมาดู

“เฮ้ๆ ใจเย็นๆ กันก่อนดีกว่าไหม เค้กเป็นไรมากหรือเปล่า”ห่วงกันจังนะ วันนี้ขอเป็นคนเลวสักวันแล้วกันว่ะ

“ทำอะไรนะเกี๊ยง”ทำอะไรเหรอครับ ภาพตอนนี้คือไอ้พี่ตี้ล้มลงไปกองกับพื้น เลือกกบปากไปเรียบร้อย ส่วนผมก็ถูกเค้กฉุดไว้ไม่ให้ซ้ำอีก ใครจะว่ายังไงไม่รู้แต่ผมขอต่อยไอ้นี่หน่อยเท่านั้นแหละ

“ไม่ต้องไปสนใจมัน กลับได้แล้ว”เมื่อเลือดขึ้นหน้าผมก็ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนแล้วครับ ก็มันเกลียดขี้หน้าไอ้พี่ตี้นั่นนี่หว่า ผมลากเค้กโยนขึ้นรถ แล้วขับออกมาเลย มุ่งตรงกลับที่พักของเราเลย

“ไม่คิดว่าทำเกินไปหน่อยเหรอ”น้ำเสียงเย็นชาจากคนข้างๆ บ่งบอกว่าเค้าก็คงไม่ชอบใจนักกับการกระทำของผม แต่ว่าแล้วการกระทำของเค้าละ แม้เค้าจะยังไม่ได้ยอมเป็นแฟนกับผม แต่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมคิดยังไงกับเค้า แล้วยังจะมาเหยียบย่ำใจผมอีก คอยดูเถอะว่าจะไม่ปล่อยเค้าไปให้ใครอื่นอีกเด็ดขาด

“ไม่ลงเหรอ”น้ำเสียงผมเองก็คงแข็งๆ พอกับคอของเค้าที่ยังคงนั่งนิ่งเชิดหน้าไม่ยอมลงจากรถหลังจากที่มาถึงโรงแรมที่พักของเราแล้ว

“จะให้อุ้มไหม”ผมหันไปถามอีกครั้ง คราวนี้เค้าลุกอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินนำหน้าผมขึ้นห้องไป โดยไม่รอผมเลย พอถึงห้องปุ๊บผมก็คว้าตัวเค้าดึงเข้าหาทันที แต่เค้าทั้งดิ้นทั้งผลัก ก่อนจะกระทืบลงที่เท้าของผม

“โอ๊ย”ผมเจ็บจนต้องร้องออกมา ส่วนเค้าวิ่งหนีผมเข้าห้องน้ำไป แล้วปิดประตูล็อคทันที

“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะเค้กไม่งั้นเราพังเข้าไปจริงๆ ด้วย”ตอนนี้ผมคิดว่าจะไม่รอให้เค้าเห็นใจหรือใจอ่อนอะไรกับผมอีกแล้ว เมื่อความพยายามแบบนั้นมันเห็นผลช้า ก็เอามันแบบนี้ละว่ะ

“ไม่เราจะอยู่ในนี้แหละไม่อยากออกไปเจอคนบ้า”เค้าตะโกนตอบกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้

“ออกมาคุยกันดีๆ ให้รู้เรื่องก่อน เราอยากรู้ว่าเค้กคิดยังไงกับเรากันแน่ เลือกเอานะว่าจะให้พังประตูเข้าไป หรือจะเปิดออกมาคุยกันดีๆ”น้ำเสียงผมยังไม่ได้อ่อนลงสักเท่าไหร่ แต่เหมือนคำพูดของผมจะได้ผลนะ เพราะเห็นลูกบิดประตูห้องน้ำกำลังขยับแล้ว และพอเค้าแง้มประตูเปิดออก ผมก็พุ่งเข้าไปทันที ก่อนจะล็อคประตู อยู่ในที่แคบๆ นั่น จริงๆห้องน้ำมันก็ไม่ได้แคบมากมายหรอกครับแต่การต้องอยู่ในนั้นสองคนมันก็เหลือพื้นที่อีกไม่มาก

“ไหนว่าจะคุยกันแล้วเข้ามาทำไมในนี้”เค้าบอกอย่างฉุนๆ ขณะที่ผมเข้าประชิดกอดเค้าไว้ สองมือรั้งร่างที่แข็งขืนนั่นเข้ามาหา ก้มหน้าต่ำลงไปหาเค้า แต่เค้ากลับเบี่ยงหลบ

“รู้ไหมว่านายทำเกินไป ที่ไปต่อยพี่ตี้เค้าแบบนั้น”ยิ่งได้ยินชื่อมันผมยิ่งรู้สึกเลือดขึ้นหน้ามากกว่าเดิมอีก

“ไอ้พี่ตี้นั่นมันมีดีอะไรนักหนาเหรอ เดี๋ยวคืนนี้เราจะทำให้เค้กลืมมันไปเลย”สองมือผมเริ่มไม่อยู่สุข เลื่อนต่ำลงไปบีบคลึงบริเวณสะโพกของเค้า ปากและจมูกของผมระดมซุกไซร้ไปทั่วไปหน้าและซอกอย่างไม่ใส่ใจว่าเค้าจะพยายามขัดขืน แต่เพียงไม่นานก็เหมือนว่าอาการต่อต้านนั้นจะเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ  ทำให้ผมเริ่มได้ใจมือไม้เริ่มลูบไล้เข้าไปภายใต้เสื้อของเค้า สัมผัสได้ว่าร่างของเค้กเริ่มจะสั่นระริก ผมว่าเค้าเองก็คงมีความต้องการเหมือนกัน อีกอย่างวันนี้เค้าดื่มเข้าไปเยอะพอสมควรมันคงช่วยเป็นตัวกระตุ้นให้เค้าไม่ต่อต้านผมได้เป็นอย่างดีทีเดียว

“บอกว่าจะคุยกับเราไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมาทำแบบนี้”น้ำเสียงแหบพร่าเหมือนจะพยายามให้ผมหยุด ทั้งที่ร่างกายของเค้าเองตอนนี้คงเต็มไปด้วยความใคร่เช่นเดียวกับผมแล้ว ผมชักนึกขอบคุณไอ้พี่ตี้ที่มันทำให้ผมกลายเป็นคนบ้าบิ่น บุ่มบ่ามกล้าที่จะทำอะไรกับเค้กแบบนี้

“คุยด้วยภาษาพูดมันไม่รู้เรื่องหรอก ต้องภาษากายแบบนี้ต่างหากเข้าใจง่ายกว่าเยอะเลย”ผมกระซิบเสียงแตกพร่า ข้างหูเค้าอย่างหื่นกระสาย รู้สึกหน้าเค้าจะแดงระเรื่อขึ้นมา ผมค่อยๆ ช้อนร่างเค้าขึ้นแล้วอุ้มออกจากห้องน้ำก่อนจะตรงดิ่งไปที่เตียงนอน เค้าไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เสื้อด้านบนของเค้าถูกผมถอดออกอย่างง่ายดาย ผมบรรจงดูดดันเจ้าเม็ดเล็กๆ บนยอดอกนั้น เค้กบิดตัวรับในแต่ละสัมผัสของผม เมื่อเห็นเค้าไม่ขัดขืนใดๆ อีกผมก็ถือโอกาส ถอดกางเกงและชั้นในที่ปกปิดส่วนล่างของเค้า

และแน่นอนผมจัดการจับเสื้อผ้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โถมทับเข้าหาอีกร่างที่อยู่เบื้องล่าง ผมได้ยินเพียงเสียงครางอย่างรัญจวนของเค้ก มือของเค้าแทรกสอดเข้ามาที่เรือนผมที่เปียกชุ่มเพราะเหงื่อ  เหมือนผมจะอดใจไม่ไหวอีกต่อไป ขาของเค้กถูกแยกออกจากกันเพื่อที่จะรองรับร่างของผมที่แทรกเข้าไปตรงระหว่างกลาง ผมช้อนสะโพกของเค้าขึ้นในท่าเตรียม สองตายังคงจับจ้องกับใบหน้าของเค้า ริมฝีปากบางนั้น เผยอเชื้อเชิญผมอย่างยั่วเย้า แต่ผมต้องรีบปฏิบัติการเบื้องล่างก่อน เพราะเกิดเค้กเปลี่ยนใจขึ้นมาผมอาจจะต้องอารมณ์ค้างได้

เมื่อมองหาไม่มีอะไรที่จะมาช่วยหล่อลื่นช่องทางที่ผมกำลังจะเข้าไปสำรวจ น้ำบ่อน้อยจากปากของผมเลยถูกนำมาใช้ ผมป้ายลงตรงปากทางคับแคบนั้น ก่อนจะป้ายที่ปลายตะเกียง(ไม่น้อย)ของผม เมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว ผมก็ค่อยๆ ดันแก่นกายเข้าไปในตัวเค้ก อย่างช้าๆ โดยหยุดเป็นระยะ เพราะรู้สึกมันคับแคบเหลือเกิน อาจเป็นเพราะว่าช่วงนี้เค้กเองก็คงไม่ได้มีความสัมพันธ์กับใครเลยนั่นเอง เค้กนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อผมพยายามกดลึกเข้าไป สองมือของเค้าจิกผ้าปูที่นอนจนเกร็ง

ผมขยับกายเข้าออกช้าๆ เมื่อเข้าไปได้จนสุดแล้ว รอให้ช่องทางนั้นขยายเปิดรับผมอย่างเต็มที่ และในที่สุดร่างกายของเราสองคนก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ผมก้มหน้าลงไปประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากบางนั้นอย่างดูดดื่ม ส่วนสะโพกของผมก็ขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ สองมือลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของเค้า

จากนั้นภายในห้องก็มีเพียงเสียงหอบหายใจ และครวญครางของเราสองคนที่สอดประสาน เราต่างโหมกระหน่ำพายุความต้องการภายในกายเข้าใส่กันและกันอย่างไม่มียั้ง

“ในที่สุดเราก็ได้กินเค้กแล้วนะ”ผมบอกเสียงกระเส่า แต่เค้าไม่ได้ตอบอะไรผมเพราะกำลังกระสับกระส่าย และครวญครางอย่างคนที่กำลังสุขสันต์ ผ่านไปพอสมควร ผมก็ต้องเร่งจังหวะสะโพกถี่ยิบ โดยที่สองมือไม่ลืมที่จะเร่งจังหวะการเกาะกุมเค้กน้อยไปด้วย ไม่นานนักผมก็ปล่อยของเหลวอุ่นๆ เข้าไปภายในตัวเค้า พร้อมๆ กับที่ของเหลวจากเค้าพุ่งออกมาเลอะมือของผม

“บอกแล้วว่าภาษากายของเราเข้าใจง่ายกว่า”ผมนอนทับลงไปบนตัวเค้าและกระซิบบอกด้วยเสียงหอบ เค้าทำเพียงกอกระชับร่างผมเข้าหา เรานอนกอดตระกองกันอยู่อย่างนั้นพักนึง ผมกำลังคิดว่านี่มันยังไม่สาสมกับที่วันนี้เค้ายั่วโมโหผมหรอก นี่มันเพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้น

“ปล่อยได้แล้วเราจะไปอาบน้ำ”หลังจากนอนพักอยู่ครู่ใหญ่เค้าก็ผลักผมออก แต่มีหรือผมจะยอม อยากอาบน้ำใช่ไหม ผมอุ้มตัวเค้าลอยไปยังห้องน้ำ และแน่นอนว่าการอาบน้ำมันจะต้องมีกิจกรรมอย่างอื่นร่วมด้วยอย่างแน่นอน ผมคิดไว้แล้วว่าหลังจากอาบน้ำเสร็จกลับมาที่เตียง ก็จะยังไม่ยอมให้เค้าได้นอนง่ายๆ หรอก วันนี้เป็นไงเป็นกัน เช้าไม่กลัวครับงานนี้ นานๆ จะได้กินเค้กแสนอร่อยสักที ขอกินให้อิ่มหนำสำราญหน่อยแล้วกัน

--------------------------------------------------------

แวะมาต่อคร๊าบบบบบ


เหมือนเรื่องนี้ไม่ค่อยมีคนอ่านเท่าไหร่

อาจจะด้วยเรื่องที่เรีียบๆ ไม่หวือหวา แต่ถ้าใครอ่านก็ติชมกันได้นะคร๊าบบบบ

พร้อมรับทุกคำติชม  o13

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: (ไม่)รักได้ไง [10-11-2014]
«ตอบ #38 เมื่อ10-11-2014 22:13:47 »

อ่านค่ะตามอ่านอยู่ ตามอ่านของคุณทั้งสองเรื่อง เข้ามาเช็คทุกวัน แต่เมนท์ไม่เป็น + ไม่เก่ง  :L1:

เชียร์เกี๊ยงนะคะ  พาร์ทนี้ชักตุ่มๆต้อนๆ เกี๊ยงได้กินเค๊กแต่กลัวมาม่าอ๊ะ

เราว่าเกี๊ยงเคลียร์แล้วก็ได้เปรียบเรื่องแฟนเก่าเฮงซวยของเค๊ก แต่ก็กลัวใจเค๊กกับรักแรก ยิ่งมีภูมิหลังแบบนั้นด้วย

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: (ไม่)รักได้ไง [10-11-2014]
«ตอบ #39 เมื่อ10-11-2014 22:56:57 »

เชียร์เกี๊ยงนะครับ

สู้ๆๆ

อย่าปล่อยให้ถ่านไฟเก่าประทุขึ้นมาล่ะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (ไม่)รักได้ไง [10-11-2014]
« ตอบ #39 เมื่อ: 10-11-2014 22:56:57 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง [10-11-2014]
«ตอบ #40 เมื่อ11-11-2014 00:10:42 »

งานแต่งของโอเล่กับอ้อน รึเปล่า

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [10-11-2014]
«ตอบ #41 เมื่อ11-11-2014 05:21:56 »

มาแสดงตัวค่าาาา  :bye2:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [10-11-2014]
«ตอบ #42 เมื่อ11-11-2014 21:06:14 »

Cake


“พี่ตี้”ผมเรียกชื่อคนที่อยู่ตรงหน้าเบาๆ

“ไม่ได้เจอกันนานนะ สบายดีเหรอ”เค้าตอบกลับมาอย่างยิ้มแย้มถึงแม้เราจะจบกันไปนานแล้ว และมันอาจจะจบไม่ดีนัก แต่ผมก็ไม่ได้โกรธเกลียดพี่ตี้หรอก เหตุผลของแกที่เราต้องเลิกกันแล้วแกไปคบกับคนอื่น เพราะคิดว่ามันจะดีกว่าผม แม้ผมจะไม่เข้าใจว่าทำไมแกถึงคิดแบบนั้น แต่แกก็คงหวังดีกับผมนั่นแหละ เพราะหลังจากแกไปกันไม่รอดกับ พีท อีกคนที่แกคบหาด้วย พี่ตี้ ก็ยังมาตามง้อขอคืนดีกับผม

แต่ผมไม่คิดจะกลับไปคบกับแกอีก เพราะอะไรนะเหรอครับ เพราะว่าผมคิดว่าผมคงไม่ได้รักแกนั่นเอง มันเป็นแค่ความหลง ความอยากรู้อยากลอง แต่พอขาดไปมันก็เจ็บนะ แต่ไม่ถึงกับจะเป็นจะตาย เราก็ยังอยู่ได้ เลยคิดว่าต่างคนต่างอยู่นั่นแหละมันดีแล้ว เหลือไว้แค่ความเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันก็พอแล้ว

“เห็นเพื่อนผมบอกว่าพี่จะมาปรับความเข้าใจกับผมไม่ใช่เหรอ”ผมถามออกไปอย่างไม่ได้จริงจังเท่าใดนัก เพราะไม่คิดว่าพี่ตี้จะคิดมาทำอย่างนั้นจริงๆ เพราะเรื่องของเรามันจบลงไปตั้งนานแล้ว แต่ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันนะว่าแกมีจุดประสงค์อื่นอีกหรือเปล่าที่มาคุยกับผม

“เปล่าหรอก พี่ก็แค่จะมาทักทาย คนเคยคุ้นเคยเท่านั้นเอง อีกอย่างเค้กก็มีตัวจริงมาคุมซะขนาดนั้น”พี่ตี้หันมองไปทางเกี๊ยง นี่แสดงว่าแกคงเห็นแล้วละว่าผมมากับใคร

“ยังหรอกพี่ ผมยังไม่แน่ใจเลย”ผมตอบออกไปตามความจริง เพราะแม้ว่าผมจะรู้สึกดีๆ ที่มีเกี๊ยงเค้ามาวุ่นวายในชีวิต แต่ผมก็ยังคงกลัวอยู่ดี การล้มเหลวจากการมีแฟนของผมในหลายๆ ครั้งมันเลยทำให้ผมยังลังเลอยู่นั่นเอง

“ไม่ต้องปิดหรอก พี่ว่าเค้กเองก็คงให้ความสำคัญกับเค้ามากอยู่นะ ไม่งั้นคงไม่พามาเปิดตัวขนาดนี้หรอกมั้ง”พามาเปิดตัวที่ไหนกัน ก็เกี๊ยงเองก็เป็นเพื่อนๆ กันกับพวกผมนี่แหละ ผมอธิบายให้พี่ตี้ฟังว่าความสัมพันธ์ของผมกับเกี๊ยงเป็นมายังไง

“พี่ว่าลองดูอีกสักครั้งก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา ไม่แน่ครั้งนี้เค้กอาจจะเจอตัวจริงก็ได้ เพราะมองดูแล้วนายตะเกียงของเค้กนี่ดูน่าจะเป็นคนรักใครรักจริงอยู่นะ เอางี้พี่ว่าเรามาลองเล่นเกมกันดูดีกว่า”ไม่รู้เพราะอะไรทำไมผมถึงคล้อยตามคำพูดของพี่ตี้ก็ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าแก เหมือนพี่ชายผมคนนึงที่กำลังอยากเห็นน้องมีความสุข นี่แหละมั้งเพราะตอนที่ผมคบกับแกส่วนหนึ่งก็เพราะผมเห็นว่าแกเป็นคนอบอุ่น เหมือนพี่ชายนี่แหละ ก็ผมไม่เคยมีพี่มาก่อนนี่เนอะ มีแต่น้องชายตัวแสบเท่านั้นแหละ

“พี่จะเล่นเกมอะไรเหรอ”แม้จะรู้สึกยังเลอยู่บ้างว่าแกจะเล่นอะไรพิเรนท์หรือเปล่าแต่ก็ยังอดที่จะสงสัยไม่ได้

“เค้าว่ากันว่า คนที่รักมากก็ย่อมหึงมากหวงมาก เพราะงั้นเรามาลอง แกล้งให้เค้าหึงดูไหม”และนั่นเป็นจุดเริ่มต้น การแสดงระหว่างผมกับพี่ตี้ ที่ตอนแรก ก็แค่ให้ผมทำเป็นไม่สนใจเกี๊ยง ทำเมินแล้วหันไปพูดคุยกับพี่ตี้แทน แต่เมื่อแอลกอฮอล์ในกายมันเยอะขึ้น ในตอนที่ไปผับ การถึงเนื้อถึงตัว ของผมกับพี่ตี้มันก็มากขึ้น ด้วยอารมณ์นึกสนุก ของเราทั้งคู่ ที่เห็นท่าทีของเกี๊ยงไม่สบอารมณ์ แต่แล้วก็ได้รู้ว่าผมกับพี่ตี้ คงเล่นแรงกันเกินไป เพราะเกี๊ยงดันโมโหขึ้นมาจนคุมอารมณ์ไม่อยู่

“ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมเกี๊ยงถึงสมควรไปขอโทษพี่ตี้”ผมบอกกับคนที่นอนกอดผมอยู่ ตอนนี้ผมกับเค้ายังกอดตระกองกันอยู่บนเตียงทั้งที่สายจวนเจียนจะเที่ยงอยู่แล้ว เหตุที่ยังนอนกันอยู่ก็เพราะคนข้างๆ ผมนี่แหละครับ ที่กว่าจะยอมปล่อยให้ได้หลับได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบเช้าอยู่แล้ว

“แล้วแบบนี้ก็หมายความว่า เค้กยอมเป็นแฟนกับเราแล้วล่ะสิ”น้ำเสียงดีใจจนออกนอกหน้านั้น ทำเอาผมอดที่จะเขินไม่ได้

“คงงั้นมั้ง”ผมบอกกลับไปอย่างอายๆ ทำไมผมถึงยังอายอยู่ก็ไม่รู้สิ ทั้งที่นี่ก็ไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว ผ่านการคบหากับใครมาก็มากมาย แต่หวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของผมแล้วนะ จะได้ไม่ต้องเลิกรากับใครอีกแล้ว

“อะไรมันจะง่ายขนาดนี้เนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย”อ้าวยากให้มันยากกว่านี้รึไงกัน

“เค้าว่ากันว่าคนเราไม่รู้หรอกว่าจะต้องตายจากกันวันไหน อาจจะวันนี้พรุ่งนี้ก็เป็นได้ ถ้ารักใครชอบใครก็บอกไปเลยจะได้ไม่ต้องมาเสียดายในภายหลังไง”ผมบอกออกไปตามที่เคยอ่านมาจากที่ไหนสักแห่งก็จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน แต่ก็บอกไว้ประมาณนี้แหละ

“ทำไมต้องพูดเรื่องความเป็นความตายด้วย คนโบราณเค้าถือนะมันเป็นลางไม่ดี”เค้าบอกผมเสียงเครียดๆ

“แต่เราไม่ใช่คนโบราณนี่นา เราไม่ถือหรอก”ผมบอกออกไปอย่างที่คิดเพราะ ผมว่าแค่การพูดอะไรแบบนี้คงมากำหนดชีวิตเราไม่ได้หรอกมั้ง แต่ผมก็ไม่ได้ไม่เชื่อขนาดจะไปลบหลู่หรืออะไรหรอกนะครับ แต่จะไม่ค่อยถือสามากกว่า

“เอาเถอะ คราวหลังอย่าพูดอีกแล้วกัน...ว่าแต่นี่เราคงต้องไปขอบอกขอบใจพี่ตี้จริงๆ นะเนี่ยที่ทำให้เค้กยอมเป็นแฟนกับเราได้แบบนี้ แต่คราวหลังเค้กอย่ามาแกล้งให้เราหึงแบบนี้อีกนะ เราไม่ชอบเลย”เค้าบอกอย่างงอนๆ พร้อมกับกอดกระชับผมเข้าหาเค้า

เราออกจากโรงแรมในตอนบ่ายๆ ก่อนจะกลับเข้ากรุงเทพฯเลยถามไอ้เอกดูว่าติดต่อพี่ตี้ได้ไหม จะได้พาเกี๊ยงไปขอโทษแกหน่อย แต่แกกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วเลยได้แต่เบอร์ติดต่อไว้


ขอบคุณทุกคนที่ติดตามคร๊าบบบบ o13

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: (ไม่)รักได้ไง [11-11-2014]
«ตอบ #43 เมื่อ11-11-2014 23:42:43 »

ที่แท้ก็เป็นแผนนี่เอง

ร้ายจริงๆ

ชอบมากครับ สนุกดี

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [11-11-2014]
«ตอบ #44 เมื่อ12-11-2014 21:05:31 »

Ta-kiang

ผมไม่นึกไม่ฝันเลยว่าอะไรมันจะง่ายดายขนาดนี้ แถมจากที่มองไอ้พี่ตี้เป็นตัวมาร ตอนนี้ผมละนึกขอบคุณแกจริงๆ วันนี้เลยกะจะมาขอบคุณแกซะหน่อย หลังกลับจากต่างจังหวัดวันนั้นนี่ก็เกือบอาทิตย์นึงแล้ว เค้กติดต่อพี่ตี้ ว่าผมจะเลี้ยงขอโทษที่วันนั้นไปต่อยแก เรานัดกันที่ลานเบียร์ เพราะเค้กบอกอยากดื่มเบียร์ ซึ่งผมก็เห็นว่าดีเหมือนกัน เพราะถ้าเค้กดื่มเบียร์ ผมอาจจะได้กินเค้กอีกก็ได้ วันนี้ผมต้องพาเค้าไปค้างคอนโดผมให้ได้ เพราะแม้จะตกลงเป็นแฟนกันแล้ว แต่เค้าก็อยู่บ้านเค้าตลอด โอกาสจะได้กินเค้กของผมเลยไม่ค่อยจะมีเลย

“ผมขอโทษจริงๆ นะพี่ ก็ผมไม่รู้นี่นาว่าพี่กับเค้กจะร่วมมือกันอำผมแบบนี้ จริงๆ น่าจะมาให้ผมยืนยันตรงๆก็ได้ว่าผมรักจริงหวังแต่งขนาดไหน”ผมกล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจให้กับ พี่ชายคนใหม่ที่ผมนับถือ

“ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าวันไหนนายทำให้เค้กเสียใจขึ้นมาละก็ คงไม่แค่โดนต่อยคืนแน่ๆ”โหไม่ต้องขู่ก็ได้ครับ ยังไงผมก็ขาดเค้กไม่ได้อยู่แล้วละชีวิตนี้

“ไม่ต้องถึงมือพี่ตี้หรอก เดี๋ยวผมจัดการเองได้”สุดที่รักของผม จะทำอะไรผมละ แบบนี้ใครจะไปกล้าทำเค้าเสียใจกันละครับ เค้าเจ็บผมสิจะยิ่งเจ็บกว่า เราดื่มกันไปคุยกันไป สักพักก็มีโทรศัพท์โทรมาหาพี่ตี้ แกขอตัวไปคุยสักพักก็กลับมา

“สงสัยพี่ต้องขอตัวก่อนแล้วล่ะ มีธุระนิดหน่อย ไว้ถ้าพี่กลับมาไทยเมื่อไหร่เราคงได้ดื่มกันอีกนะ”พี่ตี้แกจะไปอยู่เมืองนอกครับ คงจะทำธุรกิจลงหลักปักฐานที่ต่างประเทศเลย นานๆ กว่าจะได้กลับมาบ้านเกิดเมืองนอน

“ไม่เป็นไรครับ ไว้เจอกันใหม่นะครับ”เค้กลุกขึ้น ยืนล่ำลาแถมกอดลาอีกต่างหาก จะมากไปหรือเปล่านี่เพ่ หวงนะเฟ้ย ผมส่งสายตาเคืองๆ ให้ไอ้พี่ตี้ แต่เหมือนแกจะจงใจแกล้งผม เลยวางมือลงบนก้นกลมกลึงของเค้กก่อนจะบีบเบาๆ ทำเอาผมตาโตด้วยความหวง

“เล่นอะไรนะพี่ตี้”เค้กตีมือเบาๆ อย่างไม่ได้ถือสา แต่ผมนะถือ อย่ามาเล่นแบบนี้บ่อยๆ เชียวนะไอ้พี่ต้ไม่งั้น ไม่ไว้หน้าจริงๆ ด้วย

“ไอ้ต้องมาทำตาเขียวเลยเกี๊ยง แค่นี้ไม่สึกไม่หรอหรอกน่า”แกหันมาหัวเราะใส่ผม ก่อนจะโบกไม้โบกมือล่ำลา เอาว่ะยกให้แกไว้คนนึงแล้วกัน เพราะแกก็ไม่ได้มาอยู่ทำอะไรแบบนี้บ่อยๆ หรอก ไม่ถือว่าเป็นศัตรูของผม

“วันนี้เค้กไปค้างกับเรานะ นะๆๆ”ผมพูดพร้อมส่งสายตาหื่นๆ แสดงถึงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าต้องการอะไรจากเค้า หน้าเค้กแดงระเรื่อขึ้นมาทันที น่ารักจริงๆ เลยเค้กของผม ชีวิตผมไม่มีอะไรจะสุขไปกว่านี้อีกแล้ว

“ขอคิดดูก่อนนะ”เค้าทำเป็นไม่สนใจผมแล้วยกเบียร์ขึ้นดื่ม แต่การดื่มแบบนี้แหละ ยังไงก็ไม่มีทางรอดมือผมไปได้หรอกคืนนี้

“เดี๋ยวไปห้องน้ำก่อนนะครับที่รัก อย่าฉุดผู้ชายที่ไหนมานั่งด้วยละ”ผมพูดอย่างขำๆ เค้าค้อนให้ผมเล็กน้อย ผมแกล้งยิ้มหื่นๆ ใส่เค้าเลยเสมองไปทางอื่น ผมลุกไปเข้าห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์ยังไงก็ได้กินเค้กแน่ๆ กินเค้ก กินเค้ก แค่คิด ตะเกียง(ไม่น้อย) ของผมก็จะดุนกันกางเกงออกมาแล้ว



“เฮ้ย”ผมต้องร้องออกมาเมื่อ ทำธุระเสร็จจากห้องน้ำแล้ว ผมยกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆ ใครกันอีกละทีนี้ มานั่งดื่มชนแก้วคุยอยู่กับเค้ก นี่เค้าไปฉุดใครมานั่งด้วยละเนี่ย เอ้ยไม่ใช่สิ ใครมันบังอาจมาใกล้ชิดเค้กของผมกัน อารมณ์หึงของผมขึ้นหน้าทันที ผมปั้นหน้าบึ้งตึง เดินไปหาตรงโต๊ะเดิม จ้องมองอีกคนไอ้นี่มันใครกันว่ะ หน้าตาดีเสียด้วย แต่หล่อน้อยกว่าผมแล้วกัน (ไม่เชื่อเหรอ) ก็ได้ๆ มันหล่อพอๆ กับผมนี่แหละ แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ ผมไม่ได้สนใจในความหล่อของมัน แต่ผมสนใจว่ามันมาทำอะไรกับแฟนผมต่างหาก

“อ้าวมาแล้วเหรอเกี๊ยง”เค้กหันมาถามผม แต่ก็คงสังเกตเห็นสีหน้าบึ้งตึงของผมแล้ว เค้ายิ้มที่มุมปากเล็กน้อย จะมายิ้มทำไมละคนกำลังหึงอยู่นะ เดี๋ยวปัดจูบโชว์คนอื่นกลางลานเบียร์นี่ซะเลย

“นี่โอเล่นะ เพื่อนที่ทำงานเราเอง...ส่วนนี่ก็เกี๊ยงนะเล่ เพื่อนเราเอง”เพื่อนงั้นเหรอ ทำไมไม่บอกมันไปเลยว่าผมไม่ใช่แค่เพื่อน เค้กนะเค้ก ก็พอจะเข้าใจว่าบางทีเราก็ไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน แต่กับไอ้โอเล่ ลูกอมเม็ดละห้าสิบสตางค์นี่ผมว่าบอกมันไปเลยดีกว่า เพื่อป้องกันเอาไว้ไม่งั้นเผื่อมันสนใจเค้กขึ้นมาจะทำไง ก็ดูสายตามันสิ มันวาวเชียวแล้วยิ่งตอนเค้กบอกว่าผมเป็นแค่เพื่อน ผมเห็นด้วยนะว่ามันแอบอมยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”ไอ้ลูกอมสองเม็ดบาทมันกล่าวทักทายผม แต่ผมก็แค่พยักหน้ารับคำทักทายนั้น

“เดี๋ยวคุยกันไปก่อนนะ ขอโทรไปบอกที่บ้านหน่อย ว่าวันนี้อาจจะดึกหน่อย”อ้าวอะไรกัน จะกลับดึกที่ไหนกัน ต้องบอกว่าไม่กลับสิเพราะจะไปค้างกับผม เค้กนะเค้ก เพราะไอ้ลูกอมสองเม็ดบาทนี่คนเดียวเลยมานั่งเป็นก้างแบบนี้ ผมเลยพูดอะไรกับเค้กตรงๆ ไม่ได้ จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยแคร์หรอก แต่เมื่อกี้เห็นเค้กบอกกับหมอนี่ไปว่าผมเป็นเพื่อนงั้นก็คง ไม่อยากให้ผมทำอะไรรุ่มร่ามต่อหน้าหมอนี่เท่าไหร่ หวังว่าไอ้ลูกอมนี่จะเป็นแค่เพื่อนที่ทำงานเท่านั้นจริงๆนะ

“คบกันนานแล้วเหรอครับ”

“ก็เพิ่งตกลงเป็นแฟนกันไม่นานนี่เอง”ผมบอกออกไป เฮ้ย นี่ผมหลุดปากตอบไปได้ไง แต่ก็ช่างเถอะ ดีแล้วละ ว่าแต่ทำไมหมอนี่มันถามแบบนี้ละ มันจะมาเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกันละเนี่ย ผมยังมองไม่ออกเลย

“เมื่อกี้ว่าไงนะ”ผมถามออกไปเพื่อความแน่ใจว่าเค้าจะมาไม้ไหน

“ดูรักกันดีนะครับ”ไอ้ลูกอมมันยังคงพูดต่อ

“ก็คงไม่มีใครมาแยกเราสองคนออกจากกันได้ง่ายๆ หรอกครับ”ผมตอบไปอย่างแสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่

“ผมไม่ได้มาจีบแฟนคุณหรอกน่า สบายใจได้”คำพูดของไอ้ลูกอมนี่ทำให้ผมคลายกังวลได้บ้าง เพราะดูท่าทีแล้วก็ไม่ได้เหมือนคนจะมาจีบสุดที่รักของผมหรอก แต่ไอ้ผมมันต้องตั้งการ์ดป้องกันไว้ก่อน ก็แฟนทั้งคนจะไม่ให้หึงได้ไงล่ะ

“เห็นพวกคุณแล้วผมก็อดที่จะอิจฉาไม่ได้”ดูไอ้ลูกอมนี่น้ำเสียงหม่นๆ ลงไปเล็กน้อย ถูกทิ้งมาหรือไงเนี่ยทำหน้ายังกับคนอกหักมางั้นแหละ

“ทะเลาะกับแฟนมาเหรอครับ”ผมถามไถ่อย่างสุภาพ เพราะคิดว่าเค้าคงมาอย่างมิตรไม่ได้มาอย่างศัตรู จริงๆ อยากจะถามว่าเลิกกับแฟนมาเหรอ แต่ถามแบบนี้น่าจะฟังดูดีกว่า ถามตรงไปเดี๋ยวหมอนี่จะคลั่งแล้วอาละวาดเปล่าๆ ยิ่งเห็นยกเบียร์ซดเอาๆ (ยังไงก็อย่าลืมหารช่วยด้วยนะ อย่ามาเนียนกินฟรีล่ะ)

“เค้าไม่อยู่ให้ผมทะเลาะแล้วละ”ชัวร์ครับงานนี้ถูกทิ้งมาแหงมๆ แหมแล้วผมจะพูดว่ายังไงดีละเนี่ย เอาว่ะก็ปลอบเค้าหน่อยคิดซะว่าเหมือนเพื่อนคนนึงเราอกหักมาแล้วกัน

“ถ้าเค้าไม่รักเราแล้วหรือเค้าไปมีคนอื่นที่คิดว่าดีกว่าเราก็ปล่อยเค้าไปเถอะครับ”จริงๆ อยากจะบอกว่าคนที่ทิ้งเราแบบนั้นอย่าไปใส่ใจมันเลย ช่างหัวมัน แต่กลัวว่าไอ้ลูกอมที่จะลุกมาต่อยผมที่ไปว่าแฟนเค้าอย่างนั้น เพราะถ้าเป็นผมเองเกิดสมมติ สมมตินะครับสมมติ (มันไม่มีทางเป็นจริงหรอก) สมมติว่าเค้กทิ้งผมไป แล้วคนอื่นจะมาว่าเค้กเสียๆ หายๆ ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน

“เค้าไม่ได้มีคนอื่น และเค้าก็ยังรักผม นั่นแหละที่มันน่าเศร้า”อ้าวแล้วตกลงมันตายจากไปแล้วหรือไงเนี่ย ยังไงแน่หะไอ้ลูกอม

“ถ้าเค้ายังรักคุณ และคุณก็ยังรักเค้าแล้วมันจะน่าเศร้าตรงไหนละครับ ผมไม่เข้าใจ”ขอถามแบบโง่ๆ แล้วกันนะวันนี้ ขี้เกียจคิดเรื่องคนอื่น

“เพราะการอยู่ด้วยกันมันช่างยากเหลือเกิน”เค้าบอกอย่างเศร้าๆ ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ดูจากสีหน้าและแววตาแล้วคิดว่าเค้า คงกำลังเศร้าอย่างมากเลยทีเดียว การที่คนสองคนมีความรักให้กันมันยังจะมีอุปสรรคอะไรอีกอย่างนั้นหรือ



--------------------------------------------------------------

อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นอ่ะเนอะ ว่าเรื่องนี้กับอีกเรื่องจะมีตัวละครเกี่ยวเนื่องกันนิดหน่อย

ถ้าใครอ่านอีกเรื่องก็คงจะทราบวีรกรรมของไอ้ลูกลมกันดี 555

ก็จะเป็นคล้ายๆ เสริมให้รู้ในมุมของตัวละครนี้เพิ่มอีกนิดหน่อย เผื่อเรียกเสียงหมั่นไส้ยิ่งๆ ขึ้นไป 555

ส่วนจะโผล่มากี่ตอนต้องตามอ่านดูนะคร๊าบบบบบ  o13

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: (ไม่)รักได้ไง [12-11-2014]
«ตอบ #45 เมื่อ12-11-2014 21:19:05 »

ตามอยู่แล้ว  :L1:  ชอบเกี๊ยงน้า คือนางรู้ใจตัวเองก็เดินหน้าเต็มที่  ขอให้ความรักความดีคงเส้นคงวา  อย่าได้เหมือนอีเล่เลย

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: (ไม่)รักได้ไง [12-11-2014]
«ตอบ #46 เมื่อ12-11-2014 23:13:54 »

ชอบครับ
มาต่ออีกนะครับ

เกี๊ยงดูรักเค้กมากๆๆจริงๆ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง [12-11-2014]
«ตอบ #47 เมื่อ13-11-2014 22:31:35 »

เอาอิโอเล่ออกไป มีอ้อนแล้วก็ไปอยู่กับอ้อนสิ ยังทำท่าจะมาจีบเค้ก
ถ้าเจ้าชู้ ยังงี้ขอให้ไม่มีใคร

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [12-11-2014]
«ตอบ #48 เมื่อ15-11-2014 11:29:38 »

Cake

“เล่ๆ ทางนี้ๆ”ผมเอ่ยปากเรียกเพื่อนร่วมงาน เมื่อเห็นเค้าเดินเข้ามาในลานเบียร์เพียงคนเดียว

“อ้าวเค้ก ว่าไง”เค้าเอ่ยทักทายผม ผมรู้จักกับเค้านานแล้วละ ก็ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่เดียวกัน เล่ทำงานมาก่อนผมแล้ว เค้าชอบมาคุยถามอะไรแปลกๆ กับผม พอได้คุยกันบ่อยๆก็เลยทำให้สนิทกัน ทั้งที่เค้าก็มีแฟน จนตอนนี้แต่งงานมีครอบครัว มีลูกแล้ว แต่เค้ามักจะชอบมาพูดคุยกับผมในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างชายรักชาย ซึ่งเค้าก็รู้อยู่แล้วแหละว่าผมมีรสนิยมอย่างนั้น การเคยได้พูดคุยทำให้ผมเดาได้ว่า

เค้าต้องเคยคบกับผู้ชายด้วยกันมาก่อน และมันก็จริงเสียด้วย เพราะเมื่อไม่นานมานี้ผมได้ข่าวว่าชีวิตครอบครัวของเค้าเริ่มสั่นคลอน และเค้าเองนั่นแหละเป็นคนมาพูดคุยและเล่าให้ผมฟังเอง เค้าบอกว่าเวลาเห็นผมแล้วทำให้อดที่จะนึกถึงใครบางคนไม่ได้ เค้าบอกว่าเพราะตัวเค้าเองแคร์สังคมและคนรอบข้าง ทำให้ทำอะไรมันยุ่งวุ่นวายพันตูกันไปหมด กว่าจะเริ่มคิดได้มันก็สายไปเสียแล้ว

“มากับใครเนี่ย นั่งด้วยกันไหม”ผมเอ่ยชวนเมื่อมองหาคนที่มากับเค้าแล้วเหมือนจะไม่มี

“งั้นรบกวนหน่อยนะ ว่าแต่นี่มากับใคร เราไม่ได้มาเป็นส่วนเกินใช่ไหม”เค้าถามไถ่อย่างเกรงใจ จะส่วนเกินอะไรล่ะมีคนมานั่งด้วยแบบนี้สิดี ไอ้หื่นคนของผมจะได้ไม่รุ่มร่ามมากนัก เพราะตอนแรกกะว่าจะใช้พี่ตี้มาช่วยคุ้มกัน ก็ดันกลับไปก่อน

“นั่งได้เรามากับเพื่อนอีกคนนึง พอดีเค้าไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวก็คงมาแล้ว”ผมบอกไปอย่างมีไมตรี ต่อเพื่อนคนนี้

“มีเรื่องไม่สบายใจอีกแล้วเหรอ”เห็นทีท่าของเค้าผมก็พอจะเดาออก เพราะมันเหมือนทุกทีที่เค้าเคยมาปรึกษาผมนั่นเอง ความจริงผมก็ไม่ได้เป็นที่ปรึกษาที่ดีนักหรอก เพราะบางสถานการณ์ของเค้ามันก็อยากที่จะแนะนำ แต่บางที่การให้เค้าได้มาเล่าหรือระบายบ้างก็น่าจะช่วยให้เค้าดีขึ้นบ้าง

“เราคิดถึงเค้านะเค้ก เราไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี”เรื่องนี้อีกแล้วสินะ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้ามาพูดเรื่องนี้ แต่ทุกครั้งที่เค้ามาพูดเรื่องนี้ ผมก็จะแนะนำไม่ให้เค้าไปติดต่อ หรือไปหา ใครคนนั้นที่เค้าคิดถึง เพราะใครคนนั้นเองก็คงต้องการให้มันเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ นั่นคือความคิดของผมเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ผมชักอยากจะลองให้เค้าได้เจอกันบ้าง แม้ไม่ต้องถึงขั้นกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างแอบๆ เหมือนที่พวกเค้าเคยทำ

แต่แค่ขอได้พบหน้าหรือได้พูดคุยบ้าง แค่นั้นมันอาจจะไม่เป็นไรมากหรอกมั้ง ก็คนมันคิดถึงจะให้ทำยังได้ โอเล่เองก็คงคิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่เค้าอาจจะต้องการความเห็นจากใครสักคนบ้างเท่านั้นเอง จริงๆ ใจเค้าคงอยากจะไปหาใครคนนั้นอยู่แล้ว ผมว่าบางทีที่เค้ามาคุยกับผมเหมือนเค้าคิดว่าผมเป็นเกย์อาจจะสนับสนุนให้เค้าเลิกกับภรรยา แล้วกับไปหาใครคนนั้นแบบนั้นหรือเปล่า ถ้าเค้ายังไม่มีลูกด้วยกันผมอาจจะบอกแบบนั้นก็ได้ แต่นี่มันไม่ใช่

“เล่...ถ้าคิดถึงมากก็ลองไปเจอเค้าดูบ้าง แต่อย่าให้มันเกินเลยเพราะตอนนี้เล่จะไปทำอะไรกับเค้าเหมือนแต่ก่อนมันไม่ได้อีกแล้ว”ไม่รู้ว่าผมทำในสิ่งที่ผิดหรือถูกกันแน่ แต่เห็นท่าทางของเค้าผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดแบบนี้

“เค้กว่าเราไปเจอเค้าได้จริงๆนะ”ผมเห็นรอยยิ้มจางๆ จากใบหน้านั้นหลังจากที่แทบจะไม่ค่อยได้เห็นเค้ายิ้มมานานแล้ว นี่ความรักมันทำให้คนเป็นได้ขนาดนี้เชียวหรือ แล้วเรื่องของผมกับเกี๊ยงละเกิดวันนึงเค้าอยากจะไปแต่งงานมีครอบครัว หรือพ่อแม่เค้าต้องการอย่างนั้นผมจะทำยังไง



“เค้กแนะนำแบบนั้นถูกแล้วล่ะ เค้าอยากเจอก็ควรไปเจอ แต่อย่าไปทำอะไรที่มันจะยุ่งยากขึ้นมาอีกก็แล้วกัน”เสียงของเกี๊ยงพูดขึ้นหลังจากที่ผมเล่าให้ฟังว่าโอเล่มานั่งกับผมได้ยังไง ตอนนี้ผมอยู่ที่คอนโดของเกี๊ยงแล้ว ผมว่าจะกลับบ้านแต่เค้าไม่ยอมไปส่งผม ดึงดันว่ายังไงก็จะให้ผมมาค้างด้วยให้ได้ ไม่บอกก็รู้ได้จากสายตาหื่นๆ ของเค้าว่าทำไมอยากให้ผมมาค้างด้วยนักหนา

“น่าสงสารเล่เหมือนกันนะ อยู่ในสถานการณ์ที่ยุ่งยากเหลือเกิน”ผมยังอดที่จะนึกเห็นใจเพื่อนร่วมงานไม่ได้ ผมไม่ได้เล่ารายละเอียดเรื่องของโอเล่ให้เกี๊ยงฟังหรอกนะครับ บอกแค่ว่าโอเล่นั้นมีคนรักที่เป็นผู้ชาย แต่ต้องแต่งงานกับผู้หญิง

“ตอนนี้ลืมเรื่องเพื่อนของเค้กไว้ก่อนนะ มาสนใจเรื่องของเราสองคนดีกว่า รู้ไหมว่าเราหิวขนาดไหนแล้วตอนนี้ อยากกินเค้กจนจะทนไม่ไหวอีกแล้ว”เค้าพูดพร้อมกับสวมกอดมาที่ผม

“ยังไม่ได้อาบน้ำเลย ขออาบน้ำก่อนนะ”ผมยืนอุธรณ์เพราะรู้สึกเหนียวตัวอยู่พอควร

“งั้นเดี๋ยวเราถูหลังให้นะ”แต่ดูท่าคำอุธรณ์ของผมจะไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่หรอกมั้งเนี่ย คืนนี้ผมจะได้นอนตอนไหนกันน้า


-------------------------------------------------------
แวะมาต่อคร๊าบบบบ

หลังจากไม่ได้ลงมา 2 วัน ก็ไม่รู้ว่าเค้กคิดถูกหรือผิดที่ให้คำแนะนำกับโอเล่ หึหึ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: (ไม่)รักได้ไง [15-11-2014]
«ตอบ #49 เมื่อ15-11-2014 19:43:45 »

*ถอนหายใจ* เราชอบเรื่องนี้เพราะว่าอ่านแล้วชิลๆ  ไม่ดราม่า (ณ ตอนนี้) 
ชอบเกี๊ยงที่รู้ใจตัวเอง เดินหน้าเต็มที่จนตอนนี้แม่ยกปลึ้มแล้ว

ส่วนโอเล่นั้นมาเห็นเกี๊ยงกับเค๊กก็ทำให้เห็นในส่วนที่ตัวเองได้พลาดไปแล้ว ตราบใดที่ตัวเองยังแคร์สังคมอยู่ จะกลับไปเจอหรือพูดคุยกับแฟ้มอีกกี่ครั้งก็ไม่ช่วยอะไรได้หรอก มีแต่จะทรมาณทั้งตัวเองกับแฟ้มและคนรอบข้างมากขึ้นเท่านั้นเอง

อยากให้โอเล่ตัดใจเอาสักทาง  จะเดินหน้าหรือเดินเลี้ยวไปทางอิ่น

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ  :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (ไม่)รักได้ไง [15-11-2014]
« ตอบ #49 เมื่อ: 15-11-2014 19:43:45 »





ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง [15-11-2014]
«ตอบ #50 เมื่อ15-11-2014 21:59:08 »

เบื่ออิโอเล่มากเลย ขอให้มันไม่เหลือใคร  :m16:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: (ไม่)รักได้ไง [15-11-2014]
«ตอบ #51 เมื่อ15-11-2014 22:21:52 »

เอ๊ะ..เรื่องนี้ เป็นของเกี๊ยงกับเค้ก
ไม่ใช่เหรอ

แต่อ่านเจอคนเม้นท์ถึง..ไอ่เล่
ทุกคนเลย

เมิงนี่ดังข้ามเรื่องเลยนะ
ไอ่นี่หนิ..เชี้ย ข้ามทู้

เชื่อเลย
ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [15-11-2014]
«ตอบ #52 เมื่อ16-11-2014 09:53:57 »

Cake

“ว่าไงมีอะไรกัน”ผมเอ่ยถามอีกสองคนที่เอาแต่นั่งจ้องผมเหมือนกำลังพากันตัดสินใจอะไรบางอย่าง คนนึงคือไอ้น้องชายตัวแสบของผม ไอ้เจ้าชีสนั่นเอง อีกคนคือเพื่อนร่วมงานของผม โอเล่นั่นเอง วันนี้อยู่ๆ โอเล่ก็โทรมาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ไม่อยากคุยผ่านโทรศัพท์ ก็เลยนัดกันที่ลานเบียร์ พอกำลังจะออกจากบ้านมา น้องชายผมที่วันนี้เห็นบอกว่าออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ก็โทรมาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยเหมือนกัน ผมเลยให้มาเจอที่ลานเบียร์แห่งนี้

“ตกลงใครจะพูดก่อน”ผมยกเบียร์ขึ้นดื่มพร้อมกับมองหน้าทั้งสองอย่างรอฟัง แต่ทั้งสองก็ยังไม่พูดแต่หันมองหน้ากันเองเหมือนกำลังเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนพูดก่อน ทำยังกะจะนำเสนอรายงานให้อาจารย์ฟังหน้าชั้นเรียนอย่างงั้นแหละ

“พี่พูดก่อนแล้วกันครับ เรื่องของผมยังไม่แน่ใจว่าจะเล่าหรือไม่เล่า”ไอ้น้องชายผมเกี่ยงไปที่เพื่อนแล้วครับ ถ้ามันจะไม่อยากเล่าแล้วจะพูดมาทำไมตั้งแต่แรก นี่ผมชักสงสัยว่ามันมีเรื่องอะไรร้ายแรงหรือไงกัน

“แต่พี่ว่า พี่พูดทีหลังน่าจะดีกว่า”เอากันเข้าไปทั้งเพื่อนทั้งน้องจะอะไรกันนักหนาเนี่ย แล้วทั้งสองคนก็หันมองหน้ากันก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่มหมดแก้ว จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนจะแข่งกันว่าใครจะถอนหายใจได้น่าเหนื่อยใจมากกว่ากัน เห็นแล้วก็ได้แต่ปลงๆ ตกลงสองคนนี้เป็นอะไรกันเนี่ย นัดกันมารึไงเนี่ย

“พอๆ ทั้งคู่ เอาเป็นว่าเล่ว่ามาก่อนแล้วกัน ไอ้ชีสมันไร้สาระไม่มีอะไรหรอก”ผมคิดว่าทางเพื่อนน่าจะดูได้เรื่องได้ราวกว่าเป็นเป็นคนตัดสินใจให้เสียเลยว่าจะฟังโอเล่พูดก่อน เพราะปกติที่เค้ามาปรึกษาผมก็มีแต่เรื่องซีเรียสทั้งนั้น และถ้าผมเดาไม่ผิดนี่ก็อาจจะมาปรึกษาปัญหาของเค้าอีกหรือเปล่า นี่เค้าคงยังไม่ได้ไปหาคนที่เค้ารักมาหรอกนะ

“คืองี้นะเค้ก วันนี้เราไปเจอเกี๊ยงมา”

“อ้าวพี่เล่ก็ไปเจอมาเหมือนกันเหรอ”ยังไม่ทันที่เพื่อนผมจะพูดจบ เจ้าน้องชายก็แทรกขึ้นมาซะแล้ว ทีตอนแรกทำเป็นเกี่ยงกันพูดทีนี้ละจะมาแย่งกันพูด ตกลงมันอะไรกันแน่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเกี๊ยงเหรอเนี่ย สองคนมองหน้ากันทำตาปริบๆ อย่างกำลังตัดสินใจ

“ตกลงว่ามีอะไรกัน”ผมถามย้ำอีกครั้ง

“เอางี้ผมเล่าเองพี่”เป็นน้องชายผมที่ออกตัวครับทีนี้

“คืองี้นะเค้ก วันนี้กรูไปเจอพี่เกี๊ยงเค้าไปกับผู้หญิงคนนึง”ชีสหยุดพูดไปสักพักแล้วมองดูผม ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าแล้วมันมีอะไร เพราะการที่เค้าจะไปไหนมาไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เกี๊ยงเค้าก็ต้องมีสังคมของเค้า มีเพื่อน มีฝูง ที่ก็คงต้องมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย นี่อย่าบอกนะว่าสองคนนี้กลัวว่าผมจะหึงเกี๊ยง

“แล้วมันยังไงต่อ”ผมถามยิ้มๆ อย่างไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเท่าไหร่

“เค้าไปกันสองต่อสอง”โอเล่พูดขึ้นมาบ้าง ทั้งที่ผมคิดว่าจะไม่หึงอะไรแต่ทำไมพอได้ยินแบบนี้ ใจผมมันกระตุกไปแบบนี้ แต่ไม่น่ามีอะไรหรอกมั้ง เค้าก็ต้องมีเพื่อนผู้หญิงบ้างสิ ไม่แปลกหรอก ผมจะไปนั่งหึงเค้ากับทุกคนที่เข้าใกล้ก็ดูจะไม่มีเหตุผลมากไปหน่อยมั้ง

“แล้วผู้หญิงที่ไปกับพี่เกี๊ยงเค้าก็บอกว่าเค้าเป็นแฟนพี่เกี๊ยง”ไอ้ชีสบอกหน้าเครียด มาถึงตรงนี้จะบอกว่าผมไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงจะไม่ใช่ แต่ผมกำลังรู้สึกไม่เข้าใจมากกว่า ว่าถ้าคนที่ไปกับเกี๊ยงคือแฟน แล้วผมคืออะไรกันล่ะ

“เกี๊ยงบอกแบบนั้นเหรอ”ผมกลั้นใจถามออกไป ในใจก็คิดว่านี่เป็นแค่การอำกันเล่นหรือเปล่า เพราะทั้งสองคนนี้ก็ไม่น่าจะไปบังเอิญเจอเกี๊ยงในสถานการณ์เดียวกันได้ อีกอย่างผมก็เคยร่วมมือกับพี่ตี้อำเกี๊ยงมาแล้ว หรือคราวนี้เกี๊ยงจะรวมหัวกับสองคนนี้อำผมคืนบ้าง เป็นการแก้เผ็ด แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะ

“เค้าไม่ได้พูดแบบนั้น แต่เค้าก็ไม่ได้ปฏิเสธนะ”โอเล่ช่วยตอกย้ำเข้าไปอีก

“ไม่ได้อำกันเล่นใช่ไหม”ผมยังพยายามคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล่นๆ ไม่ใช่เรื่องจริงแต่สีหน้าของทั้งสองคนก็บ่งบอกชัดเจนว่าไม่ได้ล้อผมเล่นแต่อย่างใด

“เค้กถึงกรูจะสนับสนุนพี่เกี๊ยงมาตลอดแต่มาเจอแบบนี้กรูก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ะ แต่ยังไงกรูก็ไม่อยากให้มรึงถูกเค้าหลอก ทั้งๆที่กรูว่ากรูน่าจะดูคนไม่ผิด แต่คราวนี้กรูพลาดหรือไงว่ะ”อย่าบอกนะว่าเกี๊ยงกำลังมีคนอื่นจริงๆ

“เค้ก เราไม่อยากให้เค้กต้องมาตกอยู่ในวังวนแบบเดียวกับเรานะ”นั่นสิผมกำลังคิดอยู่เลยว่านี่ผมกำลังเข้าใกล้สถานการณ์คล้ายๆ กับโอเล่เข้าไปทุกทีหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าน้ำตามันเต็มตื้นขึ้นมาจนจะล้นออกมาอยู่แล้ว ใช่แล้วมาถึงตอนนี้ผมยอมรับว่าผมรักเค้า จริงๆ อาจจะรักไปตั้งนานแล้ว แต่ผมกลัว กลัววันนี้มันมาถึงนั่นเอง วันที่เค้าจะเปลี่ยนใจจากผม แต่ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้

มันจะเป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ ทั้งที่เค้าแสดงออกว่าเค้าเองยังรักใครและต้องการในตัวผมอยู่ หรือเค้ากำลังเป็นเหมือนที่โอเล่เคยเป็นมา กับการที่จับปลาสองมือ คบสองฝั่ง

“เราควรทำไงดีเล่”ผมหันไปถามเพื่อนที่เมื่อก่อนผมเป็นคนให้คำปรึกษาเค้า แต่วันนี้ผมกลับต้องมาเป็นฝ่ายขอคำปรึกษาจากเค้าเสียแล้ว

“สิ่งที่เราเห็นมันอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ เล่ว่า เค้กไปคุยกับเค้าให้รู้เรื่องน่าจะดีกว่า ถ้ามันไม่มีอะไรหรือไม่ได้เป็นอย่างที่เราเข้าใจมันก็ดีไป แต่ถ้ามันเกิดเป็นเหมือนเรื่องที่เล่เคยเจอมา เค้กก็น่าจะรู้ว่าควรทำยังไง”นั่นสินะ เพราะผมคงไม่ยอมถลำลึกไปเหมือนกับเล่และคนนั้นของเล่ ได้ทำไว้แน่ๆ

“งั้นเราว่าเราไปคุยกับเกี๊ยงให้รู้เรื่องเลยดีกว่า”ใช่แล้ว ผมจะไม่ยอมคิดเอาเองไปฝ่ายเดียวหรอก ผมว่าเค้าจะเอายังไงกันแน่ก็บอกกับผมมาตรงๆ เลยจะดีกว่า แต่ถ้าเกิดผมกับเค้าไปด้วยกันไม่ได้อีกในครั้งนี้ พ่อผมจะความดันขึ้นอีกไหมเนี่ย

“งั้นกรูกับพี่เล่นั่งดื่มรออยู่นี่แล้วกัน ถ้าเคลียร์กันแฮปปี้ก็ไม่ต้องกลับมาหรอก แต่ถ้าไม่เป็นแบบนั้น กรูกับพี่เล่ก็จะรอรับขวัญมรึงที่นี่แหละ”ไอ้น้องชายผมพยายามพูดให้ดูผ่อนคลายขึ้นแต่ ผมไม่ค่อยจะรู้สึกดีเท่าไหร่เลยนะเนี่ย

“หวังว่าจะไม่เจอเค้กกลับมานะ”เพื่อนผมพูดยิ้มๆ นั่นหมายความว่าเค้าอวยพรให้ผมปรับความเข้าใจกับเกี๊ยงได้ ผมก็หวังเช่นนั้น หวังว่ามันจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกันไปเอง หรือเป็นเรื่องที่เกี๊ยงอาจจะอยากแกล้งอำผมแค่นั้น

“นี่แช่งให้ไปตายหรือเปล่าถึงได้บอกว่าจะไม่เจอกลับมาอีก”ผมตอบออกไปอย่างติดตลกเช่นกัน แต่ทั้งสองคนกับมีสีหน้าที่แปลกไป

“ไอ้นี่ชอบพูดอะไรเป็นลางไม่ดี ยิ่งดื่มไปด้วยแบบนี้จะขับรถไหวหรือเปล่า ให้ไปเป็นเพื่อนไหม”ทำไมคนรอบข้างผมชอบถือเรื่องคำพูดคำจาแบบนี้กันจังนะ เกี๊ยงก็เคยพูดแล้วครั้งนึงเหมือนกัน ผมปฏิเสธที่จะให้ใครไปเป็นเพื่อน และผมก็ยังไม่ได้เมามายอะไร ยังไหวอยู่

ผมขับรถตรงไปยังคอนโดของเกี๊ยง เห็นว่ารถเค้ายังอยู่ แสดงว่าเค้าอยู่นี่ไม่ได้ออกไปไหน ผมขึ้นไปยังชั้นที่เป็นห้องของเค้า ตอนแรกกะว่าจะกดเรียกให้เค้ามาเปิดประตู แต่เปลี่ยนใจ เพราะเกี๊ยงให้กุญแจกับคีย์การ์ดอีกชุดนึงให้ผมไว้ ผมเลยใช้มันเปิดเข้าไป

“เค้ก”เสียงเค้าเรียกชื่อผมพร้อมด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด

ผมเองก็ตกใจไม่แพ้เค้าหรอก ถาพที่ผมเห็นเค้ากำลังยืนกอดอยู่กับผู้หญิงคนนึง หญิงสาวคนนั้นซบอยู่ที่อกของเกี๊ยง ส่วนเกี๊ยงหันหน้ามาทางผม ทั้งคู่กอดกันอยู่ตรงติดประตูนี่เอง ทำให้ผมเปิดมาเจอในทันที ทั้งสองรีบผละออกจากกันแทบจะทันทีเมื่อผมเปิดประตูเข้าไป

“เค้กๆ คือมันไม่ใช่อย่างที่เค้กกำลังคิดนะ คือฟังเราอธิบายก่อน”เกี๊ยงพยายามจะอธิบาย แต่ผมกลับไม่รู้สึกอยากจะฟัง สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่คิดงั้นเหรอ แต่ทำไมคราวนี้ผมกลับรู้สึกว่า ควรเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น ผมเดินออกจากตรงนั้น ไม่สนใจทั้งคู่ ผมแทบยังไม่ได้มองหน้าหญิงสาวคนนั้นเสียด้วยซ้ำ เกี๊ยงวิ่งตามผมมา

“ไว้ค่อยคุยกันนะ ขอเวลาเราก่อน”ผมหันไปห้ามไม่ให้เค้าตามผมต่อ เค้ายังมีทีท่าดื้อดึงไม่ยอมทำตามที่ผมพูด แต่ผมอยากทบทวนอะไรอีกสักหน่อย ตอนนี้ผมไม่พร้อมจะฟังเค้า ยังไม่อยากรับรู้ ขอเวลาผมหน่อยแล้วกัน ผมผละออกมาและขับรถบึ่งตรงไปหาโอเล่และชีสทันที

-------------------------------------
รู้สึกโอเล่ไปที่ไหน บรรลัยที่นั่นเลยนะ 555

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: (ไม่)รักได้ไง [16-11-2014]
«ตอบ #53 เมื่อ16-11-2014 11:07:19 »

ม่ายนะ  :katai1:

งานนี้อิเล่ไม่ผิดนะ เอ๊ะนี่ตรูเป็นแม่ยกอิเล่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? (จะว่าไปก็ยังเหลือที่ทางในใจให้มันนิดๆนะว่ามันจะคลานไปหาแฟ้ม)

เราว่าอิเล่ให้คำแนะนำที่ดีนะ คือให้มันเคลียร์ให้มันกระจ่างไปเลย  ยกเว้นว่าอิเล่จะเลวกว่าเดิมคือยุให้เกี๊ยงกับเค้กทะเลาะแล้วเลิก

กันแล้วหวังผลพลอยได้แบบไม่เค๊กก็ความสะใจ  (รู้สึกว่าในสายตาคนอ่านอย่างเรานี่ อิเล่ยิ่งเลวไปทุกที)

สรุป อิเล่เป็นตัวประกอปที่เด่นกว่าตัวเอกเพราะว่าทำร้ายจิตใจคนอ่าน

เกี๊ยงเอ๊ยหาเหตุผลกับวิธีอธิบายดีๆนะเออ ยอมเป็น FC เอ็งแล้วนะ  ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่า :mew1:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: (ไม่)รักได้ไง [16-11-2014]
«ตอบ #54 เมื่อ16-11-2014 13:45:49 »

กอดกัน..ก่อนลาจาก

เกี๊ยงจะบอกเหตุผลเดียวกันนี้
กับเค้กหรือเปล่า หุหุ

เชื่อนะ..เชื่อดิ
เหมือนกับที่ไอ่เล่ทำ
..เมื่อก่อนนั้นไง..

ก๊ากกกกกก

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: (ไม่)รักได้ไง [16-11-2014]
«ตอบ #55 เมื่อ16-11-2014 18:42:09 »

ขอให้เป็นเรื่องเข้าใจผิดเหอะ สงสารเค้ก,,,

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง [16-11-2014]
«ตอบ #56 เมื่อ16-11-2014 22:31:30 »

จะมัวอำพะนำอะไรอยู่ รีบๆตามไปอธิบายสิ
ยิ่งช้ายิ่งเหมือนโกหก เค้กก็นิสัยหนีๆอยู่อย่างนี้แหละ แล้วจะครองรักกันรอดมั้ย

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [16-11-2014]
«ตอบ #57 เมื่อ17-11-2014 12:12:28 »

Ta-kiang

ช่วงนี้ดูชีวิตผมจะมีความสุขสุดๆ แล้ว อะไรๆ ก็ลงตัวไปหมด ความรักระหว่างผมกับเค้กก็กำลังไปได้ด้วยดีทำไมบทจะง่ายมันถึงได้ง่ายขนาดนี้กันนะ แต่จะว่าไปนี่เค้กเคยบอกว่ารักผมสักคำหรือยังนะ แต่ถึงแม้ว่าเค้กจะยังไม่เคยพูดออกมาตรงๆ ผมก็ไม่ถือสาหรอก ยังไงเค้กก็รักผมอยู่แล้ว ผมออกจะเหมาะกับเค้าขนาดนี้ (เริ่มคิดเองเออเองอีกแล้ว) ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็มีเสียงคนกดอ๊อดที่หน้าห้องผม

ใครกันนะ ผมอดที่จะสงสัยไม่ได้ เพราะปกติก็ไม่ค่อยมีใครมาหาผมเท่าไหร่ หรือว่าเค้กย้อนกลับมาอีก คิดถึงผมละสิ ผมอุตส่าห์บอกเค้าแล้วว่าให้ผมกลับบ้านไปกับเค้าด้วยแต่เค้าดันไม่ยอม สงสัยจะเปลี่ยนใจแล้วมั้งเนี่ย ผมรีบเดินยิ้มแป้นไปเปิดประตู แต่พอเห็นคนที่มาหาผม รอยยิ้มนั้นก็ต้องหุบลง

“จูน”ผมมองหน้าหญิงสาวที่ยืนยิ้มอยู่ต่อหน้าผม แต่ผมไม่ค่อยจะรู้สึกยินดีเท่าไหร่นักที่ได้เจอกับเธออีกครั้ง

“จะไม่เชิญเข้าข้างในหน่อยเหรอ”เมื่อเห็นผมยังยืนนิ่งเธอเลยเป็นฝ่ายเสียมายาทเอ่ยขึ้นและไม่ได้รอให้ผมเชื้อเชิญ ก็ถือวิสาสะเข้ามาในห้องผมยังกะเป็นคนคุ้นเคย ใช่อยู่ว่าเมื่อก่อนเธอคือคนคุ้นเคยของผม แต่เราสองคนก็จบกันไปนานมากแล้ว ผมเคยคบกับจูนตั้งแต่ก่อนที่จะไปทำงานที่ญี่ปุ่น แต่ก็อย่างที่บอกว่าผมเองไม่เคยคิดจริงจังกับใครเลย เพราะผมยังเฝ้าคิดถึงเค้กอยู่ตลอดเวลา แต่จูนเองก็เป็นคนที่ผมคบด้วยนานที่สุดคนนึง

เพราะจูนเป็นคนสบายๆ ไม่เรื่องมาก เราจบกันเพราะจูนเองเจอคนใหม่ ส่วนผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรเพราะตอนนั้นก็กำลังจะไปญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่การมาเจอกันครั้งนี้ทำไมผมกลับรู้สึกว่ามันอาจจะมีเรื่องวุ่นวายขึ้นยังไงบอกไม่ถูก

“เกี๊ยงมีใครอยู่หรือเปล่าตอนนี้”เธอเริ่มบทสนทนาขึ้นในขณะที่ผมยังงงๆ อยู่ว่าจูนไปมายังไงรู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่ เพราะไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว

“จูนมานี่ได้ไง แล้วมีธุระอะไรหรือเปล่า”ผมไม่อยากจะเสียมารยาทนักหรอกนะครับ แต่ก็ต้องพูดเป็นการเป็นงานหน่อยเพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมคำนึงถึงคือ เค้ก ผมไม่รู้ว่าเค้าจะคิดยังไงถ้าผมมาเจอกับแฟนเก่าแบบนี้ แน่นอนว่าผมไม่คิดจะเปลี่ยนใจจากเค้ก แต่ผมก็อดหวั่นใจไม่ได้ว่าเค้กจะไม่มั่นใจในตัวผม

“แสดงว่าตอนนี้เกี๊ยงมีแฟนแล้วจริงๆ ด้วย”เธอไม่ยอมตอบคำถามผม แต่พูดเรื่องนี้มาก็ดีเหมือนกัน จะได้สบายใจด้วยกันทั้งคู่ ไม่ว่าจูนจะมาด้วยเหตุผลอะไรแต่สำหรับผมต้องชัดเจนอยู่แล้วว่าตอนนี้ฐานะระหว่างเราเป็นแค่คนเคยคบ เคยรู้จักกันเท่านั้น

“ตอนนี้ผมมีแฟนแล้วและก็รักเค้ามากด้วย มากๆ อย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน”ผมบอกออกไปอย่างหนักแน่น พยายามมองดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แต่เธอก็ทำเพียงยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเดินเข้ามาหาผม

“เกี๊ยงมีแฟนแล้วงั้นจูนขอเป็นชู้ก็ได้”สองมือของเธอโอบรอบที่ลำคอของผม ผมรีบแกะมือนั้นออกก่อนจะขยับถอยห่าง

“ไม่ต้องตกใจหรอก จูนล้อเล่น สงสัยจะกลัวแฟนหึงมากนะเนี่ย”ผมยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่านี่ตกลง เธอจะมาเล่นตลกอะไรกับผมหรือเปล่า

“หน้าซีดเชียว จูนแค่มาชวนไปเที่ยว ไม่ได้เจอเกี๊ยงตั้งนานเลยคิดถึงนะ ไปเดินห้างเป็นเพื่อนหน่อยสิ”ผมจะเชื่อเธอได้แค่ไหนกันเนี่ย ไม่ได้ติดต่อกันมาเป็นปีอยู่ๆ จะมาบอกว่าคิดถึงแล้วชวนไปเที่ยวห้างเนี่ยนะ จากที่ผมเคยรู้จักกับเธอมา มันต้องมีเหตุผลอะไรมากกว่านั้นสิ ใจนึงก็อยากปฏิเสธแต่คิดว่าถ้าจูนได้บุกมาขนาดนี้คงไม่ยอมให้ผมปฏิเสธได้ง่ายๆ แน่นอน

“ผมไม่รู้ว่าจูนจะทำอะไรนะ แต่ขอบอกก่อนว่าผมรักแฟนคนนี้มากหวังว่าจูนคงไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงมาทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับแฟนร้าวฉานหรอกนะ”ยังไงเสียผมก็ต้องป้องกันไว้ก่อน บอกกันตรงๆ แบบนี้แหละจะได้ไม่ต้องมากังวล

“อยากเจอแฟนเกี๊ยงจริงๆ เลย ว่าใครกันที่ปราบหนุ่มเจ้าสำราญคนนี้ได้ ถ้าเจอจะแกล้งยั่วให้งอนไปเป็นเดือนเลย”เธอพูดติดตลก แต่ผมรู้ว่าถ้าเจอเค้กนี่ จูนทำอย่างที่พูดแน่ๆ แม้ว่าดูแล้วผมก็พอจะมั่นใจได้ว่าจูนแค่จะหยอกเล่น แต่ผมไม่เสี่ยงให้เค้กรู้เรื่องน่าจะดีกว่า เอาไว้ผมไปเล่าให้ฟังเฉยๆ ก็พอ

เป็นอันว่าผมตามจูนออกไปเดินห้างตามที่เธอชวน จูนบอกว่าหาที่อยู่ผมมาจากที่บริษัท ซึ่งหามายังไงเธอก็ไม่ยอมบอกผม ผมว่าเธอต้องมีความสามารถพิเศษมากๆ ถึงเอาข้อมูลแบบนี้มาได้เพราะปกติข้อมูลพนักงานบริษัทของผมเค้าไม่ค่อยจะเปิดเผยให้คนภายนอกรู้ง่ายๆ หรอกนะ แต่ผมก็พยายามไม่คิดมากเพราะดูแล้วจูนเองก็ไม่ได้จะมาขอคืนดีกับผม หรือมีทีท่าว่าจะอาลัยอาวรณ์ผม แต่ทว่าสงสัยผมจะงานเข้าให้แล้วสิเนี่ย

อะไรนะเหรอครับ ก็ไอ้ผู้ชายที่ผมมองเห็นไกลๆ ที่อยู่กับเด็กหญิงชายคู่นั้น มันไอ้ลูกอมสองเม็ดบาท เพื่อนเค้กนี่หว่า ผมกำลังตั้งท่าจะหลบ ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะหลบทำไม เพราะไอ้ลูกอมอาจจะไม่ได้เห็นผม หรือถ้าเห็นมันก็คงไม่คิดอะไรหรอกมั้ง หรือคงไม่เอาไปเล่าในทางไม่ดีให้เค้กฟังหรอกมั้ง ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะหลบดีหรือเผชิญหน้าดี ไอ้ลูกอมพร้อมเด็กน้อยสองคนก็เดินตรงมาที่ผมแล้ว

“อ้าวบังเอิญจังนะครับคุณเกี๊ยงมาเที่ยวเหรอครับ”ดูจะมนุษยสัมพันธ์ดีเหลือเกินนะเนี่ย เพิ่งเคยรู้จักกันแค่ครั้งเดียวจริงๆ ไม่ต้องมาทักตรูก็ได้นะ แล้วนี่ จูนเป็นอะไรล่ะเนี่ย มาคล้องแขนผมซะงั้น ผมพยายามแกะมือจูนออกแต่ก็ไม่เป็นผล ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ รับคำทักทายจากไอ้ลูกอม

“ลูกอั๋น ลูกอิ๋ง ไหว้คุณอาสิลูกนี่เพื่อนพ่อเล่”เด็กน้อยสองคนทำตามอย่างว่าง่าย นี่ไอ้ลูกอมมันมีลูกแฝดเลยเหรอนี่ แถมแฝดชายหญิงอีก น่ารักน่าชังทั้งคู่เชียว จะว่าไปเรื่องราวชีวิตของไอ้ลูกอมนี่คงจะสับสนวุ่นวายน่าดู จากที่ผมฟังเค้กเล่ามา ผมก้มลงลูบหัวเด็กน้อยทั้งสองอย่างเอ็นดู

“พาลูกๆ มาเที่ยวเหรอครับ”ผมถามกลับไปอย่างมีไมตรี จนแทบลืมไปแล้วว่ามีอีกหนึ่งคนที่คล้องแขนผมอยู่

“ก็พาเด็กๆ มาเที่ยวปกตินั่นแหละครับ แล้วนี่...”ไอ้ลูกอมเว้นวรรคพร้อมกับหันไปมองอีกคน อย่างสงสัยว่าผมมากับใคร แววตาที่มองมาดูข้องใจไม่น้อยเลยทีเดียว แบบนี้ผมคงต้องอธิบายให้กระจ่างแจ้งก่อนที่จะเข้าใจผิด แล้วยิ่งไอ้นี่สนิทกับเค้กอีกเกิดเอาไปพูดผิดๆ มีหวังผมซวยแน่ๆ

“จูนคะ...เป็นแฟนเกี๊ยง”ผมทำได้แค่อ้าปากค้างเพราะคนข้างๆ ดันพูดชิงตัดหน้าผมอย่างรวดเร็วแถมพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเสียเหลือเกิน

“แฟน...”นายลูกอมโอเล่ ทวนคำอย่างข้องใจ

“คือ...ไม่ใช่...”ผมกำลังจะปฏิเสธ แต่เจ้าหนูสองคนดันงอแงขึ้นมา ไอ้นายลูกอมเลยหันไปสนใจลูกๆ ก่อนจะบอกลาผมกับจูนไป ทั้งที่ผมยังไม่ได้อธิบายอะไรเลย ให้มันได้แบบนี้สิ

“ทำไมจูนต้องพูดแบบนั้นด้วย”ผมหันมาต่อว่าอีกคนที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอะไรเลย

“เค้าเป็นคนรู้จักของแฟนเกี๊ยงใช่ไหมละ เค้าก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่นาว่าเกี๊ยงกับแฟนยังรักกันดี แหย่เล่นแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”มันใช่แบบนั้นที่ไหนกันเล่า ไอ้นายลูกอมโอเล่นี่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นอะไรกับผมมากมาย แถมเรื่องราวที่โอเล่ประสบพบเจออยู่มันน่าให้ตีความว่าผมกับจูนเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แน่ๆ ชักเครียดแล้วนะเนี่ย

“ขอโทรหาแฟนแป๊บนะ”ผมต้องรีบรายงานเรื่องราวกับเค้กก่อนที่จะเกิดความเข้าใจผิดขึ้น แต่แล้วจูนก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด คือแย่งมือถือผมไปแล้วยัดไว้ในยกทรงของเธอ

“ไว้เที่ยวเสร็จแล้วจะคืน ไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า ถ้าแฟนเกี๊ยงเข้าใจผิดจริงๆ จูนจะไปช่วยเคลียร์ให้”ให้มันได้แบบนี้สิ นี่ผมชักจะไม่สนุกแล้วนะ

“ไม่สมเป็นเกี๊ยงเลยนะเนี่ย โกรธกัน งอนกันบ้างชีวิตจะได้มีรสชาติน่าอย่าคิดมากเลย”เหมือนจูนจะยังสนุกกับเรื่องที่เพิ่งได้ทำไป แต่ไอ้ผมนี่สิเริ่มกระวนกระวายอยู่ไม่สุข เพราะเพิ่งจะคิดว่าเรื่องของผมกับเค้กกำลังไปได้ด้วยดี แต่ถ้าเกิดเค้กไม่ไว้ใจผม แล้วมีปัญหากันมันจะเป็นไงละทีนี้ มันไม่เหมือนกับคราวที่ไอ้พี่ตี้ทำพิษไว้นะเนี่ย เพราะอันนั้นเค้กตั้งใจทำ แต่อันนี้ผมไม่ได้อยากจะทำแบบนั้นเลย ตอนนั้นผมยังโมโหไอ้พี่ตี้เป็นฟืนเป็นไฟ แล้วถ้าเค้กรู้เรื่องนี้แล้วเข้าใจผิดไปจะไม่โกรธผมเหรอ

“กลับดีกว่านะจูนนะ”ผมเกิดไม่อยากอยู่ต่อแล้ว อยากรีบๆ กลับแล้วจะได้ไปหาเค้กก่อนที่เค้กจะได้รับข่าวสารผิดๆ

“ไปดูหนังก่อน ค่อยกลับนะ นะเกี๊ยงนะ เราไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว ก็บอกแล้วไงถ้าเกี๊ยงมีปัญหาจริงๆ จูนจะช่วยเคลียร์ให้”ถ้าได้พูดแบบนี้แสดงว่าจูนจะไม่ยอมให้ผมกลับง่ายๆ แน่นอน

“ดูหนังแล้วกลับแน่นะ”ผมถามย้ำให้แน่ใจ จูนเองก็ตกปากรับคำหนักแน่น ผมเลยยอมไปดูหนังกับจูน ดีที่เลือกรอบที่เร็วที่สุดเพราะผมเองก็ใจร้อน เป็นกังวลแปลกๆ แล้ว พอได้ตั๋วหนังเราก็รออยู่บริเวณหน้าโรงหนัง ใกล้เวลาดูหนังเต็มที แต่แล้วหัวใจผมก็แทบตกไปอยู่ตาตุ่มอีกครั้ง

“พี่เกี๊ยง”วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย เจอแต่ละคน จากไอ้ลูกอม คราวนี้ถึงคิวเจ้าชีสน้องชายตัวแสบของเค้กอีก กรุงเทพฯห้างมีตั้งเท่าไหร่ ทำไมไม่รู้จักพากันไป ทำไมต้องมาที่เดียวกันด้วย

“ชีสมาดูหนังกับเพื่อนเหรอ”ผมพยายามทักทายให้ปกติ เพราะคิดว่าอีกเดี๋ยวคนข้างๆ ผมถ้ารู้ว่าชีสเป็นใครต้องแกล้งผมอีกแน่ๆ เพราะงั้นผมต้องเนียนทำเหมือนกับว่าเค้กเป็นแค่คนรู้จักคนนึง

“ใครเหรอเกี๊ยง”นั่นไง พอเห็นผมไม่แสดงอาการใดๆ ก็เริ่มจับพิรุธผมแล้วว่านี่ แต่จะว่าไปถ้าผมบอกไปว่าชีสคือน้องชายของแฟนผม อย่างน้อยชีสก็น่าจะยังอยู่ข้างผม คิดได้เช่นนั้นผมก็ตัดสินใจว่าบอกความจริงกับจูนไปจะดีกว่า

“นี่ชีสเป็นน้องชายของ...”

“เพื่อนพี่เกี๊ยง...น้องเพื่อนพี่เกี๊ยงนะครับ”อ้าวแล้วไหงไอ้น้องชายตัวแสบพูดงั้นละเนี่ย

“พี่ชื่อจูนนะ...เป็นแฟนพี่เกี๊ยง”เอาแล้วไหมล่ะ งานเข้าอีกแล้วผม

“คือไม่ใช่อย่างงั้นนะชีส”ผมพยายามจะอธิบาย แต่เหมือนเจ้าชีสจะไม่รับฟัง

“งั้นผมไม่รบกวนแล้วครับ ขอตัวนะครับ”ชีสขอตัวแยกไปหาเพื่อน ผมจะตามไปอธิบาย แต่จูนยื้อไว้เสียก่อน

“คนนี้ไม่ได้จริงๆ นะจูน นั่นนะน้องแฟนผม”ผมบอกจริงจัง

“ไม่เป็นไรหรอกน่า”ดูเธอจะยังไม่ทุกข์ร้อนใดๆ เหมือนเดิม แต่ผมไม่ร้อนไม่ได้แล้ว ถึงชีสเองจะเชียร์ผมมาตลอดแต่มาเจอแบบนี้ยังไงชีสก็คงต้องเข้าข้างพี่ชายตัวเองแน่นอน และแบบนี้ถึงผมจะไปอธิบายยังไง เค้กก็อาจต้องมีเคืองผมอยู่ดี

“จูน ผมซีเรียสนะ ไม่เล่นแบบนี้”ผมทำหน้าจริงจังเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ดูอีกคนยังไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่

“ถึงจะซีเรียสก็ไม่ทันแล้วละ น้องเค้าไปไหนแล้วไม่รู้”ผมหันมองรอบๆ ก็ไม่เห็นชีสกับเพื่อนๆ แล้ว ผมเริ่มทนไม่ไหวเลยขอโทรศัพท์คืนจะจูน ตอนแรกก็ไม่ยอมคืนให้ผม แต่เมื่อเห็นผมไม่เล่นด้วยเลยยอมคืน ผมกดโทรหาชีสก็ไม่รับ เค้กเองก็ติดต่อไม่ได้ มองดูเวลานี่ก็เย็นมากแล้วด้วย ผมไม่สนใจจูนอีก เดินหนีไม่สนใจเลย แต่จูนก็ยังวิ่งตามผมมา

“นี่เกี๊ยงโกรธจูนจริงๆ เหรอ นี่แสดงว่าคงแคร์แฟนคนนี้มากสิเนี่ย งั้นจูนไม่แกล้งแล้วก็ได้ คือจริงๆ วันนี้จูนมีเรื่องจะมาปรึกษาเกี๊ยงนะ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง”พอจูนบอกจุดประสงค์จริงๆ ออกมาผมก็โกรธเธอไม่ลงหรอกครับ จริงๆ ก็ไม่ได้โกรธผมแค่กลัวว่าเค้กจะเข้าใจผมผิดเท่านั้นเอง เป็นอันว่าผมเลยต้องรับเป็นที่ปรึกษาให้กับจูนอยู่ดี ผมอยากรีบๆ คุยให้จบเลยกลับมาที่คอนโดเพราะตอนออกไปห้างจูนไม่ได้เอารถไปแต่ไปรถผม เพราะงั้นกลับมาคุยกันทีคอนโดผมนี่แหละจะได้คุยจบแล้วต่างคนต่างแยกย้าย จูนจะไปไหนต่อก็แล้วแต่ ส่วนผมยังไงก็ต้องไปหาเค้กแน่นอน ต้องรีบครับก่อนที่ความเข้าใจผิดจะมาเยือน

----------------------------------------------------
มาส่งนายตะเกียงให้แก้ตัวคร๊าบบบบบ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง [17-11-2014]
«ตอบ #58 เมื่อ17-11-2014 21:39:40 »

อ้าว ไหนพาร์ทเค้ก โอเล่กับชีสบอกว่า เกี๊ยงไม่ปฏิเสธ
นี่พาร์ทเกี๊ยง นี่เกี๋ยงก็พยายามอธิบาย แต่พวกมันดันไม่ฟัง
น่าตบเรียงตัวทั้งชีและฮีทั้งสองจริงๆ ขอให้เจอแบบนี้บางนะ  :m16:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: (ไม่)รักได้ไง [17-11-2014]
«ตอบ #59 เมื่อ17-11-2014 22:49:42 »

เหมือนจะแก้ตัว
นะคุณเกี๊ยง

เชื่อดี..ไม่เชื่อดี
ฮ่าฮ่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด