หลบรัก 03(Sand x Ice)
ผมนั่งอยู่หน้าห้องสอบ ทำข้อสอบเสร็จก่อนหมดเวลาเกือบสิบนาที รอไอ้เก้าออกมาแล้วจะไปยืมหนังสือด้วยกันที่หอสมุดต่อ เรื่องวันนั้นของผมกับแซนถูกตัดบทไปเพราะเฮียอิ๊กโทรมา รุ่นน้องตัวดียังไม่กวนตีนถึงขั้นระรานผมกับเฮียผ่านโทรศัพท์ แต่โมโหปึงปังออกจากห้องไปแล้วไม่พูดกับผมอีกเลย
กระนั้น ก็ใช่ว่ามันจะหายหน้าหายตาไปโดยสิ้นเชิง มันทำตัวเหมือนเดิม คือชอบเดินมากับกลุ่มเพื่อนรุ่นเดียวกับผม นั่งคุยกับพวกผู้หญิงแต่ตาจ้องผมไม่กระพริบ บางทีก็มาชวนไอ้เก้าคุย โดยไม่คิดจะทักผมสักคำ
ผมยังไม่ให้คำตอบมัน แต่ไม่ใช่ว่าไม่คิดหรือมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
ผมคิดมากกว่าที่มันจะนึกได้ไปไกล
“สอบเสร็จแล้วเหรอพี่ไอซ์”ไอ้ต๊ะ รุ่นน้องที่เป็นนักกีฬาบาสเดินมา มันใส่ชุดไปรเวทแต่เรียบร้อย คิดว่าคงเข้ามาอ่านหนังสือกับเพื่อน ๆ ผมพยักหน้ามันเลยกระโดดมานั่งเก้าอี้ตัวใกล้ ๆ กัน
“รอพี่เก้าเหรอ?”
“เออ หมดเวลาแล้วยังไม่ออกมาเลย”
“ไปหาอะไรกินกันไหมพี่ ค่อยโทรหาพี่เก้าเอา ผมหิ้วหิว เลี้ยงน้องหน่อยดิ”
“ไม่อะ ขี้เกียจวนไปวนมา อยากกินก็เอาตังค์ไป” ผมควักเหรียญสองบาทให้มัน ไอ้ต๊ะหัวเราะร่วน
“เอาไปซื้ออะไรได้วะสองบาท”
“ไม่ได้ให้ไปซื้อ ให้อม”
“กวนตีนเหมือนกันนี่หว่า พี่ไอซ์น่ะ” คนพูดประสานมือมองผมยิ้ม ๆ ผมเหลือบตามองมันนิดเดียวแล้วเฉไฉ “มึงคิดว่ากูเรียบร้อยนักหรือไง”
ไอ้ต๊ะหัวเราะร่วนอีกครั้ง ทั้งโบกมือทั้งส่ายหน้า “เปล่า ๆ แค่ไม่คิดว่าจะกวนตีนคนอื่นก่อน ไป ๆ ไปหาไรกินกันเถอะ ต๊ะเลี้ยงเอง”
คนพูดชี้นิ้วโป้งเข้าหาตัวแต่ผมปฏิเสธอีกครั้งเลยถูกดึงแขนให้ลุกขึ้น แต่จู่ ๆ เสียงหวานของเด็กผู้หญิงก็ดังขัด ผมหันไปเห็นแฟนไอ้แซนยืนยิ้ม โบกมือให้ไอ้ต๊ะหยอย ๆ
“พี่ต๊ะ! เห็นพี่ตั้มไหม?”
ไอ้ต๊ะส่ายหน้า รุ่นน้องหน้าตาน่ารักเลยเดินหน้าหงิกมาพร้อมใครอีกคนที่ตัวติดกันบ่อย ๆ
ทำเป็นพูดว่าจริงจัง ทำเป็นบอกว่าชอบไปเถอะ ผมก็ยังเห็นมันสองคนอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลาอยู่ดี
ทว่าคนที่ควรรู้สึกผิด และกระดากอายกับสิ่งที่ตัวเองบอกผมกลับมองมือผมที่ถูกไอ้ต๊ะจับไว้สลับกับมองหน้านิ่ง แสดงความไม่พอใจผ่านสายตาชัดจนกลายเป็นผมที่ต้องขืนตัวออกจากการเกาะกุมของรุ่นน้องก่อนจะมีวางมวย พอยกมือขึ้นกอดอกได้ไอ้แซนก็ทำหน้าพออกพอใจขึ้นมาระดับหนึ่งแต่ยังคงไม่พูดอะไรทั้งกับผม และกับไอ้ต๊ะที่เป็นรุ่นพี่มันหนึ่งปี
“พี่ตั้มนัดเจนไว้ตึก 8 แต่ไม่รู้หายไปไหน ให้แซนช่วยหาจะพลิกคณะแล้วเนี่ย”
“ขึ้นไปดูที่ห้องสโมหรือยัง?”
“ขึ้นได้ที่ไหนล่ะ แซนก็ปีหนึ่ง ไม่มีคนพาเข้า พี่ต๊ะพาไปหน่อยสิ เดี๋ยวก็มางอนเจนอีกแหละว่านัดแล้วไม่มา”
ไอ้ต๊ะพยักหน้างง ๆ หันมาลาผมแล้วก็เดินตามน้องเจนที่ดึงแขนตัวเองไป แต่ครั้งนี้แซนตามไม่ได้ไปด้วย มันหยุดสายตามองหน้าผมนิ่งด้วยสายตาระราน เลยกลายเป็นผมที่ชวนมันคุยก่อนเพราะเริ่มรู้สึกวางตัวไม่ถูก
ทั้ง ๆ ที่มันเป็นคนผิดแท้ ๆ แต่กลับทำท่าแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน
“ตามแฟนไปสิ”
“มือข้างที่ให้พี่ต๊ะจับ ข้างนี้ใช่ไหม”
ผมไม่ทันตอบ ก็ถูกอีกฝ่ายคว้าข้อมือเข้าให้ ไอ้แซนดึงผมเข้ามาชิด หลุบตามองผมโดยนวดปลายนิ้วลงบนหลังมือซ้ายของผมเบา ๆ “เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้สักที ผมไม่ชอบ...”
“อะไร?”
“เมื่อไหร่จะเป็นของผมคนเดียวได้สักที”
ผมก้มหน้า ดึงมือออกมาไขว้หลัง นึกถึงคนที่มากับมันแต่กลับเดินจากไปพร้อมคนอื่นแทน “มึงควรหึงเจนกับต๊ะ ไม่ใช่กูกับต๊ะ”
“ผมกับเจนเป็นเพื่อนกัน ที่มาคณะบ่อย ๆ เพราะมันมาหาพี่ตั้ม”
ผมมองมันตาเหลือก อ้าปากค้างตอนที่อีกฝ่ายพูด “เจนมันรู้ว่าผมชอบผู้ชาย แล้วก็รู้ด้วยว่าผมชอบพี่”
“เพื่อนเหรอ? ก็เคยได้ยินมาว่า...”
“ใคร ๆ เขาก็รู้กันหมดแล้วว่าเจนกับพี่ตั้มเป็นแฟนกัน ผมก็รอวัดใจแค่พี่เท่านั้นว่าจะสนผมบ้างหรือเปล่าวันนั้นพี่ถามเลยไม่ได้ปฏิเสธ”
เหมือนกับว่าผมกับมัน ก็ต่างมีเรื่องที่ซ่อนไว้เพื่อลองใจอีกคนหนึ่งเหมือนกัน ผมเงยหน้าขึ้นมองแซน ที่ขยับมาชิดจนได้กลิ่นเมนทอลอ่อน ๆ ออกมาจากลมหายใจ
กลิ่นบุหรี่“ผมแบไพ่ในมือหมดแล้ว ไม่มีอะไรมาลองใจพี่แล้วนอกจากคำตอบของพี่เอง คราวนี้พี่ให้คำตอบได้หรือยังว่าจะเลือกมันหรือผม?”
“กู...”
“พี่ปฏิเสธผมมาสองครั้งแล้ว ครั้งนี้ผมจะไม่เอาคำตอบทันที...”
".............."
“แต่ถ้าพี่พูดออกมาว่าไม่เลิกกับมัน ผมจะไม่กวนใจพี่อีกเลย”
------------------------
สอบวันสุดท้ายเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแต่ผมยังมามหาวิทยาลัยทั้งที่ไม่ได้มีความจำเป็น แค่นอนอยู่บ้านเฉย ๆ แล้วไอ้เก้าโทรมาชวนเล่นบาสก็เลยออกมา พวกไอ้ต๊ะสอบเสร็จกันตั้งแต่เช้า ตกเย็นเลยขนโขยงกันมาที่สนามใหญ่ เห็นว่าวันนี้เป็นวันเกิดน้องมัน พวกเพื่อน ๆ ในเอกเลยอยู่รอกินหมูกระทะมื้อเย็นตั้งแต่สอบเสร็จ
ผมดังค์ลูกหนังสีส้มบนสนามแล้วชูตลงบ้างไม่ลงบ้าง แต่ถึงหาข้ออ้างว่ามาเล่นบาสเพราะไอ้เก้าชวน ที่จริงก็รู้อยู่ลึก ๆ แก่ใจว่าผมมาเพื่อหวังจะเจอใคร
ครั้งนี้มันให้เวลาผมนานเกินไป...
หลังจากวันนั้น ก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีกเลย
“โอ้ย!”“พี่ไอซ์ เป็นไรป่าว”
เพราะใจลอยแต่ยังวิ่งไปแย่งลูกไอ้ต๊ะ เลยเผลอสะดุดขาตัวเองล้มตึง ข้อเท้าซ้ายปวดจนไม่สามารถลุกได้ และจากประสบการณ์ คิดว่าคงบวมไปอีกหลายวัน
“โทษพี่ โทษๆ”
“ไม่เป็นไร กูล้มเอง มึงไปเล่นเถอะ ไอ้เก้ามาเปลี่ยนตัวกับกูหน่อย”
ผมตะโกนเรียกคนชวนที่ยืนดูดน้ำแดงแมงลักอยู่ข้างสนาม กรุณาพยักหน้าแล้ววิ่งมาผลัดกับผมที่ถูกไอ้ต๊ะประคองออกมาข้างนอก พอล้มตัวนั่งกับพื้นได้รุ่นน้องก็วิ่งไปหาน้ำแข็งมาประคบข้อเท้าให้
“ไปห้องพยาบาลเถอะพี่”
ผมพยักหน้า พยายามยันตัวเองลุกแต่ทุลักทุเลพอตัว ไอ้ต๊ะเลยจับผมขี่หลังมัน ถึงจะเด็กกว่าสองปี แต่เพราะเป็นนักกีฬาคณะเลยตัวสูงใหญ่จนแบกผมได้สบาย ดูจากหุ่นก้านแล้วไม่ต่างจากไอ้แซนนัก รายนั้นนักว่ายน้ำเก่า ผมเองก็เคยไปดูมันแข่งตอนกีฬาคณะเมื่อหลายเดือนก่อน
“ไหวไหมพี่ ผมพันผ้าให้”
ผมยกข้าข้างหนึ่งขึ้นชัน ไอ้ต๊ะรื้อเครื่องปฐมพยาบาลที่ไปขอหมอมาแล้วจัดการทำแผลให้ กางเกงบาสที่ผมสวมเป็นผ้าแบบโปร่งเบาขากว้าง พอยกขาขึ้นชันไอ้ต๊ะเลยลอบมองลึกไปถึงต้นขาผมแล้วหน้าแดงก่ำ
“ทะลึ่ง”
“น้องดูนิดดูหน่อยทำเป็นหวง แต่ขาโคตรขาวเลยว่ะ”
“ยังมีหน้ามาพูดอีก เดี๋ยวถีบให้”
ผมยกขาทำท่าจะถีบมันจริง ไอ้ต๊ะเลยรีบจับไว้ ดึงหัวเข่าผมเข้าหาตัวให้ผมไถลลงไปนอนบนเบาะคนไข้แล้วแทรกตัวมาตรงกลาง ภาพตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมนอนกางขาคร่อมเอวไอ้ต๊ะอยู่
“ท่านี้แม่งสุดยอด”
“ไอ้เหี้ยต๊ะ!”
รุ่นน้องหัวเราะร่วน โน้มตัวลงท้าวแขนกับเบาะ ใช้มือข้างหนึ่งปัดปอยผมหน้าม้าผมไปด้านข้าง “เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยเห็นเขาเลย แฟนพี่อะ เลิกกันแล้วเหรอ”
“อะไรของมึง อย่ามาทำท่าแบบนี้กูไม่ชอบ”
“ดุว่ะ แค่จะขอของขวัญวันเกิดหน่อยเดียวเอง”
ผมมองหน้าไอ้ต๊ะหยั่งเชิง มือที่จับเกลี่ยเส้นผมเมื่อครู่ลากลงมาที่คาง ปลายนิ้วหยาบเกลี่ยเบา ๆ ที่ปากผมก่อนก้มตัวลงต่ำ
ปึง!เสียงประตูห้องพยาบาลเปิดออก ดวงตาดำขลับไม่ฉายแววของแซนจับจ้องผมนิ่ง บนเตียงพยาบาลเดียวกันที่ดูเหมือนผมสมยอมให้ไอ้ต๊ะนัวเนียผิดวิสัยทำให้มือใหญ่ของคนมาเยือนกำจนเห็นเลือดปูดโปน
“ขอโทษครับ พี่เก้าให้ผมมาดูว่าพี่ไอซ์เป็นยังไงบ้าง”
“ไอ้เชี่ยแซน ไปไหนก็ไปเลยมึง ไอ้ห่า ขัดจังหวะจริง”
ต๊ะผละออกจากตัวผมมาดันรุ่นน้องออกไปด้านนอกแล้วจัดการปิดประตูห้องเสร็จสรรพแล้วเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ ไอ้แซนมันไม่ใช่พวกปากมาก ผมต่อนะ”
“ต๊ะ...”
รุ่นน้องตัวใหญ่ยิ้ม นวดปลายนิ้วหัวแม่มือกับแก้มผม จับจ้องที่กลีบปากผมเหมือนเด็ก ๆ ที่อยากชิมขนมหวาน
“อย่าทำแบบนี้เลย”
“....กูไม่สบายใจ”--------------------------
โปรแกรมเดิมของวันเกิดไอ้ต๊ะคือเล่นบาสเสร็จแล้วไปต่อที่ร้านหมูกระทะ แต่ทำไปทำมาพอออกจากห้องพยาบาลมันก็บอกเพื่อน ๆ ว่าให้หากินข้าวกันเองส่วนมันจะเลี้ยงเหล้า ผมมองหน้ารุ่นน้อง แต่ไอ้ต๊ะไม่สบตากับผม ถึงอยากปลีกตัวกลับก่อน แต่ก็ไม่อยากทำให้ผิดสังเกตเกินไปเลยมากินด้วยโดยเลือกที่นั่งใกล้ ๆ ไอ้เก้า แต่ห่างจากเจ้าภาพสุดลูกหูลูกตาแทน
ไอ้ต๊ะดวดเหล้าคนเดียวไปมากกว่าครึ่ง ความรู้สึกของมันอันที่จริงผมเองก็ใช่ว่าไม่รู้เพียงแต่เลี่ยงมาตลอด ผิดกับอีกคนที่ผมพยายามถามหาด้วยแววตามาเกือบปีแต่ไม่เคยเจอคำตอบ น่าแปลกที่พอมันเฉลยกลับเป็นผมเองที่หลบลี้หนีไปไม่ยอมรับ
ไม่รู้ว่ากลัวอะไร
กลัวใจมัน หรือตัวเอง
ผมไม่ชอบ
ความรู้สึกที่ไม่สามารถคอนโทรลได้แบบนี้เลยครั้งนี้คนที่ผมกำลังนึกถึงไม่แตะเหล้าสักหยด แซนนั่งกินกับแกล้มกับน้ำอัดลมเหลือบมองผมเป็นระยะ พอผมลุกไปเข้าห้องน้ำก็ทำเป็นลุกตามมาห่าง ๆ แล้วสูบบุหรี่จนกว่าผมจะกลับไปนั่งในร้านกับไอ้เก้าถึงค่อยตามกลับเข้ามาอีกที เป็นอย่างนี้อยู่สองสามครั้งจนผมบอกไอ้เก้าว่าง่วงแล้วจะขอกลับก่อน แซนเลยทำทีบอกว่าถูกโทรตามให้กลับแล้วเหมือนกัน ไอ้เก้าฝากฝังให้ผมอยู่กับแซนจนกว่ามันจะกลับหอ ก่อนหันไปชนเหล้ากับไอ้ต๊ะที่นาน ๆ ทีจะเห็นมันจัดหนักอย่างสนุกสนาน
ผมไม่พิรี้พิไร เดินกะเผลกออกมาเรียกแท็กซี่แล้วขยับชิดในให้รุ่นน้องเข้าไปนั่งตาม
มวลความอึดอัดกระหน่ำซัดจากทุกช่องทางยกเว้นเสียง สายตา อารมณ์ และความเกรี้ยวกราดแสดงออกผ่านลมหายใจที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นบุหรี่ทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง อยากอธิบายติดก็ตรงที่แซนไม่นึกจะถาม เล่นสงครามประสาทจนปวดมวนไปทั้งหัวทั้งท้อง
กระทั่งถึงห้อง ผมก็ไม่อาจทนอยู่กับความเฉยชาของรุ่นน้องได้อีกต่อไป
“ไม่พอใจก็บอกสิ” ผมพูด
แซนชะงักขาหลังจากเดินนำผ่านประตูห้องตัวเองเข้ามาแล้วทำท่าจะเลี่ยงไปที่ระเบียงโดยให้ผมใช้ห้องมันพักผ่อนระหว่างรอไอ้เก้ากลับมาเพียงลำพัง
“ผมจะใช้สิทธิอะไรไปไม่พอใจพี่ล่ะครับ”
“อย่ามาทำแบบนี้นะ”
ผมคว้าท่อนแขนใหญ่เอาไว้เพราะรั้งด้วยคำพูดไม่ได้ แซนแกะมือผมออกง่าย ๆ แต่การสบตาผมกลายเป็นเรื่องที่ยากเกินที่จะทำ
“พี่ไอซ์นั่นแหละอย่าทำแบบนี้ ไปนอนพักเถอะ ยืนนาน ๆ เดี๋ยวขาจะบวมเข้าไปใหญ่”
“ให้มันบวมไป”
“ชอบเจ็บตัวนักหรือไง!“
ในที่สุดไอ้แซนก็ยอมมองหน้าผม ดวงตาคมที่เคยดึงดูดจ้องกลับมาเกรี้ยวกราด ทั้งที่เด็กกว่าแต่เวลาโมโหผมกลับถูกอีกฝ่ายควบคุมได้สบาย ๆ แซนลากผมมาที่เตียง ถึงจะฉุนเฉียวแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันพยายามทะนุถนอมที่สุดเท่าที่จะทำได้
มือใหญ่กดบ่าผมให้นอนบนเตียง แล้วยกขาข้างที่เจ็บให้พาดกับหมอนอีกใบที่ว่างอยู่
“ที่มึงถามเอาไว้…”
“ผมไม่อยากฟังคำตอบตอนนี้ รักษาตัวให้เดินออกไปจากห้องผมเองให้ได้ก่อนค่อยมาคุยกัน”
เด็กหนุ่มทำท่าจะลุก ผมเลยต้องดึงแขนเอาไว้อีกรอบ แซนไม่ขืนตัวออก แต่ถอนหายใจหน่ายแล้วยอมนั่งลงบนเตียงอย่างไม่เต็มใจนัก “...กูกับเฮียอิ๊ก เป็นพี่น้องกัน หมายถึง พ่อคนเดียวกัน แล้วกูกับไอ้ต๊ะ ก็ไม่ได้...”
“ผมบอกให้พัก เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ผมยังไม่อยากเถียงกับพี่”
“แล้วจะเถียงทำไม—“
ผมถาม ไม่ได้เจอไปด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้นไม่พอใจ แต่กำลังถามเชิงอ้อนขอให้มันฟัง
“มึง—ไม่เชื่อที่กูพูดเหรอ?”แซนกรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด ยกมือขึ้นดึงเส้นผมที่ยุ่งเหยิงตัวเองไปด้านหลัง “พี่ไอซ์พยายามจะทำอะไรกันแน่ อย่ามาล้อเล่นกับความรู้สึกผมนะ”
“กูไม่ใช่คนขี้เล่น”
“พี่จะอธิบายผม ในเรื่องที่ไม่เคยพูดให้คนอื่นฟัง? พี่ทำทำไม ถ้าไม่ได้คิดจะเลือกผมก็อย่าทำเหมือนแคร์กัน เป็นคนไร้หัวใจไปเลยก็ดี ผมจะได้ตัดใจง่าย ๆ”
เจ้าของห้องหยุดดวงตาสีดำขลับเมื่อหันมาเห็นผมจ้องอยู่ก่อน ก้อนแข็ง ๆ ในลำคอถูกกลืนลงอย่างลำบาก รู้สึกมันยากที่จะพูด แต่ถ้าจะให้อยู่กับความอึดอัดที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับมัน กลายเป็นสิ่งที่ไม่อยากทำมากกว่า
ไม่ใช่ว่าอยู่ไม่ได้ถ้าต้องกลายเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกับแซน
แต่จิตใจของผมเองที่มันไม่สามารถสงบนิ่งได้เลยสักนาที
“ยังทันหรือเปล่า”
ความเงียบเป็นสิ่งที่ตอบคำถามให้ทั้งผมและรุ่นน้อง เสียงหัวใจเต้นหนักจนทำให้หน้าผมร้อนผ่าว เผลอกำมือกับผ้านวมผืนหนา แต่สักพักก็มีมือใหญ่วางทาบทับลงมา
“พี่ไอซ์????”
“ถ้าบอกว่าแคร์ บอกว่าเลือกมึง ไม่อยากให้มึงตัดใจ กูยังบอกทันหรือเปล่า?”
ไม่มีคำพูดจากริมฝีปากที่ผมเฝ้ารอคำตอบ มือแค่ข้างเดียวของแซนกระชากผมขึ้นจากเตียงมากอด กอดจนผมคิดว่าจะจมหายไปกับแผ่นอกแกร่งกลายเป็นคน ๆ เดียวกับมัน
Silence speaks when words can’t ผมรับรู้ได้ ว่ามันตอบว่าอะไร
ผมจะเผชิญหน้าไปพร้อมกับมัน
สิ่งที่เติมเต็มให้หัวใจผมฟูฟ่องแต่หนักอึ้งแต่เบาสบาย
ความรู้สึกที่ผมไม่รู้จะเรียกว่าอะไร มันคล้าย ๆ กับขนนกที่โรยตัวแบบไม่ต้องกริ่งเกรงและหวั่นใจใดใดอีกแล้ว
“ผมรักพี่”แซนพูด และผมตอบรับความรู้สึกของมันผ่านลำคอ
“อื้อ...”END
คือ จริงๆเรื่องนี้ถ้าไม่กั๊กกันไปกั๊กกันมาตั้งแต่แรกก็เป็นแฟนกันไปนานละ พอเฉลยเลยกลายเป็นจบง่าย ๆ งี้เลย กร๊ากกกก
ทีนี้แอบคิดว่า จะเขียนเป็นตอนสั้น ๆ หลังจากนี้ไปเรื่อย ๆ จบในตอนดี หรือเปลี่ยนคู่เป็นรวมเรื่องสั้นหลายตอนจบของแต่ละคน (ซึ่งเก้าไม่รอดแน่) ดี
ทั้งนี้ ทั้งหมดทั้งมวล คงต้องรอระยะที่มีเวลาว่างสักหน่อย ไม่อยากถูกแบล็คลิสท์ว่ามีนิยายที่เขียนไม่จบ ฮ่าๆๆ
ขอบคุณ
นอนกินแรง, Snowermyhae, Tun_Bow, kikikiki, fuku, BeeRY, hembetaro, NannY, jimmyFG, sweetbasil, bozang, misspm, iamnan, Gongy, B.Du, Qix9y_, NOoTuNE, Wordslinger, Aoya, IIMisssoMII, BitterSweet~, malula, aorpp, @nune@, bobby_bear, anchoviiz, RoseBullet, quiicheh. , fannan, golove2, kokoro, namngern, honey honey drop, evz, SiCK_SENt™, sukie_moo, Lily teddy, Oranges, ★KVH™★, krappom, masochism2018, golove2, Anyann, MIkz,_hotaru, nunamicky, princessrain, Ryoooo, taroni, uzosou, pilar, Lingbahh Nabupublishing
นะครับสำหรับคอมเมนต์ #กราบงามๆแนบอก
สำหรับ FBBF ได้เห็นหนังสือพร้อมลูกค้าที่สั่งเลยค่ะ มีจุดบกพร่องในเรื่องของเวิร์ดดิ้งเลยยังไม่ค่อยพอใจ กอรปกับไทม์ไลน์ไม่ตรงกับ รักเร่ ที่มีเนื้อหาบางส่วนคาบเกี่ยวกัน และเผื่อยังมีใครอยากได้เล่มแต่ตอนนี้ยกเลิกลิขสิทธิ์จากสำนักพิมพ์เดิมไปแล้ว เลยคิดว่าจะรีไรท์ใหม่ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นค่ะ (สำหรับนักอ่านที่เคยสั่งไปแล้วจะมีส่วนลดพิเศษให้นะคะ) แต่ตั้งใจว่าจะทิ้งระยะสักพักค่ะ มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจะแจ้งทาง Fan page จ้า
ขอบคุณที่สอบถามเข้ามาและติดตามผลงานค่ะ รักคนอ่านที่สุด
เจอจากในเพจคุณ ExecutioneR's เอามาฝากค่ะ #ตูมเม่น่ากินมาก
http://www.youtube.com/v/VTUSTmjLGWk