ตอนที่ 20 ปากไม่ตรงกับใจ II
คล้ายๆ เอาหนังมาย้อนฉายซ้ำแบบที่ตัวเราเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ สมัยที่ผมยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นปีสอง ด้วยความที่ตัวโตที่สุดผมก็เลยได้ที่นั่งท้ายๆ ติดกับประตูห้อง และเมื่อชะโงกหน้าไปด้านหลังนิดหน่อยจะสามารถมองเห็นวิวตรงทางเดินระเบียงด้านนอกได้อย่างชัดเจน ซึ่งเวลาเบื่อๆ จากการเรียนการสอนของอาจารย์บางวิชา ผมก็มักจะเหม่อมองออกไปเสมอ
“สาม...” เสียงเล็กๆ ของเพื่อนที่นั่งข้างกันกระซิบเรียก เป็นการเตือนให้รู้ว่าอาจารย์จับได้เรื่องที่ผมไม่สนใจแก ผมรีบหดศรีษะกลับมาในห้อง ทำเป็นก้มหน้าก้มตาลอกโจทย์บนกระดานดำอย่างเอาเป็นเอาตายทั้งที่ไม่ใช่สักนิด
“หึ ชอบจังนะ ข้างนอกนั่นน่ะ” เสียงเดิมแซว ผมหันไปมองก็เห็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันทำแก้มป่องน่ารักน่าเอ็นดู ผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ แต่กลับต่างราวฟ้ากับเหว
มันน่ารัก ผมธรรมดา
มันตัวเล็ก ผมตัวใหญ่
มันผอมเพรียว ผมสูงเก้งก้าง
บ้านมันรวย แต่บ้านผมพอกินพอใช้
ไม่มีอะไรดูจะเข้ากันได้สักอย่าง ไม่รู้ทำไมผมกับมันถึงได้สนิทกันนัก และก็ไม่รู้ว่าทำไม ชื่อของมันถึงได้หายไปจากหัวผม เอาเถอะช่างมัน เรียกไอ้น่ารักไปก่อนแล้วกัน
ไอ้น่ารักพ่อแม่มีตังค์ ซื้อบ้านอยู่ในซอยถัดจากบ้านผมไปสองร้อยเมตร ตอนเล็กๆ แม่มันชอบพาเดินมาซื้อกับข้าวบ้านผมกลับไปกินตอนเช้าก่อนไปเรียน จึงได้เป็นเพื่อนเล่นไปตามระเบียบ แถมเข้าประถมที่เดียวกันแม้จะคนละห้องแต่ก็เล่นด้วยกันทุกวัน จนมัธยมต้นนี่แหละถึงจับพลัดจับผลูมาอยู่ห้องเดียวกันได้
“สาม วันนี้กลับบ้านด้วยกันนะ เราอยากไปนั่งดูเขาถีบเรืออีก” ไอ้น่ารักยืนบอกกับผมที่นั่งขีดเขียนบางอย่างบนโต๊ะช่วงพักกลางวัน ในมือมันมีไอศกรีมโคนรสกะทิราคาห้าบาท ลิ้นแดงเลียแผลบๆ ทำผมที่เงยหน้ามองต้องกลืนน้ำลาย ไม่ได้หมายความว่าอยากกินไอศกรีมนะครับ มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้นเยอะ
“ไม่เบื่อหรือไง ดูทุกวัน” ผมถามพลางก้มหน้าไม่มองมันอีก กลัวใจตัวเอง
“ก็ถ้าเราดูคนเดียวก็คงเบื่อ” ไอ้น่ารักพูดเสร็จก็เดินหนีกลับไปนั่งที่โต๊ะ ผมลอบแอบมองก็เห็นมันทำหน้าเขินๆ แม่ง น่ารักสมชื่อที่กูตั้งให้จริงๆ
“แต่เราเป็นเวรลบกระดานนะ” ผมบอก เดี๋ยวมันจะคิดว่าผมไม่ไป
“ทุกครั้งก็รอตลอด ไม่เห็นต้องถามเลย” ใช่ครับ ทุกวันหลังเลิกเรียนไอ้น่ารักกับผมต้องกลับด้วยกัน และที่ขาดไม่ได้คือการที่ผมแอบหนีช่วยงานแม่เพื่อพามันไปเดินเล่นสวนสาธารณะที่มีน้ำให้ถีบเรือเป็ด
“เผื่อเบื่อแล้วไง” ผมอุบอิบเมื่อไอ้หน้ารักมองค้อนใส่
เรียนคาบบ่ายด้วยความเบิกบาน โลกทั้งใบเป็นสีชมพูกิ๊บกิ้ว ผมว่านะ ไอ้น่ารักสำหรับผมเนี่ย มันเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อนแบบอาจจะเกือบๆ เข้าสู่อีกหนึ่งความหมาย เพราะผมรู้สึกได้ว่าผมเริ่มมีความรู้สึกผูกพันกับมันลึกซึ้ง ไม่รู้มันคิดเหมือนผมหรือเปล่า
“น่ารัก รอในห้องแปบนะ จารย์บอกให้เราช่วยเอาสมุดการบ้านพวกนี้ไปส่งที่ห้องพักครู” ผมชี้ไปที่กองสมุดการบ้านของทุกคนที่อาจารย์วานให้ช่วยถือไปให้หลังช่วยกันทำความสะอาดกระดานดำเสร็จ
“เราช่วย” ไอ้น่ารักออกตัว ปรี่เข้าไปจะยกกองสมุด
“ไม่ต้อง รออยู่นี่แหละ ไม่ก็รอตรงระเบียงก็ได้ ถือกระเป๋าให้เราด้วย เราไปเดี๋ยวเดียว” ผมว่าแล้วเข้ามาหอบตั้งสมุดขึ้นทั้งสองมือ
“อย่าช้านะสาม คนอื่นลงไปกันหมดแล้วเรากลัวผี” ไอ้น่ารักเปรยตามหลังผมที่กำลังจะออกจากห้อง ผมยิ้มกริ่มหันไปหัวเราะใส่มัน สงสัยวันนี้คงไปฟังใครเขาเล่าเรื่องผีในโรงเรียนมาแน่ๆ
“อย่าปอดน่า แต่ถ้ากลัวก็ลงไปรอข้างล่างก่อนเลยก็ได้”
“ไม่ได้ปอด แค่กลัวเฉยๆ ไปรีบไปเลยป่ะ ให้ไว” ไอ้น่ารักเถียงหน้าแดงก่ำ ผมหัวเราะร่าแล้วเดินทิ้งมันมา ใครจะรู้ ว่าการให้ไอ้น่ารักรออยู่เพียงลำพังหลังเลิกเรียนจะกลายเป็นความผิดพลาดของผมในขณะนั้น
คนเมายาบ้าแอบดอดเข้ามาในโรงเรียนเพื่อหนีตำรวจ พอมันเห็นไอ้น่ารักที่ยืนรอผมอยู่ตรงระเบียงทางเดินและเหลือบเห็นผมที่เผลอไปจ้องตามันที่กำลังจะเข้าไปในห้อง ก็ปรี่เข้าไปรวบตัวไอ้น่ารักต่อหน้าต่อตาผมอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากร้องตะโกนบอกให้ไอ้น่ารักระวังด้วยซ้ำ
“เฮ้ย! อย่าเข้ามานะโว้ย” คนเมายาอุ้มไอ้น่ารักพาดขาไปนอกระเบียง พวกอาจารย์กับนักเรียนคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างล่างเริ่มส่งเสียงโวยวาย ผมขาแข็ง ตัวเกร็งใจเต้นระส่ำ
“สาม!” ไอ้น่ารักเรียกชื่อผม หน้าตามันดูตกใจมาก ผมฝืนขยับขา คนเมายาเห็นจึงรีบปล่อยมือข้างหนึ่งจากไอ้น่ารักทันที เสียงกรี๊ดลั่นจากด้านล่างทำเอาผมสะดุ้งต้องชะงักแล้วชักขากลับ
“กูบอกว่าอย่าเข้ามา อยากเห็นไอ้เด็กนี่ตายไง!!”
“สามช่วยด้วย!”
“หุบปากไอ้เด็กเหี้ย!” คนเมายากระชากไอ้น่ารักขึ้นมาหน่อยแล้วต่อยเข้าที่กระพุ้งแก้ม
“สาม ฮือออ....” ไอ้น่ารักมองผม จมูกมีเลือดกำเดาไหล คนเมายาเห็นคงชอบ ลากไอ้น่ารักกลับขึ้นมาตรงทางเดินหวังทำการบางอย่างที่ยิ่งกว่าการต่อย
ผมไม่รอช้าวิ่งกระโดดเข้าใส่ทันที ฟัดกันนัวเนียปานมวยปล้ำคู่เอกด้วยที่ หนึ่งมั่นใจว่ามันไม่มีอาวุธ สองกลัวไอ้น่ารักเจ็บไปกว่านี้ แต่แรงเด็กหรือจะสู้แรงผู้ใหญ่แถมเมายา และกว่าคนข้างล่างจะทำอะไรกันถูก วิ่งขึ้นมาช่วยผมก็โดนคนเมายาบ้าคว้าคอเสื้อจับโยนตกลงมาข้างล่าง หัวฝาดเข้ากับพื้นดินที่เป็นแอ่งน้ำขังเต็มแรง มีสติได้ยินเสียงคนเรียกบวกกับได้เห็นไอ้น่ารักมองผมลงมาจากระเบียงชั้นสองที่เหลือก็ไม่รับรู้อะไรแล้ว…
.
.
.
“นึกว่าจะตายซะแล้ว” ผมนั่งยิ้มให้ไอ้น่ารักที่อุตส่าห์หอบหิ้วกระกร้าผลไม้มาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาลพร้อมๆ กับพ่อและแม่ของมัน
“......” ไอ้น่ารักเงียบ จริงๆ มันก็เงียบตลอดตั้งแต่พ่อกับแม่มันเข้ามาพูดขอบคุณผมนั่นแหละ กระทั่งตอนนี้สองคนนั้นกลับออกไปรอข้างนอกก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ผมยื่นมือไปจับรอยช้ำบนหน้ามันเบาๆ
“ห่วงเราเหรอ เราไม่เป็นไรหรอก น่ารักนั่นล่ะเจ็บเปล่า โทษนะที่เราปล่อยให้นายโดนคนบ้ามันทำร้าย” ผมบอก ไอ้น่ารักน้ำตาปริ่มเต็มสองเบ้าตา ส่ายหน้ารัวๆ แล้วโผเข้ากอดผมแน่น ผมตบหลังปลอบก่อนจะลากมันขึ้นมานั่งบนเตียง
“เราแค่หลับไปสองสามวันเอง น่ารักจะห่วงอะไร เนี่ยดูดิ แข็งแรงดีเหมือนเดิม หัวก็ไม่แตกด้วย” ผมดันมันให้ออกไปมองผมที่อวดตัวว่าแข็งแรงจริงๆ
“เรากลัว...” ไอ้น่ารักน้ำตานอง ผมถอนใจพลางปาดน้ำตาให้ เป็นใครก็ต้องกลัวครับ เห็นเพื่อนถูกจับโยนจากชั้นสองต่อหน้าต่อตาแบบนั้น
“อย่าร้องดิ น่ารักก็รู้ว่าเราแพ้น้ำตา”
“สามแพ้น้ำตาผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?” ไอ้น่ารักทำงง
“เออ กรณีนี้รวมน่ารักด้วย” ผมบอก ไอ้น่ารักเบ้หน้าบูดขึ้นมาทันที
“เราไม่ใช่ผู้หญิงนะ”
“ก็มีไอ้นี่เหมือนกัน มันก็ต้องใช่อยู่แล้วสิ” ผมว่าพร้อมกับชี้ที่เป้ากางเกงตัวเอง ไอ้น่ารักมองแล้วหน้าแดงแป๊ดหลบตาผมเป็นพลวัน หึๆ “เราหมายความว่า น่ารักเป็นคนพิเศษคงเข้าใจนะว่าหมายถึงอะไร”
“เพื่อนคนพิเศษ?” มันถามซื่อๆ
“มากกว่านั้น น่ารักคิดเหมือนเราหรือเปล่าล่ะ” ผมทำหน้าจริงจัง ไอ้น่ารักมองหน้าผมนิ่งจากนั้นก็พยักหน้าตามอายๆ ผมโน้มตัวเข้าไปหอมแก้มช้ำๆ ของมันทีหนึ่ง “ไว้ออกจากโรงบาลแล้วเราค่อยไปถีบเรือเป็ดกัน”
“อื้อ รีบออกเร็วๆ นะสาม เราจะรอ” มันยิ้มกว้าง**********************************************
แถมอีกตอน - เข้าสู่ช่วงละลึกชาติ 5555