บนม่านราตรีที่ห่มคลุมทุกสรรพสิ่งในยามดึกสงัด ดวงจันทร์ซึ่งลอยสูงได้ทอแสงละมุนตาลงบนกลีบเมฆที่ลอยกระจัดกระจายบนท้องฟ้า ที่หน้าประตูห้องของคอนโดมิเนียมหรูกลางใจเมือง คีย์การ์ดถูกหยิบออกมารูดในช่องอ่านสัญญาณก่อนที่ประตูจะถูกผลักเปิด จากนั้นกฤตภาสก็ย่อตัวลงช้อนร่างของเด็กหนุ่มที่เมาจนแทบยืนไม่อยู่แล้วพาเดินเข้าไปในห้อง
ความคุ้นเคยบวกกับแสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างทำให้เขาสามารถอุ้มธีระไปถึงห้องนอนโดยไม่ชนอะไร จนกระทั่งวางเด็กหนุ่มลงบนเตียงแล้ว ร่างสูงใหญ่ถึงค่อยหันไปเปิดโคมไฟซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ
"อืม...ขอโค้กกับโซดาเพิ่มด้วย...น้ำแข็งอีกถัง..."
เสียงเพ้ออ้อแอ้ทำให้กฤตภาสเอามือยีผมของธีระพลางยิ้มอย่างหน่ายๆ เขาเข้าใจผิดมาตลอดตั้งแต่พบกันว่าเด็กคนนี้คงเป็นพวกแพ้แอลกอฮอลล์ ที่ไหนได้ วันนี้เจ้าตัวผสมเหล้าดื่มเองจนแทบหมดกลมคนเดียวโดยไม่รับรู้เลยว่ามีคนเดินมาเมียงมองด้วยแววตาสนอกสนใจตั้งกี่ราย แต่ติดที่โดนเขาซึ่งนั่งคุมเชิงจิบวิสกี้อยู่ข้างๆ ทำตาดุใส่ จึงไม่มีใครหน้าไหนหาญกล้าพอจะเข้ามาชวนคุย
กฤตภาสเข้าห้องน้ำไปล้างมือล้างหน้าให้สดชื่นขึ้น จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูที่ชุบน้ำจนหมาดเดินกลับไปเช็ดหน้าให้ธีระที่ยังเหม่อมองเพดานด้วยนัยน์ตาเลื่อนลอย
"ทำไมร้านไม่เปิดไฟล่ะ? แล้วพาผมมานอนบนเตียงทำไม? ผมไม่ไปหาหมอฟันนะ ไม่ได้ฟันผุซักหน่อย"
"เด็กบ้านี่ เพิ่งรู้นะว่าเวลาเธอเมาแล้วจะพูดจาไม่รู้เรื่องขนาดนี้"
กฤตภาสทั้งขำทั้งอ่อนใจ เขาจับเด็กหนุ่มยกแขนขึ้นเพื่อจะได้ถอดเสื้อให้ จากนั้นก็เช็ดคราบเหงื่อไคลจากการไปตะลอนข้างนอกมาทั้งวันเพราะรู้ว่าคืนนี้คงไม่มีหวังจะพาธีระไปอาบน้ำ เมื่อจัดการท่อนบนเสร็จแล้วก็เช็ดตัวท่อนล่าง จากนั้นก็เปิดตู้หาเสื้อยืดกับกางเกงบ็อกเซอร์มาให้เด็กหนุ่มใส่แทนชุดนอน
จะว่าไป...เขายังไม่เคยดูแลใครขนาดนี้มาก่อนเลยตั้งแต่เกิดมา ขนาดรูมเมทสมัยเรียนที่อังกฤษไปกินเหล้าเมาจนอ้วกรดตัวเอง เขาก็ปล่อยให้หมอนั่นนอนจมกองอ้วกอยู่หน้าประตูห้องยันเช้าเสียด้วยซ้ำ
ธีระมองเพดานด้วยความรู้สึกวิงเวียนราวกับโลกหมุนย้อนทิศทาง ร่างกายก็สั่นเพราะแอลกอฮอลล์ซึ่งไหลวนในกระแสเลือดอย่างเข้มข้น เขาสับสนจนแยกแยะไม่ได้ว่าสถานที่ที่ตัวเองนอนอยู่คือที่ไหน แสงไฟที่สลัวในห้องยิ่งทำให้มองภาพคนที่กำลังช่วยแต่งตัวให้ไม่ชัด ความทรงจำสุดท้ายของเขาคือขอร้องให้กฤตภาสพาไปร้านเหล้าที่ไม่ได้ไปมาหลายเดือนเพราะเครียดจนทนไม่ไหว แต่ทำไมตอนนี้คนที่อยู่ข้างกายถึงได้อ่อนโยนขนาดนี้ ลูบผมกับแก้มเขาได้อย่างอบอุ่นเช่นนี้ หรือว่าคนใจร้ายคนนั้นเรียกพี่รงค์ให้มาช่วยเพราะเบื่อที่จะนั่งดูเขามอมเหล้าตัวเองกัน
จริงด้วยสิ...คุณกฤตคงรู้จักพี่รงค์ก็เลยโทรไปเรียกมา... ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ เลย...
สมองของเด็กหนุ่มเบลอเพราะแอลกอฮอลล์จนไม่อาจไตร่ตรองว่าจินตนาการของตนไร้สาระเพียงใด เขาเพียงแต่หรี่ตามองคนที่นั่งบังแสงจากโคมไฟ จากนั้นก็ยกมือขึ้นทาบบนมือใหญ่ที่กำลังวางอยู่บนแก้ม
มือที่ทั้งใหญ่แล้วก็อบอุ่นขนาดนี้...ไม่มีทางเป็นคนอื่นนอกจากพี่รงค์ได้แน่ๆ...
"พี่รงค์...พี่รงค์มาหาตี้เหรอ?"
กฤตภาสชะงักการเคลื่อนไหวทันที คิ้วดกหนาขมวดมุ่นเมื่อเห็นคนที่นอนอยู่มองเขาด้วยนัยน์ตาเชื่อมปรอยและริมฝีปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ชักมือหนีขณะที่เด็กหนุ่มยังคงเพ้อต่อ
"วันก่อน...ตี้เห็นผู้ชายคนนั้นด้วยล่ะ แฟนของพี่รงค์...ตอนแรกตี้นึกว่าเขานอกใจพี่รงค์...แต่ว่าไม่ใช่ ตี้เข้าใจผิดไปเอง...พี่รงค์...ตี้จะเป็นน้องชายที่ดีให้พี่รงค์ก็ยังเป็นไม่ได้เลย...พี่รงค์อย่าเกลียดตี้เลยนะ ตี้ขอโทษ...ตี้จะไม่แช่งให้พี่รงค์เลิกกับเขาอีกแล้ว...อย่าเกลียดตี้นะ..."
เด็กหนุ่มเริ่มพร่ำเพ้ออย่างไม่ได้สติขณะยื่นมือขึ้นลูบหน้าของกฤตภาส โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่ายิ่งเขาเอ่ยชื่อของชายอื่นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งกระพือไฟในอกคนฟัง แต่แล้วหยาดน้ำที่รินไหลจากหางตาทั้งสองข้างก็สะกดให้กฤตภาสนั่งนิ่ง เขามองคนที่พยายามตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นนั่งทั้งที่แค่จะพยุงตัวให้ตรงยังทำไม่ได้ และปล่อยให้ร่างนั้นโน้มคอเขาลงไปกอดขณะกระซิบเสียงสั่นเครือชิดริมหู
"อย่าเกลียดตี้นะ...ฮึก...ตี้จะยอมเป็นแค่น้องชายก็ได้...แต่ขอร้องล่ะ อย่าเกลียดตี้..."
หยาดน้ำตาซึมลงบนต้นคอของกฤตภาส แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกราวกับผิวแสบร้อนดั่งถูกไฟลวก ธีระกอดคอเขาแน่นพลางไถแก้มไปมาอยู่บนแผ่นอกราวกับเด็กน้อยที่อ้อนวอนการให้อภัย ท่าทางน่าสงสารทำให้คนที่ตอนแรกนึกอยากจับเด็กหนุ่มเขย่าให้หายเมาก่อนจะบอกว่าเขาไม่ใช่พี่รงค์อะไรนั่นต้องหยุดความคิดไว้ และสุดท้ายก็เพียงแต่สอดแขนโอบรอบเอวผอมแล้วลูบร่างที่อุณหภูมิสูงกว่าปกติอย่างปลอบโยน
คนแบบไหนกันที่ทำให้เด็กคนนี้ฝังใจถึงขนาดนี้ได้...แล้วเด็กคนนี้เก็บเรื่องพวกนี้ไว้คนเดียวมานานแค่ไหนแล้ว...
ธีระรัดแขนรอบคอเขาแน่นขึ้นพร้อมกับส่งเสียงสะอื้นอยู่ในอ้อมกอด จนกระทั่งครู่ใหญ่ผ่านไป เสียงสะอื้นไห้และอาการสั่นเทาจึงค่อยๆ สงบลง เช่นเดียวกับแขนที่ตกลงข้างตัวซึ่งเป็นสัญญาณว่าเด็กหนุ่มผล็อยหลับ
กฤตภาสยังคงกอดธีระไม่ปล่อยจนกระทั่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่รู้สึกตัวแน่นอน เขาจึงค่อยจับร่างในอ้อมแขนให้เอนลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูที่ยังชื้นช่วยเช็ดคราบน้ำตาและน้ำมูกให้ และช่วยเสยผมที่ชื้นเหงื่อจนแนบติดหน้าผากออกขณะมองแพขนตาที่ปิดสนิท
เธอยังโชคดีที่ตอนนี้ฉันอารมณ์ดี ไม่งั้นฉันปลุกขึ้นมาถามแน่ว่าไอ้พี่รงค์ที่พร่ำเพ้อหานักหนานี่มันใครกัน
กฤตภาสคิดพลางเอนตัวลงนอนตะแคงข้างๆ และชันศอกข้างหนึ่งขึ้น ร่างของเด็กหนุ่มกระตุกและคิ้วขมวดราวกับกำลังฝันร้าย เขาจึงใช้มืออีกข้างลูบหลังเบาๆ จนกระทั่งเห็นว่าเรียวคิ้วได้รูปเริ่มผ่อนคลายลง แต่ก็ไม่หยุดมือที่ลูบแผ่นหลังและเพ่งมองใบหน้าอ่อนเยาว์อย่างตั้งใจเป็นครั้งแรก
ธีระจัดได้ว่าเป็นคนหน้าตาน่ารักชนิดที่สาวๆ เห็นก็คงชอบ หนุ่มๆ หลายคนเห็นก็คงสนใจ แต่กฤตภาสผ่านคนที่รูปลักษณ์สะดุดตากว่านี้มามากเพราะสายงานที่ทำ ดังนั้นสำหรับเขาแล้วสิ่งที่ดึงดูดเกี่ยวกับธีระหลังได้รู้จักกันมากขึ้นจึงแทบจะไม่เกี่ยวกับหน้าตา แต่เป็นบุคลิกที่สุภาพอ่อนน้อมแต่ก็ดื้อ และแววตาที่บ่งบอกว่าต่อต้านเขาแม้แต่เวลาที่ร่างอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนจนชวนให้อยากปราบพยศต่างหาก
ที่ผ่านมากฤตภาสมีโอกาสหลายครั้งที่จะได้เห็นธีระในยามหลับไหล แต่กลับไม่เคยสังเกตเลยว่าเด็กหนุ่มมักขมวดคิ้วอยู่เสมอแม้อยู่ในห้วงนิทรา
"ฉันไม่ใช่พี่รงค์อะไรนั่น ดังนั้นตำแหน่งพี่ชายเธอคงต้องไปขอกับหมอนั่นเอาเอง แต่ถ้าจะขอร้องว่าไม่ให้เกลียดล่ะก็...เรื่องแค่นั้นฉันทำให้ได้"
ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะก้มลงจรดริมฝีปากบนเนินหน้าผากเกลี้ยงเกลา เขาลูบแผ่นหลังผอมบางอีกครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นแล้วดึงผ้าห่มให้ถึงไหล่ของธีระ จากนั้นก็หันไปถอดเสื้อผ้าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ กระแสน้ำเย็นที่หลั่งรินจากฝักบัวลงบนกล้ามเนื้อหาได้ช่วยดับความรุ่มร้อนที่รวมตัวกันแน่นอยู่ในอก และเขาไม่ชอบความรู้สึกอึดอัดดุจน้ำท่วมปอดเช่นนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
เพิ่งจะเมื่อคืนที่ผ่านมา ธีระทำให้เขาแปลกใจกับท่าทีที่เป็นฝ่ายโอนอ่อนเข้าหาอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ไม่น่าเชื่อว่าถัดมาอีกเพียงคืนเดียว กฤตภาสจะรู้สึกราวกับอะไรบางอย่างในตัวก็กำลังถูกมือที่มองไม่เห็นสั่นคลอนเช่นกัน แต่ว่าสำหรับคนอย่างเขา...โลกคงต้องถล่มไปก่อนนั่นแหละถึงค่อยมานั่งคิดว่าความอึดอัดใจนี้มีสาเหตุจากอะไร
++---TBC---++
A/N: ไม่รู้ตอนนี้ช่วยให้ตากฤตกู้คะแนนคืนได้บ้างไหมนะคะ (เกรงว่าคงติดลบจนกู่ไม่กลับซะมากกว่า) น้องตี้ยังคงรับบทหนักเสมอต้นเสมอปลาย แต่เหมือนตอนนี้ทิศทางลมจะเปลี่ยนไป เราอาจเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงระหว่างคู่นี้มากขึ้น แต่ด้วยความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของตากฤต คนเขียนเลยไม่กล้ารับประกันว่าความเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้จะดีหรือร้าย หุหุหุ
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ทั้งตอนก่อนและตอนนี้ ส่วนใครอ่านแล้วแต่ยังไม่เคยแสดงตัวก็มาทักทายกันได้นะคะ อยากรู้ความเห็นคนอ่านเยอะๆ ค่า ^^ (จะหมั่นไส้หรือรังเกียจตากฤตยังไงก็ได้ค่ะ ไม่ว่าเลยเพราะฮียิ่งโดยเยอะๆ ยิ่งสะใจ 5555) 