ตอนพิเศษ(เล็กๆ) - พยานปากเอก ผมลืมตาขึ้นมาในเช้าวันใหม่ หลังจากหลับไหลสิ้นสติไปตั้งแต่หัวค่ำ ซึ่งนับเป็นคืนที่หลับสนิทและฝันดีที่สุดนับตั้งแต่ที่ยูหายตัวไปพร้อมรุ่นพี่หน้าสวยของมันเมื่อหลายเดือนก่อน
ความฝันที่ปรากฏขึ้น เหมือนกับฝันในหลายคืนที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ว่ายูกลับมาหา ฝันซ้ำ ๆ ว่าเรื่องที่ทำผิดพลาดไปได้รับการให้อภัยจากคนที่ผมรักสุดใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมรู้ตัวว่าผิด... รู้ต่อเมื่อมันสายไป
แค่เห็นแววตาคู่นั้น ยูไม่ต้องพูดอะไรมาก ไม่ต้องลงไม้ลงมือ ผมก็เหมือนจะแหลกสลายไปทั้งร่าง
ความเจ็บปวดแบบนี้... ยากที่จะโทษใครนอกจากตัวเอง
“เป็นยังไงบ้าง”เสียงทุ้มที่กระซิบอยู่ใกล้ ๆ ทำเอาผมต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้ง อาการมึนงงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์กับบุหรี่ยังไม่มากพอที่ทำให้ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวได้ แต่ช่วงหลัง ๆ นี้ผมกินข้าวน้อย น้อยมากจนเรียกได้ว่าถ้าไม่มีใครบังคับก็คงไม่แตะ ไม่ได้ตั้งใจจะประชดอะไรแต่มันไม่อยากกิน ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นอาจเป็นอีกส่วนที่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว เหยียดขาไปสุดร่างยังรู้สึกราวจะแหลกสลายไปหมด ผมหลับตา ก่อนจะลืมตามองฝ้าเพดานอีกครั้งเพื่อไล่อาการเมาค้างที่ดูจะออกฤทธิ์แรงกว่าทุกวัน
“อินทรี... ไหวไหม”
เสียงที่กระซิบซ้ำดังหลุดออกจากในความฝัน ผมเบนสายตาไปยังแหล่งกำเนิด เห็นร่างกายของคนที่นอนเปลือยเปล่าข้าง ๆ ขยับลุกนั่ง เอามือแนบแก้มเบา ๆ แล้วก็สะดุ้งโหยง ไม่เสียเวลากะพริบเลยแม้วินาทีเมื่อพบว่าภาพตรงหน้ามันสมจริงเกินไป
“เป็นยังไง เจ็บหรือเปล่า ก็ไม่เห็นจะมีเลือดนะเมื่อคืน” ยูขมวดคิ้วเป็นปม ใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเส้นผมที่ปรกอยู่ข้างแก้มผมขึ้นไปทัดหู แววตาอ่อนโยนที่มองกันด้วยความเป็นห่วง กลิ่นของความรักที่ลอยตลบทำให้ผมไม่อยากจะเชื่อสายตา
นี่มันฝัน หรือว่าความจริง
ถ้าเป็นเพียงฝันลม ๆ แล้ง ๆ ผมก็ไม่อยากตื่นจากฝันนี้เลย..“ยู...”
ผมเรียกอีกฝ่ายยังไม่ทันเต็มปาก ไม่ทันแม้แต่จะกอดภาพตรงหน้าไว้เสียงเคาะประตูก็ดังลั่น คู่สนทนาผุดลุกคว้ากางเกงที่ถอดระเกะระกะไว้มาสวม โยนผ้านวมผืนหนาห่มผมตลอดทั้งร่าง ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งตามบ้าง แต่ความรู้สึกบางอย่างที่แล่นปราดตั้งแต่ก้นกบขึ้นมาตามแนวสันหลังก็ส่งผลให้ต้องบิดหน้าเหยเก สายตาเลื่อนมองไปยังถังขยะโดยอัตโนมัติ ซากปรักหักพังที่เป็นทั้งพยานและหลักฐานว่าความฝันที่ว่าถูกกอดเมื่อคืนไม่ใช่เพียงภาพในจินตนาการบิด ๆ เบี้ยว ๆ ของคนใกล้สิ้นใจ
มันเกิดขึ้นจริง ๆ
ผมกับยู...
เชี่ยเอ๊ยยยย แม่งฉวยโอกาสตอนผมเมา!“หมอปอมาหา”
คนที่ถูกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ชะโงกหน้าเข้ามาบอก ผมผุดลุกขึ้นมาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ถูกเหวี่ยงไว้ก่อนนอนก่อนเดินออกมาด้วยท่าทีเนิบนาบที่สุด ไอ้หมอหันมายิ้มเผล่ ยกถุงกับข้าวขึ้นโชว์หรา
“นึกว่ายังไม่ดีกัน เลยซื้อข้าวมาให้”
ช่วงที่ผมขลุกอยู่ในห้องก็มีแต่มันนี่แหละครับที่มาดู ตั้งแต่วันที่ทะเลาะกับยูแรง ๆ ไอ้หมอไม่เคยถามอะไรผมสักคำ หน้าที่ของมันก็แค่มาบังคับให้ผมกินข้าว ก่อนจะรีบกลับไปเรียนต่อ มาเช้ามาเย็น พอให้ผมยังมีชีวิตอยู่ต่อไปวัน ๆ ได้เท่านั้น
“เออ ถ้าโอเคกันแล้วผมกลับก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อนสิหมอ”
ยูเรียก กอดอกยิ้ม เชี่ยแม่ง เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวชะมัดยาด ไอ้หมอสะดุ้ง มันเป็นเหมือนชิวาว่าขี้ขลาดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เจอแบบนี้ไปถึงกับจ๋อยสนิท
“ครับพี่”
“หมอรู้เรื่องไอ้อินกับนัทไหม”
มันรู้ ทำไมจะไม่รู้ แต่สถานการณ์แบบนี้ไอ้หมอปอได้แต่เหลือบตามองผมขอความเห็นใจ ทว่าพอผมจะอ้าปากช่วยเพื่อนสายตาพิฆาตก็จ้องกลับมาแทบจะในทันที “มึงน่ะหุบปากเลยไอ้อิน พูดมาเลยหมอ ไม่ต้องกลัวมัน”
พลิกได้คืนเดียวไอ้พี่ยูชักจะเหิมเกริมใหญ่ ชี้นิ้วสั่งให้ผมไปนั่งนิ่ง ๆ บนโซฟา ซึ่งในเวลานี้ผมจะไปทำอะไรได้วะครับ กลัวแม่งทิ้งจะตายห่า
ผมยอมรับ...ตอนไม่มีมัน ผมก็เหมือนลูกหมาหงอย ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
“ก็...พอรู้ครับ”
“รู้ว่า?”
“อินมันกลับไปคบนัท คบแค่ชื่อนะพี่ยู ไม่ให้นัทมันอายเพื่อน แล้วก็เรื่องที่มันคบกับพี่ก็ไม่ได้พูดให้ใครฟังหรอก มันรู้ว่าพี่ไม่อยากให้บอกใคร ส่วนคอนโดนั่นมันถือว่าออกค่าใช้จ่ายให้เพราะมันเป็นคนทำให้นัทย้ายออกมาจากหอพี่ นัทมันบอกที่บ้านยากอะครับว่าทำไมถึงต้องออกมาอยู่คนเดียว” ไอ้หมอพูดเชียร์เต็มเหนี่ยว ก่อนจะเงียบเพื่อหายใจแล้วค่อยพูดต่อ “ส่วนเรื่องนอนกับคนอื่น ตั้งแต่มันเอาพี่มันก็ไม่เคยไปวอแวกับใครเลยนะครับ กับนัทก็เหมือนกัน มันบอกแค่เป็นฝ่ายยื่นมือไปจับก่อนยังทำไม่ลงเลย”
ไอ้เหี้ยหมอ มึงผ่าปากหมามาต่อปากตัวเองหรือไงวะ เรื่องบางเรื่องไม่ต้องพูดขนาดนั้นก็ได้ ไอ้พี่ยูทำตาโตก่อนสะบัดมองผมค้อน
“อ้อ...เรื่องบนเตียงมันก็ไม่เล่าให้ใครฟังหรอกครับ แต่พอดีเอามาปรึกษาผมเพราะกลัวว่าพี่จะโกรธที่ทำมากเกินไป พี่ยูอย่าไปว่ามันเลย ไอ้อินมันก็น่าโมโหแบบนี้เป็นนิสัยอยู่แล้วแหละ”
“แน่ใจเหรอว่าไม่เคยทำอะไรเลย คบกันลับหลังกูตั้งนาน”
“ให้ผมไปเอากับไอ้เชี่ยนัทอะนะ ผมเกลียดมันจะตายห่า”
หลังจากหุบปากได้ไม่นานผมก็โวยวายขึ้นมาบ้าง แค่วันที่เห็นแม่งจูบกันในร้านกาแฟฆ่าได้ฆ่าไปแล้วด้วยซ้ำ จะให้ไปอี๋อ๋อกับมันเนี่ยนะ ยูแม่งเพ้อเจ้อเหี้ย ๆ
“หมอรู้ใช่ไหมว่าที่เพื่อนหมอทำมันผิด”
“ทราบครับ”
“ทำไมไม่เตือน”
“นอกจากพี่ยู อินก็ไม่ฟังใครเลยนี่ครับ” เพื่อนสนิทผมไหวไหล่ ยูถึงกับยกมือขึ้นนวดขมับ “พี่ยูก็เลี้ยง ๆ มันไปเถอะครับ สงสารมัน”
เดี๋ยวนะไอ้ห่าหมอ นี่มึงช่วยกูพูดหรือด่ากูอยู่กันแน่ ยูถอนหายใจยาว มองผมสลับกับเพื่อนสนิทแล้วส่ายหน้า
“เออ ๆ ที่หลังถ้ามีอะไรแบบนี้หมอต้องเล่าให้ผมฟังนะ ช่วยกันปิดแบบนี้ฉิบหายกันหมด หมอกลับไปได้ละ อย่าให้รู้ว่ามีอีก”
“ครับ ๆ ขอบคุณครับพี่ยู สวัสดีครับ”
ไอ้หมอปอยกมือไหว้ยูแล้วเดินพรวดออกจากประตูไป ผมเหลือบตามองยูเหมือนคนรอฟังบทลงโทษ แต่อีกฝ่ายกลับไม่พูดอะไรนอกจากเดินผ่านไปดูถุงกับข้าวที่แขกซื้อมาไว้
“ลุกมาแดกข้าว จะได้แดกยา”
“พี่ยูหายโกรธผมหรือยัง”
“คิดว่าความผิดมึงมันหายง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แต่พี่ก็รักผมไม่ใช่เหรอ” ผมถามเสียงอ่อย มองแผ่นหลังเปลือยของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยรอยเล็บแล้วก็หน้าร้อนวาบ เวรละกู ทวงคืนเอกราชตอนนี้ยังทันไหมวะ
“พูดมากว่ะ... เพื่อนมึงซื้อมาแต่ผัดผัก ไม่รู้เหรอว่ามึงไม่แดก”
“รู้ แต่ไอ้หมามันก็กวนตีนแบบนี้แหละ นี่...อย่าเปลี่ยนเรื่องดิ”
“เปลี่ยนเรื่องอะไร”
“เมื่อคืนผมเมา”
“แล้วไง”
“ผมอยากได้ยินใหม่”
ยุทธนาเอี้ยวคอกลับมามองผมแล้วหัวเราะในลำคอ ทำไมจู่ ๆ ก็กวนตีนขึ้นมาล่ะเนี่ย “ของดีมีครั้งเดียว”
“เหรอ... แต่ผมรักยูนะ จะให้พูดกี่ครั้งก็ได้”
“มึงมันปากเปราะไง”
“ผมกลัวยูไม่รู้ว่ารักต่างหาก”
“ปากดี”
ผมค่อย ๆ ลุกขึ้นจากโซฟาไปกอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง เอาคางเกยบ่าลาดอย่างที่ชอบทำพลางวเอี้ยวคอไปหอมแก้มใส
“ผมจะไว้ใจยู...” พูดปะเลาะไว้ก่อน ทำได้จริงหรือเปล่านั่นอีกเรื่อง ผมมันขี้หึงโดยกมลสันดานนี่หว่า
“...ถ้ายูเจอคนใหม่ที่ดีกว่า ยูบอกผมนะ ผมจะปล่อยให้ยูไปเอง”
“จริงเหรอ”
“ไม่จริง”
ไอ้พี่ยูหัวเราะคิก พลิกตัวหันหน้าเข้าหาผมและสบตาด้วยแววตาหยอกล้อ “กูก็ว่างั้น... แต่กูก็เหมือนกัน”
“หืม?”
“เป็นเมียกูแล้ว อย่าคิดว่ากูจะปล่อยมึงไปง่าย ๆ ไอ้อิน”
ผมยิ้ม ยูแม่งร้ายว่ะ เดี๋ยวนี้กล้าพูดจาขนาดนี้เลยเหรอ “พูดจาน่าโดนทวงว่ะว่าใครเมียใคร ผมพลาดแค่ครั้งเดียวยูเสียไปหลายประตูแล้วนะ”
“พ่อมึงสิ เดี๋ยวกูก็ตีแต้ม” มันพูดพลางกดยิ้มที่มุมปาก ยกหลังมือขึ้นลูบแก้มผม “แต่เมื่อคืนมึงก็น่ารักดีนะ”
“เหอออ พอเลย สาบานเลยว่าต่อไปนี้จะไม่แดกเหล้าจนเมาอีกเป็นอันขาด” พี่ยูหัวเราะร่วน แล้วหันไปแกะถุงกับข้าวต่อ ผมเดินไปกอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง หอมไรผมที่คิดถึงมาแสนนานด้วยสันจมูก กลิ่นของยูไม่ได้หอมหวานแต่เจือกลิ่นของผู้ชายเอาไว้ กล้ามเนื้ออีกฝ่ายก็ไม่ได้ผอมแห้งจนกอดแล้วกลัวจะหัก ผมไล้มือไปบนสะโพกเปลือยอีกฝ่ายแล้วนึกเกิดอารมณ์ “ยูทำกันเหอะ อยากว่ะ”
“ไม่เจ็บหรือไง”
“เพราะผมเจ็บไง รอบนี้ยูถึงต้องยอม”
“ฝัน!”
“พี่ยูครับ” ผมทอดเสียงยาว พลิกอีกฝ่ายให้หันมาเผชิญหน้าพลางยกมือนุ่มขึ้นมาถูข้างแก้ม มองหน้าแดง ๆของเจ้าของชื่อด้วยแววตาออดอ้อน ยูเบือนหน้าหนี เม้มปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงแต่ยังเหลือบหางตากลับมามองเป็นระยะ
น่ารักเป็นบ้า! ผมไม่รออะไรทั้งนั้น เบียดกายเข้าชิด ฉวยจูบเข้าที่แก้มก่อนเปลี่ยนเป็นริมฝีปาก ผมรักยู รักทุกอย่างที่เป็นยูและมีความสุขทุกครั้งที่เราได้แนบชิดกันแบบนี้ ใช้ชีวิตและลมหายใจร่วมกัน ยืนเคียงข้างกันโดยจะไม่ปล่อยให้มือข้างที่จับกันไว้ว่างอีกต่อไป
“ไปในห้องนะ”
ยูไม่ตอบ ผมเลยจุดยิ้มที่มุมปากก่อนหอมแก้มอีกฝ่ายซ้ำ ๆ “นะครับ เป็นขนาดนี้แล้วเนี่ย” พูดพลางคว้ามือยูมาสัมผัสร่างกายใต้ร่มผ้าที่แข็งขืน คนตัวเล็กกว่าก้มหน้า แต่ก็ใม่อาจซ่อนแก้มแดง ๆ ที่เปล่งไปด้วยเลือดฝาดพ้นสายตาได้
“เออ ๆ รู้แล้วน่า...เซ้าซี้จริง ติดสัดหรือไง”
ผมยิ้มพลางโอบเอวไว้ด้วยแขน กึ่งผลักกึ่งตระคองอีกฝ่ายผ่านเข้าประตูห้องนอน ก่อนเลื่อนมันมาลูบไล้บนสะโพกปอดช้า ๆ มองคนรักด้วยสายตาเป็นประกายวาววับ
“ติดสัดอะไรล่ะ ติดใจยูคนเดียวต่างหาก”
เมื่อคืนทำอะไรเอาไว้ จะเอาคืนให้ขาสั่น เดินไม่ไหวเลย คอยดู!
END
นิยายเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า: การดื่มสุราทำให้เกิดโอกาสพลิกได้โดยไม่รู้ตัว
เป็นตอนพิเศษสั้น ๆ ที่คิดว่าน่าจะเติมตอนจบให้สมบูรณ์ขึ้นได้ซักกะติ๊ด เดี๋ยวมีตอนพิเศษมาลงอีกค่ะ ให้อินทรีคืนดีกับพี่เฟยหน่อย /จะดีกันได้ไหมเนี่ย 5555
ว่าก็ว่า ลงตอนพิเศษไปแล้ว ขออนุญาตขายของเลยแล้วกัน เปิดจองนิยายแล้วค่ะ รายละเอียด คลิ๊ก หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสอบถามได้ในแฟนเพจค่ะ
จบนิยายเรื่องนี้ยังสิงสถิตในเรื่องของหมอปอ+พี่ธัน (สเปเชียลแฮปปี้เนส) อยู่นะ ไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหน รอรวบรวมลมปราณว่าง ๆ เมื่อไรเจอกันในผลงานชิ้นหน้า ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตาม และชี้แนะมาตลอด ขอบคุณพื้นที่บอร์ดสำหรับสร้างรอยยิ้มทั้งนักอ่านและคนเขียนอย่างเราด้วยจริง ๆ ค่ะ
