
สวัสดีครับผม
กาแฟร้อนๆ หอมกรุ่น พร้อมเสริ์ฟแล้วครับ
อากาศขมุกขมัว
รับเลิฟซีนเบาๆของเฮียสาม
ก่อนบทรักหนักหน่วง...จะตามมา....อร๊ายยยย

คนมันเหงา เข้าใจ(น้อง)หน่อย
“เคยรู้สึกไหม เวลาไม่มีใครแล้ว
จะมองไปทางไหน ไม่มีใครให้พูดจา”
“ไม่มีเลยซักคน จะหันมามองและเข้าใจ
คนๆนี้ที่มันไม่มีอะไร”
“นี่คือเหงา นี่แหละเหงา นี่คือความจริงที่ได้เจอ
เจ็บปวดทรมานลึกลงข้างในใจ”
“โอ้ความเหงา มันช่างหนาว มันช่างยาวนานและทุกข์ทน
รอคอยใครบางคนมาหยุดมัน”
(เหงา - Peacemaker)
http://www.youtube.com/watch?v=qJJsCq2Jp3Y------------------------------------------------------------------
ณ.ร้านเช่าหนังสือ เจ๊คิ้ม
บนชั้นลอย ท่ามกลางหนังสือนับร้อยเล่ม
“อ๊ากกกกกกกกกกกก”
“เฮ๊ยยยยย”
“ปล่อยโผมมมมมม”
“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก”
“ไม่อาววววว ช่วยด้วย ผมกลัวววว”
“อย่าเบียดสิ”
“ว๊ากกกกกกกก ตัวอะไรเนี่ย”
“อย่ายุกยิก อยู่นิ่งๆ”
“งู งู แน่ๆเลย อ๊ากกกกกกกก”
“เฮ๊ย ลงไป ปีนขึ้นมาทำไมเนี่ย”
“เฮียยยย อย่าผลักดิ ว๊ากกก มันมาอีกแล้วอะ”
“อย่ารัดแน่น หายใจไม่ออกกกกกกก”
“มันจะกัดแล้ว ว๊ากกกกก มันกัดผมแล้ววว”
“เฮ๊ย ระวังๆ อยู่นิ่งๆ ชั้นหนังสือมันจะล้มแล้วนะ”
“เฮียๆ เบาๆอย่าเสียงดัง งูมันไปแล้ว ชู่วส์”
เอามือข้างหนึ่งปิดปากแก
อยู่กันนิ่งๆเงียบๆสักพัก
“เย้ๆ ไฟฟ้ามาแล้ว”
“ไฟมาแล้ว ไฟมาแล้ว”
เสียงตะโกนดีใจของเด็กๆแถวนี้ ดังแว่วๆ
“เฮ้อ”
“เฮ้อ”
กลับเข้าสู่โหมดปกติครับ
สองเสียงถอนหายใจพร้อมๆกัน
“ว๊ากกกกกกกก”
“อ้าว เฮ๊ยยยยยย”
“เฮียมากอดผมทำไมเนี่ย”
“ดูให้ดีก่อนพูด”
ก้มลงมอง
เท้าผมสองข้างเหยียบอยู่บนเท้าเฮีย
สองแขนผมกอดรัดอยู่ที่เอวเฮีย
ตั้งแต่หน้าอกลงไปแนบชิด ชวนให้จิ้น
กระโดดถอยออกจากตัวแก
“โป๊ก”
“โอ๊ย”
เสียงแรกหัวด้านหลังของผมโขกกับชั้นหนังสือที่ทำจากไม้
เสียงที่สอง ผมร้องด้วยความเจ็บพร้อมกับกุมหัวตรงที่ถูกกระแทก
“ฮะ ฮะ ฮ่า ไหนดูสิ แตกรึป่าว”
ขยับเข้ามาชิดชะโงกหน้าข้ามหัวผมมาดู แกะมือผมออก
สองแขนอ้อมมาจับหัวด้านหลัง
เสื้อของแกปัดผ่านหน้า ในตอนแรก
กลิ่นหอมแมนๆ หอมอ่อนๆ เเตะจมูก
ไออุ่นๆจากร่างกายแผ่มากระทบ
“ฟู่ ฟู่ เพี้ยงหายๆ”
ลมบางเบาจากริมฝีปาก เป่ามาสัมผัส
ขนลุกชัน
“ไม่เป็นไรแล้ว ผมไม่เจ็บแล้ว”
ผลักตัวแกออกไป ใจเต้นแปลกๆ
แต่สองแขนของแก จับไหล่ผมไว้แน่น
“ระวัง เดี๋ยวก็ชนอีกหรอก”
“เมี๊ยว แว๊ว เอ๊ววววว”
“แง๊วววววว เมี๊ยววววววว “
หลับตาปี๋ กระโจนเข้าใส่คนข้างหน้าอีกครั้งโดยไม่ทันคิด
“อ๊ากกกกกกก ผี ผีหลอก”
สองแขนกอดคอแน่น สองขาเกี่ยวกระหวัดรัดตรงบั้นเอว
“เฮ๊ยยยยยยยย จับก้นผมทำไมเนี่ย”
“เอ่อ เฮ๊ย ลืมตามองดีๆสิ ใครทำใครกันแน่”
ตะเกียกตะกายลงจากตัวแกแบบอายมากๆ
อายจนแทบจะแทรกตัวเข้าไปในชั้นหนังสือ
ผมกระโดดเข้ากอดแก กระเตงกันเหมือนแม่ลิงกับลูกลิง
ทำให้แกต้องช้อนก้นผมไว้เพราะกลัวจะหล่น
“แหะ แหะ มันอะไรยังไงกันเนี่ย งงอะ”
ทั้งงง ทั้งอับอาย ขายหน้า
“หึๆ”
“โอ๊ย เจ็บชะมัด”
เกาหัวแก้เก้อ ดันไปเกาโดนบริเวณที่กระแทกกับชั้นหนังสือ
“หึ หึ แค่หัวโน ยังไม่แตก ซุ่มซ่ามตามเคยนะเรา”
เรื่องมันมีอยู่ว่า
พอมีมือมาแตะที่ไหล่ ผมหันกลับมามอง
ไฟฟ้ามันดับพรึ่บ
แถวบ้านผม มีไฟตกไฟดับบ้างเป็นบางช่วง
ระยะนี้มีการเดินสายไฟเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
เป็นการตอบสนองให้สอดคล้องกับความต้องการด้านสาธารณูปโภค
ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทำให้ไฟตก ไฟเกินบ่อยๆ
ผมตกใจทั้งจากการทักทายแบบไม่ทันรู้ตัว
และจากความมืดที่เกิดขึ้น ยิ่งเป็นที่ๆ ค่อนข้างวังเวง ไม่คุ้นเคย
ทันใดนั้น มีงูเลื้อยผ่านขาผมไป
สัมผัสแผ่วเบาที่ลากผ่าน ท่ามกลางความมืด
ลากผ่าน ให้สัมผัส เบาๆ ช้าๆ ลากเลื้อยยาวนานในความรู้สึก
หวาดกลัว ขยะแขยงสัตว์เลื้อยคลานที่แม้ไม่เห็นตัวก็คาดเดาได้
สัญชาตญาณการเอาตัวรอด สั่งให้ผมขึ้นสู่ที่สูง
ตะเกียกตะกาย ไขว่คว้าหาตัวช่วย
ซึ่งบังเอิญก็อยู่ตรงหน้า
ไม่รอช้า ถาโถมเข้าใส่ หวังพึ่งพา
โชคแกยังดีที่ผมถอดรองเท้าไว้ชั้นล่างก่อนขึ้นมา
ไม่งั้นแกคงจะโดนเหยียบด้วยรองเท้า
ความมืดเพิ่งจะผ่านพ้นไป
ไม่ทันทำใจกับเหตุการณ์ระทึกขวัญ
ก็มีอันต้องสติแตกกับ
เสียงต่อสู้ ขู่คำรามของแมวสองตัว
แมวที่หางของมันตัวใดตัวหนึ่งทำให้ผมเข้าใจผิด
คิดไปว่าเป็นงูเลื้อยผ่าน
กระโดดกอดปู้จายสองครั้งติดกันในระยะเวลาอันสั้น
แถมครั้งหลังยังเกาะเกี่ยวราวกับจะสิงสู่
ก้นน้อยๆ โดนโอบอุ้มเกาะกุม
ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่หนายยยยยย
“ไง หายตกใจรึยังครับ ตัวเล็ก”
“หายแล้วดิ”
กัดฟันเงยหน้าขึ้นมาสู้โลก
จังหวะเดียวกันกับที่แกก้มหน้าลงมาหา
ริมฝีปากเฉียดกันบางเบา
ใจผมกระตุก สั่นไหว หน้าร้อนผ่าว
ชะงักกันไปทั้งคู่
ผมเมินหน้าไปมองหนังสือบนชั้นข้างตัว
กลบเกลื่อนความรู้สึกที่ไม่สมควรเกิดขึ้น
ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่ากับใคร
“ไม่เจอกันนานเลยนะตัวเล็ก อยู่ใกล้กันแค่นี้”
นิ้วมือเรียวยาวลูบไล้ริมฝีปากอย่างเผลอไผล
ยิ้นน้อยๆที่มุมปากอย่างพอใจ
“ก็ผมยุ่ง”
เสียงผมสั่นเล็กน้อย แกคงไม่มีเจตนาไม่ดีหรอกนะ
ก็มันเป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นได้นี่นา
“ครับๆ รับทราบครับ”
“เอ้อ แล้วเฮียพีท สบายดีป่ะ”
ถามสารทุกข์สุกดิบ บรรเทาความอึดอัด
“อืมก็ดี แต่มีเจ็บเท้านิดนึง....เมื่อกี้ หึหึ”
“แหะๆ ขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจอะ”
“ไม่เป็นไรครับ ได้เจอตัวเล็กก็คุ้มแล้ว”
“เฮียอะ ยังเรียกผมแบบนั้นอีก ผมโตแล้วนะ”
หน้างอ ไม่พอใจ ล้อผมตั้งแต่จำความได้
ไม่เจอกันนานก็จริง ยังจำมาล้อผมอีก
“เดี๋ยวนี้เรียกไม่ได้แล้วสิ”
เฮียพีททำหน้าสลด แต่สายตาวิบวับ
เฮียพีทเป็นใครกันเหรอครับ
ตั้งแต่จำความได้เฮียแกอยู่ข้างๆตัวผม
เป็นพี่ชายข้างบ้านที่คอยอุ้ม คอยเล่น คอยดูแล ใส่ใจผม
มากกว่าพี่สาวในไส้เสียอีก
ตอนวัยเด็ก ก่อนเข้ารร.ผมติดแกมาก
เฝ้ารอแกกลับจากรร.ในตอนเย็น
ขลุกอยู่กับแก แกเล่นกับผม คอยสอน คอยสั่ง
ป้อนข้าวผมเวลาผมงอแงไม่กินข้าว
หลอกล่อเวลาผมร้องไห้ โยเย
ปลอบโยนเวลาผมหกล้ม เจ็บตัว
วันหยุดผมก็ไปหาแกที่บ้านแต่เช้า อยู่ด้วยกันทั้งวัน
แกทำการบ้าน ผมก็นั่งเล่นของเล่นอยู่ข้างๆ
กลางวันก็นอนหลับโดยมีแกกล่อมอยู่ข้างๆ
จูงมือกันไปทุกที่ ที่อยากไป
จนเพื่อนๆแกล้อว่า “พ่อลูกอ่อน”
แต่พอเข้ารร.แล้ว ความสำคัญของแกลดน้อยลง
ผมมีสิ่งรอบตัวที่ตื่นตาตื่นใจกว่าที่เคย
แกเองก็สนุกไปกับกิจกรรมของเพื่อนในวัยเดียวกัน
ห่างกันไปนานเท่าไหร่ไม่รู้
จนเมื่อเฮียมี่ก้าวเข้ามาโลกของผม
เฮียพีท...กลายเป็นแค่หมอกควันแห่งความทรงจำในวัยเด็ก
พี่ชายข้างบ้าน ร้านติดกัน
จำตึกแถวห้องที่ติดกับบ้านผมได้มั๊ยครับ
ร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์
ครอบครัวเฮียพีทอาศัยอยู่ที่นั่น
จริงๆที่ร้านแกไม่ได้ซ่อมรถที่ร้านนะครับ
แกมีอู่ซ่อมรถแยกไปอีกที่
อู่อยู่เลยปั๊มน้ำมันไปสัก50 เมตร
ที่ร้านจะขายพวกอุปกรณ์รถมอเตอร์ไซค์
และเอาไว้ใช้ในการซ่อมรถที่อู่
แต่ปรากฏว่า บรรดานักบิดเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหลายถูกใจ
วันๆเอารถมาให้แต่งกันหลายราย
กิจการจัดว่าดีเลยครับ
บริการครบวงจร
รถใหม่เอามาแต่ง รถเก่าเอามาซ่อม
รถมอเตอร์ไซค์บางคัน ออกจากโชว์รูมรถก็มาที่ร้านแกทันที
เพื่อดัดแปลง ไม่ให้เหมือนใคร
ตบแต่งเสียใหม่ ถอดของเก่าออก เอาของใหม่ใส่แทน
สารพัดรูปแบบ เหมือนที่เห็นกันจนเกลื่อนประเทศ
หลังๆขยับมาถึงรถยนต์ โดยเฉพาะการติดตั้งแก๊ส
ทำรายได้เป็นล่ำเป็นสัน
(น่าเสียดายเฮียพีทจริงๆ...อะล้อเล่น)
ที่อู่จะมีเตี่ยแกกับเฮียพีพี่ชาย คอยคุมลูกน้อง
ส่วนที่ร้านแม่แกจะมีลูกจ้างคอยช่วยขายของ
พวกประดับยนต์นั่นแหละครับ
ใครไม่ชอบใจก็สั่งทำใหม่ได้ตามต้องการ
เฮียพีทแกเรียนจบปริญญาตรีสายศิลปะ มหาวิทยาลัยแถวท่าพระจันทร์
แต่ต้องมาช่วยกิจการที่บ้าน
เฮียพี..พี่ชาย..จบพวกช่างเทคนิค มีหัวทางด้านเครื่องยนต์
วันๆแกขลุกอยู่ที่อู่ซ่อมรถ
มีคนมาขอให้แกสอนด้วย
แกไม่หวงวิชา ทำให้อู่แกคึกคักน่าดู
เฮียพีทแกก็ไม่ได้ทำอะไรมาก
ที่ร้านก็ทำบ้างเมื่ออยากทำ
ที่อู่แทบไม่เข้าไปเลย แกไม่ชอบเสียงอึกทึก
แกจะชอบงานวาดๆ ออกแบบแต่งรถนี่แกถนัด
ลูกค้าวัยรุ่นชอบมาปรึกษาให้แกออกแบบรถ
บุคลิกภายนอก แกห่างไกลกับคำว่าเด็กศิลป์
ผมหยักศกน้อยๆยาวระต้นคอ
หน้าตาออกแนวลูกครึ่งไทยจีน
ผิวขาว สูงโปร่ง ตัวแกจะหอมสะอาดๆ
ราวกับคนที่นั่งทำงานในออฟฟิต
เหมือนคนที่ไม่เคยออกมาผจญฝุ่นควัน ความร้อน
ใส่เสื้อเชิ้ตเข้ารูปกับกางเกงยีนส์ขาเดฟ
ขายาวตรง หุ่นแกไม่ผอมมาก มีกล้ามเนื้อพอสมควร
น้อยครั้งที่จะใส่เสื้อยืด
กางเกงขาสั้นก็ไม่เคยเห็นใส่
เฮียพีท
บางครั้ง อบอุ่น สุภาพ เหมือนเฮียมี่
บางที กวนๆ เกรียนๆ เหมือนเฮียปาน
บางมุม ขี้เล่น สำอาง เนี๊ยบ เหมือนพี่โบ้
แล้วแบบนี้
"ผมต้องทำตัวอย่างไร"

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เฮียมี่รู้ทุกเรื่องครับ
แต่ไม่รู้ลึกรู้จริง
จะรู้กัน...ก็ตอนนี้หล่ะครับ

ฝนตก ถนนลื่น
กลับบ้านกัน...อย่างปลอดภัยนะครับ