(เรื่องสั้น) ผมคือ...พระเอก
ซีนที่ 12 (ครึ่งแรก)
"คุยกับพี่อ๊อดนานจังนะครับ...คุณสดายุ"
เสียงคุ้นเคยที่ไม่ควรอยู่ในห้องของเขา เสียงนั้นที่ดังอยู่ด้านหลัง เสียงเรียบเรื่อยไม่แสดงอารมณ์ใดๆแต่แฝงไว้ด้วยกระแสคุกคามอย่างเต็มที่...
เสียงของ...กฤตเมธ
สดายุไม่ได้กล่าวคำอะไรออกมาในทันที ได้แต่หันกลับไปมองคนที่ยืนร่วมห้องอยู่ช้าๆ ตอนนี้ความรู้สึกผิดที่ถาโถมกำลังกลายร่างเป็นความหวาดประหวั่นเข้าแทนที่
'เขา...กำลังส่อพิรุธ'
"......คุณ...ทำไมถึงอยู่ที่นี่?..."
ลมหายใจที่เหมือนจะสะดุดเล็กน้อยค่อยๆกลั่นคำพูดออกไปทีละคำ ในสมองเต็มไปด้วยความสับสนฟุ้งซ่าน
'ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้!!?' 'ทำไมถึงยังยิ้มอยู่ได้?'
"แปลกจัง...ผมบุกรุกห้องคุณอยู่แท้ๆ แต่คุณไม่ยักโกรธ เห็นเมื่อวานนี่ยังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ..."
กฤตเมธไม่ได้คุกคามมากไปกว่านั้น ร่างสูงยังคงยืนกอดอกนิ่งอยู่ตรงหน้าของสดายุ พลางส่งยิ้มให้ไม่ขาดเป็นปกติวิสัย กระทั่งคำถามที่ส่งมาก็ยังยียวนเหมือนเดิม หรือว่ากฤตเมธจะไม่ใส่ใจในเรื่องแบบนี้ กินเสร็จก็กลับเหรอ? นิ่งเกินไป ปกติเกินไป
"ไม่โกรธจริงๆเหรอเนี่ย?...หึหึ...แปลกจริงๆด้วย"
"....................เออ...ถ้าไม่มีอะไรก็กลับห้องคุณไปซะ...ห้องผมไม่ได้เป็นที่สาธารณะนะ...ที่คุณจะเปิดประตูเข้าออกกันง่ายๆแบบนี้น่ะ"
ได้แต่พูดออกไปตามบทที่ควรเป็น เนื่องจากเห็นว่ากฤตเมธยังคงปกติ สดายุก็ไม่กล้าจะทักอะไร เพราะเกรงจะเผยพิรุธมากไปกว่านี้ ทั้งๆที่เขาเองก็มีเรื่องสงสัยอยู่มากมายแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก
แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ เพราะกฤตเมธเปิดมันค้างเอาไว้ หนาว...แต่เหงื่อกาฬแตกซึมออกมาจนทั่วแผ่นหลัง สดายุไม่เคยลอบกัดใคร ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาต้องมายืนเผชิญหน้ากับความรู้สึกผิดจากการตัดสินใจพลาดไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หัวใจเต้นระทึก รู้สึกเหมือนเหงื่ออ่อนๆจะซึมอยู่แถวไรผม กระนั้นปลายนิ้วกลับเย็นเฉียบ ทำไมนะ ทั้งที่กฤตเมธก็ดูปกติธรรมดา ทำไมกัน ทำไมเขาถึงต้องกลัว...
ฝ่ายกฤตเมธพอจบคำของสดายุ พระเอกหนุ่มผู้ได้รับสมญานามว่า 'เทพบุตรแห่งวงการ' ก็ยิ้มหวานออกมาอีกครั้ง เขารู้ว่าคนตรงหน้ากำลังสับสน เขารู้ว่าคนตรงหน้ากำลังหวาดระแวง เขารู้ว่าคนตรงหน้ากำลังหวาดกลัว และรู้ดีว่าคนตรงหน้ากำลังพยายาม 'หนี'...หนีจากความผิดที่ตัวเองได้ลงมือก่อขึ้นกับเขาคนนี้ ความผิดที่เจ้าตัวเองก็รู้ดีว่า…
'มันไม่น่าให้อภัย!!'
และสิ่งนี้สดายุเองก็ยังไม่รู้...นั่นคือ...
เทพบุตรกำลังจะกลายร่างในไม่ช้า...
กฤตเมธกำลังจะลองสวมบทบาทใหม่...
‘ซาตานในคราบพระเอก...คงโฉดชั่วดีไม่น้อย’
"ไปสิคุณ จะมัวมายืนยิ้มอยู่ทำไมล่ะ!!? ผมจะทำธุระส่วนตัวของผมบ้าง!"
สดายุแสร้งโมโห และรีบไล่คนตรงหน้าไปให้พ้นๆ เขาต้องการอยู่คนเดียวเพื่อจัดระเบียบสมอง และทบทวนบางสิ่งบางอย่างให้เร็วที่สุด แต่ทว่า...เหมือนคนที่เขาเอ่ยปากไล่จะไม่ยอมออกไปอย่างที่เขาต้องการ
"ผมบอกให้คุณออกไปไง!!"
ชายหนุ่มเริ่มตวาด เมื่อกฤตเมธไม่ยอมไป แถมยังยืนยิ้มให้เขาราวกับคนบ้า ยิ้มที่ทำให้เขา 'กลัว'
"อะไรกันคุณ ปล่อยผมรอตั้งนาน มาถึงก็ไล่กันเลยเหรอ ลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าเรานัดทำอะไรกันไว้?"
".....อะ...อะไร?..."
"ไหนเรานัดกันไว้ไม่ใช่เหรอครับ...ซ้อมคิวน่ะ"
เอ่ยทวงสัญญาพลางสืบเท้าเข้าใกล้ กระแสคุกคามแผ่กำจายออกมาอย่างไม่ปิดบัง แม้แต่ใบหน้าที่ยังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ยังมีแววโกรธาแอบแฝง ร่างสูงใหญ่นั้นแผ่บรรยากาศกดดันอันมหาศาลออกมาไม่หยุด มวลอากาศหนักอึ้งจนสดายุแทบจะสำลัก แม้จะเบี่ยงตัวหลบออกมาจากจุดที่ถูกรุกรานได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หายใจโล่งขึ้น
"....ผ...ผมยังไม่พร้อม!! พรุ่งนี้แล้วกัน วันนี้ผมเหนื่อยแล้ว"
"หึหึ...เหนื่อยเหรอ?..."
"กะ...ก็ใช่น่ะสิ เหนื่อยแล้ว! ผ...ผมต้องช่วยพี่อ๊อดทั้งวัน ซ้อมไม่ไหวแล้วล่ะ!"
ปฏิเสธพัลวันพร้อมถอยห่างออกมาจนถึงอีกฟากของห้อง เพิ่งจะรู้สึกว่าหนีมาผิดทางก็ตอนที่กฤตเมธหันมายิ้มใส่ ขบขันกับท่าทางลนลานของเขา ผิดทางเพราะทีที่เขาหนีมาคือผนังห้องด้านปลายเตียงที่เป็นทางตัน ซ้ายมือคือเตียงนอน ขวามือคือผนังห้องที่ห่างกันแค่สองช่วงแขน หลังคือกำแพงห้อง ส่วนหน้าก็คือกฤตเมธที่กำลังยืนใช้ไหล่ซ้ายพิงประตูมองดูเขาอยู่ โดยที่สายตาที่จ้องมองมานั้นไม่อาจอ่านความหมายได้
"...เหนื่อย...ตรงไหนกัน?"
".........!!!?"
ในที่สุดรอยยิ้มที่ฉาบไว้บนใบหน้าตลอดนั้นก็หายวับไป สีหน้าเรียบนิ่งไม่อาจบ่งบอกอารมณ์ใดๆของกฤตเมธนั้นในที่สุดก็เริ่มตั้งคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ พร้อมกับค่อยๆย่างเท้าเข้าใกล้คนที่ยืนจนมุมอยู่อย่างสดายุช้าๆ
"เหนื่อย...ที่ต้องนั่งแช่รอชมผลงานของตัวเองอยู่ที่ร้านกาแฟตั้งครึ่งค่อนวันน่ะเหรอ?..."
"........!!!??..................................."
ลมหายใจของสดายุสะดุดเฮือกทันทีที่คำเฉลยบางอย่างหลุดออกมาจากปากของกฤตเมธ
'...รู้แล้ว!! กฤตเมธรู้แล้ว!!!'
หัวใจของสดายุกระตุกวูบอย่างไม่เป็นจังหวะจนรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะหน้ามืด ท้ายทอยชาปลาบ ปลายนิ้วมือนิ้วเท้าเย็นชืด แผ่นหลังเย็นวาบขึ้นทุกขณะที่อีกฝ่ายสืบเท้าเข้าหา
"น่ารักดีนะ...เจมส์น่ะ"
"..................................."
"คุยกันง่ายดี แค่จ่ายเงินให้ ถามอะไรก็บอกหมด หึหึ...คุณนี่ เลือกคนไม่เก่งเลยนะ"
".........................."
"คราวหน้าจะทำอะไรก็ให้มันเนียนหน่อย...สดายุ!"
ปึ้ง!!
คำพูดสุดท้ายจบลงตรงหน้าของสดายุที่ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อพร้อมกับกำปั้นที่ทุบลงบนกำแพงข้างตัวเขาอย่างหนักหน่วงตามแรงอารมณ์ที่คงคุโชนอยู่ไม่น้อย สดายุได้แต่ยืนนิ่งเงียบราวกับเป็นใบ้ ไร้ทางแก้ตัว
‘โจรกระจอกที่ถูกจับตัวได้ตั้งแต่ยังไม่ทันจะหนี’
"ผิดหวังมั้ย? ที่เด็กคุณทำงานไม่สำเร็จ หรือคุณเองก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ไปโอ้โลมไอ้นักแสดงหน้าใหม่นั่นอยู่ เด็กๆมันเคี้ยวง่าย ถึงใจดีมั้ยล่ะ...หึหึ...ถึงกับทิ้งตัวให้โอบให้กอดอยู่ตั้งนานสองนาน..."
เพี๊ยะ!!!
ใบหน้าคมสันหันไปตามแรงกระแทกของฝ่ามือแล้วนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ปากบอนที่ขุดคุ้ยไม่หยุดอยู่เมื่อครู่ถึงกับปิดเงียบ เหลือเพียงสายตาที่เหลือบมาอย่างคาดคั้นไม่เลิก
"หุบปากมอมๆของคุณไปซะ! เพราะสันดานปากแบบนี้ไง ถึงได้โดนจ้างคนมาล่อเอาน่ะ!! เป็นไงถึงใจมะ...อื้อออ!!!!!??????"
ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค ทั้งยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว สดายุก็ถูกกฤตเมธประกบริมฝีปากลงมาโดยแรง บดเบียดอย่างจาบจ้วง สองมือของสดายุรีบผลักไสทันทีที่ตั้งสติได้ ทว่าแรงแขนมันต่างกันเกินไป อย่าว่าแต่ผลักให้คนที่รุกรานอยู่ตอนนี้ล้มกระเด็นเลย แค่ทำให้ขยับยังแทบไม่เป็นผล ริมฝีปากถูกบดขยี้อย่างเลือดเย็นจนปวดแปลบ ปลายจมูกโด่งที่ฝังลึกลงมาตรงร่องแก้มก็บดเบียดหนักหน่วง จนแทบไม่มีช่องว่าง
ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งถูกกดติดตรึงกับกำแพงใหญ่แทบจะฝังร่าง สองมือปะป่ายที่ทั้งทุบทั้งผลัก สุดท้ายก็ถูกจับกดเอาไว้ได้ทั้งคู่เช่นกัน ในขณะที่กำลังสิ้นหวังกับทางหลบหนี สดายุก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เปียกลื่นอยู่ที่ริมฝีปาก
'ปลายลิ้นร้อนของกฤตเมธกำลังพยายามล่วงล้ำเข้ามา!!?'
"อื้ออออ!!!"
สดายุพยายามร้องห้ามออกมาในลำคอจนเสียงหลง ชายหนุ่มพยายามขบฟันแน่นไม่ยอมให้ถูกล่วงล้ำได้ง่ายๆ ขยะแขยงจนขนอ่อนตรงหลังท้ายทอยลุกชันเมื่อรู้สึกได้ว่าปลายลิ้นของอีกฝ่ายยังลากเลียอยู่ตรงไรฟันกับริมฝีปาก
และดูเหมือนกฤตเมธจะขัดใจไม่น้อยที่ไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้เสียที ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกก่อนจะยกมือขึ้นบีบกรามของสดายุโดยแรงเมื่อเปิดปาก อีกมือก็กดตรึงข้อมือขวาของคนใต้ร่างให้แน่นขึ้น เหลือแค่แขนซ้ายไร้เรี่ยวแรงที่ยังชาปลาบเพราะถูกกดจนข้อซีด ไม่ใช่อาวุธที่คู่ควรกับศัตรูอย่างกฤตเมธเลยแม้แต่นิด
"อยะ...อู้!...อึก...อื้ออออออ!!!!!!"
สุดท้ายการพยายามขัดขืนดิ้นรนก็สูญเปล่า แรงบีบที่แก้มจนกรามแทบโยกนั้นก็สามารถเปิดปากสดายุได้ในที่สุด ลิ้นร้อนของกฤตเมธเร่งล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปากสดายุอย่างไม่รอช้า บุกรุกคุกคามเข้าไปเกาะเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นแข็งเกร็งอย่างทารุณ ทั้งยังไล่กวาดเลียไปทั่วทั้งเพดานปากและกระพุ้งแก้ม ลิ้นยาวฉกเลียคว้านลึกจนราวกับจะล้วงไปให้ถึงโคนลิ้น สดายุได้แต่ขัดขืนทั้งที่ทำอะไรได้ไม่มาก สิ่งที่บดเบียดคุกคามเข้ามาน่าขยะแขยงจนเขาไม่สามารถเรียกมันว่าจูบ อยากดิ้นรนแต่ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แค่ประคองตัวตอนนี้ยังลำบาก รังเกียจสัมผัสจากคนตรงหน้าจนหัวหูอื้ออึง โกรธ โมโห ทรมาน
'ไม่ ไม่ ไม่ ไม่!!!!!'
"............!!!!?"
"อ๊ะ....ฮว้า..."
ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวผลักดันจนถึงขีดสุด สดายุงับฟันลงมาเต็มแรงหมายจะกัดสัตว์ประหลาดที่เลื้อยอยู่ในปากให้ขาดเป็นสองท่อน แต่ดูเหมือนมันจะหนีทัน เพียงถากไปพอแค่ได้เลือดติดอยู่ที่ปลายลิ้น ถึงอย่างไรแรงขัดขืนนั้นก็พอจะสำฤทธิ์ผล เพราะในที่สุดกฤตเมธก็ยอมล่าถอย ทันที่ที่รีมฝีปากถูกปลดปล่อย สดายุก็รีบหายใจตักตวงอากาศ ราวกับเพิ่งพ้นขึ้นจากน้ำ
เลือดหยดแหมะอยู่ตรงมุมปาก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเลือดนั้นเป็นของใคร ของสดายุที่ปากแตก หรือของกฤตเมธที่โดนกัดลิ้น แต่...เลือดหยดนั้น....มันคือจุดเริ่มต้น
ร่างทั้งร่างของสดายุยังคงสั่นสะท้าน ถูกกดตรึง และยังคงไร้ทางหนี แต่...ดวงตาของเขานั้นวาวโรจน์ หาได้เกรงกลัวคนตรงหน้าไม่!
ร่างของกฤตเมธนิ่งทื่อเป็นศิลา ใบหน้านั้นเรียบนิ่งไร้อารมณ์ มุมปากมีเลือดไหลเป็นทาง แววตาฉายแววที่ไม่อาจคาดเดา จากนั้นก็กระตุกยิ้มน้อยๆ...
พลางยื่นใบหน้าเข้าใกล้สดายุอีกครั้ง...
"กล้ากัดฉันเลยเหรอ? ไอ้เด็กอวดดี..."
"ฉันเสียเงินตั้งสองเท่าของค่าจ้างที่นายจ่ายไอ้เจมส์นั่นเพื่อล้วงชื่อนายออกจากปากมัน โดยที่ไม่เอาบริการเชี่ยอะไรจากมันทั้งนั้น เพราะว่า..."
"...ฉันจะมาทวงเอาจากนายเอง...ทั้งต้น...ทั้งดอก!!"
************************************************************************
อย่าเพิ่งด่า...เวลาเก๊าน้อย เขียนไม่ทันเจงๆ
เอาครึ่งแรกไปก่อนนะจ๊ะ วันนี้งานเยอะเก๊าเลยต่อให้จบไม่ทัน
เอาเป็นว่าคืนนี้...ดึกๆดื่นๆ...จะแอบมาต่อนะ...คริๆๆๆ
ขอบคุณที่ติดตามค๊า
อนาคี99 / Thearboo
ปล. เมื่อคืนวานดอดไปดูธอร์มาล่ะ...
เวลาท่านธอร์เข้าพระเข้านางกับท่านโลกิทีไร อิชั้นพลังจิ้นกระจายน้ำลายไหลทุกทีเลยค่ะ เอิ๊กๆๆๆ