
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่กรุณาไม่ตำหนิผมเยอะครับ
เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ
ขอลงตอนสั้นๆให้อ่านกันอีกนิดนะครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณที่รักกัน
“ขอบคุณที่รักกัน...
ขอบคุณทุกครั้งที่คอยกอดฉัน
ในวันที่ปัญหา ถาโถมเข้ามาใส่
จะตอบแทนความรัก
ที่ฉันได้จากเธออย่างไร
ก็รู้ดีว่าไม่พอ
แต่ขอทำให้ดีที่สุด”
“ขอบคุณในความรัก
ที่หาไม่ได้จากที่ไหน
จะรักเธอให้มากพอ
และขอทำให้ดีที่สุด”
(โปเตโต้)
http://www.youtube.com/watch?v=m7YAdu5GlW0-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ระยะเวลา2ชั่วโมงเศษของการเดินทาง
เฮียแกให้ผมนั่งด้านในติดหน้าต่าง
เครื่องบินลำไม่ใหญ่มาก
ที่นั่งตรงกลางจะมี4ที่นั่ง
ที่นั่งข้างหน้าต่างด้านละสองที่นั่ง
แม่กะอาอึ้ม(แม่เฮียพีท) นั่งกันข้างหน้าต่างเช่นกัน
นั่งแถวหน้าผมกะเฮีย
คุยกันจุ๋งจิ๋งตามประสาสาวๆ...รุ่นใหญ่(ใหญ่สุดในบ้าน)
ความหวั่นไหว ความใกล้ชิด
เริ่มตั้งแต่เครื่องยังไม่ขึ้น
“คาดเข็มขัดด้วยครับ”
เฮียพีทไม่พูดเพียงอย่างเดียว
กลับโน้มตัวเข้ามาใกล้โดยหันหน้ามาทางผม
เอื้อมมือมาจับชายเข็มขัดนิรภัยสองข้างมาล๊อคติดกัน
กลิ่นหอมจากตัวแกรวมทั้งลมหายใจสะอาด
ทำผมใจเต้นแรง
“เอ้อ ผมทำเองก็ได้อะ”
“ไม่เป็นไร ไม่คิดค่าแรงครับ”
ยิ้มมุมปาก อย่างพอใจ
ยังไม่แค่นั้น แกชะโงกตัวผ่านหน้าผมอีกครั้ง
เพื่อไปเปิดหน้าต่างเครื่องบิน
“เฮียอะ แลกที่นั่งเลยมั๊ย”
“หึหึ ไม่ต้องเกรงใจครับ บริการฟรีจากใจ”
“บ้า”
ผมหน้างอแล้วครับ
นี่เครื่องยังไม่ออกดูแกจะรุกหนักซะแล้ว
“รู๊มั๊ยครับ เวลาเครื่องบินขึ้น-ลง ทำไมต้องเปิดหน้าต่าง”
“ทำไมครับ”
แกหันเหความสนใจให้ผมอารมณ์ดี
“ตอนที่เครื่องกำลังขึ้น - ลง เป็นช่วงที่อันตรายที่สุด
จึงต้องมีการเปิดหน้าต่างไว้ เพื่อดูความผิดปกติภายนอก
โดยเฉพาะที่ปีกเครื่องบิน บางทีอาจมีควันเกิดขึ้น
บางครั้ง แอร์โฮสเตสหรือนักบินไม่สามารถมองเห็นได้
แต่ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในเครื่องบินจะสามารถช่วยดูได้”
“แล้วมันเกิดบ่อยมั๊ยครับ”
หันไปมองนอกหน้าต่าง ไม่รู้คิดไปเองรึป่าว
ผมว่าปีกเครื่องบินมันเก่าๆเหมือนกันนะเนี่ย
ขยับถอยห่างออกจากหน้าต่างอย่างไม่ทันรู้ตัว
“หึหึ ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เฮียอยู่ทั้งคน”
กุมมือผมไว้หลวมๆ
กำลังจะดึงมือออก เครื่องบินก็เริ่มเคลื่อนตัว
พร้อมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“มือเย็นเชียว ตื่นเต้นเหรอครับ”
“อืม ก็คนมันไม่เคยนี่”
“ครับๆ ถ้าไม่ไหวก็หลับตานะครับ”
มือผมยังถูกกุมไว้ แถมแกยังลูบไล้หลังมือผมไปมา
“ปลอดภัยแล้วครับ ลืมตาดูวิวข้างนอกสิ”
ผมลืมตาแล้วชะโงกหน้ามองผ่านกระจกเครื่องบินอย่างตื่นเต้น
นั่งมองทิวทัศน์บนท้องฟ้า
โดยไม่ยอมให้ละสายตา
และก็ลองสังเกตดูว่าถึงตรงไหนแล้วเผื่อเจอสถานที่คุ้นๆตา
ในขณะที่เครื่องบิน...บินไปบนท้องฟ้าเรื่อยๆ
ผมก็ชมวิวไปเรื่อยๆโดยไม่ละสายตาจากกระจก
เหมือนเด็กๆดีใจเมื่อได้ขึ้นชิงช้าสวรรค์
อย่างไงอย่างนั้นแหละครับ...ชมวิวได้ไม่นาน
“ชอบมากเหรอ เห็นอะไรบ้างหืม”
หันกลับมา
“เฮ๊ย เฮียยื่นหน้ามาทำไมเนี่ย”
กุมแก้มตัวเอง บอกไม่ถูกว่าโกรธรึป่าว
“อ้าว ก็อยากดูวิวมั่ง ไม่ได้รึไง”
แกทำหน้างงๆ ไม่รู้ไม่ชี้
“เฮ่ย อย่าทำแบบนี้อีกนะ ผมไม่ชอบ”
“ครับๆ ขอโทษเฮียผิดเอง”
เสียงแกฟังดูแย่ๆ คงจะไม่ตั้งใจจริงๆ
“แล้วจะจับมือผมอีกนานมั๊ยเนี่ย”
ก้มลงมองมืออีกข้างยังกุมกันอยู่
เฮียพีทรีบปล่อยมือผมอย่างเร็ว เร็วจนรู้สึก
“เอ้อ ผมไม่ได้โกรธนะครับ เฮียอย่าเข้าใจผิด”
“รังเกียจเฮียมากเลยใช่ไหม
ถ้ายังไงก็ทนอีกนิดนะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
แกพูดโดยไม่มองหน้าผม
สายตามองตรงไปที่พนักเก้าอี้ตรงหน้า
“ผมไม่ได้รังเกียจเฮียนะครับ เฮียอย่าทำแบบนี้สิ”
“...ไม่เป็นไร เฮียเข้าใจ”
ชายตามามองผมนิดเดียว
แล้วหันกลับไปมองดังเดิม
หน้าแกเชิดขึ้นน้อยๆ
ปากแดงๆยื่นออกมาจนน่าขัน
ผมจับคางแกให้หันมา
“โอ๋ๆ อย่างอนน้า เดี๋ยวซื้อขนมให้กิน”
“ฮึ ไม่ต้องมาง้อเค้าเลย คนใจร้าย”
คราวนี้นั่งตัวตรงกอดอกแน่น
ปากแดงๆยื่นมากกว่าเดิม
“ฟอด หายโกรธยัง”
หอมแก้มแก แล้วก็ต้องตกใจเอามือปิดปากตัวเอง
นี่ผมทำอะไรลงไป
ผมเข้าใจผิดว่าแกเป็นเฮียมี่รึก็ปล่าว
ผมลืมตัว ความเคยชินในการง้อเฮียมี่รึก็ไม่น่าจะใช่
ไหนจะ...ผู้คนมากมายบนเครื่อง
คนบ้านเดียวกันกับผมแทบทั้งนั้น
แล้ว...แม่แกกับแม่ผมก็นั่งอยู่ข้างหน้านี่เอง
นั่งตัวตรงพิงพนักแล้วหลับตา
ผมคงจะตื่นเต้น เหนื่อย แล้วก็ง่วง
“พักสายตาสักแป๊บนะครับ ตัวเล็ก ถึงแล้วเฮียจะปลุก”
“อืม”
ผมรับคำเบาๆในลำคอ
รอเวลาผ่านไปสักพัก
ลอบมองแก
แกหลับตาพิงพนัก หน้ายิ้มระรื่น
ราวกับมีความสุขมากมาย
เวร...แล้วผมจะมองหน้าแกได้ยังไง
“หน่อยแกแลกห้องกับอาอึ้มนะ”
“เฮ๊ย ไม่เอาอะแม่ ผมไม่แลกเด็ดขาด”
มาถึงที่พัก ก็เกิดปัญหาเรื่องห้องพัก
“แกสองคนกับเฮียพีทเป็นผู้ชายเหมือนกัน
ก็นอนด้วยกันสิ มานอนกับแม่ได้ยังไง”
“ก็ผมลูกแม่อะ ทำไมจะนอนไม่ได้”
แม่ไม่รู้เหรอว่าเฮียแกจ้องจะงาบผมแน่แล้ว
ผมเดาจากสถานการณ์บนเครื่องบิน
ที่เพิ่งจะผ่านพ้นมายังไม่ทันข้ามวัน
“อาหน่อยลื้อนอนกะอาพีทนะ
อาอึ้มยังคุยกับแม่เราไม่อิ่มเลย”
“ใช่ นานๆจะมีโอกาสมาเที่ยวด้วยกันไม่ต้องหลับต้องนอนกันเลย”
แล้วเสียงหัวเราะของสาวใหญ่ทั้งสองคนก็ประสานกัน
บาดหูผมชะมัด
“พีทว่าไงหล่ะลูก นอนกับน้องได้มั๊ย”
“แม่อะ”
นี่จะเอาผมใส่พานถวายกันเลยรึไง
“ฮะฮะ ฮ่า อุ๊บ ผมยังไงก็ได้ครับ กลัวแต่น้องจะรังเกียจผม”
หัวเราะแล้วเบรคตัวโก่ง กลับลำมาเป็นฝ่ายถ่อมตัว
4คืนเชียวนะครับ
บนเครื่องผมก็เผลอหอมแกไป1ฟอดแล้ว
หากเรื่องนี้รู้ถึงหูเฮียมี่ ผมตายแน่ๆ
“เฮ้อ”
“ไม่น่าเลย”
ผมถอนหายใจเมื่อเปิดประตูห้องหอเอ๊ยห้องพักเข้าไป
เฮียพีทบ่นอุบอิบ ไม่สบอารมณ์
เตียงในห้องเป็นเตียงคู่ครับ เย้....รอดแล้ว
เตียงคู่คือเตียงเล็กขนาดหนึ่งคนนอน สองเตียง
มีโต๊ะเล็กตรงกลางกั้นไว้
โทรศัพท์เครื่องไม่เล็กวางอยู่บนโต๊ะอีกที
ไหนจะบรรดาแผงควบคุมเครื่องเสียง
สวิทช์ไฟ ที่เป็นอุปสรรค ป้อมปราการอย่างดี
นอนพักที่โรงแรมเดิม3คืนครับ
คืนสุดท้ายไปพักที่มาเก๊า
ช่วยท่องเที่ยวก็สนุกดีครับ
แปลกตา แปลกถิ่น
สมาชิกในทัวร์ก็ล้วนแล้วแต่อาแปะ อาอึ้มในตลาด
ฮาๆดีครับ
เวลาเห็นกรุ๊ปทัวร์เมืองจีนที่เอะอะโวยวาย
จะทำให้ผมคิดถึงบรรยากาศในตอนนี้อยู่เสมอ
เฮียพีททำตัวดี น่ารักกว่าที่คาด
คอยดูแลบรรดาผู้สูงอายุทั้งหลาย
ไม่เฉพาะแม่พวกเรา(สื่อนะแก)
กลางคืนแกก็หยอกผมนิดๆหน่อยๆ
ไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียด
แค่กู๊ดไนท์คิส(ตรงหน้าผากอะครับ)
แล้วคืนสุดท้ายที่มาเก๊า
“ว๊ากกกกกกก ไม่เอาผมจะนอนกับแม่”

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ้าว...
ค้างอีกแล้วเหรอครับ
ว๊า...แย่จัง
อิอิ
bye bye ครับผม

(วิ่งหลบภัย...จากคนอ่าน)
จะพยายามมาต่อให้ไวครับ
ใกล้จบแย้ว