ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 18 (หวาน...หวาม)
(ครึ่งแรก)"วันนี้คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับยุ?"
เสียงทุ้มกังวาลเอ่ยถามอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ ขณะที่สดายุยังคงแช่น้ำอุ่นคลายความเหนื่อยล้า
'เป็นหมาแก่เฝ้ายามรึไง...เฮ้อ...นี่เรากำลังถูกหลงรักใช่มั้ยเนี่ย?'
ฝ่ายสดายุเองก็ได้แต่คิดโน่นคิดนี่ไม่ยอมตอบออกไปเสียที ทิ้งหน่วงเวลาเนิ่นนานจนคนที่ยืนรอคำตอบอยู่หน้าประตูนั้นเริ่มมีอาการกังวล
"ยุครับ? นี่คุณห้ามหลับในอ่างน้ำนะ!"
เห็นว่าสดายุยังไม่ยอมตอบรับกฤตเมธก็เริ่มใจไม่ดีด้วยกลัวว่าสดายุจะเผลอหลับคาอ่างแล้วจมน้ำไปทั้งๆอย่างนั้นเสียก่อน (คนแก่จิตตก) จึงรีบเคาะประตูถามไถ่อย่างเร่งร้อน
"ผมยังอยู่ดีน่าคุณเมธ ผมทานอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ จัดมาเถอะ"
เสียงแหบหวานตะโกนออกมาท่าทางติดจะหงุดหงิดเล็กๆ ค่อยเรียกความโล่งใจให้กฤตเมธขึ้นมาหน่อย
'...ถ้าตื่นอยู่ก็ช่วยตอบให้มันเร็วๆหน่อยสิเจ้าเด็กอวดดี...เฮ้อ...ตกใจหมด'
เสียงเงียบหายออกไปจากหน้าประตู แสดงว่ากฤตเมธเดินออกไปจากตรงนั้นแล้ว สดายุถอนหายใจเฮือกยาวก่อนจะขดตัวขึ้นกอดเข่าตัวกลมดิกพลางซุกใบหน้าลงบนท่อนแขนผอมบาง กลิ้งหน้าถูไถไปมาราวกับลูกบอลอยู่ครู่ใหญ่ๆก่อนจะเงยหน้าพรวดขึ้นมาถอนหายใจยาวเหยียด
"เฮ้อ.....ร้อนหน้า...กำเดาจะไหล..."
บ่นออกมาแบบไร้ความหมาย กับใบหน้าที่ขึ้นรอยแดงเป็นริ้วบางๆ เห็นท่าจะไม่ไหวกับอาการที่เกิดอย่างไร้ที่มาของตัวเองตอนนี้ ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจลุกออกจากอ่างน้ำอุ่น เพื่อเสร็จสิ้นการอาบน้ำที่ยาวนานของตนเสียที
*
*
*
"ทำไมปล่อยผมเปียกซ่กอย่างนั้นล่ะคุณ? เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี"
เสียงกฤตเมธดังขึ้นทันทีที่เห็นสดายุออกจากห้องน้ำมาได้ในที่สุด
ตั้งแต่ยินยอมพร้อมใจให้เข้าใกล้ได้แบบไม่มีติดขัดนั้น รู้สึกคำเตือนคำสั่งสอนด้วยความเป็นห่วงเป็นใยจะเยอะขึ้นตามตัวไปด้วยเช่นกัน อันนั้นไม่ดี อันนี้ไม่ได้ จนสดายุยังรู้สึกละเหี่ยใจ...
'นี่จะจีบไปเป็นแฟน...หรือเป็นลูกกันแน่เนี่ย?'
สดายุได้แต่คิดในใจโดยที่ไม่แม้แต่ชำเลืองไปมองคนที่ยืนรออยู่อย่างเป็นห่วงเป็นใยที่โต๊ะอาหารเล็กๆในห้อง ร่างโปร่งเดินเลยไปจนถึงโต๊ะเครื่องแป้งหน้ากระจก เพื่อหยิบครีมบำรุงผิวขึ้นมาทาเป็นกิจวัตร ปล่อยให้กฤตเมธยืนรอไปก่อนอยู่อย่างนั้น อย่างน่าเห็นใจไม่น้อย
พรึ่บ...
'…!!!?'
"เด็กดื้อนะคุณเนี่ย"
"......................." ( - //// - )
และแล้วคนแก่กว่าก็ไม่ยอมให้ตัวเองถูกหมางเมินนานนัก ผ้าขนหนูผืนน้อยเลยขึ้นไปโปะอยู่บนศีรษะของสดายุในที่สุด พร้อมมือแกร่งช่วยขยี้ซับความเปียกชื้นให้อย่างอ่อนโยนอีกด้วย
"................"
"................"
ต่างคนก็ต่างเงียบ กฤตเมธช่วยซับผมเปียกให้คนตัวเล็กกว่าอย่างตั้งอกตั้งใจ สดายุก็ยืนนิ่งรับความช่วยเหลืออย่างไม่มีขัดขืนฝืนกาย
"...หมาดขึ้นแล้วล่ะ เป่าด้วยเลยมั้ย?"
"...ก็ได้"
"เอ้า นั่งลงก่อนสิ เดี๋ยวเป่าผมให้"
กฤตเมธเอ่ยเสียงทุ้มหวาน กดไหล่สดายุเล็กน้อยให้เจ้าตัวนั่งลงบนเก้าอี้นวมตัวเล็กหน้ากระจกพอดิบพอดี ใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในกระจกของสดายุนั้นเรียบนิ่ง เฉยสนิท แต่...ใบหูที่แดงซ่านนั่นทำให้กฤตเมธรู้ได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าเด็กอวดดีขี้เก็กของเขานั้น...ก็เขินกับเขาเป็นเหมือนกัน
วู่ วู่ วู่...
เสียงไดร์เป่าผมปล่อยลมอุ่นเสียงหวืดหวือชำระละอองน้ำฝอยให้เหือดระเหย คืนความนุ่มสลวยสู่เส้นผมอีกครั้ง
หนึ่งหนุ่มใหญ่พึงใจที่ได้ให้บริการ...
อีกหนึ่งหนุ่มน้อยก็พอใจที่ได้รับบริการเช่นกัน ...
ความหวามไหวปะทุขึ้นกลางอกทั้งคู่ราวกับลาวาภูเขาไฟที่กำลังพร้อมจะลุกไหม้และระเบิดได้ทุกเวลาที่มีสิ่งเร้า...โดยเฉพาะเมื่อตาสบตาผ่านกระจกใสสะท้อนสองร่างซ้อนกันอยู่ นิ้วมือแกร่งค่อยๆเลื่อนจากการสางเส้นผม ไล่เลื้อยเรื่อยมาถึงพวงแก้มนุ่มนิ่ม ลอบสัมผัสผิวนุ่มลื่นลงไปจรดปลายคาง เสแสร้งแกล้งว่าช่วยจัดทรงผมให้ มีหรือที่สดายุจะตามไม่ทันการลอบแตะอั๋งแบบไม่ตั้งใจนี้เพราะมันไม่ได้เนียนเลยแม้แต่นิด ทว่าสดายุก็ไม่ได้กระโตกกระตาก ซ้ำยังยินยอมให้สัมผัสอยู่อย่างนั้น...บางทีเล่ห์กลคนแก่ก็ทำสดายุแพ้ทางได้เหมือนกันนะ
ราวกับจะลืมหายใจ...เมื่อดวงตาสบกันนิ่งผ่านกระจกบานใสอย่างไม่สามารถละจากกันได้
เมื่อถูกจับจ้องราวกับต้องมนต์สะกด สดายุก็ถึงกับนั่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับไปไหนเพราะถูกสายตาคมกล้าลึกล้ำของกฤตเมธตรึงไว้กับที่เสียแล้ว ภาพที่เห็นผ่านกระจกตอนนี้นั้นคือภาพของกฤตเมธที่ค่อยๆโน้มตัวต่ำลงมาเรื่อยๆ ใบหน้านั้นโน้มเข้ามาใกล้จากด้านหลังเรื่อยๆ มือแกร่งทั้งสองข้างที่วางแหมะอยู่ตรงหัวไหล่ค่อยๆเกลี่ยปลายนิ้วโป้งคลึงตรงส่วนโค้งมนแผ่วเบา...ทั้งที่การกระทำนั้นอยู่บนผิวผ้า ทว่าความระอุร้อนก็เหมือนจะซึมผ่านลงมาถึงผิวเนื้อราวกับไร้สิ่งปิดป้อง หัวใจของสดายุกระตุกวูบวาบ พาลให้ลมหายใจขาดห้วงทุกวินาทีที่ใบหน้าหล่อคมนั้นเคลื่อนเข้าใกล้ และโดยไม่ได้ตั้งใจ สดายุเพิ่งจะเคยได้เห็นเต็มตาครั้งแรก ได้ซึมซับความหล่อเหลาของกฤตเมธเต็มความรู้สึกครั้งแรก เสน่ห์แรงกล้าของผู้สูงวัยกว่าแผ่ซ่านซึมลึกเข้าสู่ทุกอณูขุมขน...
'...แย่แล้ว...เรากำลังจะแย่แล้ว...'
พยายามเตือนสติตัวเองอยู่ในใจ แต่ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว...
ใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกใสแดงซ่านเสียยิ่งกว่าคนเป็นไข้ ดวงตาที่ถูกสะกดไว้กับกระจกบานนั้นเต็มไปด้วยความสับสน อีกทั้งยังประหม่า...แต่ทว่า...ช่างเชื่อมปรอย อย่างที่ตัวเองยังไม่เคยได้เห็นมาก่อน
'อ๊ะ...'
ร่างโปร่งบางสะท้านเฮือกเมื่อช่องว่างระหว่างคอเสื้อยืดใส่นอนกับผิวเนื้อผ่องตรงซอกคอขาวโดนลอบจุมพิตด้วยริมฝีปากร้อนระอุราวไฟนาบ มือไม้ที่ควรจะขัดขืนดันอ่อนเรี่ยวแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หนึ่งมือแกร่งเกี่ยวคอเสื้อยืดให้เปิดออกเพื่อเผยผิวเนื้ออย่างถือวิสาสะ ส่วนอีกข้างก็บรรจงเชยปลายคางให้เอนเอียงเผยช่วงคอระหงเพื่อเปิดรับจุมพิตเร่าร้อน
"...อึก..."
เสียงลมหายใจสะดุดดังขึ้นผะแผ่วขณะที่ลำคอขาวกำลังถูกจาบจ้วงรุกราน แม้จะไม่ใช่จูบที่หนักหน่วง เป็นเพียงแค่จุมพิตแผ่วผิว กดย้ำริมฝีปากบางเบาลงบนต้นคอระหงพอให้เจ้าขอได้รู้สึกวาบหวิว เพราะไม่ได้ต้องการฝากริ้วรอย
"…!!?..."
ทั้งที่ถูกรุกรานแต่หัวใจกลับเคลิ้มไหว ขนาดถูกเชยรั้งใบหน้าให้หันไปขึ้นรับจุมพิตพิสวาส ร่างโปร่งก็ได้แต่สั่นสะท้านรับสัมผัส อย่างลืมเนื้อลืมตัว
สัมผัสหวามไหวที่ห่างหายมานานแสนนาน ทำเอาสติสตังของสดายุกระเจิงหายไปไหนต่อไหนอย่างยากจะกู่กลับ รสจูบของกฤตเมธหวานยิ่งกว่าหวาน ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากที่บดคลึงลงมาอย่างร้อนเร่า หรือแม้แต่ปลายลิ้นช่ำชองเกี่ยวกระหวัดเร่าร้อน ทุกการกระทำโน้มนำให้สมองของสดายุหลอมละลายกลายเป็นน้ำ...
'...แย่...แย่แล้ว...'
รสจูบละมุนลิ้นเกินไป อ้อมกอดเร้าใจเกินไป อนุสติที่เหลือของสดายุได้แต่ตะโกนก้อง ร้องขอให้ชายหนุ่มรู้ตัวก่อนจะละลายหายไปเสียตรงนี้
"...ฮ้า...อึก...พอก่อน..."
ดีว่าความยับยั้งชั่งใจยังพอเหลืออนุภาพ ให้ยังพอมีเรี่ยวแรงยกมือขึ้นใช้นิ้วเรียวขาวขึ้นปิดป้องริมฝีปากร้ายกาจที่กำลังจะเปิดฉากล่วงล้ำอีกรอบไว้ได้ทันการ สองร่างหอบหายใจถี่กระชั้น ฤทธิ์จูบซาบซ่านซึมลึก กระตุ้นให้หัวใจสองดวงเต้นระส่ำอย่างลืมตาย
".................."
"...................."
หลังการโรมรันยุติลงทั้งกฤตเมธและสดายุก็ยังคงอยู่ในภวังค์กันครู่ใหญ่ ต่างคนต่างนิ่งเงียบ ได้แต่จ้องตากันนิ่ง ใบหน้าผู้สูงวัยกว่าก็ชวนเคลิ้มด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาโหยหา ใบหน้าของผู้อ่อนวัยกว่าก็ชวนฝัน ดวงตาเชื่อมปรอยหวานฉ่ำ พวงแก้มสีแดงจัดด้วยแรงอารมณ์ ริมฝีปากบางนั้นเล่าก็ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำพราววาวแวว แถมยังเจ่อแดงเตะตาน่ารังแกยิ่งนัก...
กว่าที่ทั้งคู่จะตื่นสู่ความจริงได้เวลาก็ล่วงไปเป็นนาที เป็นกฤตเมธที่เป็นฝ่ายคืนสติก่อนจึงกระตุกยิ้มยั่วเย้า เมื่อเห็นว่าสดายุยังคงเหม่อลอยด้วยดวงหน้าแดงซ่าน และทันทีที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มเยาะ สดายุก็รู้ตัวทันทีว่าตัวเองกำลังอยู่ใสสภาพที่น่าอายขนาดไหน ยินยอมให้อีกฝ่ายรุกรานโดนไม่มีการขัดขืนช่างเป็นอะไรที่สดายุอยากหารูมุดแผ่นกระเบื้องหายไปให้พ้นๆเสียตอนนี้จริงๆ...
"...ฉวยโอกาส"
".........??"
เสียงแหบพร่าตามไสตล์ผู้ชายแหบเสน่ห์เปรยขึ้นเบาๆ ดวงตาใสกระจ่างที่เคยจดจ้องอีกฝ่ายอยู่เมื่อครู่หลุบต่ำ
"เก่งจังนะ เรื่องเอาเปรียบคนอื่นเนี่ย..."
จากนั้นถ้อยคำแสลงใจก็ลั่นออกมาเป็นชุด กฤตเมธรู้ตัวรีบผละตัวถอยห่าง ออกมายืนในท่ายกมือสองข้างขึ้นแทนการยอมแพ้ และยอมรับความผิดทุกประการ
"โอเคครับ ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว..."
คำขออภัยเอ่ยออกมาอย่างง่ายดาย เพราะเจ้าตัวรู้สึกผิดจริงจัง(?) ที่เผลอลืมตัวทำเกินเลย ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ขัดขืนก็ยิ่งได้ใจ แต่...จะให้รับผิดคนเดียวก็กระไรอยู่ เรื่องแบบนี้ต้องร่วมด้วยช่วยกันถึงจะถึงฝั่งได้ ถ้าสดายุไม่สมยอมตั้งแต่แรก ก็คงไม่ลากยาวถึงขนาดนี้ เพราะฉะนั้น กฤตเมธขอเห็นแก่ตัว โดยการคิดเข้าข้างตัวเองนิดหน่อยให้พอกระชุ่มกระชวย
"...ผมขอโทษจริงๆนะ"
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ ดวงหน้ายังคงเห่อแดงน่ารักน่าใคร่ กฤตเมธก็ค่อยๆโน้มตัวลงใกล้ เพื่อทำการขอโทษเน้นๆอีกครั้ง พร้อมทั้ง...
"คราวหน้า...ผมจะขออนุญาตก่อนนะครับ"
...เอ่ยขออนุญาตเบาๆ
"....นี่คุณ!!??"
"ไปทานอาหารเย็นกันได้แล้วครับ เดี๋ยวพาสต้าจะเย็นหมด"
พูดจบก็ยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินกลับไปนั่งประจำที่ตัวเองที่โต๊ะอาหารโต๊ะเล็ก ด้วยหน้าตาที่ไม่ค่อยจะรู้สึกผิดสักเท่าไหร่นัก เรียกความหมั่นไส้ในใจของสดายุให้คุกรุ่นขึ้นมาอีก...ครั้งแล้ว ครั้งเล่า...
"จะสิงอยู่ในห้องผมเลยมั้ยคุณ? ผมจะได้ย้ายไปอยู่ห้องคุณแทน!"
จัดไปหนึ่งดอกก่อนหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม กฤตเมธยังคงยิ้มรับ ไม่มีทีท่าสะทกสะท้านแต่อย่างใด
“ไม่กล้าสิงหรอกครับ เจ้าที่แรงขนาดนี้ ผมกลับห้องผมดีกว่า”
“...ให้มันจริงเถอะครับ”
ทั้งขับไล่ ทั้งค้อนใส่ตอกส่งสำทับ สารพัดที่สดายุจะทำใส่ตาแก่หน้าเป็นที่กำลังนั่งกินอาหารเย็นอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าคนร่วมโต๊ะนั้นตาขวางไปถึงไหนต่อไหน เพราะในสายตาของกฤตเมธนั้น...
‘มันน่ารักจะตาย’*************************************
จิรีบมาต่ออีกครึ่งนะจ๊ะ...
รอสักระยะ...
