(ต่อจากด้านบน)
ไม่เจอพีทที่ร้านพี่ตุ้ย ไม่ใช่เรื่องประหลาด บางทีมันก็มีกิจธุระอย่างอื่นที่ต้องทำนอกเหนือจากดื่มสุราบ้างไม่ใช่เอะอะก็เมาตลอด ดังนั้นไม่ได้แปลกอะไรที่จะมีแค่ผมกับไอ้อั้มที่ซ้อนฟีโน่กาก ๆ มาในวันนี้แค่สองคน ที่เกริ่นเรื่องแปลกไม่แปลกมาไม่ใช่ไร้สาระอะไร อันที่จริงมันก็พอจะมี สาระใหญ่ ๆ ด้วยคือคนที่ไม่คิดว่าจะอยู่ในที่แบบนี้กลับนั่งเมาแอ๋คนเดียวตั้งแต่สี่ทุ่มกว่า ๆ ต่างหาก
“มาได้ไงวะ”
ไอ้อั้มถามพลางขมวดคิ้วเข้าหากัน ผมเองก็ทำหน้าไม่ต่างจากมันเท่าไรนักก่อนเดินหลบมุมมาที่โต๊ะประจำ โต๊ะของพี่แจ๊คมุมไม่เคยดีเลยเพราะต้องสละที่เจ๋ง ๆ ให้ลูกค้าก่อน ผมเลยได้ทีซุกตัวเองอยู่หลังเสากับไอ้อั้มพอดี
“เป็นเหี้ยอะไรกัน พวกมึง หนีหนี้บอลเหรอ”
“เปล่าเฮีย โจทก์เก่าไอ้ยูมัน” อั้มพูดพลางเติมน้ำแข็งลงแก้ว “โป๊ะเชะยิ่งกว่าถูกหวยอะ”
“ไอ้เด็กนั่นเรอะ?” พี่ตุ้ยเดินมาสมทบทีหลัง วันนี้สวมเสื้อยืดคอย้วยกับกางเกงขาสั้น หนีบแตะช้างดาวแบบให้เกียรติสถานที่สุด ๆ แล้วทรุดตัวลงนั่ง “ตั้งแต่หลังปีใหม่มันมาตลอด”
“มาคนเดียวเหรอพี่”
“อืม แต่เมาแอ๋แบบนั้นเดี๋ยวก็มีคนลากกลับ”
ผมเหลือบตามองพี่ตุ้ยโดยอัตโนมัติ “พี่ไม่ช่วยมันวะ ใครลากไปไหน แล้วมันมากี่คืนแล้ว”
“ทำไมกูต้องช่วยด้วย ไม่ได้เปิดมูลนิธินะไอ้ห่า เพื่อน ๆ มันล่ะมั้ง เคยเห็นเป็นกลุ่มไอ้อินครั้งนึงส่วนที่เหลือไม่รู้” ผมขมวดคิ้วเข้าหากันหนัก นัทไม่ใช่คนแบบนี้เลยสักนิด
“ดื่มไปเยอะไหมพี่”
“ไม่อะ เหมือนเมาจากที่อื่นแล้วค่อยมา มาคนเดียว เปรี้ยว ๆ ไม่พูดไม่จา”
“เมาแล้วมาดักรอมึงมั้ง” อั้มเสนอความเห็น ผมไม่ได้เถียงเพราะดูแล้วก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ผมยังไม่ลุกไปหานัทเลยแต่สังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ ชนแก้วกับพวกพี่แจ๊ค พี่ตุ้ยตามประสา จนถึงเวลาร้านเกือบปิดนัทก็หยิบโทรศัพท์ออกมากด ไม่ทันได้เอามาแนบหูก็เลื้อยลงบนโต๊ะ คนพยายามเข้าไปคุยด้วยเยอะแต่เพราะอีกฝ่ายเอาแต่ดื่มเลยกลายเป็นว่าตอนนี้ไม่มีใครสนใจ ไอ้อั้มสบตาผมเชิงถามความเห็นว่าจะปล่อยนัททิ้งไว้หรือแบกกลับไปด้วยดีและแน่นอนที่ผมจะเลือกเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหานัทก่อน
“นัท... กลับเถอะ”
เจ้าของตากลมปรือเปิดขึ้นลำบาก ผมดึงโทรศัพท์ในมือนัทออกมาเก็บใส่กระเป๋า โอบพยุงหิ้วปีกคนตัวเล็กขึ้นแนบอก ไอ้อั้มถอนหายใจหน่ายก่อนมาช่วยอีกแรง
“ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ กูเกลียดไอ้เด็กเวรนี่ฉิบหาย”
“เอาน่า ช่วย ๆ กัน”
“แล้วมึงจะเอามันไว้ไหน อย่าบอกนะว่าห้องมึง”
ผมก้มลงมองหน้านัทก่อนส่ายหน้า ไม่อยากมีปัญหากับอินอีกการพานัทไปส่งคอนโดคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“เดี๋ยวกูบอกทางเอง”
ผมให้ไอ้อั้มขับมอไซค์ไปส่งตามคอนโดที่เคยไปเมื่อหลายเดือนก่อน ผมหนีบนัทใส่ระหว่างกลางแล้วซ้อนสามปิดท้าย พยุงคนเมาปลิ้นไม่ให้ร่วงจากรถพลางบอกทางเพื่อนสนิทไปด้วย ยามข้างล่างเมื่อเห็นว่าเป็นนัทก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่ความ บอกให้ไอ้อั้มเอารถไปเก็บแล้วพาไปที่ห้องพักของเจ้าตัว ผมพยายามหากุญแจตามกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างแต่พอไม่พบก็หันไปขอความช่วยเหลือจากลุงยามที่ส่ายหัวดะ
“นิติบุคคลไม่ได้ทิ้งกุญแจให้ผมหรอกครับ คุณเป็นเพื่อนเขาใช่ไหม มีอีกคนนึงที่มาหาบ่อย ๆ ตัวสูง ๆ ขาว ๆ หน้าตาดี ๆ น่ะ รู้สึกจะเรียนคณะเดียวกัน คนนั้นเขามีกุญแจอีกดอก คุณรู้จักหรือเปล่า”
ผมพยักหน้าถอนหายใจยาวเหยียด หันไปขอบคุณลุงยามก่อนหยิบโทรศัพท์นัทออกมากดโทรหาไอ้อิน ไม่ได้อยากยุ่งด้วยหรอกแต่มาถึงขั้นนี้ยังไงก็ต้องโทร ตีสองกว่าแล้วไม่รู้มันนอนไปหรือยังด้วยซ้ำ
“ว่าไง”
“อิน.... มีกุญแจห้องนัทหรือเปล่า”
“ยู?”
“พอดีนัทเมาน่ะเลยพามาส่ง แต่หากุญแจไม่เจอ” ผมเว้นระยะสักพักก่อนพูดต่อ “มาไขห้องให้นัทหน่อยดิ”
“อืม...เดี๋ยวไป”
อินทรีกล่าวในลำคอก่อนวางสาย ผมพานัทนั่งกับพื้นแต่พยุงไม่ให้ไหลเลื้อยลงไปนอน ตากลมบวมเป่งและแดงก่ำ ผมเห็นตั้งแต่ในร้านแล้วว่านัทร้องไห้ยังนึกแปลกใจอยู่ว่าอินมันเคยเห็นสภาพนี้ของแฟนมันไหม ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงใจร้ายได้ขนาดนี้ กับตัวผมเองที่หมดรักไปแล้วเมื่อเห็นภาพความเศร้าโศกเสียใจของนัทก็อดสะเทือนใจไปด้วยไม่ได้ ใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยแก้มขาวที่ร้อนฉ่าและเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์เบา ๆ นัทลืมตาขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นผมก็ยิ่งร้องโฮหนักกว่าเก่า
“นัทครับ นัท ไม่เอา ไม่ร้อง...”
“พี่ยูใช่ไหม... พี่ยูมาหานัทใช่ไหม”
ผมพยักหน้าก่อนเด็กหนุ่มจะโถมตัวเข้ากอด นัทคนเดิมที่ขี้แงและเอาแต่ใจกลับมาแล้ว เป็นนัทที่ไร้พิษสงเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ คนเก่าของผม
“พี่ยู นัทไม่ได้ตั้งใจ นัทขอโทษ”
“ไม่เป็นไรนัท... ไม่ต้องร้องนะครับ”
“นัทผิดไปแล้ว อย่าเกลียดนัท นัทขอโทษ” ผมถอนหายใจ ลูบผมเส้นเล็กซ้ำหลายครั้งแต่ไม่ได้ทำให้แรงที่กอดรัดอยู่คลายลงแม้แต่น้อย ไหล่ผมเปื้อนน้ำตาไปหมดแต่ก็ยอมให้คนเมายังกอดอยู่อย่างนั้น “นัทรักพี่ยู... นัทรักพี่ยูที่สุด”
“...ครับ”
“นัทขอโทษที่ทิ้งพี่ยูไปตอนนั้น...นัทผิดเอง... นัทเองที่โง่ นัท...”
“นัท...”ผมกอดเด็กหนุ่มเอาไว้แน่น ลูบหัวปลอบประโลมอย่างใจเย็น “พี่ไม่ได้เกลียดนัท...”
ออกจะเข้าใจด้วยซ้ำ ถ้าเป็นผมที่ยืนอยู่ในตำแหน่งของนัท มองแฟนตัวเองมีคนอื่นก็คงทำไม่ต่างกัน จะผิดอะไรถ้าคนเราจะปกป้องความรักของตัวเอง ถ้าต้องมีคนถอย ยังไงก็ควรเป็นคนที่เดินมาทีหลัง
ผมใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะปลอบคนเมาให้สงบลง อินทรีมาถึงพอดีเมื่อเจ้าของห้องหลับสนิท สีหน้าบึ้งตึงตลอดเวลาตั้งแต่ลิฟต์เปิดออกจนไขบานประตูเสร็จ ผมพยุงตัวนัทขึ้นแต่แขนเล็กกลับถูกเจ้าของตัวจริงดึงให้เซหลุดจากอ้อมกอดของผม อินช้อนตัวนัทขึ้นในท่าเจ้าสาวโดยผมทำได้เพียงหิ้วรองเท้าที่หลุดอยู่บนพื้นตามเข้ามาในห้อง
“เสร็จธุระก็กลับไปได้แล้ว ขอบใจที่ดูมันให้”
อินทรีพูดเสียงนิ่งจนน่าใจหาย ผมหลบสายตามันก่อนพยักหน้าแล้วหันหลังกลับ อีกไม่กี่เดือนที่จะต้องเรียนมหาวิทยาลัยนี้ อาจมีโอกาสบังเอิญเจอมันอย่างนี้อีกต่อไปผมคงทำเป็นไม่เห็น แสร้งทำเป็นว่าเราไม่รู้จักกันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผมกับมัน ไม่มีเสียงรั้งใดใดเอาไว้ ผมเปิดประตูห้องออกยืนทำใจอยู่นานก่อนปล่อยให้มันปิดลงโดยที่ไม่สามารถก้าวขาไปข้างหน้าได้ แต่ทันทีที่เสียงประตูห้องปิดลงข้าวของบางอย่างก็หล่นแตกกระจาย ผมหันหน้ากลับไปเห็นเพียงอินทรียืนหันหลังอยู่และบนพื้นนั่นมีกรอบรูปและกระจกที่แตกละเอียดกระจัดกระจาย
“มึงจะทำลายข้าวของทำเหี้ย’ไร”
ผมตะโกนขึ้นทันทีก่อนเดินเข้าไปหา เศษกระจกบางส่วนอยู่เฉียดปลายเท้าไอ้อินไปนิดเดียวด้วยซ้ำ “ทำไมยังไม่ไป...”
“ถ้าไปก็ไม่รู้น่ะสิว่ามึงมันอันธพาล ไปนั่งไกล ๆ เลยเดี๋ยวเก็บให้”
“ไม่ต้องมายุ่ง กลับไปซะ!”
อินทรีผลักอกผมออกจนเซถอยหลัง ดวงตาสีดำขลับจับจ้องดุไม่ยอมแพ้ “ผมจัดการเอง”
“หาทิชชู่ หรือไม่ก็กระดาษที่ไม่ได้ใช้แล้วให้กูหน่อย”
“บอกว่าอย่ายุ่งไงวะ!”
“มึงเก็บเป็นเหรอ เดี๋ยวก็โดนแก้วบาด กูสั่งอะไรทำตามบ้างอย่าเอาแต่รั้น”
“รำคาญผมนักแล้วจะใส่ใจทำไม ไม่ต้องมาห่วงหรอกเรื่องแค่นี้ เจ็บน้อยกว่าที่ยูทำเยอะ”
ผมเม้มปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง เดินเลี่ยงมันจะไปช่วยเก็บของแต่อีกฝ่ายก็คว้าแขนเอาไว้ ผมปัดมือมันออกแล้วผลักมันไปอีกทาง ก้มลงเก็บเศษแก้วชิ้นใหญ่ก่อนพลิกกรอปรูปที่คว่ำขึ้นมา
...ภาพของผู้ชายสองคนที่ยืนกอดคอกันอยู่ ภาพถ่ายคู่ที่เคยมีอยู่ในห้องผมก่อนถูกไอ้อินโยนทิ้งไปต่อหน้าต่อตา ภาพที่นัทเป็นคนอัดมาให้วันวาเลนไทน์
ภาพที่ผมกับนัท... กำลังมีความสุขด้วยกัน
“พอใจแล้วใช่ไหม”
เสียงทุ้มเอ่ยหยัน ๆ ผมยืนค้างอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกหลายอย่างตีรวนอยู่ในอก คำขอโทษของนัท คำที่บอกว่ารัก กิริยาไม่น่ารักและเอาแต่ใจ ภาพของอินที่ไม่เคยพอใจสักครั้งเวลาผมเจอแฟนเก่า ประโยคที่บอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านัทไม่เคยรักมัน
ผมมองภาพนั้นโดยปราศจากคำพูด ไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้าไปมองอินทรี “มันเลือกผม แต่มันรักพี่... เข้าใจหรือยังว่าทำไมผมถึงต้องกลับไปคบกับมันทั้ง ๆ ที่เคยเลิกกันแล้ว”
“................”
“ยูกับมันใจตรงกัน...”
“................”
“พี่จะให้ผมทำยังไง ทำยังไงถึงจะไม่เสียพี่ไป...ตอบสิยู”
TBC
อิ่มพุงปริ หมดแล้วค่ะ ดราม่าหมดแล้ว ตอนหน้าจบแล้วโฮฮฮฮฮฮฮฮ
ใจหายเหมือนกันนะ แป๊บ ๆ จบ แต่พอเถอะ.. เรื่องยิ่งยืดพี่เฟยจะยิ่งเป็นพระเอก
ตอนนี้เป็นตอนที่ลุ้นมากกกกกกก บอกตรง ๆ ว่าวางพล็อตไว้ประมาณนี้ตั้งแต่แรก แต่แบบ...ไม่รู้ว่าเราสื่อเรื่องได้ดีรึเปล่า ปกติไม่ค่อยเขียนหักมุมเท่าไร เลยลุ้นมากว่าพอจะประสบความสำเร็จมั้ย (ปาดเหงื่ออีกที)
ขอบคุณมากค่ะที่มีท้วงคำผิดเข้ามาด้วย ตอนนี้ถ้ามีอีกบอกได้นะ ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เจอคอมเมนต์รอบก่อนไปรู้สึกนัทจะดูน่าสงสารไปเลย โฮฮฮฮ ตอนนี้นางยังไม่จบค่ะ นางมีเวอร์ชั่นฟื้นมาปรุงรสมาม่าต่อ แต่ตอนหน้าดีกันนะ นี่สปอยล์เลย /มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ!
ส่วนตอนพิเศษตั้งใจว่าจะมีเหมือนกันค่ะ ว่ากันว่ากินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่ เดี๋ยวมีของหวานเป็นตอนพิเศษให้นะ แต่ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะเขียนยังไง 555555555555
ปล. ทิ้งท้ายนิดนึง พี่เฟยจะเปิดเรื่องใหม่ค่ะ (แต่ขอทิ้งระยะไว้หน่อย ยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้) มีคำถามว่า นิยมดราม่าหรือฮาเฮกันคะ? เอาไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสืนใจเฉย ๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ถ้าเรายังเขียนไม่ดีติได้นะ เต็มที่เลย (สูดยาดม) ขอให้อิ่มหนำกับการอ่านค่ะ
รักนักอ่านทุกคนเลย

อินทรีฝากมา
http://www.youtube.com/v/WcvWSItxoWE?