TWELVE
“กลัวเหรอ ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ฉันไม่ปล่อยให้นายตายง่ายๆหรอก เกมนี้มันเพิ่งจะเริ่มต้น” น้ำเสียงยียวนกลั้วหัวเราะดังกระซิบข้างใบหู
ผมเม้มปากตัวเองแน่น ออกแรงเท่าที่มีผลักเจอร์โรมออกห่าง ลุกขึ้นวิ่งหนีได้เพียงแค่สองก้าวก็สะดุดล้ม แต่ผมก็รีบยันฝ่ามือลงกับพื้นที่สกปรกและเฉอะแฉะดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงหัวเราะของปีศาจชั่วร้ายดังไล่หลัง ผมวิ่งหนีไม่คิดชีวิต มันเกินไปแล้ว ทุกอย่างที้กิดขึ้นมันเกินกว่าที่ผมจะรับได้ ผมอ่อนแอ ผมยอมรับ
“ฮึก อาซา”
ผมวิ่งไปปาดน้ำตาไป ลัดเลี้ยวเข้าซอยมืดเมื่อเริ่มได้ยินเสียงคนวิ่งตามมาข้างหลัง ท้องฟ้าร้องคำรามตามด้วยประกายไฟที่สว่างวาบทั่วฝืนฟ้า สิ่งที่แวบเข้ามาในหัวแวบแรกคือผมอยากกลับบ้าน แต่แปลกที่อีกสิ่งแวบเข้ามาในหัวซ้อนทับกับภาพบ้านของผม ก็คือบ้านของอาซา เหมือนลึกๆแล้วผมรู้ว่าที่นั่นปลอดภัยสำหรับผม
ผมวิ่งสะเปะสะปะไม่รู้ทิศรู้ทาง เงยหน้าขึ้นอีกทีหัวใจก็หลุดออกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ขาหยุดวิ่งหัวแทบคะมำพื้น ผมออกแรงวิ่งมาตั้งไกล แต่เบื้องหน้าผมคือผู้ชายตัวสูงใหญ่คนเดียวกับคนที่ผมกำลังวิ่งหนี ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เขาโผล่มาได้ไวขนาดนี้ เพราะเขาไม่ใช่คนยังไงล่ะ
“จะ เจอร์โรม” ผมครางเสียงสั่น ขยับเท้าก้าวถอยหลัง
เสียงย่ำลงเท้าอย่างเป็นจังหวะของเจอร์โรมดังสะท้อนก้องตรอกซอยแคบๆ ก่อนจะตามด้วยเสียงขู่คำรามจากทางด้านหลัง ผมหันขวับไปมองหวาดๆ ฝูงหมาป่าจำนวนหนึ่งยืนแยกเขี้ยวหน้าเหี้ยมอยู่ข้างหลัง จะเดินหน้าก็ไม่ได้ จะถอยหลังก็ไม่รอด จนเจอร์โรมเดินเข้ามาใกล้จนเกือบประชิดตัว
“ชอบเล่นวิ่งไล่จับก็ไม่บอก แต่เสียใจนะ คืนนี้เราออกกำลังกายกันแค่นี้ดีกว่า”
ผมเบิกตาค้าง ก่อนร่างของผมจะถูกผลักติดกำแพงของบ้านหลังหนึ่ง เขาขยับเข้ามาใกล้ผม ออกแรงเค้นมือบีบคอของผม อาจจะไม่แน่นจนหายใจไม่ออก แต่ก็พอให้ทรมาน เจอร์โรมหัวเราะในลำคอเบาๆอย่างพอใจที่สามารถทำให้ผมกลัวจนตัวสั่นได้
“ปะ ปล่อยฉันเถอะได้โปรด” ผมอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ปล่อยเหรอ ของเล่นที่น่าสนใจอย่างนาย ปล่อยไปก็คงเสียดายแย่” ริมฝีปากที่แสนจะหยาบโลนกระเซ้าแหย่ที่ใบหู มือทั้งสองข้างยกขึ้นดันแผ่นอกแข็งของคนตรงหน้าออก แต่เหมือนเอามือไปยันกำแพงหิน ผมโกรธตัวเองที่แค่นี้ก็ไม่มีปัญญาเอาตัวรอด
เสียงเครื่องยนต์ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แสงไฟจ้าส่องเข้ามาจากปากทาง ฝูงหมาป่ากระโจนขึ้นไปยืนบนกำแพงเปิดทางให้รถยนต์ขับเข้ามาใกล้ เจอร์โรมปล่อยมือที่กำคอผมออก ผมทรุดตัวลงกับพื้นไอจนตัวโยน น้ำตารื้อคลอเต็มเบ้าตา
“โยชิ! แกทำอะไรของแกวะเจอร์โรม” ผมเงยหน้ามองดาวเสาร์ที่วิ่งเข้ามาดูผม
“ไม่ต้องยุ่ง พาเด็กนี่ไปที่รถ และถ้าแกขัดคำสั่งฉัน ต่อให้เป็นแกฉันก็ไม่เว้น” เจอร์โรมชี้หน้าดาวเสาร์ แล้วก็เดินไปขึ้นรถ ดาวเสาร์ส่ายหัวหงุดหงิดมองผมหน้าเครียด ก่อนจะพยุงผมตามไป
“แกจะกลับหอพักหรือไปที่ไหน” ดาวเสาร์ถอยรถออกจากตรอกแคบ ผมที่นั่งข้างคนขับนั่งตัวเกร็ง มือบีบเข้าหากันวางไว้บนตัก อาซาจะรู้ไหมว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ในอันตราย แล้วเขาจะรู้ไหมว่าผมอยากเจอเขามากที่สุด
“จะกลับไปในแอชยูให้โง่หรือไง เดี๋ยวไอ้อาซาก็ตามเจอหรอก ไปบ้านพักนอกเมืองโน่น”
“เออ”
ผมนั่งเงียบไปตลอดทาง ดาวเสาร์คอยหันมองผมเรื่อยๆ เสียงเพลงแจ็สที่เจอร์โรมสั่งให้ดาวเสาร์เปิดดังคลอเบาๆไม่เข้ากับบรรยากาศ อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ผมที่อยากฟัง สองข้างทางเปลี่ยนจากตึกรามบ้านช่องเป็นทางเปลี่ยวๆ มองแทบไม่เห็นอะไรเพราะก้อนเมฆบดบังแสงจันทร์ แถมไฟสองทางก็ไม่มี
ถ้าผมเปิดประตูและกระโจนออกไปผมจะรอดไหม แค่คิดผมก็กลัวจนไม่กล้า เพราะถ้าทำอย่างนั้น นอกจากจะไม่รอดจากเงื้อมมือเจอร์โรมมนุษย์หมาป่าที่แสนร้ายกาจแล้ว ผมคงได้ตายก่อนจะหนี
“ไม่ต้องกลัวหรอกนะโยชิ ฉันไม่ได้จะทำอะไรนาย นั่งเกร็งขนาดนั้นเดี๋ยวก็เป็นตะคริวหรอก”
ไม่กลัวก็บ้าแล้ว โดนมนุษย์หมาป่าจับตัวมาใครบ้างจะไม่กลัว ผมคงหันไปยิ้มหน้าบานใส่เขาแล้วพูดอย่างยิ้มแย้มว่า ‘ยินดีให้บริการ อยากจับตัวเมื่อไหร่ก็ได้ทุกเมื่อ’ หรอกนะ
“นายต้องการอะไรจากฉันเจอร์โรม”
“อืม...อะไรดีล่ะ”
ผมกัดปากตัวเองแน่นกับความยียวนกวนประสาทของเจอร์โรม ดาวเสาร์เพียงแค่ขับรถเงียบๆทำเหมือนไม่มีตัวตน
“เพราะไอ้อาซาล่ะมั้ง ฉันถึงต้องการนาย” เขายื่นหน้ามาจากด้านหลัง ผมเอนตัวหนีทันที ผมกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าผมขยะแขยงสัมผัสจากเจอร์โรม อิมเมจดีงามของมนุษย์หมาป่าในหนังที่ผมเคยดูหายวับไปกับตา ตอนนี้ผมเกลียดสัตว์ชนิดนี้มากที่สุด!
“นายรู้อะไรไหมโยชิ บาดแผลที่มันทำไว้กับฉันมันเจ็บแสบมาก มากจนฉันอยากจะฆ่ามันให้ตายด้วยน้ำมือของฉันเอง”
คำพูดและน้ำเสียงที่เอ่ยเบาๆเหมือนคนโรคจิตในหนังฆาตกรรม ผมแทบจะนึกภาพเจอร์โรมแสยะยิ้มด้วยความสะใจ ใบหน้าบูดเบี้ยวเปลี่ยนสีหน้าทุกๆสองวินาทีออก เขาน่ากลัวเกินไปแล้ว
“แล้วมันเกี่ยวกับฉันตรงไหน!”
ถึงผมจะไม่อยากให้เจอร์โรมทำอะไรอาซา แต่ที่เขาพูดมามันไม่เกี่ยวกับผมเลยสักนิด
“เกี่ยวสิ เพราะนายเป็นคนสำคัญสำหรับมันไง สักวันฉันจะต้องฆ่ามันแน่ แต่ก่อนที่มันจะตาย มันจะต้องทรมานเหมือนตายทั้งเป็น และนายก็เป็นคนสำคัญสำหรับมัน ลองคิดดูสิ ว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหนถ้าหากคนรักของมันต้อง...”
“พอแล้วเจอร์โรม! เรื่องนี้โยชิไม่เกี่ยว นายช่วยอย่าเอามารวมกันได้ไหม อย่างน้อยก็เห็นแก่ฉัน เขาเป็นเพื่อนฉัน!”
ดาวเสาร์ที่นั่งเงียบมานานตะโกนเสียงดัง มือที่จับพวงมาลัยกำแน่น เสียงของเขาฟังดูโกรธจัด ผมไม่คิดว่าดาวเสาร์มีใจอยากช่วยผม เพราะถึงเราจะเป็นรูมเมตกัน แต่ผมเจอหน้าเขาแทบนับครั้งได้ ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องทำให้ตัวเองเดือดร้อนเพราะผม
“นายคิดผิดแล้วเจอร์โรม ฉันไม่มีความสำคัญอะไรกับอาซาทั้งนั้น เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมพูด
“ฉันดูโง่มากนักเหรอโยชิ” เจอร์โรมพูดสวนกลับ
“แต่ฉันพูดความจริง ถ้าฉันสำคัญจริง เขาจะบอกว่าไม่อยากคบฉันเหรอ เขาปล่อยให้ฉันออกมาข้างนอกจนเจอนายกับหรือไง แล้วที่ฉันหายหน้าไปก็เพราะว่าฉันบาดเจ็บต่างหาก ไม่ใช่เพราะเขาซ่อนฉันไว!”
“น่าเชื่อมาก ฉันปรบมือให้เลย” เขาปรบมือจริงๆ
“แต่ขอโทษ ฉันเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง”
บ้าเอ้ย! โง่บ้างไม่เป็นหรือไงวะ!
กริ๊งงงงง กริ๊งงงงง
เสียงโทรศัพท์ดังขัดบทสนทนา ไม่ใช่ของผมและไม่ใช่ของดาวเสาร์ เพราะงั้นก็คงเป็นของเจอร์โรม เขารับสายก่อนจะกรนด่าลั่นรถ ผมสะดุ้งตกใจ นับวันยิ่งขวัญอ่อนเข้าไปทุกที เจอร์โรมวางสายแล้วสั่งให้ดาวเสาร์เร่งเครื่อง ผมเหลือบมองหน้าเข็มตรงหน้าปัด จากหนึ่งร้อยค่อยๆเคลื่อนไปอยู่ที่ร้อยยี่สิบ และมันกำลังจะไปถึงร้อยสี่สิบเมื่อเจอร์โรมเร่งว่าให้ขับเร็วยิ่งขึ้น
“พะ พอแล้ว เดี๋ยวก็ตายกันหมดหรอก!” ผมร้องประท้วง แต่ไม่มีใครฟังผม เจอร์โรมทำเพียงแค่หัวเราะแบบคนโรคจิต หรือที่แท้ก็คือเขาเป็นคนโรคจิตที่กำลังหัวเราะเยาะผมอยู่
“ไม่ตายหรอก แต่ถ้าช้ากว่านี้ตายแน่ๆ” เจอร์โรมพูดเสียงเย็นเฉียบ แต่อุณหภูมิในรถกำลังสูงขึ้น ร้อนขึ้นเหมือนไม่ได้เปิดแอร์ ผมเสมองสองข้างทาง รถวิ่งผ่านอย่างเร็วจนมองอะไรไม่เห็น สายตาไม่สามารถจับภาพข้างนอกได้
“ที่นายบอกว่านายไม่สำคัญสำหรับไอ้อาซา ฉันคิดได้สองอย่าง ถ้านายไม่โกหกฉัน นายก็เข้าใจผิดไปเองโยชิ”
“หมายความว่าไง” ผมหันไปทางด้านหลัง ใบหน้าร้ายกาจของเจอร์โรมเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด เขาถลึงตามองจ้องผม แล้วพูดเสียงลอดไรฟันช้าๆชัดๆว่า...
“มันกำลังมา!”
“ห๊ะ?”
“มันรู้แล้วว่านั่นเป็นแผนของฉัน และมันกำลังมา ไหน...บอกฉันหน่อยสิว่าคนไม่สำคัญอย่างนาย มันจะมาช่วยทำไม!”
“ฉะ ฉันไม่รู้”
“เหอะ! แต่เอาเถอะ ถึงมันมา มันก็สู้ฉันไม่ได้ เพราะที่นี่ถิ่นของฉัน ฮ่าๆๆ”
ผมยกมือขึ้นกอดตัวเอง รู้สึกดีที่ได้ยินว่าอาซาตามมาช่วยผม แต่อีกใจหนึ่งผมไม่อยากให้เขามาเลย ผมเป็นห่วง ไม่อยากให้เขาเป็นอันตราย ถ้าแถวนี้เป็นถิ่นของเจอร์โรม อาซาต้องแย่แน่ๆ เขาเป็นงูจะรับมือกับหมาป่าทั้งฝูงได้ยังไง
รถหักเลี้ยวซ้าย ทางตรงหน้ามืดมิดไม่เห็นสิ่งใด ความเร็วรถลดลงแต่ก็ไม่มาก ผมนั่งเกร็งตลอดทาง สายตาก็คอยสอดส่องหาว่าอาซาจะมาที่นี่หรือไม่
‘โยชิ รอฉัน อย่ากลัวคนดี ฉันกำลังจะไปช่วยนาย’ เสียงนั่น?!
ผมหันไปเกาะกระจกรถมองออกไปข้างนอก เสียงอาซา ผมได้ยินเสียงเขา ไม่ใช่หูฝาดไปแน่ๆ ผมแน่ใจว่าผมได้ยิน
“กลิ่นงู เวรเอ้ย! จอดรถ!” เอี๊ยดดด!!!!
ปึก!!!
“โอ๊ย!” หัวผมโขกเข้ากับกระจกหน้ารถเพราะดาวเสาร์เบรกรถกะทันหัน และมันแรงพอที่หัวผมจะแตกแล้วเลือดก็ไหลออกมาจากหัว ผมกำลังช็อคกับบาดแผลของตัวเอง แต่ดาวเสาร์ได้สติกว่าคว้าคอผมเข้าไปดู ก่อนที่หน้าของเขาจะช็อคตกใจยิ่งกว่าผม ยิ่งทำให้ผมเครียดหนักว่าบาดแผลของผมคงหนักกว่าที่คิด
“โยชิ นายเป็น...”
“หึหึ! พ่องูมาตามลูกงูสินะ”
ตึ้ง!
มีบางสิ่งบางอย่างกระแทกเข้ากับตัวรถอย่างแรง ทำเอาตัวรถไถลเข้าข้างทางที่เป็นป่า เจอร์โรมพุ่งออกไปนอกรถโดยสั่งทิ้งท้ายให้ดาวเสาร์ดูผมไว้ ผมประคองตัวเองให้เข้าที่ มือกดบาดแผลที่หัวห้ามไม่ให้เลือดไหลหนักยิ่งกว่าเดิม สายตามองออกไปนอกรถ แล้วผมก็ต้องเบิกตากว้างอ้าปากค้าง
งูตัวใหญ่สีดำสนิทจนแทบกลืนไปกับความมืดชูคอสูงเท่าตึกสองชั้น ใหญ่ยิ่งกว่าตอนที่จูเลียตกลายเป็นงูเสียอีก นอกจากงูสีดำผมยังเห็นงูตัวสีขาวที่มีขนาดเล็กกว่าตัวสีดำอยู่พอประมาณ ถ้าให้ผมเดา ต้องเป็นอาซากับฟรินน์แน่ๆ ข้างหน้าพวกเขาคือหมาป่าร่างยักษ์จำนวนสองตัว กับหมาป่าตัวเท่าที่ผมเห็นในตรอกนั่นอีกนับไม่ถ้วน แสงไฟจากหน้ารถสาดส่องไปที่พวกเขา
“นายต้องทำแผลโยชิ!”
เปรี้ยง!! ฟ้าผ่าลงมาตรงกลางที่พวกอาซาและเจอร์โรมประจันหน้ากันอยู่ ผมไม่สนใจเสียงของดาวเสาร์ ไม่สนว่าเขาจะยุ่งกับหัวผมยังไง เพราะผมกำลังจ้องการต่อสู้ตรงหน้าไม่วางตา ใจผมเต้นแรงมากจนแทบจะกระเด็นออกมานอกอก ดวงตาสีอำพันเหลือบทองของอสรพิษร่างยักษ์มองสบตากับผมเหมือนเขาจะรู้ว่าผมอยู่ตรงไหน ก่อนที่เขาจะถูกเจอร์โรมในร่างหมาป่ากระโจนเข้าใส่แล้วงับที่ส่วนคอ ผมสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเหมือนโดนกัดเข้าเสียเอง แต่แวบเดียวอาซาก็สลัดเจอร์โรมออกจนร่างหมาป่าสีน้ำตาลทองลอยไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง หมาป่าหลายตัวพุ่งทะยานเข้าเล่นงานอาซากับฟรินน์ด้วยความบ้าคลั่ง ผมเฝ้าดูอย่างหวั่นใจ ได้แต่ภาวนาให้อาซาและฟรินน์ชนะไอ้หมาบ้าพวกนั้น ต่อให้เจอร์โรมตายผมก็ไม่เสียใจให้หรอก เขาไม่มีความสำคัญที่ผมต้องห่วง เพราะผมเกลียดเขา!
“โยชิ นายรออยู่นี่ ฉันจะไปช่วยเจอร์โรม!” ดาวเสาร์จับหน้าผมที่กำลังจ้องอาซาให้หันไปมองเขา ผมส่ายหน้าทันที
“ไม่ได้ นายออกไปนายตายแน่!” ถึงผมจะเกลียดเจอร์โรม แต่ดาวเสาร์เป็นข้อยกเว้น อย่างน้อยเข้าก็เป็นรูมเมตของผม
“แต่เจอร์โรมเป็นเพื่อนฉัน ฉันต้องไปช่วยมัน”
“แล้วฉันล่ะ” ถึงอาซาจะมาช่วยผมแต่ผมคิดว่าต้องการเพื่อน
“นายเป็นงู นายจะกลัวอะไร แต่ไม่ต้องห่วง พวกเราจะไม่ทำร้ายนาย เพราะเจอร์โรมต้องการจัดการแค่อาซา” ประโยคหลังๆผมแทบไม่สนใจ แต่ไอ้ประโยคที่ดาวเสาร์บอกว่าผมเป็นงูหมายความว่ายังไง
“เดี๋ยว!” ผมรั้งแขนดาวเสาร์เอาไว้ก่อนที่เขาจะพุ่งจากรถ เสียงการต่อสู้ดังมากขึ้นทุกที พื้นสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหว ผมได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังระงม ไม่รู้ใครเป็นฝ่ายเจ็บ แต่เรื่องที่ดาวเสาร์พูดดึงความสนใจจากผมไปเสียหมด
“นายบอกว่าฉันเป็นงู หมายความว่ายังไง!” ผมเผลอเสียงดังด้วยความลืมตัว และดาวเสาร์ยังไม่ทันได้ตอบคำถามผม ผมก็ตะคอกใส่หน้าเขาอีกรอบ
“ฉันเป็นคน เป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่งู!”
“ใจเย็นๆโยชิ ฉันต้องรีบออกไปช่วยไอ้เจอร์โรมที่กำลังจะถูกไอ้อาซาฆ่าตาย! และเรื่องที่นายจะเป็นงูหรือไม่ เลือดของนายมันก็ฟ้องอยู่ทนโท่ นายมีเลือดงูอยู่ในร่างกาย เข้าใจไหม!”
ปึง!
ดาวเสาร์ลงไปแล้ว เขากระโดดทีเดียวก็กลายร่างเป็นหมาป่าสีแดงเพลิงตัวใหญ่เท่าๆกับเจอร์โรม ผมรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้หายใจอยู่ หมายความว่ายังไงที่บอกว่าผมเป็นงู
ภาพที่อาซาตวัดลำตัวยาวใหญ่ฟาดเข้าที่หมาป่าหลายตัวอย่างแรงทำเอาพวกมันกระเด็นไปคนละทิศละทาง แต่บนตัวของเขาก็มีหมาป่าอีกหลายตัวกัดแน่นไม่ปล่อย ร่างใหญ่ยาวเลื้อยฟาดพวกมันหลายทีติดเหมือนเกิดพายุขึ้นบนพื้น พวกหมาป่ามีมาเพิ่มเรื่อยๆ ผมรู้สึกได้ว่าอาซากำลังโกรธจัด ตาของเขาฉายแสงเรืองรองก่อนที่เขาจะพ่นไฟออกมา ผมเผลอกระถดหนีเพราะตกใจคิดว่าไฟนั่นมันจะมาถึงรถ เสียงร้องของหมาป่าที่ถูกไฟเผาไหม้กรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน
‘แกกล้าดียังไงเข้ามาในเขตเราไอ้พวกอสรพิษโสมม!’
‘นายเป็นอะไรโยชิ!?’
‘หมายความว่ายังไง’
‘นายโง่หรือไง นายไม่ใช่มนุษย์!’
‘อาซา เราต้องใช้เลือดพวกนาย...เด็กนี่ไม่ใช่คนปกติ นายรู้ใช่ไหม’ ภาพเก่าๆแวบเข้ามาในหัวทับซ้อนกับภาพต่อสู้ระหว่างสัตว์สองชนิดตรงหน้า ผมหายใจแรงด้วยความหวาดกลัวต่อสิ่งรอบข้างและผมกำลัง...กลัวตัวเอง
ผมเป็นเหมือนพวกเขาเหรอ
“ไม่จริง...แกเป็นคนโยชิ แกเป็นคนปกติ!” ผมตะโกนลั่นรถ ยกมือขยุ้มหัวตัวเอง กัดฟันข่มเสียงสะอื้นเอาไว้ในลำคอ พยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้เตลิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพวกข้างนอกอีกครั้ง
งูตัวสีเขียวยักษ์ปรากฏกายออกมาอีกตัว ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เขามาช่วยฟรินน์ที่กำลังถูกหมาป่านับสิบตัวรุมกัด แล้วหมาป่าพวกนั้นก็กลายเป็นหินก่อนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
ทำไมกลายเป็นหิน?
บาซิลิสก์ เป็นงูใหญ่ที่น่ากลัวและน่าสยดสยองในตำนานกรีกและยุโรป ซึ่งแค่มองผ่านเหยื่อก็ทำให้เหยื่อตายได้ ในทำนองเดียวกับ เมดูซ่า... หรือว่า...ข่าวคนตายพวกนั้น!?
ปึก!
“โอ๊ย!!!”
แขนผมถูกกระชากลงจากรถอย่างแรง ตัวผมไถครูดไปกับพื้นดิน ผมรู้สึกได้เลยว่าก้อนหินจำนวนมากครูดและฝังลงไปในเนื้อผม ผมกัดฟันพยุงตัวขึ้นจากพื้น มองหน้าคนที่ลากผมลงมาจากรถ เขาเป็นเพื่อนของเจอร์โรม หนึ่งในสองคนที่ผมเจอในผับ Magic แต่ผมจำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไร เขาเหวี่ยงผมลงกับพื้น กระแทกอย่างแรงทั้งเจ็บและจุก ก่อนจะถูกน้ำหนักบางอย่างเหยียบเข้าที่กลางหลังอย่างแรงจนขยับตัวไม่ได้
“ไอ้อาซา! ถ้าแกไม่ปล่อยไอ้เจอร์โรม คนรักของแกตายแน่!”
ผมขยับตัวไม่ได้เพราะถูกกดทับเอาไว้แนบกับพื้น ฉับพลันทุกอย่างสงบนิ่ง พื้นไม่สั่นสะเทือน มีเพียงเสียงร้องโอดโอยของสัตว์ที่ใกล้จะตาย ผมผงกหัวขึ้นมอง อาซาในร่างงูสีดำมองมาทางผม หางของเขาเลื้อยรัดตัวหมาป่าสีน้ำตาลแน่นจนมันร้องคำรามเสียงต่ำด้วยความเจ็บปวด แววตาสีอำพันจ้องเหยื่อของตัวเองสลับกับผม
“ปล่อยเขา!” เสียงอาซาดังกังวานด้วยความโมโห
“ฉันปล่อยแน่ แต่แกต้องปล่อยเพื่อนฉันก่อน!” แรงเหยียบที่กดลงมาบนตัวหนักมากขึ้น ผมคิดว่ากระดูกผมกำลังจะร้าว ผมหายใจไม่ออกและอาซาก็คงรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังรู้สึกอย่างไร เขาส่งเสียงขู่ด้วยเสียงของงู มันดังจนทำให้หมาป่าร้องครางเพราะแสบแก้วหู แต่ผมกลับไม่เป็นอะไร ยิ่งตอกย้ำสิ่งที่ดาวเสาร์พูดให้ผมตัวชาวาบทั้งตัว
“ปล่อยคนของฉันซะ แล้วฉันจะปล่อยไอ้เจอร์โรม แต่ถ้าแกไม่ทำ ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด ให้ราบเป็นหน้ากลอง!!!”
“ได้!!!”
ตัวผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่พลิกตัวนอนหงายในเวลาเดียวกับที่พื้นสั่นสะเทือนอีกรอบเพราะบางสิ่งบางอย่างกระแทกพื้นโครมใหญ่ ผมไอจนกระอักเลือดออกมา ผ้าที่ปิดแผลที่หัวคลายตัวหลุด ปวดจนหัวแทบแตก ร่างกายก็เจ็บระบมร้าวไปทั้งตัว
“โยชิ! เป็นอะไรไหม” เสียงอาซาดังเหนือหัว ผมกัดฟันลืมตา เขาไม่ได้อยู่ในร่างงู แต่อยู่ในร่างของคนปกติ ผมมองจ้องอาซาด้วยดวงตาที่สั่นระริก ใบหน้าของเขามีบาดแผลประปราย แต่ตามลำตัวก็มีรอยคมเขี้ยวเต็มไปหมด สุดท้ายผมก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ โผเข้ากอดอาซาร้องไห้เสียงดัง อาซากอดผมแน่น ลูบหัวผมเบาๆเหมือนจะกลัวผมเจ็บ
“อาซา ฮือ ฉันกลัว กลัวเหลือเกิน”
“ชู่ว์ ไม่เป็นไรแล้วคนดี ฉันอยู่นี่แล้วนะ
ต่อข้างล่าง