เรื่องมันเริ่มเมื่อตอนผมเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
คนที่เป็นประเด็นตอนนี้ ขอสมมติว่าชื่อ “เอ” แล้วกันครับ เอเป็นคนหน้าตาดี (เป็นรองเดือนมหาลัย) เรียนเก่ง (จบตรีเกียรตินิยม) ดนตรีกีฬาเก่งหมด แถมเป็นนักกิจกรรมตัวยง เรียกว่าเพอร์เฟคท์ นิสัยก็ (น่าจะ) แมน ๆ เตะบอล แซวสาว ตามเรื่องตามราว
ส่วนตัวผมเอง (สมมติว่าชื่อ “บี”) ค่อนข้างเป็นเด็กกิจกรรม เลยมีเพื่อนมากทั้งในคณะและต่างคณะ หน้าตาธรรมดาครับ เรียนก็กลาง ๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น ชนิดว่า หายไปจากห้องเรียน ก็คงไม่มีใครสงสัยหรือนึกถึง
ตอนปีหนึ่งผมกับเออยู่หอเดียวกันครับ แต่ไม่เคยคุยกันเลย แต่ผมก้อรู้สึกได้ว่ามันมองผมอยู่ตลอดเวลา จนผมยังเคยถามเพื่อนที่อยู่คณะเดียวกับเอว่า "เพื่อนเมิงมีปัญหาอะไรกับกุป่าววะ" ด้วยซ้ำไป เพื่อนก้อว่าไม่น่ามีมั้ง ผมก็เลยรู้ว่า ออ ไอ่คนนี้ชื่อ เอ หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก พอจบปีหนึ่งต่างคนต่างก้อย้ายออกไป ดังนั้น พูดจริง ๆ ผมกับเอไม่น่าจะรู้จักกันได้เลยด้วยซ้ำไป
ข้ามมาตอนปลายปี 3 ตอนนั้นเพิ่งผ่านงานบายเนียร์ไป รูปโปรไฟล์เฟซบุคเลยเป็นรูปที่ใส่ไปงานบายเนียร์ อยู่ดี ๆ ก็มีเมสเสจเข้ามาหาผมในเฟซว่า เสื้อสวยดี เอามาจากไหนหรอ ผมก็งงว่าใครส่งข้อความมา ปรากฎเป็นเอครับ
ผมก็ตอบไปว่า เอามาจากชมรม แล้วก็ถามว่า เอ คณะ XXX รึป่าว มันก็ว่าใช่ แล้วยังย้อนถามด้วยว่า ผมรู้จักมันด้วยหรอ ผมก็บอก รู้ว่าชื่อเอนะ (เอไม่เคยถามชื่อผม แต่เรียกถูกแต่แรก)
หลังจากนั้นเอก็มาชวนคุยเรื่อย ๆ ครับ ขอเปิดกล้องคุยบ้าง ขอเบอร์โทรบ้าง ผมก้อไม่ให้ (ตอนนั้นไม่ได้กลัวว่าใครจะมาจีบ แล้วเอก็ดูแมนอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะมาจีบผมหรอกครับ) จนในที่สุด วันนึงมีคนโทรมาหา ผมถามว่าใคร ปรากฏว่าเป็นเอนี่แหละ ผมก้องงว่าเอาเบอร์ผมมาจากไหน เอบอกว่า ขอมาจากเพื่อนผมที่เรียนอยู่คณะเดียวกับเอ หลังจากนั้นเอก้อโทรมาบ่อยมาก บ่อยจนแฟนผมสงสัย (ตอนนั้นผมมีแฟนเป็นผู้หญิง เช่าหออยู่ด้วยกันครับ) แต่พอได้ยินเป็นเสียงผู้ชาย เค้าก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก
พอตอนหลัง ผมเรียนจบกลับมาอยู่บ้าน เอก็มาฝึกงานอยู่ที่จังหวัดบ้านผมด้วยครับ เอก็โทรมาตลอด ชวนคุย ขอนัดเจอ จนวันนึง ผมก้อเลยยอมรับนัดที่เอชวนไปดูหนังครับ แต่ผมเอาเพื่อนผมไปด้วย ครั้งแรกที่เจอกันก็ไม่มีอะไรผิดปกติครับ หลังจากนั้นเอก็ยังโทรมาบ่อยเป็นปกติ จนกระทั่งฝึกงานเสร็จ เอก็กลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยต่อ
มีครั้งนึง ผมมีธุระต้องไปมหาวิทยาลัย ด้วยความไปแค่วันเดียว เลยเปิดโรงแรมเล็ก ๆ นอน เอก็มาหาครับ มาค้างด้วย แต่แยกกันนอนคนละเตียง อยู่ ๆ
เอ (ตบที่นอนข้าง ๆ ตัว) : ปกติกุนอนกอดหมอนข้าง มานอนเป็นเพื่อนหน่อย
ผม (ด้วยความง่วง) : มึงเล่นอะไรเนี่ย กุจะนอน พรุ่งนี้ต้องทำธุระเช้า
เอ : มาเป็นหมอนข้างให้หน่อย
ผม : นอนเหอะ
เอลุกขึ้นมานอนเตียงผมเฉยเลย แล้วก็ขึ้นมาคร่อมผม ผมตกใจมาก ถีบมันตกเตียงเลย ถามว่ามึงจะทำอะไรเนี่ย เอก็หัวเราะ บอกว่า เออ ล้อเล่นแค่นี้ ถีบจริงเลยหรอ
แต่หลังจากนั้นมา เอก็หายไปเลยครับ คือไม่โทรหา ทักเฟซไม่ตอบ ผมโทรหารับแล้วบอกยุ่งมาก วางสายเลย ผมก็งง ๆ แต่ก็ โอเค ไม่เป็นไร เอหายไปประมาณสองเดือนครับ ก็เป็นฝ่ายโทรกลับมาหาผมเอง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จนกระทั่ง ช่วงที่ผมกลับไปรับปริญญาครับ คือตอนนั้นไม่มีหอแล้ว ต้องเช่าหอเอา ไม่มีรถ เอก็เป็นคนมารับมาส่งทุกวัน มาถ่ายรูปให้ ถือของให้ คือตามบริการตลอดช่วงนั้น (ซึ่งปกติเอรับจ้างถ่ายรูปได้ครึ่งวันละ 3000 ครับ แต่ปีนั้นคือมาถ่ายให้ผมทุกวัน ไม่ได้เลยสักบาท 555+)
ทีนี้มันมีวันนึง เอโทรมาบอกว่า จะไปเอาของที่บ้าน ไปด้วยหน่อยได้มั้ย ตอนดึก ผมก็ไปครับ ก็คุยกันไปตามปกติ อยู่ดี ๆ เอก็มาจับน้องผม (ทำท่าเหมือนเล่น ๆ) ผมก็แกล้งจับของเอบ้าง (แอบงง ๆ ตัวเองนิดหน่อย เพราะไม่เคยจับของผู้ชายมาก่อน) ทีนี้เอเลยล้วงเข้ามามากขึ้นอะครับ ผมก็ตกใจ ก็ทำอะไรไม่ถูก แต่ก้อไม่ได้รังเกียจ ก็ปล่อยให้เพื่อนจับ สักพักก็ถึงบ้านเอ
พ่อแม่ของเอลงมาเปิดประตูให้ ก็มอง ๆ ผม เอก็แนะนำว่า เป็นเพื่อนต่างคณะ พ่อแม่ก็ถามว่า คนละคณะแล้วรู้จักกันได้ยังไง หรือเพื่อนโรงเรียน ผมก็ตอบว่าไม่ใช่ครับ พ่อแม่ก็มอง ทำหน้าดุ ๆ แล้วบอกเอว่า เออ แล้วอย่าสนิทกันเกินไปนักละ ผมก็งง ๆ มองเอเห็นทำหน้าเจื่อน ๆ
พอขากลับ ผมเลยถามเอว่า ปกติพาเพื่อนมาบ้านบ่อยมั้ย เอก็บอกว่า ไม่เคยเลย ผมเป็นคนแรก ผมก็ถามต่อว่า ละพ่อแม่พูดนี้คืออะไร เอก็บอกว่า ไม่รู้ อย่าไปสนใจเลย แล้วเอก็มาส่งผมที่หอครับ แต่ไม่กลับหอตัวเอง ขึ้นมาด้วย ก็นั่งคุยกันอยู่แปปนึง ละไงไม่รู้ครับ เอก็มาจับน้องผม ผมก็ไม่รังเกียจนะ แล้วเอก็ค่อย ๆ ถอดกางเกงผมออก แล้วก็ทำให้ผมจนเสร็จ
หลังจากนั้นมา ความสัมพันธ์เราก็เป็นแบบนั้นมาตลอดครับ คือ ไม่เคยพูด ไม่เคยถามว่าเราเป็นอะไรกัน แต่ก็ไปกินข้าว ไปดูหนัง ไปเที่ยวด้วยกัน เรื่องอย่างว่าก็มี เรียกได้ว่า ค่อนข้างมีความสุข
แต่ไม่มีความสุขไหนที่ไม่มีบททดสอบครับ พร้อม ๆ กับเสียงลือที่หนาหูขึ้นว่า “เฮ้ย เอกับบีนี่มันยังไงวะ” “เอบี หรือ บีเอ” “สาวแตกป่าว” ฯลฯ ตัวผมเองไม่สนใจอะไรมากนัก เพราะไม่ใช่คนเด่นคนดังอะไรอยู่แล้ว แต่เอดูจะกังวลมาก มีครั้งนึง ผมได้ยินว่า เอต่อยเพื่อนปากแตก ขว้างโต๊ะเลคเชอร์จนพังสามชุด เพียงเพราะมีคนล้อว่า “ไอ่เกย์”
ผมสังเกตความเปลี่ยนไปของเอ เวลาอยู่กับผม เอมักจะต้องคอยระแวดระวังเสมอ ว่ามีคนรู้จักเราสองคนหรือไม่ เราจะกินข้าวร้านแถวมหาลัยไม่ได้ ต้องออกไปกินนอกตัวเมือง เอคุยกับผมน้อยลง หัวเราะให้กับผมน้อยลง ครั้งหนึ่งเพื่อนผมที่เรียนคณะเดียวกับเอมาหาผม ผมชวนเอออกไปกินข้าวด้วยกัน เอดูไม่มีความสุขมาก ๆ
แล้ววันนึง เอก้อโทรมาหาผม บอกว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน
เอ: เออ เรามีเรื่องต้องคุยกันว่ะ
ผม: อื้อ เรื่องไรวะ
เอ: เรื่องนี้ซีเรียสนะมึง
ผม: อ่า ๆ มึงเครียดเรื่องไร มึงก็รู้ มึงคุยกับกูได้
เอ: คือ......(นิ่งเงียบไปหลายนาทีมาก)
ผม: อะไรของมึง จะพูดอะไรก็พูด
เอ: คือแบบ เรื่องที่พวกเราทำอะ มันไม่ถูกต้อง
ผม: เรื่องไรวะ
เอ: คือแบบ เราเป็นเพื่อนกัน เราไม่ควรมีอะไรกัน
ผมเงียบ เอก็เงียบ เราทั้งสองคนเงียบไปพักหนึ่ง ผมเป็นคนพูดขึ้นมาได้ก่อน ผมถามว่า หรอวะ
เอ: คือ.........
ผม (ตัดบท): เราเป็นเพื่อนกัน เราไม่เคยมีอะไรกัน มึงจำคำกูไว้แล้วกัน
ใช่...เราเป็นเพื่อนกัน...เราสมควรเป็นเพื่อนกัน...เราไม่ควรมีอะไรกัน...และเราไม่เคยมีอะไรกัน...
ตั้งแต่นั้นมา เอยิ่งถ่อยห่างจากผมมากกว่าเดิมครับ ซึ่งผมก็เข้าใจดี แม้จะโทรมาหาบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก ผมโทรไป สิ่งที่เอทำอยู่มักสำคัญมากกว่าผมเสมอ ครั้งสุดท้าย เอเคยถึงกับหลอกให้ผมไปรอเก้ออยู่ถึงสี่ทุ่มกว่า แล้วโทรมาบอกว่า เออ ลืมไปว่านัดมึงไว้
ผมทำใจอยู่นาน จนวันหนึ่งก็ตัดสินใจจะบอกเอว่าผมคิดยังไงกับมัน ผมโทรไปหา และนั่นทำให้แม้แต่ความเป็นเพื่อนของเราจบ เอบอกว่า
เอ: ตลอดมาตั้งแต่ต้น กูไม่เคยชอบมึง ที่ตอนนี้กูเปลี่ยนไป ก็เพราะกูรังเกียจที่มึงคิดกับกูไม่ใช่เพื่อน มึงเข้าใจมั้ย
ผม: กูไม่เข้าใจเลย มึงเข้ามา ทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย แล้วสุดท้ายบอกว่า มึงไม่เคยคิดอะไรเลย
เอ: จบนะ กูขี้เกียจพูดเรื่องพวกนี้แล้ว กูขอเหอะ อย่ายุ่งกับกูอีก
เอวางสายใส่ผม ส่วนผมเอง ก็ไม่เคยโทรไปหาเออีก
เวลาผ่านไปประมาณสองปี
ไม่กี่วันมานี้....จู่ ๆ เอส่งเมสเสจมาหาผม คือไม่ได้นัดเจอหรือว่าไง แค่ถามว่าสบายดีมั้ย แต่ก้อเป็นเรื่องแปลก เพราะไม่ได้พูดกันมานานแล้ว ผมมารู้ตอนหลังว่าเอมากรุงเมพ (ซึ่งผมอยู่ตอนนี้) ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่ง ผมเจอของสิ่งหนึ่ง...ของขวัญที่ผมเตรียมจะให้เอตอนวันรับปริญญา...นั่นเอง มันถูกเก็บนิ่งอยู่ในห้องนอนของผม โดยที่ผมเองยังไม่เคยนึกถึงมัน แต่แล้ววันหนึ่ง มันก็เรียกร้องให้ผมหามัน เสมือนมันรู้ตัวว่า เจ้าของที่แท้จริงของมัน กำลังจะมารับมันแล้ว...
ผมตัดสินใจโทรไปหาเอ เอก็คงงงนิดหน่อยที่เบอร์ผมโทรหา
เอ: เอ่อ สวัสดีครับ
ผม: เออ กูเอง มึงจะพูดสุภาพทำไม
เอ: เอ่อ คือเรา เอ้อ กุ อื่ม แล้วว่าไงหรอ
ผม: เออ มีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อย พรุ่งนี้ว่างป่าววะ
เอ: ก็ว่าง เย็น ๆ อ่า
ผม: งั้นเจอกัน แค่นี้ก่อนนะ แฟนกูโทรมา
วันรุ่งขึ้น เอโทรมาบอกผมตอนกลางวันว่าจะไปสยามตอนเย็น ไปเจอกันที่สยามก็ได้
เรานัดเจอกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ตอนที่ผมไปถึง เอนั่งอยู่ก่อนแล้ว กำลังทำรายงานอยู่
ผม (ตบโต๊ะ): เห้ย
เอ (ทำหน้าตกใจ) : เอ้อ โทษทีนะ พอดีงานกุเร่ง ต้องรีบทำ คุยไปด้วยได้ป่าววะ
ผม: ก็แล้วมึงจะให้เวลาเพื่อนที่ไม่เจอหน้ากันมาตั้งสองปีสักแปปไม่ได้รึงไง
เอ: คือกูงานเยอะจริง ๆ นี่มาประชุมก็เหนื่อยจะแย่แล้ว
ผม: เออ มีของจะให้ (หยิบของส่งให้ไป เอรับไป แล้วแง้ม ๆ ดู ไม่เอาออกมาจากถุง)
เอ: ขอบคุณมาก
ผม: ไม่เป็นไร โทษทีที่ช้าไปเกือบสองปี มึงเป็นไงบ้าง
เอ: ก็ยุ่ง ทั้งงาน ทั้งเรียน เยอะแยะ แล้วมึงเป็นไง จบโทแล้ว ต่อเอกรึป่าว
ผม: มึงรู้ด้วยว่ากูเรียนโท
เอ: เออ มหาลัยอะไรนะ
ผม (ยิ้มๆ ) : มึงรู้เรื่องกูดีนะ
เอ (หลบหน้า) : กุถามเพื่อนมา
เราคุยกันอีกหลายเรื่อง...ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนที่ไม่พูดกันเกือบจะสองปี
ขากลับ...เอนั่งบีทีเอสมาส่งผมถึงสถานีหมอชิต ก่อนจะนั่งย้อนกลับไปถึงสะพานตากสินเพื่อกลับที่พัก
เรานั่งข้างกัน...ผมมองหน้าเอ...เอแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นว่าผมจ้องหน้าเขาเกือบตลอดเส้นทาง
ระหว่างทาง...มีคำถามหนึ่งที่ผมอยากถามเอมาก...
ผมอยากรู้ว่า ที่ผ่านมา...เอเหงา เหมือนผมไหม...คิดถึงผม เหมือนที่ผมคิดถึงเขาไหม...
ถึงบ้าน ผมโทรไปหา ถามเขาว่า...วันนี้กุรบกวนมึงรึป่าว
เอบอกว่า...ป่าว...
ตกลง เอคิดยังไงกับผมครับ