-- ตอนที่ 17 --
แกร้ก..
“ !? ” สะ เสียงอะไรน่ะ อย่าบอกนะว่า.. ผมสะดุ้งจนเกือบตกเตียง
“ อีแคททททท จะหนีไปไหนโว้ยย ลูกค้าล่ะคุณมึงงง ” แนทกระแทกประตูเข้ามาเสียงดัง
“ ดะ.. เดี๋ยวเสือก็ไปน่า แนท.. ” ผมพูดเสียงเบา ลืมลงกลอนจริงๆ ด้วย
“ ไม่เดี๋ยวล่ะ ตอนนี้เลยค่ะคุณแคท ” แนทเดินมาคว้าแขนผมแล้วลากออกไป
แนท.. ผมยังไม่พร้อมออกไปเลยนะ มาลากกันอย่างนี้เนี่ยนะแนททท ผมจะเอาหน้าที่ไหนมาสู้หน้าสิงห์ครับ แนททท ผมพยายามขืนตัวแต่ไม่สำเร็จแนทลากผมด้วยกำลังรถกระบะลากเสือเลยทีเดียว ผมว่าแนทไปยกน้ำหนักท่าจะรุ่งกว่านะ ไม่ต้องอบมันแล้วขนมปังถ้าจะลากผมปลิวขนาดนี้ แรงของแนทค่อนข้างเป็นที่เลื่องลือทีเดียวสมัยเรียน ผมแอบเรียกลับหลังแนทกับไม้และแมททิวว่าไจโกะ..
ไม่สิตอนนี้สิ่งผมสมควรสนใจมากกว่าคือแนทลากผมออกมาข้างนอกอีกแล้ว แล้วผลักผมไปชนกับใครสักคนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นแมททิว จนคนที่โดนผมชนกระเด็นไปนิดหน่อย
“ หลบหน่อยก็ดีนะ แมททิว ” ผมกรอกตาเล็กน้อยพลางลูบจมูกตัวเองเบาๆ
“ ขอโทษครับ แคท ” คนที่คาดว่าจะเป็นแมททิวหันกลับมาพูดกับผมพร้อมผงกหัวเชิงขอโทษด้วย
“ ..สิงห์ ” ผมครางในลำคอเสียงเบา สิงห์มาช่วยงานอีกสินะ ผมพยายามคิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่นเพื่อไม่ให้หน้าแดง ส่วน
ตาผมก็จับจ้องไปด้านข้างแทน
อาหารเมื่อคืนทำอะไรนะ..
ที่แมททิวรีเควสมา
มาม่าเหรอ.. ?
ไม่สิ
ก๋วยจั๊บนี้ !
ทำไมผมยังหน้าแดงอยู่อีกล่ะ !
“ โอ้ย อีแคทมึงอย่าเพิ่งมาเขินตอนนี้ ตอนนี้กูไม่มีอารมณ์ล้อมึงแล้วโว้ย มึงกรุณาดูทางนั้นค่ะ คุณไม้กับคุณแมททิวมันเดินจนไม่รู้จะเดินยังไงแล้วค่ะ ” หยกยื่นหน้าออกมาแว้กใส่ผม
“ เออๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ ” ผมเดินออกไปพร้อมกับอารมณ์ที่ขุ่นมัวลงเล็กน้อยซึ่งมันก็ดีที่มันสามารถกลบไอ้หน้าแดงๆ ของผมได้ ผมเดินไปหาลูกค้าที่โต๊ะนึงน่าจะเพิ่งเข้ามาแล้วไม่มีใครไปรับออเดอร์ ซึ่งแมททิวก็เดินมาพอดี
ผมสบตากับแมททิวแล้วทำสีหน้าเชิงว่าโต๊ะนี่เสือทำเองน่า
แมททิวส่งสีหน้ากลับโดยไม่พูดแต่ผมเดาๆ ได้ว่า แมททิวน่าจะสื่อว่า ทำไมไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะวะ !
ผมสื่อสารต่อทางสายตาและสีหน้าไปว่า ก็เสือปวดท้วงนี่ ผมมั่นใจว่าไม่หยกก็แนทคงบอกแมททิวแล้ว
แมททิวเลิกคิ้วแล้วขยับปากโดยไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา...
ผมพยายามมองเพื่ออ่านปากแมททิว
แน่...ใจ..ว่า..ปวด..ท้อง
ผมหน้าแดงวาบ นี่ขนาดแมททิวมันยังไม่ละเว้นผมอีกเหรอเนี่ย
ผมรีบเดินไปที่โต๊ะนั่นทันที โชคดีที่กระบวนการการสื่อสารเมื่อกี้กินเวลาแค่ไม่กี่วินาที
“ รับอะไรดีครับ ..กุน ? ” ผมครางในลำคอ วันนี้มันช่างเหมาะเจาะอะไรขนาดนี้ เป็นไปได้อยากได้ยาดมมากินแทนดมเลย ให้ตาย..
“ ฮาย ~ คิทตี้ ” กุนที่อยู่ในเสื้อโค้ทตัวโคร่งโบกมือทักทายผม วันนี้กุนใส่แว่นสีชามาด้วยทำให้ผมกับแมททิวมองไม่รู้ ต้องดูดีๆ
“ งานเสร็จแล้วเหรอ ? ” ผมถามพร้อมหรี่ตามองเสื้อโค้ทที่กุนใส่มา มันดูตัวใหญ่แปลกๆ และคุ้นตาแปลกๆ
“ อยู่แล้วสิ คิทตี้ กุนคนนี้ไม่เคยโดนงานแน่นอน ”
“ จริง ? ” ผมเลิกคิ้วถาม
“ แน่นอน กุนคนนี้น่ะแม้วันงานมามากก็ตั้งใจทำงานมากตามนะ ”
“ กุนกินอะไร ? คาปูชิโน่ไหม ? ” ผมตัดสินใจปล่อยให้ไอ้ที่กุนพูดผ่านไป แล้วรีบจดเมนูดีกว่า มัวแต่ยืนคุยจนสิงห์ที่เดินผ่านมาพอดีมองมาพร้อมขมวดคิ้วแต่ไม่พูดอะไรแล้วเดินต่อไป
“ ไม่ล่ะ รอบนี้เอาลาเต้ ”
“ ลาเต้.. เอาอะไรอีกไหม ? ” ผมถามพร้อมจดยุกยิกใส่กระดาษ
“ แค่นี้แหละ คิทตี้ ” กุนยิ้มบางๆ แล้วฟุบลงกับโต๊ะโดยไม่ลืมถอดแว่นวางไว้ข้างๆ ก่อน ไม่บ่อยนักที่กุนจะมานอนฟุบที่ร้าน ผมคิดว่าผมไม่รบกวนจะดีกว่า
“ อืม ” ผมพยักหน้าแต่ยังไม่เดินไปในทันที เสื้อโค้ทมันคุ้นมากจริงๆ นะ ทั้งสีและยี่ห้อ เหมือนกับว่าเคยเห็นมาก่อนยังไงยังงั้น ผมยืนจ้องต่อนิดหน่อยและเดินไปส่งบิล ก็พบว่าสิงห์กำลังเดินมาส่งบิลเหมือนกันพอดี
“ กุนมาเหรอครับ ? ” สิงห์ถามพร้อมยื่นบิลให้หยก
“ อืม ” ผมพยักหน้ารับพร้อมมองประตูกระจกใส
“ แคทครับ.. ว่าไงครับ ? ” สิงห์พูดเสียงเบาที่ได้ยินกันแค่สองคน
อะไรว่าไงอะไร สิงห์
“ เรื่องอะไรเหรอ ? ” ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ผมรู้ดีล่ะว่าสิงห์หมายถึงเรื่องอะไร ผมกระซิบตอบด้วยระดับเสียงเดียวกัน
“ เรื่องนั้นไงครับ ที่เมื่อกี้น่ะครับว่าไง ? ”
“ เรื่องกุนสินะ กุนมานั่งจิบกาแฟเล่นๆ น่ะ ”
“ ไม่ใช่ครับ เรื่องก่อนหน้านั้นอีก ”
“ เรื่องอะไรล่ะ— เมื่อกี้ผมปวดท้องเฉยๆ ”
“ แกล้งทำเป็นลืมได้ไม่เนียนเลยนะครับ เสือ ” สิงห์พูดด้วยน้ำเสียงที่ผมเผลอหน้าแดงตาม ให้ตาย.. จะหนีอีกรอบไม่วายโดนลากกลับมาแน่
“ แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ”
“ อืม.. งั้นผมช่วยนึกแล้วกัน ”
“ ... ” ไม่ช่วยคิดผมว่าก็ดีนะสิงห์ ผมไม่ตอบอะไรแต่ผมก็ไม่ได้จ้องหน้าคนพูดอยู่ดี ทำให้ไม่รู้ว่าตอนนี้สิงห์ทำหน้ายังไงอยู่
“ อืม.. ? ผมวาดภาพผมกับแคทจับมือกัน มันหมายความยังไงกันนะ ? ”
“ เพื่อนเหรอ ? อา.. ผมว่าเพื่อนกันเขาคงไม่มาเดินจับมือกันเล่นๆ หรอก ”
“ เอ หรือว่าผมกับแคทเป็นแฟ— ”
“ เอ้า ! เอาไป มายืนซุบซิบอะไรกันทั้งน้องสิงห์ทั้งแคทเลยเนี่ย ไปๆๆ รีบไป ” หยกวางถาดไว้บนเคาน์เตอร์พร้อมพูดขัดสิงห์ที่พูดอยู่ ซึ่งผมรู้สึกซึ้งใจไม่ใช่น้อยที่หยกทำเช่นนี้ หลังจากวางถาดให้เสร็จหยกก็กลับไปชงอะไรต่อมิอะไรต่อ
“ โอเค ไปเดี๋ยวนี้แหละ ” ผมตอบแล้วยื่นมือจะไปหยิบถาดแต่มีมือของคนที่ยืนพูดเมื่อกี้มาคว้าหยิบไปซะก่อน
ผมหันกลับไปสบตาด้วยสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อยด้วยความหวังที่มันจะกลบไอ้อะไรที่มันแดงๆ บนใบหน้า พร้อมแบมือเชิงว่าขอถาดอันนั้นคืน
“ หรือว่าผมกับแคทจะเป็นแฟนกันนะ ? ” สิงห์ยิ้มพร้อมพูดน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นแต่น่าเสียดายที่ผมไม่ตื่นเต้นตาม ที่ไม่ตื่นเต้นก็น่าจะเพราะไอ้คนที่พูดมันก็หน้าแดงเหมือนกัน
“ พัดลมน่ะนะ สิงห์ว่าผมหน้าบานเหมือนพัดลมเหรอ หยาบคายมาก ” ผมพูดพร้อมคว้าไอ้ถาดที่สิงห์ถือมาถือเองแล้วเดินไปทันที แต่ไม่วายที่สิงห์จะใช้ขายาวๆ ของตัวเองก้าวมาใกล้แล้วกระซิบอีกแล้ว
“ ใครมันจะไปอยากกอดพัดลมล่ะครับ แขนขาดกันพอดี ”
ผมไม่ตอบแล้วเดินต่อไปเสิร์ฟให้โต๊ะกุนผู้หลับใหลดั่งโดนสาปเพราะไปกินแอปเปิ้ลอาบยาพิษ ไม่สิ ผมเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย ผมสลัดหัวไล่ความคิดเพ้อเจ้อ แต่ยังดีที่เรื่องเพ้อเจ้อมันยังพอทำให้ผมมีสมาธิกับการทำงานบ้าง
“ กุนๆ ” หลังจากวางแก้วลาเต้บนโต๊ะผมก็เอามือสะกิดกุนเบาๆ
“ อืม.. ” กุนเงยหน้าขึ้นมาพร้อมบิดขี้เกียจเบาๆ ผมที่มันจะเป็นทรงเสมอกลับยุ่งเหยิงจนดูแปลกตา กุนคงทำงานหนักจริงๆ แฮะรอบนี้ อ้อ ผมลืมบอกไปกุนเป็นนายแบบที่งานรัดตัวใช่ย่อย “ ขอบคุณสำหรับลาเต้นะ คิทตี้ ” กุนพูดเบาๆ แล้วหยิบไปจิบเบาๆ แล้วจู่ๆ ก็หยุดจิบแล้วจ้องหน้าผมเขม็งจนผมอดถามไม่ได้
“ มีอะไรงั้นเหรอ.. ? ” ผมขมวดคิ้วถาม ผมว่าหน้าผมมันคงไม่มีใบพัดงอกออกมาหรอกมั้ง
“ หน้าแดงแปลกๆ นะคิทตี้ ” กุนพูดพร้อมเอาช้อนคนหน้าลาเต้ที่เป็นรูปกลีบดอกไม้เบาๆ จนกลีบดอกไม้กลายเป็นสัตว์บางอย่างที่อธิบายออกไม่ได้ว่าคือตัวอะไร ผมจ้องการกระทำนั้นของกุนแล้วตอบกุนกลับไป “ คิดว่างั้นเหรอ ? เสือว่ากุนคิดมากไปเองหรือเปล่า ตาอาจจะพร่าก็ได้เพิ่งตื่นนี่ ”
“ ยาก คิทตี้ กุนคนนี้ตาดียิ่งกว่าเหยี่ยวล่าหนูซะอีก ” กุนส่ายหน้าพร้อมยิ้มมีเลศนัย “ อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับเพื่อนคิทตี้คนนั้นที่กำลังยืนมองมาทางนี้น่ะ ” กุนหันไปทางสิงห์ที่ยืนอยู่รอรับออเดอร์หรืออะไรที่ลูกค้าอาจจะเรียก “ อ้อ ชื่อสิงห์มั้งถ้าจำไม่ผิด ”
“ ว่าไปนั่นนะกุน ” ผมถอนหายใจยาวๆ ทำไมกุนเดาถูกเผงเลย
“ อา.. ? ไปเจออะไรมากันนะ คิทตี้ของกุน ” กุนส่ายหน้ายิ้มๆ พร้อมส่งสายตายียวนไปทางสิงห์ ซึ่งถ้าผมโดนกุนมองอย่างนั้นไม่วายเผลอเข้าไปทำถีบหรืออะไรทำนองนั้นแน่ ซึ่งผมก็มองไปทางสิงห์บ้างพบว่าสิงห์ไม่ได้ส่งสีหน้าอะไรแต่พอสังเกตเห็นว่าผมหันมามองก็ยิ้มบางๆ ผมละสายตาจากสิงห์แล้วมามองหน้ากุนต่อ
“ อ้าว นี่กุนตกข่าวอะไรไปหรือเปล่าเนี่ย ” กุนเลิ้กคิ้วใส่ผม
“ มันไม่มีข่าวอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ กินๆ ลาเต้ไปเถอะกุน ”
“ โถ่ คิทตี้นานๆ ทีเจอกันก็ไม่อยากคุยอีกเหรอ ” กุนหน้ามุ่ยแล้วกินลาเต้ตามที่ผมบอก
“ ทำยังกับว่าไม่ได้เจอกันเป็นปี ” ผมกรอกตาไปมา ได้ข่าวว่าเมื่อวานเพิ่งชวนผมเล่นเกมเศรษฐีเองนะ แล้วเมื่อวานใครมันทำผมล้มละลายครับ “ เสือไปล่ะ กุนนั่งกินไปนะ ”
“ อืม ” กุนส่งเสียงตอบรับพร้อมโบกมือหยอยๆ ทำอะไรไม่สมอายุเลยให้ตาย..
ผมถอนหายใจเบาๆ กับนิสัยของกุนแล้วเดินไปยืนหน้าร้านบ้างเพราะมันว่างอยู่พอดี ใช้เวลาไม่นานก็มีลูกค้าเดินเข้ามา
กรุงกริ๊ง
“ ยินดีต้อนรับครับ ” ผมพูดพร้อมยิ้มบางๆ ซึ่งลูกค้าที่มาใหม่นั้นก็ผงกหัวรับแล้วเดินเข้ามาในร้าน ลูกค้าคนนี้คุ้นตาผมแปลกๆ นะ ปกติผมจำคนไม่ค่อยได้แต่ลูกค้าคนนี้ทำไมเหมือนผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เป็นลูกค้าชายที่ตัวค่อนสูงหุ่นค่อนข้างหนาทีเดียว บุคลิกท่าทางการเดินค่อนข้างคล้ายกับกุนที่เป็นนายแบบ การเดินที่มั่นใจในตัวเองสูงนั่นเอง ลูกค้าคนนั้นหยุดเดินแล้วมองรอบๆ ร้านจนผมที่มองตามก็รู้สึกฉงนไม่ได้ ที่ว่างก็มีนี่จะหาทำไม หรือมีคนรู้จักมานั่งก่อนแล้วแต่ลูกค้าก็ไม่ได้แจ้งอะไรไว้นี่เพราะถ้าแจ้งหยกคงบอกผมตั้งแต่ผมออกมาจากห้องแล้ว
ผมเดินตามชายหนุ่มแต่ก็เว้นระยะห่างเอาไว้ แล้วชายหนุ่มคนนั้นก็หยุดมองโดยจ้องเขม็งไปที่กุนที่จิบลาเต้อยู่แล้วปราดเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเท้าแขนกับโต๊ะแต่ไม่พูดอะไร กุนที่สะดุ้งโหยงเมื่อมีคนมาเท้าโต๊ะตัวเองจึงเงยหน้าจากการจิบลาเต้ซึ่งพอกุนเห็นหน้าชายหนุ่มก็ทำหน้าช็อคค้างไปเลย คนรู้จักกุนล่ะมั้ง ?
“ พิกเลต หนีฉันมาจิบกาแฟงั้นเหรอ ” ชายหนุ่มพูด
“ อะ ..ไอ้คุณหลวงหมีกริซลีย์ ” กุนที่เพิ่งได้สติพูดด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน
“ เหอะ เรียกไปทั่วเลยนะพิกเลต ตามฉันมาเดี๋ยวนี้เลย ” ชายหนุ่มคว้าแขนกุนเตรียมลากซึ่งสีหน้ากุนเหมือนจะโดนเข้าโรงเชือดก็ไม่ปาน
แต่จะว่าไปกุนเรียกลูกค้าคนนี้ว่าคุณหลวง ? อืม.. ช่วงนี้แนทติดละครอะไรนะที่อยู่คฤหาสน์ใหญ่ๆ แล้วบอกว่าคุณหลวงหล่อมาก ผมที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตอนนั้นก็มองดูอย่างไม่ใส่ใจ แต่จะว่าไปคุณหลวงที่ว่านี่หน้าตาเหมือนลูกค้าคนนี้เลยแฮะ ใช่แล้ว !! คุณหลวงที่ว่านี้ก็คือคนเดียวกับวันนั้นที่กุนสะดุ้งชี้ใส่ทีวีนี่หว่า ! แล้วคุณหลวงคนนี้ก็มีโปสเตอร์โฆษณาเสื้อโค้ทยี่ห้อดังติดเต็มไปหมดช่วงนี้ไม่เว้นแม้กระทั่งหน้าร้านผมนี่ มิน่าคุ้นๆ แต่ที่น่าสนใจกว่าคือกุนกำลังถูกกระชากลากถูราวกับเป็นไม้ถูพื้นอันใหม่ของร้านผม
“ คิทตี้ ช่วยกุนด้วยยยยย โฮ ” เอ่อ นี่ผมกำลังถ่ายหนังอยู่หรือเปล่า ผมว่ากุนรับงานแสดงบ้างก็น่าจะรุ่งนะ เสียงของกุนเรียกเสียงหัวเราะในร้านได้ไม่น้อย จะว่าไปตั้งแต่คุณหลวงกริซลีย์เข้ามาแล้วล่ะมั้งที่เรียกความสนใจของคนในร้าน
“ เสือจะไม่ลืมกุนเลยล่ะ ” ผมโบกมือบ๊ายบายน่าเสียดายที่ผมบีบน้ำตาไม่ไหวนั่นมันเกินความสามารถผมเกินไป
“ คิทตี้ ทำไมทำกับกุนอย่างนี้ ม่ายยย ” กุนพยายามตะกายกลับเข้ามาในร้านแต่ไม่เป็นผลคุณหลวงหมีกริซลีย์ลากไปอย่างสบายๆ “ คิทตี้ไม่ชวยกุนน กุนไม่จ่ายค่าลาเต้นะ ฮือออ ”
“ เสือออกให้ก่อนก็ได้นี่ ” ผมยักคิ้วใส่ให้กลับกุนที่ทำหน้าจะร้องไห้ คุณหลวงกริซลีย์ผงกหัวให้ผมกับคนอื่นๆ ในร้านเชิงขอโทษแล้วจากไปพร้อมกับไม้ถูพื้นอันใหม่
“ ถ้าเป็นผม ผมไม่ลากแคทอย่างนั้นแน่ครับ ผมจะอุ้มอย่างดีเลยล่ะ ” สิงห์ที่ขยับเข้ามาใกล้ตอนไหนก็ไม่รู้กระซิบเสียงเบาจนผมสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ เพื่อแฟนผมจะได้รักผมมากๆ ไงล่ะ ”
-------------------------------
มาสักที
นับวันสิงห์ยิ่งเจ้าเล่ห์แฮะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ
ปล.ตอนนี้ 100 % ไม่เหมือนอย่างทุกที