ตอนพิเศษ
-1-
หลังจากเกิดอุบัติเหตุพี่เมฆเลยถือโอกาสลางานเพิ่มเป็นสองอาทิตย์เพื่อรักษาเนื้อรักษาตัว ผมเลยมีอาจารย์หมอคนเก่งมาช่วยติวหนังสือ เย้ กรดเอจะหนีดินสอไปไหน ชีวิตดี้ดี
แม่พี่เมฆไปหาคุณพ่อที่เพชรบูณ์แล้วล่วงหน้าไปดูแลคุณตาที่เชียงใหม่พร้อมแม่ของผม สองสามีภรรยาแม่บ้านกับคนสวนและสองแสบเล็กน้อย แม่ให้หยุดงานกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างประเทศได้สองอาทิตย์เหมือนกัน ลาวครับประเทศเพื่อนบ้านเรานี่เองสบายไปเลย เหมือนทุกคนจงใจให้ผมอยู่กับพี่เมฆสองคนยังไงก็ไม่รู้ (เอานิ้วจิ้มมือเข้าหากันไม่รู้ไม่ชี้)
พี่เมฆนอนพักอยู่บนเตียงผมปิดหนังสือแล้วขึ้นไปนั่งข้างๆ
“ดินนวดให้มั้ยครับ”ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้พี่เมฆที่นอนอ่านหนังสืออยู่
“หื้ม อะไรนะ”
“คือว่า ดิน นวด ให้ มั้ยครับ”เขินว้อย ผมไม่เคยอ้อนแบบนี้มาก่อนเลย
“เอาสิ”พี่เมฆขยับตัวลงนอนในท่าสบาย ผมเริ่มนวดให้จากแขน ไปจนถึงขา
“อื้อ ดีมากเลย ตรงนั้นขอหนักๆหน่อยอื้ม สบายจัง”
นวดเสร็จผมก็ลงไปนอนกอดพี่เมฆไว้
“หื้มมาอ้อนแบบนี้จะขออะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”แค่รู้สึกว่าอยากกอดพี่เมฆนานๆ เมื่อหลายคืนก่อนเป็นห่วงแทบแย่ กลัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
ผมนอนหลับตาและสัมผัสความอบอุ่นที่แผ่ออกมารอบตัว พี่เมฆกอดกระชับผมไว้ในอก แล้วจูบหน้าผากผมเบาๆ
“อย่าหายไปไหนนะครับ”
“ยังไม่เลิกกังวลอีกหรอ”
“ก็อดห่วงไม่ได้นี่”กลัวว่ามันจะเกิกขึ้นอีก ถ้ามีอะไรรุนแรงมากกว่านี้ ผมต้องตายแน่ๆ มือหนาลูบหัวปลอบใจ
“พี่จะระวังครับ ไม่เป็นไรนะ อย่าคิดมาก”
“สัญญาสิครับว่าจะไม่ขับรถเร็วอีก ต้องระวังนะรู้มั้ย”
“ครับสัญญา”พี่เมฆยกมือมาเกี่ยวก้อยกับมือของผม แสงจากแหวนเพชรบุษราคัมส่องมากระทบตา
“พี่เมฆแหวนมันใหญ่มากเลย ดินไม่กล้าใส่ออกจากล้าใส่ออกจากบ้าน ไม่กล้าใส่ไปเรียนหรอกครับ อีกอย่างมันเป็นของตกทอดจากตระกูลอีก พี่เมฆเก็บไว้ได้มั้ยครับ”
พี่เมฆดึงมือผมที่สวมแหวนอยู่ขึ้นไปดู แล้วจูบเบาๆ จนผมสั่นไปทั้งตัว แค่จูบเดียวของพี่เมฆก็ทำเอาผมรู้สึกอ่อนไหวไปหมด
“ถ้ากลัวหายก็เก็บใส่เซฟไว้ เดี๋ยวพี่ซื้อแหวนวงเล็กๆมาใส่แทนให้นะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”ผมขยับตัวไปจูบขอบคุณพี่เมฆที่แก้ม แต่พี่เมฆดันขยับหน้าเข้ามาใกล้แล้วฉวยโอกาสจูบผมซะงั้น
“อื้อ อย่าครับ”ผมยังเพลียไม่หายเลย อยู่ด้วยมาสองสามวันผมแทบไม่ได้ลงจากเตียง ขอพักฟื้นร่างกายบ้าง
“หิวหรือยัง”พี่เมฆกระซิบถาม แต่ปากซุกไซร้ซอกไม่เลิก อื้อ มันจักจี้ ผมขยับตัวหนี แต่พี่เมฆไม่หยุด
“หะ หะ หิวแล้วครับ”อื้ออย่ากัดคอ อ้า ผมครางไม่รู้ภาษา มือหนาลูบไปทั่วตัว
ทั้งๆที่สวมเสื้อผ้าอยู่แต่ผมเหมือนถูกจับเปลือยยังไงไม่รู้
“ปะ ไปหาอะไรกินกัน”
“เย้”
วันนี้เราเลยออกมาทานข้าวนอกบ้านเปลี่ยนบรรยากาศ ความจริงมันคือข้ออ้างของคนขี้เกียจทำอาหารคร๊าบ ยกมือสารภาพรัวๆ เราเลือกทานร้านอาหารไทยที่มีชื่อว่า แสงจันทร์ เป็นร้านเรือนไทยเปิดโล่งรับแสงจันทร์เหมือนชื่อร้าน
ผมสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะเพราะหิวมากๆ พี่เมฆเปิดเบียร์มานั่งละเลียดจิบอย่างสบายใจ
ผมตักอาหารทานอย่างไม่เกรงใจ หิวมากครับ ตั้งแต่เมื่อคืนผมยังไม่ได้พักเลย
ตอนเช้าก็นอนยาวตื่นมาอีกที่เย็นไม่มีอะไรตกถึงท้องแถมพลังงานก็หมดจึงจัดการเรียบร้อยลงกระเพาะอาหารไปเลย
“สั่งอะไรอีกมั้ย”
“ไม่แล้วครับ แค่นี้พอแล้วพุงจะแตกแล้วครับ”ผมลูบพุงพุ้ยๆที่ปริ้นออกมาตามปริมาณอาหารที่ทานเข้าไป
พี่เมฆนั่งยิ้มแล้วคีบน้ำแข็งเติมน้ำลงแก้วให้ผม บริการดีกว่าสาวเชียร์เบียร์ข้างๆอีก
“พอแล้วครับ”พี่เมฆยกมือขึ้นกันสาวสวยข้างๆที่พยายามเติมเบียร์ในแก้วไม่หยุด เธอค่อยๆยกขวดขึ้นแล้วเดินผละไป
“เกือบได้กินอย่างอื่นแทนเบียร์แล้วละครับ”ผมหมายถึงหน่มหน้มของเธอที่ก้มลงมาเกือบชนหน้าพี่เมฆ
“ทะลึ่งนะเรา”
“ก็จริงนี่น่า”ผมหัวเราะรวน
“รีบกินเข้าพี่อยากกินหน่มหน้มดินที่บ้านจะแย่”
“ตลกเหอะ พี่ครับขอสั่งเพิ่มครับ”ใครจะกลับบ้านกันง่ายๆเล่า กลับไปก็โดนกินตับน่ะสิ ผมสั่งขนมแล้วก็ของหวานมาทานล้างปาก
“นึกว่าใคร ที่แท้ก็หมอเมฆนี่เอง”ผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก พี่เมฆเงยหน้ามองผู้ชายคนนั้น ก่อนจะ หัวเราะในลำคอ
“ว่าไง”พี่เมฆทักไป จู่ๆเขาก็ถือวิสาสะ นั่งลงข้างผม ผมขยับตัวออกโดยอัตโนมัติ
เขาเหล่ตามองแบบจาบจ้วงตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้า ผมไม่ชอบสายตาแบบนี้เลย
มันเหมือนเขากำลังข่มขืนทางสายตายังไงก็ไม่รู้ น่ากลัวชะมัด
“มีเด็กน่ารักๆก็ไม่บอกกันบ้างเลยนะ”เขาเอามือมาฟาดบ่าผม
“เอามือมึงออกจากตัวเด็กกู”พี่เมฆคำรามเบาๆ
“แหมๆ หวงหรอวะ เมื่อก่อนไม่เห็นจะขี้ห่วงแบบนี้เลย ของเพื่อนของเหมือนของเรา มึงเคยบอกแบบนี้ไม่ใช่หรอ ฟืดดดดด หื้มตัวหอมซะด้วย”
เฮ้ย เขาเอาหน้าเข้ามาใกล้ผม ทำท่าเหมือนจะจูบ ผมพยายามหนีแต่มือหนากดลงมาบนบ่าจนเจ็บ
“ไอ้เจต มึงจะปล่อยหรือไม่ปล่อย”พี่เมฆลุกขึ้นยืนไม่พอใจ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง
“โอเค กูปล่อยแล้ว แหม จับนิดจับหน่อยก็ไม่ได้”น่ากลัว ผมลุกขึ้นไปนั่งฝั่งเดียวกับพี่เมฆ เขามองผมไม่ละสายตา
ทำท่าเหมือนเห็นของถูกใจอย่างไงอย่างงั้น
“อย่ายุ่งกับเด็กกู กูเตือนมึงแล้วนะ”พี่เมฆบอกเพื่อน แล้วยกเบียร์มาจิบต่อ
“เป็นอะไรหรือเปล่า”พี่เมฆก้มลงมาถามผม
“เจ็บไหล่ครับ”ผมเอียงตัวไปไกลๆ พี่เมฆเลิกเสื้อผมดูจนเห็นรอยเขียวช้ำ
“กูได้ข่าวจากท่านคณะบดีว่ามึงไม่ได้สอนที่นี่แล้วไหงมาเจอมึงที่นี่วะ”
“เดี๋ยวกลับไป พี่ทายาให้นะครับ”พี่เมฆไม่สนใจเพื่อน เขาลูบไหล่ผมไปมาเบาๆเพื่อให้มันบรรเทา
“ไอ้เมฆกูคุยกับมึงอยู่นะโว้ย”เพื่อนพี่เมฆเริ่มเสียงดังขึ้น พี่เมฆเสมองไปทางอื่นแล้วเรียกบริกรมาเก็บเงิน
“ไม่ต้องทอนครับ”แบงค์สีเทาสี่ใบถูกวางลงบนโต๊ะ ตัวผมถูกพี่เมฆดึงขึ้นและโอบพาเดินออกจากโต๊ะทานข้าว
“เชี่ยเมฆมึงจะไม่ตอบกูใช่มั้ย”เพื่อนพี่เมฆลุกขึ้นมาดักหน้า พี่เมฆไม่ตอบแต่เดินชนไหล่ผู้ชายหน้ากลัวคนนี้แล้วเดินไปที่รถ
“สัด มึงจะไปไหน คุยกับกูให้รู้เรื่องก่อน”
“โอ๊ย”แขนของผมถูกดึงอย่างแรง
“กูบอกว่าอย่าแตะตัวเด็กกู”พี่เมฆหันไปผลักเพื่อนที่ชื่อเจตอย่างแรงจนเซไปชนต้นไม้ข้างๆ
“ทำไมกูจะแตะไม่ได้ มึงหวงมากนักหรือไงห๊ะ”พี่คนนั้นเดินมาผลักอกพี่เมฆบ้าง ผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันเริ่มไม่ดีแล้ว
ผมยืนหลบอยู่หลังพี่เมฆ
“เออหวงมาก และมึงก็ห้ามยุ่งกับเด็กคนนี้ด้วย”
“ของๆมึงก็เหมือนของๆกู”ผู้ชายคนนั้นย้ำคำเดิม
“แค่คนนี้ไม่ใช่”พี่เมฆบอกเสียงดัง มือข้างหนึ่งกำชับมือผมไว้ไม่ปล่อย
“นี่มึงเห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อนหรอวะ มึงเห็นไอ้เด็กเหี้ยนี้ดีกว่ากูหรอ”พี่เจตชี้มาที่ผมเหมือนไม่ชอบใจ
“เออ แล้วไอ้เด็กเหี้ยที่มึงว่าก็เมียกู เพราะฉะนั้นอย่ายุ่งกับเมียกู”
“เมียมึง”
“เออ”
“หึ กูจะยุ่ง”
“ไอ้สัตว์เจต”พี่เมฆถลาไปดึงคอเสื้อเพื่อนไว้ ยกมือค้างไว้เหมือนจะต่อยลงไปบนหน้าเหี้ยม
“กูเตือนมึงแล้วไอ้เจต คนนี้กูไม่ให้ และมึงก็ไม่มีสิทธิ์ อย่าเก่งให้มันมากนัก
เรื่องเมื่อก่อนส่วนเรื่องเมื่อก่อนแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว”
“มึงจะกลืนน้ำลายตัวเองหรือไง”พี่เมฆนิ่งไป
“กูยกหนิงให้มึงแล้ว มึงจะเรียกร้องห่าเหวอะไรอีก”
“หึ ยกหนิงให้กูอย่างนั้นหรอ เขารักมึงเขาไม่ได้รักกู”ผู้ชายคนนั้นจับมือพี่เมฆแล้วบิดดึงตัวออก
ผมไม่เข้าใจพวกเขาทั้งสอง แต่ผมจับใจความได้ก็คือ พวกพี่เขาเป็นเพื่อนกันและคงเป็นเพื่อนสนิทกัน เพราะเขาบอกว่า
ของๆเพื่อนก็เหมือนของๆตัวเอง แล้วหนิงคือใครกัน ทำไมต้องยกให้กันด้วย
“กูลืมไปแล้ว กูไม่ได้รักหนิง ตอนนี้กูมีคนที่กูรักแล้ว แล้วมึงก็อย่ายุ่งกับคนของกู”
พี่เมฆเดินกลับมาหาผม
“เมฆ”เสียงหวานดังขึ้นด้านหลัง ก่อนจะตามมาด้วยร่างเล็กของผู้หญิงคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามากอดพี่เมฆแน่น
“มะ เมฆหนิงคิดถึงเมฆ”เสียงหวานใสแต่ทำไมถึงได้ยินแล้วหัวใจของผมเต้นหนึบๆไม่รู้
“หนิง ลงมาทำไมเจตบอกให้รออยู่ข้างบนไง”คนชื่อเจตเดินเข้ามาดึงแฟนสาวของตัวเองออกไป
“ปล่อยเรานะ เมฆช่วยหนิงด้วย หนิงไม่อยากไปกับเขา”
“หนิง”พี่เจตเพิ่มเสียงดังขึ้น “มานี่”เขากระชากแขนเธอออกจนล้มลงไปกองกับพื้น
“หนิงเป็นอะไรมั้ย เชี่ยเจตทำไมต้องรุนแรงขนาดนี้วะ”พี่เมฆเข้าไปพยุงร่างบางเธอค่อยๆลุกขึ้นแล้วเกาะแขนพี่เมฆแน่นไม่ปล่อย
“ช่วยหนิงด้วย ฮือ ฮือ”ผมค่อยสังเกตผมว่าร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ แถมยังมีแผลที่ข้อมืออีก
แบบนี้เกิดจากการทำร้ายร่างกายชัดๆ
“สัตว์เอ้ย”พี่ชายน่ากลัวสบถเบาๆ “จะมาดีๆหรือให้ไปลากตัวมาห๊ะ”เขาขู่เธอเสียงดัง เล่นเอาผมกลัวไปด้วย
ผมยืนห่างออกมาจากทั้งสามคนเล็กน้อยตอนนี้ขาแข็งจนไม่กล้าขยับไปไหน
“ไม่ไป ไม่กลับหนิงจะอยู่กับเมฆ”เธอตอบเสียงดัง
“หนิงเกิดอะไรขึ้นไหนบอกเมฆมาสิ”พี่เมฆจับมือเธอ เธอค่อยๆร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้
“เมฆช่วยหนิงด้วย เจตทำร้ายหนิงทุกคืนเลย ตั้งแต่เมฆไปเรียนต่อหนิงก็โดนทำร้ายทุกคืน ฮือ”
ผมรู้สึกเห็นใจเธอจนอดร้องไห้เพราะสงสารไม่ได้
“เชี่ยเจตไหนมึงบอกว่ามึงจะดูแลหนิงไง ไหนมึงบอกว่ามึงจะปกป้องหนิงไหนมึงบอกว่ารักหนิง ทำไมเป็นงี้”พี่เมฆหันไปเล่นงานเพื่อนตัวเอง ที่ยืนทำท่าไม่พอใจอยู่ตรงหน้า
“มึงอย่าเสือกแล้วพามันมานี่ หนิงมาหากูก่อนที่กูจะโมโหมากกว่านี้”สรรพนามเริ่มเปลี่ยนไปจนผมรู้สึกว่ามันรุนแรงขึ้น
“ไม่ไป หนิงไม่ไป เมฆอย่าปล่อยหนิงนะ หนิงไม่อยากไป”
“มานี่”พี่เจตตะโกนจนผมสะดุ้ง
“ได้ถ้ามึง ไม่อยากให้กูยุ่งกับเด็กมึงก็ได้ มึงเอาตัวหนิงมานี่ กูสัญญาว่าเด็กมึงจะไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนหรือรอยช้ำเลย”
พี่เมฆหันมามองหน้าผม
“ไม่เอานะเมฆ อย่าให้หนิงไปกับเขาเลยนะ เมฆอย่าน้า”เธอร้องไห้โฮ
“คิดดีๆนะ มึงกับกูเป็นเพื่อนกันมานานกูพูดคำไหนคำนั้น มึงก็รู้”
“ดินขึ้นรถ”พี่เมฆหันมาสั่งผม
“ครับ”ผมดึงสติตัวเองออกจากตรงนั้นแล้วก้าวขึ้นรถทันที
“เมฆ”พี่หนิงจับตัวพี่เมฆไว้ไม่ปล่อย ผมเห็นพี่เมฆทำหน้าเครียด ผมไม่อยากให้พี่เมฆปล่อยตัวพี่หนิงไปกับพี่เจต
ถ้าให้พี่หนิงกลับไปพี่หนิงต้องเจ็บตัวอีกแน่ๆ น่ากลัวชะมัดผู้ชายอะไรน่ากลัวเหลือเกิน
“หนิงขึ้นรถไปก่อน”พี่เมฆดันตัวพี่หนิงให้ตามมาที่รถ เธอค่อยๆเดินมาแล้วเปิดประตูเข้ามานั่งด้านหลัง ผมขยับตัวจากเบาะหน้าหันไปหาเธอ เธอหน้าตาตื่นปิดประตูล็อกอย่างดี
“เชี่ยเมฆ”พี่เจตเดินตรงเข้ามาจะกระชากพี่หนิงไป แต่พี่เมฆขว้างไว้
“กลับไปซะ คิดได้เมื่อไหร่ค่อยมาเอาหนิงคืน”
“ปล่อยหนิงมา”พี่เจตกระชากคอเสื้อพี่เมฆคืน
พลั่ก พี่เมฆปล่อยหมัดลงไปบนหน้าหนา
“เชี่ย”พี่เจตต่อยสวนกลับมาแต่พี่เมฆหลบได้
“ปล่อยหนิงมาเดี๋ยวนี้”
“กูไม่ปล่อย”
“มึงทำแบบนี้คิดว่าดีหรอ เด็กมึงไม่ตายดีแน่”
พี่เมฆไม่ฟังเขาผลักพี่เจตออกไปจากตัวแล้วขึ้นรถปิดล็อก
“มึงทำแบบนี้ใช่มั้ย มึงจะทำแบบนี้ใช่มั้ย ได้แล้วมึงกับกูจะได้เห็นดีกัน”
พี่เจตตะโกนโวยวายเหมือนคนบ้า ไล่ทุบกระจกจนผมเองต้องนั่งหลบ พี่เมฆค่อยๆสตาร์รถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว
......................................................................
ตอนพิเศษมาแล้ววววบอกเลยว่าเยอะมากกกเนื้อเรื่องยาวมากกกกก
ลุ้นยาวๆ ไปอีกกกกกก ใครเอฟซีพี่เจตยกมือขึ้น ฮิ้ววววววววววว
ฝ้ายเองงงงงงงงงงงงงงงงง