
จะให้ฉันต้องทำตัวอย่างไร
ผ่านพ้นไปแต่ละวันอย่างยากลำบาก
ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้มีเวลาว่าง
แต่ไม่มีประโยชน์อันใด
เส้นใยที่มองไม่เห็น ผูกมัดใจผมไว้แน่นหนา
อดทนอยู่หลายวัน จนทนไม่ไหว
ก็จะโทรฯไปหาพี่แม่บ้านสักครั้ง
ไม่เคยขอสายเฮียอีกเลย
พี่แกก็เป็นใจ เล่าทุกอย่างที่พอจะช่วยให้ผมรับรู้ความเป็นไป
“คุณมี่เธอเอาแต่อ่านหนังสือค่ะ เลิกเรียนก็ตรงดิ่งกลับบ้าน”
อ้อ.....เฮียตั้งใจเรียน
ผมก็ควรตั้งใจเรียนได้สักที
“คุณมี่เธอผอมลงเยอะเลยค่ะ กินนิดๆหน่อยๆ จนแม่ครัวกลัวว่าจะฝีมือตก”
อ้อ......เฮียคงเบื่ออาหาร
ผมก็กินอะไรไม่ลงเหมือนกัน
“คุณมี่เธอเอาแต่นั่งเงียบๆ แต่ไม่รู้กระเป๋าตังค์เธอมีอะไร
เห็นเปิดดู แล้วก็ปิด เปิดๆปิดๆ แล้วก็นั่งถอนใจ”
ใช่แล้ว..เฮียยังคิดถึงผมแน่ๆ
ผมก็คิดถึงเฮียไม่น้อยไปกว่ากัน
“คุณมี่เธอเอากระดาษมาปิดที่ผนังในห้องนอนแก
พอพี่จะแกะออกเธอก็โมโห สั่งห้ามให้ใครมายุ่งกับผนังห้อง”
อ๊ะ...เฮียคิดจะทำอะไร ผนังอะไร
“ผนังด้านปลายเตียงเธอไงคะ มันจะมีรูปวาด
เหมือนห้องนอนบ้านเตี่ยเธอที่อยู่หลังร้านไงคะ
พี่ยังจำได้ ตอนกลับมาจากนอกใหม่ๆ
คุณมี่เธอขอคุณแม่ จ้างช่างที่กทม.มาวาดให้ รูปเดียวกันทั้ง2ที่
ช่างต้องไปวาดให้ถึงที่ต่างจังหวัด
คิดค่าแรงหลายตังค์เลยเชียว เธอคงจะรักมาก
ก็รูปกระรอกกระแตอะไรเนี่ยแหละค่ะ
จะทำความสะอาดที สั่งแล้วสั่งอีก กลัวรูปจะเสีย”
แน่แล้ว แน่นอนแล้ว
เฮียรักผมจริงๆ ชิบกะเดล อยู่กับเฮียมาตลอด
ไม่ว่าที่กทม.หรือ บ้านต่างจังหวัด
เอ๊ะ..แต่ที่
ปิดภาพไว้
หรือ
หรือว่า
เฮียคิดจะปล่อยมือจากผมแล้ว
ผมไม่ยอม
ยังไงผมก็ไม่ยอมให้เรื่องเข้าใจผิดมาทำให้เฮียทิ้งผม
ผมจะดึงรั้งสายใยที่เฮียผูกมัดผมเอาไว้
ดึงให้เฮียหันกลับมาหาผมอีกครั้ง
“คุณมี่ไม่ได้พักที่บ้านแล้วนะคะ
เธอไปพักที่หอของมหาวิทยาลัยโน่นแน่ะ
จริงๆเขาก็ไม่ได้บังคับนะ ไม่รู้เธอคิดยังไง
คุณวาเธอก็ห้ามน้องไม่ได้”
อืม....
เพิ่มระยะห่าง ห่างกันไปไกลกว่าเดิม
เด็กอย่างผม จะทำอะไรได้
ปิดหนทางทุกทาง
“คุณมี่เธอห้ามบอกเบอร์มือถือให้น้อง
พี่เสียใจด้วยนะคะ”
ผมเลิกติดต่อกับพี่แม่บ้าน
ปิดรับข่าวสารของเฮีย
หากบังเอิญมีใครพูดถึงให้ได้ยิน
ก็จะหลบเลี่ยง
ข้าวของทุกอย่างที่กระตุ้นเตือนให้คิดถึง
รวมทั้งของที่ระลึก
แหวนวงน้อยที่เฮียสวมให้กับมือ
เก็บรวบรวมใส่กล่องปิดมิดชิด
ซุกแอบไว้ลึกสุดในตู้เสื้อผ้า
แต่คำหวานที่เคยปรนเปรอ
กดเอาไว้ลึกสุดใจ
ก็ยังวนเวียนมาตอกย้ำ
“เขาว่ากันว่า ถ้าอยากให้รักมั่นคง
ต้องสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย
นิ้วที่ตรงกับหัวใจที่สุด”
ไหนจะถ้อยคำ ผูกมัดใจ
“ตีตราจองไว้ก่อนนะครับ
อยู่ห่างกันอย่างนี้ไม่ดีเลย”
ห่างกันอย่างนี้ไม่ดี
แล้วทำไมเฮียยังพยายามออกห่างจากผมไปอีก
“เฮียหน่อย รับโทรศัพท์ครับ”
ไอ้น้องนิวตะโกนเรียก
“เออ เออ”
ร้อยวันพันปี ไม่เคยจะมีคนโทรฯหา
นอกจากครั้งที่เฮียปาน ให้ไปรับรูป
“หวัดดีครับ หน่อยพูดครับ”
“พี่เองนะคะ โทรฯจากบ้านคุณมี่”
ใจเต้นแรง
พี่แม่บ้าน บ้านเฮีย
ผมเคยให้เบอร์บ้านไว้
เมื่อตอนที่ร้อนรนอยากรู้ทุกความเป็นไป
“คุณมี่เธอกลับบ้านต่างจังหวัดไปแล้วนะคะ มีเพื่อนไปด้วยหลายคน
เธอว่าจะไปช่วยงานเพื่อนเก่า วันเกิดโรงเรียนอะไรนี่แหละค่ะ”
อ๊ะ เฮียกลับมาแล้ว
อะไร ยังไง
ตื่นเต้น ทำอะไรไม่ถูก
ความดีใจเกิดขึ้น คับแน่นในอก
แต่เอ๊ะ
เฮียไม่บอกผมสักคำ
ไม่ว่าจะช่องทางไหนๆ
หรือ
เฮียบอกอ้อมๆผ่านพี่แม่บ้าน
“คุณมี่เธอห้ามบอกน้อง
อย่าบอกว่ารู้จากพี่นะคะ เธอจะโกรธเอา
ไม่รู้ว่าทำไม เรื่องอะไรเธอก็ไม่อยากให้น้องรู้
ลองคุยกันนะคะ โกรธกันนานไปแล้ว”
ความหวังอันน้อยนิด
ว่ายังเป็นที่รัก
ปลิดปลิวจากไป
“ลองคุยกันนะ โกรธกันนานไปแล้ว”
คนนอก ยังบอกว่านาน
แล้วคนรออย่างผม.....หล่ะ
คุยกันเหรอ
ทางไหน
หลบเลี่ยงผม ขนาดนั้น
ผมจะพยายามไปเพื่ออะไร
นอกจากตอกย้ำใจช้ำๆ
วันเกิดโรงเรียน
จะจัดขึ้นในเดือนสุดท้ายของปี
เป็นประจำทุกปี
นร.ทุกระดับชั้น จะส่งการแสดงมาประชันกัน
เป็นที่สนุกสนาน
มีการขายโต๊ะจีนให้แก่ผู้ปกครอง
และผู้มีจิตศรัทธา
เพื่อนำรายได้มาพัฒนาการเรียนการสอน
จึงมีทั้ง
ศิษย์ปัจจุบัน
ศิษย์เก่า
แม้กระทั่ง ไม่ได้เป็นลูกศิษย์ ที่รร.
งานเริ่มตั้งแต่เช้า เป็นกิจกรรมภายใน
ตั้งแต่ทำบุญตักบาตร
ผอ.ให้โอวาท
มอบทุนต่างๆแก่นร.
ตัวแทนนร.ที่สร้างชื่อเสียงขึ้นกล่าวผลงาน
มีการออกร้านของบรรดาชมรมต่างๆ
ตอนบ่ายเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามา
งานมีต่อเนื่องไปจนถึง
ช่วงที่ทุกคนรอคอย
งานแสดงบนเวที
ท่ามกลางแสงสี ยามค่ำคืน
แขกเหรื่อนั่งตามโต๊ะ
เด็กๆยืนออกันเป็นกลุ่มทั่วบริเวณจัดงาน
ต้นไม้ใหญ่น้อยถูกตกแต่ง ประดับประดา
แสงระยิบระยับจากหลอดไฟ
แม่ค้าหาบเร่ แผงลอย
รถเข็นบรรทุกของเล่น รอเด็กๆรบเร้าผู้ปกครองมาอุดหนุน
นร.ที่ไม่มีหน้าที่ ก็มักจะอาสาช่วยเสริฟ์
อาหารจะเป็นความรับผิดชอบของเด็กร้านโต๊ะจีน
เครื่องดื่มจะป็นบทบาทของเด็กนร.
นร.ช่วยกันเชียร์ ผู้ปกครอง แขกร่วมงาน ช่วยกันซื้อ
รายได้จากการจำหน่ายเครื่องดื่ม เป็นเงินก้อนโต
นำกลับมาทำประโยชน์
แก่ลูกหลาน ของพวกเราเอง
อดมองหาไม่ได้
พะวักพะวน
ตั้งแต่เริ่มมีคนภายนอกทยอยเข้ามาในตอนบ่าย
หมุนซ้าย หันขวา
เพ่งมองไปทั่วบริเวณ
ใจห่อเหี่ยว
งานบนเวทีดำเนินไปกว่าครึ่งทาง
ไม่เกิน2ชั่วโมงก็คงปิดฉากลง
เดินเสริ์ฟเครื่องดื่ม ตามแต่ใครจะสั่ง
สายตาสอดส่ายไปทั่วบริเวณงาน
“น้องๆ สั่งเครื่องดื่มหน่อย”
เดินไปตามเสียง และมือที่กวักเรียก
แสงจ้าบนเวทีทำให้ตาพร่า
มองเห็นไม่ชัดเจน
“น้องๆเอาโค๊กลิตร 2 น้ำส้ม1 น้ำแข็ง2”
“ครับๆ รอเดี๋ยวนะครับ”
หันหลังกลับ เมื่อรับออเดอร์เสร็จ
“เดี๋ยว...ยังไม่ครบ”
ข้อมือข้างนึงถูกยึดไว้
เสียงที่คุ้นหู
สัมผัสที่คุ้นเคย
“เฮีย”
“เฮียมี่”

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เดินเรื่องไปช้าๆ ครับผม
เพิ่มความหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
ขับเคี่ยวอารมณ์ ความรู้สึก
ความกดดันเริ่มปะทุ
ซาดิสม์ ปล่าวเนี่ย
บอกผมทีครับ
