กวินท์ละล่ำละลักตอบ แล้วก็เกิดอาการติดอ่างเมื่อไม่รู้จะอธิบายต่ออย่างไรดี ถ้าบอกว่าเขาสนใจนฤชาเพราะได้เห็นรูปพวกนั้นก็ช่างดูฉาบฉวยเหลือเกิน ถึงแม้มันจะเป็นความจริงว่านั่นคือสิ่งที่จุดประกายให้เขามักจะมองหาเจ้าตัวเวลาอยู่ที่โรงเรียน แล้วก็อยากจะเข้าใกล้เพื่อทำความสนิทสนมมากขึ้นก็เถอะ
เขาไม่เคยสนใจใครในแง่นี้มาก่อนจนอายุจะสิบเจ็ดอยู่แล้ว ดังนั้นการที่ใจจดจ่อถึงใครคนเดียวติดต่อกันได้นานขนาดนี้ก็น่าจะเป็นก้าวแรกของคำว่า 'ชอบ' ไม่ใช่เหรอ?
แต่นฤชายังคลางแคลงใจกับคำสารภาพที่ได้รับ เพราะเด็กหนุ่มเพียงแต่มุ่นคิ้วเข้าหากันแล้วก็สูดน้ำมูก
"กอล์ฟก็แค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้นแหละ เราไม่รู้จริงๆ ว่าใครขโมยโทรศัพท์เราไปแล้วดันแกะการ์ดทิ้งไว้จนกอล์ฟไปเจอ แต่ก็ขอบคุณมากนะที่เอามาคืน ไม่ต้องลำบากใจหรอกถ้าอยากจะเรียกเราว่าตุ๊ด แต๋ว เกย์หรืออะไรก็ตามแต่ เราก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้แต่ว่ามันเป็นไปแล้ว"
ปลายจมูกแดงเรื่อของอีกฝ่ายขณะลุกหนีกระตุกหัวใจของกวินท์อย่างจัง เด็กหนุ่มรีบลุกตามแล้วก็เข้าสวมกอดนฤชาจากด้านหลัง เขาสัมผัสได้ว่ากล้ามเนื้อทุกมัดของร่างในอ้อมแขนแข็งทื่อ
"กอล์ฟ..."
"อาจเป็นความอยากรู้อยากเห็นก็ได้ แต่การที่เราอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนที่รู้สึกดีด้วยก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ? เราอยากสนิทกับโน้ตให้มากกว่านี้นะ แล้วเราก็ไม่เคยคิดรังเกียจอย่างที่โน้ตพูดออกมาเมื่อกี้ด้วย"
เด็กหนุ่มจับคนที่ส่วนสูงแทบไม่ต่างแต่ผอมเพรียวกว่าให้หันกลับมาหา จากนั้นก็ดึงหน้าเข้ามาจูบอย่างแรงจนหลุดเสียงครางด้วยความเจ็บออกมาทั้งคู่
"ห้องโน้ตห้องไหน?"
กวินท์ถามพลางจ้องตาเขาตรงๆ นฤชาจึงตอบเสียงแผ่วแม้จะรับรู้ถึงลางสังหรณ์บางอย่าง
"ห้องเราอยู่ฝั่งนั้น เฮ้ย! กอล์ฟจะทำอะไร?"
"จะพิสูจน์ว่าเราไม่ได้รังเกียจโน้ตไง"
กวินท์จูงมือนฤชาแล้วก็เดินเร็วๆ เข้าไปยังห้องของเจ้าตัว พอถึงแล้วก็กดอีกฝ่ายให้เอนหลังบนเตียงแล้วตามขึ้นทาบทับทั้งชุดนักเรียน เขาแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากอันแสนนุ่มของคนในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยนขึ้นกว่าเมื่อครู่ จากนั้นก็เริ่มแหย่ปลายลิ้นเข้าไปด้านในโพรงปากอบอุ่น เทคนิคอะไรก็ตามที่เคยเก็บเกี่ยวจากแผ่นหนังโป๊ของพี่ชายล้วนถูกนำมาใช้กับบทรักครั้งแรกในชีวิต หวังแค่ว่าจะสร้างความประทับใจให้อีกฝ่ายลืมไม่ลงเต็มที่
"ฮ้า...กอล์ฟ พอก่อน หายใจไม่ทันแล้ว"
นฤชาดันอกของคนที่นอนคร่อมออกเพราะสูดอากาศไม่ทันจริงๆ ร่างผอมเพรียวหอบหายใจแรงจนอกกระเพื่อม ปลายลิ้นสีชมพูที่ไล้ออกเลียคราบน้ำลายบนริมฝีปากทำให้กวินท์แทบคลั่ง
"โน้ต ทำไมน่ารักจังเลย ตัวก็หอม"
เด็กหนุ่มก้มลงไซ้จมูกไปมาบนซอกคอของนฤชาโดยที่มือก็แกะกระดุมเสื้อให้ กระทั่งเห็นแผ่นอกขาวๆ ลอยอยู่ตรงหน้า เขาก็ก้มลงดูดยอดอกสีชมพูอย่างแรงจนคนด้านล่างแอ่นกายขึ้นสูงอย่างเสียวซ่าน
"เดี๋ยวก่อน กอล์ฟ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ถึงเราจะ...จะถ่ายรูปแบบนั้นเก็บไว้ แต่เรายังไม่เคยนอนกับใครมาก่อนนะ"
นฤชาเอ่ยเมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์ชักจะก้าวไปเร็วกว่าที่ตั้งใจขึ้นเรื่อยๆ แต่นอกจากกวินท์จะไม่ฟังแล้วก็ยังก้มหน้าก้มตาถอดกางเกงของเขาต่อ
"งั้นก็ดีเลยเพราะเราก็ยังไม่เคย มาเปิดซิงด้วยกันเลยละกัน"
นฤชาอ้าปากค้าง เขามองกวินท์ที่ผละไปจากตัวเพื่อถอดชุดนักเรียนบ้าง ท่าทางรีบร้อนราวกับกลัวเสียเวลาทำให้เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงดังจนอีกฝ่ายขมวดคิ้วมุ่น
“ขำอะไรโน้ต?”
"ก็กอล์ฟ...ไม่โรแมนติกเลยอะ"
"หา? หมายความว่าไง?"
กวินท์ซึ่งเอี้ยวตัวไปด้านข้างเพื่อจะถอดกางเกงยังหันมาถามอย่างไม่เข้าใจ นฤชาจึงส่ายหน้ายิ้มๆ
"ก็ที่พูดว่าให้มาเปิดซิงด้วยกันเมื่อกี้ไง ไม่โรแมนติกเลย"
คนถูกท้วงกลอกตา เขาเหวี่ยงกางเกงกับเสื้อลงจากเตียงแล้วก็หันมานั่งคร่อมคนที่ตัวเปลือยเปล่าขาวโพลนรออยู่อีกครั้ง
"เราก็พูดเป็นแต่อะไรทื่อๆ แบบนี้แหละ ถ้าโน้ตอยากให้เราโรแมนติกก็คงต้องช่วยสอนแล้วล่ะ"
นฤชาหน้าแดงซ่านเมื่อกวินท์ก้มลงจูบเขาอีกครั้ง ฝ่ามือที่ฟอนเฟ้นไปมาทั่วร่างอย่างไม่ประสีประสาแต่หนักแน่นแสดงออกถึงความปรารถนาอันชัดเจนและรุนแรง ร่างเพรียวผวาเฮือกเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นพรมจูบไปทั่ว ปลายลิ้นร้อนที่ไล้เล็มบนจุดชีพจรเรียกเสียงครางที่ยิ่งปลุกสัญชาตญาณดิบของคนเล้าโลมให้เตลิด ทั้งคู่ต่างใช้ร่างกายปรนเปรอความสุขให้แก่กันและกันอย่างไม่สนใจเวลา เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดเมื่อสองกายเริ่มสอดประสานค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยเสียงแห่งความสุขสม และไม่ช้าพวกเขาก็ขยับร่างเป็นท่วงทำนองเดียวกันราวกับต่างก็เฝ้ารอเวลานี้มานาน ไม่มีร่างกายส่วนใดของอีกฝ่ายที่เป็นอิสระจากการสัมผัสของกันและกันเลย
จวบจนผืนฟ้าภายนอกกลายเป็นสีน้ำหมึกและดวงจันทร์ทรงกลดลอยเด่น ร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองที่เพิ่งจะได้ผละจากกันก็ต่างหอบหายใจแรงโดยไม่มีใครลุกขึ้นจากเตียง ครู่หนึ่งก็มีเสียง 'ติ๊ง' ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
"โน้ต ใช่เสียงโทรศัพท์ของโน้ตรึเปล่า?"
"อือ น่าจะเสียงจากไลน์"
นฤชาเอ่ยเสียงแห้งเพราะความเหนื่อยขณะก้มลงไปหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง เขาอ่านข้อความแล้วก็หันหน้าจอมาให้กวินท์อ่านด้วย
'คืนนี้พี่จะไปปาร์ตี้กับเพื่อน คงกลับพรุ่งนี้เลยนะจ๊ะ ล็อกห้องด้วยล่ะ'
"จากพี่สาวของโน้ตเหรอ งั้นก็แปลว่า...คืนนี้เราก็มีเวลากันทั้งคืนเลยน่ะสิ?"
กวินท์อ่านจบก็ทำเสียงตื่นเต้น แต่คนฟังกลับทำหน้ามุ่ย "ไม่เอาแล้วกอล์ฟ ไม่ถนอมกันเลย เราครั้งแรกนะ เล่นใส่เข้ามาแล้วกระแทกเอาๆ แบบนี้มันเจ็บรู้มั้ย"
กวินท์หน้าแดงเมื่อโดนต่อว่าด้วยคำที่เห็นภาพชัดราวกับกดรีเพลย์ ก็แหม...เขาได้แต่ดูรูปของนฤชาแล้วช่วยตัวเองมาทั้งเดือนแล้ว พอได้ทำกับตัวจริงแทนที่จะเป็นจินตนาการ มันก็เลย...เมามันจนเผลอไปหน่อยน่ะสิ
"ขอโทษนะโน้ต กอล์ฟดีใจมากไปหน่อยก็เลยลืมตัว อย่าโกรธกอล์ฟเลยนะครับที่รัก"
"หา?"
นฤชาทำตาโตเหมือนได้ยินภาษาต่างดาว กวินท์เห็นสีหน้าประหลาดใจสุดขีดของหวานใจก็เกาหัวแล้วหัวเราะแหะๆ
"อ้าว ก็โน้ตยอมให้เราทำตั้งหลายที แบบนี้ก็แปลว่าเราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมล่ะ? ถ้าเราจะเรียกโน้ตว่าที่รักก็ถูกแล้วนี่ หรือว่าอยากให้เรียกด้วยคำอื่นมากกว่าก็ได้นะ แต่ถ้าเค้ากับตัวเองคงไม่ชินปากเท่าไหร่ เว้นว่าโน้ตชอบแบบนั้นก็จะลองดู"
นฤชายิ่งฟังก็ยิ่งสงสัยว่าตัวเองหูเฝื่อนรึเปล่าเข้าไปทุกที ตกลงกวินท์จอมปากเสียที่เขาเคยรู้จักหายไปไหนเสียแล้วนี่ เด็กหนุ่มได้แต่คิดขณะปล่อยให้อีกฝ่ายดึงตัวเข้าไปกอด อ้อมแขนที่แสนจะอบอุ่นค่อยๆ ละลายความสงสัยในใจ และแล้วเด็กหนุ่มก็เอนตัวเข้าหนุนไหล่คนข้างกายแต่โดยดี
"ตอนนั้นน่ะ"
"หือ?"
กวินท์ที่กำลังเคลิ้มๆ จะหลับส่งเสียงตอบรับ นฤชาจึงเหลือบมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ
"ตอนที่เรารู้ตัวว่ามีรสนิยมแบบนี้ เราก็แอบถ่ายรูปตัวเองเก็บไว้เล่นๆ เวลาพี่ไม่อยู่ แต่ไม่เคยคิดจะเอาไปโพสต์ที่ไหนหรอกนะ มีหลายครั้งเหมือนกันที่คิดว่าอยากลบทิ้งเพราะกลัวใครมาเปิดดู แต่ยังไม่ทันจะได้ทำแบบนั้นก็โดนขโมยโทรศัพท์คืนที่เราไปเค้าท์ดาวน์ปีใหม่กับพี่ ช่วงอาทิตย์แรกๆ เรากินไม่ได้นอนไม่หลับเลย ได้แต่กลัวว่าคนที่ขโมยไปจะเปิดดูรูปพวกนั้นแล้วเอาไปประจานในเน็ต แล้วถ้ามีคนรู้จักไปเห็นแล้วเอาไปพูดต่อๆ กัน เราคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน"
คำอธิบายของนฤชาทำให้กวินท์ตาสว่างขึ้นทันที เขาคิดย้อนกลับไปว่าวันที่เก็บไมโครเอสดีการ์ดได้คือวันหลังจากวันเคาท์ดาวน์ ดังนั้นก็เป็นไปได้สูงว่าคนที่ขโมยไปคงมัวยุ่งกับการแกะส่วนประกอบของมือถือจนเผลอทำการ์ดหล่นในรถ หรือไม่อย่างนั้นก็...ได้เปิดดูรูปแล้วแต่ไม่คิดอยากเก็บไว้
ความคิดที่ว่าใครคนอื่นอาจได้เห็นรูปพวกนั้นเช่นกันทำให้ความรู้สึกหวงแหนพุ่งปรี๊ด กวินท์กระชับอ้อมแขนรอบตัวนฤชาแน่นขึ้นแล้วก็กดริมฝีปากลงบนหน้าผากที่มีผมชื้นๆ แนบ
"ไม่ต้องห่วงนะโน้ต เราว่าไอ้คนที่ขโมยไปคงยังไม่ทันได้ดูรูปพวกนี้หรอก หรือต่อให้เกิดกรณีเลวร้ายอย่างที่ว่าขึ้นมาจริงๆ เราก็จะอยู่ข้างโน้ตเอง ดูซิว่าใครจะว่าอะไรได้ ในเมื่อแฟนของโน้ตยังไม่แคร์เลย"
คำพูดให้กำลังใจที่ไม่ได้กลั่นกรองให้สวยหรู แต่เต็มเปี่ยมด้วยความจริงใจและมุ่งมั่นทำให้นฤชารู้สึกแน่นหน้าอกเพราะความปลื้มใจ เขาหันไปกอดตอบกวินท์แล้วก็ซุกหน้าลงบนซอกคอของอีกฝ่าย
"ขอบคุณนะกอล์ฟ เรารักกอล์ฟที่สุดเลย"
"เราก็รักโน้ต...ฮะ...เมื่อกี้โน้ตพูดว่าอะไรนะ? ขอฟังอีกทีได้มั้ย?"
"โน้ตง่วงแล้วอะกอล์ฟ คืนนี้พี่แนทไม่กลับ ถ้างั้นกอล์ฟนอนเป็นเพื่อนโน้ตนะครับ นะ"
เจอลูกอ้อนที่มาเป็นคอมโบแถมด้วยริมฝีปากนุ่มๆ ที่กดลงบนแก้ม ทำเอากวินท์ได้แต่จำยอมราวถูกร่ายมนตร์สะกด ลางสังหรณ์บอกเขาเลาๆ ว่าต่อไปมีหวังคงโดนตราหน้าว่า 'หลงเมีย' เป็นแน่
แต่ว่า...เอ้า ถ้าเมียน่ารักขนาดนี้ก็น่ายอมให้กระแนะกระแหนอยู่นะ ทำไงได้ เขาเองก็ดูเหมือนจะถลำตัวถลำใจไปเกินจะถอยเสียแล้วด้วย
"งั้นแป๊บนะโน้ต ขอกอล์ฟไลน์หาแม่นิดนึงว่าคืนนี้จะไม่กลับ แม่เขาชินแล้วล่ะถ้ากอล์ฟบอกว่าไปค้างหอกับไอ้ธี"
"อื้อ"
นฤชายอมให้อีกฝ่ายลุกไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความหาคนที่บ้าน เสร็จแล้วก็อ้าแขนรับคนตัวหนากว่าที่กุลีกุจอกลับขึ้นมานอนข้างเขา เด็กหนุ่มกอดกันด้วยร่างกายเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่ม ก่อนที่กวินท์จะหลับก่อนในเวลาไม่นานเพราะความอ่อนเพลีย
ทั้งๆ ที่เขาก็เหนื่อยเช่นกันเพราะเป็นฝ่ายโดนกระทำ แต่นฤชากลับตาสว่างจนหลับไม่ลง เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าเรื่องโชคร้ายอย่างการถูกขโมยโทรศัพท์จะทำให้ได้สมหวังในรักที่เก็บไว้ข้างเดียวมาตั้งเกือบสองปี แต่พอคิดแล้วก็ต้องขอบคุณเจ้าคนที่ขโมยโทรศัพท์ไป แม้เขาจะเสียดายเครื่องรุ่นใหม่เอี่ยมที่พ่อเพิ่งซื้อให้ก็ตาม
"ต่อให้เกิดกรณีเลวร้ายอย่างที่ว่าขึ้นมาจริงๆ เราก็จะอยู่ข้างโน้ตเอง ดูซิว่าใครจะว่าอะไรได้ ในเมื่อแฟนของโน้ตยังไม่แคร์เลย"หัวดื้อแล้วก็รักความถูกต้องไม่เคยเปลี่ยนไปจากตอน ม.3 เลย นฤชาคิดพลางวาดนิ้วเป็นวงกลมบนอกของคนตรงหน้าเบาๆ กวินท์อาจจะลืมไปแล้วก็ได้ แต่มีครั้งหนึ่งที่เขาเคยถูกเพื่อนๆ ผู้ชายแกล้งหลังวิชาพละที่ต้องว่ายน้ำ ถึงแม้ปกติเขาจะมีเพื่อนผู้หญิงที่คอยช่วยเป็นเกราะป้องกัน แต่ครั้งนั้นเขามีแต่ตัวเองคนเดียวในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชาย และก็ถูกคนอื่นๆ แกล้งเอาแว่นสายตาของเขาส่งต่อกันไปมาเพื่อไม่ให้มองเห็นล็อคเกอร์ที่เก็บเสื้อผ้าของตัวเองไว้ ตอนนั้นเขาไม่รู้จะขอให้ใครช่วยจนแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
"เฮ้ย! ไม่มีอะไรจะเล่นกันแล้วรึไงวะ! แกล้งคนอื่นเขาอยู่นั่น พวกมึงจะไม่ไปเรียนกันใช่มั้ย กูจะได้บอกอาจารย์ให้ล็อคพวกมึงไว้ในนี้ให้หมด!"
"แหม ก็แค่แหย่เล่นหน่อยเดียวเอง มึงก็ทำตัวเป็นพระเอกหนังน้ำเน่าไปได้น่ะไอ้กอล์ฟ"
"ก็กูเห็นแล้วรำคาญ อีกอย่างกูโดนอาจารย์สั่งให้เป็นคนล็อคห้องแต่งตัวหลังพวกมึงใช้เสร็จด้วย ถ้าพวกมึงมัวแต่เล่นกูก็ไม่ได้คืนกุญแจสักทีสิวะ"
พอได้ยินดังนั้นพวกเพื่อนๆ จึงยักไหล่แล้วแยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนกวินท์ฉวยแว่นจากมือเด็กคนหนึ่งแล้วเอามายื่นส่งให้เขา นฤชารับมาใส่ก่อนจะมองผ่านเลนส์แว่นไปยังเรือนร่างสมส่วนแบบเด็กชายที่กำลังจะโตเป็นชายหนุ่มของอีกฝ่าย กล้ามเนื้อที่เห็นเป็นมัดนูนทั่วร่างกายจากการออกกำลังกับเพื่อนๆ อาจจะไม่ได้กำยำเหมือนอาจารย์พละ กระนั้นก็ยังดึงดูดสายตาพอจะทำให้หน้าเขาร้อนวูบวาบ
"ความจริงนายก็หน้าตาดีนะ เสียดายใส่แว่นซะหนา ทีหลังก็ระวังอย่าให้ไอ้พวกนั้นเล่นพิเรนทร์แบบนี้อีกก็แล้วกัน"
"อะ ขอบใจ"
ตอนนั้นกวินท์เพียงแต่หันหลังกลับไปหาล็อคเกอร์ของตัวเองโดยไม่สนใจเขาอีก แต่นฤชาจำเหตุการณ์นั้นได้ไม่เคยลืม เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ และเป็นครั้งแรกที่เขาตกหลุมรักด้วย
นับแต่นั้นเขาก็ปรึกษาพี่สาวเรื่องปัญหาหัวใจเพราะไม่เห็นใครที่เป็นที่พึ่งได้อีก พี่แนทแสนดีจึงแนะนำให้เริ่มจากการปรับเปลี่ยนบุคลิกที่ไม่มั่นใจในตัวเองก่อน ความที่อีกฝ่ายเป็นครูสอนโยคะอยู่แล้วจึงใช้สิทธิ์พาเขาไปเข้าเรียนด้วย จากนั้นก็แนะนำให้ใส่คอนแท็คต์เลนส์แทนแว่นตาอันแสนเทอะทะ รวมไปถึงช่วยดูแลเสื้อผ้าหน้าผมในวันที่ไม่ต้องไปโรงเรียน การเทรนอย่างเข้มข้นนั้นทำให้นฤชาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อเปิดเทอมตอนมัธยมปลาย แต่น่าเศร้าที่นอกจากเขาจะอยู่คนละห้องกับกวินท์แล้ว ฝ่ายนั้นยังดูเหมือนจะลืมไปเสียสนิทว่าเคยรู้จักเขา เพราะกระทั่งเวลาที่เดินสวนกันหรือนั่งกินข้าวใกล้กันในโรงอาหาร สายตาคู่นั้นก็ไม่เคยเหลือบแลมาทางเขาสักแวบ
นฤชาเคยคิดจนปวดหัวว่าจะหาโอกาสเข้าใกล้อีกฝ่ายอย่างไรไม่ให้ดูน่าเกลียดจนกระทั่งวันที่โดนเตะบอลใส่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว กวินท์เป็นคนที่เสนอตัวเข้ามาหาเขาก่อน นอกจากนี้ยังแสดงความต้องการในตัวเขาและทำท่าทางเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ สิ่งที่เคยได้แต่จินตนาการไปข้างเดียวยามถ่ายรูปตัวเองแล้วคิดว่ากำลังถูกกวินท์โอบกอด บัดนี้ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปเพราะร่างกายเขายังจดจำสัมผัสเหล่านั้นได้อยู่เลย
เขาเป็นของกวินท์แล้ว กวินท์ก็เป็นของเขาเหมือนกัน พอคิดได้เช่นนี้ นฤชาก็ยิ้มจนเมื่อยแก้ม
เด็กหนุ่มเหลือบตาขึ้นมองคนที่นอนหลับและกรนเบาๆ อยู่ข้างกายด้วยแววตาหวานเชื่อม ต่อจากนี้ก็อยู่ที่ความสามารถของเขาเองแล้วว่าจะทำให้ความหลงใหลของกวินท์คงอยู่ตลอดไปได้หรือเปล่า เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายชอบเขามากเท่าที่เขาชอบเจ้าตัวไหม แต่ดูจากการแสดงความรักอย่างเร่าร้อนที่เขาได้รับไปสามชั่วโมงติดกัน นฤชาก็คิดว่าตนคงยังไม่ต้องปวดหัวกับประเด็นนั้นไปอีกพักใหญ่ๆ
ขอแค่เขาได้อยู่ใกล้กวินท์ ได้กอดกวินท์เอาไว้เหมือนตอนนี้ นฤชาก็มั่นใจว่าเขามีสารพัดวิธีที่จะทำให้ 'สุดที่รัก' คนนี้หนีไปไหนไม่รอดได้อย่างแน่นอน
++---End---++
