ตอนที่ 4
Three Word One Meaning
สามตัวหนึ่งความหมาย
อืม...จากการที่อ่านนิยายและรับฟังประสบการณ์จริงทั้งจากเพื่อน คนใกล้ตัวและอื่นๆ ทำให้ผมพอจะสรุปเกี่ยวกับเคสนี้ได้แล้วล่ะ นับว่าผลเป็นที่น่าพอใจเลยทีเดียว
การที่เรามีอะไรกับแฟนจะทำให้ความรักของเราหวานขึ้น ซาบซ่านขึ้น เข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น
ผมเพิ่งจะมาเห็นด้วยก็วันนี้นี่แหละ!
หลังจากวันนั้น...ที่เรามีอะไรกันท้าทายแสงจันทร์ พี่กล้าก็เริ่มเอาอกเอาใจผมขึ้น พูดมากขึ้นเท่าที่คนๆ หนึ่งจะพูดได้ แถมยังยิ้มบ่อยจนทำให้ผมหัวใจละลายไปด้วย
เราไม่ได้เปิดเผยให้ใครต่อใครรับรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน แต่พี่กล้าก็เลือกที่จะบอกพ่อบุญธรรมที่เป็นหัวหน้าคนงานอย่างตรงไปตรงมาถึงความสัมพันธ์ของเราสองคน
ตอนแรกผมก็กลัวนะครับ ยิ่งอยู่ต่างจังหวัดนอกเขตเมืองหลวงแบบนี้ การมองเรื่องเพศที่สามจะน้อยกว่าคนเมืองหลวง เผลอๆ อาจจะรับไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่กับพ่อพี่กล้าคนนี้ ท่านยิ้มแล้วบอกว่าให้ทำทุกอย่างที่ทำให้ตัวเองมีความสุข ไม่เบียดเบียนและทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ ยังจำได้อยู่เลยครับวันนั้นผมน้ำตาซึมเลยทีเดียว ไม่คิดว่าความรักของเราสองคนจะได้รับการเห็นด้วยจากคนภายนอก ขอบคุณสวรรค์จริงๆ ครับ
อ้อ ลืมบอกนิดหน่อยครับ ไม่ใช่ว่ามีคนทั้งหมดที่รู้ถึงความสัมพันธ์ของเราสองคนนะครับ คือ ถ้ามีคนถามก็บอก แต่ถ้าไม่มีใครถามเราก็ไม่มีเหตุผลต้องไปป่าวประกาศให้โลกรู้เสียหน่อยจริงไหมครับ?
แล้วก็ต้องขอบคุณพี่ใบไผ่ด้วย เพราะแผนการนั้นของพี่ใบไผ่แท้ๆ ที่ทำให้ผมมีความสุข และได้พบเจอกับแรกแท้ในเร็วๆ นี้...จะว่าไปผมก็ไม่เคยถามแฮะว่าพี่ใบไผ่หลงใหลในผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ในหนังโป๊ที่พี่ใบไผ่แบ่งให้ผมดูก็มีทั้งชายชาย ชายหญิง ปะปนกันไป อืม...บางทีอาจจะเป็นไบก็ได้
"หิวข้าวหรือยัง?" พี่กล้าเดินมาหาผมที่นั่งรออยู่บนเสื่อหลังต้นส้มลึกเข้าไปหน่อย
เราสองคนจะเป็นแบบนี้แหละครับ วันเสาร์อาทิตย์ผมจะไปปูเสื่อนอนทำการบ้าน อ่านหนังสือในไร่ส้ม พอพี่กล้าทำงานช่วงเช้าเสร็จเราก็จะมากินกลางวันด้วยกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นเมนูง่ายๆ ที่ผมตั้งใจทำมาพวกข้าวผัด ไข่ดาว ไส้กรอก บางวันก็มีข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำบ้าง
ผมเท้าแขนลุกขึ้นนั่งจากการทำการบ้าน "พอสมควรแล้วครับ ทำการบ้านแล้วใช้สมองเลยล้ากว่าเดิมนิดหน่อย"
"งั้นมากินกันเถอะ วันนี้มีอะไรมากินบ้าง" พี่กล้าถามเสียงสดใส
ผมอมยิ้มแล้วหันหน้าไปทางอื่นไม่ให้คนข้างตัวเห็น ตั้งแต่เราคบกันมาพี่กล้าพูดเยอะขึ้นมากเลย ผมถือว่ามันเป็นข้อดีนะ อย่างน้อยจะได้รู้บ้างว่าพี่เขารู้สึกยังไงจะได้แสดงออกมามากกว่าเก็บไปคิดเองเป็นตุเป็นตะ
"วันนี้มีข้าวขาหมูครับ ไม่ได้ทำเองนะครับ ไปซื้อหน้าปากซอยมา"
ผมจัดเอากล่องข้าวสีขาวออกมายื่นให้พี่กล้าและหยิบของตัวเองออกมาด้วย เราสองคนทานข้าวกันไป พูดคุยกันไป มองเห็นอะไรก็เอามาทำเป็นประเด็นในการสนทนาได้หมด มีความสุขจัง...
"เออนี่ พี่ได้ยินมาว่าต้นเดือนหน้าจะมีทีมแพทย์อาสาสมัครมาตรวจชาวบ้านตำบลเรา ตั้งเป็นแคมป์เลยหนึ่งเดือนแบบไม่เสียค่ารักษาใดๆ ทั้งสิ้น"
นี่เป็นอีกอย่างที่ผมรักในตัวพี่กล้า...พี่เขาเริ่มเป็นฝ่ายชวนผมคุยแล้วล่ะ
"เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย คนงานในแคมป์จะได้ไม่ต้องเสียเวลานั่งรถเข้าไปในตัวเมือง ลำบาก ไกลอีกด้วย"
"เหมือนได้ยินพ่อบอกว่าจะมาทำเพิง ทำแคมป์เล็กๆ ให้เป็นที่พักด้วย คุณใบไผ่บอกว่าจะเป็นสปอนเซอร์เรื่องที่พักกับอาหารการกินให้เอง"
"แบบนั้นยิ่งดีใหญ่เลย พี่กล้าก็ต้องไปตรวจด้วยนะ"
ผู้ชายตัวโตข้างๆ ผมหรี่ตาเล็กน้อยก่อนอมยิ้มออกมา...แหม ผมมองก็รู้หรอกพี่กล้ายิ้มแบบนี้ทีไรคิดเรื่องลามกทุกที
น่าแปลกนะครับ ก่อนที่เราจะคบกันผมเป็นฝ่ายตามตื้อและพยายามจะปลุกปล้ำพี่กล้าเสียทุกครั้ง แต่หลังจากวันนั้นที่ผมเสียเอกราชให้พี่เขา ผมก็เริ่มรู้สึกอายขึ้น มันให้ความรู้สึกแบบของแบบนี้ต้องให้ฝ่ายรุกทำมากกว่ามั้ง ผมจะเสนอให้ทุกครั้งก็คงน่าเกลียดเกินไป
"พี่มียารักษาโรคอยู่ข้างๆ นี้แล้ว แค่น้องต้นให้พี่ฉีดยาพี่ก็หายไข้แล้วล่ะ อิอิ"
"พี่กล้าเจ้าเล่ห์นักนะ ลามกด้วย แหมๆ"
"อ้าว นึกว่าชอบให้ทำซะอีก เห็นเมื่อก่อนเรียกร้องอยู่บ่อยๆ"
"พอเลย ไม่ต้องพูดแล้ว รู้ไหมว่าผมอาย รีบกินรีบกลับไปทำงานเลย ชิ่วๆ"
"ไล่ผัวตัวเองเหรอ เดี๋ยวเถอะๆ เดี๋ยวจะจับฉีดยา!"
"เฮอะๆ เข็มเล็กๆ แบบนี้อ่ะ ฉีดไปก็ไม่เจ็บหรอก!"
และแล้วก็จบด้วยการที่เราหัวเราะออกมาด้วยกันทั้งคู่ ชีวิตที่เรียบง่ายในจังหวัดที่ห่างไกล อยู่ในไร่ส้ม มีผู้คนที่รักและเข้าใจเราแค่นี้ก็เพียงพอที่จะมีแรงใจตื่นขึ้นมาสู้ชีวิตแล้วล่ะครับ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าผมยังมาแอบดูพี่กล้าอาบน้ำและขโมยกางเกงในพี่กล้าไปช่วยตัวเองอีกไหม?
อา...ตอนนี้ผมเลิกนิสัยนั้นแล้วครับ อยากได้ก็ขอพี่กล้าตรงๆ เลยนั่นแหละ แต่มักไม่ค่อยได้หรอก เพราะพี่กล้าจับผมกดในบ้านพักคนงานเสียอย่างนั้น ดีนะที่ตอนนั้นเป็นตอนกลางวัน ทุกคนอยู่ข้างล่างกันหมด ไม่อย่างนั้นผมคงทำที่นอนคนอื่นมีราคีแหงๆ เพราะผมก็เพิ่งรู้ว่าเขาปูผ้านอนกันง่ายๆ เสียอย่างนั้น
"หยุด หยุด เอากล้องลงเลย ถ้าอยากดูเดี๋ยวเปิดให้ดูก็ได้"
พี่กล้าเดินมาเลื่อนกล้องจากฝ่ามือผมลงหลังจากอาบน้ำเสร็จ แหม...ก็อยากได้บรรยากาศแบบแอบดูหน่อยนี่นา
"แหมะๆ อยากย้อนอดีตหน่อยเดียวเอง ครั้งแรกที่เราเจอกันไง"
"อย่าทำหน้าตาแบบนั้นได้ไหม"
"เห..." ผมทำหน้างง "หน้าแบบนั้น หน้าแบบไหนอ่ะ"
พี่กล้าเดินเข้ามาใช้สองมือประคองใบหน้าผมขึ้นมาแล้วสบตานิ่ง
หยดน้ำที่เกาะตามตัวพี่กล้าในเวลานี้ทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ มัดกล้ามแน่นสวยๆ ที่ได้มาจากการทำงานไม่ใช่จากการเล่นกล้ามทำให้ผมอยากเลื่อนมือขึ้นไปลูบๆ ดู ผ้าเช็ดตัวที่พันอย่างหมิ่นเหม่นั้นดันนูนออกมาเล็กน้อยทำให้ผมหน้าร้อนวาบด้วยความเขิน พอเงยหน้ามองตาพี่กล้าถึงเห็นประกายอารมณ์อันแสนร้อนแรงอยู่ในนั้น
"ก็หน้าแบบนี้ไง...อยากโดนจับกินมากนักเหรอไง"
ฮึ...บางทีผมก็ชอบพี่กล้าเวลานี้มันดูออดอ้อนน่ารักอย่างบอกไม่ถูกจนผมใจละลายเลยแหละ เพราะฉะนั้นผมขอให้รางวัลคนดีผมหน่อยแล้วกันนะ
"ใช่ อยากถูกพี่จับกิน...แต่วันนี้ผมจะป้อนพี่ถึงปากเลยแล้วกันนะ"
"อย่าท้า ปากดีนักระวังจะขาถ่าง"
"กับเข็มน้อยของพี่น่ะเหรอ ไม่กลัวหรอก แน่จริงก็พิสูจน์สิ"
"ได้..."
เราสบตากันอย่างมีความหมาย...พี่กล้าค่อยๆ โอบอุ้มผมขึ้นมาแล้วเดินไปยังจุดหมายปลายทาง
หะ..หือ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ
พี่กล้าอุ้มผมขึ้นมาบนต้นไม้!
"พะ...พี่กล้า นี่พี่จะบ้าเหรอ"
"ไม่บ้า อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อยากดูวิวสูงๆ ไหม เดี๋ยวพาไป"
อ๊า...ถึงจะหวาดเสียวไปหน่อยแต่ก็เร้าใจดีแฮะ ว่าแต่จะทำยังไงเนี่ย บนกิ่งไม้น่ะนะ ขย่มแรงมันไม่หักเหรอ
ไม่น่าเชื่อว่าพี่กล้าจะอุ้มผมขึ้นมาสูงขนาดนี้ได้จนเกือบถึงปลายของกิ่งมะม่วงแล้วด้วยซ้ำ คนผ่านไปผ่านมาถ้าไม่เงยหน้าขึ้นมาคงไม่รู้แน่ๆ ว่าเราสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่
"มามะ มาเริ่มกันเถอะ"
พี่กล้านั่งพิงกิ่งไม้กิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างแข็งแรงพอสมควรและปลดผ้าขนหนูที่พันท่อนล่างไว้ออกพาดกับกิ่งไม้ก่อนจะดึงกางเกงผมลงทันที!
รู้ตัวอีกทีผมก็มาอยู่บนตักพี่กล้าแล้ว...
โห ตั้งแต่คบกันนี่พี่กล้าหื่นขึ้นเยอะเลย เอะอะจับกดตลอด!
และแล้วเหตุการณ์หลังจากนั้นก็เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็น...มันซาบซ่านหวาดหวิวแบบที่เคยเป็น สนุกดีนะครับ ต้องขยับตัวเบาๆ ระวังไม่ให้คนด้านล่างเห็นเรา
เอาเถอะ พูดอะไรมากไม่ได้ เอาเป็นว่าผมเสร็จก่อนพี่กล้าอ่ะ อิอิ
ในที่สุด...เราสองคนก็กระเตงกันลงมาจากต้นไม้จนได้อย่างปลอดภัย คิดแล้วแอบอมยิ้มไม่ได้ ความทรงจำครั้งนี้มันพิสดารแต่ก็สนุกดี ไว้คราวหน้าลองบนหลังคาบ้านบ้าง (?)
พี่กล้าพาผมมานั่งตรงโต๊ะทานข้าวของคนงานที่ตอนนี้คนกำลังนั่งกินข้าวพูดคุยกันอยู่ ผมเลยเลือกโต๊ะที่อยู่ไกลออกมาหน่อยนึงเพื่อความเป็นส่วนตัว
ไม่ได้ว่ารังเกียจอะไรคนงานนะครับ แต่เผื่อพี่กล้ามีอะไรอยากคุยกับผมไง เห็นทำหน้าจริงจังอยู่
ไปๆ มาๆ คนเริ่มเยอะขึ้นพี่กล้าก็ลากผมกลับไปที่ใต้ต้นมะม่วงที่เดิม กลับมาทำไมหว่า หรือจะเอาอีกรอบกัน?
"พี่กล้ามีอะไรหรือเปล่า เห็นลุกลี้ลุกลนมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ"
"ก็มีน่ะสิ เรื่องสำคัญด้วย เลยอยากได้สถานที่ที่เป็นส่วนตัวหน่อยๆ"
"…?"
พี่กล้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยออกมา
"จำที่พี่เคยบอกน้องต้นได้ไหม...ว่าขอเวลาพี่พิสูจน์ตัวเอง ว่ารักต้นไหม"
"อ๋อ..."
เอาตรงๆ ไหมครับ ผมลืมไปนานแล้วอ่ะ มีความสุขมากจนลืมไปเลยว่าความทุกข์เป็นยังไง แค่มีเราเท่านี้...อย่างอื่นน่ะเหรอ ผมว่ามันกลายเป็นสิ่งภายนอกที่ไม่จำเป็นแล้วล่ะ
"พี่จะบอกว่าวันนี้ พี่รู้ใจตัวเองจริงๆ แล้วนะ พี่มั่นใจ...ว่ารักน้องต้นหมดหัวใจเลย"
"^_^"
อันที่จริงผมก็มองออกนะจากการกระทำของพี่เขา มันอบอุ่นจนซึมซาบลงสู่หัวใจผมช้าๆ ยิ่งพอได้มาฟังคำสารภาพออกจากปากผู้ชายหน้าโหดแต่อ่อนโยนคนนี้ก็ทำให้ผมสุขเหลือเกินจนอยากจะโบยบินไปบนฟ้าไกล
"ผมก็รักพี่กล้าเหมือนกันครับ"
พี่กล้ายิ้มจางๆ ก่อนจะสวมกอดผมแน่น
ผมซบหน้าลงบนแผ่นอกหนาที่คุ้นเคย สูดดมกลิ่นอายจางๆ ที่มีไว้ให้ผมแค่คนเดียว
ท่ามกลางไร่ส้มและบรรยากาศบ้านๆ ห่างไกลเมืองหลวง...เราสองคนสามารถยิ้มได้ใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง
ไม่ได้หวัง...ไม่ต้องการความเลิศเลอนำสมัย แค่เราเข้าใจกัน รักกัน จับมือเดินไปด้วยกันข้างหน้าแบบนี้ตลอดไป
เท่านี้...ผมก็ไม่ต้องไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว เพราะที่นี่ก็เปรียบเสมือสวรรค์บนดินที่ผมสัมผัสได้
สวรรค์...คือที่ที่เราได้อยู่เคียงข้างคนที่เรารักนั้นเอง
(The End)
+ กรรมกรที่รักจบแล้วนะครับ เย่ๆ จุดพลุ
+ เรื่องสั้นจริงๆ อ่านสบายๆ คลายเครียด
+ อย่าลืมหนุ่มคนงานกับน้องต้นไม้นะครับ
+ ตอนแรกว่าจะมีตอนพิเศษ แต่คิดว่าจะเอาไปรวมในเรื่องของหมอไกด์
+ เร็วๆ นี้เจอกันแน่นอนครับกับ "คุณหมอที่รัก" แต่เป็นเรื่องยาวนะครับ ความพิเศษของมันคือ แถ่น แตน แต๊น! แดง เพื่อนสนิทพี่กล้าจะขึ้นมาเป็นพระเอกอีกคนในเรื่องด้วย รับรองแซ่บ มาดูกันว่าหมอไกด์กับพี่ใบไผ่ ใครจะรุก ใครจะรับ
+ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ