วันสุดท้ายที่กลีบดอกไม้ร่วงโรย [short story] By ลูกหมู
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: วันสุดท้ายที่กลีบดอกไม้ร่วงโรย [short story] By ลูกหมู  (อ่าน 50535 ครั้ง)

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
วันสุดท้ายที่กลีบดอกไม้ร่วงโรย [short story]

‘เราจะรักกันจนถึงวันที่กุหลาบแห้งหมดช่อ’

เป็นข้อความบนการ์ดที่แนบมากับกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่นำมันมามอบให้ถึงหน้าบ้าน

“เข้ามาก่อนมั้ย” โดยไม่ฟังคำตอบ ผมเดินนำเขาเข้ามาในบ้าน วางช่อดอกไม้ลงบนโต๊ะรับแขก เดินเข้าครัวเพื่อรินน้ำเย็นให้ดื่มเหมือนทุกๆครั้งที่เขามานั่งเล่นในบ้าน หลังนี้

“ขอบคุณ” เขาตอบยิ้มๆ ลงนั่งบนเก้าอี้ที่เขานั่งประจำ

ผมลงนั่งฝั่งตรงกันข้าม ดื่มน้ำให้ชุ่มคอ เรานั่งเงียบกันพักใหญ่ สายตาของผมจับอยู่แค่เพียงมือใหญ่ที่กุมแก้วน้ำอยู่

“หมายความว่ายังไง?” ผมถามเรื่องข้อความบนการ์ด

“ก็หมายความตามที่เขียน” เสียงของเขาราบเรียบเป็นปกติ ไม่มีเค้าของความเครียดเลยสักนิด

ผมมองตามมือใหญ่ที่ยกแก้วน้ำ ขึ้น ไล่ไปยังลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการดื่ม ริมฝีปากบางเปียกชื้น จมูกโด่งเป็นสัน เมื่อไล่สูงขึ้นไปก็พบกับดวงตาสีดำสนิทที่มองจ้องมาทางผมอยู่ก่อนแล้ว ผมมองลึกเข้าไปข้างใน ถ้าไม่เป็นการเข้าข้างตัวเองมากเกินไป ผมยังอยากจะคิดว่าแววตาลึกซึ้งภายในนั้น ยังคงเหมือนแววตาในวันที่เขาบอกรักผมเมื่อปีที่แล้วเลย

“ล้อเล่นรึเปล่า?” ใช่...จนถึงตอนนี้ผมก็ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก เราสองคนรักกันมานานแล้วไม่ใช่เหรอ ตั้งแต่ที่เราได้เจอกัน จนถึงวันที่เขาและผมตกลงเป็นคนรักกัน เราสองคนยังคงรักกันอยู่ เราสองคนไม่ได้มีเรื่องขัดใจอะไรกันซักหน่อย...ใช่มั้ย?

“ไม่ได้ล้อเล่น พูดจริงๆ” ปากเขาว่าเหมือนกับที่ดวงตาเขาบอกอย่างซื่อตรง ผมรู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ เขาเป็นคนจริงจังเสมอ ผมหลุบสายตาลงต่ำ กระพริบตาถี่ ก้อนอะไรบางอย่างมันจุกอยู่ที่คอจนเค้นเสียงออกมาไม่ได้

“โกรธรึเปล่า?” เขาถาม

“นายนั่นแหละ โกรธอะไรเรา?” ผมถามเขากลับ

 “ไม่ได้โกรธ” เขาตอบ

“แล้วทำไม...”

“ชู่ว์...” เขาจุ๊ปาก นิ้วใหญ่วางนาบลงบนริมฝีปากของผม กลิ่นโคโลญจ์ผู้ชายกรุ่นเข้าจมูกเรียกความทรงจำเมื่อคืนก่อนและอีกหลายๆคืน ให้หวนกลับมา...คืนที่เราสองคนมีความสุขร่วมกัน...จากนี้ไปจะไม่มีอีกแล้ว หรือ “เรื่องของความรัก มันไม่มีเหตุผลหรอก เราจะรักใครบางคน...เรารักด้วยใจ ดังนั้นอย่าถามถึงเหตุผล”

จะบอกว่าการจะเลิกรักใครบางคน ก็เกิดจากใจไม่ใช่เหตุผลอย่างนั้นหรือ...ใจของเขาในตอนนี้มีผมอยู่ข้างในบ้างรึเปล่า?

“จะรับกุหลาบช่อนี้ไว้ได้รึเปล่า?”

มันเป็นดอกไม้ที่เหมือนกับ ระเบิดเวลา ที่พร้อมจะทำลายหัวใจของผมเมื่อถึงวันที่มันเหี่ยวแห้งจนหมดช่อ ผมถามใจตัวเองว่า ผมควรจะรับมันไว้รึเปล่า ผมควรจะส่งมันกลับคืนรึเปล่า ด้วยศักดิ์ศรีของผม ผมควรจะส่งมันกลับคืนเขาไปแล้วเป็นฝ่ายบอกเลิกเองรึเปล่า

แล้วผมก็ได้คำตอบ...

“...อืม” ผมพยักหน้าตอบเขาสั้นๆ

…ก็ในเมื่อระเบิดลูกนี้ยัง ไม่ถึงเวลาระเบิด ผมจะตัดเส้นแดงเพื่อให้มันระเบิดไปเดี๋ยวนี้เลยทำไมเล่า...ศักดิ์ศรีของผม มันจะมีความหมายอะไร ถ้ามันจะเป็นตัวบั่นทอนเวลาที่เขารักผมให้สั้นลงยิ่งกว่าเดิม

“เรายังมีเวลาอยู่ใช่มั้ย” ผมถามเขา

“แน่นอน” เขาตอบสั้นๆ

บทสนทนาเราจบลงแค่นั้น เขามองดูนาฬิกาข้อมือแล้วบอกว่าต้องไป ผมเดินไปส่งเขาหน้าบ้าน เราลากันเหมือนทุกวันที่ต้องห่างกัน เขาก้มลงแนบริมฝีปากกับหน้าผากของผมแผ่วเบา นุ่มนวลเหมือนวันแรกที่เขาทำ...ทุกๆอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีก็เพียงแต่ก้อนความเศร้าที่เริ่มกัดกินหัวใจผมทีละเล็กละน้อย และมันจะเร็วขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป

มีสิ่งหนึ่งที่ผมจะต้องบอกเขาก่อนจะลากัน ผมจับชายเสื้อของเขา เรียกให้ต้องหันหน้ากลับมามอง

“เราอยากจะบอกอะไรอย่าง หนึ่ง...” ผมเงยหน้าขึ้น มองตรงเข้าไปยังนัยน์ตาของเขา “…ถึงดอกไม้จะเหี่ยวหมดช่อ ถึงนายจะเลิกรักเรา ถึงเราจะเลิกเป็นคนรักกัน...แต่เราก็จะรักนายตลอดไป”

ดวงตาเขายิ้มเป็นประกาย แขนแกร่งของเขาคว้าตัวผมเข้าไปกอดแนบอก เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ข้างๆหู

“ขอบคุณ”

แล้วเขาก็จากไป ทิ้งไว้เพียงภาพของแผ่นหลังกว้างที่ห่างออกไปเรื่อยๆ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++


คืนนี้เขาก็ยังโทรมาเหมือน เดิม เราคุยกันในเรื่องสัพเพเหระ หยอกล้อกันอย่างสนุกสนานราวกับเรื่องเมื่อกลางวันเป็นเพียงฝันตื่นหนึ่งที่ ผมสร้างมันขึ้นมาเอง

จนถึงประโยคก่อนลา เขากลับพูดคำที่ย้ำให้เข้าใจว่า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจริงๆ

“กุหลาบช่อนั้น ดูแลมันให้ดีๆนะ”

ผมเงียบไปนานสองนานก่อนจะรับคำสั้นๆ เขากล่าวราตรีสวัสดิ์อีกครั้งก่อนจะวางสายไป

หูโทรศัพท์ถูกวางลงกับแท่น วางเบาๆแทบจะไม่มีเสียง ด้วยกลัวว่าเสียงกระทบของมันจะทำให้หัวใจที่ปริร้าวของผมแตกสลายเป็นชิ้น เล็กชิ้นน้อย ผมกวาดสายตามองห้องกว้างที่มีผมอยู่เพียงคนเดียว ใบหน้าที่มองกลับมาจากกระจกฝั่งตรงข้ามดูเหมือนวิญญาณซะมากกว่า ดวงตาแดงก่ำกับใต้ตาลึกถึงหมีแพนด้าไม่น่ามองเอาเสียเลย สายตามองไล่ผ่านกระจกไป จนสะดุดอยู่ที่ประตูบานหนึ่ง …ประตูบานที่ผมเปิดเข้าไปเมื่อตอนบ่าย นำกุหลาบช่อใหญ่วางไว้แล้วเดินออกมา

ผมคงจะดูแลมันอย่างที่เขาบอกไม่ได้ เพราะผมทนที่จะนับถอยหลังเวลาที่เหลืออยู่ไม่ได้ ผมไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คืนนั้นผมฝัน ฉากเก่าๆผ่านเข้ามาราวกับสายน้ำหลาก

ผมเป็นลูกคนเดียว ผมเติบโตขึ้นมาด้วยความรักของพ่อกับแม่ เราอยู่ด้วยกันสามคนในบ้านหลังนี้ นานๆทีจะมีน้องสาวของแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดมีเยี่ยมสักครั้งหนึ่ง ส่วนญาติของพ่อนั้น ผมไม่เคยเห็นและไม่รู้ด้วยว่า พวกเขาคือใคร

ชีวิตในโรงเรียนผ่านเข้ามา และผ่านไปอย่างเงียบเหงา อาจารย์ประจำชั้นเคยเรียกแม่ผมไปคุยและบอกว่า ผมมีปัญหาด้านการเข้าสังคม...แต่ตอนนั้นผมก็แค่คิดว่า ผมไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเพราะยังไงผมก็มีพ่อกับแม่อยู่กับผมอยู่แล้ว ไม่มีใครเข้าใจผมได้ดีกว่าพ่อและแม่ ไม่มีใครรักผมได้เท่าพวกท่านทั้งสองคน และไม่มีใครสามารถทำให้ผมรักได้เท่ากับที่ผมรักพวกท่านเลย

จนผมโตขึ้นหน่อยก็พอจะมี เพื่อนสนิทอยู่บ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่าย คงเป็นเพราะว่าผมชอบที่จะคุยกับหนังสือมากกว่าจะออกไปเล่นกีฬากับเด็กทั่วๆ ไปล่ะมั้ง เมื่อรู้ตัวอีกที รอบตัวผมจึงมีแค่พ่อ แม่ และหนังสือกองพะเนินเท่านั้นเอง

จวบจนวันแรกที่ผมเข้ามหาวิทยาลัย ผมรอพวกท่านอยู่ที่คณะเพื่อเข้าพิธีปฐมนิเทศ ตอนนั้นเองที่ผมได้พบกับเขา

‘หวัดดี เราชื่อเอก นายจบที่เดียวกับเราใช่มะ เคยเห็นอยู่ที่ห้องสมุดบ่อยๆ เราก็ชอบเข้าไปนอนเล่นในนั้นเหมือนกัน อยากจะทักหลายครั้งแล้ว แต่เห็นตั้งใจอ่านหนังสือเลยไม่อยากกวน นายนี่นั่งได้นิ่งดีชะมัด อยู่ไปได้ยังไงทีละหลายๆชั่วโมงอย่างนั้น มาก็เช้า กลางวันยังอุตส่าห์ไปนั่งอีก เออ ว่าแต่แว่นนายเท่ห์ดีนะ ยี่ห้ออะไรน่ะ?’

ตอนนั้นผมก็แค่คิดว่า เจ้าหมอนี่แปลกดี อยู่ดีๆก็เข้ามาคุยกับใครก็ไม่รู้ได้สนิทสนมอย่างนี้ แถมยังพูดได้น้ำไหลไฟดับโดยที่ผมแค่พยักหน้าตามยังแทบไม่ทัน

ตั้งแต่นั้นมา พวกเราก็ถูกเรียกว่าคู่หู เห็นคนหนึ่งก็ต้องเห็นอีกคนด้วยเสมอ เขายังเป็นฝ่ายพูดมากและผมเป็นฝ่ายพยักหน้าฟัง เขาอ่านหนังสือเยอะผิดคาดทั้งๆที่ตัวเองบอกเสมอว่าแค่เข้าห้องสมุดไปนอนเล่น เท่านั้น เขามีนิสัยเด็กๆทั้งๆที่ความคิดภายในของเขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว

ถ้ามองจากภายนอกคงจะบอกได้ ว่าเขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่ง ผู้หญิงในและนอกคณะมากมายชอบเข้ามาคุยเล่นกับเขา ซื่งเขาก็ตอบกลับได้อย่างเป็นธรรมชาติและสนุกสนานเสมอ เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดให้คนรอบข้างอยากเข้ามาทำความรู้จักด้วยจริงๆ เพื่อนผู้ชายต่างเข้ามาชวนเขาเล่นกีฬาช่วงพักเที่ยงและหลังเลิกเรียน ซึ่งบางครั้งเขาก็ตอบรับคำชวนนั้นและลากผมให้ต้องออกจากห้องสมุดไปนั่งกาง หนังสืออยู่ข้างสนามบาส จนช่วงหลังๆบางทียังลากผมลงไปวิ่งกะหยอกกะแหยกอยู่กลางสนามด้วยเลย แต่ผมก็รักที่จะนั่งมองเขาอยู่ข้างๆสนามซะมากกว่า เพราะผมเป็นคนที่เคยเล่นกีฬาแค่ในวิชาพละศึกษาเท่านั้นเอง

ดูเผินๆเขาสนิทกับทุกๆคน แต่ในใจผมก็ยังรู้สึกภูมิใจนิดๆที่เขาให้ความสำคัญกับผมมากกว่าใครๆ เมื่อถึงเวลาต้องเลือกระหว่างเพื่อนคนอื่นกับผม เขาจะเลือกผมก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ

ห้องชีวิตแคบๆของผมที่เดิมมี พ่อแม่ และหนังสือกองพะเนิน จึงมีเขาเข้ามาอีกคน และเขาคนนี้เองที่เป็นคนไขกุญแจห้อง เปิดประตูให้ผมได้ออกวิ่งในโลกภายนอกโดยมีเขาคอยพยุงอยู่ข้างๆ

จนวันที่พ่อแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุ ชีวิตของผมจึงเหลือแค่เขา และหนังสือที่ตอนนี้อ่านน้อยลงอย่างเหลือเชื่อตั้งแต่ที่เขาเข้ามา

เรารับปริญญาด้วยกัน เข้าทำงานที่เดียวกัน และบ่อยครั้งที่เขามานอนค้างคืนที่บ้านของผม ความสัมพันธ์ของเราคือเพื่อนที่สนิทมากเสียจนเรียกได้ว่าครอบครัวอย่างไม่ ขัดเขิน ลูกคนเดียวอย่างผมเพิ่งเข้าใจวันนี้เอง ว่าทำไมเพื่อนที่มีพี่น้องถึงชอบเอามาคุยอวดนักหนา

แต่ผมกลับไม่อยากหยุดความ สัมพันธ์นั้นไว้แค่นี้ ผมเสียดในอกทุกครั้งที่ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแฟน เจ็บหัวใจทุกครั้งเมื่อเห็นเขาเดินกับใคร

และแล้วความหวังของผมก็เป็น จริง พวกเราก็ก้าวหน้าไปมากกว่าเดิม ประมาณหนึ่งปีที่แล้ว หลังจากที่เขาบอกเลิกแฟนสาวไป เขาวิ่งฝ่าสายฝนกลับบ้าน กอดผมที่เปิดประตูมารับเขาไว้แน่น แล้วกระซิบข้างหู

‘เรารู้ตัวเองแล้ว ฟา เรารู้ตัวแล้ว’ ผมยังจำความรู้สึกยากริมฝีปากบางคลอเคลียอยู่ที่แก้มได้ดี เขากระชับผมแน่นขึ้นซึ่งผมก็ไม่ได้ต่อต้าน ไม่ได้กลัวว่าเสื้อนอนจะเปียกฝนเลอะเทอะ ‘เรารักฟา เราขอโทษ เราห้ามตัวเองไม่ได้ เรารักฟา รักมานานมากแล้วด้วย’

...เราเป็นคนรักกันตั้งแต่วันนั้น...

...

...

ผมตื่นนอนทั้งน้ำตา ความฝันของผมมันชัดเจนเกินไป ผมรักเขามากซะจนไม่ยอมลืมแม้เรื่องเล็กน้อยที่พวกเราได้ทำด้วยกัน จากนี้ผมจะเป็นยังไงนะ เมื่อไหร่ที่ช่อกุหลาบเหี่ยวลง ประตูของผมก็คงจะปิดลง โลกของผมจะกลับมาเป็นห้องแคบๆดังเดิม จะเปลี่ยนไปก็ตรงที่ ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีเขาอีกต่อไป...เหลือเพียงกองหนังสือน้อยนิดเท่านั้นเอง

 ท้องฟ้าภายนอกยังไม่สว่างดีแต่ก็ไม่อาจข่มตานอนหลับได้ ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจ จัดการธุระส่วนตัวทุกอย่างจนเรียบร้อยก่อนจะออกไปทำงาน

ที่ทำงานยังคงมีเขาเหมือนเดิม เขากล่าวอรุณสวัสดิ์กับผมเหมือนเดิม ทุกๆอย่างเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“คืนนี้ว่างรึเปล่า?” ตอนพักเที่ยงเขาเดินเข้ามาถามผม ซึ่งผมก็พยักหน้าตอบไป

“งั้นไปหาอะไรกินกัน เราอ่านเจอร้านอาหารญี่ปุ่น เค้าบอกว่าร้านนี้อร่อยมากเลย” นี่เป็นอีกอย่างที่เขาชอบ เขามักจะพาผมไปหาอะไรแปลกใหม่กินเสมอ จนผมที่เคยเป็นคนเลือกกินกลับกลายเป็นคนที่กินได้ทุกอย่าง

...ทุกอย่างไม่มีเปลี่ยนแปลงเลยจริงๆ...


+++++++++++++++++++++++++++++++++++


วันที่สามนับจากวันนั้น อากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้คนส่วนใหญ่คงเลือกที่จะนอนเล่นตากแอร์อยู่ที่บ้าน หรือออกไปเดินตามห้างสรรพสินค้า แต่พวกเราเลือกที่จะไปเที่ยวสวนผลไม้ต่างจังหวัดด้วยกัน

เราเลือกที่โล่งๆริมน้ำ ปูเสื่อกินอาหารที่แวะซื้อกลางทาง

ผมมองเขาที่ล้มลงนอนหัวหนุนสองแขนอยู่ข้างๆ ขณะที่ผมนั่งปอกเปลือกส้มป้อนเข้าปากเขาเงียบๆ

“นี่ เงยหน้าดูสิฟา เมฆวันนี้สวยเป็นบ้า”

ผมเงยหน้าตามที่เขาบอก โลกก็พลันหมุนติ้วเมื่อเขาดึงให้ผมล้มตัวลงนอนข้างๆอย่างไม่ทันตั้งคัว

“จะมองท้องฟ้า มันต้องนอนแผ่ลงมาอย่างนี้ นั่งเงยหน้ามองมันใช้ได้ที่ไหน” ผมต้องหยีตาด้วยแสงจากท้องฟ้ามันสว่างจ้าเกินไป

“เห็นก้อนนั้นมั้ย” เขาชี้ไปบนฟ้ากว้างให้ผมมองตาม “นี่น่ะ เหมือนจรวดเลย”

“ก็ไม่เห็นเหมือนตรงไหน” ผมพูดขัด เขาจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ

“โธ่เอ๊ย จินตนาการหน่อยซี่ จิน-ตะ-นา-กานน่ะ” เขาว่าพลางใช้นิ้วชี้วาดรูปในอากาศ “นี่ไงเล่า ตรงนี้เป็นหัว ตรงนี้เป็นหาง เห็นมั้ย มีไอพ่นด้วย”

“อือ เห็นก็ได้” ผมอือออตาม

เรานอนหลับตาลงฟังเสียงแมลงขัดปีกเพลินๆ

“…ฟา...”

“อะไรเหรอ?”

“เคยหวังบ้างมั้ย ว่าอยากให้อะไรๆมันไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนกับอวกาศที่ไม่มีที่สิ้นสุด”

ผมลืมตา พลิกตัวมองหน้าเขาที่นอนหงายอยู่ข้างๆ “มีสิ...”

“อะไรล่ะ?”

ผมเงียบไปนาน ไม่รู้ว่าควรจะตอบดีรึเปล่า...แต่ยังไงมันก็กำลังจะจบลงไปแล้ว การที่ผมจะพูดอะไรตามใจตัวเองสักหน่อยมันจะผิดสักแค่ไหนเชียว

“เราอยากให้ความรักที่นายให้เรามันไม่มีที่สิ้นสุด”

เขาอึ้งไปพักใหญ่ ถามผมทีเล่นทีจริง “แล้วรักที่ฟามีให้เราล่ะ ไม่อยากให้มันไม่รู้จบบ้างเหรอ”

“เราไม่จำเป็นต้องหวังให้มันไม่รู้จบหรอก เพราะมันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

เขายิ้มให้ผม เราสบตากัน ศีรษะของผมโน้มลงตามแรงของมือใหญ่ที่วางนาบที่ท้ายทอย พลางเปลือกตาของเราค่อยๆหรี่ปรือ

เราจูบกันอ้อยอิ่งเนิ่นนาน รสจูบเจือกลิ่นส้มหอมหวานเหลือเกิน

...เพียงแต่สำหรับผม มันกลับมีรสขมปนอยู่หน่อยๆให้สะดุดในใจ...

...ผิดไหม ที่คนเราจะแกล้งลืมบางอย่างที่ไม่อยากจะจำ...

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++


วันที่หกตอนบ่ายๆ เขามานั่งเล่นที่บ้านเหมือนเดิม อยู่ๆก็ถามขึ้นมา “กุหลาบเหี่ยวหมดแล้วรึยัง?”

เวลาไม่เคยหยุดเดิน วันที่ผมไม่อยากให้มาถึง...สุดท้ายก็เดินทางมาอยู่ดี

ผมตอบเขาไปตามความจริง “ไม่รู้สิ เราไม่ได้ดู”

เขาจับมือผมไว้ มือใหญ่ของเขายังคงอบอุ่นเหมือนเคย “เก็บไว้ในห้องเล็กใช่มั้ย?” โดยไม่ฟังคำตอบ เขาก็ออกเดินไปยังทิศทางของห้องที่ผมไม่อยากย่างกรายเข้าไปใกล้ ทางเดินทอดยาวที่คุ้นเคยยามนี้ราวกับปลายทางสุดท้ายที่ผมจะต้องเจอ ...ปลายทางที่ไม่มีเรา ไม่มีเขา...จะมีก็แต่ผมเพียงคนเดียว

 …แอ๊ด...

เสียงเบาๆของประตูดังเสียด ลึกเข้าไปในจิตใจ มือที่จับมือของผมไว้คลายออกช้าๆก่อนจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระ แสงแดดที่สอดลอดผ้าม่านหน้าต่างสีชมพูในห้องทำให้แลดูอบอุ่น นุ่มนวล แต่ก็เหงาหงอยไปในคราวเดียวกัน ผมหลับตาลง หวังเหลือเกินว่า นี่คงจะไม่ใช่วันสุดท้ายของเรา อยากจะหลอกตัวเองเหลือเกิน ว่าเมื่อลืมตาขึ้นแล้ว จะได้เห็นกลีบกุหลาบแม้เพียงกลีบเดียว ยังคงอวดสีสันสดใสต่อไป

ทั้งๆที่คิดว่าทำใจได้แล้ว แต่มันไม่ใช่เลย...ผมยังคงยึดติดกับความหวังความฝัน อยากให้เราได้รักกันต่อไปอีกแม้เพียงสักวันก็ยังดี...อยากให้รักที่เขามีให้ ผม...เป็นนิรันดร์

มือใหญ่ดุนหลังผมให้เข้าไปใน ห้องช้าๆ กลิ่นกุหลาบที่อวลฟุ้งในวันก่อนกลับกลายเป็นกลิ่นอบอ้าวของแสงแดดเจือกลิ่น แห้งกรอบของดอกไม้ช่อใหญ่ สองมือของเขาเลื่อนมาจับอยู่ที่บ่าของผม บีบเบาๆก่อนที่เสียงทุ้มนุ่มจะดังขึ้นข้างๆหู “ลืมตาสิ ฟา”

แสงแดดในห้องกระทบเข้าตามาก ขึ้นเรื่อยๆ ภาพของพื้นห้องผ่านเข้ามาในลานสายตา กลีบกุหลาบสีน้ำตาลแห้งที่หล่นอยู่ที่พื้นเรียกให้ขอบตาร้อนผ่าวอย่างห้าม ไม่อยู่ มือของเขาเลื่อนจับที่ปลายคาง เชยให้ผมเงยหน้าขึ้นสูง ผมกวาดตาไปยังขาโต๊ะโบราณสีน้ำตาลเข้ม ลวดลายของมันล้อแสงแลดูสวยงาม ริบบิ้นช่อดอกไม้ที่หล่นคลอเคลียขาโต๊ะขยับน้อยๆตามแรงลมที่พัดเข้ามาในห้อง ช่อดอกไม้ยังคงอยู่ที่เดิม...ที่ที่ผมวาางไว้เมื่อหกวันก่อน เพียงแต่กลีบสีแดงสดชุ่มน้ำกลับกลายเป็นกลีบกุหลาบที่แห้งกรอบติดก้าน ผมไม่มีเวลาได้พิจารณามันนานนัก เพราะน้ำที่คลอหน่วยในตามันกลบภาพไปหมด

“อย่าเพิ่งร้องไห้ คนดี” เสียงของเขายังคงนุ่มนวลปลอบโยน...เขายังคงใจดีกับผมเสมอ แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เป็นคนรักกัน นิ้วของเขาปาดน้ำตาออกให้ เผยให้ผมได้เห็นบางสิ่งที่น่าแปลกใจ

ช่อกุหลาบช่อใหญ่แห้งเหี่ยวหมดดังที่ผมคาดไว้จริงๆ

...แล้วดอกกุหลาบสีแดงสดกลางช่อมันคืออะไร...

นี่ผมตาฝาดไปหรือเปล่า แสงสีชมพูในห้องมันหลอกตา หรือว่าเป็นผมเองที่หลอกตัวเอง

ผมก้าวเข้าไปใกล้ช่อดอกไม้ หยิบดอกแดงตรงกลางช่อดึงออกมาอย่างเบามือ กลัวเหลือเกินว่ามันจะเป็นแค่ภาพลวงตา

...แต่มันเป็นดอกกุหลาบจริงๆ...

กลีบแดงสวยทำจากผ้ากำมะหยี่ เนื้อนุ่ม สะท้อนหยอกล้อแสงอาทิตย์ยามบ่าย ใบสีเขียวเข้มทำจากผ้าอัดแข็ง เช่นเดียวกับก้านที่ทำจากกระดาษพันแกนไม้...มันเหมือนจริงซะจนถ้ามองจากไกลๆ ก็คงไม่รู้ว่ามันไม่ใช่ของที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติสรรสร้าง

ผมเงยหน้ามองเขา ใบ้รับประทาน เขายิ้มให้ผมอย่างขอโทษขอโพย “ขอโทษจริงๆ ไม่คิดว่าจะเสียใจขนาดนี้ อยากจะบอกตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ว่า...อยากให้ฟามาดู...รับรู้ด้วยตาตัวเองมากกว่า ขอโทษจริงๆ ไม่โกรธเรานะฟา ขอโทษนะ” ประโยคเดียวเจอคำขอโทษไปสามครั้งทำให้รู้ว่า เขาคงจะรู้สึกผิดมากจริงๆ

แรกสุดผมดีใจมาก...เมื่อคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่เรื่องล้อเล่น

ต่อมาผมโกรธ…โกรธที่เขาทำให้ผมนั่งกลุ้มใจเป็นไอ้บ้าถึงหกวันครึ่งกับอีกห้าคืน

และท้ายสุด เมื่อผมแปลความหมายของข้อความตั้งแต่วันแรก และสายตาที่เขาส่งให้ผมตอนที่เขายืนยันว่า ข้อความในการ์ดนั้นเป็นความจริง...ทำให้ผมโกรธเขาไม่ลง

เราจะรักกันจนถึงวันที่กุหลาบแห้งหมดช่อ

...จะแห้งหมดได้ยังไง ในเมื่อกุหลาบปลอมมันไม่มีวันแห้งเหี่ยวโรยรา...

ผมกอดเขาไว้ ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างอบอุ่น เขาก็กอดตอบผมพลางตบหลังเบาๆราวกับกล่อมเด็ก

ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ถามเขาเจือเสียงสั่นๆ “แล้วถ้ามันเปื่อยหมดจะทำยังไง นายจะเลิกรักเรามั้ย?”

เขาพูดปนหัวเราะ “ไม่เห็นยาก...ก็ซื้อให้ใหม่อีกช่อนึงสิ ถ้ามันเปื่อยอีก ก็ซื้ออีก ยังไงเค้าก็ผลิตทันเราซื้อให้ฟาอยู่แล้ว”

นิ้วใหญ่ของเขาเชยคางผมขึ้นให้ดวงตาเราได้สบกัน  “ฟาไม่ต้องหวังให้เรารักฟาไม่มีสิ้นสุดหรอก เพราะเราจะรักฟาตลอดไปอยู่แล้ว”

ผมและเขาหลับตา ระยะระหว่างใบหน้าสั้นลงเรื่อยๆ ก่อนที่ริมฝีปากของพวกเราจะประกบสนิทแนบแน่น

...

...

ตอนนี้ผมชักขอบคุณตัวเองแล้ว ที่ในวันนั้นผมไม่คิดสั้นโยนกุหลาบกลับคืนเขาไป หรือเขวี้ยงมันลงพื้นกระทืบซ้ำแล้วชิงบอกว่าเราเลิกกันเสียก่อน ผมพิสูจน์แล้วว่า ศักดิ์ศรีน้อยนิดมันเทียบไม่ได้กับความรักยิ่งใหญ่ที่ใจของผมมี ตราบใดที่ผมเลือกจะรัก ตราบใดที่ผมเชื่อในความรัก แม้จะไม่ได้ความรักตอบแทน ผมก็ยังภูมิใจที่จะบอกให้ตัวเองได้รู้ว่า

...ผมยังคงรักเขาตลอดไป...

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++

END


*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 16:09:31 โดย THIP »

anna1234

  • บุคคลทั่วไป

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
เอาๆๆๆๆๆใจเย็นเพ่ หนูอ่านม่ายทันอ่ะ

ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2

Mp_qM

  • บุคคลทั่วไป

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
งดงามจริงๆ หนอความรัก   :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆ ครับ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4

animob

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ อ่านแล้วรู้สึกดีจัง

tsuya

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ประทับใจนิยายของคุณลูกหมูทุกเรื่องค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
 :L2:ชอบอีกแล้ว ไปโหวตให้ก่อนอ่านอีกนะเนี่ย

ออฟไลน์ yr_meteor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

:m23:

เอกเล่นอะไรเนี่ย? เอาช่อดอกไม้มาเดิมพันกับเรื่องความรัก

แต่ไหงเล่นเอาดอกไม้ปลอมมาใส่อ่า   :m16:

โห...ลุ้นนะเนี่ย!  :serius2:

hours

  • บุคคลทั่วไป
ดีแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

นึกว่าจะต้องเหี่ยวหมดซะละๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

chalee1983

  • บุคคลทั่วไป
ซึ้งดี  สัน ๆ งาย ๆ

ขอบคุณนะค่ะ

ออฟไลน์ Lukaka

  • ★น้อยนิดมหาศาล★
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 613
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
แอบลุ้น ช่วยฟา มาตั้งนาน

ใจหายหมด


แต่ก็จบลงด้วย ดี ^^

ออฟไลน์ moonlight

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-0
ลุ้นแทบแย่  :เฮ้อ:

ในที่สุดก้อสมหวัง

patz

  • บุคคลทั่วไป
เคยอ่านรอบหนึ่งแล้ว ตอนตามไปที่ blog แต่อ่านอีกกี่ที่ ก็รู้สึกดีได้ตลอดเลยครับ

 :L2: :L2:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
เป็นเรื่องสั้นที่น่ารักจริงๆ
แต่ลุ้นเหลือเกิน ว่าจะหักมุมหรือเปล่า
ลูกหมูไม่ทำให้ผิดหวังเลย เยี่ยมมากๆ
รักไม่มีวันจาง ต่อให้เป็นดอกไม้สดจริง แห้งแล้วก้อซื้อให้ใหม่ไ้ด้อีก เอากะเค้าสิ 555 น่่ารักๆ ชอบมากๆ
ขอบคุณลูกหมูและคนโพสมากจ้า  :L2:

ออฟไลน์ Ferfa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-2
 :sad4:อ่านแล้วซื้งอะ ซื้งจนร้องไห้เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






tnat

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องสั้นแต่ได้ใจความ
โรแมนติกดีครับ
ขอบคุณครับ

jele

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ชอบเรื่องของคุณลูกหมูทุกเรื่องเลย
ใช้ภาษาได้ดีมากค่ะ

เรื่องนี้ก็ยังชอบค่ะ
แต่ว่ารู้สึกว่าจะทำร้ายจิตใจไปนิดนะ
ไม่รู้ซิ ถ้าเป็นเราคงจะไม่หายโกรธง่ายๆเหมือนฟา (มั้ง)

ออฟไลน์ cartoons

  • "ละอองกอ"
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
 :กอด1: ชอบบบบบบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ






อิอิ


ออฟไลน์ kungyung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
ซึ้งกินใจเลยคร้าบบบบบบบบบบบ :o12:

BABOO

  • บุคคลทั่วไป

moony

  • บุคคลทั่วไป

mixmix

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องสุดยอดมากเลยค่ะ  o13

เขียนได้ลึกซึ้งมากๆ ชอบมากๆเลย  :L2:

ออฟไลน์ Nichdia

  • สักวันผมจะเจอ...
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
ความรักสวยงามครับ

อีกมุมมองหนึ่งที่ได้รับ

ขอบคุณมากครับ

chae

  • บุคคลทั่วไป
พี่ลูกหมูแต่งหรอ?

ซึ้งมากกกกกกกก น้ำตารวงไปหลายแหมะเลย T^T

อ่านแล้วทำให้ย้อนมามองตัวเอง ไม่อยากจบปีสามเลยอ่ะ

ถ้าจบก็จะไม่ได้เจอเขาอีก ไม่อยากจบเลย ฮือ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด