
สวัสดีครับผม….รอกันอยู่รึป่าวเอ่ย
รอคนที่ทำผิดพลาด...คนที่สำนึกผิดแล้ว(น่าสงสารเนอะ)
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย จะรู้ช้ารู้เร็ว
เฮียมี่ก็สั่งสอนผม จน...ผมไม่กล้าแม้แต่จะคิดทำอีกแล้ว
เฮียแกมีวิธีดัดหลังผม จนผมหลังแอ่นเลยครับ…อิอิ
สนุกเพียงครั้ง(สองครั้ง)โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำมั๊ยทำมัยไม่ให้อภัยผม
สารภาพก็แล้ว..ไม่ยักกะลดโทษลงกึ่งหนึ่ง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บอกลาทั้งทีวินาทีเดียวเท่านั้น
กว่าจะคบกันรักกันตั้งกี่ปี
บอกลาทั้งทีวินาทีเดียวเท่านั้น
ใบไม้ไม่ทันหล่นลงพื้น
เราก็ต้องไกลกันมันน่าเสียดายที่ต้องจากกัน
น้ำตาที่มีเพื่อให้เธอรู้ฉันเสียใจ
ฉันยังรักเธอ
(เก้า จิรายุ)
http://www.youtube.com/watch?v=5yTeggDzQTA----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

“4คืน5วัน..ในฮ่องกง...จะเป็นความทรงจำที่มีค่าสำหรับเฮีย”
เฮียพีทรำพึงรำพัน พลางลูบหัวผมที่ซบนิ่งอยู่กับอก
มืออีกข้างลูบไล้บั้นเอวผม ภายใต้ผ้าห่มหนาๆผืนเดียวกัน
ความอบอุ่นทั้งจากคำพูดและรสสัมผัส แผ่ซ่านในความรู้สึก
แต่สามัญส่วนลึกๆในห้วงอารมณ์ตอนนั้นแล้ว...ผมเสียใจ
หลับตาลงช้าๆ น้ำตาซึมอยู่ที่หางตา
คิดถึงคนไกล
กามารมณ์เป็นอารมณ์ปรารถนาในความใคร่
เวลาเข้าครอบงำ ทำให้ขาดสติ
เมื่อผ่านพ้นไปแล้ว ช่างน่าอดสูเสียจริง
“อย่าร้องไห้เลยนะครับ
ขอให้ภาพความสุขความทรงจำของเฮีย
มีแต่รอยยิ้มของเรา”
เฮียพีทเกลี่ยปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ผม
“ไหนดูสิ ยิ้มได้รึยังครับ”
เชยคางผมขึ้นมาไม่ทันได้ดูผมยิ้ม
ริมฝีปากแดงๆมอบจุมพิตแสนหวาน ละเมียดละไม
คืนนั้นเรากกกอดกันจนเช้า
สัมผัสกันทุกส่วนของร่างกาย
เบียดชิดจนจะเป็นเนื้อเดียวกัน
แต่....
ผมให้แกได้แค่ภายนอกเท่านั้นครับ
เกือบๆพลาดท่าเสียทีไปเหมือนกัน
เคลิบเคลิ้มไปกับบทรักที่ปรนเปรอ
หากผมไปเจอคนที่ไม่ได้รักผมจากใจจริง
คงจะไม่รอดตั้งแต่ครั้ง...ริมน้ำตกกับเฮียปาน
เฮียมี่ครับ...
ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะนอกกาย
ส่วนใจ....ผมไม่เคยนอกใจเฮียเลยสักครั้ง(มั๊ง)
มีวูบหนึ่งที่ย้อนคิด
ในทางกลับกัน ถ้าเฮียมี่ทำกับคนอื่นแบบนี้ ผมจะรู้สึกอย่างไร
ขนลุกชันขึ้นมาทันที
เฮียมี่...คงยังไม่สายไปนะครับ
รุ่งขึ้น วันเดินทางกลับ
ก่อนจะเปิดประตูก้าวออกจากห้อง
“ขอบคุณนะครับ ตัวเล็ก เฮียมีความสุขที่สุดเลย”
“พูดมาก”
ผมเอามือปิดปากแก จะตอกย้ำทำไมกัน
“จุ๊บ...จูบครั้งสุดท้ายนะครับเฮีย ผมไม่อยากทำผิดกับเฮียมี่”
จุ๊บที่ปากแกเร็วๆ ก่อนกำชับข้อตกลงที่จะต้องมีผลทันทีที่ออกจากที่นี่
“ครับ”
เฮียพีทรับคำเสียงเบา
“เฮียขอจูบครั้งสุดท้ายได้มั๊ย ตัวเล็ก”
“ก็เมื่อกี้ไง”
“แต่เมื่อกี้เราจูบเฮีย ไม่ใช่เฮียจูบเรา”
“ไม่เหมือนกันรึไงเล่า”
ไม่รอให้เถียงอีกต่อไป แกเชยคางผม
โน้มตัวเข้ามาใกล้ จนริมฝีปากสัมผัสกัน
จุมพิตครั้งสุดท้าย อ่อนหวาน เนิ่นนาน
ถ้าเปรียบป๊อบคอร์น กับ บทรัก (สื่ออะไรเนี่ย)
เฮียมี่...ป๊อบคอร์น รสหวาน...นุ่มละมุน หวานสม่ำเสมอกันทุกชิ้น ทุกคำ
เฮียปาน...ป๊อบคอร์น รสคาราเมล...หอมหวาน หนุบหนับติดปลายลิ้น
เฮียพีท...ป๊อบคอร์น รสบาร์บีคิว...กรุ่นกลิ่นเครื่องเทศ แฝงรสเผ็ดร้อน จัดจ้าน
รสหวานเป็นรสดั้งเดิม มักคุ้น กินได้ทุกเมื่อ กินได้เรื่อยๆ
รสคาราเมล กินแล้วเสียวฟัน พิษของความเหนียวหนึบก่อปัญหาในภายหลัง
รสบาร์บีคิว กลิ่นเครื่องเทศยั่วยวน จนแทบทนไม่ไหว
เผ็ดร้อนแผดเผาไปทั้งปากและลำคอ
หากต้องเลือก
ผมก็ต้องเลือกรสหวานอยู่แล้ว
กินมากเท่าไหร่ก็ได้ ไม่ปวดฟัน ไม่เผ็ดร้อน แสบปาก
อีกสองรสมีโอกาสได้ลิ้มชิมรสแล้วครั้งหนึ่ง..ก็ต้องห้ามใจ
พิษสงที่ตามมามันเกินจะรับไหว
แอบลักกิน อาจต้องเสียรสหวานให้คนอ่านเอ๊ยคนอื่น
แล้วก็ถึงเวลากลับบ้านเกิดเมืองนอน
ตลอดทางบนเครื่องบิน 2 ชั่วโมงกว่าๆ
เฮียพีทกุมมือผมหลวมๆ (ใต้ผ้าห่มของเครื่องบินเน้อ)
พูดคุยกัน หลากหลายเรื่อง ราวกับจะปกปิดความรู้สึก
ทั้งผมทั้งเฮียต่างคนต่างไม่พูดถึง
เหตุการณ์ความสัมพันธ์ที่เลยเถิด
ก่อนเครื่องลง
ในช่วงที่ต้องนั่งรัดเข็มขัดอยู่กับที่นั่ง
รัดเข็มขัดเองนะครับ หน้าต่างก็เปิดเอง
ไม่เปิดโอกาสให้แก..เริ่มเป็นคนดี
“ตัวเล็ก ถ้ามีปัญหาอะไร ถ้าไม่มีใคร
อย่าลืมว่าเรายังมีเฮียอยู่อีกคนนะครับ
ต่อไปเฮียจะไม่ทำให้เราลำบากใจอีก
รักนะครับ ฟอด”
ตอนแรกก็ซึ้งกับคำพูดเพราะๆ
แต่พอแกหอมแก้มผมแรงๆทีเผลอ
“นี่แน่ะๆ เผลอไม่ได้เลย”
ทุบไหล่แกไปแรงๆ
“แหะ แหะ ไม่ทำแล้วครับ”
ยกมือยอมแพ้ หัวเราะเสียงใส
เฮียพีทสัญญาหนักแน่นว่าจะรักษาคำพูด
จนเมื่อถึงสนามบินดอนเมือง
ยังไม่มีสนามบินสุวรรรณภูมินะครับ
เดินตามหลังแม่ผมกับแม่เฮียออกมา
เฮียพีทเข็นรถเข็นที่มีกระเป๋าของเราทั้ง4คน
ที่ไหล่ก็มีกระเป๋าขนาดเล็กสะพายพะรุงพะรัง
เดินออกมาจนใกล้ถึงทางออก
“มาผมช่วย”
ยื่นมือไปจะดึงสายกระเป๋าที่ไหล่แกมาสะพาย
ผมเดินตัวเปล่าครับ (มีเป้ใบเล็กๆที่หลังแค่ใบเดียว)
รู้สึกกระดากอะครับ…กินแรง
“ไม่เป็นไรครับไม่หนัก”
เฮียพีทชะโงกหน้าเข้ามาใกล้
จับมือผมไว้เป็นเชิงห้าม
“หน่อย”
เสียงคุ้นๆตะโกนเรียกอยู่ไม่ไกลนัก
ผมชะงัก หยุดเดิน ยืนอึ้งอยู่กับที่
รอยยิ้มก่อนหน้านั้น ค้างอยู่บนใบหน้า
หน้าผมกับเฮียพีทยังอยู่ใกล้กัน
มือเฮียพีทยังกุมมือผมอยู่
เหงื่อผมพรั่งพรูออกมา แทบจะทุกรูขุมขน
ทั้งๆที่แอร์ในสนามบินเปิดจนอากาศเย็นยะเยือก
“เฮียมี่...เฮีย...มาได้ยังไง”
เฮียมี่เป็นฝ่ายเดินตรงเข้ามาหา
หน้าตาบ่งบอกว่าโมโหสุดขีด
ผมรีบดึงมือออกจากมือที่จับกันอยู่
“มาดูให้เห็นกับตาไงหล่ะ”
ตวาดผมเสียงดัง แต่ชำเลืองมองหน้าเฮียพีทแบบไม่พอใจ
หันกลับมาจ้องหน้าผมเขม็ง
สายตาที่มองกราดมา ทำผมเสียวสันหลัง
“แล้ว...”
“แล้วไง ก็ได้เห็น...อย่างที่คิดไว้..ไม่มีผิด”
“ไม่ใช่นะเฮีย ผม....”
“เฮ๊ย อย่าเข้าใจผิด พี่น้องกัน”
เฮียพีทพยายามช่วย รีบแย้งทันควัน
“ไม่ต้องเสือก เรื่องผัวเมีย”
เฮียมี่หันขวับไปมอง ตะคอกแกเบาๆพอได้ยิน
“ว๊าวๆ ดุชะมัด ตัวเล็กตายแน่ หึหึ”
เฮียพีทยังจะมีอารมณ์ขัน แกล้งยกมือยอมแพ้
เฮียมี่หันกลับมาที่ผม
มองผมนิ่งอยู่แล้วถอนหายใจออกมายาวๆ
“ต่อไป ชั้นกับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก...ลาก่อน”
เดินลิ่วออกไปไม่เหลียวหลัง
ผมยืนงง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึง5นาที
ถ้าเฮียพีทไม่เข้ามาพยุงผมคงลงไปกองอยู่ที่พื้น
แขนขา เนื้อตัวหนักอึ้ง
“ไม่ต้องกังวล รอให้เขาใจเย็นก่อนค่อยอธิบายให้ฟัง”
เฮียพีทตั้งสติได้ก่อน ประคองผมแล้วลูบหลังเบาๆ
“เฮียไม่รู้หรอกว่าเฮียมี่โหดแค่ไหน”
“โดนโกรธแค่นี้ ไม่ถึงตายหรอกหน่ะ”
“น้อยไปสิ”
“ใจเย็นๆนะครับ เฮียจะไปอธิบายให้เองไม่ต้องห่วง”
เฮียพีทพูดหนักแน่น สีหน้าจริงจัง
คงจะเห็นแล้วว่าปัญหาที่เกิดไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
ผมน้ำตาซึมๆ ใจมันแกว่งๆ
ผิดเต็มประตู แก้ตัวยังไงก็ฟังไม่ขึ้น
ก็ใครจะไปรู้ว่าเฮียแกจะโผล่มาถึงสนามบิน
เอ๊ะ แล้วแกไม่ไปฝึกงานเหรอ
ตลอดทางที่นั่งรถกลับบ้าน
คิดวกวน คิดไม่ตกว่าจะง้อเฮียมี่ยังไงดี
งานนี้ไม่ง่าย
แล้วถ้าแกตัดใจเลิกกับผมจริงๆ
ไม่ยอม ยังไงผมก็ไม่ยอม
ตามคาด...
ไม่มีการรับสาย ไม่ว่าจะโทรฯไปเป็นร้อยๆครั้ง
แต่ก่อนเวลาเห็นใครโทรฯไปง้อแฟนเป็นสิบสาย
ยังแอบคิดว่า เขาไม่รับยังจะโทรฯอยู่ได้
ไม่เกิดกับตัวไม่รู้หรอกครับ
ทุกครั้งที่กดโทรฯ...ใจมันสั่นมาก
ลุ้นว่าเฮียจะกดรับสายมั๊ย
รอนานจนสายหลุดทุกครั้งด้วยกลัวเฮียรับสายไม่ทัน
จนถึงที่สุด.....
ก็ยอมรับสภาพความเป็นจริง
ผลของการนอก(กาย)
ครั้งนี้ผมสำนึกผิดแล้ว
แต่คงสายไป.......
โชคดีของผมที่เป็นช่วงใกล้สอบ
ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย
หมกตัวอ่านหนังสือ
ปิดหู ปิดตา ปิดปาก ปิดใจ
ไม่ใช่ว่าทำได้นะครับ...แต่ทำอะไรไม่ได้มากกว่า
จนวันสุดท้ายของการสอบ
เดินตัวเบา ใจลอยออกมาจากห้องสอบ
เดินตรงไปที่ซุ้มจังหวัด
เมื่อเช้าผมเอากระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กไปฝากไว้ครับ
ใส่เสื้อผ้า2-3ชุด ของใช้ส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ
กะว่าสอบเสร็จจะกลับบ้าน
ไม่ต้องย้อนกลับไปคอนโดอีก
ยังเดินไปไม่ถึง โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมสั่น
ปิดเสียงไว้ตอนก่อนเข้าห้องสอบครับ
แวบนึง...อยากให้เป็นของเฮียมี่
เบอร์โทรฯไม่คุ้นตา ถอนหายใจยาวๆก่อนกดรับสาย
“สวัสดีครับ หน่อยพูดครับ” มารยาทยอดเยี่ยม
“น้องหน่อย พี่ปัทเองนะคะ”
งงไปนิด แล้วก็คิดขึ้นได้...เพื่อนเฮียมี่
ใจกระตุก เฮียเป็นอะไรรึป่าว
ยังไม่ทันถามถึง พี่ปัทแกชวนคุยน้ำไหลไฟสว่าง
ผ่านไปเกือบ10นาที จากยืนคุยต้องหาที่นั่ง
ก็ใต้ต้นไม้แถวนั้นแหละครับ ถ้าเดินไปที่ซุ้มคงคุยกันไม่รู้เรื่อง
มองจากระยะที่ผมยืนอยู่...คนเยอะแยะแทบไม่มีที่นั่ง
สอบเสร็จอะครับ..สังสรรค์กันนิดหน่อย...โนแอลกอฮอล์นะครับ
พี่ปัทคุยได้ทุกเรื่อง ถามโน่น ถามนี่
จนมีจังหวะ...
“พี่ปัทโทรฯมาหาผมมีอะไรรึป่าวครับ”
จะว่าไปผมเจอแกจังๆได้คุยกันก็แค่2ครั้ง
ตอนงานวันเกิดรร.ครั้งหนึ่ง
อีกครั้งก็ที่ร้านโดนัทตอนผมมา(สมัคร)เรียนกวดวิชา
“เออ..จะว่ามีมันก็มีนะจ๊ะ..คือ...”
“ว่ามาเลยครับพี่ปัท”
“พี่ไม่อ้อมค้อมหล่ะนะ”
“ครับ”
สังหรณ์ใจ คงเรื่องไม่ค่อยดีแน่...
“หน่อย..เลิกกับมี่เพื่อนพี่แล้วเหรอ”
“ห๊ะ...อะไรนะครับ”
ตกใจเลยครับ ไม่คิดว่าจะเจอคำถามแบบนี้
“ก็...พักนี้พี่เห็นมี่กับฝ้ายเขาสวีทหวานแหววกัน
ก็เลยไม่อยากเข้าใจผิดไปเองว่าเขาเป็นแฟนกันรึป่าว”
“แล้ว...แล้วพี่ปัทรู้ได้ไงครับว่าเขา..หวาน กัน”
เสียงผมเบาหวิว
เหมือนตกจากที่สูง...โดนผลักตกลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว
“ก็ที่มาฝึกงานไงจ๊ะ พวกพี่โชคดีได้มาฝึกที่เดียวกัน”
“เฮียไม่เห็นเคยบอกผมเลยว่าฝึกด้วยกัน”
จำเสียงตัวเองแทบไม่ได้ ทั้งแหบทั้งสั่นเครือ
“พี่ปัทแน่ใจเหรอครับ ว่าเฮียกับพี่ฝ้าย....”
“แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นเเลยจ๊ะ พี่ถึงได้โทรฯมาถามเราไงหล่ะ”
“แล้วพี่ปัทได้ถามเฮียมั๊ยว่าเลิกกับผมรึป่าว”
“ถามจ๊ะ”
“มี่มันว่า”
“คิดยังไง”
“เห็นยังไง”
“ก็”
“เป็นอย่างนั้น”

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เฮียมี่รู้หมดแล้วครับ
รู้เท่าๆกับคนอ่าน
แต่เรื่องมันนานมาแล้วครับ
อีกอย่างหลังจากนั้น
ผมกลับตัวกลับใจ เฮีย(สังคม)เลยให้อภัย
ตอนหน้า
ผมได้ทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะกล้าทำ
แต่...ไม่น่าเลย
รอเฉลย...นะครับ
good night ครับผม

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ด้านมืดของผมผ่านพ้นไปแล้วนะครับ
ต่อไป...ด้านสว่าง
สดใส อาโนเนะ...เอ๊ะ เอ๊ะ
