
แค่ลมปาก ที่เอ่ยคำหวาน
ร่างกายหยุดนิ่งอยู่กับที่
ชาวูบไปทั้งตัว ราวกับเลือดหยุดไหลเวียน
ยืนตัวแข็งอยู่ตรงโต๊ะจีน
กลุ่มวัยรุ่นนั่งกันอยู่เกินจำนวนที่กำหนด
มากกว่าสิบคนแน่นอน
แต่จุดสนใจมีเพียงหนึ่งเดียว
“มี่ มึงจะเอาอะไรก็สั่งน้องมันไปสิวะ ชักช้า เสียเวลา”
เพื่อนบ่นแกมรำคาญ เมื่อคนดึงรั้งผมไว้ลุกขึ้นยืน
สายตาไร้ความอ่อนโยนดังที่เคยมีมาเสมอ
รอยยิ้มยังคงอยู่ แต่แปรเปลี่ยนจากความหวาน
เป็นการยกยิ้ม เยาะเย้ย เย็นชา
มือที่จับข้อมือผมบีบแรงขึ้นตามแววตาที่สั่นระริก
“ปล่อย ปล่อยครับ”
บิดมือออกจากการคุกคามที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ตามแรงอารมณ์ของคนตรงหน้า
แรงมดหรือจะสู้แรงช้าง ที่พร้อมฟาดงวงฟาดงา
“ก็บอกมาสิ มีอะไรเหลืออยู่บ้าง ฮึ”
มีความนัยแอบแฝงอยู่ในคำถาม
“ก็...หลายอย่าง...ค..ครับ”
ถ้าเราไม่เต้นตาม เฮียคงจะเย็นลง มีสติ
บางที
บางทีเฮียอาจจะให้โอกาสรับฟังผม
“น้ำใจยังไงหล่ะ น้ำใสใจจริงหน่ะ ยังมีหลงเหลืออยู่มั๊ย”
ถามเสียงดังราวกับจะตะโกน
ริมฝีปากที่คอยเฝ้าวนเวียนหาความหวานจากจุมพิตของสองเรา
เวลานี้สั่นระริก อย่างระงับไม่อยู่
“ไม่เอาหล่ะ มีมี่อย่าเกเรสิคะ”
เสียงหวานใสแทรกขึ้นมา
มาพร้อมกับมือเรียวสวยเกาะกอดต้นแขน
เบียดตัวตามจนหน้าอกเฉียดฉิว
“น้องก็ไปสิจ๊ะ ไม่ต้องรอหรอก พี่เขาแค่หยอกเล่น”
แรงบีบที่ข้อมือคลายลง
แต่ยังไม่เพียงพอที่จะปล่อยผมให้หลุดมือ
“ปล่อยครับ ผมบอกให้ปล่อย”
เสียงผมที่ออกมา แผ่วเบา
คล้ายไม่ได้ต้องการให้เป็นตามที่พูด
“เฮ๊ย มี่ เมียสั่งทำเฉย เดี๋ยวก็ยาวหรอก”
คนที่เหลือหัวเราะขบขัน ไม่มีใครขัด ราวกับเป็นเรื่องหยอกล้อปกติ
“บ้า พูดไปเรื่อย”
สาวสวยหน้าแดง แต่ไม่ถอย กลับเบียดกระแซะ
“มี่ขา ไปนั่งกันเถอะ ฝ้ายเมื่อยแล้วอะ”
ช้อนสายตาหยาดเยิ้ม เปิดเผยชัดเจน
“ฝ้ายกลับไปนั่งก่อนครับ มี่ยังไม่เสร็จธุระ”
อ่อนหวานแบบนี้ มีเพื่อผมไม่ใช่เหรอ
มันต้องสำหรับผมคนเดียว
สาวเจ้าสะบัดหน้าสวยๆ เชิดๆ เริ่ดๆ กลับไปนั่ง
“ฮิ๊ว..เมียมึงงอนแล้วโว๊ย กลับไปจัดหนักเลยมี่”
“ได้ไง ไอ้ฝ้าย แกต้องกำราบให้อยู่หมัดนะโว๊ย มันยิ่งหล่อๆอยู่ด้วย”
“ฮะ ฮะ ฮ่า ไอ้มี่มันจะไปไหนรอด มันรักกันมาตั้งหลายปี”
“ความรักสุขงอม ฮิ้ว รักเราไม่เก่าเลย”
ฯลฯ
ประโยคหลังๆ ไม่รับรู้แล้วครับ
แรงจับยึดที่ข้อมือผมเผลอผ่อนลง
เมื่อหันกลับไปฟังจับใจความเสียงแซวสนุกปาก
เดินแกมวิ่งออกมาจากโต๊ะ
ก้มหน้า ซ่อนน้ำตาที่เก็บกลั้นไว้
หูอื้อ หน้าชา
ราวกับมีมือที่ไม่รู้จัก
สาดซัดเต็มแรง
เสียงคนทักพัดผ่านหูไปในสายลม
สัมผัสฉุดรั้ง แตะได้แค่เพียงแผ่วเบา
แรงกายทั้งหมดที่มีพาร่างที่ไร้สติ ไปทิศทางใด ไม่รู้ได้
ปล่อยขาสองข้าง นำไปไร้การควบคุม
จนหมดแรง ทรุดตัวลงนั่ง
สองมือปิดหน้า ปิดปาก
ร่ำไห้ตามใจที่อัดอั้น
“ฮือ ฮือ ฮือ”
แรงกดที่บ่าข้างหนึ่งรับรู้ได้
ก้มหน้าเช็ดน้ำตา กลั้นสะอื้น
คนข้างๆนั่งลงใกล้จนต้นขาสัมผัสกัน
มืออบอุ่นดึงผมเข้าไปกอด
ซุกหน้าลงกับอก
อบอุ่น แต่ไม่คุ้นเคย
ขยับตัวจะผละออก
แรงกอดกระชับขึ้นกว่าเดิม
“เฮียปานเอง ไม่ต้องตกใจ”
ฝ่ามือลูบหลังปลอบ
“ฮือ ฮือ ผม...ผม..”
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไร เฮียอยู่ตรงนี้”
“ฮือ ฮือ”
“...........”
“เฮีย..ผม..ผม...ฮือ ฮือ ผมเสียใจ ฮือฮือ”
“อืม เฮียรู้”
“ฮือ ฮือ”
“เฮียยังอยู่ ตรงนี้ อยู่มาตลอด”
“ฮือ ฮือ เฮีย เฮีย อย่าทิ้งผม ฮือ ฮือ”
ร้องจนเหนื่อย แล้วกลับมาร้องใหม่
อกเสื้อคนตรงหน้าเป็นที่ซับน้ำตา
อ้อมกอดคลายลง ไม่อึดอัด แต่ไม่จากไปไหน
“ออเซาะ กันพอรึยัง ห๊ะ”
เสียงตะคอกดังขึ้น
ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงสะอื้นของผม
แรงกระชากดึงแขนผมออกจากอ้อมกอดเฮียปาน
ผมไม่ทันตั้งตัว
แต่เฮียปานกอดรัดผมไว้แน่น
ปกป้อง ราวกับเตรียมพร้อม อยู่ตลอดเวลา
คนระรานหัวเสีย เมื่อเสียหน้า
“ไอ้ปาน มึง มึงปล่อยคนของกู ปล่อยเดี๋ยวนี้”
ชี้หน้า ฮึดฮัด ขัดใจ
“ทำไมกูต้องปล่อย”
เฮียปานผลักผมไปอยู่ข้างหลังแก
“คนของกู มึงอย่าเสือก”
“มึงนั่นแหละที่ปล่อยน้องมัน อย่าหวังว่ากูจะคืนให้”
เฮียมี่กระโจนเข้ามาคว้าคอเสื้อเฮียปาน
แล้วชกไปที่ใบหน้า กึ่งปากกึ่งจมูก
“เชี้ย”
เฮียปานสบถ แล้วสวนกลับทันที
โดนเข้าเต็มโหนกแก้ม
หลังจากนั้น
มองแทบไม่ทัน
ผมได้แต่ยืนตัวสั่น
“อย่า อย่าตีกัน ฮือ ฮือ อย่าทำเฮียมี่”
เฮียปานหยุดชะงัก ทำให้เพลี่ยงพล้ำ
ล้มลงนั่งกับพื้น มือตกข้างลำตัว
สายตามองมาที่ผมอย่างตัดพ้อ
ปล่อยให้อีกฝ่ายเลือกต่อยได้ตามชอบใจ
“พอ พอแล้ว พอได้แล้ว ฮือ ฮือ”
วิ่งเข้าไปขวาง กางแขนกั้นไว้
“ฮึ รักมันมากรึไง ปกป้องมันทำไม”
“ฮือ ฮือ ใจร้าย ฮือ”
ผมมองสบตาเฮียมี่แบบไม่เกรงกลัว
เฮียปานผลักผมออก ลุกขึ้นยืน
ผมรีบลุกตาม ดึงแขนเฮียปานไว้
“อย่า เฮียปาน อย่า อึก อึก”
ห้ามปรามไว้ มองหน้าเฮียปานที่เต็มไปด้วยบาดแผล
อดหันไปมองอีกคน รอยบวมช้ำตรงโหนกแก้มชัดเจน
หากเฮียปานไม่หยุดชะงัก
เฮียมี่คงจะยืนลอยหน้าอยู่ไม่ได้
“ไปซะ เฮียไปซะ อึก อึก”
คำที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะใช้พูดกับคนตรงหน้า
คนที่เป็นเหมือนครึ่งหนึ่งของผม
“อะไร พูดอะไรออกมา รู้ตัวมั๊ย”
เฮียมี่ครางเสียงเครือ
เฮียปานจับแขนผมไว้แน่น
ผมหันไปมองหน้าเฮียปาน พยักหน้าให้
เป็นสัญญานว่าผมตัดสินใจแล้ว
“ออกไปจากชีวิตผมซะ ฮือ ฮือ ออกไป ฮือฮือ”
น้ำตาไหลไม่หยุด แต่ไม่เช็ด
ให้มันชะล้าง
ให้ตาสว่าง
“หมายความว่ายังไง ห๊ะ”
เฮียมี่ตั้งสติได้ ก้าวเดินเข้ามาใกล้
เฮียปานดึงผมจะให้หลบไป แต่ผมสะบัดหลุด
“เฮียปาน ผมขอ”
หันกลับมา
เสียงหนักแน่น แน่วแน่
แต่หัวใจแทบแตกสลาย
“ไปซะ ออกไปจากชีวิตผม”
“หมายความว่ายังไง”
“ผมกับเฮีย เราขาดกัน”
“ทำไม ทำไม ทำไมหล่ะ ไม่รักกันแล้วใช่ไหม”
“...............”
“เลือกแบบนี้ใช่ไหม เลือกมันใช่ไหม”
“ผมไม่ได้เลือก เฮียเป็นคนเลือกให้ผม”
“ไม่..ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”
“จบกันแค่นี้เถอะครับ ผมขอร้อง”
“ไม่ ชั้นไม่ยอม เราต้องเป็นของชั้นคนเดียว”
“แล้วเฮียหล่ะ กี่คน”
“...”
“ผมถามว่า เฮียต้องเป็นของใครอีกกี่คน”
“ไม่ใช่นะ ฝ้าย เขา เขาไม่ใช่...”
“พอเถอะ”
“...ไม่...”
“ที่เฮียถามผมว่า น้ำใสใจจริงมีมั๊ย”
“ผมไม่รู้”
“รู้แต่ว่า”
“น้ำอดน้ำทนของผม”
“ที่มีสำหรับเฮีย”
“มันหมดลงแล้ว”
“ไม่มีเหลือ”

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปั่นได้แค่นี้จริงๆครับ
จะไปเลี้ยงส่งเจ๊นิดกลับ (ไปหาสะมี) ครับผม
