สวัสดียามเย็นครับผม
คืบคลานเข้ามาแบบคนมีความผิดติดตัวครับ
อ่านตอนนี้แล้ว
ขอคะแนนความสงสารด้วยครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ละอายใจ
http://www.youtube.com/watch?v=Ei1hw7gcvRoถ้าฉันคิดได้อย่างวันนี้ ตั้งแต่วันนั้นที่เธอยังอยู่
ถ้าฉันรู้ในถูกผิดเธอคงไม่คิดจะจากไป
ที่ฉันร้องไห้อยู่ตอนนี้ กลั่นจากส่วนลึกในหัวใจ
ที่ร้องไห้ เพราะใจกำลังคิดถึงเธอ
เธออยู่ที่ใด ได้โปรดมาฟัง บางสิ่งในใจที่วันนี้ยังติดค้าง
แต่ฉันไม่รู้จะเจอเธอที่ไหน โลกใหญ่เกินจะค้นเจอ
อยากขอโทษที่เคยเอาแต่ใจ
อยากขอโทษอะไรที่ร้ายๆ อยากให้เธออภัย
ในสิ่งที่ฉันผิดพลั้งไปมากมาย
อยากขอโทษในวันที่ผ่านมา อาจเพราะฉันมีตา
แต่หามีแววไม่ ทำสิ่งดีดีหล่นหาย ทำคนที่รักฉันเสียใจ
เธออยู่แห่งใดที่ไหน ฉันละอายแก่ใจต่อเธอเหลือเกิน
ฉันพร้อมชดใช้ให้เธอแล้ว แววตาตอนนี้ฉันว่างเปล่า
ฉันขอให้ความเป็นเรา กลับคืนมาได้ไหม
เธออยู่ที่ใด ได้โปรดมาฟัง บางสิ่งในใจที่วันนี้ยังติดค้าง
แต่ฉันไม่รู้จะเจอเธอที่ไหน โลกใหญ่เกินจะค้นเจอ
อยากขอโทษที่เคยเอาแต่ใจ
อยากขอโทษอะไรที่ร้ายๆ อยากให้เธออภัย
ในสิ่งที่ฉันผิดพลั้งไปมากมาย
อยากขอโทษในวันที่ผ่านมา อาจเพราะฉันมีตา
แต่หามีแววไม่ ทำสิ่งดีดีหล่นหาย ทำคนที่รักฉันเสียใจ
เธออยู่แห่งใดที่ไหน ฉันละอายแก่ใจต่อเธอเหลือเกิน
อยากขอโทษที่เคยเอาแต่ใจ
อยากขอโทษอะไรที่ร้ายๆ อยากให้เธออภัย
ในสิ่งที่ฉันผิดพลั้งไปมากมาย
อยากขอโทษในวันที่ผ่านมา อาจเพราะฉันมีตา
แต่หามีแววไม่ ทำสิ่งดีดีหล่นหาย ทำคนที่รักฉันเสียใจ
เธออยู่แห่งใดที่ไหน ฉันละอายแก่ใจต่อเธอเหลือเกิน
(ละอายใจ...ดีเจ เจ๊แหม่ม)
เปิดเพลงละอายใจไปด้วย เขียนไปด้วยครับผม
ฟังซ้ำๆหลายสิบรอบ...ได้ฟีลลิ่งดีครับ
อ่านไปด้วย เปิดเพลงนี้แล้วไปด้วยกันครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พี่ปัทวางสายไปแล้ว ผมนั่งนิ่งอยู่อีกพักใหญ่
ไม่มีแรงจะลุกเดิน
แค่นั่งนิ่งๆก็ใช้พลังงานที่มีอยู่ในร่างกายไปจนหมด
ผมทำสิ่งมีค่าหลุดมือไปแล้วเหรอเนี่ย
มันสายไปจริงๆ ไม่ทันเสียแล้ว
ไม่ทันตั้งตัว
ไม่ทันเตรียมใจ
ผลของการนอกกาย กลับมาทำร้ายผมอย่างเจ็บปวด
คุ้มกันหรือไม่กับการเล่นกับไฟ
ไม่ใช่ครั้งแรก ก็สมควรแล้วครับ
การให้อภัย
ไม่ได้มีไว้ให้คนที่ทำผิดซ้ำซากอย่างผม
“อยู่นี่เอง ตามหาจนทั่ว”
เฮียปานทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม ใต้ต้นไม้
ผมเงยหน้าขึ้นมามองหน้าแก
“เฮีย เฮียปาน”
“ครับ”
แปลกที่แกไม่สังเกต...
หน้าตาห่อเหี่ยวซีดเซียวของผม
ไหนจะเสียงผมที่มันแหบแห้ง
“สอบเสร็จแล้วสินะ โล่งเลยสิ”
แกยิ้มให้ผมพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ
ในแววตาของแก มีคำถาม แต่แกเลือกที่จะไม่พูด
ผมกัดริมฝีปากอย่างชั่งใจ
ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร
“เป็นอะไรไป หืม จะกลับบ้านรึป่าว ไหวมั๊ย”
เฮียปานดึงผมเข้ามากอดเร็วๆแล้วปล่อย
คนเดินผ่านไปมา มีบางคนชำเลืองมอง
นาทีนี้ใครจะมองยังไงก็เถอะ
“เฮียปาน ผม..ผม..”
ผมเกาะแขนแกเขย่าแรงๆ
“ว่าไป”
แกลูบหัวผมเบาๆ
“ผมอยากไปหาเฮียมี่ ช่วยผมที”
“อืม..คิดก่อนนะ”
ทำท่าคิดนิดนึง
“เราไปเอากระเป๋าที่ซุ้มแล้วกลับมาหาเฮียตรงนี้”
แกชี้นิ้วให้ผมไปที่ซุ้มจังหวัด
ผมลุกขึ้น เดินเร็วๆจนเกือบวิ่งไปเอากระเป๋า
เสียเวลากับการหากระเป๋า
มีคนที่คิดเหมือนกันหลายคน
เอากระเป๋ามาฝากไว้เตรียมพร้อมกลับบ้านต่างจังหวัด
กอดกระเป๋าไว้แน่น รีบร้อนจะไปหาเฮียปานที่จุดนัด
ต้องผ่าน ด่านทักทาย ชักชวน ของพี่ๆเพื่อนๆที่ยังไม่มีใครรีบกลับ
คงจะสังสรรค์ พูดคุยดื่มกินกันอีกพักใหญ่
ยอมเสียมารยาท ตอบปฏิเสธสั้นๆ
คิดในใจว่า
“ผมกำลังรีบ รีบไปทวงดวงแก้วของผมกลับคืนมา”
เฮียปานลุกลี้ลุกลนแปลกๆ
แกรีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง
“อ้าวมาเร็วจริง เฮียเพิ่งโทรฯคุยกับที่บ้าน
ไม่รู้จะโทรฯตามทำไม ก็รู้อยู่ว่ายังสอบไม่เสร็จ
จะให้รีบกลับบ้านทำไมก็ไม่รู้”
แกหลบตาผม แล้วแย่งกระเป๋าไปถือ
“ไปกันเถอะ จะได้ไปถึงไม่เย็นมาก”
เดินตามหลังแกไปติดๆ
งงๆอยู่ว่าแกโทรฯไปบ้าน หรือที่บ้านโทรฯมา
แล้วแกรู้เหรอว่าผมจะไปหาเฮียมี่ที่ไหน
“ที่นั่งเราอยู่นี่ แล้วนี่ตั๋วเก็บใส่กระเป๋าไว้ให้ดี
เผื่อเขาเรียกตรวจ
รถมันจะจอดที่ขนส่งที่เดียว จะหลับไปก็ได้
เฮียบอกพนักงานให้คอยดูเราเป็นพิเศษ
พอถึงลงรถแล้วรออยู่แถวนั้นอย่าไปไหนไกล
พี่ปัทแกจะมารับไปโรงพยาบาล
เข้าใจมั๊ย”
“เข้าใจครับ...เอ้อ...”
“เฮียต้องลงไปแล้วนะ รถจะออกแล้ว ขอโทษที่ไปส่งไม่ได้
ระวังตัวด้วยนะ ไม่ต้องคุยกับคนแปลกหน้า
ใครให้อะไรก็อย่ากินอย่ารับ
เข้าใจมั๊ย”
มองหน้าผมอย่างคาดคั้น
ผมยิ้มเจื่อนๆ พยักหน้าให้แก
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
เฮียปานถอนหายใจแรงๆ
“สงสารเฮียมี่จริงๆเลยกู”
“ห๊ะ เฮียว่าไงนะ เฮียมี่แกทำไม”
ผมตกใจ เกิดอะไรไม่ดีกับเฮียมี่รึป่าว
“ไม่มีอะไร เฮียแค่จะพูดว่าเดินทางดีๆ
โชคดีนะครับ”
เฮียปานกอดผมเร็วๆทีหนึ่ง ไม่รอให้ผมได้พูดอะไร
แกก็ลงไปจากรถ
ยืนโบกมืออยู่ข้างล่างใต้หน้าต่างรถตรงที่ผมนั่ง
ผมอดอมยิ้มไม่ได้ แกพูดครับกับผมด้วย
สั่งเสียยังกะผมเป็นเด็กเล็กๆ
แต่เอ๊ะ แกรู้ได้ไงว่าพี่ปัทจะมารับผมที่ท่ารถ
นั่งรถไป คิดหาวิธีง้อเฮียมี่
ถ้าเรื่องพี่ฝ้ายไม่ใช่เรื่องจริง คงไม่ยากเท่าไหร่
อ้อนๆ ออดๆ แกสักพัก ก็คงจะหาย
ยอมเปลืองตัวอีกสักนิดก็น่าจะสำเร็จ...อิอิ
แต่ถ้าเรื่องพี่ฝ้ายเป็นเรื่องจริง
งานนี้ไม่หมูเลย หากเพลี่ยงพล้ำอาจต้องเสียเฮียมี่ไปจริงๆ
โอ๊ย...กลุ้ม
วันนั้นคนที่อยู่บนรถ
คงจะแปลกใจกับหนุ่มน้อยในชุดนักศึกษาเต็มยศ
นั่งกอดกระเป๋าอยู่คนเดียว
เดี๋ยวยิ้ม อายหน้าแดง (จากการคิดลามก)
เดี๋ยวหน้าบึ้ง ทึ้งผมตัวเอง
อารมณ์สลับไปมา
คนที่มองเห็นผมคงคิดว่า...ถ้าจะบ้า
รถจอดเทียบชานชลา
ผมรีบลงจากรถ มองหาพี่ปัท
แขนผมถูกดึงจากข้างหลัง
“เฮ๊ย...อ้าวพี่ปัท ตกใจหมดเลย สวัสดีครับ”
“เดินทางเป็นยังไงบ้าง ลำบากรึป่าว”
พี่ปัทไม่รับไหว้ แต่แกเข้ามากอดผมแน่นๆ
แล้วผละออก ชี้ไปทางด้านหน้าสถานี
“มอเตอร์ไซค์จอดอยู่ด้านหน้า ไปกันเถอะ มีคนนั่งไม่ติดแล้ว”
แกจูงผมมาที่รถมอเตอร์ไซค์
ผมเดินตามอย่างงงๆ ไม่เข้าใจที่แกพูด หรือแกบ่นนะ
“เราจะขี่หรือจะซ้อน อ้อ ลืมขี่ไม่เป็นนี่นา มาขึ้นมา โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกล”
ถามว่าอายมั๊ย อายมาก
ซ้อนรถเจ๊นิดไม่ยักอาย แต่อายพี่ปัท แกจะคิดว่าผมอ่อนมั๊ยนะ
กลับไปอาจจะลองฮึดลองหัดขี่รถมอเตอร์ไซค์อีกสักครั้ง
แหม...แต่ถ้ารถล้มอีกหล่ะ ต้องได้แผลอีกแน่ๆ
แล้วจะให้ใครสอน
ไอ้นิวมันยิ่งเกทับ เรื่องนี้อยู่ด้วย
เฮียปานก็ไม่อยู่
เฮียพีทก็เพิ่งเป็นคดีความกันอยู่
คิดยังไม่ทันได้ข้อสรุป ก็มาถึงโรงพยาบาล
“ยังไม่ถึงเวลาพักอีกครึ่งชั่วโมง”
พี่ปัทยกแขนซ้ายขึ้นดูเวลา
“ผมนั่งรอแถวนี้ก็ได้ครับ”
“ได้ไงไปรอที่ห้องพักแพทย์แล้วกัน ตามพี่มา”
แกไม่ฟังผมสักนิด เดินนำผมไป
เดินผ่านด้านหน้าห้องตรวจ ยังมีคนไข้นั่งกันอยู่
น่าจะเกือบๆ20คน
ก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ เกือบๆ4โมงเย็น
คิดขึ้นได้รีบถอดนาฬิกาออก เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง
กันไว้ก่อนครับ สิ่งใดที่อาจก่อให้เกิดปัญหาความเข้าใจผิด
ผมต้องป้องกันทุกทาง
“นั่งเล่นก่อนนะจ๊ะ คงยังไม่หิวนะ ถ้าไงของในตู้เย็นทานได้นะ
เป็นสวัสดิการ ไม่ต้องเกรงใจ ข้างในมีห้องน้ำ
เดินเลยเข้าไปมีห้องนอนแพทย์เวรอยู่
ถ้าง่วงก็นอนได้ เดี๋ยวพี่ไปส่งเวรแป๊บนึง เดี๋ยวมา”
ผมยังไม่ทันตอบ ก็เห็นแค่ด้านหลังของพี่ปัท
ที่เดินตัวปลิวออกไป
ไม่แปลกใจเลยที่หมอแทบทุกคนพูดเก่ง
ดูสิ แค่นักศึกษาแพทย์ผมยังฟังแทบไม่ทัน
หันกลับมามองสำรวจห้องพักแพทย์
ห้องโถงกว้างพอสมควรมีโต๊ะรูปไข่ตัวใหญ่อยู่กลางห้อง เก้าอี้อีก6-7ตัว
ติดผนังด้านหนึ่งมีโซฟายาวๆ2ตัววางชิดกันเป๊นมุมฉาก
คงจะทั้งนั่งทำงาน ทั้งนอนพักเวรกันในนี้
น่าเห็นใจนะครับ อาชีพหมอต่างจังหวัดไม่ได้สุขสบายมากมาย
วางกระเป๋าเสื้อผ้าไว้บนโซฟา
เดินลึกเข้าไปเจอห้องน้ำ ล้างหน้าล้าตาพอสดชื่น
คิดขึ้นได้ว่า
พี่ปัทบอกว่ายังมีห้องนอนแพทย์อยู่ด้านในอีกที
ไม่ได้อยากนอนหรือง่วงแต่อย่างใด
ไหนๆก็มีโอกาสเข้ามาห้องพักแพทย์ทั้งที
เข้าไปดูสักหน่อยคงไม่เป็นไร
อยากรู้เหมือนกันว่าแพทย์เวรเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร
ออกจากห้องน้ำ
ซ้ายมือก็กลับไปทางเดิม
ขวามือเป็นที่หมาย
ผมเดินเลี้ยวไปทางขวามือ
ไปตามทางเดินแคบๆ
มีห้องเล็กๆลับตาคนอยู่2ห้อง
คงจะเพื่อความเป็นส่วนตัว
หากต้องการนอนหลับพักผ่อน
ประตูปิดอยู่ทั้ง2ห้อง
เปิดประตูห้องแรกเข้าไป
ยังไม่ทันได้เดินเข้าห้อง
เสียงเปิดประตูห้องข้างๆ
มีคนเดินออกมาจากห้อง
ระยะทางไม่ใกล้นัก
แต่ผมมองเห็น
ชัดเจน
เฮียมี่
กับ
พี่ฝ้าย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เฮ้อ.......
ฟังเพลงกันดีกว่าครับ
http://www.youtube.com/watch?v=DO8ABcIjrvUตอนหน้า
มาม่า
มาอีกแล้วครับ