ตอนที่38-ครอบครัว
ติณณภพเดินไปกาปฏิทินพร้อมรอยยิ้มมุมปาก แววตาเปี่ยมไปด้วยความดีใจจนปิดไม่มิด
ทำไมน่ะเหรอ?
ก็อีกสามวันแฟนเขาจะกลับมาแล้วน่ะสิ...หึหึ
รู้มั้ยว่าแม่งทรมานแค่ไหนที่ต้องเจอหน้าแฟนผ่านจอโทรศัพท์ จับต้องก็ไม่ได้ จะกอดจะหอมจะจูบก็ทำไม่ได้
“เออติณ กูลืมบอก มึงไม่ต้องไปรับกูนะ”
เสียงของจูนเรียกให้คนที่กำลังยิ้มอยู่รีบหุบปากลง ทำหน้าดุใส่แล้วถามทันที
“ทำไมวะ”
“กูต้องกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ก่อนอ่ะ พอดีพ่อกูเขาหาวันลาได้ เลยกลับมาอยู่ไทยด้วยสองอาทิตย์”
สลัดเอ๊ยยย!
ที่ฝันไว้ว่าพอมันมาถึงจะรีบไปรับมาจับมาฟัดที่ห้องก็เป็นอันสลายไปน่ะสิ
“อ้าวแล้ว...เมื่อไหร่จะถึงเวลาของกูล่ะ” ติณถามเสียงนิ่ง จากที่ดีใจๆอยู่ ตอนนี้เริ่มไม่ค่อยโอเคแล้วว่ะ
“เดี๋ยวกูขอปลีกตัวออกมาให้ แต่คงอยู่ด้วยทั้งวันทั้งคืนไม่ได้นะ”
“งั้นเราเจอกันตอนเปิดเทอมเลยก็ได้จูน” ติณพูดบอกไปด้วยอารมณ์ แต่คนฟังเงียบ ไม่ยอมเต้นตาม
เขาเองก็หนักใจเรื่องนี้เหมือนกัน
แต่ถ้าจะปล่อยให้พ่อแม่อยู่บ้านกับลูกๆทุกคนยกเว้นเขามันก็ดูไม่ดีรึเปล่าวะ ทำไมไอ้ติณมันไม่คิดบ้าง
“มีเหตุผลหน่อยติณ กูยังมีเวลาอยู่กับมึงอีกตั้งเยอะนะ”
“งั้นตามใจมึงเถอะ จะทำไรก็ทำ” ติณบอกแล้วกดวางไป ปล่อยให้คนอีกฝั่งได้แต่นั่งมองจอเปล่าๆนิ่ง
เขาผิดเหรอ?
ก็ไม่นี่...
แต่พอไอ้ติณมันมาทำแบบนี้ใส่ทำไมจูนคิดว่าตัวเองกำลังทำความผิดแบบมหันต์เลยวะ
คนที่ไม่พยายามทำความเข้าใจ กับคนที่เข้าใจแล้วแต่ไม่พยายามทำนี่มัน...น่าโดนดีจริงๆ
เขาเชื่อนะว่าติณมันเข้าใจ แต่ที่มันแสดงออกมาเนี่ย อารมณ์เด็กกำลังเอาแต่ใจชัดๆ!
แบบนี้มันต้องเจอดัดนิสัยกันหน่อยเป็นไง ..
.
.
.
ติณณภพโยนโทรศัทพ์ลงบนเตียงแล้วเดินหน้าหงุดหงิดออกมานอกห้องเพื่อทานข้าวเย็นกับครอบครัว
ตั้งแต่กลางเมษาที่กลับบ้านจนถึงวันนี้เขายังไปๆมาๆอยู่เพราะปิดเทอมไม่รู้จะทำอะไรหรือไปไหน
จนบางทีพี่ชายทั้งสองก็สั่งให้ไปช่วยงานเล็กๆน้อยๆที่รีสอร์ทบ้างแต่ก็แค่นั้น
เพราะมันไม่ได้ช่วยให้ความคิดถึงที่เขามีต่อจูนลดน้อยลงเลยจริงๆ
ดูปฏิทินทุกวัน ก็คิดถึงมันทุกวัน ..
“อาทิตย์หน้าเตรียมตัวให้พร้อมนะพวกแก”
ชัดเลย... ประโยคนี้มาทีไร คงไม่พ้นดูตัวแหง “ไรอ่ะพ่อ ดูตัวอีกแล้วเหรอ” ตรัยภพถามพ่อทำหน้าเซ็งๆ
คราวที่แล้วก็หลอกให้เขาไปดูตัวกับผู้หญิงที่ชื่อหยาดฟ้า
ดีนะมารู้ความจริงจากไอ้ติณซะก่อน เขาเลยรีบปฏิเสธรอดตัวไปอย่างหวุดวิด
“ชั้นนัดกินข้าวกับเพื่อนเก่าเฉยๆ คราวนี้ไม่ดูตงดูตัวอะไรทั้งนั้นแหละ
ให้ชั้นแก่ไปอย่างไม่ต้องอุ้มหลานเถอะ เบื่อต้องจัดการกับพวกแกแล้ว” คนเป็นพ่อพูดปลงๆบอกลูกชายทั้งสามที่นั่งทำหน้าเหรอหรา
“โธ่พ่อ พ่อไม่เข้าใจวัยรุ่นเลยอ่ะ” ตรัยบอกพ่อกระเง้ากระงอดแล้วหันไปกอดแม่อ้อนประจบ
เอาเถอะ วันไหนเขาเจอแม่ของลูกแบบเจอปุ้บรักปั้บ จะรีบขอเธอแต่งงานแล้วมีหลานให้พ่ออุ้มเร็วๆแล้วกันนะ
ว่าแต่... ทำไมต้องเป็นเขาด้วยวะ!
“ไอ้ตรัน มึงเลย ไม่รีบแต่งงานสักที กูก็รอเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวอยู่นะ”
พี่ชายคนโตส่ายหัวด้วยความหน่ายปนระอาให้น้องชายโดยไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยมัน ปล่อยมันพล่ามไป
“เออนั่นดิ เมื่อไหร่จะแต่ง คบพี่ไหมมาตั้งนานแล้ว” ติณถามด้วยความสงสัย พี่ชายเขาคบกับแฟนมาตั้งแต่มัธยมปลาย แต่ไม่ยักกะแต่งงานสักที
“แม่ไปขอให้มั้ยลูก” หญิงเดียวในบ้านถามลูกชายคนโต จะว่าไปเธอก็อยากเป็นย่าแล้วนะ
“ยังดีกว่าแม่” ตรัณณภพโบกมือปฏิเสธ เขาว่าเขาชอบแบบนี้มากกว่า ไม่ผูกมัดตัวแต่ผูกมัดใจกันก็พอ
เขาไม่รีบ ไหมก็ไม่รีบ เลยไม่รู้จะรีบแต่งทำไม
“แก่จนจะสามสิบละ มึงจะรอลูกกูเล่นหัวมึงได้ก่อนใช่มั้ย ถึงจะแต่ง” ตรัยด่าพี่ไม่จริงจัง
ตรันที่เริ่มทนแรงกดดันจากคนรอบข้างไม่ไหว จึงตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการตกลงให้มันจบๆไป
แต่พ่อดันมาทำท่าดีใจจนรู้สึกว่าเรื่องนี้มันชักจะต้องคุยกันจริงจังขึ้นมาซะแล้ว
“เออๆ ก็ได้ เดี๋ยวจะลองไปคุยกับไหมดูละกัน”
“คุยจริงๆนะโว้ย อย่าหลอกให้พ่อดีใจเล่นนะไอ้ตรัน”
“ครับ เอาไว้จะมาบอกอีกที”
“พรุ่งนี้เลยเป็นไง กูว่าง”
“แต่ผมไม่ว่างครับพ่อ งานผมเยอะ”
“มันอ้างอ่ะพ่อ อย่าไปเชื่อ ที่ภูเก็ตกิจการดีกว่าเชียงรายอีก”
“อ้าว แล้วมึงไม่บริหารรีสอร์ทกูดีๆละไอ้ตรัย กูหักเงินเดือนมึงนะ”
ติณกับแม่นั่งฟังทั้งสามคนคุยกันแล้วขำ โดยเฉพาะพ่อกับตรัยภพ ชอบแขวะกันประจำ เรียกว่าเป็นสีสันประจำบ้านเลยแหละ
“อย่าลืมอาทิตย์หน้านะ ให้ตรงเวลาด้วยละ” พ่อกำชับอีกทีแล้วจูงมือแม่ขึ้นไปดูทีวีบนห้องนอน
“มึงจะเชื่อพ่อดีป่ะว่าไม่ดูตัว”
“หึหึ” ตรันหัวเราะเป็นคำตอบให้น้องคนที่สอง
อันนี้กูก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่ะตรัย แต่มึงดูน้องมึงสิ นั่งเงียบแดกเหล้าไม่สนใจพี่มันเลย
“เป็นอะไร” ตรันหันไปถามน้องสุดท้อง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการส่ายหัว เขาเลยหันไปพยักหน้าใส่ตรัยให้มันทำหน้าที่สัมภาษณ์แทน
“บอกพี่มึงมาเถอะน่าติณ” ตรัยพูดบอกน้อง จองแก้วเหล้าในมือตัวเอง
“ไม่มีไรหรอก”
“เอาดีๆ”
“ปัญหากูเล็กน้อยหน่าตรัย จัดการได้”
“ทะเลาะกับแฟนอ่ะดิ”
“เปล่า”
ตรัยมองน้องด้วยหางตาไม่เซ้าซี้ถามอีกแล้วหันไปคุยเรื่องรีสอร์ทกับพี่ชายแทน
เนปจูนไม่ได้ติดต่อติณณภพเลยตลอดเวลาอีกสามวันที่อยู่ต่างประเทศและจนเขากลับมาเมืองไทยเราก็ยังไม่ได้คุยกัน
ตั้งแต่กลับมาเขายังไม่ได้ไปที่ห้องและวันนี้ยังคงไม่ได้กลับไป
เพราะต้องพาพ่อกับแม่ออกไปทานอาหารไทยแบบไทยแท้ดั้งเดิมที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
ซึ่งตอนนั่งอยู่บนรถได้ยินพ่อบอกว่านัดครอบครัวของเพื่อนสนิทออกมาทานข้าวด้วยไม่รู้ว่าตอนนี้ถึงก่อนรึยัง
ครอบครัววริทธิ์นันท์พากันเดินตามเด็กเสิร์ฟขึ้นไปยังห้องอาหารแบบส่วนตัวที่ถูกจองไว้โดยเพื่อนสนิทพ่อ
จูนไม่รู้หรอกว่าลุงคนนั้นมีหน้าตาแบบไหนจนกระทั่งมาถึงห้อง...
ติณและจูนต่างยืนอึ้งมองหน้ากันเมื่อรู้ว่าพ่อพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันที่นัดมาวันนี้
“โทษที รถติดมากเลย เมืองเราไม่เปลี่ยนไปจริงๆ”
“ไม่เป็นไรๆ เพิ่งมาเหมือนกัน” ชายสูงอายุผู้มาก่อนลุกขึ้นยืนบอกเพื่อนแล้วหันไปยกมือรับไหว้เด็กๆทั้งสี่คน
พ่อเนปจูนยกมือรับไหว้ชายหนุ่มทั้งสามคนเช่นกันแล้วเดินไปตบบ่าเพื่อนสนิทมองเลยไปยังลูกชายคนโต ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
“เป็นไงมั่งตรัน สบายดีนะ ไม่เจอซะนานเลย”
“สบายดีครับ” ตรันณภพตอบด้วยท่าทางนอบน้อม
เขาจำได้ว่าเคยเห็นคุณลุงเมื่อตอนห้าขวบ หลังจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย
“เออนั่นไอ้ตรัยคนรอง ส่วนนู้นไอ้ติณคนสุดท้อง” หัวหน้าครอบครัวปัญญ์ชยธรแนะนำลูกชายที่เหลือ ชี้ไปที่ลูกชายทั้งสอง
“เออวุ้ย ไอ้คนรองท่าทางซ่าดี แต่ลูกมึงคนสุดท้องหน้าตามันดีจริงๆว่ะ” คนถูกชมลูกๆยืดอกภูมิใจกับคำชมนั่น
“มันแน่นอนอยู่แล้ว กูผลิตมาดี แต่ท่าทางคงแพ้มึงอยู่ดี เพราะลูกดกเยอะกว่ากูอีก”
คนถูกย้อนหัวเราะลั่น หมดสภาพการเป็นนักการทูตไปชั่วขณะ “มาๆ เดี๋ยวกูแนะนำ คนนี้มึงเคยเห็นแล้วนะพลูโต”
“เอ้อ ดูโตขึ้นเยอะเลยนะเรา”
“ขอบคุณครับ” พลูโตพยักหน้ารับ หลีกทางให้เนปจูนส่วนตัวเองเดินไปทำความรู้จักกับตรัยและตรัน
“นี่คนรองเนปจูน นั่นลูกสาววีนัส ส่วนโน้นคนสุดท้อง แสบสุดเจ้าจูปีเตอร์”
“เออ ชื่อลูกมึงแต่ละคนนี่กูก็ไม่คิดว่าที่เคยคุยกันไว้จะเอามาตั้งจริงๆนะ ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ กว่าจะคุยกับเมียลงตัว เกือบบ้านแตกอยู่”
“ตั้งชื่อไม่คิดถึงลูกตอนโตเลยอ่ะพ่อ” จูปีเตอร์บ่นหน้างอจนสองพ่อพากันหัวเราะ
“เอ้า อย่ามัวแต่คุยกัน มานั่งเถอะหนุ่มๆ” แม่ติณว่าพลางยิ้มขำบอกทุกคน
ติณณภพเดินไปนั่งที่เดิมโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าจูน
ทั้งที่ตอนเจอมันครั้งแรกเขาตื่นเต้นจนแทบอยากเข้าไปกอดแค่ไหนก็เถอะ
แล้วยิ่งมานั่งเยื้องกันแบบนี้รู้สึกทรมานกว่าเห็นมันแค่ในโทรศัพท์ซะอีกว่ะ
“พี่จูน ตัวไม่ทักพี่ติณหน่อยเหรอ” วีนัสกระซิบถามพี่อย่างแปลกใจ
ตอนนี้ต่างคนต่างคุย แบ่งแยกกลุ่มอย่างชัดเจน เช่นสองพ่อคุยเรื่องงาน สองแม่คุยเรื่องงานบ้าน
และสี่หนุ่ม ตรัน ตรัย พลูโต จูปีเตอร์ คุยแต่เรื่องสาวๆ
วีนัสที่ไม่รู้จะคุยกับใครเลยหันไปคุยกับพี่ชายตัวเองที่นั่งเงียบไม่แพ้พี่ติณ
“ไม่รู้สิ”
อ้าว...พี่ชายเขาตอบอย่างนี้หมายความว่าไงละ...เฮ้อ
วีนัสถอนหายใจ หันไปร่วมวงสนทนากับแม่ดีกว่าปล่อยให้พี่ชายจมอยู่กับโทรศัพท์ที่รู้สึกว่าจะถูกส่งมาจากฝั่งตรงข้าม
'ทำไมไม่ง้อกู กูโกรธมึงอยู่นะ'
'มึงงี่เง่า กูจำเป็นต้องง้อมั้ย'
'ทำไมมึงใจร้ายขนาดนี้...' ติณพิมพ์ไลน์ตอบแล้วเงยหน้ามองเนปจูนที่มองมาก่อนแล้วเช่นกัน
เห็นมันไม่ทุกข์ร้อนที่จะง้อ แม่ง หายเองก็ได้วะ
กูผิดเองก็ได้ที่งี่เง่า...
พวกเขานั่งมองตากันเงียบๆ โดยลืมไปเลยว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเพิ่งทะเลาะกัน
ติณณภพส่งยิ้มให้แฟนตัวเองแบบไม่ปิดบังสายตาของพี่น้องทั้งหลายที่พยายามสอดส่องมองมาแล้วหันไปซุบซิบกันเอง
“น้องพี่กำลังจีบน้องผมอยู่” พลูโตบอกตรันเคืองๆ
“ปล่อยมันสิ หึหึ” ตรันบอกแล้วหัวเราะ
“อ๋อ ถึงว่าทำไมคุ้นหน้าน้องจูนจัง” ตรัยร้องอ๋อเสียงยาว หันไปมองคนที่ตกอยู่ในหัวข้อสนทนาอีกครั้ง
รู้แล้วละว่าทำไมไอ้ติณถึงจมปลักอยู่กับคนนี้ไม่ยอมไปไหน ซ้ำยังจะเป็นจะตายเพราะน้องคนนี้ หึหึ
'กูจะบอกพ่อนะ' ติณก้มหน้าพิมพ์ไลน์บอกจูนอีกครั้ง หลังนึกอะไรขึ้นมาได้
'เรื่อง?'
'เรา'
'ห้าม' เนปจูนรีบพิมพ์ตอบแล้วเงยหน้าทำตาดุใส่ เขายังไม่พร้อมนะเว้ย
แต่ติณณภพมันฟังซะที่ไหน...
“พ่อครับ” เสียงของติณเรียกให้ทั้งพ่อเขาและพ่อจูนหันมามองพร้อมกัน
เนปจูนรีบยกมือชี้หน้าคนพูดกลางโต๊ะนั่นยิ่งเรียกความสนใจจากทุกคน
“มีอะไร”
“ผมเรียกพ่อเนปจูนครับ” ติณบอกพ่อตัวเองแล้วย้ายสายตาจากมองจูนไปมองพ่อมันแทน
“อ้าว ไอ้นี่มันวอนซะแล้ว” พ่อติณสบถด่าลูกตัวเอง หัวเราะในลำคอ
“ว่าไงลูก” พ่อจูนเลิกคิ้วถาม ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ
“ผม...”
“ไอ้เหี้ยติณ!”
“จูน จุ๊ๆ ไม่เอาลูก” แม่จูนโยกหน้ามาปรามลูก ส่ายหัวให้เงียบ คนที่เพิ่งโวยวายไปเลยต้องเงียบแล้วนั่งกัดฟันรับชะตากรรมต่อจากนี้แทน
ไอ้ติณ ไอ้ติณ มึงนะมึง จะทำอะไรทำไมไม่ปรึกษากันก่อนวะ!
เนปจูนสบถด่ามัน ตอนนี้ในใจมีแต่ความกลัวเต็มไปหมด
ที่บ้านเขาทุกคนรู้ว่าเขาชอบอะไร เป็นอะไร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาประกาศปาวๆกันกลางวงแบบนี้นะ ..
“ตกลงมีอะไรลูก” พ่อจูนถามย้ำ มองหน้าลูกตัวเองกับลูกชายเพื่อนสลับไปมาด้วยความงง
“คือ...”
… ทุกคนเงียบ รอฟังติณพูด
“ผมขอเนปจูนได้มั้ยครับ”
“What” พ่อจูนอุทานออกมาเสียงเบา ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ “ว่าอะไรนะ พูดอีกทีซิ”
“ผมขอจูนได้มั้ยครับ”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อติณพูดจบ
คนฟังหลายคนมีความรู้สึกแตกต่างกันออกไปโดยเฉพาะคนที่อยู่ในหัวข้อสนทนา
เนปจูนนั่งกัดปาก ก้มหน้าไม่ยอมมองใครเพราะอายที่อยู่ดีๆไอ้ติณมันก็มาพูดอะไรกลางโต๊ะแบบนี้
พ่อมันละ แม่มันละ พี่ๆของมันอีกสองคนละ จะรู้สึกยังไง
ถ้าครอบครัวมึงรับไม่ได้แล้วกูจะทำยังไง พ่อเราสองคนจะแตกคอกันมั้ย
มากมายในหัวที่เขาคิดอยู่ตอนนี้ แต่เสียงหัวเราะคุ้นหูของพ่อตัวเองที่หันไปคุยกับพ่อติณทำให้คนคิดมากต้องรีบเงยหน้าขึ้นมอง
“หึๆ ลูกมึงเล่นลูกกูซะแล้วเพื่อน”
“เดี๋ยวๆ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน” พ่อติณเบรกเพื่อน หันไปจ้องลูกชายตัวเองเขม็ง “มึงชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ติณ”
“อ้าว จูนเป็นผู้ชายเหรอ” ติณพูดบอกพ่อหน้านิ่ง เขามองหน้าจูนก่อนจะหันไปมองพ่อตัวเอง
ตอนนี้บรรยากาศเริ่มมาคุจนแม่ติณต้องเตือนสามีตัวเอง “ค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านมั้ยพ่อ”
“ชีวิตเป็นของมัน ปล่อยมันไปเถอะ” พ่อจูนหันไปบอกเพื่อนตัวเองด้วยน้ำเสียงสบายๆ
เขาคิดแบบนั้นจริงๆนะ ตั้งแต่ลูกคนโตจนคนสุดท้องเขาเลี้ยงทุกคนแบบอิสระมาตลอด แต่เป็นอิสระที่อยู่ในขอบเขต
เขาอยากให้ทุกคนใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่เพราะวันวานมันจะไม่หวนกลับมาหาเป็นครั้งที่สอง
อยากทำอะไรก็ทำ แต่ขอให้แบบพอดี เหมือนลูกคนสุดท้องของเขานั่นแหละ
เขารู้ว่าจูปีเตอร์มันทำอะไรบ้าง แล้วก็เชื่อด้วยว่ามันรู้ว่าอะไรคือมากเกินไป อะไรคือขอบเขต
“ก็จริงของมึง กูแค่แปลกใจเฉยๆ”
“แต่มันดีนะพ่อ หลังๆมานี้พ่อเคยเสียค่าโรงแรมมั้ยละ” ตรัยโพล่งขึ้นมาจนสองพ่อและสองแม่หัวเราะ แต่คนที่ขำไม่ออกเห็นจะเป็นน้องชายตัวเอง
“เมื่อก่อนติณเข้าโรงแรมบ่อยมากเลยเหรอครับ” เนปจูนเผลอถามออกไป หรี่ตามองแฟนตัวเอง
“อันนี้พี่ก็ไม่รู้ครับ ต้องไปถามมันเองนะ” ตรัยตอบยิ้มๆ ทำให้บรรยากาศที่เพิ่งตรึงเครียดกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง
“ไม่ใช่นะเว้ย” ติณทำท่าจะพูดแก้ตัว แต่จูนยกมือห้ามให้มันหยุดพูด เดี๋ยวมึงได้พูดเยอะกว่านี้แน่ติณ
“เอาละๆ ไปคุยกันเองแล้วกัน ว่าแต่ขอลูกพ่อไปแล้วต้องดูแลดีๆนะ” พ่อจูนพูดบอกกลั้วหัวเราะ
ยังไงงานนี้ลูกชายเขาก็ได้เปรียบละว้า เท่าที่เห็นเมื่อกี้
“ครับ” ติณตอบรับนอบน้อม ยิ้มให้พ่อแม่แฟน
เขาอยากบอกให้มันรู้ อยากบอกให้จูนรู้ ถึงเมื่ออาทิตย์ก่อนจะทะเลาะ
หรือต่อให้ในวันข้างหน้าเราจะไม่เข้าใจกันมากกว่านี้ ยังไงเขาก็รักมัน
รักจูนที่เป็นจูนนั่นแหละ ..
—(••÷[โปรดติดตามตอนต่อไป]÷••)—เขินอ่ะ คนมาเม้นท์เยอะ

ขอบคุณนะคะ
