SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง
กฎของปีหนึ่งข้อที่ 27 : จะยังมีพี่ว้ากอยู่เคียงข้างเสมอ ...อาทิตย์จำไม่ได้ว่าตัวเองวิ่งสุดฝีเท้าครั้งสุดท้ายเมื่อไร
อาจเป็นเมื่อเกือบสองเดือนก่อนที่เขาวิ่งรอบสนามฟุตบอล 54 รอบกลางสายฝน หลังจากโดนพี่ปีสี่สั่งให้ลงโทษตัวเอง
ตอนนั้นเขาวิ่งเพื่อเป็นการพิสูจน์ศักดิ์ศรีของเฮดว้ากต่อเด็กปีหนึ่งทุกคน แต่มาวันนี้...เขากำลังวิ่งเพื่อละศักดิ์ศรีของตัวเอง ต่อเด็กปีหนึ่งเพียงแค่คนเดียว
อาทิตย์กดลิฟต์ลงไปยังชั้นล่างบริเวณล็อบบี้ เร่งก้าวผ่านประตูกระจกที่มีพนักงานเปิดรอ ก่อนวิ่งลงบันไดมาตรงลานจอดรถด้านหน้าโรงแรม แม้ความมืดในช่วงเวลาสามทุ่มเป็นอุปสรรคต่อการมองหา แต่เขาก็พยายามกวาดสายตา ด้วยหวังจะพบกับใครบางคน
...หากมันว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่รอเขาตรงนั้น
ถึงจะบอกตัวเองว่าพรุ่งนี้ตอนไปมหาลัย ค่อยหาทางเคลียร์กับก้องภพก็ได้ เบอร์โทรศัพท์ก็มีเม็มไว้ในเครื่องแล้ว แต่ลึก ๆ เขายอมรับ เขากำลังกลัวว่าจะไม่มีโอกาสอีก
...เรื่องบางเรื่อง สายไปเพียงเสี้ยววินาที มันอาจเปลี่ยนแปลงไปจนยากจะกลับคืน
คิดเพียงแค่นั้น ความรู้สึกบางอย่างก็ตีตื้นขึ้นมาจนจุก เขายืนเคว้งอยู่ตรงลานจอดรถ ทั้งที่อยากจะทรุดตัวนั่งลง ...หมดแรงกายที่วิ่งมา และหมดแรงใจจะคิดทำอะไรต่อ
ป่านนี้พวกไอ้น็อตอาจกำลังเดินลงมาที่ล็อบบี้กันแล้ว หรือบางทีเขาควรจะนั่งรถไปกับพวกมัน ดีกว่าต้องโบกแท็กซี่ ต่อรถเมล์กลับหอคนเดียว เขากำลังล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความเหนื่อยใจ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยที่ทำให้หัวใจแทบหยุดชะงัก
“พี่อาทิตย์ มาทำอะไรตรงนี้ครับ”
เจ้าของชื่อหันหลังกลับมามองคนเรียกทันควัน เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เมื่อเห็นคนที่เขาตัดใจไปแล้วยืนอยู่เบื้องหน้า จนเผลอหลุดพึมพำถาม
“ก้องภพ คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอ”
ก้องภพแสดงสีหน้าลำบากใจ ด้วยคิดว่าจะไปสร้างความรำคาญให้ ก็เพราะพี่อาทิตย์คงไม่คาดว่าเขาจะยังอยู่ หากก็ยังอุตส่าห์ตอบไปตามจริง
“ครับ ผมยังไม่อยากกลับตอนนี้”
ตอนนี้ของเขา หมายความถึงตอนหลังจากจบงานแต่งงานมาหมาด ๆ แม้ใจจะร่วมยินดีในความรักของคู่บ่าวสาว ทว่าพอย้อนมองกลับในมุมของตัวเอง มันก็อดเจ็บแปล๊บขึ้นมาลึก ๆ ไม่ได้
เขารู้...ความรู้สึกของเขาที่ก่อตัวขึ้นคงยากจะยอมรับ อย่าว่าแต่ในสังคมเลย แค่ตัวตนของเขาก็ยังก้ำกึ่ง แล้วกับคนที่เขาเอาใจไปผูกด้วย จะไปเรียกร้องเร่งรัดอะไรเพิ่ม คงไม่มีทางเป็นไปได้ แต่จะห้ามไม่ให้เขาคิดอะไรเลย ก็ไม่มีทางเป็นไปได้เหมือนกัน
เขาบอกพี่เปิ้ลให้กลับกันไปก่อน เพราะเขาไม่อยากจะพาตัวเองไปนอนหอ เพื่อเฝ้ามองระเบียงห้องฝั่งตรงข้ามเพียงลำพัง สู้อยู่คนเดียวเดินใช้สมาธิทบทวนความคิดเงียบ ๆ จะดีกว่า
แต่พอคล้อยหลังจากเขายืนส่งพวกพี่เปิ้ลตรงลานจอดรถไม่ทันไร เขาก็เห็นพี่อาทิตย์วิ่งลงจากโรงแรมตรงมา แล้วมองซ้ายขวาเหมือนพยายามตามหาคน เขานึกว่าพี่อาทิตย์จะรีบตามพี่น็อตไปขึ้นรถ ทว่าเขาก็ยังเห็นพี่อาทิตย์ยืนอยู่อย่างนั้น จนอดห่วงไม่ได้ กระทั่งต้องเดินเข้ามาทัก
หากบางทีมันคงสร้างความอึดอัดใจให้พี่อาทิตย์จริง ๆ เพราะตอนเจอกันในงานแต่ง พี่อาทิตย์ยังทำท่าเกร็ง ๆ เวลาคุยกับเขา จะเป็นเพราะพี่อาทิตย์รู้สึกรังเกียจ หรือเพราะอะไรก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่อยากให้พี่อาทิตย์ต้องมาฝืนใจกัน
ครั้งนี้ก็ไม่ต่าง... เขาน่าจะเตือนตัวเองก่อนที่อยู่ ๆ จะเดินมาทักพี่อาทิตย์ ตอนนี้เจ้าตัวเลยเอาแต่ยืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมพวกเขาไว้ ในเมื่อรู้ตัวว่าความผิดอยู่ที่ใคร เขาก็น่าจะเป็นฝ่ายไป...
ก้องภพถอนหายใจเบา ๆ เตรียมจะหมุนตัวเดินออกไปอีกทางโดยไม่เอ่ยคำลา ทว่ายังไม่ทันขยับ เสียงจากคนตรงหน้ากลับเปรยถามสั้น ๆ
“คุณหิวมั้ย”
ประโยคแบบไม่มีที่มาที่ไปทำให้ก้องภพเลิกคิ้วงง ๆ
...มันก็จริงอยู่ว่าเขาอาจหิวนิดหน่อย ถึงงานแต่งพี่ตั้มพี่ฝนจะจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน แต่เขาก็ไม่ได้กินเยอะแยะอะไรเท่าไร แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือ พี่อาทิตย์จะถามไปทำไม หรือมันจะเป็นรูปแบบเดียวกันกับเมื่อครั้งที่พี่อาทิตย์ถามเขาว่าสบายดีมั้ย โดยที่พี่ไม่รู้เลยว่าการทำเหมือนห่วงกันอย่างนี้ มันจะยิ่งสร้างความหวังให้เขาเพิ่มไปอีก
ก้องภพตั้งใจจะอธิบายให้เจ้าตัวเข้าใจอีกครั้ง ทว่ายังไม่ทันขยับปาก คู่สนทนาดันเป็นฝ่ายชิงพูดสรุปด้วยความรวดเร็ว
“ผมหิว ไปหาอะไรกินเป็นเพื่อนผมหน่อย”
จบคำ คนหิวก็หันหลังก้าวเดินออกไปจากลานจอดรถทันที ทิ้งให้คนมึนงงประมวลผลในข้อความที่ได้ยิน ซึ่งแปลออกมาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังชวนเขาไปด้วยหาอะไรกินด้วยกัน
แม้จะยังไม่เข้าใจในการกระทำของพี่อาทิตย์ แต่ก้องภพก็ไม่อาจห้ามขาตัวเองให้ก้าวตามหลังไปต้อย ๆ มุ่งหน้าออกจากในซอยโรงแรม เดินไปยังถนนสายหลักซึ่งมีรถวิ่งอยู่ประปรายเป็นระยะทางพอสมควร ก่อนจะถึงร้านชายสี่หมี่เกี๊ยวที่เปิดขายโดยยึดฟุตบาทเป็นที่วางโต๊ะเก้าอี้ มีลูกค้านั่งอยู่สองสามคน
ก้องภพนั่งลงตามพี่อาทิตย์ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ก่อนพี่ผู้ชายคนขายก๋วยเตี๋ยวจะเดินมารับออเดอร์ ซึ่งคนชวนก็เอ่ยสั่งอย่างรวดเร็วเป็นคนแรก
“เฮีย ผมเอาบะหมี่เกี๋ยวต้มยำพิเศษครับ”
“งั้นของผมเอาเส้นเล็กน้ำใสลูกชิ้นครับ”
เมนูประจำที่เขาสั่ง ตอนแรกเขานึกว่าพี่อาทิตย์จะแอบกลั้นขำ หากคนตรงข้ามกลับไม่ได้พูดว่าอะไร แค่ขยับมือคลายปมเนคไทด์จากเสื้อเชิ้ต ซึ่งเขาเองก็เพิ่งนึกได้เหมือนกันว่ากำลังแต่งตัวด้วยสูทเต็มยศมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ข้างทาง มิน่าคนโต๊ะอื่นถึงมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ แต่พี่อาทิตย์ก็คล้ายจะไม่แคร์อะไร หรือไม่แน่ที่พี่อาทิตย์ชวนเขา เพราะอาจแค่กำลังหิวจริง ๆ
ความสับสนมากมายเริ่มก่อตัวขึ้นในสมอง แต่เขาไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง จึงได้แต่ปล่อยให้ก๋วยเตี๋ยวสองชามมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ
...ชามหนึ่งบะหมีเกี๊ยวต้มยำ ชามหนึ่งเส้นเล็กน้ำใส มันชวนให้หวนคิดถึงภาพซ้อน เมื่อครั้งเขาได้ไปกินก๋วยเตี๋ยวกับพี่อาทิตย์ครั้งแรก แล้วถูกเจ้าตัวสลับเปลี่ยนชามแลกกัน ด้วยเหตุผลว่าอยากให้เขาลองรสชาติใหม่ ๆ และพี่อาทิตย์ก็ตั้งใจสั่งมาให้เขา
...เหตุผลง่าย ๆ แต่กลับทำให้เขาใจสั่น จนกลายเป็นความหวั่นไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ
หากคราวนี้ เหตุการณ์เหมือนเดจาวูคงไม่ย้อนกลับมา เพราะคนสั่งบะหมี่ต้มยำดึงชามของตัวเองไปกระหน่ำใส่พริกป่นเพิ่ม แล้วลงมือคีบเส้นใส่เข้าปากอย่างไม่เสียเวลาพูดพล่ามทำเพลง
ก้องภพเลยต้องหันมาจัดการกับเมนูตัวเองบ้าง เขาคีบลูกชิ้นที่เขาชอบกินเป็นอันดับแรก บางคนอาจจะเก็บของโปรดไว้สุดท้าย แต่เขากลับชอบกินมันไปพร้อม ๆ กันกับเครื่องอย่างอื่น และท่าทางการกินของเขาคงไปสะดุดใจคนนั่งอีกฝั่งหนึ่ง จนต้องเปรยถาม
“คุณชอบกินลูกชิ้นเหรอ”
“ครับ”
ก้องภพพยักหน้ารับ กำลังก้มหน้าคีบเส้นในชามกินต่อ หากอยู่ ๆ ตะเกียบปริศนา ซึ่งคีบลูกชิ้นอีกลูก ก็มาวางหล่นใส่ในชามของเขาพร้อมคำพูด
“อ่ะ เอาไป”
....กี่ครั้งกันแล้วที่พี่อาทิตย์ชอบทำแบบนี้
...ชอบทำเหมือนไม่แคร์จนเขาอยากจะตัดใจ แล้วสุดท้ายก็มาให้ความหวังกัน ไอ้นิสัยตบหัวแล้วลูบหลัง แก้ยังไงก็ไม่เคยหาย ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะทำใจให้ชินกับนิสัยนี้ของพี่อาทิตย์ แต่สุดท้ายเขายังเป็นคนเดิมโง่ ๆ ที่ชอบคิดอะไรไปเอง แล้วก็ต้องเป็นฝ่ายเจ็บเองภายหลัง
...เจ็บกับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่ไม่เคยชัดเจน
“พี่อาทิตย์จะทำแบบนี้กับผมทำไมครับ”
“ทำอะไร”
“พี่ไม่รู้จริง ๆ หรือพี่แกล้งทำเป็นไม่รู้ครับ”
มือที่กำลังคีบเส้นบะหมี่ชะงักไปเล็กน้อย แต่แล้วมันก็ขยับขึ้นมาใหม่ ปล่อยให้คำถามนั้นลอยไปกับอากาศ จากการถูกแทนทีด้วยอีกเรื่อง
“ไม่รีบกิน เดี๋ยวเส้นก็อืดหรอก”
ก้องภพมองคนเปลี่ยนประเด็น ซึ่งยังคงง่วนอยู่กับชามบะหมี่โดยไม่สนใจอะไร คล้ายต้องการจะเลี่ยงสนทนา หากการกระทำนี้มันเป็นการให้คำตอบแน่ชัดว่า
...พี่อาทิตย์รู้อยู่แล้ว
...รู้ ว่าเขาหมายความแบบไหน แต่ก็ยังเลือกจะทำ เลือกที่จะยังสร้างความสับสนให้เขา บางทีพี่อาทิตย์ก็ยอมให้เขาอยู่ใกล้ แต่บางทีก็ผลักให้ห่างออกไป จนตอนนี้เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองสมควรยืนอยู่ตรงจุดไหน และคนเดียวที่ตอบคำถามเขาได้มีเพียงคนเดียว
...เขาอยากจะรู้ ...พี่อาทิตย์กำลังคิดอะไรอยู่
กระนั้นมันคงไม่มีประโยชน์ที่จะซักไซ้ ตราบใดที่เจ้าตัวไม่ยอมรับฟัง
ก้องภพจึงตัดใจ ก้มลงไปกินก๋วยเตี๋ยวต่ออีกครั้ง จวบจนอิ่มหนำทั้งคู่ ก่อนเรียกจ่ายเงินของใครของมันเรียบร้อย แล้วพี่อาทิตย์ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินนำออกไปจากร้าน
ตอนแรกเขานึกว่าพี่อาทิตย์จะเดินไปหาแท็กซี่หรือขึ้นเมล์ แต่ก็เปล่า...
พี่อาทิตย์ยังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ โดยมีเขายังคงก้าวตามมาด้านหลัง ระยะทางไกลแค่ไหนเขาไม่ได้นับ พอรู้ตัวอีกทีเบื้องหน้าของพวกเขาก็คือสะพานพระราม 8 ที่เปิดไฟสวยตัดความมืดของกรุงเทพ
ทว่าพี่อาทิตยก็ยังคงไม่หยุดเดิน ก้าวนำขึ้นไปบนสะพาน ด้านซ้ายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านขวาเป็นถนนซึ่งมีรถวิ่งผ่านไปเป็นระยะ ลมพัดผ่านต้องกายมาให้พอเย็น ๆ แต่โชคดีที่เขาสองคนใส่เสื้อสูทจนเต็มยศเลยไม่หนาวเท่าไร อีกทั้งก็เดินมาไกลจนถึงหนึ่งในสี่ของสะพาน
...มันเป็นการเดินเงียบ ๆ ไร้คำพูดใด ๆ ปล่อยช่องว่างให้พวกเขาได้คิดทบทวน ถึงคำถามและค้นหาคำตอบของตัวเอง
และคนที่ค้นเจอคนแรกกลับเป็นอาทิตย์ ซึ่งหยุดเดินหันมองคนที่ยังคงก้าวตามหลังมานาน โดยไม่หนีหายไปไหน พลางถามสั้น ๆ
“คุณเหนื่อยมั้ย”
เป็นคำแสดงความห่วงใยเหมือนที่ก้องภพเคยได้ยินอีกครั้ง และเขาก็ตอบกลับด้วยการส่ายศีรษะปฏิเสธ
“ไม่ครับ”
ทว่าแทนทีอาทิตย์จะเปลี่ยนเรื่อง คนพูดกลับเงยหน้าสบตาของก้องภพโดยตรง ซ้ำยังคงย้ำขยายความหมายด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง
“ถามจริง...คุณไม่เหนื่อยเหรอที่มาเดินตามผมแบบนี้ เดินโดยที่ไม่รู้ว่าจะผมจะไปไหน จะหยุดเมื่อไร”
...มันไม่ใช่คำถามเพราะห่วง แต่มันเป็นคำถามที่แฝงอะไรมากไปกว่านั้น และเป็นสิ่งเดียวกันกับที่เขาเฝ้าคิดกับตัวเองหลายต่อหลายครั้งแล้ว
...เขาพร้อมรึเปล่าที่จะเดินไปบนหนทางนี้ กับความสัมพันธ์ที่ไม่มีบทสรุปแน่นอน ไม่รู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดตรงไหน ถ้าสักวันหนึ่งเขาก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างกันลงไป แล้วไม่มีวันจะกลับมาเป็นเหมือนเก่า มันอาจจะต้องเจ็บปวดกว่านี้ เขาจะแบกรับมันไหวรึเปล่า จะยอมรับความจริงได้มั้ย หากสุดท้ายเขากับพี่อาทิตย์ต้องกลายเป็นคนอื่น
...มันไม่ง่ายเลยสำหรับการทำใจให้กล้า แต่ก็มันไม่ง่ายเช่นกัน ถ้าจะยอมปล่อยมือจากคนที่ทำให้ใจหวั่นไหว
ก้องภพมองสบตาพี่อาทิตย์นิ่ง ก่อนตัดสินใจ เอ่ยคำยืนยันหนักแน่นมั่นคงในสิ่งที่เขาเลือก...
“ต่อให้ไม่รู้ว่าจะเจออะไร หรือต่อให้มันไกลแค่ไหน ผมก็ยังอยากเดินอยู่ข้างพี่อาทิตย์ครับ”
สิ่งที่อยากบอกก็พูดมันออกมาชัดเจนแล้ว ที่เหลือก็แค่รอฟังผลจากคนซึ่งนิ่งเงียบไปเหมือนกำลังใช้ความคิด พลางเบือนหน้าหลบทอดสายตามองไปยังแม่น้ำ ก่อนจะเอ่ยย้ำ
“คุณรู้ใช่มั้ยว่า ผมเป็นผู้ชาย แล้วคุณก็เป็นผู้ชาย”
“ครับ”
“คุณรู้ใช่มั้ยว่า ผมเป็นรุ่นพี่คุณ ส่วนคุณเป็นรุ่นน้อง”
“ครับ”
พวกเขาสองคนต่างชัดเจนในเพศสภาพ และสถานะของตัวเอง ทั้งพี่อาทิตย์เองก็แสดงออกมาตลอดว่าเป็นลูกผู้ชายที่รักศักดิ์ศรีของเฮดว้าก การมีรุ่นน้องผู้ชายมาคิดอะไรเกินเลยแบบนี้ ก็คงทำใจยากจะยอมรับ แต่เขาห้ามความรู้สึกดี ๆ ที่มันเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าพี่อาทิตย์จะรังเกียจและปฏิเสธเขาด้วยเหตุผลนี้
...เขาก็มีแต่ต้องก้มหน้ายอมรับเท่านั้น
หัวใจของก้องภพเริ่มหนักอึ้ง เมื่อตระหนักถึงความจริงซึ่งตอกย้ำความห่างไกล ในนาทีที่เขาคิดว่าพี่อาทิตย์จะตัดเยื่อใยกัน ทว่าพี่อาทิตย์กลับเอ่ยถามมาอีกครั้ง
“คุณรู้ใช่มั้ยว่า ผมชอบกินนมเย็น”
ประโยคประหลาดสุดท้ายทำให้ก้องภพเงยหน้ามอง ทันเห็นคนตรงข้ามหันหน้ากลับมาหา ก่อนจะพูดโพล่งเหมือนระบายด้วยความอัดอั้น
“คุณรู้ใช่มั้ยว่าบางทีผมก็โคตรงี่เง่า ใจร้อน ขี้โวยวาย นอนตื่นสาย ทำตัวไร้สาระ ...ถ้าคุณรู้แล้ว คุณยังจะรับผมที่เป็นแบบนี้ได้จริง ๆ เหรอ”
ก้องภพนิ่งงัน ไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งที่เขากังวล พี่อาทิตย์เองก็กังวลไม่แพ้กัน ด้วยต่างก็พยายามยอมรับตัวตนของกันและกัน แต่สำหรับเขา เขาไม่จำเป็นต้องลังเล เพราะเขารู้ทั้งหมดนั้นอยู่ก่อนแล้ว
“ครับ ผมรับได้ครับ แล้วพี่อาทิตย์ล่ะครับ รับผมได้รึเปล่า”
เขาถามอย่างมีความหวังมากขึ้นกว่าเดิม หากบทสนทนาต่อมาทำให้ใจที่เคยพองเริ่มร่วงหล่นอีกครั้ง
“ผมยังไม่รู้จักคุณดีเลย”
...ไม่แปลกที่พี่อาทิตย์ลังเล ...แค่ช่วงเวลาสามเดือนที่เขารู้จักกับพี่อาทิตย์ ระยะเวลาคงน้อยเกินไป แต่ไม่ทันที่เขาจะพูดแก้ต่างอะไร เจ้าตัวกลับเป็นฝ่ายเอ่ยคำตอบขึ้นมาแทน
“แต่ผมอยากรู้จักคุณให้มากขึ้นนะ”
เพียงคำสั้น ๆ แต่มีอานุภาพมากพอให้ก้องภพเบิกตากว้าง แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง จนต้องถามซ้ำอีกรอบ
“พี่อาทิตย์หมายความว่ายังไงครับ”
และโดยไม่ทันรู้ตัว เทคไนด์ของก้องภพถูกเข้าไปใกล้ร่างคนตรงข้าม ก่อนเขาจะสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มตรงริมฝีปาก
...จูบแผ่วบาง ทว่าติดตรึงอยู่ในใจเนิ่นนาน
เพียงชั่ววินาที อีกฝ่ายถึงค่อยละออก พร้อมกับที่เขาได้ยินเสียงพึมพำสั้น ๆ
“คำตอบผม”
จบคำ อาทิตย์ก็เดินพรวดไปยังทิศทางลงสะพานทันที ปล่อยให้ก้องภพซึ่งเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง มีรอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้า แล้วเขาจึงหันหลังไปตะโกนรั้ง
“เดี๋ยวครับพี่อาทิตย์ ผมได้ยินคำตอบพี่ไม่ชัด ขออีกทีได้มั้ยครับ”
“ไม่เอาแล้วโว้ย!!”
เสียงโวยวายดังขึ้นตอบทันควัน ก้องภพหัวเราะพลางเร่งฝีเท้าเดินไปข้าง ๆ โดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาเหมือนเคย พวกเขาเดินกันอยู่เงียบ ๆ หากบางครั้งความเงียบก็ดูเหมือนจะเชื่อมโยงพวกเขาไว้ ในแบบที่คำพูดพูดไม่ได้
...เพราะอย่างน้อย ตอนนี้สิ่งที่พวกเขารู้ดีในใจ คือ สถานะอันแน่ชัดแล้วว่า พวกเขาควรอยู่ตรงไหนระหว่างกันในความสัมพันธ์
...แค่ได้เป็น ‘คนที่เดินข้างกันและกัน’ ไปแบบนี้
...เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
...แล้วพบกันในตอนหน้า ‘ตอนสุดท้าย’ ของพี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่งค่ะ