~InLaw~ (คดีที่ 11 ใต้น้ำ 100% ) 30/06/59 P.7
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~InLaw~ (คดีที่ 11 ใต้น้ำ 100% ) 30/06/59 P.7  (อ่าน 53007 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
คดีที่ 7
เด็กสาว...เก้าศพ (2)


หลังจากไปดูที่เกิดเหตุท่านอัยการสิ้นฟ้า ก็ขับรถกลับไปที่คอนโดทันที โดยหลังจากนั้น ทนายเพชร จึงเป็นสารถีจำเป็นในการขับรถมาส่งผมกลับบ้าน โดยเขาบอกว่า ให้ท่านอัยการ อยู่กับความคิดตัวเองสักพัก

เมื่อผมมาถึงบ้าน บอกลาพร้อมกับกล่าวขอบคุณทนายเพชร ก่อนจะเดินเข้าบ้านแล้วมายังห้องนอนของตัวเอง เปิดโทรทัศน์ดูข่าวทันที ซึ่งข่าวมาเร็วมาก และเด็กผู้หญิงคนที่ขับชน ซึ่งถึงแม้จะปิดชื่อจริงไว้ แต่ข่าวก็ประโคม ไปถึงนามสกุล ที่เป็นนามสกุล เดียวกันกับท่านอัยการ  คุณหนูตระกูล‘เนติธรณินทร์’ขับรถชนบนทางด่วนโทรลเวย์ทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 8 ราย มันจะเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ของวันพรุ่งนี้

ผมไม่รู้จักเด็กผู้หญิงคนนั้น และท่านอัยการไม่เคยเราเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวให้ฟังมากมายอะไร

อย่าหาว่าผมยุ่งเรื่องของเขาเลย แต่มันก็อดที่ จะอยากรู้โดยไม่ชอบธรรม ไม่ได้

และ อินเทอร์เน็ต อาจจะช่วยผมได้

ผมลองเอานามสกุลของท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้าใส่ลงไปในช่องค้นหาของกูเกิ้ล ข้อมูลบางส่วนโหลดขึ้นหน้าจอมาให้พรึ่บ ผมเจอชื่อคนๆหนึ่งชื่อว่าพระพาย นามสกุลเดียวกับท่านอัยการ เสมือนเขาจะถูกแต่งตั้งให้เป็นเน็ตไอดอล ซึ่งผมก็พอจะคุ้นๆหน้าเขาอยู่  ถึงผมจะหน้าตาดีสู้เขาไม่ได้ แต่ ผมก็ติดตามวงการนี้อยู่เหมือนกัน บอกเลย...

เท่าที่ดู คนๆนี้ น่าจะเป็นญาติ ของท่านอัยการ

พอเลื่อนลงมาดูเรื่อยๆ ก็เจอเข้ากับชื่อ วาริธร เนติธรณินทร์ ผมไม่รอช้า คลิ๊กเข้าไปดูทันที



.....................................................................................
ร่างสูงมองออกไปนอกหน้าต่าง เบื้องล่างเห็นแค่แสงไฟของรถที่ยังคงมีเยอะอยู่บนท้องถนน เมื่อมองจนเบื่อ จึงกระชับม่านหน้าต่างปิด แต่เมื่อ หันกลับมาก็ต้องเป็นอันชะงัก เงาร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ใจกลางห้องของเขา เขาไม่ได้เปิดไฟห้อง จึงเห็นเพียงแค่เงาลางๆนั่น ยืนนิ่ง แต่เมื่อเพ่งมองดูดีๆ ก็จำต้องเอ่ยขึ้นอย่างเสียไม่ได้ ด้วยความหน่ายกับนิสัยของคนตรงหน้า

“ทำตัวเป็นโจรเข้าไปทุกวัน”สิ้นฟ้าทักขึ้น เจ้าของเงานั่นหัวเราะ นิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“ทำไมยังไม่นอนอีกครับ?”

“ฉันยังไม่ง่วง แล้วเต็มสิบ?”

“พี่ส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย”

“แล้ว...?”ไม่รอให้สิ้นฟ้าได้เอ่ยต่อ ร่างสูงของทนายเพชรก็ประชิดเข้าหาตัวพอดี วงแขนแกร่งโอบรอบเอว พรางสอดมือเข้าไปในเสื้อนอน ลูบไล้ที่บริเวณหลัง

“เพชร”

“ครับ?”

“นายรู้ใช่ไหม ว่าฉันเกลียดนาย”

“พี่รู้...”พูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก “แต่ตอนที่พูดนะ กรุณาสบตาพี่ตรงๆด้วยก็ดีนะ”

“นายมันเจ้าเล่ห์”

“ครับ...”

“นายมันเป็นอาชญากร ทำผิดกฎหมาย”

“ครับ...”

“ขี้โกง แถมยังร้ายกาจ หลอกใช้คนอื่น หลอกใช้ฉัน”

“ครับ”

“แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังให้อภัยนาย”

“...”

“นาย...อยากจะโผล่มาก็โผล่ อยากจะหายไปก็ไป”

“...”

“แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังรอนาย...”

 “ขอบคุณครับ”ทนายเพชร ก้มลงจูบที่แก้มของสิ้นฟ้า “พี่ว่าวันนี้ฟ้าเหนื่อย...เหนื่อยที่ตรงนี้” ว่าพรางจับมือของสิ้นฟ้ากุมมือเอาไว้แล้วเอาไปแนบที่หน้าอกของตัวสิ้นฟ้าเอง

 “รู้ไหม ว่าทำยังไงถึงจะทำให้สิ้นฟ้าคนเก่งหายเหนื่อย”ท่านอัยการเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย เขาไม่ใช่เด็กๆนะ จะหลอกล่ออะไรอีก ยังไม่ทันได้สงสัยนาน อ้อมกอดของคนที่ตัวใหญ่กว่าก็กระชับแน่นขึ้น เล่นเอาหัวใจของคนที่อยู่ในอ้อมกอดเต้นเร็วและแรงขึ้น ไม่ใช่ไม่เคยกอดกันเสียหน่อย แต่ครั้งนี้ มันรู้สึก พิเศษ...ไม่ใช่สิ อบอุ่น

“จะช่วยไหม?” สิ้นฟ้าถามขึ้น มือของทนายเพชรยังวางอย่างมั่นคงอยู่ที่แผ่นหลัง ลมหายใจอุ่นๆของคนที่ตัวสูงกว่าเป่ารดต้นคอ

“นั่นมันขึ้นอยู่กับสิ้นฟ้า”

“ฉันคงถูกกันออกจากคดีนี้แน่...อัยการไม่มีสิทธิ์ในคดีนี้...”สิ้นฟ้าถอนหายใจเบาๆ “ก็เหลือเพียงแต่นาย”


รู้สึกถึงมือหนาที่วางอยู่บนหัว พร้อมกับลูบอย่างแผ่วเบา



..........................................................

“มีผู้เสียชีวิตเพิ่มที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งคน โหย อย่างโหดนะ “ฟรังมันพูดขึ้น “กูละอยากรู้จริงๆว่าเด็กนี่ มันขับรถยังไงของมัน”พร้อมกับบ่นนิดหน่อย

“เด็กงั้นเหรอ?”ผมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

“ก็อายุ 16 เอง เที่ยวกลางคืนแล้วมาขับรถชน แรดไม่เข้าท่า”

“16?”

“ก็เออ 16 ทำหน้าเป็นหมา งง มึงไม่ได้ตามข่าวละสิ ข่าวออกจะใหญ่โตหัดเปิดโทรทัศน์ หรืออินเทอร์เน็ต ดูมั่งนะมึง”

“ออ...”ผมค้างอยู่แค่นั้น

“เห็นในเน็ตเขาเม้าท์กัน บอกว่า ค่อนข้างจะเส้นใหญ่ พอผมลองหาข้อมูลดู ก็รู้แค่เพียงว่าเป็นลูกสาวของอัยการท่านหนึ่ง ข้อมูลนอกเหนือจากนี้ก็ไม่มี ข่าวก็บอกแค่นั้นแถมตำรวจยังไม่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก”ชายพายเอ่ยขึ้นเรียบๆ “คุณเต็มสิบเคยฝึกงานที่สำนักงานอัยการ พอจะรู้อะไรบ้างไหมครับ”ก่อนมันจะหันมาถามผม ผมยิ้มตอบ ผมลืมบอกพวกมันไป ว่าถึงผมจะหมดช่วงเวลาฝึกงานแล้ว แต่ผม ก็ยังคงไปช่วยงานท่านอัยการอยู่...เอาเป็นว่าตอนนี้เงียบไว้ก่อนดีกว่า

“กูว่ามันไม่รู้หรอกวะ ได้ติดตามข่าวซะที่ไหนอะมัน”ฟรังมันเอ่ย พร้อมกับปิดไอแพดลง แล้วหันมาสนใจหนังสือเรียนต่อ
ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาดู ก่อนจะค้นหาคำเดียวกัน กับที่เคยค้นหา เมื่อสองวันก่อน แต่ปรากฏว่า

“ไม่มีข้อมูล”ผมเผลอเอ่ยออกมาอย่างเบาๆ พร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณเต็มสิบ”

“ออ เปล่าๆ...วันนี้กูมีนัดกับรุ่นพี่อะ เดี๋ยวขอตัวไปก่อนนะ” ผมเอ่ยบอกแค่นั้น แล้วรีบเก็บของ เข้ากระเป๋าทันที

“เออๆๆๆ ไปดีมาดี”ฟรังมันพูดแค่นั้น  ก่อนจะหันไปสนใจหนังสือต่อ พายก็เหมือนกัน



ผมขึ้นรถเมล์ ไม่กี่ป้ายก็ถึง สำนักงานอัยการสูงสุด แต่เมื่อเดินเข้ามาก็เจอกับพี่น้ำนิ่ง เรียกเอาไว้

“ท่านอัยการออกไปแล้ว?”

“ใช่จ๊ะ”

“ออกไปไหนครับ?”

“ท่านออกไปทำคดี เกี่ยวกับยาเสพติดคดีหนึ่งนะจ๊ะ”พี่น้ำนิ่งตอบยิ้มๆ เธอยังคงสวยเหมือนเดิม

“แล้วคดี...”ผมอยากจะเอ่ยถาม

“คดี?”

“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ งั้นเดี๋ยวผมกลับเลยดีกว่า”

“จร้า จร้า”

ผมลาพี่น้ำนิ่ง ก่อนที่จะมายืนรอรถเมล์ ในหัวตอนนี้มีความคิดมากมายไหลเข้ามาในสมอง ข้อมูลที่ผมหามาได้ กับข้อมูล ที่ได้จากฟรังและพาย ผมแค่รู้สึกสงสัยว่า


ทำไม ข้อมูลมันถึงไม่เหมือนกัน



“อ้าว เต็มสิบ”อยู่ดีๆ ก็มีเสียงเข้มๆทักผมขึ้น ผมอาจจะยืนเหม่อไปนาน เลยไม่รู้ว่ามีรถหรูราคาค่อนข้างแพงมาจอดอยู่ตรงหน้า

“ทนายเพชร”ผมเรียกชื่อเบาๆ

“รอรถเมล์เหรอ ให้ฉันไปส่งไหม”ผมกำลังจะเอ่ย ปฏิเสธ แต่พอคิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน จึงเปิดประตูขึ้นไปนั่ง

“มาหาฟ้าละสิ”ทนายเพชรเอ่ยถามขึ้น ใบหน้าหล่อคมเข้มจนน่าหมั่นไส้นั่น ยกยิ้ม

“ก็...ครับ”

“แต่เขาไม่อยู่” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป “หว้า หน้าย่นตั้งแต่อายุ 20 น่าเศร้าจัง...”ผมหันขวับไปมองเขาทันที “คิดอะไรอยู่บอกมาสิ เผื่อฉันจะช่วยได้ เห็นฉันอย่างเนี้ย แต่ฉัน...ก็คือทนายเพชรนะ”

“ไม่ต้องบอกก็รู้น่า”

“นี่ๆ ช่วยเอื้อมหยิบแฟ้มคดีที่อยู่เบาะหลังแล้ว ดูตารางนัดของคดีนั้นให้หน่อย ว่าวันนี้ ลูกความฉันนัดไว้กี่โมง...”อะไรกัน มีการใช้กันด้วย ผมเอื้อมไปหยิบ ก่อน จะเปิด ค้นหาตารางนัดดู แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเปิดขึ้นมา...

“ว่าไงฉันมีนัดกี่โมง”

“คุณทำคดีของน้องสาวท่านอัยการ”

“เธอรู้ด้วย ว่าเป็นน้องสาว”ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามบอกว่าแปลกใจ “คงจะหาข้อมูลมาเรียบร้อยแล้วสินะ”

“คุณจะไปที่ไหน ผมไปด้วย”

“ถ้าบอกว่าไม่ละ”

“ผมสัญญาว่าจะไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่ทำให้คุณเดือดร้อนแน่นอน”

“อือ ฉันเกลียดเด็กด้วยสิ”ทนายเพชรยิ้มที่มุมปาก “โดยเฉพาะเด็กที่มาเกาะแกะกับสิ้นฟ้า”

“ถ้าจะเอาท่านอัยการมาต่อรอง ผมไม่ยอมหรอก ยังไงผมก็ไม่เลิก...เกาะแกะแน่นอน” สัญญาด้วยเกียรติ ของอดีต รด.เลยก็ได้

“เฮ้อ...” ถอนหายใจ...ถอนทำไม มีอะไรให้น่าหนักใจไม่ทราบ “ฉันก็ไม่ได้บอกให้เธอเลิกเกาะแกะกับฟ้า  เสียหน่อย ฉันชอบซะอีก ก็สู้กันแบบแฟร์ๆก็ดี ผลสุดท้ายฟ้าจะเลือกรักใครมันก็เรื่องของฟ้าเขา”

“งั้นก็ให้ผมไปด้วยสิ ผมอยากรู้เรื่องที่เกี่ยวกับท่านอัยการให้มากขึ้น ไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็อยากรู้...”

“งั้นก็ได้...”

“ขอบคุณครับ”

“เพราะ ยังไง ฟ้า ก็ฝากนายไว้กับฉันให้ไปเรียนรู้คดีนี้ ฉันกะจะรับนายไปด้วยอยู่แล้วแหละ”

“ห๊ะ!”


ไอ้คนเจ้าเล่ห์เอ้ยยยย!



.....................................................................................

“ผู้ชายคนนี้ผมคาดว่าจะเป็นแค่ผู้เสพครับ ก็เลยปล่อยไปก่อน เผื่อจะดึงคนขายออกมาได้ แล้วอีกอย่าง เราอยากจะสาวให้ไปถึง ผู้ค้ารายใหญ่”นายตำรวจพนักงานสอบสวนคนหนึ่งรายงาน

“เราส่งคน เข้าไปติดตาม พบว่า ผู้ต้องหาทำการ ซื้อยามาเสพ ตกอาทิตย์ละประมาณหนึ่งถึงสองครั้ง พวกเราคาดว่า คนขายจะไม่ปล่อยยาให้ชายคนนี้เป็นจำนวนคราวละมากๆ”

“หรือไม่อัตราการเสพของชายคนนี้ อาจจะเสพทีละมากๆ จนทำให้ต้องซื้อบ่อย” นายตำรวจอีกท่านหนึ่งเอ่ยขัด

“จากการสังเกตพฤติกรรม ผู้เสพ ไม่ได้ใช้ยาเสพติด บ่อย หรือ ถี่ครับ อย่างมากสุดก็แค่วันละ 1-2 เม็ด”นายตำรวจที่รายงานเอ่ยตอบกลับไป

“แต่ก็อาจจะกินครั้งละ สองถึง สามเม็ดก็ได้”นายตำรวจคนเดิมยังเอ่ยขัด

“ยาบ้าไม่ใช่ถูกๆ เม็ดหนึ่ง ก็ออกฤทธิ์ได้ประมาณ 1 วัน ถ้าฉันเป็นคนเสพ ฉันจะรู้จักประหยัด”สิ้นฟ้าเอ่ยเรียบๆ จนนายตำรวจหลายๆท่านหันมามอง

“ท่านอัยการเล่นมุกเหรอครับ?”

“ไม่ได้มุก อีกอย่างถ้าเสพเยอะ เกินขนาด ฉันว่า ไอ้คนที่พวกนายติดตาม มันได้ ไปเสพต่อในนรกแล้ว กะระยะเวลามาเลยว่าครั้ง ต่อไป หมอนี่ น่าจะทำการซื้อยาอีกเมื่อไหร่ แล้วเตรียมเข้าจับกุม เพราะฉันรอพวกนายมานานละ ก่อนที่หมึกปากกาฉันจะแห้ง จนไม่สามารถ เขียนสำนวนส่งฟ้องให้พวกนายได้ กรุณาเร่งทำงานกันหน่อย”

“ครับท่านอัยการ”

“เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเอ้ย!”นายตำรวจเอ่ยสบถเบา จนเพื่อนข้างๆต้องสะกิด

“เห็นหน้าอย่างนี้ ก็สามสิบแล้วนะเว้ย มึงอย่าหาเรื่อง”

“สามสิบ?”


“ตามที่ผมคาด เดา หมอนี่พึ่งซื้อยาไป อีกประมาณช่วงสองถึงสามวัน คงต้องไปซื้อยามาเสพต่ออีกแน่นอนครับ”

“ก็ดี งั้น สองถึงสามวันนี้ พวกนายเตรียมทีมให้พร้อม”

“ครับ”

“อย่าให้เก้อ เพราะปากกาในมือฉันสั่นไปหมดแล้ว”






“ได้ข่าวว่ามึงกดดันลูกน้องกูซะอ่วมเลย โอดครวญกันใหญ่”ท่านสารวัตร เอ่ยออกมาอย่างขำๆ

“เด็กหน้าใหม่หมดเลย คนเก่าๆไปไหนหมด”

“ถูกย้ายหมดนะซิวะ กูยังเซ็ง มาชุดนี้ก็ไม่ค่อยเคารพกูด้วย แต่ก็ต้องทำใจ อีกอย่างวันดีคืนดี กูอาจจะโดนสั่งย้ายอีกคนก็ได้”

“แย่เชียว”

“ช่ายยยยแย่มาก หัวหน้าเปลี่ยน อะไรหลายๆอย่างก็เปลี่ยน...”สิ้นฟ้าเดินมาตบไหล่เพื่อนเบาๆอย่างเห็นใจ

“ถ้ามึงถูกย้าย กูจะ...”พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“จะ จะย้ายตามกูเหรอวะ!?”ถามด้วย สีหน้า งงๆ ปนดีใจ

“จะยุให้ไอ้หมอมีผัวใหม่”

“สัส! ยังไม่ได้กันเถอะ!”

“นี่แสดงว่าแอบมีซัมติงกันจริงๆใช่มะ”

“ซัมติงซัมตีน กูนี่ละ ! เห็นกูน่ารักละกวนตีนกูจังเลย สิ้นฟ้า”

“...”

“อย่าเงียบสิ พี่ใจคอไม่ดี”

“กูจะอวก เพราะมึงนี่ละ”

“อะไร พี่เพชร ได้มึงแล้วเหรอ ไม่เบานะผู้ชายคนนี้ ได้ปุ๊ป มึงท้องปั๊บ”

“เชี่ยเถอะ กูไม่มีมดลูก”

“แน่ะ แสดงว่าได้กันแล้ว”

“ยัง!”

“ยอมๆ พี่เพชรไปเถอะมึง หล่อ รวย มาเฟีย ขนาดนั้น ชีวิตมึงคงมีสีสันน่าดู”

“เงินทองกูไม่อยากได้ กูรวยอยู่แล้ว หน้าตากูก็ดี หรือมึงจะเถียง กูไม่อยากได้หน้าหล่อๆแบบมันมายืนข้างกูหรอก เดี๋ยวราศีกูดับ...”

“จ๊ะอีพ่อ”


“แต่ที่กูอยากได้...คือความจริงใจ”
.
.
.
“...”ท่านสารวัตรถอนหายใจนิดหน่อย “เล่นเอากูไปไม่เป็นเลยวะ”

สิ้นฟ้ายิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันออกไปมองข้างนอกหน้าต่าง ซึ่งช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ติดที่จะมองออกไปอยู่เรื่อย แต่จุดหมายที่มอง มัน
ไกลจนตัวเขาเองก็มองไม่เห็น

“ตั้งแต่ทนายเพชรกลับมา เหมือนความอ่อนแอ มันถาโถมเข้าใส่กู จนไม่เป็นตัวกูเลยวะ...”

“มึงแค่อยากให้เขาปกป้องมั้ง เฮ้ยยยยย! เฮ้ย! กูแค่คาดเดา ไม่ต้องหันมาจิกตาใส่กูก็ได้”

“ทำไมกูต้องอยากให้คนอื่นมาปกป้องด้วยวะ”

“มึงเก่งนะฟ้า ทั้งเก่งทั้งฉลาดหลายๆเรื่อง แต่มึงก็โง่วะ”

“เอ้า!”

“ก็มึงโง่จริงๆนะ”
.
.
.
“กูโง่...?”

“อืม...”









.........................

เต็มสิบ : 25 ธันวาคม เมื่อวานนี้ วันเกิดท่านอัยการนิ่
หมอ : แต่ช่วงเวลาที่ดำเนินในเรื่องมันเกินมานานแล้วนะ
สารวัตร : แต่ยังไงก็ต้องฉลองกันหน่อยเว้ยยย! วันเกิดเพื่อนทั้งที

สิ้นฟ้า :เอะอะอะไรกัน เชื้อบ้ากำเริบหรือไง!? (เดินมาทำท่า งงๆ)
เต็มสิบ หมอ สารวัตร : สุขสันต์วันเกิดนะคร๊าาาาบ ท่านอัยการ
สิ้นฟ้า :!?????

เต็มสิบ : ขอให้ท่านอัยการมีสุขภาพแข็งแรง รักเต็มสิบเยอะและนานๆ
สารวัตร : อือหือ ไม่ค่อยเลยนะไอ้น้อง ...กูขอให้มึง หล่อ รวย ...ใหญ่ขึ้นก็พอ
หมอ : เลวเหอะ อวยพรบ้าไรของมึง ...กูขอให้มึงเป็นที่รักของคนอ่านก็แล้วกัน

สิ้นฟ้า : พวกมึงนี่ก็นะ มันเกินวันมาแล้วก็ปล่อยๆไปบ้างเหอะ


เต็มสิบ : ก็อีป้ามันฉลองคริสต์มาส จนเมา กลับห้องมาอัพนิยายไม่ทัน แล้วอยู่ดีๆมันนึกคึกมาอัพตอนเกือบตีสี่
ก็เลยได้อวยพรกันตอนนี้  ของมึนเมามา สมองแล่นทันที เด็กไม่ควรเอาอย่าง น่ากระทืบ...


...สงสัยมีแววได้ลดบทตัวละครบางตัว...


สวัสดีพ่อแม่พี่น้อง (ก้มกราบ) หายไปนาน เพราะสมองค่อนข้างตีบตัน ใช้การไม่ได้
ทั้งๆที่เขียนโครงเรื่องไว้แล้ว
ฮ่ะ ! แต่มาต่อแล้วนะ กลายเป็นนิยายรายเดือนไปซะงั้น
จากตอนนี้ถ้าย้อนดูเรื่องทั้งหมดความจริง
เราไม่ค่อยได้รู้เกี่ยวกับประวัติของท่านอัยการสิ้นฟ้าสักเท่าไหร่
อะไรหลายๆอย่างมันอาจจะเผยมาเรื่อยๆ ก็ได้ เพราะมีเต็มสิบ?

เอาเป็นว่า แฮปปี้ คริสต์มาส ย้อนหลังคะ


>>>>see ya

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
สนุกจังงง

อ่านตอนแรกๆก็ว่าอยู่ว่าทำไมสิ้นฟ้าถึงได้มีมาดเคะราชินีแล้วมีเต็มสิบเป็นนางสนองโอษฐ์ ไม่เหมือนพระเอกนายเอก

พอทนายเพชรโผล่มาเท่านั้นแหละ! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ คิงของข้ามาแล้ว ถึงจะเกือบโดนหลอกตอนทนายเพชรเผยไต๋ก็เถอะ

แต่ก็นะสิ้นฟ้าต้องการความจริงใจ แต่ทนายเพชรดันไปหลอกใช้ฟ้า อย่างนี้ จะไปรอดมั๊ยน้อ~~

ออฟไลน์ boyslover

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
เราเชียร์ ทนายเพชร มากกว่าเต็มสิบอะ คือสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วมันใช่อ่ะ (หมาย ถึงทนายเพชรกับสิ้นฟ้านะ)
ส่วนเต็มสิบ เรายกให้เป็นเด็กรับใช้ดำเนินเรื่องเลยก็ได้ :katai2-1:

ออฟไลน์ mintmiko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านไปอ่านมาแล้วแอบนอยด์.... ถ้าจะให้เต็มสิบดำเนินเรื่องให้คนอื่น แพ้ตั้งแต่ยังไม่สู้จริงจังแบบนี้ก็อย่าทำเลย เห็นชัดๆกันอยู่ว่าสิ้นฟ้าชอบใคร.. มันเห็นแก่ตัวไปมั้ย? ไม่สงสารเต็มสิบ? อยากรู้ว่าสิ้นฟ้าต้องการอะไร? จะเอาเพชรหรือเต็มสิบ? ถ้าแค่จะให้เต็มสิบอยู่ข้างๆในขณะที่เพชรเป็นตัวจริงก็อย่าทำเลย สงสารเต็มสิบมั้ย? ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเต็มสิบรักตัวเอง แต่ก็ยังทำแบบนี้อ่ะ? เป็นถึงอัยการ แต่กลับทำแบบนี้.... สมองอยู่ตรงไหน? ความเป็นคนอยู่ตรงไหน? จิตสำนึกอยู่ตรงไหน? เคยคิดอะไรบ้างมั้ย? อยากเห็นคนตายทั้งเป็น? Fuck You Fucking Bitch Motherfucker Slut Whore!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2014 03:23:08 โดย mintmiko »

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
แปะไว้ก่อน

ออฟไลน์ morningflower

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สงสารเต็มสิบ รู้ทั้งรู้ว่าอกหัก แต่ยังต้องมาดำเนินเรื่องให้คู่นี้อีก  :hao5:

ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
คดีที่ 8
เมทแอมเฟตามีน





23:23 น. 23 มีนาคม 2015

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะเบาๆที่ดังขึ้นจากเนื้อไม้ของโต๊ะ กับปากกา สีเงินด้ามเล็ก ด้วยฝีมือของอัยการหนุ่ม ที่นั่งทำหน้านิ่งเฉยเมย แต่ในสมองกลับคิดถึงเรื่องราวต่างๆมากมาย จนเผลอเคาะปากกาด้ามงามกับโต๊ะทำงาน ราวกับเป็นจังหวะของความคิด

ตอนนี้เขานั่งอยู่คนเดียวภายในห้องทำงาน ของสำนักงานอัยการ ที่ปิดไปแล้วตั้งแต่ห้าโมงเย็น แต่ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน เขาก็ยังคงนั่งอยู่

ปกติถ้าอยู่ดึกขนาดนี้ เต็มสิบก็จะงอแงขออยู่ด้วย มันก็ดีอย่างน้อย ถ้าเต็มสิบอยู่มันก็ทำให้เขาไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตคนเดียวที่นั่งทำงานอยู่ในห้อง แต่ตอนนี้เขาส่งให้เต็มสิบไปทำคดีกับทนายเพชร ให้ได้ลองไปเป็นฝั่งจำเลยซะบ้าง นั่นอาจจะทำให้เต็มสิบได้เรียนรู้อะไรได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ดีกว่ามาติดแหงกอยู่กับเขาคนเดียว

หวังแต่ว่า ทนายเพชรจะไม่สอนอะไรแผลงๆให้เต็มสิบละกัน

อย่างเช่นกลโกง 1,890 ข้อ เล่ห์เหลี่ยมอีกพันกว่าเล่มเกวียน อ่อยเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ศาลยังไงให้ถูกวิธี หรือแม้กระทั่งติดสินบนเจ้าพนักงาน เชื่อเลยหมอนั่นเคยทำมาทุกอย่าง และเคยทำมากกว่าที่กล่าวมาข้างต้น
ถึงวางใจให้หมอนั่นทำคดียังไงละ

พอมาฝั่งเขาก็มีเรื่องให้หนักใจเหมือนกันเหอะ ในเมื่อตอนนี้เสาหลักของบ้านไม่อยู่ เพราะไปว่าความทางฝั่งอังกฤษตั้งแต่ยังไม่เกิดเรื่อง แม่เลี้ยงแสนดีของเขาที่ห่วงลูกสาวตัวเองหนักหนา ก็เลยโทรมาทุกชั่วโมง ขอให้เขาช่วย

ไอ้เขาก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำ เสียเมื่อไหร่?...ละมั้ง

เขาเพียงแค่ฟังเสียงร้องห่มร้องไห้ดังผ่านจากทางโทรศัพท์ โดยไม่พูดอะไรเท่านั้นเอง

ครืด~~ ครืด~~~
เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นไถล ไปกับพื้นโต๊ะ ตัดเสียงปากกาที่กำลังเคาะอยู่เป็นจังหวะ เจ้าของเครื่องมองเบอร์ที่โทรเข้ามาพลันต้องขมวดคิ้ว  จนหัวคิ้วทั้งสองแทบจะชนกัน  ก่อนจะกดรับสาย


“ท่านครับ ท่านสารวัตรให้โทรมาบอก เรื่อง มีสายเรารายงาน ว่า จะมีการส่งยาล๊อตใหญ่ที่เขตท่าเรือครับ”เขายังไม่ทันพูดอะไรปลายสาย ก็รายงานอย่างร้อนรน

“แน่ใจแค่ไหน?”

“ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจ้าตัวไม่รอช้า รีบหยิบโทรศัพท์และของที่จำเป็นออกไปทันที



..................................

12:12 น. 23 มีนาคม 2015

ผมต้องกุมขมับแล้วกุมขมับอีกด้วยความกดดัน เมื่อมายืนอยู่ในห้องพยาบาลของสาวน้อยแสนสวย ที่ผมเชื่อว่าเป็นน้องสาวของท่านอัยการสิ้นฟ้า เสียแต่คนละแม่ ผมละไม่นึกเลยว่าท่านอัยการสูงสุดจะเป็นคนแบบนี้

แบบนี้ แล้วแบบไหนละวะ เออ ก็แบบนั้นแหละ...แอบมีเมียน้อย

เอาตามความจริงเมื่อก่อนหน้านี้ผมน่าจะสืบข้อมูลหรือค้นหาข้อมูลให้ได้มากกว่าเท่าที่มีอยู่
พอผมลองค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับครอบครัวนี้อีกครั้ง เหมือนข้อมูลบางส่วนมันถูกลบออกไป

เพื่ออะไร...?

และใครกันที่ทำได้...

ผมอดที่จะหันไปมองคนที่ยืนยิ้ม คุยกับคนไข้สาวน้อยแสนสวยอย่างอบอุ่น ผู้ต้องหาในการขับรถฆ่าคนตายประมาณ 9 ศพ เสียชีวิต ณ ที่แห่งนั้น 8 และมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 ไม่ได้ ข้างๆอีกฝั่งคือแม่ของเธอ ซึ่งเป็นผู้หญิงที่สวยดูเรียบร้อย และอีกคนในห้องคือพี่หมอ ที่กำลังตรวจเช็คข้อเท้าของคนป่วยนิดหน่อย

เป็นคดีที่ใหญ่และสื่อให้ความสนใจมากพอดู จนตอนมาผมกับทนายเพชร ต้องแอบจอดรถไว้ที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆแล้วให้เพื่อนทนายของเขาอีกคนขับรถของเขาออกมาจากห้างสรรพสินค้ามายังโรงพยาบาลเข้าไปจอดที่หน้าตึก ส่วนตัวเขาและผมนั่งแท็กซี่เข้าไปแทนผมซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่แล้วเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าไป ยกเว้นทนายเพชร ที่เป็นทนายที่ต้องยอมรับว่าค่อนข้างมีชื่อเสียง แม้เจ้าตัว จะอยู่ในชุดธรรมดาที่ไม่ได้ใส่สูทผูกไทค์ ไม่บ่งบอกถึงลักษณะของทนายความ แต่ก็ยังโดดเด่นพอดู เช่นนั้น จึงจำเป็นให้เพื่อนของเขา ขี่รถเขาเข้ามาล่อพวกนักข่าวหน้าตึก อาศัยช่วงชุลมุนเข้ามาในตึก

ง่ายๆ แต่หลอกนักข่าวได้ชะงักนัก

โอเค อย่างที่เล่า พวกเราถึงมายืนในห้องแห่งนี้ได้อย่างปลอดภัยจากพวกนักข่าวยังไงละ

“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วครับ แต่ผมอยากให้น้อง พักอยู่ที่นี่ในระยะยาวสักหน่อย”

“อันที่จริงก็มีแค่แผลถลอกนิดหน่อย กับเคล็ดขัดยอก สามารถ ให้ออกจากโรงพยาบาลเลยก็ได้ แต่ผมเห็นท่าไม่ดี อย่างที่คุณโทรมาบอก ผมเลยให้อยู่ต่อ”

“ขอบคุณครับหมอ”ทนายเพชรกล่าวเรียบๆ

“แล้วเรื่องแถลงข่าว”พี่หมอถามกลับมา

“เอาไว้อีกสักพักครับ”ทนายเพชรตอบออกไป พร้อมกับยิ้มอบอุ่นให้คุณแม่ของเธอ “ในที่นี้ผมคิดว่า น่าจะมีแต่คนที่ไว้ใจได้”พูดพรางหันมามองทางผมแว๊บหนึ่ง “ในทุกการกระทำทุกอย่าง หลังจากนี้ ผมจะเป็นคนนำทางให้ คดีนี้ถึงจะมีผู้เสียชีวิตเยอะ แต่ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ผมอยากให้คุณน้า หรือแม้แต่ตัวของน้องเอง เชื่อใจผม”

“เพชรต้องช่วยน้องวานะ น้าทำอะไรไม่ถูกไปหมดแล้ว ท่านก็ไม่อยู่ ไหนจะสิ้นฟ้าที่ไม่ยอมพูดกับน้าอีก”

“พี่ฟ้า ไม่คิดที่จะช่วยกันเลยหรือไง!”เด็กสาวบนเตียงคนไข้พูดขึ้น ทนายเพชรเพียงแค่หันไปยิ้มให้

“พี่ชายของน้องวางานยุ่งมากมายเลยรู้ไหมครับ ตรงนี้ก็มีพี่หมอกับพี่เพชร อยู่ด้วย”พี่หมอว่าอย่างอบอุ่น

“แม้แต่คุณพ่อยังไม่ใส่ใจเลย ลูกตัวเองขับรถชนแท้ๆ ยังห่วงที่จะทำคดีบ้าบออะไรนั่นอีก”ผมได้ข่าวว่าท่านอัยการไปทำคดีระดับประเทศ คงจะมีเวลามาโอ๋ลูกสาวของเขาหรอกนะ “อะไรก็พี่ฟ้าพี่ฟ้า แต่ไหนแต่ไรแล้วในหัวของพ่อก็มีแต่พี่ฟ้า พี่ฟ้าเก่งทุกอย่าง ส่วนวาก็สร้างเรื่องเดือดร้อนได้ทุกอย่าง แล้วนี่ยังมาเป็นฆาตกรฆ่าคนอีก วาฆ่าคนตายเลยนะ วา ฆ่า คน ตาย ฮึก...”เธอว่าพรางร้องไห้ออกมา จนทนายเพชรต้องลูบหัวอย่างเบาๆ แม้แต่แม่ของเธอเองยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่


ในตอนนั้น ความคิดของผมดันคิดไปว่า คนผิด ก็รู้สึกเจ็บเป็นเหมือนกัน งั้นเหรอ?


หลังจากที่ทนายเพชรคุยเรื่องค่าชดเชยค่าเสียหาย ค่าบาดเจ็บ ค่าทำศพของเสียชีวิต ที่จะชดเชยให้ผู้เสียหายในส่วนแรก เรา
สองคนก็กลับมาเอารถจากเพื่อนทนายเพชรที่ห้างสรรพสินค้าห้างเดิม ก่อน จะออกเดินทางไปที่แห่งหนึ่ง

กรมการปกครอง...

ซึ่งผมสงสัย ว่า ทนายเพชรจะมาที่นี่ เพื่ออะไร...?


......................................................................
00:13 น. 24 มีนาคม 2015

สิ้นฟ้า เดินทางมารวมตัวกับเหล่าตำรวจทีมสืบสวนที่โรงพัก มีนายตำรวจประมาณห้าคนรอเขาอยู่

“หัวหน้าพวกนายละ?”เจ้าตัวถามขึ้นอย่างสงสัย เมื่อ ไม่เห็นเพื่อนของเขาอยู่

“ท่านสารวัตรได้รับรายงานเรื่องคดียาเสพติดอีกชุดหนึ่งครับ ชุดนี้เลยให้พวกผมรับผิดชอบเอง”
เขาพยักหน้า บอกเป็นอันเข้าใจ เพราะ ใช่ว่าจะไม่เคยเป็นแบบนี้ มีหลายครั้ง ที่พวกเขาทั้งคู่แยกกันทำงาน ถึงแม้ว่า การทำแบบนี้ จะไม่เป็นที่นิยม ของเหล่าอัยการสักเท่าไหร่ ที่ต้องลงมาวิ่งจับผู้ร้ายเอง แต่คนอย่างเขากลับเห็นว่า การนั่งอยู่ในห้องแอร์ รอรับสำนวนคดี จากการสืบของตำรวจมาแล้ว การรออยู่เฉยๆ มัน ก็ไม่ใช่สไตล์ของอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้าเช่นกัน

“เราได้ส่งทีมแรกเข้าไปยังพื้นที่แล้วครับ”

“งั้นอย่ารอช้าเลย รีบตามไปกันเถอะ”สิ้นฟ้าสั่งเสียงเรียบ ก่อนจะขึ้นรถของตำรวจที่รอรับอยู่ไป

ในระหว่างทาง มีนายตำรวจคอยอธิบายแผนการ ให้ฟังแบบคร่าวๆ เพราะสายที่รายงานมานั้น เป็นการรายงานที่แบบกระชั้นชิดในระยะเวลาที่จำกัดเสียเหลือเกิน และหากจะรอการส่งของครั้งต่อไป มิวายก็จะต้องรอแบบไร้จุดหมาย ที่ต้องคอยสังเกตพฤติกรรม จากผู้เสพคนนั้นอีก ในเมื่ออีกสายรายงานมาว่าจะมีการขนส่งสิ้นค้าล๊อตใหญ่ มันจึงเป็นโอกาสที่ต้องคว้าเอาไว้ให้ได้
แม้พวกนี้จะเป็นทีมใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกัน แต่ดูท่าทางก็เป็นมืออาชีพกันพอสมควร

ทางตำรวจจอดรถไว้ไกลพอสมควรจากจุดของท่าเรือ ก่อนจะเดินแยกย้ายกันเข้าไปสู่เขตของท่าเรือขนส่งสิ้นค้า ที่รายล้อมด้วยตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่หลากหลายสีสัน  ทางอีกฝั่งของท่าเรือยังมีการทำงานขนส่งกันตลอดทั้งวันทั้งคืน

“พวกที่มาก่อนหน้ากระจายซ่อนตัวตามจุดต่างๆแล้วครับ”

เหมือนรู้ว่าจะถาม จึงรายงานขึ้นมาก่อนทันที

ดูจากเวลาที่สายรายงานว่าพวกมันจะนัดส่งของ ก็ยังเหลืออีกประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ สิ้นฟ้าจึงเตรียมสั่งให้เตรียมปฏิบัติตามแผนการทันที 

ปั้ง!

“เชี่ย เอ้ย ! พวกเราโดนล้อม!”นายตำรวจคนหนึ่งสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อยังไม่ทันได้ก้าวเดินออกไปไหน ก็มีกระสุนลอยเข้ามากระทบยังเหล็กของตู้ด้านหลังอย่างแรงจนเกิดประกายไฟ

ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!

กระสุนจากทุกทิศทางกราดยิงเข้ามา ยังจุดที่พวกเขายืนอยู่

สิ้นฟ้าถีบนายตำรวจคนหนึ่ง ที่ยังยืนเอ๋อให้หลบเข้าไปยังหลังของตู้คอนเทนเนอร์  ก่อนจะยิงสวนออกไป ในทางที่กระสุน ยิงมา

“พวกเราโดนล้อมไว้อย่างนี้แย่แน่ๆเลยครับ”เมื่อตั้งสติได้ นายตำรวจคนนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอย่างกระวนกระวาย อีกทั้ง หน้ายังซีด เหงื่อไหลย้อยลงมาตามขมับ จนดูน่าขัน แต่ตอนนี้สิ้นฟ้าก็ตลกไม่ออก

“เรียกกำลังเสริมหรือยัง!?”อัยการผู้ช่วยพยายามถามอย่างใจเย็น สวนกับเสียงกระสุนที่ดังอยู่ด้านนอก คนที่ได้ยินสะดุ้งรุกลี้รุกรน หาเครื่องมือสื่อสารทันที

ร่างสูงของสิ้นฟ้า กระโดดเกาะขอบตู้ คอนเทนเนอร์ เอาขายาวๆพาดแล้วปีนขึ้นไป ดีที่ตู้เหล่านั้น ว่างซ้อนสลับกัน กว่าสามถึงสี่ชั้น จึงทำให้เมื่อปีนขึ้นไปแล้ว ก็หลบเข้าระหว่างช่องว่างของการวางตู้ได้

พวกมันมาเร็วกว่ากำหนด หรือว่า...ไม่ใช่สิ มันไม่ได้มาเร็วกว่ากำหนด แต่มันรอพวกเราอยู่แล้ว
แล้วตำรวจที่มาก่อนหน้านี้ละ!?

เขาไม่อยากจะคิด ไปให้ถึงจุดๆนั้น เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งมองเห็นในแง่ที่ไม่ดีสักเท่าไหร่

สิ้นฟ้าเอื้อมมือ ไปดึงตำรวจนายนั้น  ให้ขึ้นมายังด้านบนของตู้คอนเทนเนอร์ด้วย ก่อนจะค่อยๆเดินหลบหลีกบนหลังตู้คอนเทนเนอร์ชั้นที่สอง พร้อมกับทำการเติมกระสุนของปืน ดีนะที่เขาเตรียมพร้อมมาด้วยเสมอ


เสียงสาดกระสุนสงบลงแล้ว แต่พวกมันต้องรู้แน่ ว่าพวกเขาต้องหลบอยู่แถวนี้ แล้วพวกที่มากับเขาที่เหลือจะเป็นยังไงกันบ้าง ก็ยังไม่รู้...

“นายคงมาใหม่งั้นสิ”สิ้นฟ้าหันไปกระซิบถาม

“คะ ครับ”

“งั้นเราก็ควรรู้ชื่อกันไว้ เผื่อไม่รอด ฉันจะได้จำชื่อนายได้”

“โธ่ ท่าน ทำไมพูดอย่างงั้นละครับ”ทำท่าเหมือนกับจะร้องไห้

“บอกชื่อนายมา”

“ศักดิ์ครับ ศะ ศักดิ์”

“โอเค ศักดิ์ นายหลบอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน ฉันจะไม่ว่านายขี้ขลาดเลย แต่ถ้าปลอดภัยเมื่อไหร่ ให้นายหลบออกไป เข้าใจไหม!”สิ้นฟ้าสั่งตรงนี้เป็นช่องแคบของตู้ที่เรียงเป็นมุม ที่ไม่ค่อยมีแสงส่องจากไฟสปอร์ตไลท์ของท่าเรือพอดี ถ้าหลบดีๆ น่าจะ
ไม่มีปัญหาอะไร

“แต่ท่าน...”

“เชื่อฉัน นี่คือคำสั่ง”

“คะ คะ ครับ”

“หลบอยู่ที่นี่...”สิ้นฟ้าสั่งแค่นั้น ก่อนตัวเองจะกระโดดลงมาจากตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมลัดเลาะไปตามช่องแคบของตู้ นี่เขาทำตัวเป็นฮีโร่ เนอะ ! โอ้ ไม่นะ ถ้าเขาเอาศักดิ์ ไปด้วยมันก็ตัวถ่วงดีๆนี่เอง สู้ให้เจ้านั่น หลบอยู่อย่างนั้น ก็น่าจะมีโอกาสรอดมากกว่าทั้งคู่ ถ้าเกิดเขาเอาไปด้วย เกิดหมอนั่น ตายขึ้นมา เขาจะสรรหาคำพูดอะไรบอกกล่าว พ่อแม่หรือเมีย ที่หมอนั่นน่าจะมีรออยู่ที่บ้านว่ายังไง?

ฝึบ!


มีเงาสีดำกระโดด ข้ามหัวไป

เขาเบี่ยงตัวหลบเข้าหาที่มืด ที่เป็นมุม อับแสงทันที
พวกมันอยู่ด้านบน ตอนนี้กำลังตามหา ตัวคนที่หลบอยู่...
หวังว่าศักดิ์คงเอาตัวรอดได้

สิ้นฟ้า ค่อยๆเดินเลี่ยงไปตามซอกแคบของตู้ พร้อมกับสังเกตการณ์เคลื่อนไหวด้านบน พวกมันคง ซุ่ม อยู่ด้านบนของตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อเราก้าวเข้ามายังเขตของพวกมัน มันก็ลอบยิงทันที
โชคดีหน่อย ที่เขาถีบ พร้อมกับหลบเข้าหลังตู้อย่างรวดเร็ว


ครืด~ ครืด~

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาสั่น แต่ไม่มีอารมณ์จะรับแต่ก็กลัวเสียงสั่นมันจะดังเกินไปจนทำให้พวกด้านบนได้ยิน จึงสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วกดปิดเครื่อง ทั้งที่ยังไม่ได้ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากระเป๋าเลยแม้แต่น้อย
คราวนี้ต้องใช้หัวคิดกันหน่อย

เขาไม่รู้ว่าพวกมันจะมีกันกี่คน และไม่รู้พวกของตัวเองเหลือกี่คนอีกเช่นกัน
ปืนไม่มีที่เก็บเสียง ถ้าเผลอยิงออกไปปุ๊ป มันจะต้องรู้ตำแหน่งของเขาทันที
เพราะฉะนั้น ยังไม่อยากเสี่ยง ยิงออกไป

หรือจะหลบ จนกว่าจะปลอดภัยดี

เสมือนจะเป็นแผนการที่ใช้ได้ แต่ให้ตายเหอะ เขาเชื่อว่า พวกมันจะต้องพลิกท่าเรือตามหา คนที่เหลือแน่
ถ้าเดาไม่ผิด... มันมีความคิดหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวเขา สิ้นฟ้าอยากจะข้ามความคิดนี้ไป เพราะยิ่งคิด ยิ่งจะไม่เป็นผลอันดีกับพวกของตัวเอง


ฝึบ!

มีเงาดำกระโดด ข้ามหัวไปอีกแล้ว...


ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!

และเสียงปืนที่ดังขึ้น ไม่ใกล้ไม่ไกล
ถ้าเมื่อกี้ ก้มลงมามองสักนิด ก็คงจะเห็นเขา

ตอนนี้สิ้นฟ้าติดหอบ ใช่ว่าจะเคยออกกำลังกายบ่อยเสียเมื่อไหร่ เหงื่อร้อนที่เกิดจากความกดดันบวกสภาพอากาศของประเทศนี้ที่ต่อให้หน้าฤดูไหน ก็มีแต่ร้อนกับร้อนมากเท่านั้น มันทำให้เขาไม่ค่อยสบายตัว
 
“อยู่นี่เอง...”เสียงเย็นเหยียบดังขึ้นอยู่บนหัว ตอนที่เขากำลังจะก้าวออกเดิน


ปั้ง! ปั้ง! เคล้ง!


“แอร๊ก!”


สิ้นฟ้ายิงปืนสวนขึ้นไปทันที แต่ช้ากว่า ทำให้กระสุนเพียงแค่ถากๆ ส่วนมันก็เหมือนกัน แต่กระสุนของอีกฝ่ายก็ถูกเป้าเต็มตรงไหล่ขวาของเขา จนหลังกระแทกเข้ากับตู้

เจ็บระบมไปหมด

ปั้ง!

เพราะรู้ตัวว่ารอเวลาไม่ได้ จึงยิงขึ้นไปอีกนัด ทะลุเข้าสู่กะโหลก ของคนด้านบนที่ ก้มลงมาหมายจะยิงเขาซ้ำอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไวกว่า บวกโชคช่วย ดันทะลุเข้าสมองพอดี จนเลือดสาด ลงมายังหน้าเขา

โธ่ เอ้ย! เขาไม่ใช่พระเอกสายบู้ อีกทั้งยังไม่ใช่พระเอกสายบุ๋นด้วย อีกอย่างเขาพระเอกแน่เหรอ? ก็ยังสงสัยอยู่ ถ้านั่งอยู่ในห้องแอร์เฉยๆ รอแค่รับสำนวนคดี ไม่ต้องลงมาสืบเอง ชีวิต คงจะง่ายกว่านี้เยอะ

แต่ด้วยไอ้นิสัยส่วนลึกที่มันรักสนุก นี่ละ ถึงทำให้ตัวเองต้องมาเจอเรื่องลำบากอยู่เรื่อย
 ทำยังไงจะรอดละ สิ้นฟ้า คิดสิคิด!

ถือว่าเป็นเรื่องบ้าบิ่น ที่สุดที่เคยทำแล้วกัน

เขากระโดดเกาะตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งที่แขนก็ยังเจ็บ แล้วปีนขึ้น ไป จนถึงตู้ชั้นที่สาม ก่อนจะกระชากร่างที่ไร้วิญญาณลงมาด้วยมือข้างเดียว จนหล่นตุ๊บลงไปด้านล่าง
สิ้นฟ้ารีบกระโดดกลับลงไปคืน ไอ้หมอนี่ตัวใหญ่กว่าเขา สิ้นฟ้านั่งลงพร้อมกับเอาร่างใหญ่มาบังตัวเขาไว้
ตึ้งๆๆๆๆ
เสียงวิ่งดังขึ้นมาจากข้างบน เข้ามองผ่านแขนของตัวศพ

ปั้ง!

สิ้นฟ้ายิงสวนขึ้นไปทันที เมื่อมีหน้าๆ หนึ่งที่เหมือนกำลังชะโงกหน้ามาดู

ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!

ด้านบนก็ยิงสวนกลับลงมาเช่นกัน สิ้นฟ้ารีบมุดอยู่ข้างหลังตัวศพ

ลูกกระสุน กระแทก จนทำให้ศพดิ้นกระตุก เลือดกระเด็นอย่างน่าหวาดเสียว แล้วกระสุนบางลูกที่เฉียดผ่านเขาไปด้วย จนเผลอกั้นหายใจ

เขาเอาศพมาทำเป็นที่บังกระสุน เขาเพียงแค่คอยรอยิงไอ้พวกที่อยู่ด้านบน เก็บไปทีละตัว โคตรบรรพบุรุษ ถ้าไม่ฉลาดสุดๆก็บื้อจนไม่คิดอะไรจริงๆ ถึงคิดหาวิธีในแบบฉบับละครหลังข่าวขึ้นมาได้

และเหมือนด้านบนจะรู้ตัว จึงหยุดชะงัก สิ้นฟ้ามองลอดหว่างแขนของศพขึ้นไป เห็นเพียง แค่เงาดำ จึงคิดที่จะยิงขึ้นไปอีก

แต่เสียง ซู่ พร้อมกับสะเก็ตไฟที่ฉายวาบ ทำให้ต้องหยุดชะงัก

เมื่อมองขึ้นไป ดวงตาคมกริบของสิ้นฟ้าก็ต้องเบิกกว้าง
เชี่ย! ระเบิด !
มันเป็นสิ่งที่ ไม่ได้รับอนุญาตไว้ให้มีในครอบครองนี่

 
มัน ผิดกฎหมายนะเว้ยยยย!



คิดได้เท่านั้น สิ้นฟ้าก็สละศพ แล้วออกวิ่งทันที


ตู้ม!




......................................
 :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-01-2015 22:10:52 โดย Kissa_O »

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ระทึกค่ะ ลุ้นมากๆ

ออฟไลน์ fox

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กำลังมันสสสส์  :ling1:

ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

คดีที่ 8
เมทแอมเฟตามีน (2)

ไดนาไมท์ ถึงแม้จะหลบทัน แต่เสียงมันก็ทำให้ประสาทส่วนควบคุมการได้ยินรู้สึกอื้อ ขึ้นมาทันที ได้ยินแต่เสียงวิ้งๆ จนทำให้เขาต้องสะบัดหน้า สองสามครั้ง เพื่อไล่อาการ

ปั้ง!

แต่โชคชะตา มักไม่เคยให้หยุดพักนาน ยุคนี้พิซซ่ามาเร็วกว่าตำรวจฉันใด อัยการก็อยากกินไก่KFCฉันนั้น เอามาโยงกันได้ไง ไม่เกี่ยวกันหรอก ก็แค่รู้สึกว่าสมองได้รับการกระทบกระเทือน ถ้ารอดจากนี้ไปได้สาบานเลยว่าจะพา เต็มสิบไปเลี้ยงเคเอฟซี!

เออ...มัวแต่ไร้สาระ เมื่อกี้มีคนยิงมานี่หว่า ว่าแล้วก็รู้สึกเจ็บๆที่ขา พร้อมกับเริ่มเสียการควบคุม จนต้องล้มกองพับลงไป จนหัว
กระแทกเข้าตู้คอนเทนเนอร์อย่างจัง!

บอกแล้ว ว่าเขามันไม่ใช่ สายบู้

แค่ยิงปืนแม่นนิดหน่อย ใช่ว่าจะเก่ง

“หยุดอยู่ตรงนั้นและท่านอัยการ” และช่วงนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกหักหลังบ่อยมากๆ

“กะแล้วว่าต้องเป็นนาย...”สิ้นฟ้าเปรยเสียงเบาๆ พร้อมกับหันหน้ามาแสยะยิ้ม

“รู้แล้ว...จะได้อะไรครับท่าน?”

“ฉันอุตส่า จะสลัดนายทิ้งดีๆแล้วเชียว นายไม่น่าตามฉันมาเลย...”ศักดิ์ใช่ หมอนั่น มันชื่อว่าศักดิ์ เลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยอย่างสงสัย

“ไม่มีพวกตำรวจที่มาก่อนหน้า ที่นี่ไม่มีการส่งยา จะมีก็แค่...ส่งฉันมาตาย”

“ถ้าท่านเข้าใจอยู่แล้ว ผมก็คงไม่จำเป็นต้องอธิบาย อันที่จริงมันก็ไม่ใช่หน้าที่ ที่ผมจะต้องมาอธิบาย”ศักดิ์ พูด พร้อมกับเดินเข้ามาหาสิ้นฟ้า

“ส่งปืนมา อย่าคิดเล่นตุกติก”สิ้นฟ้ายื่นปืนส่งให้อย่างว่าง่าย อันที่จริง สภาพ ตอนนี้ เขาก็ไม่มีแรงขัดขืนสักเท่าไหร่หรอก บางครั้งก็รู้สึกอยากมีร่างกายเหมือนแรมโบ้ หรือไม่ก็ทอม ครูซ ในมิชชั่น อิมพอสสิเบิล  เสียแต่เขาคือสิ้นฟ้า ยังไงก็ยังคงเป็นสิ้นฟ้า
ต่อให้เก่งมาจากไหนก็แพ้ให้ลูกปืนที่จ่อหน้าอยู่ดี

“แล้วคนอื่นๆละ”



“เดี๋ยวท่านก็เห็นครับ...”



..........................................................................

“ไม่มีสัญญาณตอบรับ จากหมายเลขที่ท่านเรียก....”ผมละเบื่อ เสียงของผู้หญิงคนนี้จริงๆ โทรไปกี่สายต่อกี่สาย ก็เจอแต่เสียงเดิม ผมอยากได้ยินเสียงท่านอัยการเข้าใจม้ายยยยยT^T

“รับสายไหม?”หนุ่มหล่อ วัยเกินสามสิบ เอ๊ะ ! เกินสามสิบแล้วนี่ยังเรียกว่าหนุ่มอยู่หรือเปล่า? ถามขึ้น

“ไม่เลยครับ”พอผมตอบอย่างนั้นกลับไป ทนายเพชร ก็หน้ามุ่ยหัวคิ้วขมวดทันที
ออ... สงสัยใช่ไหมละ ว่าเวลาหลังเที่ยงคืนนี่ ผมมาอยู่กับเขาได้ยังไง

นี่ผมต้องเล่าย้อนใช่ไหม?

ได้! ไม่มีปัญหา อะไรนะ อยากรู้เรื่องของทางฝั่งท่านอัยการมากกว่าทางฝั่งผม เออ! เข้าใจ! ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันแหละ แต่มันโทรไม่ติดนี่ไง เห็นมะ ! หรือจะเอา! เครียดแล้วนะ! โมโหแล้วด้วย!

แล้วนี่ผมเป็นบ้าอะไร? โอเค โอเค ผมจะเล่าละ คงต้อนย้อนเวลากลับไปนิดหน่อย เมื่อตอนกลางวันของวันที่ 23 มีนาคม เวลาประมาณ 13.13 น.



กรมการปกครอง


“เรามาทำอะไรกันที่นี่ครับ?”ผมถามขึ้น แต่กลับได้คำตอบเป็นเพียงรอยยิ้มเล็กๆส่งมา

เมื่อเดินเข้ามายังในตัวอาคารผมและทนายเพชรก็ถูกเจ้าหน้าที่ เชิญให้ไปนั่งภายในห้องรับรองห้องหนึ่ง ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสมองไปเห็นรถด้านล่างวิ่งมากมาย พร้อมทั้งในห้องตกแต่งที่ดูสวยงาม โซฟาสีขาวสะอาดที่กลมกลืนไปกับสีขาวของห้อง มองไปที่โต๊ะด้านหนึ่งมีแจกันสีขาวที่ปักดอกไม้สีน้ำเงินซึ่งผมไม่รู้ว่ามันคือดอกไม้ชนิดไหน แต่มันกับทำให้ผมรู้สึกไม่ดี เพราะมันเป็นการปักแค่ดอกเดียว ด้วยความที่มันโดดออกมาจากสีสันโดยรอบ จึงทำให้ดอกไม้ที่เป็นสีน้ำเงินหนึ่งเดียวดูเด่น

“ดอกไม้นั่นคือดอกไอริสสีน้ำเงิน”ดูเหมือนทนายเพชรจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร จึงเอ่ยขึ้น

“ปักไว้แค่ดอกเดียว มันมีความหมายอะไรหรือเปล่าครับ?”

“ไม่มี...อะไรไปมากกว่าความหมายของตัวมันเอง” หมายความว่ายังไง?...ผมอยากจะถามออกไป แต่ก็ต้องหุบปากเอาไว้เพราะมีร่างสูงร่างหนึ่งเดินเข้ามา ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องหรือผู้ติดตามให้ออกไปเหลือแต่เขาพร้อมกับปิดประตู เขาก้มหัวให้ทนายเพชรนิดหน่อย ทนายเพชร ก็ก้มกลับเช่นกัน ส่วนผมก็ยกมือไว้แบบเก้อๆ ยังดีที่เขาหันมายิ้มน้อยๆให้ผม

“ตอนที่คุณติดต่อมาผมดีใจมากๆ นึกเสียว่าจะไปอยู่อเมริกา จนไม่สนใจทางนี้เสียแล้ว”เข้าว่าพรางยิ้ม “สิ่งที่คุณต้องการผมเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ไม่ต้องเป็นห่วง”เจ้าใบหน้าคมคาย ดูหล่อเหลา พูดออกมา คำพูดคำจาดูระมัดระวังตัว จนผมรู้สึกขัด ๆ อาจจะเป็นเพราะผมนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย คนตรงหน้าเลยค่อนข้างระวังตัว

“ครับ”ทนายเพชร รับคำแบบสั้นๆ

“เด็กคนนี้...”เขาถามขึ้น

“ผู้ช่วยผมเองครับ ไม่ต้องห่วง...”

“งั้นก็...”เขาว่า พร้อมกับยื่นแฟ้มที่เขาถือติดตัวมาให้ส่งให้ทนายเพชร

“ขอบคุณมากๆครับที่ท่าน จัดการเป็นธุระเรื่องนี้ให้”
.
.
.

“คนกันเอง ในสิ่งที่ผมพอจะช่วยได้ผมก็ช่วย”



หลังจากนั้นทนายเพชรก็เปิดดูแฟ้มนิดหน่อย ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก่อนที่จะกล่าวลา

เมื่ออยู่บนรถ ผมก็ได้แต่แอบชำเรืองมองหน้าด้านข้างของคนที่ผิวปากเบาๆอย่างอารมณ์ดี แต่ผมมั่นใจว่าต้องการกวนผมแน่ๆ เพราะเขารู้ว่าผมน่าจะมีเรื่องสงสัยมากมายในสิ่งที่เขาทำ แต่ก็อีกนั่นแหละถึงถามไป เขาก็ไม่บอกอะไร จึงต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ แล้วคิดเอาเอง...


รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นปลาที่เคยอยู่แต่ในขวดโหลหรือตู้ปลา แล้วถูกเอามาปล่อยในมหาสมุทร...


“คิดมากระวังหัวร่วง”ทนายเพชรพูดพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ

“ผมเหอะ หัวร่วงมันก็เกินไปมั้ง”

“ต่อปากต่อคำได้ แสดงว่าสติยังคงดีอยู่”เขาว่า ก่อนจะยิ้มมุมปาก ทั้งที่หน้าเขาก็หันไปมองถนน แต่ผมก็รู้ว่าเขาต้องยิ้มเหยียดแน่ๆ

“งั้นผมถามได้ไหม?”

“ได้ แต่ตอบหรือไม่ตอบ นั่นขึ้นอยู่กับคำถามของเธอและความพึงพอใจของฉัน”

“ข้อมูลในอินเทอร์เน็ต...ข้อมูลของน้องสาวท่านอัยการ ถูกลบออกหมดในอินเทอร์เน็ต”

“นั่นอาจจะเพราะ เธอหาไม่ดีเอง...”

“ไม่...มันถูกลบ แน่นอน เพราะในตอนที่ผมหาครั้งแรก ข้อมูลนั้นยังมีอยู่และผมมั่นใจว่าผมค้นหาอย่างละเอียด พอ และครั้งที่สองข้อมูลในส่วนที่ผมได้มากลับไม่มี แต่ถูกแทนที่ด้วยข้อมูลใหม่ ถูกเปลี่ยนเร็วมากเพียงแค่ชั่วข้ามคืน”

“ไงต่อ”

“น้องสาวของท่านอัยการ แท้จริง อายุ เกินกว่า 20 ปี นั่นแสดงว่าเธอบรรลุนิติภาวะแล้ว เธอมีอายุเป็นพี่ของผมอีก...”เขาไม่ได้มีท่าทีที่ประหลาดใจเลย ว่าผมรู้เรื่องนี้ เพียงแค่ทำหน้ายิ้มน้อยๆ ขับรถไปตามท้องถนน อย่างสบายๆ “ทำไมถึงต้องเปลี่ยน...”

“เธอเรียนกฎหมายมา เธอน่าจะรู้นี่ว่าเพราะอะไร?”เขาถามเพียงแค่นั้น ก่อนที่ผมจะนึกถึงคำพูดของผมกับเพื่อนขึ้นมาได้ 


“มีผู้เสียชีวิตเพิ่มที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งคน โหย อย่างโหดนะ “ฟรังมันพูดขึ้น “กูละอยากรู้จริงๆว่าเด็กนี่ มันขับรถยังไงของมัน”
“เด็กงั้นเหรอ?”
“ก็อายุ 16 เอง เที่ยวกลางคืนแล้วมาขับรถชน แรดไม่เข้าท่า”
“16?”
“ก็เออ 16 ทำหน้าเป็นหมา งง มึงไม่ได้ตามข่าวละสิ ข่าวออกจะใหญ่โตหัดเปิดโทรทัศน์ หรืออินเทอร์เน็ต ดูมั่งนะมึง”
“ออ...”


“คุณกำลังจะทำให้เธอกลายเป็นเด็ก”

“ถ้าพูดให้ถูกในแบบของนักกฎหมายก็คือ เยาวชน”

“ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นนี่ ยังไงมันก็เป็นคดีประมาท ไม่ได้เป็นคดีเจตนา  ถ้าเป็นคดีประเภทประมาท ในกรณีนี้ เป็นการขับรถชนโดยประมาท เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีระวางโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน10ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ถ้าจำเลยไม่เคยกระทำความผิด พร้อมทั้งให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ยังไงศาลก็ก็น่าจะตัดสินให้รอลงอาญาอยู่แล้ว...นี่ครับ”

“และถ้าเป็นเยาวชน นั่นก็ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น ว่ารอลงอาญา โดยไม่ติดคุกแน่นอน...ไม่ใช่แค่น่าจะ”

“เพราะอย่างนี้สินะ คุณถึงต้องมาที่กรมการปกครอง...เพื่อเปลี่ยนข้อมูล”

“ในที่สุดเธอก็ตามทันเสียที”

ร้ายกาจ...นี่มันร้ายกาจที่สุด แต่แปลกที่ผมไม่ได้อึ้งหรือแปลกใจกับเรื่องนี้มากเท่าที่ควร อาจจะเพราะเดาได้ ว่ามันน่าจะออกมาในรูปแบบนี้

เขาทั้งเปลี่ยนข้อมูลในอินเทอร์เน็ต แล้วยังถึงขั้นเปลี่ยนข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง...ทุกอย่างถูกวางแผนตั้งแต่วันแรกที่เกิดคดีขึ้นหรือยังไง...?

แล้วใครกันเป็นคนคิด ทนายเพชร หรือ...ท่านอัยการสิ้นฟ้า



ผมเหมือนปลาที่อยู่ในขวดโหลหรือตู้ปลา แล้วถูกเอามาปล่อยไว้ในมหาสมุทรจริงๆ...



หลังจากนั้น ทนายเพชร ก็เข้าไปเคลียร์งานที่สำนักงานทนายความของเขานิดหน่อย ซึ่ง เป็นสำนักงานทนายความเล็กๆ มีทนายอยู่สามคน รวมถึงตัวเขาด้วย เป็นรุ่นเดียวกันกับทนายเพชร เห็นบอกว่าเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมา พี่ๆทุกคนดูท่าทางเป็นมิตรดี อย่างน้อยก็มากกว่าทนายเพชร แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีเวลาสุงสิงกับมากสักเท่าไหร่ พูดคุยกันแป๊บเดียว พวกเขาก็ไปนั่งหน้าขรึม เคร่งเครียดประจำโต๊ะของตัวเองแล้ว  ผมจึงถูกใช้ให้จัดการเอกสารของสำนักงานรวมถึงถูกทนายเพชรบังคับให้อ่านสำนวนคดีเก่าๆที่เคยผ่านการขึ้นศาลมาแล้วให้เข้าใจ จนถึงเย็น

...
และนั่นละคือเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อตอนกลางวัน หลังจากนั้นผมกับทนายเพชรก็มาหาท่านอัยการที่ห้องเวลาประมาณทุ่มกว่าๆ และทนายเพชร มีคีย์การ์ด และกุญแจห้องของท่านอัยการอยู่แล้ว จึงขึ้นมารอที่ในห้องของท่านกัน ซึ่งทีแรก ก็กะว่าท่านอัยการคงยังไม่กลับมาจากที่ทำงาน จึงทำอาหารไว้รอ โดยส่วนมากเป็นฝีมือของผม ส่วนอีกคน ก็นอนดูทีวี ในห้องสบายใจ...
พอเวลาสามทุ่มผมโทรไปหาท่านอัยการรอบแรก ท่านก็ยังรับโทรศัพท์ดีๆอยู่ บอกว่าเดี๋ยวจะรีบกลับ ผมกับทนายเพชร ก็เลยเอาเครื่องเล่นเกม มาต่อกับโทรทัศน์นั่งเล่นเกมฟีฟ่ารอกัน รู้ตัวอีกทีก็เที่ยงคืนกว่าละ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน จึงโทรไปหาท่านอัยการอีกรอบ เสียแต่ว่ารอบนี้นอกจากจะถูกตัดสาย พอโทรครั้งต่อไป ปัญหาก็คือติดต่อไม่ได้อีก

“โทรไปหาสารวัตร”ทนายเพชรเอ่ยเรียบๆ ผมรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาท่านสารวัตร หรือพี่หมวดทันที

‘โหลๆๆๆๆๆว่างายยยยน้องเต็มสิบ โทรหาพี่ดึกดื่นขนาดนี้’

“เอ่อ...ท่านอัยการยังไม่กลับห้องครับ”

‘หืม ก็ปกติของมันนี่’

“เอ่อ แต่ว่า ท่านอัยการตัดสายผมด้วยครับ”

“เอามานี่!”พูดปุ๊ปก็แย่งโทรศัพท์ไปเลย นิสัยดีจริงๆ! “หมวด”

‘อ้าวพี่เพชร อยู่ด้วยกัน ...?’

“เต็มสิบได้ออกไปทำคดีอะไรหรือเปล่าช่วงนี้”

‘ก็มีแค่คดียาเสพติดนะ แต่ตอนนี้กำลังสังเกตการณ์อยู่นี่ ผมก็ยังไม่ได้มีคำสั่งให้ลูกน้องเคลื่อนไหวอะไรนะ บอกสิ้นฟ้ามันไว้อยู่’

“แล้วตอนนี้หมวดอยู่ที่ไหน”

‘ผมก็อยู่ห้องผมสิครับพี่ ดึกดื่นป่านนี้จะให้ไปไหน จะตีสองแล้วนะ’

“งั้นก็แปลก จะตีสองแล้วแต่ฟ้ายังไม่กลับห้อง”

‘โอเค มันอาจจะยังอยู่ที่สำนักงานก็ได้ งั้นเดี๋ยวผมออกไปดูให้’

“งั้นเจอกันที่สำนักงานอัยการ”

‘ออ...โอเคๆครับ’

“เต็มสิบ”

“คะครับ”

“เฝ้าอยู่ที่นี่ เผื่อฟ้ากลับมา”

“ไหงงั้นอะ”



“เฝ้าห้อง”

เป็นคำสั่งที่ดีงาม มากเลยละครับ

แต่ถึงอย่างนั้นลางสังหรณ์ของผมมันก็ร้องเสียงดังว่า...เช้าวันนี้ มันจะเป็นวันที่ไม่ดีเสียเลย เหมือนกับจะสูญเสียอะไรไป...



ขอเพียงแค่ว่า อย่าให้มันแม่นเหมือนทุกครั้งก็พอ

..................................................................................................

“เดินไป!”คำสั่งออกมาพร้อมกับผลักเขาอย่างแรงจนแทบจะล้ม เสียแต่ยังพอประคองตัวไว้ได้ เขาถูกนำให้เดินมายังตู้คอนเทนเนอร์สีแดง ตู้หนึ่งที่เปิดประตูรอไว้ ที่ท่าเรือ โดยรอบมีคนยืนอยู่ในชุดดำประมาณ 20 คน มองมาพรางแสยะยิ้มส่งมาให้เขา อีกทั้งบางคนยังคงปิดบังหน้าตา ส่วนบางคน เขาก็ได้เห็นหน้าตาอย่างชัดเจน ยังคิดอยู่ว่าเขาคงจะจำหน้าคนพวกนี้ให้ขึ้นใจ

ถ้ารอดไปได้...ไม่ตายเสียก่อน

“จะยิงมันทิ้งก่อนไหม?”

“ไม่จำเป็น ยัดๆมันเข้าไป เดี๋ยวถูกจับถ่วงน้ำ ก็ตายไปเอง”

“ก็ดีจะได้ไม่เปลืองกระสุน”

พวกมันคุยกัน อย่างกับจะทำยังไงกับเขาก็ได้ ไม่เกี่ยง เพราะไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี พวกมันจึงดูเหมือนไม่ใส่ใจนัก พร้อมกันนั้น ก็ค้นตัวเขาพร้อมกับล้วงเอาโทรศัพท์มือถือของเขาไป พร้อมกับโยนลงไปที่แม่น้ำ


“เดินเข้าไปซะ”ไอ้คนที่ชื่อว่าศักดิ์พูด พร้อมกับดันหลังเขาให้เดินตรงไปยังตู้ สิ้นฟ้ามองตู้สีแดงนั่นนิดหน่อย พร้อมกับคิดว่าเขาเข้าใจสิ่งที่พวกมันกะจะทำต่อไป

และสิ้นฟ้าไม่มีทางขัดขืน

“เข้าไป!”เสียงสั่งดังมาอีกครั้ง จึงจำใจที่ต้องเดินเข้าไปภายในตู้ พลันเท้าก็เหยียบเข้ากับบางสิ่ง จนต้องก้มมองดู ก่อนจะรีบชักเท้าขึ้น ด้วยความตกใจ จนเกือบล้ม

คน! ?

ไม่ใช่ น่าจะเป็นศพมากกว่า หรือจะเป็นนายตำรวจอีกสี่คนที่มาด้วยกันกับเขา ไม่แน่ใจ...

เสียงพวกด้านนอกมันหัวเราะนิดหน่อย กับท่าทางของเขา

“เดี๋ยวอยู่ๆไปก็ชิน พวกเดียวกันทั้งนั้น ไม่ใช่รึไง?”หนึ่งในนั้นพูดขึ้น พวกที่เหลือก็หัวเราะ

ตึ้ง!

ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกระแทกปิดประตูตู้คอนเทนเนอร์อย่างแรง จนสะดุ้ง แล้วรีบหันกลับไปมอง แต่ตอนนี้มันมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงอะไรเล็ดลอดเข้ามา

“เชี่ยเอ้ย!”เผลอสบถออกมา ก่อนจะยืนนิ่งๆให้สายตาปรับเข้ากับความมืด  แต่ยังไม่ทันไร ก็มีเสียงเครื่องจักรจากด้านนอกดังขึ้น พลันรู้สึกถูกกระชากพร้อมกับรู้สึกโอนเอนเอียงไปมา จนล้ม หน้าคะมำ เข้าปะทะกับแผ่นอกนิ่มของบางอย่างหรือบางคน ซึ่งเขารู้ดีว่ามันคืออะไร จมูกได้กลิ่นคาวของเลือด ชวนขยะแขยง

เสียงเครื่องจักรกำลังทำงาน และตัวเขาเหมือนกำลังถูกเหวี่ยงให้ลอยไปมาอยู่กลางอากาศ


แย่แน่!


เขาไม่คิดว่ามันจะเอาตู้นี้ขึ้นเรือไปส่งที่ไหนหรอก แต่ก็เข้าใจว่าสิ่งที่พวกมันจะทำก็คือ เอาตู้คอนเทนเนอร์ส่งลงแม่น้ำแน่ๆ
สิ้นฟ้า พยายาม คลำหาของติดตัวของร่างไร้ชีวิตท่ามกลางความมืด ที่พอจะมีอะไรช่วยได้

“ไม่มี...”

พูดออกมาเบาๆ พรางรู้สึกเหงื่อที่ไหลตามลำคอยันแผ่นหลัง

“ร่างนี้ไม่มี...”ในตู้นี้ไม่ได้มีศพแค่ศพเดียวแน่นอน อย่างน้อยๆ ต้องสี่คน นั่นคือคนที่เหลือที่มากับเขา ถ้าไม่นับรวมกับไอ้คนที่ชื่อว่าศักดิ์อะไรนั่น และเขาไม่มั่นใจว่าใช่ชื่อจริงของมันหรือเปล่า แต่เชื่อเลย ว่าเขาจะจำมันไปจนวันตาย

คลานพร้อมกับคลำหาไปเรื่อยๆ แต่ร่างกายกลับประท้วงว่าจะไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังฝืนต่อไป

“โทรศัพท์”มือพลันคลำไปถูกแท่งบางอย่างก่อนจะล้วงมันออกมา เป็นโทรศัพท์จริงๆ เขาแทบจะร้องออกมาอย่างดีใจ เสียแต่มันเป็นการเสียเวลา เขาเปิดโทรศัพท์ดูทันที

ให้ตายเหอะมันยังใช้ได้  เขากดเบอร์ที่พอจะจำได้ทันที

ตืด~ ตืด~ ตืด~

“รับสิวะ!”


กึก!


เสียงเครื่องจักรด้านนอกหยุดชะงัก ขนในตัวของสิ้นฟ้าพลันลุกทันที ก่อนจะหมอบราบแล้วเกาะศพๆ ศพหนึ่งไว้แน่น

ปั้ง!

เสียงปะทะของตู้กับแม่น้ำดังขึ้น พร้อมกระแทก แรงของมันทำให้คนในตู้ตัวลอยขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะกระแทกลงมา เล่นเอาจุก หลังจากนั้น ก็รับรู้ได้ถึงแรงเอื่อย ของตู้ที่ค่อยจมลงในแม่น้ำ  ก่อนจะกระแทกซ้ำอีกครั้ง


ครืด~

เสียงตู้เหล็กไถลไปกับแรงของแม่น้ำนิดหน่อย ก่อนมันจะหยุดนิ่ง พร้อมกับได้ยินเสียงน้ำที่กำลังเริ่มไหลเข้ามาภายในตู้

“..."

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ

ความซวยมันจะเข้าหาพระเอกของเรื่องเสมอ เขาคิดอย่างนั้น เมื่อเสียงเตือนแบตเตอร์รี่ของโทรศัพท์บ่งบอกว่ามันกำลังจะหมด ก่อนจะดับไป

“เชี่ยเอ้ย!”ก่อนจะขว้างกระแทกเข้ากับผนังตู้ แล้วเด้งกลับมากระแทกหัวเขาพอดี

สงสัยจะปีชง...

พยายามคลานแล้วเริ่มค้นต่อ ตอนนี้น้ำเริ่มท่วมถึงฝ่ามือของเขาแล้ว แต่ยิ่งค้นก็ยิ่ง เหมือนการไม่เคารพศพคนที่ตายแล้ว แต่ในระหว่างที่คลำหา เขาก็พยายามตรวจดูไปด้วยว่ายังพอมีคนที่มีลมหายใจอยู่ไหม เสียแต่ว่ามันไม่มี รวมถึงของที่พอช่วยได้ด้วย
จนครบสี่ร่าง ก็เจอแค่เพียงโทรศัพท์เครื่องเดียวในทีแรก

ตอนนี้สายตาเริ่มชินกับความมืดบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เห็นอะไรมากขึ้นเลย ความหวังคือประสาทของหูล้วนๆพลันสายตาก็เหลือบมองไปเห็นที่ข้อมือของตัวเอง ที่หน้าปัดมันเรืองแสงตัวเลขอ่อนๆอยู่

เขาเปิดแสงจากนาฬิกา ต้องขอบคุณของเล่นใหม่จาก USA ที่ตอนไปครั้งที่แล้วทนายเพชรซื้อให้ เขาเห็นว่ามันสวยดีเลยใส่ แต่สรรพคุณมันอย่างหนึ่ง คือแสงสว่างของมัน สว่างมากพอประมาณ พอที่จะทดแทนไฟฉายขนาดเล็กๆกำลังไฟไม่มากได้ สมราคา หลายหมื่น

เขาส่องไฟไปรอบๆ สั่งเกตดูทั่วๆ ร่างของศพมีอยู่สี่ร่าง เขาเดินเข้าไปสำรวจหน้าตาก็เป็นคนที่มาด้วยกันกับเขาจริงๆ
น้ำยังคงไหลเข้ามาเรื่อยๆ จากช่องว่างตรงประตู เขาฉีกเสื้อของศพ แล้วเอามายัดตามช่องว่างไว้ อย่างน้อยก็น่าจะช่วยชะลอเวลาได้บ้าง

เลือดที่ขากับที่ไหล่ ยังคงไหลไม่หยุด เลยฉีกเสื้อมาพันไว้อีก
วิญญาณคนตายพวกนี้คงกำลังสาปแช่งเขาอยู่แน่ๆ



ไม่มีอะไรที่พอจะทำได้แล้ว ร้องเพลงปลุกใจก่อนตายดีมะ? เหอะ...คิดแล้วก็ยิ้มเยาะให้กับความคิดตัวเอง


 ถ้าเขาตายไปขอดอกไม้หน้าศพสวยๆพร้อมกับป้ายไฟแล้วกัน


...

ท่านสารวัตร ต้องย่นหัวคิ้วอย่างสงสัย กับสายที่โทรมา ไม่มีเสียงพูดอะไร เมื่อรับแล้ว ได้ยินแต่เสียงดังแปลกๆ ก่อนจะถูกตัดสายไป พอเขาโทรกลับก็โทรไม่ติด

“อะไร?”ทนายที่มาเจอเขาอยู่สำนักงานอัยการถาม

“แปลกครับ โทรมาก็ไม่พูด ได้ยินเสียงเหมือน...จ๋อม!”

“จ๋อม? จ๋อมเนี่ยนะ มันคืออะไร?”คำตอบของนายตำรวจ ทำให้ทนายอย่างเพชรต้องเลิกคิ้ว

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ มันไม่ใช่ อันนั้นมันความรู้สึกครับ...แต่ที่จริงเสียงเหมือนเป็นแรงปะทะ ของอะไรสักอย่าง ปนมากับเสียงหอบ ...”

“สิ้นฟ้า...หมวดลองโทรกลับไปเบอร์นั้นยัง”

“โทรแล้วครับ แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ”

ทนายเพชรมองไปที่สำนักงานอัยการตรงหน้าที่มีไฟแค่โถงทางเดินบางส่วน พอเข้าไปถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครอยู่ในสำนักงานแล้ว อีกทั้งเขาก็ยังให้พาไปดูยังที่จอดรถ รวมถึงไปที่ห้องของสิ้นฟ้า ก็มั่นใจว่าเจ้า
ตัวออกไปได้นานแล้วเช่นกัน

แต่ไปไหน ทำไมยังไม่กลับห้อง

“ผมจะไปที่สถานีตำรวจไปแจ้งความเอาไว้ก่อน”ท่านสารวัตรว่า “ผมว่าพี่กลับไปรอที่ห้องของมันก่อนก็ได้ ได้ความคืบหน้าอะไร เดี๋ยวผมแจ้งอีกที”

“กลับห้องไป คงอยู่ไม่สุข”
.
.
.

“งั้นพี่จะตามมาก็ได้ ผมก็รู้สึกแย่เหมือนกัน”







....................................................See U

 :katai5: สิ้นฟ้าค่าตัวแพงก็เงี้ยะแหละ
ถ้าเจอจุดผิดพลาดอะไรสามารถทักได้นะคะ เม้นด่าแรงๆก็ได้ เราชอบ
และรู้สึกดีนะ ที่ทำให้อินได้ขนาดนี้ เหมือนได้รางวัลอะ บอกเลย
ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามคะ  :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เครียด ใครจะมาช่วยได้ทันล่ะเนี่ย โดนถ่วงน้ำเลยนะคะะะ

ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

จะมาบอกว่าเรามีเพจแล้วละ พึ่งสร้างเสร็จเมื่อกี้ :katai2-1:
ในเพจจะมีการอัพเดททั้งเรื่องที่เกี่ยวกับนิยาย และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
ความรู้ทางด้านกฎหมายให้
ใครสนใจที่จะไปคุยกับคนเขียน น้องเต็มสิบ พี่เพชร พี่สิ้นฟ้า หรือแม้กระทั่งคนอื่นๆในเรื่อง
ก็คลิ๊ก ถูกใจ ไปติดตามกันได้นะคะ ที่ https://www.facebook.com/pages/InLaw_By-Kissa-O/337506579784041?skip_nax_wizard=true&ref_type=bookmark
สามารถไปทวงนิยาย จากคนเขียนในเพจนี้ได้เช่นกัน
จะมีใครถูกใจไหม น่อ
:katai5:

ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
คดีที่ 8
เมทแอมเฟตามีน (ปิดคดี?)

ถึงจะเอาผ้าอุดไว้ยังไงน้ำก็ยังคงไหลทะลักเข้ามาอยู่ดี นั่นเป็นสิ่งที่คนอย่างสิ้นฟ้าสำนึกได้ เมื่อตอนนี้เวลาผ่านไปไม่นาน น้ำที่ไหลเข้ามาภายในตู้คอนเทนเนอร์ที่เขาจำได้ว่ามันมีสีแดง ก็ไหลท่วมขึ้นมาจนจะมิดหัวของเขาแล้ว และน้ำยังคงเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ

สิ้นฟ้าทำได้แต่ลอยคอ สูดอากาศที่เหลือ หายใจเข้าลึกๆ หัวตอนนี้แทบจะชนเข้ากับผนังฝั่งด้านบน และอีกไม่นาน น้ำจะต้องเข้าเต็มตู้อย่างแน่นอน


ตึ้ง !


เสียงกระทบอย่างรุนแรงดังขึ้น ก่อนที่ตู้จะเคลื่อนลากไปกับพื้นของแม่น้ำ จนคนที่อยู่ด้านในตู้หัวกระแทกเข้ากับผนัง
แรงกระแทกส่งผลให้ประตูของตู้แง้มเปิดออก และน้ำไหลทะลักเข้ามา

สิ้นฟ้าสูดหายใจเผื่อจะเอาอากาศ ก่อนที่จะดำลง รอให้แรงดันน้ำที่ทะลักเข้ามาภายในตู้หยุดนิ่ง สิ้นฟ้าสามารถดำน้ำได้อย่างนานก็แค่หนึ่งนาทีกว่าๆเขาไม่รู้ว่าแม่น้ำจะลึกและแรงมากแค่ไหนด้านนอก แต่จากการคาดเดา ระยะเวลาที่เครื่องจักรปล่อยตู้คอนเทนเนอร์ลงในแม่น้ำ และกว่าตู้จะกระทบเข้าสู้ผืนดินใต้น้ำเบื้องล่าง เขาคาดการณ์ว่าแม่น้ำ นี้จะลึกไม่ต่ำกว่า 10 เมตร เวลาเรียนภูมิศาสตร์เกี่ยวกับประเทศของตัวเอง เขาน่าจะตั้งใจกว่านี้

ในหัวคำนวณระยะเวลาการดำน้ำขึ้นไปสู่ผิวน้ำด้านบนอย่างคร่าวๆคิดว่าไม่ทันแน่ แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องเสี่ยง

สิ้นฟ้าว่ายไปที่ประตูตู้ทันที ก่อนจะพยายามใช้เท้าดันประตูที่มันแง้มอยู่ให้เปิดออก ก่อนจะสอดตัวว่ายออกไป โดยการเกาะ ประตูตู้ไว้ ลำตัวเหมือนถูกน้ำซัดเอื่อยๆ นั่นหมายความว่า ถ้าเขาว่ายขึ้นไป เขาจะถูกซัดเข้าฝั่งที่ไหนก็สุดแล้วจะเดาได้ด้วยความแรงของการไหลของน้ำ ถ้าโชคดีหน่อยเขาอาจจะรอด

เมื่อถึงคราวที่ตัดสินใจจะปล่อยมือจากราวเกาะของประตูตู้ เขาก็เห็นแสงไฟที่สาดส่องลงมา

ไฟฉายดำน้ำ!?

ก่อนจะมีเงาดำร่างหนึ่งเข้ามาประชิดตัว แล้วยัดบางอย่างใส่ปาก ด้วยความตกใจ ก็เผลอสูดหายใจเข้าทางปากซะเต็มปอด จึงทำให้รู้ว่ามีออกซิเจน และสิ่ง ที่ถูกส่งเข้ามาที่ปากมันคือ Octopus(ชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการของเครื่องส่งอากาศหายใจสำหรับดำน้ำ) ก่อนที่ร่างของสิ้นฟ้าจะถูกกระชากตัวให้แนบติดกับเงาร่างสีดำนั่น แล้วคนๆนั้น ก็สาวเชือกที่ผูกติดอยู่กับตัวเขาแล้วกระตุกอย่างแรง ไม่นาน ทั้งสิ้นฟ้าและคนๆนั้นก็ถูกดึงขึ้น



..................................................................................

เมื่อได้รับแจ้งว่ามีการปะทะกันที่ท่าเรือ ตำรวจหลายนาย สารวัตร และทนายเพชร ก็มายังสถานที่เกิดเหตุทันที

“ตรงนี้มีรอยเลือดครับ”ตำรวจคนหนึ่งชี้ให้ดู “และยังมีรอยเลือดอีกหลายจุดแต่ไม่พบบุคคลเสียชีวิตครับ”

“ฉันสั่งให้ตรวจสอบรอยเลือดอย่างด่วนละ ถ้ามีตรงกับของไอ้ฟ้ามัน...”หมอร่างเล็กเดินเข้ามาหา ก่อนที่จะรายงานให้กับสารวัตร ที่หน้านิ่วคิ้วขมวด ฟัง

“ท่าเรือนี้เป็นเขตส่งสินค้าของใคร?”ทนายเพชรถามขึ้น

“มีหลายบริษัท ที่ใช้บริการขนส่งสินค้าในท่าเรือจุดนี้ครับ ส่วนมากจะเป็นบริษัทเล็กๆเท่าที่ตรวจสอบจากเลข  ISO CODE บนตู้นะครับ”

“แปลก”ทนายเพชรว่าเบาๆ

“พี่หมายความว่าไง?”สารวัตรถามขึ้น

“ตั้งแต่เข้ามา ฉันยังไม่พบยามหรือคนของเท่าเรือสักคน พอจะตรวจสอบทุกบริษัทที่ใช้ท่าเรือนี้ได้ไหม?”

“อาจจะยากหน่อยครับเพราะการเข้าตรวจสอบบริษัทต่างๆจะต้องได้รับการอนุญาตก่อน”ทนายเพชรพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“เครื่องนั่น”ทนายเพชรชี้ไปยังเครื่องจักรขนาดใหญ่

“อ๋อ นั่นเป็นเครนสำหรับยกตู้คอนเทนเนอร์ครับ”
สารวัตรมองหน้าของทนายเพชรนิดหน่อย ก่อนจะขมวดคิ้ว

“พี่คงไม่ได้คิดอย่างที่ผมคิดใช่ไหม?”สารวัตรถามขึ้น

“นั่นขึ้นอยู่กับว่าเสียงแปลกๆที่สารวัตรได้ยิน จะใช่เจ้าเครื่องนั่นหรือเปล่า...”

“เตรียมหน่วยค้นหาทางน้ำได้เลย”สารวัตรกล่าวเสียงเรียบ
.
.
.
“พบตู้คอนเทนเนอร์จมอยู่ใต้น้ำไม่ไกลจากฝั่งท่าเรือ ทีมดำน้ำสำรวจภายในตู้พบร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในตู้ครับ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีจำนวนเท่าไหร่ครับ”เวลาประมาณเกือบชั่วโมง นายตำรวจเดินเข้ามารายงานในขณะที่เพชร สารวัตร กำลังมองดูทีมสำรวจใต้น้ำที่ทำงานอยู่บนเรือห่างจากฝั่งไม่ไกลเท่าไหร่ และกู้ศพผู้เสียชีวิตขึ้นมาพักไว้บนเรือ ทำงานสู้กับกระแสน้ำที่ไหลค่อนข้างแรง เพราะเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่ผ่านใจกลางของเมืองหลวงแบ่งเป็นสองฝั่ง

ท่านสารวัตรถึงกับยกมือขึ้นมาทึ้งหัวตัวเอง ดึงความคิดที่กำลังจะเตลิดไปไกล และกลัวสิ่งที่คิดอาจจะเป็นจริง เขากลัว กลัวว่าจะมีเพื่อนรักของเขาด้วย และมันอดคิดไม่ได้ มองจากตรงนี้ ก็ไม่เห็นเสียด้วยว่าหน่วยกู้ภัยใต้น้ำนั่น ขนใครขึ้นมาไว้บนเรือมั่ง
ทนายเพชรยังคงนิ่งเฉย แต่ใบหน้าที่ยิ้มน้อยๆเสมอ เรียบสนิท แม้แต่ริมฝีปากบางยังเม้มเป็นเส้นตรง







“ผมว่าคุณควรส่งสัญญาณให้ทางนั้นหน่อยดีไหม?”เสียงนุ่มละมุนติดหวานเอ่ยขึ้น พร้อมกับทอดชุดดำน้ำโดยไม่เกรงใจสายตาของคนที่มองอยู่

สิ้นฟ้าตวัดสายตาออกหนีจากภาพตรงหน้า ก่อนจะมองไปยังฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ ที่มองไกลๆก็เห็นแสงของรถที่ติดไซเรนมากมายหลายคันรวมถึง เรือของตำรวจที่ล่องอยู่บนแม่น้ำจำนวน 3 ลำ ตอนนี้ เขามานั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือเฟอร์รี่ขนาดกลางดูหรูหรา ตกแต่งสวยงาม แต่มีคนอยู่บนเรือแค่ไม่กี่คน เท่าที่นับดูรวมเขาด้วยก็แค่ 5 คน ลอยไปเอื่อยๆอยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามกับท่าเรือที่เกิดเรื่อง

“แอร๊ก!”สิ้นฟ้าเผลอร้องออกมา เมื่อมีดเล็กกรีดลงไปยังแผลถูกยิงที่ขาของเขาจากหมอหนุ่มที่อ้างตนว่ายังคงเป็นนักศึกษาแพทย์ใบหน้าน่ารักตกใจ ก่อนจะรีบขอโทษเขา

“นี่ ไวน์ ลืมชีทยาชา ให้พี่เขารึเปล่า?”เสียงนุ่มละมุนเอ่ยถามขึ้น หลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย

“อ่ะ !”ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นนักศึกษาแพทย์ร้องอย่างตกใจ “เอ่อ ลืมไปแล้วอะ ทำไงดี แต่มันไม่ลึกมาก แค่นี้เอง” ทำไม้ทำมือให้ดูพร้อม “ทนๆหน่อยนะ หรือจะฉีดตามหลังดีละ”

“กรีดไปซะขนาดนั้นก็กรีดต่อเหอะ”สิ้นฟ้าพูดตัดรำคาญและเริ่มสงสัยว่าหมอตรงหน้าจะเป็นหมอจริงไหม “ดิน นายไปเอาเด็กนี่มาจากไหนเนี่ย เรียนแพทย์มาจริงๆหรือเปล่า?”สิ้นฟ้าเอ่ยถาม คนที่อมยิ้มหวานๆอยู่ตรงหน้า

“เห็นอย่างนี้ฝีมือดีเชียวละ ไวน์ อย่าแกล้งพี่เขาอีกนะ”เด็กที่ชื่อว่าไวน์พยักหน้ารับคำสั่งอย่างเข้าใจ

“ว่าแต่ทำไม ถึงลงไปช่วยฉันได้”

“ก็ล่องเรือ ชมบรรยากาศอยู่ดีๆ ส่องกล้องส่องทางไกลดูบรรยากาศไปเรื่อยๆ ก็เห็นคุณถูกยัดเข้าตู้คอนเทนเนอร์ ดูน่าสนุกดี จนตู้ถูกปล่อยลงน้ำ แล้วก็เท่าที่เห็นผมลงไปกะจะช่วยคุณ”

“ชมบรรยากาศ หลังเที่ยงคืน?”

“เมืองหลวงของประเทศเราสวยเสมอ โดยเฉพาะแม่น้ำสายใหญ่สายนี้ ต่อให้จะเป็นเวลาสักเท่าไหร่ ก็ควรค่าแก่การรับชม”พูดยิ้มๆ

“ตำรวจจะมาสอบปากคำพวกเราไหมครับ?”นักศึกษาแพทย์ไวน์ถามขึ้น

“เรือสินค้าฝั่งนี้แล่นสัญจรกันไปมาตลอด จะแปลกก็อีตรงที่มีเฟอร์รี่ลอยเอื่อยๆในเขตท่าเรือส่งสินค้านี่ละ ถ้าไม่รีบออกไปละก็ อาจไม่แน่” สิ้นฟ้าเอ่ยเรียบๆ

“ไปบอกกัปตันให้ออกจากเขตนี้ได้ละ”ดินหันไปสั่งคนที่ยืนอยู่อีกคนนิ่งๆ ก่อนที่คนที่ถูกสั่งจะพยักหน้ารับแล้วออกไป

“เอาละ คราวนี้เอาเรื่องจริง ดิน นายมาอยู่แถวนี้ได้ยังไง?”

“มีคนต้องการฆ่าคุณ”ดินเปรยเรียบๆ ก่อนจะเสมองไปทางฝั่งท่าเรือที่กำลังวุ่นวาย “ผมทราบมาว่า ตอนนี้ภายในกรมตำรวจถูกปรับเปลี่ยนและโยกย้าย นายตำรวจหลายนายออกไป ช่องว่างนี้ ทำให้พวกมันบางคนแฝงตัวเข้ามา และอีกไม่นานผมเกรงว่า สารวัตร เพื่อนของคุณจะถูกย้ายไปที่อื่น เมื่อถึงเวลานั้น คุณจะขาดกองหนุน และทำงานยากขึ้น”

“นั่นก็แค่งานในส่วนของอัยการที่มันจะยากขึ้น”

“ใช่ แต่คุณคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกความเคลื่อนไหวของคุณก็จะยากขึ้นด้วย ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ที่ไหน อย่างไร หรือเมื่อไหร่ คุณจะเหมือนแม่ทัพที่ขาดกองกำลัง”ดินเว้นวรรคไปนิดหน่อย ก่อนจะหันมามองที่ท่านอัยการ ที่เป็นคนที่เขาเป็นห่วงอย่างที่สุดอีกคนหนึ่งจากใจจริง “ผมต้องบอกว่าผมเสียใจที่ผมอยู่กับคุณตลอดเวลาไม่ได้ เพื่อนของคุณจะเป็นอีกตัวช่วยที่ดี”

“โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว...”

“คุณต้องท่องไว้เสมอว่าพวกมันต้องการฆ่าคุณ...ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกมันเป็นใคร...ในวันนี้เป็นโชคดีของคุณจริงๆที่ผมอยู่แถวนี้พอดี แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะโชคดีตลอด ผมอยากให้คุณระมัดระวังตัวมากกว่านี้”
“ฉันไม่เชื่อว่านายจะบังเอิญมาอยู่แถวนี้ ดินอย่าโกหกฉัน”

ร่างเล็กกว่าเขาถอนหายใจเล็กน้อย

“คุณรู้จักดอกไอริส สีน้ำเงิน ไหม?”

“นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อฉันต้องหนีไปต่างประเทศ”

“และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมาอยู่ตรงนี้เช่นกัน ขอสารภาพเลยว่าผมตามดูคุณอยู่ แต่ผมไม่ได้ดูคุณอยู่ตลอดหรอก อีกอย่างเรื่องที่ท่านอัยการสูงสุดไปต่างประเทศ มันเป็นความต้องการของท่านอัยการเอง ก็เพื่อความปลอดภัยของพ่อคุณ ไม่มีใครรู้ว่าเขาตัดสินใจจะไม่กลับมา นอกจากพวกเรา และอีกไม่นานน้องสาวของคุณและแม่เลี้ยงของคุณจะต้องตามไป หลังจากจบคดีน้องสาวของคุณ ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นโชคดีด้วยซ้ำที่บังเอิญน้องสาวของคุณก่อคดีขึ้น พวกเขาจะได้มีข้ออ้างหลบออกนอกประเทศได้โดยที่ไม่มีใครสงสัย เมื่อจบคดีก็อ้างซะว่าเป็นเพราะคดี ก็เลยอยากหลบหนีปัญหากระแสสังคม”

โชคดีกับผีนะสิ...โชคดีที่ต้องแลกมากับชีวิตของคนอื่น มันน่าขยะแขยงสิ้นดี ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็เหอะ

สิ้นฟ้าได้แต่คิดในใจ

“ยกเว้นแต่คุณจะไม่อยากให้พวกเขาตามพ่อคุณไป...ผมก็จัดให้ได้”ดินพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก

อัยการสิ้นฟ้า ถอนหายใจ

“ฉันรู้ว่าดอกไม้ถูกส่งให้คน  13 คน หนึ่งในนั้นคือพ่อฉัน แต่ฉันก็พอจะเดาออกว่าคนที่เหลืออีก 12 คนที่ได้รับเป็นใคร”

“ไวน์เสร็จแล้วใช่ไหม?”เด็กหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะรู้ว่าตัวเองต้องออกไป “คุณคงจะจำเรื่องการปฏิวัติ ของ 13 กบฏ ได้”

“ตอนนั้นฉันเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว มันเป็นชื่อเรียกของคน 13 คน ที่ได้ทำการปฏิวัติระดับประเทศขึ้น แต่ มันเป็นเรื่องแปลกตรงที่ในตอนนั้นที่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดการปฏิวัติ อีกทั้ง ไม่มีใครรู้ว่า 13 คนนั้นคือใคร รู้ตัวอีกทีพ่อฉันก็ได้ขึ้นเป็นอัยการสูงสุดแล้ว”

“เอาจริงๆ ตอนนั้นผมยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ”ดินว่าอย่างขำๆ

 “ฉันก็ยังมองไม่ออกว่ามันเกี่ยวอะไรกับฉัน”

“คุณคือใครสิ้นฟ้า คุณคือทายาทของหนึ่งใน 13 นักปฏิวัติ และตอนนี้คุณก็เป็นอัยการ ถ้าเป็นผม ระหว่างอัยการสูงสุด สูงวัยใกล้เกษียร กับลูกชายของเขาที่กำลังก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และมีสิทธิที่จะมาแทนในส่วนของพ่อคุณที่เคยทำไว้ คุณคิดว่าถ้าผมเป็นพวกมันผมจะส่งดอกไอริสสีน้ำเงินให้ใคร ผมยังคิดอยู่เลยว่าพวกมันส่งดอกไม้ให้ผิดคน”ว่าพรางยิ้มมุมปาก “ตอนมันกะจะฆ่าคุณครั้งแรกที่ร้านอาหารนั่น ตอนนั้นมันอาจแค่ขู่ท่านอัยการสูงสุดจริงๆ แต่ตอนนี้พวกมันคงจะไหวตัวแล้ว ว่าหอกข้างแคร่ ของพวกมันจริงๆนั่งอยู่ตรงนี้”

“...”

“ถึงแม้ว่าตอนนั้น คุณจะเป็นแค่เด็กมหาวิทยาลัย และผมยังไม่เกิด แต่ตอนนี้ก็ใช่ว่าผมจะมองไม่ออก”

“...”

“ผู้สมรู้ร่วมคิด ของ 13 กบฏในตอนนั้น นอกจากแม่ของผม ก็คือคุณไม่ใช่เหรอครับ?”
.
.
.
“ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดก็คงต้องอยู่จนกว่าเกมจะจบ เท่านั้นละครับ”





ผมนั่งหลับตาอยู่บนโซฟาเนื้อดี ภายในห้องท่านอัยการ จนตอนนี้ ขอบฟ้าด้านนอกเริ่มส่องแสงสีทองผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้อง แสดงให้เห็นถึงเวลารุ่งเช้าที่เข้ามาถึงแล้ว ในใจผมนึกแต่ภาวนาให้ท่านอัยการกลับมาเร็วๆ หรือไม่ก็ทางทนายเพชร ส่งข่าวอะไรมาบอกผมบ้าง ภาพในวันที่ท่านอัยการนอนจมกองเลือดหน้าร้านอาหารในคราวก่อนนั้น มันยังติดตาผมไม่หาย ทำให้ในสมองคิดพาลไปมากมายในสิ่งที่มันควรจะเป็นและไม่ควรจะเป็น

แต่ก่อนผมก็ไม่เคยคิดว่าจะสามารถเป็นห่วงใครได้ขนาดนี้ แต่คนอย่างท่านอัยการสิ้นฟ้า พิสูจน์ให้ผมเห็นแล้ว ว่าคนอย่างท่านสามารถทำให้คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวท่านร้อนรนได้แค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นทนายเพชร หรือแม้กระทั่งผม

“นั่งหน้านิ่ว คิ้วขมวด อยู่คนเดียว มีเรื่องให้เครียดแต่เช้าหรือไง”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น พร้อมกับมืออุ่นจับลงบนไหล่ของผม เล่นเอาผมต้องหันไปมอง
.
.
.
“ก็เพราะท่านนั่นแหละ”เอ่ยออกไปเบาๆ รู้สึกถึงไอร้อนที่ขอบตา แต่คนตรงหน้ากลับส่งยิ้มละไมมาให้ “ท่านไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม?”

“ฉันคือใคร ฉันคือสิ้นฟ้านะ ใครจะทำอะไรสิ้นฟ้าได้”

“ยังจะมาตลกอีก คนอื่นเขาเป็นห่วงแทบแย่ แล้วนี่ท่านไปไหนมา เล่ามาให้หมดเลยนะ ทำไมถึงกลับมาป่านนี้ รู้ไหมทนายเพชร กับท่านสารวัตรออกไปตามหาท่าน  เดี๋ยวผมโทรไปบอกสองคนนั่นดีกว่าว่าท่านกลับมาแล้ว”
ผมกำลังควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อมือเย็นๆจับเอาไว้

แต่ มันเย็นเกินไปนะ!

“ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายตรงไหน บอกผมได้นะ ดูหน้าซีดๆ มือก็เย็นด้วย”

“เต็มสิบ...ฟังนะ”

“ฮ่ะ คะ ครับ?”

“ถ้าฉันตายไป...”

“โธ่ท่านอย่าพูดอย่างนั้นสิ”

“ไม่ ฟังฉัน ถ้าฉันตายไป...อย่า อย่าตามหาสาเหตุเด็ดขาด”

“ท่านเบลอพิษไข้หรือเปล่าครับ?”ว่าพรางเอามือไปวางไว้ที่หน้าผาก “มือเย็นแต่หน้าผากเริ่มร้อนๆนะครับ เดี๋ยวผมไปหายามาให้ทาน”

“ขอร้อง...”

“ท่าน...?”

“ฉันอยากให้นาย เป็น เต็มสิบเด็กฉลาด เต็มสิบที่ไม่ได้รู้อะไรเลย เต็มสิบที่ไร้เดียงสา เต็มสิบที่ยังคงเป็นเต็มสิบ เต็มสิบที่ไม่ใช่สิ้นฟ้า...”

“ผมไม่เข้าใจ”

“เพราะฉะนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฉัน หรือเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉัน อย่าตามหาเหตุผล แม้ว่าฉันจะตายไป หรือหายไปไหน”

มือเย็นนั่นยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่แก้มผม
.
.
.

“ฉันรักนายนะเต็มสิบ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แบบเดียวกันกับที่นายรักฉัน”


นั่นคือคำสารภาพจากใจของท่านอัยการเหรอ ท่านไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ แต่ท่านก็เลือกที่จะพูดมันออกมา จากแววตา ของท่าน ท่านไม่ได้พูดเล่น นั่นหมายความว่า ท่านกำลังจะกันผมออกไปจากเรื่องบางเรื่อง ท่านจะพูดอย่างนี้กับทนายเพชร หรือเปล่า ? หรือท่านเลือกที่จะพูดกับผมคนเดียว...


ท่านกำลังจะทำอะไร?...ท่านบอกผมได้ไหม...



“ครับ ผมจะไม่ตามหรือถามหา...สาเหตุเลย”


ตามที่ท่านต้องการ...






สองวันต่อมา เหมือนอะไรๆมันเร็วขึ้นมาก อย่าง งงๆ

ผมวิ่งหน้าตั้ง ตามชายคนหนึ่ง อย่างไม่คิดชีวิต โดยไม่รู้ว่าตัวเอง หลงกับพรรคพวก ของตัวเองไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตามรายทางผมเผลอวิ่งชนคนมั่ง แต่ไอ้คนข้างหน้าก็เหมือนกัน ทุลักทุเลพอควร ตามเส้นทางของย่านสลัมย่านหนึ่ง ในตอนที่วิ่งข้ามสะพานขนาดเล็กผมเกือบเผลอตกน้ำไปตั้งหลายครั้ง

แต่เอาเถอะ ด้วยความสกิลหน้าตาดี มีอัยการเลี้ยง ถึงแม้ว่ามันจะไม่เกี่ยวว่าทำให้ผมรอดมาได้อย่างไร แต่มันก็ทำให้ผมฮึกเหิมด้วยความสนุก

โฮ่ ! ในชีวิตนี้จะมีใครสักคนที่จะได้มาวิ่งไล่จับผู้ร้ายอย่างผมครับ

คิดเป็นร้อยละ 10 ของคนในประเทศเลยเอา

“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”ผมร้องลั่น ก่อนจะกระโดด เข้าถีบด้านหลังของหมอนั่น


ผลั๊ก!


โดนเต็มๆ เสียแต่ มันแค่เซไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองผมตาขวาง แล้วกระชากผม

“คิดจะเล่นตลก หรือไงไอ้เด็กบ้า!” มันตะคอกใส่ผมซะเสียงหลง ร่างผมนี่ลอยขึ้นเท้าแทบไม่ติดกับพื้น รู้สึกเริ่มหายใจติดขัดแล้วดิ้นสะบัด เพื่อที่จะให้มันหลุด แต่มันก็ไม่หลุด

“ไม่ได้เล่น ตลก แต่ ผมมาตามคุณ ในฐานะ ที่คุณคือผู้ต้องหา ในคดีเสพเมทแอมเฟตามีน”ผมพูดออกไปอย่างฝืน แต่ก็พยายามส่งสายตาแสดงออกให้เห็นว่า คนอย่างผมไม่ได้กลัวมัน แต่เอาจริงๆ หัวใจนี่แทบจะหล่นไปยังตาตุ่มแล้วครับ ก็เพราะมันตัวใหญ่กว่าผมมาก ไม่ค่อยจะตรงลักษณะของคนเสพยาทั่วไปสักเท่าไหร่ ที่จะผอมแห้งแรงน้อย เหมือนคนใกล้ตาย อะไรประมาณนั้น

“แก คิดว่าฉันเป็นใคร คิดเรอะว่าจะมาจับคนอย่างฉันไปง่ายๆ แถมมาคนเดียวอย่างนี้ อ่อนไปแล้วไอ้หนู”ลมหายใจเหม็นๆของมันพ่นออกมา จนผมต้องย่นหน้าหลบหนี ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง

“แต่คุณคือผู้ต้องหา คุณจะต้องไปเข้าพบอัยการ และ พนักงานสืบสวนสอบสวนนะครับ ทางเรามีหมายจับพร้อม แต่เอ่อ...หมายจับไม่ได้อยู่ที่ผมหรอก แต่ ในเมื่อผมเห็นคุณแล้ว ผมก็ต้องเอาตัวคุณไปให้ได้ตามหน้าที่”

“แกยังเป็นนักเรียนอยู่เลยนี่หว่า ทำไม เขาให้เด็กอย่างแกมาทำงานอย่างนี้วะ ไม่เสี่ยงไปหน่อยรึไง” อันที่จริงผมตามเขามาทำเองแหละครับ และถูกย้ำนัก ย้ำหนาว่า อย่าแตกกลุ่ม แต่สายตา มันบังเอิ๊ญ บังเอิญ เห็นหมอนี่ท่าทางแปลกๆ พอมันหันมาสบตาผม มันก็ออกวิ่งทันที ผมนี่ยังไม่ทันได้ใช้ความคิดอะไรเลยครับ ขา แมร่งไป เอง แต่พอเห็นมัน ใกล้ๆก็ใช่จริงๆ เป็นคนที่กำลังตามหากันอยู่

“หยุด การกระทำของแก แล้วปล่อยตัวเด็กซะ!”โห๊ะ! เสียงสวรรค์ แบบแทบไม่ต้องเดาว่าใคร ผมแอบยิ้มเยาะ มัน นิดหน่อย ส่วนมันทำหน้าอึ้งๆ

“ไม่งั้นฉันยิง”เสียงสวรรค์ของผมยังขู่มาอีกรอบ

“ปล่อยผม และมอบตัวซะเถอะ ชีวิตของผม ไม่มีค่าพอที่จะให้คุณเสี่ยงด้วย”ผมเลยสำทับเข้าไปอีก พยายามว่านล้อม แต่เสมือนหน้าตาของผมมันแสดงออกว่าไม่ใช่ หรืออย่างไร แทนที่จะเชื่อฟัง หมอนั่นกลับจับร่างผมพลิกแล้วล๊อคคอ อย่างรวดเร็ว พร้อมกับ เอามีดพกขนาดเล็กพอดี มาจ่อที่คอผมทันที

 “ถ้าแก ทำอะไรฉัน ไอ้เด็กนี่ ตาย!” ผมรู้สึกว่าอยากจะร้องไห้ แต่ไม่ใช่ร้องไห้ให้ตัวเองนะ แต่ร้องไห้ ให้กับไอ้คนที่เอามีดพกมาจ่อที่คอผมนี่ละ ช่างไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง


“ฉันจะเตือนแกเป็นครั้งสุดท้าย...ปล่อยเด็กซะ”ไอ้คนด้านหลังมันยิ่งเอามีดที่จ่อคอกดลึกเข้าไปที่ลำคอผม



ปั้ง!


เสียงเดียว แต่เลือดนี่กระเด็นมาถูกตั้งแต่ใบหูลามมายันใบหน้าของผม ก่อนที่ทั้งผมและมันจะร่วงลงไป ก่อนที่มือของท่านอัยการสิ้นฟ้าจะมากระชาก ร่างของผมขึ้นจากตรงนั้น

“คดีนี้จะถือซะว่าฉันเป็นคนยิง”ท่านสารวัตรแห่งกรมตำรวจนครบาลเอ่ยบอก

“ขอบคุณครับหมวด”ท่านอัยการตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะมองมาทางผม ผมยกยิ้มให้นิดหน่อย

“สารวัตรเว้ย! บอกกี่รอบละไม่เคยจำ ไอ้เพื่อนคนนี้นิ”เพื่อนซี้ของท่านอัยการโวยวายขึ้น จนผมอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนที่จะถูกร่างสูงของท่านอัยการมาจับให้เดินไป


“ขอบคุณ ขอบคุณครับ”ผมเอ่ยออกมาเบาๆ ถ้าลมมันแรงกว่านี้อีกสักนิด ท่านอัยการของผมคงจะไม่ได้ยินหรอก



...ปิดคดี เมทแอมเฟตามีน...





..................................................
มาตอน 4:14 น.
บางอย่างก็เน้นตัวหนาเลยทีเดียว
13 กบฎ กับดอกไอริส สีน้ำเงิน...อย่าไปใส่ใจมันเลยคะ (พูดง่ายเชี๊ยะ)
ตอนหน้า จะเป็นตอนพิเศษ ที่มาของชื่อสิ้นฟ้า นะคะ


see ya คะ>>>>>

ออฟไลน์ Lunatan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
สงสารเต็มสิบอ่ะ ตัดใจจากสิ้นฟ้าเหอะ
โดนปฏิเสธตรงๆขนาดนั้นในตัวหนา เหอๆๆ
จะหาคนมาดามใจตัวละครในเรื่องก็ดันมากันเป็นคู่ๆอีก

ออฟไลน์ FiZZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
อั้ยยะ อยู่ดีๆก็มาเจอตอใหญ่ งงเลย 555
ตอนนี้เหมือนจะคลายปมแต่ที่จริงคืองงยิ่งกว่าเดิม โธ่ท่านอัยการ ชีวิตเศร้าไปนะ

ออฟไลน์ matame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
สงสารเต็มสิบอ่ะ หาคู่ให้ที

ออฟไลน์ wavalove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เห้อ.....  เต็มสิบ.....สิ้นฟ้า 

บางทีความห่วงใยอาจจะผูกสัมพันธ์ ให้เป็นคนที่ใช่....   

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
สงสารเต็มสิบอะ

ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
คดีลับเฉพาะ...
ตอนพิเศษ (วาเลนไทน์)


สิ้นฟ้า : นี่รู้มะ ศาลฎีกา เคยให้นิยามความรักเอาไว้

เต็มสิบ : ว่าไงครับ

สิ้นฟ้า :"ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรัก ความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิดและการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตาย เป็นความผิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียวมิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตายหาใช่ความรักไม่”
(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6083/2546)



เต็มสิบ : ศาลฎีกาท่านโรแมนติกเหมือนกันนะครับ แล้วนิยามความรักของท่านอัยการละครับ?


สิ้นฟ้า : ฉันไม่มีนิยามความรักหรอก แต่ฉันคิดว่า ความรักก็เหมือนตัวบทกฎหมายละมั้ง เป็นสิ่งที่เข้าใจยาก ต้องค่อยๆอ่านค่อยๆตีความด้วยหลักเหตุและผล ให้รู้ถึงจุดประสงค์ของมัน ถึงจะเข้าใจ

เต็มสิบ : ความรักของท่านอัยการเข้าใจยากจังเลยครับ

สิ้นฟ้า : แล้วของนายละเต็มสิบ

เต็มสิบ : ความรักของผม อาจเป็นการไม่ได้ลงเอยกัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ตัดไม่ขาด แค่อยากให้ได้อยู่เคียงข้างกัน เหมือนเส้นขนาน บ้างครั้งก็อาจจะใกล้กันบ้าง ห่างกันบ้าง แต่ก็ยังอยู่ด้วยกัน...

สิ้นฟ้า :...

เต็มสิบ : ผมรักท่านอัยการสิ้นฟ้านะครับ ^_^

สิ้นฟ้า : เด็กบ้า...




.
.
.



เต็มสิบ : แก้มแดงนะครับท่าน









Happy Valentine's Day คะ :m20:
ตามไปคุยกับสิ้นฟ้า เต็มสิบ และคนอื่นๆได้ที่ https://www.facebook.com/pages/InLaw_By-Kissa-O/337506579784041
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2015 13:12:00 โดย Kissa_O »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
บอกตรงๆนะค่ะว่าชอบเรื่องนี้มาก อ่านแล้วก็ลุ้นกับทุกตอนเลย ความรู้สึกเหมือนดูซีรี่ส์ฝรั่งเลย แต่อยากจะบอกว่าตอนก่อนตอนพิเศษนั้นน่ะ ดิฉันไม่เข้าใจเลยค่า!!!! (หรือเป็นไปเองคนเดียว) แต่เรื่องนีีสนุกจริงๆน่ะค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ตอนพิเศษ
13 กบฏ และดอกไอริส สีน้ำเงิน




“โอ๊ย!”ผมร้องขึ้นพรางสะดุ้งนิดหน่อย เมื่อเจ้าเด็กเต็มสิบ จับหมับเข้าที่แผลของผม ซึ่งยังไม่หายดี จากการถูกยิงพร้อมถ่วงน้ำคราวนั้น ช่วงนี้เหมือนดวงจะตก หรือเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เจ้ากรรมนายเวรถามหา โชคชะตาเล่นตลก ตกที่นั่งลำบาก ดวงถึงฆาต เออ พอเหอะ เอาเป็นว่า ซวย


“ยังไม่หายเจ็บอีกเหรอครับ?”ถามพร้อมกับส่งสายตาเหมือนลูกหมาน้อยมาให้  ผมชอบตาของเต็มสิบนะ กลมๆโตๆน่ารักดี แล้วเป็นแววตาที่แสดงความสงสัย อยากจะรู้อยู่ตลอดเวลา เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะบอกทุกอย่าง


“ฉันอยากจะบอกว่า มันพึ่งผ่านไปสองวันเอง มันจะหายเจ็บไหมละ?”ผมถามขึ้น เต็มสิบยู่หน้านิดหน่อย

“ยังไม่ทันหายวันนี้ก็จับปืนยิงคนซะละ”

“...”ผมนิ่งเงียบไป ต้องยอมรับเลยว่า มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมฆ่าคน การเหนี่ยวไกปืนทุกครั้งของผม มันมักจะแลกมาด้วยกับหนึ่งชีวิต

แต่ก่อน ผมท่องจำไว้เสมอว่า ถ้าเราไม่ฆ่าเขา เขาก็ฆ่าเรา จนถึงวันนี้ผมก็ยังยึดคตินั้น  ทั้งๆที่เรื่องหลายๆอย่างอาจจะหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้

อย่างเช่นวันนี้ แค่ผมเห็นมันเอามีดจ่อคอเต็มสิบ มือของผมมันก็ไปโดยอัตโนมัติ

ทั้งๆที่อาจจะเลือกยิงที่อื่นก็ได้


ผมอาจจะอ้างว่าเพราะช่วยตัวประกัน ป้องกันตัว หรือเพราะคนที่ผมยิงเป็นผู้ร้าย แต่คนที่ฆ่าคน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็เป็นฆาตกรหรือคนที่ขึ้นชื่อว่าพรากชีวิตคนอื่นอยู่ดี เพียงแต่คนรอบข้างหรือแม้กระทั่งตัวเองจะรับได้แค่ไหนเท่านั้น กับเหตุผลสวยหรูที่ยกขึ้นมากล่าวอ้าง  แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าความจริงที่ได้ลงมือสังหารชีวิตคนอื่นลงไปมันจะไม่เคยเกิดขึ้น และไม่ใช่ความจริง

ผมยังยอมรับตัวเองเลยว่าเป็นฆาตกรโดยชอบธรรม

“เอ่อ ผมขอโทษครับ...ที่พูด...”ผมลูบหัวเต็มสิบเบาๆ เด็กนี่ ชอบรู้สึก ชอบคิดไปเอง ชะมัด

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร...”




“พี่ครับ...”ในระหว่างที่จะเดินไปเอารถ ที่หน้าสลัม ผมก็ถูกสะกิดจากเด็กน้อยหน้าตามอมแมม ก็คงจะเป็นเด็กแถวนี้ละ

“ว่าไง...”ผมถามขึ้น ส่วนเจ้าเต็มสิบก็ทำหน้าสงสัยไปตามประสา

“มีคนฝากนี่มาให้ครับ”เด็กนั่นว่า พร้อมกับยื่นดอกไม้ชนิดหนึ่ง สีน้ำเงินมาให้

“เอ๊ะ ดอกไอริสนี่”เต็มสิบโผล่งขึ้น ผมรับไว้ พร้อมกับลูบหัวเด็กน้อย แล้วกล่าวขอบใจ ก่อนเด็กนั่นจะวิ่งหนีหายไป

“รู้จักด้วยเหรอ”ผมหันมาถามเต็มสิบ เจ้าตัวทำท่าคิดนิดหน่อย ก่อนจะตอบ

“ผมเห็นมันมาจาก ที่ห้องๆหนึ่งในตึกของกรมการปกครองครับ แล้วทนายเพชรบอกว่า มันคือดอกไอริส และก็...สีน้ำเงิน...เหมือนดอกนี้เลย”เต็มสิบเอาแขนกอดอก มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าคาง พร้อมกับทำหน้าทำตาใช้ความคิด

“มันก็แค่ดอกไม้น่า หาซื้อตามร้านดอกไม้ที่ไหนก็ได้”

“แล้วทำไม มีคนฝากมาให้ท่าน?”

“เด็กช่างสงสัยเอ๊ย!”ผมว่าพรางพร้อมหยิกแก้ม ยุ้ยๆน่าหมั่นเขี้ยวนั่น “นี่ใคร ฉันอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า แฟนคลับฉันเยอะจะตาย ดอกไม้ฉันได้ประจำไม่ใช่เรื่องแปลก อาจมีสาวๆสวยๆในสลัมแอบปลื้มฉันก็ได้ ก็คนมัน Hot”

“โอ๊ย! เจ็บT^T ไม่สงสัยแล้วก็ได้ ว่าแต่...”ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แล้วอยู่ดีๆก็ยิ้มมุมปาก ทำหน้าเจ้าเล่ห์ “ท่านชอบสีน้ำเงินใช่ม๊า?”

“ก็ใช่”

“แต่ก็ไม่ยักรู้ว่าท่านชอบดอกไม้”

“อะไรที่เป็นสีน้ำเงิน ฉันชอบหมดละ”

“งั้นผมต้องไปหาสีมาทาตัวเป็นสีน้ำเงินแล้วละ”

“อยากเปลี่ยนตัวเองเป็นมนุษย์ต่างดาวที่อาศัยอยู่ที่ดาวแพนดอร่า ในเรื่องอวตารหรือไง?”


“ก็เท่ ดีนะ ท่าน”


ผมหัวเราะ ฮึ นิดหน่อย ก่อนจะมองไปทางอื่น

.
.
.

ดอกไอริสสีน้ำเงิน...ถ้าโดยความหมายของมัน ก็คือ มีบางอย่างที่อยากจะบอกให้ผู้รับได้รู้...
ผมเดินเอามาปักไว้ที่แจกัน เพราะด้วยในแจกัน มีดอกกุหลาบสีขาวจำนวนหนึ่งปักไว้อยู่ พอผมเอาดอกไอริสสีน้ำเงินปักลงไป สีของมันก็ดูโดดออกมา จะว่าสวยก็สวย จะดูตลกก็ตลกดี

“ชอบดอกไอริสเหรอ?”ร่างสูงของกาฝากประจำคอนโดผมเอ่ยถามขึ้น มือก็เช็ดหัวที่เปียก “คราวหน้าจะได้เปลี่ยนเอาดอกไอริสมาไว้ให้แทนกุหลาบ”

“เปล่า ไม่ได้ชอบหรอก”ผมว่าพรางพร้อมกับเดินไปดึงมือร่างสูงให้มานั่งที่ขอบเตียง ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเตียงแล้วคุกเข่าลงด้านหลังของผู้ชายที่ผมว่าผมสูงแล้วยังสูงกว่าผมอีก แล้วเอาผ้าเช็ดหัวให้
 กาฝากประจำคอนโด คอนโดของตัวเองก็มี แต่ไม่ยอมกลับ

“นี่ฟ้า พี่ว่า มันดูตลกอะ ที่พี่เลือกดอกกุหลาบสีขาว กับแจกันสีขาวมาให้เพราะมันจะตัดกับผนังห้องสีน้ำเงินพอดี แต่นี่พอเอาดอกไม้สีน้ำเงินเข้าไปเสียบ มันแปลกๆอะ”กาฝากบังอาจกล้าวิจารณ์ดอกไม้ในแจกัน


“สวยดี...”
.
.
.
“ฟ้า...” อยู่ดีๆ ก็ทำเป็นเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน

“หืม...?”

“เมื่อไหร่จะยอมพี่สักทีอ่ะ”

ตึ้ง!

“โอ๊ย!”เสียงแรงกระแทกกับพื้น พร้อมด้วยร่างสูงใหญ่ของกาฝาก กระเด็นตกเตียง ด้วยแรงถีบของผมไป

“ยอม ยอมเรื่องอะไรกันครับ?”

“พี่ว่าฟ้าควรจะถามคำถามพี่ก่อนถีบพี่นะ”

“แล้วยอมเรื่องอะไรละ”

“ก็มีอยู่เรื่องเดียวนั่นแหละ”

“งั้นลงไปกองที่พื้นก็สมควรละ” ร่างหนา ของเพชรทำหน้าบึ้ง แบบที่ตัวเองคิดว่าเป็นเด็กสิบขวด ก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินสาวเท้าเข้ามาหาผม ผมนี่รีบยืนขึ้นแล้วถอยหลังทันทีเลย ไม่ได้กลัวนะ แต่พ่อสอนไว้ว่าอย่าใช้ความรุนแรง ยิ่งเป็นอัยการ มีตำแหน่ง ยิ่งต้องรักษาภาพพจน์ ให้ดูมุ้งมิ้ง น่ารัก น่าเชื่อถือ อ่อนน้อม ถ่อมตน เข้าไว้

พอเหอะ...ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่าตัวเอง ตอแหล


“จะถอยหนีพี่ทำไมละ”

“แล้วพี่เพชรจะเดินเข้ามาทำไมละ”

“ก็พี่จะนอนแล้ว”

“แน่นะ”

“ไม่เชื่อพี่แล้วจะเชื่อใคร”

“ผมยอมเชื่อคนอื่นมากกว่าเชื่อพี่อะ”

“อยู่ดีๆก็รู้สึกเจ็บ”

“อย่างพี่อะเกินจะเจ็บแล้ว หนาเกินคน”

“ปากคอร้ายกาจ สิ้นฟ้าเด็กดีของพี่หายไปไหน?”

“มันเคยมีด้วยเหรอ?”

“อ้อนพี่เหมือนแต่ก่อนก็ดีนะ”

“ไม่เคยเหอะ”

“บ่อยจะตายไป”

“พี่เพชร!”

“ครับ?”

รู้สึกปวดหัว ถ้าไปบอกคนอื่นคงอายเขาตาย ว่าไอ้สองคนที่คุยที่เถียงกันอยู่นี่ คนหนึ่งคือทนาย ส่วนอีกคนเป็นถึงอัยการ แต่ยังไงก็ช่างมันเหอะผมต้องดูท่าที ไว้ก่อน ขึ้นชื่อว่าทนายเพชร ร้อยละเก้าสิบ วางใจไม่ได้

เจ้าตัวเขากระโดด ขึ้นเตียง พร้อมกับเอาผ้าห่ม ห่มแล้วหลับตาพริ้มทันที แขนยาวๆตบที่ว่างข้างๆ เสียงดัง ปุ๊...ปุ๊

“สิ้นฟ้า..มานอน...”

 ผมเลยก้าวขึ้นเตียงทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ไม่นานทั้งขาและแขนก็พาดมาที่ผม อยากจะบอกว่า ช่างมันเหอะ...รู้สึกชิน

“ฟ้า...”เสียงเรียก ก่อนจะดึงให้ผมเอียงตัวหันหน้าไปหา “มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังไหม?”น้ำเสียงของกาฝากในยามจริงจัง แม้ผมที่
หล่อดูดี และเทพสราดดดด ขนาดไหน ก็ต้องเกรงๆ

นัยน์ตาสีดำนิลนั่น เหมือนมองทะลุปรุโปร่งเข้ามาในความคิดผม



“สิ้นฟ้า...”ผมเอ่ยชื่อตัวเองเบาๆ “นายรู้ที่มาของชื่อนี้ใช่ไหม?”


“ฟ้าเคยเล่าให้พี่ฟังว่า เพราะเครื่องบินตก...แล้ว…?”

“สมัยเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้วใครๆใช่จะบินได้เหมือนสมัยนี้ใช่ไหมละ ส่วนมากไม่พวกนักธุรกิจ ก็เป็นคนที่มียศ หรือบรรดาศักดิ์ ตำแหน่ง ที่จะบินข้ามประเทศกัน พ่อกับแม่ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนั้นแม่ท้องได้ประมาณ 7 -8 เดือน ก็ต้องขึ้นบิน แม่กับพ่อ เดินทางไปรอขึ้นเครื่องที่ Gate ที่จะเดินทางไปลอนดอน ส่วน Gate ข้างๆ กันมีเที่ยวบินที่กำลังจะบินไปปารีส ตอนที่เล่าให้ฉันฟังท่านบอกว่า ท่านมองออกไปนอกกระจกใส  ยังจำได้ดีว่าตัวสีของเครื่องที่จะไปปารีสมีสีอะไร หมายเลขสายการบินประกอบด้วยเลขอะไรมั่ง”ผมเว้นวรรค และทบทวนความทรงจำ “มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณสามขวบมานั่งข้างๆ แม่ ท่านบอก ว่า เด็กคนนั้นสวยราวกับตุ๊กตากระเบื้องแนะ และมีแววตาที่ฉลาดมากๆ เสียงหัวเราะ พร้อมกับเสียงสดใสที่คุยกับพี่เลี้ยงน่ารัก เด็กนั่นยังหันมาถามแม่ฉันเลยว่า น้องอยู่ในท้องเหรอ ?”

“...”

“แม่ตอบว่า ใช่ ใบหน้าเล็กๆเอาแก้มใสมาแนบ พร้อมกับตั้งใจฟัง ฉันไม่รู้ว่าฉันส่งเสียงอะไรออกไปจากท้องแม่หรือเปล่า เธอถึงบอกว่า เธอขอน้องนะ ถ้าฉันรับรู้ได้จากในท้องแม่ในตอนนั้นได้ ฉันคงปฏิเสธ แต่แม่ฉันกลับตอบว่า ได้สิ...”

มือใหญ่ ลูบหัวผม

“พอวุ่นวายกับเด็กได้สักพัก สายการบินที่เดินทางไปปารีส ก็เคลื่อนตัวออกจากท่า เคลื่อนบินลำใหญ่ ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป ไม่นาน มันก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่พอบินไปสูงได้ไม่กี่ฟุตจากพื้นดิน เสียงระเบิด ก็ดังลั่นก้องสะท้อนไปทั่วบริเวณนั้น ประกายไฟบนท้องฟ้าสว่างไสว เหมือนกับดอกไม้ไฟระเบิด แต่ฉันคิดว่ามันคงเป็นดอกไม้ไฟยักษ์  ที่สามารถมีแรงอัดกระแทกรุนแรงจนกระจกของท่าอากาศยาน ตรงที่แม่และพ่อนั่งอยู่แตกกระจายออก พ่อเอาตัวบังแม่ ในตอนนั้นแม่เป็นห่วงเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วย แต่พอมองไป เห็นว่าพี่เลี้ยงเอาตัวบังอยู่จึงวางใจ พอรู้สึกตัวอีกที แม่ก็เริ่มปวดท้อง จนต้องเรียกรถพยาบาล วันนั้นทั้งสนามบินวุ่นวายไปหมด ทั้งคนท้อง คนที่ตกใจ ไหนจะเครื่องบินระเบิด”

“วันนั้นเป็นวันที่ฉันเกิด แม่มารู้ข่าวอีกที ว่าเครื่องบินระเบิดกลางอากาศ ผู้โดยสาร กัปตัน รวมถึงลูกเรือ ไม่มีใครรอด บนท้องฟ้าที่สว่างไสว มีประกายไฟร่วงโรย เสียงดังสนั่นในความรู้สึกแม่ มันคงเหมือนราวกับฟ้ากำลังจะถล่มลงมา เลยตั้งชื่อให้ฉันว่า สิ้นฟ้า”

“...”

“และเป็นวันแรกที่แผนการที่ยาวนานของ 13 กบฏได้เริ่มต้นขึ้น”

“13 นักปฏิวัติ...”เพชรเอ่ยขึ้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้

“จะเรียกชื่อนั้น ก็ไม่ผิด...เหตุการณ์เครื่องบินระเบิด เป็นการแกล้งลวงว่าคนหกคนได้เสียชีวิตลงไปแล้วจากเหตุการณ์ระเบิดนั่น ฉันไม่รู้รายละเอียดเรื่องการวางระเบิด แต่ที่ฉันรู้ ว่าคนเกือบครึ่งของ 13 กบฏแกล้งตายแล้วผันตัวไปอยู่ในเงามืด... 7 คน อยู่ในที่สว่าง อีก 6 อยู่ในที่มืด พ่อฉันเป็น 1 ใน 7 ...ในวันนั้น แม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่พ่อไปนั่งตรงนั้น ไม่ได้กะว่าจะไปลอนดอน อยู่แล้ว เพียงแค่มาทำแผนการบางอย่างให้ลุล่วงเท่านั้นเอง ขอโทษด้วยที่ตอนนั้นฉันกำลังจะเกิด ถ้าฉันรู้มากกว่านี้ก็คงดี...เรื่องนี้ฉันรู้จากคำบอกเล่าของยัยเด็กสามขวบในตอนนั้น เธอเล่าในตอนที่เธอ อายุ 20 แล้วฉัน 17”

“ดอกไอริสสีน้ำเงินนั่น...เกี่ยวกับเรื่องนี้?”

“ก็ไม่เชิง มีมือดีส่งให้ 13 กบฏ นั่น”

“แล้วทำไม มันมาอยู่กับฟ้าได้ ในเมื่อตอนนั้นฟ้ายังไม่...เกิด”

“ผลกรรมจากรุ่นพ่อ อย่าไปใส่ใจมันเลย”

“ที่ฟ้าถูกจ้องเอาชีวิตถึงสองครั้ง เพราะไอ้ดอกไม้บ้านั่นใช่ไหม!?”พูดพร้อมกับผลุดลุกขึ้นนั่ง ทำให้ผมต้องกระเด้งตัวนั่งตามไปด้วย อย่างตกใจ แล้วพูดเบาๆ

“มันไม่มีอะไรหรอกน่า”

“ฟ้าคิดว่าพี่เป็นใคร อย่าให้พี่สืบได้นะฟ้า”

“พี่เพชร...ใจเย็นน่า...”

“...”

“ใช่ว่าจะต้องรีบร้อนเสียหน่อย เชื่อเหอะว่า 13 กบฏที่เหลือก็ไม่อยู่เฉยหรอก”

“ท่านอัยการสูงสุดไม่รู้ว่าดอกไม้ถูกส่งมาให้ฟ้า ?”

“ท่านไม่อยากวุ่นวายกับเรื่องนี้แล้ว...”ถึงหนีไปอังกฤษ แต่ถ้าท่านรู้ว่าพวกมันเบนเข็มมาทางผมแทน ละแย่แน่ มิวาย ท่านคงตีตั๋วกลับมา เรื่องมันจะยิ่งเยอะไปกว่านี้ ตอนนี้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดกำลังยักย้ายตำแหน่งกันอย่างเงียบๆ คนที่จะขึ้นแทนพ่อผมก็ไม่ใช่ใคร คือรุ่นพี่คนหนึ่งของผมเอง แน่นอน ว่าเขาก็เป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดในตอนสมัยที่ผมยังเรียนมหาวิทยาลัย
ถ้าจะอธิบายให้ฟังโดยง่าย มันก็เหมือนเป็นเกมรักษาอำนาจ ซึ่งตอนนี้ฝั่ง 13 กบฏ มีหน้าที่รักษามันเอาไว้ แตกต่างกับเมื่อสมัย 30 ปีที่แล้ว นับตั้งแต่วันแผนเครื่องบินระเบิด และเป็นวันที่ผมเกิด  ที่ทาง 13 กบฏ เป็นผู้ท้าชิง พอผมอายุได้ประมาณ 17 ปีก็เลยถูกจับพลัดจับผลู เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยรวมถึงได้ฟังเรื่องเล่าจากยัยเด็กสามขวบ เมื่อผมเข้ามาได้ประมาณ 2 ปีเกือบ 3 ปี ชัยชนะ ก็ตกเป็นของฝั่งที่ถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ก็เลยได้ชื่อเก๋ๆอีกชื่อหนึ่งว่า 13 นักปฏิวัติ ทั้งๆที่คนทั้งประเทศ ไม่รู้เลยว่า 13 นักปฏิวัติที่ว่า หมายถึงใครมั่ง

    เมื่อโค่นพวกเก่าลงได้แล้ว คนพวกนั้นก็แทรกซึมไปทุกองค์กรไม่ว่าจะเป็นศาล หรือองค์กรอิสระอย่างอัยการ อีกทั้งยังมีตำรวจ ทหาร นักการเมือง (รวมถึงคนที่ถูกทำรัฐประหารและคนที่กระทำรัฐประหารในตอนนี้ด้วย พูดถึงเรื่องนี้ก็ตลก พอรู้ว่าฝั่งพวกตัวเองจะถูกแย่งเลยชิงลงมือทำรัฐประหารซะก่อน เพื่อคงอำนาจไว้ พวกผู้ใหญ่นี่เขี้ยวลากดินกันทุกคน)


   โดยประมาณ11 ปีจากวันที่แทรกซึมไปตามองค์กรต่างๆ จนมาถึงวันนี้ อยู่ดีๆก็มีดอกไม้ปริศนาถูกส่งออกมาสู่มือ ของทั้ง 13 คนได้อย่างถูกตัวเป๊ะ มันจะไม่มีใครคิดอะไรเลย ถ้ามันไม่คล้ายกับตอน ที่ 13 กบฏเป็นผู้ท้าชิง ราวกับเดจาวู


เพราะในตอนนั้น คนที่คิดแผนดอกไม้สะท้านเมือง(ชื่อนี้ผมไม่ได้คิด ผมสาบาน) และส่งดอกไม้ให้ถึงมือคนที่จำเป็นต้องโค่นลง คือผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของดิน และ ตัวผมเอง


เหมือนกำลังถูกย้อนศร...


ช่วงนี้ ผมถูกหักหลังบ่อยเสียด้วยสิ แต่ผมก็ไม่อยากที่จะไม่เชื่อใจคนกันเอง แต่ผมคงต้องหาโอกาส ไปเยี่ยม ยัยเด็กสามขวบที่เป็นรุ่นพี่ผม ซึ่งไม่ได้เจอกันนานเสียหน่อย

“จะว่าไป ฉันก็ไม่ได้แตกต่างกับนาย”ผมพูดกับเพชร “ฉันไม่มีสิทธิโกรธนายเลยด้วยซ้ำ”

 “พี่ไม่อยากให้ฟ้า...”



“ชั่ว กับ เลว ก็เหมาะสมกันดี เนอะ ว่ามั้ย?”

เพชรยิ้มน้อยๆ พร้อมกับพยักหน้านิดหน่อย ก่อนจะดึงตัวผมไปกอดเอาไว้






เรื่องทั้งหมดก็อย่างที่ผมเล่าให้ฟัง ผมไม่รู้อะไรมากกว่านี้ คุณคงอยากจะไล่ให้ผมไปถามพ่อของผมเพิ่ม ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยถาม แต่พ่อไม่เคยปริปากเล่าเรื่องแผนการก่อนที่ผมจะเกิดให้ฟัง พ่อผมกันผมออกไม่อยากให้ยุ่งกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ จนผมมาเจอยัยเด็กสามขวบ เธอเป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยผม ในตอนที่ผมเข้าปีหนึ่งเธออยู่ปีสาม ผมเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ไปสองปี ในตอนที่เข้ามหาวิทยาลัยในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันคนอื่น อายุประมาณ 17-18 ปี แต่ผม 16 ยัยเด็กสามขวบเล่าเรื่องทุกอย่างเท่าที่เธอรู้ให้ฟัง หรือตามความเข้าใจผมเธออาจจะรู้เรื่องทั้งหมดแต่เล่าไม่หมดให้ฟัง เพื่อจะดึงผมเข้าร่วม ด้วยนิสัยขี้เสือกอย่างผม แน่นอน...ผมตกลง เพราะกะจะสืบเรื่องราวเพิ่มเติม แต่ก็เหมือนตกหลุมยัยเด็กสามขวบที่เจ้าเล่ห์กว่า ทำให้ผมกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างเต็มตัว


และผมรู้ว่าพวกคุณอยากรู้ ว่ายัยเด็กสามขวบอยู่ไหน ? ออ เธอไม่ได้ไปไหนหรอก ยัยเด็กสามขวบที่ว่า ก็คือ แม่ของดิน นั่นละ   



อนาคต ผมคงต้องไปนั่งวาดแผนผัง ความสัมพันธ์ให้พวกคุณดู





............................................
ตอนนี้เป็นตอนพิเศษ เรื่องของ 13 กบฏ เอาจริงไม่ต้องไปใส่ใจมันมากคะ
เพราะมันเป็นเรื่องของรุ่นพ่อที่เขาหักเหลี่ยมกันตั้งแต่สมัยสิ้นฟ้ายังเป็นวุ้น
มาจบเอาตอนที่สิ้นฟ้ามีสภาพบุคคลอายุครบบรรลุนิติภาวะ
สิ้นฟ้าก็แทบไม่รู้อะไรเลย เล่าก็เล่าเท่าที่สิ้นฟ้ารู้ นั่นละคะ  :hao7:
การทำรัฐประหารพวกเดียวกันเองให้นึกถึงสมัย 14 ตุลาคะ ถ้านึกภาพไม่ออก

สรุปคือรู้ที่มาของชื่อสิ้นฟ้าแล้วเนอะ 55555+

สงสัยสามารถถามได้นะคะ ผิดพลาดตรงไหนก็สะกิดกันโด้ยยยยย!
แล้วก็ขอบคุณมากๆที่ชอบเรื่องนี้แล้วติดตาม คะ #รู้สึกฮึกเหิมและมีกำลังใจไปต่อ


ที่มาของชื่อเจ้า โคตรอลังการอะฟ้า ไม่บ้าจริงคิดไม่ได้นะเนี่ย แอร๊ก ! (โดนสิ้นฟ้าตบหัว)

จิ้มไปคุยกับสิ้นฟ้า เต็มสิบ และคนอื่นๆได้ที่ https://www.facebook.com/pages/InLaw_By-Kissa-O/337506579784041

ขอบคุณที่ติดตามอีกครั้งคะ See Ya >>>>>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2015 05:41:31 โดย Kissa_O »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
นี้แค่จะแจงที่มาของคำว่า สิ้นฟ้า เท่านั้นใช่ไหมเนี่ย

ออฟไลน์ wavalove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
อ่ะ ชัดเจน

ฟ้าน่ารักขึ้นทุกวัน เนอะ  :mew1:

ออฟไลน์ Kissa_O

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
คดีที่7
เด็กสาว...เก้าศพ (3)



“ร่างแม่ ยังไม่ทันเผา นี่พ่อเอาใครเข้ามา!!”เสียงเรียบนิ่งถามขึ้น จากเด็กหนุ่ม แต่มันคงดังจนเกินไปจนพระที่กำลังสวด ชะงักบทสวดมนตร์ และคนรอบข้างหันมามอง ยังทางพวกเขา แต่เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่ได้มีท่าทีว่าจะพูดอะไรต่อ บทสวดมนตร์จึงเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง

“แก ต้องฟังพ่ออธิบายก่อน นะฟ้า”

“งั้น อธิบายมา ผมขอเหตุผลดีๆ สักข้อสำหรับคนที่มีเมียน้อย และลูกติด”น้ำเสียงเริ่มกดต่ำ และพยายามไม่ให้ดังมากจนเกินไป

“พ่อผิดเองฟ้า พ่อพลาดเอง”

“พ่อไปเอาเขา ทั้งที่แม่ยังอยู่ นั่นพ่อเรียกว่าพลาดเหรอ?”

“เรื่องแบบนี้ มันมีโอกาสเกิดขึ้นได้ฟ้า วันนั้น พ่อเมา แล้วพ่อก็มีอะไรกับเขาแค่ครั้งเดียวเองนะฟ้า”

“แล้วก็ปิดผมกับแม่มาตลอด จนมีเด็กโตขนาดนี้ พ่อแอบเลี้ยงดูพวกเขามาตลอดเวลา โดยไม่บอกแม่” สิ้นฟ้ามองไปยังน้องสาวต่างแม่ ที่อายุได้ประมาณ 7 ขวบ ที่นั่งอยู่ข้างผู้หญิงอีกคนที่กำลังชำเรืองมายังเขา และ พ่ออยู่

“พ่อขอโทษ ขอโทษที่ทำให้เกิดขึ้น ขอโทษที่ไม่ได้บอก”

“คุณสิ้นฟ้า อย่าโกรธคุณเขาเลยคะ เป็นความผิดของน้าเอง”

“หุบปากไปเลย!”เขาเผลอตวาดออกไป

“สิ้นฟ้า!”แล้วพ่อ ก็ตวาดเขากลับมา

“ผมรับไม่ได้กับเรื่องเมียน้อย แล้วผมไม่สนด้วยว่าเมียน้อยของพ่อจะเป็นคนดีหรือไม่ดี และอย่ามาบังคับให้ผมยอมรับคนพวกนี้ ถ้าพ่อจะเอาคนพวกนี้มาอยู่ที่บ้าน ผมก็จะออกไปอยู่ที่อื่น”


.
.
.


“ก็ได้ ฉันตามใจแก”


.
.
.


แล้วจากวันนั้น  เขาก็ไม่เคยกลับไปเหยียบที่บ้านอีกเลย...



สิ้นฟ้าหลับตาลง

“ฉันมานั่งทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย!”

ให้ตายเหอะ...

ได้แต่คิดแล้วก็ถอนหายใจ








“ผมอยากให้คุณหญิงใจเย็นๆ ไม่ต้องคิดมากนะครับ”ทนายเพชรเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พร้อมกับส่งยิ้มไปให้ผู้หญิงที่เป็นแม่ของคนที่ก่อเหตุขึ้นมา

“เพชร มั่นใจไหม ว่าเราจะชนะ?”น้ามุกคุณแม่ของคุณวา เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงติดสั่นเครือ ทนายเพชรได้แต่ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม โดยไม่ตอบกลับไปว่าจะชนะหรือไม่...แต่ผมคิดว่าจุดมุ่งหมายของพวกเขาทั้งสองคน เอ่อ ผมหมายถึงท่านอัยการสิ้นฟ้า กับ ทนายเพชร จุดมุ่งหมายของทั้งสองคน กะให้จบคดีนี้แบบ...ที่พวกเขาวางเอาไว้ เสียมากกว่า

 ถึงผมจะเดาไม่ออกบอกไม่ถูกก็เหอะ...!

ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าระตูห้องไกลเกลี่ย ของศาลเยาวชน ก็เหมือนมีแรงกดดันเข้ามาปะทะอย่างจัง จนทำให้ผมแทบจะตัวหดเหลือสองนิ้ว เบื้องหน้าของผมเป็นผู้ชายร่างสูงสองคนยืนประจันหน้ากัน คนหนึ่ง เป็นคนที่พวกคุณน่าจะรู้จักดี ผู้มีใบหน้าหล่อเหลา แต่นัยน์ตาเฉียบคมดูเจ้าแผนการอย่างร้ายกาจนั่นคือทนายเพชร ส่วนอีกคนเป็นผู้ชายผมสีดอกเลา ใบหน้าติดมีรอยเหี่ยวย่นนิดหน่อยบ่งบอก ว่าเขาค่อนข้างมีอายุ  ริมฝีปากยกยิ้มตลอดเวลา มาพร้อมกับใบหน้าและนัยน์ตาที่แสดงถึงความเป็นคนอบอุ่น แต่มันไม่ได้ทำให้ความกดดันตอนนี้ น้อยลงไปเลย

จนทนายเพชรยกมือขึ้นไหว้ พร้อมกับส่งยิ้มอย่างนอบน้อมออกไป

“สวัสดีครับอาจารย์”

“สวัสดีเพชร โตขึ้นเยอะเลยนะเรา”

“ครับ...”ทนายเพชรยกยิ้ม “ก็โตพอที่ตอนนี้ มายืนอยู่ตรงหน้าอาจารย์ได้ ในฐานะทนายคนหนึ่ง”

“นั่นสินะ...เวลาช่างผ่านไปเร็ว เมื่อไม่กี่ปีก่อน เธอยังเป็นเด็กที่ต้องคอยรับความรู้จากฉันอยู่เลย แต่มาวันนี้ เธอมายืนอยู่ตรงหน้าฉันซะแล้ว”


ผม รู้สึกว่าอยากหลบฉากออกไป...จังเลยละครับ


“ครับ...”ทนายเพชรยิ้ม “อันที่จริง ผมก็กะจะไปเยี่ยมอาจารย์บ้าง เสียแต่งานของผมของค่อนข้างยุ่งไปหน่อย เลยไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทายอาจารย์เลย หลังจากที่รู้ว่าท่านอาจารย์เข้ามาเป็นทนายโจทก์ร่วมในคดีนี้ ผมดีใจนะครับ ที่ท่านอาจารย์ของผมยังแข็งแรงดี”

“เส้นทางของพวกเรา มันช่างน่าสมเพศ ว่าไหมเพชร?”ท่านอาจารย์ของทนายเพชร และผมคิดว่าคงเป็นอาจารย์ของท่านอัยการสิ้นฟ้าด้วย เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “หลายๆครั้ง ที่ฉันคนที่เคยให้คำปรึกษา คนที่เคยสั่งสอน จะต้องลงเข้าสู้กับลูกศิษย์ของตัวเอง เป็นเส้นทางที่เมื่อเข้ามายืนในจุดเดียวกันเมื่อไหร่ ถ้าไม่ใช่พวกเดียวกัน ก็ต้องประกาศสงครามกัน ตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่ายังเป็นอาจารย์ที่จะสอนเธอได้ไหม แต่ฉันก็อยากจะบอกเธอไว้อย่างหนึ่งนะเพชร ในฐานะ คนที่เคยเป็นอาจารย์ของเธอ”

“...”

“ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน สุภาษิตคำสั่งสอนของคนโบราณ มันยังคงใช้ได้ดีเสมอ...”อาจารย์ท่านว่า แล้วตบไหล่ทนายเพชรเบาๆสองถึงสามที แล้วเดินเข้าห้องไป

“ท่านอาจารย์ของทนายเพชร กำลังจะบอกว่าทนายเพชรขี้โกงแน่ะ”ผมพูด ทนายเพชรหันมามองผมแล้วยิ้มมุมปากนิดหน่อย

“ต่อให้ไม่โกง ฉันก็ชนะ”

 ก่อนจะเดินเข้าห้องไปอีกคน

ส่วนผมก็ได้เพียงแต่ยักไหล่ เบาๆ พร้อมกับถอนหายใจ แล้วเดินเข้าไปตาม เพื่อรอเวลานัดไกล่เกลี่ย พูดคุย ระหว่างทั่งสองฝ่าย ในคดีของน้องสาวท่านอัยการสิ้นฟ้า





“ทะท่าน อัยการสิ้นฟ้า”เผลอครางเรียกชื่อออกมาเบาๆ ส่วนทนายเพชรยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความแปลกใจ เออ ไอ้ผมก็แปลกใจเหมือนกัน ไหงเมื่อเข้าห้องมากลับเห็นร่างสูงโปร่ง ที่ถูกกันออกไปจากคดีนี้ นั่งทำหน้าเรียบนิ่ง แต่ดูโดดเด่นอยู่ภายในห้อง

“สะ สะสิ้นฟ้า”แม่ของผู้ต้องหาในคดีเอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับทำท่าจะเดินเข้าหาท่านอัยการ

“สวัสดีครับอาจารย์”แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจพวกผมสักเท่าไหร่ และถึงขั้นเรียกว่าเมินคนที่กำลังจะเดินเข้าไปหา หันไปยกมือไหว้ ทนายที่เดินเข้ามาก่อนหน้าพวกเรา

“สวัสดี สิ้นฟ้า”ท่านอาจารย์ก็ตอบกลับไปพรางยิ้ม อย่างเอ็นดู “อาจารย์ลืมไปคดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวกับน้องสาวของเราสินะ ว่าแต่มา
ในฐานะ ฝั่งโจทก์หรือจำเลยละ”

“อาจารย์ อย่าใส่ใจผมเลย นึกเสียว่าเป็นแมว หรือของประดับห้องก็ได้”ท่านอัยการว่า

 “จำไม่ยักจะได้ว่าเคยมีลูกศิษย์เป็นแมว”

“ผมนี่ไง...”

“อาจารย์ไม่เคยสอนแมว”

“ผมรักอาจารย์ครับ”พูดด้วยหน้านิ่งๆพร้อมกับทำมือเป็นรูปหัวใจส่งไปให้อาจารย์ของตัวเอง เป็นการเปลี่ยนเรื่อง

“ฮึ...”อาจารย์ว่ายิ้มๆ พรางส่ายหัว คล้ายกับอ่อนใจในตัวของลูกศิษย์   

มันเป็นการพูดคุยกันระหว่างลูกศิษย์และอาจารย์ ที่ค่อนข้างจะไม่ได้สาระ ผมไม่เข้าใจว่า มันเป็นการทักทายกันสไตล์ของนักกฎหมายหรือไง

แต่ในความคิดผม มันคือการแสดงออกถึงความกวนหน้านิ่ง ที่ถ้าพวกคุณนั่งอยู่ในห้องแห่งนี้ คงทำหน้าเอือมๆแบบจะยิ้มดี หรือว่าไม่ควรจะยิ้มดี จนมันออกมาในรูปแบบของการยิ้มแหะๆแบบแสยะ


“เอาละ ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ในเมื่อมากันครบแล้ว ก็เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า จำเลยเป็นเยาวชน อีกทั้งจากหลักฐานก็แสดงให้เห็นถึงความประมาท หาได้มีเจตนา ที่เรียกมารวมกันวันนี้ ผมเห็นว่าอยากให้พูดคุยกันก่อนเพื่อสร้างความเข้าใจ...คดีนี้เป็นที่กล่าวถึงทางสังคมอย่างแพร่หลาย อีกทั้ง ยังกระทบต่อจิตใจ ของญาติผู้เสียชีวิต”ใบหน้าติดเรียบนิ่ง ว่า พรางมองไปยังตำแหน่งของผู้เสียหายในคดี ก่อนจะกล่าวต่อ “ในส่วนของทางคดีอาญา อาจจะเอาผิดไม่ได้มาก แต่...ยังไงผมก็จำเป็นต้องฟ้องขึ้นสู่ศาล ให้ศาลเป็นผู้ตัดสินจะไม่มีการยอมความในส่วนของคดีอาญา” ทนายเพชรยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เมื่อพนักงานอัยการฝ่ายคดีเยาชน เอ่ยจบ ก่อนจะยิ้มมุมปาก

“ในส่วนของผมก็ ไม่มีปัญหาอะไร”

“หมายความว่า จะสู้กันในชั้นศาล?”พนักงานอัยการพูดออกมาด้วยความแปลกใจ ก่อจะพูดกับตัวเองเบาๆว่า

 ‘ทำไมยอมง่ายจังวะ?’

“ครับ”ทนายเพชรตอบกลับเรียบๆ

“เอ่อ...งั้นเราก็คงไม่ต้องคุยอะไรกันมาก ส่วนฟ้องในทางแพ่ง?”อัยการว่า พรางมองไปยังท่านอาจารย์ที่นั่งอมยิ้มอยู่

“ออ...ในส่วนนี้ทางเราจะฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้ปกครองของเด็กให้ร่วมรับผิด ในการทำละเมิดด้วย”ท่านอาจารย์ว่า พรางยื่นสำเนาเอกสารบางอย่างให้ทนายเพชร

“จำนวนเงินที่จะเรียกร้องถูกต้องนะครับ?”ทนายเพชรถามย้ำ เล่นเอาอาจารย์ท่าน ต้องก้มมองเอกสารอีกชุดหนึ่งในมือตัวเอง

“หึ...”เจ้าตัวหัวเราะเบาๆ

แกล้งได้แม้แต่กระทั่งอาจารย์ตัวเอง





“หมายความว่าไง ที่ยอมฝั่งโจทก์ทุกอย่าง ผมคิดว่าจะมีอะไรมากกว่านี้ซะอีก”ผมถามขึ้นมา หลังจากพวกเราทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องไกล่เกลี่ยนั่น หมายถึงผมกับท่านอัยการนะ ส่วนทนายเพชร ต้องไปส่ง เจ้าของคดีเขา ส่วนผมนี่พอเห็นท่านอัยการ ผมก็แรดเลย~ แทบจะทำตัวเป็นปลิงติดปลีก แล้วมาเกาะท่านทันที...

“เขาไม่ตบพวกนายก็ดีถมไปล่ะ”ท่านอัยการสิ้นฟ้าว่า “นี่นายกำลังหวังว่าจะได้เห็นอะไรอยู่ ตบกันในห้องไกล่เกลี่ยหรือไง?”

“แหม มันก็น่าตบอยู่หรอก เรียกมาไกล่เกลี่ยแท้ๆ ฝ่ายเรานี่ไม่หือไม่อืออะไร ทนายเพชรนี่ อืมๆ ครับ ตกลงครับ เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ไม่มีปัญหาครับอย่างเดียวเลย”ผมพูดเบาๆ

“นี่มันไม่ใช่ในละครหลังข่าวที่นายดูนะ ที่จะให้มันมีเรื่องระทึกเกิดขึ้น” ผมดูซะที่ไหนกันละ “อีกอย่างตำรวจศาลคุมแจขนาดนั้น เขาคงโดดเข้ามาตบพวกนายหรอก อย่างน้อยก็ทำได้แค่นั่งมอง พร้อมกับส่งสายตาอาฆาตมาเท่านั้นล่ะ”

“อีกอย่างสิ่งที่เราทำได้ก็ทำไปแล้ว”ท่านว่าเรียบๆ สีหน้าไม่แสดงออกถึงอารมณ์อะไร

“ท่านจะทำให้คดีนี้จบยังไง?” เอาเหอะ...งานถามต้องมาด้วยความสงสัยอย่างสุดซึ้ง

“จะจบยังไงละ คนผิดก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย”

“แต่ พวกเราเปลี่ยน...” ผมกำลังจะต่อ แต่ท่านก็พูดขึ้นมาเสียก่อน

“ข้อมูลของวาริธรอะเหรอ?”

“เอ่อ...ใช่ครับ”

“เรื่องนี้เธอจะเอาไปบอกใครก็ได้นะ ฉันอนุญาต”

“โธ่ ก็รู้ๆกันอยู่ ว่าผมไม่มีทางเอาไปบอกใครแน่ แต่ท่านครับ ถ้ามีคนอื่นรู้ขึ้นมา?”

“ถึงแม้ว่าศาลท่านจะรู้ แต่เธอคิดว่าเขาจะลงมาสู้กับกรมการปกครองงั้นเหรอ?”ท่านว่าพรางยกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ส่วนผมส่ายหน้าอย่างจนใจ

 คนที่เปลี่ยนข้อมูลไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นหน่วยงานหน่วยงานหนึ่งที่เปลี่ยน ซึ่งมันไม่ใช่เอกสารปลอม หรือข้อมูลปลอม แต่มันเป็นของจริงทั้งหมดซึ่งออกโดยกรมการปกครอง ทนายฝ่ายตรงข้ามแทบจะถูกปิดปากในเรื่องนี้เพราะถึงถ้ารู้แต่ก็จะเล่นในแง่ของเอกสารปลอมไม่ได้ และคงไม่คิดที่จะออกไปไฝท์กับผู้มีอำนาจมากกว่า และถึงแม้จะร้องขอต่อศาลให้พิสูจน์ในเรื่องนี้ ศาลก็คงไม่เสี่ยงที่จะเข้าไปสู่กับกรมการปกครอง และอาจลากยาวไปถึงกระทรวง เช่นกัน เพราะนั่นจะเป็นเหมือนการกล่าวหาว่าระบบการทำงานของกระทรวงมหาดไทย ทั้งกระทรวง เป็นที่ไม่น่าไว้ใจได้

รู้สึกเหมือนถูกดัก ไว้ทุกทาง...


 “ฉันไม่ได้ทำดีเพื่อสังคม ไม่ได้เป็นคนดีที่จะทำดีเพื่อประเทศอะไรมากมาย อีกอย่างฉันไม่สนใจว่าจะเล่นตุกติกยังไง ไม่เสียสละให้ครอบครัวของคนอื่น ทำไปโดยเห็นแก่ตัว  แต่ฉันทำทุกอย่างช่วยคนในครอบครัวของตัวเอง เธอว่าฉันเป็นคนยังไง? เห็นแก่ตัวไหม?”ท่านถาม

นั่นสิ เป็นคนที่ดีสำหรับครอบครัวของตัวเอง แต่ไม่ดีสำหรับคนอื่น  สรุปเป็นคนยังไงกันแน่...

ท่านอัยการอาจจะเห็นผมทำหน้าแบบ งงๆ ท่านจึงยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินหนีไปโดยที่ไม่รอฟังคำตอบจากผม
ราวกับว่า ผมต้องไปคิดเอาเอง

แต่ในที่สุดท่านก็หันกลับมา แสงจ้าของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ทำให้ผมมองเห็นหน้าของท่านอัยการสิ้นฟ้าไม่ค่อยถนัด แถมแสงมันยังส่องตาจนผมต้องหรี่นัยน์ตาลง ก่อนที่จะได้ยินน้ำเสียงเรียบนิ่ง ที่เอ่ยออกมา



“มันไม่มีคำตอบที่ดีที่สุดหรอก และบางครั้ง คำตอบ อาจไม่ได้มีคำตอบเดียว หรือสองคำตอบ มันคงจะมีสักหลายร้อยหรือหลายพันคำตอบ...สำหรับ บางครั้ง อะนะ”


ไม่รู้สิ...รู้ตัวอีกที ผมก็วิ่งตามท่านอัยการไปแล้วละ เพราะตอนนี้ ผมอาจไม่ต้องการคำตอบที่ถูกต้อง หรือถูกใจอยู่ก็ได้
ผมจะค่อยๆค้นหามันเอง

.
.
.




“ทำอะไรอย่านึกว่าพี่ไม่รู้สิ้นฟ้า!”เสียงตวาดดังลั่น จนแทบจะทะลุออกไปข้างนอกห้อง สิ้นฟ้า ได้แต่เบือนหน้าหนี นิดหน่อย “พี่รู้ว่าคดีนี้เป็นคดีของน้องสาวนาย พี่กันนายออกไปแล้ว นายไม่ควรมาแทรกแซงเรื่องนี้ ถ้าใครรู้เข้า ไม่ใช่แค่นายจะซวย แต่มันจะมีปัญหา ถึงชื่อเสียงขององค์กร”

“ผมขอโทษครับ”อัยการสิ้นฟ้าลุกขึ้นยืน แล้วก้มหัวพร้อมกับเอ่ย

“ตอนนี้นาย ไม่มีพ่อนาย คอยคุ้มกะลาหัวนายแล้วนะสิ้นฟ้า จะทำอะไรคิดถึงตัวเองไว้บ้าง!”

“ขอโทษครับ...”

“ถ้านายพูดคำว่าขอโทษอีกคำ นายโดนเด้งออกแน่ สิ้นฟ้า! อย่า...อย่า ทำอย่างนี้อีก”

“ขอบคุณครับ ท่าน...”

ร่างสูง ใบหน้าติดตึงเครียด มองดู ร่างของอัยการที่ก้มหัวให้ตนเองแล้วถอนหายใจ  ถ้าไม่ติดว่า เป็นน้องเป็นนุงคนสนิท แล้วเป็นลูกน้องของเขาอีกทีหนึ่ง เขาคงไล่ออกไปแล้ว
หรือเขาจะให้อิสระ เจ้าเด็กนี่เกินไป...


“เอาละ ออกไปได้แล้ว”


.
.
.



สิ้นฟ้าปิดประตูเบาๆ เมื่อออกมา เจอเพื่อนอัยการสองสามคนที่ยืนรออยู่ เขาก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินหลบไป

“สิ้นฟ้าโดนดุอะไรวะ”เสียงคุยกันแว่วให้ได้ยิน

“ก็นะ ท่านอัยการสูงสุด แอบหายเงียบ มีการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ฉันว่าสิ้นฟ้าโดนดุ ไม่เห็นจะแปลก...พ่อไม่อยู่แล้วนิ่”

“พวกแก นินะ นินทาน้องมัน” คนที่เหลือทำเพียงได้แต่ยักไหล่อย่างไม่แยแส พลันมองไปทางแผ่นหลังของรุ่นน้องอัยการที่ตอนนี้ เดินออกไปไกล

“อะไรมันก็ไม่แน่นอน...”



เฮ้อ...

ร่างโปร่งสูงถอนหายใจเบาเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องแล้วปิดประตูสนิท เต็มสิบยังไม่มา คิดแล้วก็อดสมเพชไม่ได้ การนินทา กันและกัน เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ไม่เว้นแม้แต่อัยการ เขาน่าจะชิน...

นัยน์ตานิลดำสนิทมองไปยังเก้าอี้บุหนังชั้นดี สีดำ ที่เขาใช้นั่งเป็นประจำ ที่มันตั้งอยู่ หลังโต๊ะทำงานไม้เนื้อดี บางครั้งมันก็อดคิดไม่ได้ว่า เขาจะนั่งอยู่ตรงนั้นได้อีกนานแค่ไหน

เขาอายุสามสิบจะว่าไป ก็พึ่งเข้ามาสู่วงการอาชีพอัยการได้เพียงประมาณสี่ถึงห้าปี ด้วยเพราะเขาสอบผ่านในตอนอายุ 25 ซึ่งสอบครั้งแรกก็ผ่านเลย นับว่ายังเด็ก ไม่ใช่สิเด็กมากๆ สำหรับวงการนี้ นึกย้อนไปตอนที่เขาเข้ามายืนตรงจุดนี้ในคราแรก สายตาที่มองมาในตอนที่เขายังเป็นนักศึกษาที่เคยมาเล่นที่นี่บ่อยๆ ของรุ่นพี่พลันเปลี่ยนไป จากสายตาที่เคยเอ็นดู สั่งสอน ให้วิชาความรู้ ให้คำปรึกษา เปลี่ยนไปเป็นสายตาที่มองเขาให้อยู่ในระดับเดียวกัน ทีมเดียวกัน และ ชัดเจนที่สุดคือคู่แข่ง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังคงให้คำปรึกษาแก่เขาในฐานะฝึกหัดอัยการผู้ช่วย ปัจจุบัน สิ้นฟ้าเป็นอัยการชั้นสอง อันที่จริงเขาควรจะเลื่อนชั้นเป็นอัยการชั้น 3 ได้แล้ว ทั้งๆที่ผลการสอบติดท๊อป 3 ของรุ่น แต่ด้วยความที่รุ่นอัยการก่อนหน้าเขา จำนวนอัยการที่สอบผ่านดันมีมากเป็นจำนวนกว่าสองร้อยคน และระบบเลื่อนชั้น ของอัยการจะเรียงตามลำดับอาวุโส เวรกรรมเลยตกมาที่รุ่นเขา ถึงแม้จะสอบได้ลำดับต้นๆ ก็ยังคงเลื่อนขั้นไม่ได้ เขาเลยชอบจิกอยู่บ่อยๆ ว่าอัยการมีเลื่อนขั้นด้วยเหรอ!?

แต่ยิ่งขึ้นไปสูงมาก ความรับผิดชอบก็ต้องมาก ถ้าพลาดเพียงครั้งเดียวนั่นอาจจะดับอนาคตการเป็นอัยการเลยก็ได้

เรื่องนั้นเขารู้ดี...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ขออนุญาต ค่ะท่าน”เสียงเอ่ยเรียกเบา ก่อนประตูจะเปิดเข้ามา

“พี่น้ำนิ่ง มีอะไรครับ?”

“คือ...”หญิงสาว ใบหน้าน่ารัก ทำท่าทางกระอักกะอวม ก่อนจะยื่นแฟ้มเอกสารให้ อัยการร่างสูงรับมาก่อนจะเปิด กวดสายตาอ่าน

“ให้ไปลงงานที่ต่างเขต” ไม่เด้งเขาออก แต่ไล่ไปทำงานที่อื่นชั่วคราวสินะ

“ค่ะ เป็นคำสั่ง ของท่าน ผอ.แต่ถ้าท่านอัยการไม่อยากไป เดี๋ยวพี่ ช่วยคุยกับท่านให้นะคะ”

“ไม่เป็นไรครับพี่...”

“แต่ ที่ๆ จะไปค่อนข้างไกล แล้วก็เป็นเขตอนุรักษ์ มีแต่ป่ากับเขา เกรงว่าท่านอัยการ...”เธอว่า ในใจก็คิดสงสาร อัยการที่อยู่ตรงหน้ามากมาย

“ผมไม่เป็นไรจริงๆครับพี่ ก็แค่เปลี่ยนที่ทำงานชั่วคราวไม่ได้ถูกย้าย หรือโดนเด้งให้ออกจากตำแหน่งเสียหน่อย”

“แต่ครั้งนี้ท่าน ผอ.ทำโทษแรงไปนะคะ”น้ำนิ่งว่าพร้อมกับทำหน้าสงสัย เธอไม่รู้หรอกว่า ท่านอัยการที่อยู่ตรงหน้าไปทำผิดอะไรเอาไว้ แต่จากการเรียกให้ เข้าไปหา แถมถูกให้ไปช่วยงานเขตอื่นชั่วคราวนี่ก็คงหนักหนาสาหัสพอควร ปกติการดึงเอาอัยการไปช่วยงานเขตอื่น มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ที่ไม่ปกติก็คือ การที่ส่งอัยการที่ถือว่าเคยอยู่แบบมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไปยังเขตที่แทบจะติดขอบชายแดนของประเทศ มันก็น่าห่วงและน่าเห็นใจไม่น้อย อีกทั้งคดีที่ให้ไปช่วยทำ มันก็ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆด้วยสิ...


“ถือว่าซะว่า ผมถูกส่งให้ออกไปหาประสบการณ์ก็แล้วกัน ถ้ามัวแต่อยู่บนหอคอยงาช้าง  แล้วเมื่อไหร่ ผมจะเก่งละครับ”สิ้นฟ้าพูดทีเล่นทีจริง ใส่น้ำนิ่ง

“อย่ามาทำหน้านิ่งแล้วพูดตลกนะ พี่ก็แค่เป็นห่วง เห็นเป็นน้องเป็นนุ้งหรอก แต่ถ้ายืนยันว่าไม่มีปัญหา ไปได้ พี่ก็ไม่ขัดหรอก”น้ำนิ่งแอบเห็นอัยการคนเก่งของเธอถอนหายใจ “เอาเป็นว่าสู้ๆ ปิดคดีได้เร็วๆแล้วก็รีบกลับมา เก้าอี้อัยการ หรือ ผู้พิพากษานะ เขาลือว่ามันร้อนนะ  ไม่เจ๋งจริงอ่ะ นั่งไม่ได้นานหรอก ก็ต้องระเห็จออกไป ท่านอัยการสิ้นฟ้าก็นั่งมาได้สี่ถึงห้าปีล่ะ ก็ต้องนั่งให้ได้ต่อไปนานๆ เดี๋ยวก้นก็ด้านเองล่ะ พอถึงเวลานั้น ต่อให้มีใครมากระชากจนแขนหลุด ก็เอาท่านลุกออกจากเก้าอี้ไม่ได้หรอก”

“ผมควรต้องกลัวไหม?”

“ของอย่างนี้ไม่เชื่อ อย่าลบลู่นะ หุ หุ งั้นพี่ไปนะคะท่าน”สาวร่างเล็กว่าพรางก้มหัวแล้วเดินออกไป อัยการส่ายหัวอย่างอ่อนใจยิ้มบางๆ พวกผู้หญิงนี่ มักจะระเอียดอ่อนและลึกซึ้งมากกว่าที่เขาคิด การพูดเล่นของเธอมักมีอะไรแฝงอยู่ น้ำนิ่ง ก็เป็นประเภทนั้นเหมือนกัน


.
.
.


สิ้นฟ้าเดินวนในห้องอ่านรายละเอียดในเอกสารเรื่อยๆ ก่อนจะมองออกไปข้างนอกหน้าต่างบานใส ที่เห็นถึงหน้าทางเดินเข้ามายังสำนักงานอัยการ ที่ตอนนี้ ไม่มีแม้แต่รถยนต์สักคันที่ขับเข้าหรือออกไป แต่สิ่งที่ทำให้นัยน์ตาเรียวสีนิล ต้องสะดุดและเพ่งมอง คือร่างบางที่คุ้นตาในเสื้อสีขาวกางเกงยีนส์ยืนอยู่คนเดียวข้างหน้าทางเข้าสำนักงานอัยการ ใบหน้าถูกปกปิดด้วยหมวกแก๊ปสีดำ และเหมือนกับว่าร่างนั้น มองขึ้นมายังเขา และเห็นว่าเขามองกลับลงไป พลันแสยะยิ้มเย็นส่งมาให้

มือข้างหนึ่งถือดอกไอริสสีน้ำเงินชูขึ้นราวกับจงใจให้เขาเห็น ลักษณะท่าทางเหมือนกับชูแก้วไวน์ชั้นเลิศ เชื้อเชิญให้เขาดื่ม ส่วน อีกข้างชูไฟแช็ค ขึ้นมา แล้วจุดไปยังดอกไม้สีน้ำเงิน

ไฟลุกลามไปยังดอกไม้ ราวกับถูกกระตุ้นด้วยน้ำมัน ก่อนที่จะถูกปล่อยทิ้งลงบนพื้นก่อนที่ร่างบางนั้น จะเดินหนีหายออกไป
สิ้นฟ้าถอยออกมาห่างจากหน้าต่างด้วยใบหน้านิ่งเฉย ไม่แสดง หรือบ่งบอกอารมณ์ใดๆ หรือแม้แต่แสดงออกมาว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 มือเรียวยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา กดเบอร์โทรออกที่คุ้นเคยเป็นประจำ เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นไม่ถึงสองครั้งปลายสายก็รับ



.
.
.


“ดิน...เมื่อเสร็จคดีของวาริธร ก็ส่งเขากับแม่ของเขา ออกนอกประเทศได้เลย”








..........................See ya.............................


เชิบ เชิบ พาย้อนคดี
ปริศนาเอย จงซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ขอเน้นย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แนวสืบสวนสอบสวน ฮ่า~

อย่างแรกต้องกราบขออภัยที่หายไปนาน ติดภารกิจมากมายจริงๆ  ไม่มีอะไรจะแก้ตัว
การเอามาลงครั้งนี้เป็นการหักดิบตัวเองจริงๆ เพราะพรุ่งนี้มีสอบ อุว่ะ 555+ เสมือนชิว

เอาเป็นว่า คนบางคนในเรื่องนี่ร้ายแบบเนิบๆ แต่อาจจะร้ายได้ยิ่งกว่านี้อีก <<< พูดถึงใคร
หาความดีจากใครได้บ้างในเรื่องนี้ (ยิ้มแสยะ)

สุดท้าย จะโกรธจะเกลียดใครเม้นได้เต็มที่ ด่าคนเขียนก็ได้ เราซาดิสต์
ผิดพลาดประการใดต้องขออภัย และสามารถสะกิดได้ครับ
แล้วเจอกันตอนต่อไปจร้า

กระดึบหนี
:katai5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ความถูกต้อง = ความพอใจ
ไม่รู้จะเม้นต์อะไรดี เพราะมันมีให้คิดเยอะเหลือเกิน

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
บอกเลยว่าเรื่องนี้สนุกทุกอย่าง
ชอบมากอ่านรวดเดียวจบ ยกเว้นการวางตัวพระเอกนายเอก. ขอออกความเหนส่วนตัวเลยว่าไม่ชอบ ไม่สิ เกลียดเลยละ ตอนไหนมีสองคนนี้ก้ข้ามๆไป บางทีมันยาว หมั่นไส้ก้เผลอเลื่อนขึ้นไปกดลบเป็ด แต่คนเขียนไม่ต้องห่วงคะ ทำใจได้ละก้ขึ้นไปกดบวกให้ใหม่
สงสารคนเขียน 55+
อ่านมาตอนแรกชอบสิ้นฟ้านะ ใช่เลย ใครบอกดูเคะเราว่าไม่ ชอบเมะมุ้งมิ้งอ่า. แต่ตอนนี้เกลียนมันมาก นิสัย เอ้ย ไม่ใช่สันดานเสียมากอ่า บอกเลยแย่ ทุเรศสิ้นดี
.
สุดท้ายขอบคุนสำหรับนิยายที่สนุกและทำเราอินจัดขนาดนี้นะคะ เจอกันอีกทีตอนจบนะคะ รุ้สึกบทอิเอี้ยสองคนนี้มันจะอยุ่กันด้วยกันบ่อยเหลือเกิน หมดอารมอ่าน
ขอบคุนคนเขียนอีกครั้งค่ะ

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
สิ้นฟ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด